สามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 19
หน้าคอนโดสุพรรณิการ์ตอนเย็น วัชระมองซ้ายมองขวาก่อนจะก้าวลงจากรถ สำรวจเพื่อความปลอดภัยว่าบริเวณนั้นไม่มีเนตรนภัส ก่อนจะเดินเข้าไปในคอนโด
วัชระกดออดอยู่ที่หน้าห้องสุพรรณิการ์ ครั้งแรก เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ วัชระกดอีกครั้ง เงียบอีก.. วัชระคิด
และกดอีกเป็นครั้งสุดท้ายพลางคิด
“หายไปไหนของเค้า”
หน้าเอ็มกรุ๊ป เห็นขบวนรถช่วยน้ำท่วม ทยอยขับกลับเข้ามาที่หน้าบริษัทในเวลาเย็น เมื่อรถตู้พนักงานจอดเทียบ เบญลี่และพนักงานคนอื่นๆ ทยอยลงจากรถ
เบญลี่ลงจากรถแล้วบิดขี้เกียจเล็กน้อย
“เฮ่อ... เมื่อยมั่กๆ !! ต้องการคนนวดด่วน”
อีกมุมหนึ่งกริชชัยกำลังเดินมาที่รถตู้ของพนักงาน หลังจากที่มองซ้าย มองขวาไม่เห็นหาอรุณศรี กริชชัยจึงหันมาถามเบญลี่
“คุณเบญลี่..อรุณศรีล่ะ”
“แป๊บนะคะบอส” เบญลี่พูดแล้วชะโงกเข้าไปในรถตู้ ไม่พบอรุณศรี
“เมื่อกี้ยังนั่งมาด้วยกัน แต่ตอนนี้ไม่ทราบไปไหนแล้วค่ะ”
กริชชัยขมวดคิ้วนิดๆ อดแปลกใจไม่ได้ กริชชัยกวาดสายตามองหาอีกที เห็นอรุณศรีกำลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว -กริชชัยบอกเบญลี่
“เจอแล้ว !! อ้อ...ผมฝากคุณเบญลี่ดูแลพนักงานด้วย ใครที่ไม่มีรถเข้าบ้านก็ให้รถตู้ไปส่ง ส่วนใครที่บ้านโดนน้ำท่วมให้เค้าย้ายมาพักที่บริษัทได้ ผมให้แม่บ้านจัดห้องประชุมใหญ่เป็นที่พักไว้แล้ว ฝากด้วยนะ”
กริชชัยพูดจบรีบวิ่งตามอรุณศรีไปทันที เบญลี่รับคำแทบไม่ทัน
“ค่ะๆ..ได้ค่ะ”
กริชชัยวิ่งตามอรุณศรีไปแล้วด้วยความร้อนใจ เบญลี่มองตามแล้วยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้นพลางหัวเราะคิกคัก
“วันนี้บอสออกตัวแรงวุ้ย อยากรู้ไอ้แอ๊วจะใจแข็งไปได้สักแค่ไหน”
อรุณศรีเดินถือกระเป๋าเดินออกมาที่ริมถนนหน้าบริษัทพอดี กริชชัยวิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมตะโกนเรียก
“อรุณศรี”
อรุณศรีได้ยินเสียงกริชชัยเรียกก็หันไป
“เธอจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ขอบคุณค่ะ..แต่ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมีคนมารับ”
กริชชัยหน้าเสียเล็กน้อย ในใจอยากถามว่าใคร แต่ปากหนักจึงไม่ถาม
ทันใดนั้นรถสุพรรณิการ์ก็เข้ามาจอดเทียบ พร้อมกับบีบแตรเรียก กริชชัยและอรุณศรีหันไป สุพรรณิการ์ลดกระจกมาแล้วโบกมือทักทาย
“สวัสดีค่ะ คุณกริชสุดหล่อ”
กริชชัยยิ้มรับเสียงทักทายด้วยความโล่งอก
“สวัสดีครับ ที่แท้ก็คุณฝ้ายมารับนี่เอง”
“ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ “ อรุณศรีกำลังจะเดินไปที่รถสุพรรณิการ์
“เดี๋ยวก่อน..”
อรุณศรีหันมา กริชชัยพูดด้วยความเขิน
“เรื่องที่เราคุยกันเมื่อวาน เรื่องที่ผมชอ..”
กริชชัยยังพูดไม่จบ อรุณศรีพูดแทรกขึ้น
“ฉันไม่ลืมค่ะ” กริชชัยยิ้มนิดๆ ก่อนที่อรุณศรีพูดต่อ
“เรื่องฝ้ายกับคุณวัชใช่มั้ยคะ”
กริชชัยถึงกับหุบยิ้มทันที
“ฉันจะทำตามที่รับปากคุณไว้ ฉันจะบอกฝ้ายให้ระวังตัว”
กริชชัยอ้าปากจะพูดอีก อรุณศรีรีบตัดบททันที
“ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
อรุณศรีพูดจบก็หันหลังเปิดประตูขึ้นรถสุพรรริการ์ กริชชัยได้แต่มองตามด้วยรอยช้ำที่โดนปรานต์ชกยังมีให้เห็นอยู่ที่ใบหน้า อรุณศรีกดกระจกค่อยๆเลื่อนปิด กริชชัยยืนหน้าเจื่อนๆอยู่ริมถนน สุพรรณิการ์โบกมือล่ำลา
“หน้าคุณกริชไปโดนอะไรมาวะ ช้ำๆ เหมือนโดนชก ไอ้แอ๊ว ! เล่ามาเลย”
สุพรรณิการ์พูดด้วยความอยากรู้อย่างเต็มที่
อรุณศรีเปิดน้ำก๊อกใส่กาละมังอย่างแรง พร้อมกับเทน้ำยาซักผ้า เสียงสุพรรณิการ์ยังโวยวายอยู่ข้างๆ
“ไอ้ปรานต์ที่มันวอนติดคุกจริงๆ นี่ถ้าฉันโดนชกแบบคุณกริช ฉันแจ้งความไปแล้ว นี่ถามจริงเจอขนาดนี้ แกยังจะทนคบอยู่อีกหรือเปล่า”
อรุณศรีกำลังแยกผ้าออกจากกระเป๋า เสื้อผ้าใหญ่ๆ ใส่เครื่อง ส่วนชุดชั้นในใส่กาละมังพลาสติก อรุณศรีคุยไปคัดผ้าไปตามประสาสาวๆ
“กำลังตัดสินใจอยู่..”
“แกยังจะต้องตัดสินใจอะไรอีกหะ ที่เห็น ที่เป็นอยู่ มันยังไม่พอหรือไง เพื่อนฉันเขาขึ้นเปล่าวะเนี่ย” สุพรรณิการ์พูดพลางแหวกหัวของอรุณศรี อรุณศรีปัดมือสุพรรณิการ์
“ฉันไม่ได้โง่ ฉันแค่มีสติ”
สุพรรณิการ์ผงะ
“โห..ออกแนวปรัชญา ... แต่มันแปลว่าอะไรวะ”
“ก็ฉันกำลังพิจารณาด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ ตอนนี้ฉันโกรธ ฉันไม่พอใจ และฉันก็อาย กับสิ่งที่ปรานต์ทำแต่มันไม่ใช่เหตุผลที่ฉันจะเลิกกับเค้า มันต้องมีเหตุผลที่มากกว่านั้น”
สุพรรณิการ์ยื่นหน้าเข้ามาหาอรุณศรี
“คุณกริชไง.. ทั้งดีกว่า รวยกว่า เลิกกับมันแล้วไปหาคนใหม่ที่ดีกว่า!! นี่แหละเหตุผลที่ดีที่สุด”
“ดียังไง” อรุณศรีเสียงนิ่งพลางอธิบายต่อ
“แกคิดดู ถ้าคนที่แกชอบมีแฟนแล้ว พอเค้ารู้ว่าแกชอบเค้า ก็เลิกกับแฟนมาคบกับแก แล้วแกจะแน่ใจได้ยังไงว่าสักวันเค้าจะไม่ทิ้งแกไปคบกับคนอื่น”
สุพรรณิการ์ชะงักคิด
“ถ้าฉันรีบทิ้งปรานต์วิ่งไปหาคุณกริช สุดท้ายฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงที่ไม่มีค่าในสายตาเค้า ฉันอยากจะเคลียร์ให้จบที่ละเรื่องไม่เอามาปนกัน ถ้าเค้ารอฉันได้..ก็ค่อยว่ากัน”
“แกคิดมากไปเปล่า ? คุณกริชเค้าอาจจะไม่คิดแบบนั้นก็ได้” สุพรรณิการ์พูดพลางกอดอก
“คิดมากก็ดีกว่าไม่คิด ฉันไม่อยากทำผิดเพราะคิดน้อยเกินไปจนตัวเองต้องเป็นทุกข์”
สุพรรณิการ์ส่ายหน้า ไม่เห็นด้วย อรุณศรียื่นหน้าเข้ามา
“เหมือนกับที่แกกำลังเป็นอยู่ตอนนี้”
สุพรรณิการ์สะดุ้งร้องเฮ้ยพลางยืดตัวตรง เอามือที่กอดอกอยู่ และเถียง
“อาราย ใครทำไม่คิด”
อรุณศรีเปลี่ยนจุดยืนจากที่โดนสุพรรณิการ์ต้อน กลายมาเป็นคนต้อนเสียเอง
“ก็แกน่ะสิ เรื่องไปดูคอนเสิร์ตกับคุณวัช ฉันบอกแล้วว่าไม่จบง่ายๆ .. เป็นไงล่ะ”
สุพรรณิการ์ลอยหน้าไม่สนใจ อรุณศรีพูดต่อ
“ไม่ต้องมาทำลอยหน้าเลย..แกนั่นแหละผิด..แล้วแกก็ต้องไปขอโทษคุณแหนม”
“ฉันเนี่ยนะต้องไปขอโทษ”
สุพรรณิการ์ตาโตไม่เห็นด้วยกับอรุณศรีอย่างแรง
อรุณศรีเดินกลับเข้ามาในบ้าน เห็นกระดาษโน้ตของโอบบุญติดอยู่ที่ประตูตู้เย็น
“แอ๊ว มีสลัดผลไม้อยู่ในตู้เย็น น้ำสลัดวางไว้ข้างๆ ชิมแล้วบอกพี่ด้วยว่าอร่อยหรือเปล่า ... ”
อรุณศรีเดินเข้ามาใกล้ตู้เย็นและปรายสายตาอ่านแล้วก็เปิดตู้เย็น หยิบชามผลไม้ที่หั่นไว้
อย่างสวยงามพร้อมกับขวดสลัดออกมา ขณะที่สุพรรณิการ์ยังโวยวายตามมาไม่หยุดปาก
“ต้องขอโทษทำไม ฉันไม่ได้ทำผิดสักหน่อย”
อรุณศรีวางชามผลไม้ลงบนโต๊ะ แล้วก็พูดขึ้น
“แกกำลังทำบาป หัวอกผู้หญิงเหมือนกัน แกไม่เห็นใจคุณแหนมหรือไง”
“ฉันเห็นใจ แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าฉันคิดจะแย่งนายวัชระมาก็ว่าไปอย่าง ฉันก็แค่ไปตามคำชวนแค่ครั้งเดียว และก็ไปกันแบบเพื่อน”
อรุณศรีส่ายหน้าแล้วก็หันไปหยิบน้ำสลัดมาเทใส่ผลไม้ สุพรรณิการ์พูดต่อ
“โอเค..ตอนแรกฉันกับเค้าอาจจะไม่ค่อยชอบขี้หน้ากัน แต่พอคุยกันดีๆ ด่ากันน้อยลง มันก็พอไหว ยิ่งฉันกับเค้าชอบเพลงเก่าเหมือนกัน มันก็ยิ่งคุยกันถูกคอ..มันก็แค่นั้นเอง”
สุพรรณิการ์พูดอย่างมั่นใจ แต่อรุณศรีในฐานะผู้มีประสบการณ์ความรักมากกว่า ก็พูดทักขึ้นอย่างนิ่งๆ
“ฝ้าย..ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี...งานนี้แกต้องถอยออกมาให้ห่างที่สุด”
“คนไม่ผิดทำไมต้องถอยวะ ถอยทำไม เอาความจริงมาสู้กันสิ ไอ้เรื่องอารมณ์หึงของผู้หญิงฉันก็เข้าใจ แต่อย่ามาหึงฉัน มันผิดคน”
อรุณศรีมองหน้าสุพรรณิการ์พลางจิ้มผลไม้กินไป สุพรรณิการ์ยังไม่ยอมรับ!!
“ถ้าแกไม่เคลียร์กับคุณแหนม แล้วเค้าตามมาเล่นงาน แกจะทำยังไง”
“ฉันจะไม่ทำอะไรเลย..เพราะฉันไม่ผิด ! ถ้าเค้าจะเล่นงานใครสักคน เค้าก็ต้องไปจัดการแฟนเค้า ดันสะเออะมาชวนฉันเอง” สุพรรณิการ์พูดหน้าตาเฉย
“สรุป.. คุณวัชผิดที่มีแฟนแล้วแต่มาชวนแก แต่แกรู้ว่าเค้ามีแฟนแล้วไป ... ไม่ผิด”
“แน่นอน นายวัชระผิดเต็มๆ ที่เป็นต้นเหตุทำให้ผู้หญิงสองคนต้องมาทะเลาะกัน คอยดูนะ ถ้าฉันเจอหน้าจะฃ
อฟาดกบาลสักทีสองที โทษฐานนำความเดือดร้อนมาให้ฉัน”
สุพรรณการ์พูดด้วยความแค้นนิดๆ อรุณศรีส่ายหน้า
“ถ้าแกไม่ไปขอโทษคุณแหนม แล้วแกจะทำไงต่อไป”
“ไม่ทำไง แล้วก็ไม่หนีด้วย ฉันอยู่ของฉันดีๆ ไม่เคยคิดจะระรานใคร แต่ถ้ามาหาเรื่องก่อน ฉันสวนกลับแน่”
สุพรรณิการ์ประกาศอย่างเด็ดขาด!! อรุณศรีมองหน้าสุพรรณิการ์แล้วแอบกังวล..สังหรณ์ใจว่าเรื่องคงจะไม่จบง่ายๆ
เย็นนั้น สุพรรณิการ์เดินเข้ามาในร้านสาดสุรา พนักงานรีบเดินมารายงานทันที
“คุณฝ้ายครับ..มีแขกมารอพบครับ”
สุพรรณิการ์ขมวดคิ้วพลางถาม “ใคร” สุพรรณิการ์แอบคิดว่าเป็นเนตรนภัสแน่ๆ ที่แท้...
วัชระยืนรออยู่หน้าห้องทำงานสุพรรณิการ์
“ไอ้ธีมันโทร.มาบอกผมเรื่องแหนม .. ผมก็เลยรีบมาดูว่าคุณเป็นยังไงบ้าง”
“มาก็ดีแล้ว” สุพรรณิกาณ์บอกแล้วหันไปคว้าไม้ตีแมลงวันที่วางอยู่แถวนั้น มาตีหัววัชระอย่างแรงหนึ่งโป้ก!
“โอ้ย! นี่คุณมาตีหัวผมทำไม”
“โทษฐานทำให้ฉันซวยน่ะสิ”
วัชระหน้าจ๋อยๆยอมรับผิด สุพรรณิการ์ใส่ต่อ
“ถามจริง คุณรู้หรือเปล่าว่าแฟนคุณเป็นคนขี้หึงแบบไร้เหตุผล”
“ก็รู้”
“แล้วรู้หรือเปล่าว่า ถ้าเค้ารู้ว่าฉันไปกับคุณแล้วฉันจะซวย”
“ก็...รู้”
“รู้แล้วยังชวนเนี่ยนะ”
วัชระนิ่ง พูดไม่ออก สุพรรณิการ์หันไปคว้าไม้จะตีอีกที คราวนี้เงื้อมมือคว้าไม้ไว้ได้
“มันน่าจะซัดอีกซักที”
“เฮ้ย.เดี๋ยวสิคุณ..ใจเย็นๆ ค่อยๆคุยกันก่อน ผมขอโทษ”
สุพรรณิการ์ยังคงจับไม้ตียุงค้างไว้
“ไม่ต้องมาเสียเวลาขอโทษเลย รีบๆไปบอกแฟนคุณ..ว่าเราสองคนไม่มีอะไรกัน รีบไปเคลียร์ก่อนที่ฉันจะเดือดร้อน”
สุพรรณิการ์ปล่อยมือจากไม้ตียุงด้วยความอารมณ์เสีย แล้วก็เดินเข้าห้องทำงานไปอย่างหงุดหงิด วัชระรู้สึก
ค้างๆคาๆจึงเดินตามเข้าไปเคลียร์ต่อ
สุพรรณิการ์เดินเข้ามาในห้องทำงาน วัชระเดินตามเข้ามา สุพรรณิการ์หันไปโวยต่อ
“อ้าว.. เข้ามาทำไม กลับบ้านไปเคลียร์กับแฟนคุณสิ จะอยู่หาเรื่องให้ฉันเดือดร้อนหรือไงหะ”
“ผมก็แค่อยากรู้..ตกลงแหนมเค้ายังไม่ได้มาหาคุณใช่มั้ย”
“ยัง..แต่แอ๊วบอกว่าเค้าโทร.หาคุณกริชแล้วก็โวยวายสั่งให้ฉันเลิกยุ่งกับคุณ แฟนคุณเวิ่นเว้อเกินเหตุ จะหึงคนอื่นก็หึงไป นึกไงมาถึงฉัน”
“นั่นดิ ผมก็สงสัยเหมือนกัน อย่างคุณไม่เห็นจะน่าหึงเลย”
สุพรรณิการ์ชักสีหน้าทันที
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงหะ อยากโดนอีกหรือไง” สุพรรณิการ์หันไปคว้าของมีคมแถวนั้นทำท่าจะตีหัววัชระอีกที
วัชระถึงกับผงะรีบแก้ตัวทันที
“ผมล้อเล่น .. ก็เมื่อก่อนคุณชอบแต่งตัวแปลกๆ ผู้หญิงก็ไม่ใช่ กระเทยก็ไม่เชิง แต่ตอนนี้..สวยแล้ว ก็น่าหึงอยู่”
สุพรรณิการ์เชิดหน้า
“แน่นอน..ฉันน่ะคนมีของ แค่ไม่ชอบแต่ง มันก็เลยหลบใน”
วัชระมองไปที่หน้าอกด้วยสัญชาติญาณผู้ชาย แล้วก็รำพึงออกมา
“มีของจริงๆด้วย”
สุพรรณิการ์ใช้หนังสือที่วางอยู่แถวนั้นฟาดป้าบเข้าที่หน้าวัชระอย่างแรง
“โอ้ย ตบทำไมอีกเนี่ย” วัชระร้องเสียงหลง
“ทะลึ่งแหละ เพื่อนเล่นหรือไงหะ”
“อ้าว..ก็คุณพูดเข้าประเด็นเอง ผมแค่ตามน้ำ”
วัชระค่อยทรุดนั่งลงที่โซฟาด้วยความมึน ข้างโซฟาเห็นว่ามีแผ่นซีดีสุนทราภรณ์วางอยู่มากมาย
“เล่นซะมึนเลย”
“สมน้ำหน้า”
วัชระปรายตาและตะแคงหน้ามอง.. ซีดีแผ่นเพลงสุนทราภรณ์
“มีเยอะเหมือนกันนะเนี่ย..เอาไว้ประดับหรือว่าฟังจริง”
“โห..ดูถูกนะเนี่ย..คนอย่างฉันไม่เคยทำอะไรแค่เปลือกๆ ถ้าฟังก็ต้องฟังจริงๆ ฉันจำได้หมดทุกเพลง ขึ้นมาไม่ถึงสิบวิ รู้เลยว่าเพลงอะไร”
“สิบวิทำคุย ผมได้ยินไม่ถึงห้าวิ ก็รู้แล้วว่าเพลงอะไร”
“ขี้โม้”
“แข่งกันหรือเปล่าหล่ะ ถ้าเปิดเพลงขึ้นมาใครทายชื่อเพลงถูกก่อนชนะ ส่วนคนแพ้ก็...”
วัชระหยิบขวดเตกิล่าที่วางอยู่ข้างๆในรินใส่แก้วจอกเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วเลื่อนมาทางสุพรรณิการ์
“ต้องดื่มให้หมดแก้ว .. กล้าหรือเปล่า”
“เตรียมตัวแพ้ได้เลย”
สุพรรณิการ์รับคำท้าอย่างไม่กลัว ต่างคนต่างมั่นใจว่าไม่แพ้ชัวร์ !
เครื่องเล่นซีดีเล่นแผ่นสุนทราภรณ์แต่ละเพลงขึ้นมาแค่อินโทรสุพรรณิการ์และวัชระแข่งกัน
ทายว่าเป็นเพลงอะไร
เพลงแรกเพียงแค่ขึ้นอินโทรเพียงหนึ่งวินาที - “นางฟ้าจำแลง” สุพรรณิการ์โพล่งออกมา
วัชระอ้าปากค้างตอบไม่ทัน พลางตบโต๊ะด้วยความเสียดาย สุพรรณิการ์เลื่อนแก้วเตกิล่ามาข้างหน้าพร้อมทำหน้ากวน วัชระตบเพียวๆรวดเดียวหมด บีบมะนาวตาม
เพลงที่สองขึ้นมาอีกประมาณหนึ่งวินาที - “สุขกันเถอะเรา”
วัชระได้แต่อ้าปากค้างตอบไม่ทัน สุพรรณิการ์เลื่อนแก้วให้พร้อมกับทำหน้ากวน วัชระยกแก้วกระดกกรึ๊บ!
เพลงที่สาม อินโทรขึ้นสองวินาที - “มองอะไร”
สุพรรณิการ์ตบเข่าด้วยความเสียดาย พอหันมาเห็นแก้วเตกิล่าลอยอยู่ข้างหน้า วัชระส่งให้หน้า
เย้ยหยัน สุพรรณิการ์ยกดื่มพรวดด้วยความแค้น
เพลงที่สี่ อินโทร.ขึ้นแค่สองวินาที วัชระชิงตอบอีก - “รำวงดาวพระศุกร์”
สุพรรณิการ์ยกซดพรวดด้วยความเซ็งสุดๆ วัชระขำคิกคักเริ่มเมา เริ่มคึก
เพลงที่ห้าอินโทรขึ้นมาราวๆสามวินาที วัชระตอบได้อีก - “บุพเพสันนิวาส”
สุพรรณิการ์ปรายตามองด้วยความแค้น วัชระยื่นแก้วให้พร้อมกับยักคิ้ว สุพรรณิการ์คว้ามากรอกลงคอ
อย่างรวดเร็วด้วยความเซ็ง
สุพรรณิการ์ และวัชระ พลัดกันแพ้ - ชนะ และยกจอกเตกิล่าขึ้นมากรึ๊บติดต่อกันอีก 3 - 4แก้ว จนเริ่มมึนด้วยกันทั้งคู่!
เนตรนภัสนั่งอยู๋ที่บ้าน ตอนนั้นเป็นเวลา 4 ทุ่มแล้ว เนตรนภัสมองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่นิ่งสงบแล้วกัดฟันกรอด
“หมดเวลารอ”
เนตรนภัสคว้าโทรศัพท์มากดโทร.ออกหาธีธัชทันที
โทรศัพท์มือถือซึ่งธีธัชวางอยู่ที่โต๊ะเตี้ยข้างโซฟา ดังต่อเนื่องแต่ไม่มีคนรับ ธีธัชในชุดเดิมที่กลับจากช่วยน้ำท่วมยังนอนคว่ำหน้าไร้สติเพราะความเหน็ดเหนื่อยอยู่บนเตียง กรกนกไม่ได้ไปทำงาน เดินออกมาจากห้องนอนในชุดสบายๆ
“ธี..โทรศัพท์ค่ะ”
ธีธัชยังสลบอยู่ กรกนกเดินมาสะกิดธี
“ธีคะ..ธี..”
ธีธัชพลิกตัวมาอย่างงัวเงียๆร้อง “หือ...” แล้วหลับต่อ เสียงโทรศัพท์ยังคงดังต่อเนื่อง
กรกนกส่ายหน้า สายตาเหลือบไปเห็นเสื้อทีมงานที่ธีธัชใส่อยู่ กรกนกเริ่มใช้ความคิด
“คนอย่างธีธัชไปแจกของน้ำท่วม..ไม่อยากเชื่อเลย”
เสียงโทรศัพท์เงียบไป กรกนกหันมาดูที่หน้าจอขึ้นว่า 1 สายไม่ได้รับ “แหนม” และ วอลล์เปเปอร์ด้านหลังเป็นรูปลำเภา กรกนกถึงกับอึ้งไป ค่อยๆหยิบโทรศัพท์ธีธัชมากดดู เป็นรูปที่ลำเภาถ่ายรูปตัวเองในมือถือของธีธัช กรกนกจุกอก..ค่อยๆ วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม แล้วก็หันมามองธีธัชอีกที ดวงตาคู่นั้นฉายชัดให้เห็นเป็นแววตาแห้งแล้ง ไม่มีเยื่อใยอย่างเมื่อก่อน กรกนกลุกขึ้นแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอนไป โทรศัพท์ของธีธัชยังมีรูปลำเภาโชว์อยู่
ย้อนกลับไปก่อนที่ธีธัชที่นอนสลบอยู่บนเตียงภายในห้องพักของกรกนก เมื่อเย็นที่ผ่านมา ธีธัชเดินมาที่รถของตัวเองซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านลำเภาด้วยความเหนื่อยอ่อน ธีธัชเปิดประตูขึ้นไปนั่ง ลำเภาเดินมาเรียกไว้
“เดี๋ยว”
“อาราย..จะกวนประสาทอะไรฉันอีก” ธีธัชชักสีหน้าเหนื่อยๆ
“โทรศัพท์มือถืออยู่ไหน”
ธีธัชคลำที่กระเป๋ากางเกงแล้วก็หยิบออกมา ลำเภาก็หยิบไปจากมือเลย ธีธัชงง
“เฮ้ย”
ลำเภาไม่สนใจ เปิดกล้อง แล้วก็ถ่ายรูปหน้าตัวเองอย่างน่ารัก
“เธอทำอะไร”
ลำเภาไม่ตอบแต่กดเซทรูปตัวเองเป็นวอลล์เปเปอร์แล้วส่งโทรศัพท์คืนให้
ธีธัชรับมาดูแล้วโวยวาย
“เฮ้ย..เธอมาตั้งรูปเธอไว้ในโทรศัพท์ฉันทำไมเนี่ย”
“ก็คนที่เค้าเป็นแฟนกัน ต้องทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
“มุกนี้อีกแหละ..แหม..ทีอยู่ต่อหน้าพวกคุณลูกค้า ไม่เห็นประกาศว่าฉันเป็นแฟนสักคำ พอลับหลังผู้ชายคนอื่นทำเป็นแสดงความเป็นเจ้าของ”
“แล้วรู้สึกยังไงล่ะ หดหู่ เซ็งซึม ทุกข์ระทม ขมขื่นใจใช่ป่ะ จำความรู้สึกนี้ไว้ให้ดี จะได้รู้ว่าเวลาที่สาวๆโดนนายคบแบบทิ้งๆขว้างๆ เค้าเศร้าแค่ไหน จำได้แล้วทีหลังก็ทำอีก”
ธีธัชผงะเมื่อเจอลำเภาสั่งสอน
“ส่วนรูปของฉันก็เก็บไว้บูชา กราบไหว้สี่เวลาก่อนอาหาร และก่อนนอนเพื่อความเป็นสิริมงคล” ลำเภาพูดทิ้งท้าย
“โห...” ธีธัชอึ้ง
“กลับไปได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน..ออกไปแล้วอย่าลืมปิดประตูด้วยล่ะ”
ลำเภาเดินเข้าบ้านไปท่ามกลางความงุนงงของธีธัช
ธีธัชค่อยๆก้มลงดูโทรศัพท์ในมือ และกดดูรูปลำเภาที่ขึ้นไว้ ลำเภาทำหน้าทะเล้นน่ารักมาก ธีธัชเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว เมื่อนึกขึ้นได้จึงรีบหุบยิ้มเก๊กหน้านิ่ง แล้ววางโทรศัพท์ตัวเองไว้ที่เบาะข้างๆรถ ไม่ได้เปลี่ยนรูป หรือลบทิ้งแต่อย่างไร
โทรศัพท์มือถือของธีธัชวางอยู่ที่เดิม กรกนกอยู่ในชุดออกจากบ้านเพื่อเตรียมพร้อมจะไปทำงาน กรกนกหันมามองธีธัชที่นอนไร้สติอยู่บนเตียงอีกครั้งด้วยแววตาแห้งผาก
กรกนกเดินออกจากห้องไป ธีธัชยังนอนอยู่ที่เดิม มือถือของธีธัชมีแสงไฟวาบขึ้นมา..แหนมโทร.มาอีกครั้ง!
เนตรนภัสกดวางสายด้วยความฉุนเฉียว
“ทำไมธีไม่ยอมรับสาย เป็นเหมือนกันหมดทั้งแกงค์”
เนตรนภัสตัดสินใจหันไปคว้ากระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆตัวก้าวเดินฉับๆ ออกจากบ้านไปด้วยความแน่วแน่
วงดนตรีในร้านสาดสุรากำลังเล่นเพลง “ฉันหวง” เพลงโดนใจของ ปาน ธนพร
“ฉันหวง !! ฉันมาทวงของฉันคืน ฉันไม่เคยแย่งของคนอื่น”
นักร้องก็ร้องได้อย่างเข้าถึงอารมณ์ราวกับกำลังโดนแย่งสามีไปจริงๆ กรกนกก้าวเข้ามาในร้านในชุดเซ็กซี่ แต่ยังมีอาการเบื่อๆ เซ็งๆ แทรกอยู่ แคชเชียร์หันมาเห็นกรกนกจึงทักขึ้น
“อ้าว..พี่กร วันนี้วันหยุดพี่ไม่ใช่เหรอ”
“อืม... เบื่อๆ น่ะ ขี้เกียจอยู่บ้านเฉยๆ วันนี้แขกเป็นไงบ้าง”
“ก็ดีพี่ หนาอยู่”
กรกนกพยักหน้ารับรู้พลางถาม
“แล้วคุณฝ้ายล่ะ วันนี้เข้าหรือเปล่า”
ในห้องทำงานของสุพรรณิการ์ เครื่องเล่นซีดีกำลังเล่นเพลง “กลิ่นราตรี” .. อินโทร.ยาวมาจนเข้าเนื้อเพลง ก็ยังไม่มีคนตอบ วัชระและสุพรรณิการ์เริ่มเมา...ต่างคนต่างทำเป็นคิด...
“เพลงอารายว้า....ติดอยู่ที่ปากเนี่ย..นึกไม่ออก” สุพรรณิการ์เสียงอ้อแอ้
“อ่อนจริง .. แค่นี้ก็นึกไม่ออก” เสียงวัชระ
“แล้วนายรู้หรือไง... หะ”
“ไม่รู้ ..” วัชระแสยะยิ้มก่อนตอบ
“น่านไง..ก็ไม่รู้เหมือนกันล่ะว้า..ไม่รู้ก็ดื่มเลย..ดื่ม”
สุพรรณิการ์หยิบแก้วมาแล้วทำท่าจะกรอกปากวัชระ วัชระไม่ยอม พูดทั้งที่โดนบีบปาก
“เฮ้ย... ทำไมผมต้องดื่มด้วย คุณก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เออจริง.. งั้นคนละครึ่ง”
สุพรรณิการ์ว่าพลาง ตัวโฮนเอนไปมาแล้วกระดกเข้าปากไปหมดแก้ว วัชระก็ตามอย่างมองงง
“อ้าว..ไหนบอกคนละครึ่ง”
สุพรรณิการ์ดูแก้วว่างเปล่า
“เออนั่นดิ..ฮ่าๆ .. ขอโทษที..ลืม”
วัชระขำ
“อะไรเนี่ย พูดเอง ลืมเอง .. เมาแล้วรั่วนะเราเนี่ย”
“คนนะ ไม่ใช่ กาละมัง.. เมาแล้วจะได้รั่ว ฮ่าๆๆ” สุพรรณิการ์ขำอย่างอารมณ์ดี
“ฮ่าๆๆ คิดได้ไงเนี่ย ขำแทบไม่ทันเลย ฮ่าๆๆ” วัชระขำตาม
“มุกเทพก็เงี้ยะ คนธรรมดาขำไม่ทัน ฮ่าๆๆ”
วัชระมองแล้วยิ้ม
“คุณนี่...ฮาว่ะ ชอบ”
สุพรรณิการ์กับวัชระหัวเราะขำร่วนด้วยความเมา... ท่ามกลางเสียงเพลงสุนทราภรณ์อันไพเราะที่ดังคลออยู่
สวยงามและโรแมนติกมากมาย
เสียงออดดังขึ้น ประตูห้องกริชชัยเปิดออก เนตรนภัสยืนอยู่ตรงหน้าจนกริชชัยอดแปลกใจไม่ได้
“แหนม...”
“นังฝ้ายมันอยู่ห้องไหน” เนตรนภัสเสียงขุ่น
“แหนมจะรู้ไปทำไม”
“แหนมจะไปดูว่าวัชกกอยู่กับมันหรือเปล่า บอกมา มันอยู่ห้องไหน”
“ผมบอกไม่ได้”
“ทำไม ? อ๋อ..หรือว่าจะรวมหัวกันปกปิดแหนม สนับสนุนให้วัชเลิกกับแหนมไปคบกับมันใช่มั้ย คุณกริชทำแบบนี้เพราะอยากจะเอาใจนังผู้หญิงที่ตัวเองแอบชอบอยู่ล่ะสิ ได้กันเองซะให้หมด”
“ผมว่ามันจะไปกันใหญ่แล้ว..ที่ผมไม่บอกเพราะผมไม่อยากให้มีเรื่อง และไอ้วัชมันก็ไม่ได้อยู่กับคุณฝ้าย” กริชชัยพูดพลางส่ายหน้า
“ไม่เชื่อ แหนมไม่เชื่อคำพูดของใครทั้งนั้น ต้องไปดูด้วยตาตัวเอง แหนมถึงจะเชื่อ บอกมามันอยู่ห้องไหน”
กริชชัยเริ่มหนักใจที่เนตรนภัสไม่ฟังเหตุผล
“ผมบอกไม่ได้จริงๆ ! ถ้าผมบอกเท่ากับเป็นการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล”
เนตรนภัสกัดฟันกรอดจอบโต้ทันควัน
“แล้วที่มันมาละเมิดสิทธิ์ส่วนแฟนของแหนมหล่ะ คุณกริชเคยแคร์หรือเปล่า”
กริชชัยชะงักนิดๆ ที่เนตรนภัสคิดไปได้
“ถ้าคุณกริชไม่บอกว่ามันอยู่ห้องไหน แหนมจะไปนั่งเฝ้าที่หน้าร้านของมัน จะไปประกาศให้ทุกคนรู้ว่ามันแย่ง ‘ว่าที่สามี’ ของคืนอื่น ดูสิว่ามันจะหน้าด้านทนได้สักแค่ไหน”
เนตรนภัสพูดจบก็สบัดหน้าจะเดินออกไป กริชชัยเรียกไว้ เนตรนภัสชะงัก หยุดเดินแล้วหันกลับมา
“แหนม.... เอาอย่างนี้แล้วกัน..เพื่อไม่ให้เรื่องมันบานปลายมากไปกว่านี้..ผมจะรีบตามตัวไอ้วัชมาหาแหนมและเคลียร์เรื่องนี้โดยเร็วที่สุด”
“คุณกริชแน่ใจเหรอคะว่าทำได้”
“ไม่แน่ใจ แต่จะทำให้ดีที่สุด เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างวัชกับแหนม ผมไม่อยากให้ดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ไอ้วัชมันเป็นคนสร้างปัญหา มันก็ต้องเป็นคนแก้ปัญหา”
เนตรนภัสเชิดหน้า
“ ถ้าคุณกริชคิดว่า..เพื่อนคุณมีปัญญาจะแก้ได้ ก็ลองดูค่ะ แหนมให้เวลาอีก ๑ วัน ถ้าวัชยังไม่มาคุยกับแหนมเรื่องนังฝ้าย มันกับแหนมได้เจอกันแน่”
เนตรนภัสสบัดหน้าเดินออกไป กริชชัยถอนหายใจ...พร้อมกับปิดประตูด้วยความเซ็ง
อ่านต่อหน้าที่ 2
สามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 19 (ต่อ)
มือถือธีธัชดังขึ้นอีก คราวนี้ธีธัชเริ่มรู้สึกตัว ควานมือไปหยิบมาดูชื่อแล้วก็กดรับ
“ไงครับทั่น”
กริชชัยเดินคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องตัวเอง
“ตกลงแกคุยเรื่องคุณฝ้ายกับไอ้วัชหรือยัง มันว่าไงบ้าง”
ธีธัชพูดด้วยความงัวเงีย
“มันก็บอกว่าจะไปหาคุณฝ้าย”
กริชชัยชักสีหน้าทันที
“แล้วมันจะไปหาคุณฝ้ายทำไม ทำไมมันไม่ไปหาแหนม ไอ้วัชนี่มันจะแก้ปัญหา หรือมันจะยิ่งสร้างปัญหาวะเนี่ย”
ธีธัชยังไม่รู้สึกร้อนหนาว พูดด้วยอารมณ์สบายๆไม่รู้ทุกข์ร้อน
“เอาน่า..ปัญหาของมัน เดี๋ยวมันก็จัดการเอง “
กริชชัยส่ายหน้า
“ฉันก็ไม่อยากยุ่ง แต่เมื่อกี้แหนมมาหาฉันที่คอนโด อยากรู้ให้ได้ว่าคุณฝ้ายอยู่ห้องไหน ฉันไม่บอก ก็จะบุกไปลุยที่ร้าน .. แกรีบบอกไอ้วัชให้มันไปเคลียร์กับแหนมเดี๋ยวนี้เลย อย่าปล่อยให้ผู้หญิงต้องทะเลาะกันเอง”
กริชชัยพูดอย่างมีเหตุผล ธีธัชรับปากตามสไตล์
“โอเคค้าบ ทั่นประธาน เดี๋ยวผมติดต่อให้ ว่าแต่ทำไมทั่นไม่ติดต่อมันเองค้าบ”
“มันเปลี่ยนเบอร์หนีแหนมจนเละเทะไปหมดแล้ว ฉันไม่รู้ว่ามันใช้เบอร์ไหน มีแกตามมันทันอยู่คนเดียว แกก็ติดต่อมันแล้วกัน” กริชชัยบ่น
“โอเค..จัดไป” ธีธัชว่า
กริชชัยกดวางสายด้วยความเหนื่อยใจ
ธีธัชจำใจลุกขึ้นจากที่นอนแล้วก็ไล่กดโทร.หาวัชระ หน้าจอขึ้นชื่อ วัช 1 / วัช 2 / วัช 3 / วัช 4 / วัช 5 / วัช 6 / วัช 7 / วัช 8 ธีธัชไล่กดทีละเบอร์..ทีละเบอร์ ไม่ติดสักเบอร์จนธีธัชเริ่มบ่น
“โทร. 8 เบอร์ไม่ติดสักเบอร์ หรือว่ามันเปลี่ยนเบอร์ใหม่”
ธีธัชคิด...แล้วก็นึกถึงวิธีที่จะติดต่อวัชระได้ ธีธัชยิ้มกรุ่มกริ่ม แล้วก็กดโทร.ออกทันที
มือถือลำเภาดังขึ้น ขณะที่กำลังนั่งดูละครอยู่ มีเป็นต่อกับำอใจนั่งขนาบสองข้างดูละครอยู่ด้วยกัน ลำเภาหยิบโทรศัพท์มาดูชื่อ แล้วก็กดรับ
“ให้เวลาหนึ่งนาที รีบพูดธุระมา ละครกำลังสนุก”
ธีธัชลุกขากเตียงมายืนคุยโทรศัพท์ด้วยความกระตือรือร้น แอบตื่นเต้นนิดๆ โดยไม่รู้ตัว
“ดูอยู่กับใคร”
“อยากรู้จริงๆเหรอ” ลำเภาพูดพลางคอดเล่นเกมต่อทันที
ธีธัชทำฟอร์มไม่อยากรู้ทันที
“ก็ไม่ค่อยอยากรู้เท่าไหร่ .. ถามไปงั้น ตามมารยาท”
ลำเภาเบ้ปากหมั่นไส้
“เพิ่งรู้ว่าเป็นคนมีมารยาทกับเค้าด้วย .. ตกลงโทร.มาเรื่องอะไรเนี่ย จะครบนาทีแล้วนะ”
ธีธัชเล่นฟอร์มกวนลำเภาต่อ
“ตกลงดูละครอยู่กับใครล่ะ ยังไม่ตอบเลย”
ลำเภาตอบด้วยความรำคาญ
“ดูอยู่กับหมา เป็นต่อกับพอใจนั่งประกบอยู่เนี่ย ถามวุ่นวายจริงๆ นี่ถ้าไม่ได้เป็นแฟนกันวางไปแล้วนะ”
ธีธัชเผลออมยิ้มนิดๆ โล่งใจที่ลำเภาดูละครกับหมาไม่ใช่หนุ่มๆที่ไหน ธีธัชกระชุ่มกระชวยขึ้นทันทีที่ได้ยินคำว่าแฟน
“หมดเวลาหนึ่งนาที..แค่นี้นะ”
“เดี๋ยวๆ ฉันจะโทร.มาถามว่า ไอ้วัชมันอยู่กับเธอหรือเปล่า” ธีธัชรีบสวนทันที
ลำเภาตอบเสียงนิ่ง
“ไม่อยู่”
“แล้วรู้หรือเปล่าว่ามันอยู่ไหน”
“ไม่รู้ .. ไปฆ่าตัวตายแล้วมั้ง เจอกี่ทีก็เอาแต่กลุ้มใจเรื่องแต่งงาน แค่นี้นะ..ฉันจะดูละครต่อแล้ว”
ธีธัชแอบเสียดายนิดๆเพราะยังอยากคุยกับลำเภาต่อ ลำเภาพูดแทงใจดำ
“แล้วทีหลัง ถ้าอยากโทร.หา ก็ไม่ต้องเอาเรื่องคุณวัชมาอ้าง โดนจับได้..แล้วจะหน้าแตก”
ลำเภาวางสายไปพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่มุมปาก
ธีธัชยังไม่ยอมรับหัวใจของตัวเอง
“ใครอยากโทร.หาเธอหะ ยัยหนู...”
ธีธัชยังพูโม่ทันจบ เสียง ตื้ดๆจากมือถือก็ดังขึ้นอีก ธีธัชทำท่าจะโทร.กลับไปอีก แต่ก็ชะงักมือไว้ ไม่โทร.
“โทร.ไปเดี๋ยวจะหาว่าอยากคุยด้วย โธ่ ใครอยากคุยกับเธอ”
ธีธัชทำบ่นคุยกับโทรศัพท์มือถือที่เป็นรูปหน้าลำเภา
“ยังจะมายิ้มอีก..โธ่ ! ยัยเด็กบ๊อง”
ธีธัชด่าจบ แล้วก็แอบอมยิ้มนิดๆ
ดนตรีสดบนเวทีที่ร้านสาดสุรา กำลังเล่นเพลง “เข้ากันดี” ของ สครัปป์
ฉันไม่เคยเจอใคร ไม่ขวาไม่ซ้าย
ไม่สมบูรณ์ไป ไม่มองแง่ร้ายหรือเอาแต่ใจ
แต่มีอะไรไม่ธรรมดา โว้..
ผู้คนในร้านกำลังทะยอยกลับกันแล้ว กรกนกประจำอยู่หน้าเคาท์เตอร์พลางมองไปรอบๆ ร้านแล้วเปรยขึ้น
“วันนี้ไม่เห็นคุณฝ้ายลงมาตรวจร้าน..เป็นอะไรหรือเปล่า”
เพลงสุนทราภรณ์ยังดังคลออยู่ วัชระซึ่งเมาน้อยกว่านั่งอยู่ข้างๆพยายามจะเดาเพลงต่อ วัชระเขย่าเข่าสุพรรณิการ์ซึ่ง เมาคอพับ คออ่อน นอนอยู่บนโซฟา
“เพลง อารายหว่า.... คุณ..จำได้หรือเปล่า คุณ...นี่...คุณ..”
“คุณ....หลับได้ไง ยังเล่นไม่จบเลย..เหลืออีกตั้ง หลายเพลง .. ตื่นมาต่อก่อน”
สุพรรณิการ์เมาง่วงหงุดหงิด
“ไม่เล่นแล้ว..ง่วง” สุพรรณิการ์เสียงเมาอ้อแอ้
“อ้าว...ง่วงก็ไปนอนสิ”
“ก็นอนอยู่นี่ไงเล่า วุ้ย เซ้าซี้จริงๆ”
“ก็ไปนอนให้มันดีๆ นอนแบบนี้เดี๋ยวก็เมื่อยตายหรอก”
“เออน่า...ฉานนอนด้าย” สุพรรณิการ์เมาหลับไปในทันที
“อ้าวเฮ้ย..คุณ..ไปนอนดีๆสิ”
สุพรรณิการ์เมาหลับไปแล้ว วัชระส่ายหน้า แล้วก็มองไปรอบๆ ด้วยความเมา วัชระเห็นเตียงตั้งอยู่
ไม่ไกล วัชระหันกลับมามองสุพรรณิการ์นอนคอพับหมดสภาพแล้วก็ส่ายหน้า
“ขอโทษนะ”
วัชระอุ้มสุพรรณิการ์ขึ้นอย่างยากลำบาก
“หนักเหมือนกันวุ้ย” วัชระบ่นอุบ
“ทำอาราย” สุพรรณิการ์เมาหงุดหงิด
“จะพาไปนอนให้มันดีๆ”
“ไม่ปาย..ปล่อย ยุ่งจริงๆเล้ย” สุพรรณิการ์พูดพลางดื้นไปมา
“เฮ้ย อย่าดิ้นสิคุณ”
สุพรรณิการ์ยังคงดิ้นไม่หยุด
“ก็ปล่อยสิเว้ย”
สุพรรณิการ์ดิ้นจนวัชระเสียหลักล้มลงไปบนเตียงด้วยกันทั้งคู่
“เฮ้ย”
วัชระล้มลงบนเตียง สุพรรณิการ์ล้มทับข้างบน หัวของสุพรรณิการ์โขลกเข้ากับหัวของวัชระอย่างแรง จนวัชระต้องร้องลั่น “โอ้ย” … สุพรรณิการ์กลับไม่รู้ตัวใดๆ หัวพับลงที่ซอกคอวัชระ วัชระถึงกับเสียวสะท้านเล็กๆตามประสาผู้ชาย วัชระร้องเรียก
“คุณ..คุณ”
สุพรรณิการ์ยังคงหลับผลอย นอนทับอยู่บนตัววัชระ วัชระหน้าแดงกล่ำ ร้อนผ่าวไปทั่วร่าง เลือดสูฉีดดีผิดปกติ
โดยเฉพาะอวัยวะบางส่วนของร่างกาย
วัชระค่อยๆขยับตัวดันสุพรรณิการ์ออกจากการล้มทับ สุพรรณิการ์นอนหงายหมดสภาพ ไร้สติเพราะความ
เมา วัชระค่อยๆก้มหน้ามามองสุพรรณิการ์อย่างพิจารณา
ใบหน้าสวยคมดูมีเสน่ห์แม้ในยามหลับ วัชระมองแล้วเคลิ้มๆ ค่อยๆบรรจงก้มลงจูบอย่างแผ่วเบา...สุพรรณิการ์ลืมตาขึ้นด้วยอารมณ์เคลิบเคลิ้มพอกัน สุพรรณิการ์เหนี่ยวคอวัชระไว้แล้วก็หอมแก้มหนึ่งที วัชระยิ่งเตลิดเปิดเปิงเลื่อนจากหอมแก้มมาเป็นจูบที่ริม ฝีปากแล้วก็เลยเถิดไปอีก
เปลวเทียนไขรูปทรงสวยที่ข้างเตียงสั่นวูบไหวไปมา เสมือนอารมณ์ที่กำลังหวั่นไหวอย่างแรงของทั้งคู่
กรกนกเดินมาหยุดที่ประตูห้องทำงานของสุพรรณิการ์ กำลังจะยกมือเคาะ ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นวัชระกำลังอยู่ในจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มกับสุพรรรฺการ์อยู่เนื่องจากประตูปิเค่เง้มไว้ กรกนกตกใจ ใจหายวาบ ตัวชา และรีบเหวี่ยงตังวหลบเข้าข้างประตูทันที กรกนกหยุดคิดเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจรีบเดินออกมาด้วยความตกใจ
แขกร้านสาดสถราในค่ำคืนนี้กลับหมดแล้ว เด็กในร้านกำลังทำความสะอาด กรกนกเดินหน้าตื่นๆเข้ามา แล้วก็รีบหาที่นั่ง ใจยังเต้นแรง ด้วยความตกใจ แคชเชียร์เดินมาหากรกนก
“คุณฝ้ายอยู่ข้างบนหรือเปล่าพี่กร หนูจะขึ้นไปเคลียร์บัญชี”
กรกนกรีบบอก
“ไม่เป็นไร..เคลียร์กับพี่ เดี๋ยวพี่เคลียร์กับคุณฝ้ายเอง แล้วสั่งเด็กคนอื่น ห้ามขึ้นไปที่ห้องคุณฝ้ายเด็ดขาด”
แคชเชียร์ทำหน้างงๆ กรกนกรีบบอก
“คือ..คุณฝ้ายเค้าไม่สบาย เค้าอยากพักผ่อน ไม่อยากให้คนกวน”
แคชเชียร์พยักหน้า
“ค่ะพี่ เดี๋ยวหนูบอกคนอื่นให้ นี่เงินขายวันนี้นะคะ” แคชเชียร์วางเงินไว้ที่โต๊ะข้างๆ กรกนกพยักหน้ารับทราบ แคชเชียร์เดินไป... กรกนกยังนั่งอึ้งๆ อยู่ที่เดิม รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างขัดๆอยู่ในความคิด และความรู้สึก กรกนกคิดหนักก่อนที่ไฟในร้านค่อยๆดับลง..ดับลง..ดับลงทีละดวง..ร้านที่เคยคึกคักสว่างไสวค่อยๆ เงียบเหงาลง
เด็กๆ พนักงานร้านสาดสุราทยอยกลับบ้านกันจนหมด กรกนกเดินรั้งท้ายออกมาเป็นคนสุดท้าย กรกนกหันมาล็อคร้าน และเหลือบขึ้นไปมองที่ห้องทำงานของสุพรรณิการ์ที่ชั้นบนซึ่งปิดไฟมืด กรกนกเดินมาที่หน้าร้านพลางคิดแล้วค่อยๆทรุดนั่งลงตรงมุมหนึ่ง คิดถึงเรื่องราวต่างๆ
สุพรรณิการ์บอกว่าไปดูคอนเสิร์ตด้วยกันจริงๆ แต่ไม่มีอะไร เช่นเดียวกับธีธัชที่บอกว่าไม่มีอะไรกับลำเภา ภาพของวัชระที่กำลังฟีทเจอริ่งกับสุพรรณิการ์ และตอนที่ธีธัชคุยโทรศัพท์อย่างแฮปปี้ ตอนไปส่งลำเภาที่บ้าน ตอนที่ธีธํชนอนใส่เสื้อที่ไปช่วยเหลือน้ำท่วม รวมถึงรูปของลำเภาในโทรศัพท์ กรกนก คิด และตัดสินใจที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง...ด้วยแววตาที่เด็ดเดี่ยว
กรกนกกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนถึงเช้า เจ้าหน้าที่ของกทม. กำลังทำความสะอาดถนน
กรกนกเองกำลังคิดที่จะทำความสะอาดให้กับชีวิตตัวเอง!!!
ธีธัชในชุดหล่อเดินออกมาจากห้องนอน เพื่อเตรียมตัว และทันทีที่เปิดประตูห้องออกมา ก็ต้องตกใจเพราะกรกนกกำลังจะไขประตูห้องเข้ามาพอดี ต่างคนต่างตกใจ
“อ้าว”
“อุ๊ย”
กรกนกมองมาทางธีธัชแล้วก็ถามด้วยความแปลกใจ
“ธีจะไปไหนแต่เช้าคะ”
ธีธัชอึกอัก
“คือ..อ้อ..คืองี้..แหนมน่ะสิ โทร.จิกๆๆ ให้ผมไปตามหาไอ้วัชให้ได้ ผมก็เลยว่าจะไปตามหามันที่บ้านยัยเด็กบ๊องสักหน่อย”
กรกนกชะงัก เบือนหน้าหนีแล้วเดินเข้ามาในห้อง ธีธัชยังแสดงไปตามบทต่อไป
“ที่จริงผมก็ไม่อยากไปหรอก”
“ไม่อยากไป ก็ไม่ต้องไป” กรกนกสวนเพื่อลองใจ
ธีธัชสะอึกทันที
“ก็..มันไม่ได้น่ะสิ ทั้งแหนม ทั้งกริช ด่าผมเละแน่ ถ้าตามหาตัวไอ้วัชมันไม่เจอ”
กรกนกเบือนหน้าหนีอีกครั้ง
“ผมรีบไป รีบกลับนะ”
ธีธัชกำลังจะหันหลังเดินออกไป กรกนกพูดดักขึ้น
“คุณไม่คิดจะถามสักคำเหรอคะ ว่าเมื่อคืนกรหายไปไหนมา”
ธีธัหันมาตีหน้าซื่อ
“เออ..นั่นสิ.. เมื่อคืนกรไม่ได้กลับมานอนนี่ .. แล้วกรไปไหนมาเหรอ”
“ช่างเถอะค่ะ..ในเมื่อมันไม่เคยสำคัญ ก็ปล่อยให้มันไม่สำคัญต่อไป”
“อย่าบอกนะว่างอน” ธีธัชหลิ่วตามอง
“ไม่ได้งอน แต่ปลง” กรกนกตอบสียงแข็ง
ธีธัชรู้สึกเหมือนโดนด่า
“ถ้าธีอยากจะตามหาคุณวัช ไม่ต้องไปที่บ้านลำเภาหรอกค่ะ เพราะคุณวัชไม่ได้อยู่ที่นั่น”
ธีธัชขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“กรพูดยังกะรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน”
กรกนกตอบผ่านทางใบหน้าว่า “เออ”
เช้าวันเดียวกัน วัชระยังนอนอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบน หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขอยู่บนเตียง ทันใดนั้นก็มีเสียงสุพรรณิการ์ดังสนั่นหวั่นไหว
“ไอ้หื่น ตายซะเถอะ”
วัชระงัวเงียลืมตาขึ้นแล้วก็หันไปที่ต้นเสียง แล้วก็ร้องขึ้นทันที
“เฮ้ย”
สุพรรณิการ์อยู่ในชุดกระโจมอกด้วยผ้าคลุมเตียง ในมือถือเก้าอี้ที่พร้อมทุ่มลงบนเตียงพร้อมส่งเสียง
ด้วยความกราดเกรี้ยว
“แก...ตาย”
เก้าอี้ในมือสุพรรณิการ์ลอยละลิ่วมาที่วัชระ “เอ้ย” วัชระใช้สัญชาตญาณการเป็นตำรวจรีบกระโดดหลบวูบอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคว้าเสื้อกางเกงที่วางอยู่หัวเตียงติดมือมาด้วย วัชระม้วนตัวหลบวูบเข้าที่หลังตู้ เก้าอี้ตกกระทบไปที่เตียงเสียงดัง
สุพรรณิการ์ยังไม่หายโกรธ หันไปคว้าของแถวนั้นมาอีก ปาไป ด่าไป ด้วยความแค้น
“หลบทำไมหะ ไอ้ผู้ชายมักง่าย ไอ้ตัวฉวยโอกาส ไอ้สิ้นคิด ไอ้..ไอ้..โฮ้ย ไอ้เลว !! แกล่วงละเมิดทางเพศฉัน ไอ้ไม่มีสติ”
สุพรรณิการ์ตะโกนสุดเสียงด้วยความแค้น
วัชระโผล่มาจากหลังตู้ ใส่กางเกงเรียบร้อย แต่ยังติดกระดุมเสื้อไม่เสร็จ
“เฮ้ย ฉันไม่ได้ล่วงละเมิดทางเพศเธอนะ เธอสมยอมต่างหาก ฉันไม่ได้ใช้กำลังแม้แต่นิดเดียว”
เสียงกรี๊ดสุพรรณิการ์ดังลั่น
“ไม่ได้สมยอม แต่ฉันเมา และ แกก็ฉวยโอกาสตอนฉันเมา!! ฉันอุตส่าห์รักษาพรหมจรรย์มาอย่างดี” ทำไม...ทำไมทำแบบนี้กับฉัน ทำไม...หะ...ทำไม” สุพรรณิการ์เริ่มน้ำตาซึม
สุพรรณิการ์ตะโกนสุดเสียงก่อนจะค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่ง ทั้งเสียใจ ทั้งช็อก ทั้งสับสน วุ่นวายในใจไปหมด
วัชระมองสุพรรณิการ์ด้วยความเห็นใจ วัชระเดินเข้ามาสุพรรณิการ์
“ฝ้าย”
“ออกไป” สุพรรณิการ์เสียงแข็ง
วัชระชะงักเท้า
“ฝ้าย....ผม”
“ฉัน-บอก-ให้- ออกไป” สุพรรณิการ์ย้ำเสียงอย่างดุ
“ผมขอโทษ คุณจะด่า จะประจาน หรือจะแจ้งความจับผมก็ได้ ผมยอมรับทุกข้อหา แต่เมื่อคืน..ที่ผมทำ..เพราะผมคิดว่า ความต้องการของเราสองคนเหมือนกัน”
“พอได้แล้ว ฉันไม่อยากฟัง”
“คุณไม่อยากฟัง แต่ผมอยากพูด” วัชระพูดสวนขึ้น
สุพรรณิการ์มองหน้าวัชระ ทั้งแค้น ทั้งเสียใจ
“ผมมีความสุขเวลาที่ได้อยู่กับคุณนะฝ้าย ผมไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่มารู้ตัวอีกที .. คุณก็กลายเป็นผู้หญิงที่ผมคิดถึง”
สุพรรณิการ์น้ำตาจะไหล แต่พยายามกลั้นไว้ ทำเข้มแข็ง หันหน้าหนี ไม่กล้าสบตา
“ผมขอย้ำอีกครั้ง ผมไม่ได้ทำเพราะเมา และผมไม่ได้คิดจะฉวยโอกาส ตอนคุณเมา คุณเป็นคนพิเศษของผมนะฝ้าย”
“แต่นายมีแฟนแล้ว และกำลังจะแต่งงาน” สุพรรณิการ์พูดเสียงเข้ม
วัชระหน้าเสีย..แววความกังวลวูบกลับเข้ามาที่ใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด
“คุณก็รู้ว่าผมไม่อยากแต่งงานกับแหนม”
“แต่เค้ายังอยากแต่งกับนาย”
วัชระนิ่งพูดไม่ออก
“ออกไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“ฝ้าย” วัชระเสียงอ้อน
สุพรรณิการ์เสียงแข็ง พร้อมทำหน้าเบื่อหน่าย
“ออกไป”
วัชระหน้าจ๋อย..สุพรรณิการ์หันหน้าหนี ไม่ยอมมองหน้า วัชระจำต้องยอมรับและเดินคอตกมาที่ประตู สุพรรณิการ์นั่งเครียดอยู่ที่เดิม ไม่หันหน้ามามองวัชระแม้แต่นิดเดียว วัชระคิด..แล้วก็หันมาพูดทิ้งท้าย
“ฝ้าย..ผมจะทำให้คุณเห็น ว่าคุณเป็นคนพิเศษสำหรับผมจริงๆ”
วัชระเดินออกจากห้องไป สุพรรณิการ์นั่งเม้มปากแน่นไม่อยากจะเชื่อ วัชระเริ่มคิดหนักที่ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหัวใจของตัวเองแล้ว
สุพรรณิการ์ยังนั่งสับสนอยู่ที่เดิม..คิดไม่ออกว่าต้องทำยังไงต่อพลางเหลือบไปเห็นขวดเตกิล่าที่วาง
อยู่ ถึงกับอารมณ์ขึ้นทันที สุพรรณิการ์พุ่งเข้าไปคว้าขวดเหล้าโยนทิ้งลงถังขยะ
“ชาตินี้อย่าได้เจอกันอีกเลย”
สุพรรณิการ์ทรุดตัวลงนั่งมองไปรอบๆของห้องที่เละเทะ แต่ร่องรอยของความสุขเมื่อคืนยังคงอยู่ สุพรรณิการ์นึกถึงตอนวัชระจูบ ความเมามายทำให้เธอเหนี่ยวคอวัชระมาหอมแก้มก่อนจะเลยเถิด คำพูดของวัชระเมื่อสักครู่แวบเข้ามาในหัว
“ผมมีความสุขเวลาที่ได้อยู่กับคุณนะฝ้าย ผมไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่มารู้ตัวอีกที... คุณก็กลายเป็นผู้หญิงที่ผม... ผมขอย้ำอีกครั้ง ผมไม่ได้ทำเพราะเมา และผมไม่ได้คิดจะฉวยโอกาส ตอนคุณเมา คุณเป็นคนพิเศษของผมนะฝ้าย”
สุพรรณิการ์อมยิ้มนิดๆ แบบไม่รู้ตัว แล้วก็ชะงัก
“นี่เรากำลังมีความสุขเหรอเนี่ย... ซวยแล้วไอ้ฝ้าย”
สุพรรณิการ์รำพึงออกมาอย่างหน้าเสีย.... ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไนต่อไป
ติดตามอ่าน 3 หนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 19 ต่อหน้า 3
สามหนุ่มเนื้อทอง ตอนที่ 19 (ต่อ)
อรุณศรีนั่งคุยกับสุพรรณิการ์อยู่ที่ร้านกาแฟเล็กๆ ภายในอาคารบริษัท M Group พอฟังเรื่องระหว่างสุพรรณิการ์และวัชระจบ อรุณศรีตกใจอย่างแรงด้วยความคาดไม่ถึง
“แกมีอะไรกับคุณวัช”
สุพรรณิการ์มองเพื่อนด้วยหางตา
“จะพูดดังไปไหนเนี่ย เรื่องส่วนตัวนะยะ ไม่ใช่ข่าวบันเทิง”
“แก...นอนกับเค้าแล้วจริงๆเหรอ” อรุณศรีเสียงเบาลงมาหน่อย
“ฉันไม่เต็มใจนะ” สุพรรณิการ์รีบแก้ตัว แต่แววตาของสุพรรณิการ์ไม่ได้มีอะไรบ่งบอกถึงความไม่เต็มใจแม้แต่น้อย นอกจากอายเหนียมตามประสาหญิง
“แต่ดูจากหน้าแกตอนนี้..มันไม่ได้บอกว่าแกไม่เต็มใจเลยนะ”
สุพรรณิการ์ก้มหน้าเขิน
“จริงๆ ตอนแรกมันก็เริ่มจากความเมา มันรู้สึกตัวมั่ง ไม่รู้มั่ง เหมือนฝันๆ แต่พอตื่นมาแล้วนึกๆ อีกที มันก็...ดีเหมือนกัน”
“แกพูดออกมาได้ไงเนี่ย ไม่อายปาก”
“เรื่องการสืบพันธุ์มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ทำไมจะพูดไม่ได้”
“แต่คนที่แกไปยุ่ง เค้ามีแฟนแล้ว และก็กำลังจะแต่งงานกัน”
“แต่ฉันว่าไม่ได้แต่งหรอก ทะเลาะกันขนาดนั้น เลิกกันชัวร์”
“ไอ้ฝ้าย” อรุณศรีเสียงดัง
“ไอ้แอ๊ว” สุพรรณิการ์เสียงดังกลับ
“แกมาเรียกชื่อฉันทำไม” อรุณศรีถาม
“แล้วแกเรียกชื่อฉันก่อนทำไม”
คนในร้านเริ่มหันมามองสองสาวอย่างงงๆ อรุณศรีมองรอบๆและเริ่มรู้ตัว จึงลดระดับอารมณ์ลงแล้วส่ายหน้า
“แกก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ยังจะมากวนอีกเหรอ พอได้แล้ว..แกต้องเลิกยุ่งกับคุณวัช”
“อ้าวเฮ้ย..นี่แกจะให้ฉันเสียตัวฟรีหรือไง”
“แล้วแกจะทำยังไง จะไปแย่งคุณวัชมาจากแฟนเค้าหรือไง”
“ฉันไม่ได้จะแย่ง..แต่ถ้าผู้ชายมาเอง มันก็ช่วยไม่ได้”
“แกจะก๋ากั่นไปถึงไหน ช่วยสลดหน่อยได้มั้ย เผื่อฉันจะเห็นใจแกบ้าง”
สุพรรณิการ์นิ่งลง...คิดและระบายความในใจออกมา
“แอ๊ว..ฉันก็ไม่ได้หน้าหนา ไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่มันเกิดขึ้น เมื่อเช้าฉันอาละวาดจนห้องแทบพัง ทั้งโกรธ ทั้งอาย แต่ที่ฉันทำเป็นไม่เดือดร้อนไม่ฟูมฟายร้องห่มร้องไห้กับแก เพราะฉันคิดว่ามันไม่มีประโยชน์”
สุพรรณิการ์พยายามเก็บอารมณ์ แต่แอบเสียงสั่นนิดๆ อรุณศรีตั้งใจฟังด้วยแววตาที่แสนจะเห็นใจเพื่อน
“ต่อให้ฉันทุกข์ใจ ฉันก็เรียกสิ่งที่เสียไปกลับมาไม่ได้ ฉันเลือกที่จะเดินต่อไป และนายวัชระจะต้องรับผิดชอบ ส่วนแฟนเค้าฉันไม่กลัวหรอก เค้าแรงได้ ฉันก็แรงได้ ก็ลองดูว่าใครจะแรงกว่ากัน”
อรุณศรีฟังแล้วได้แต่ถอนใจ
“ตอนนี้ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าควรจะสงสารใครดีระหว่าง แก คุณแหนม แล้วก็ คุณวัช”
อรุณศรีพูดด้วยความกังวลแบบปลงๆ ตามสัญชาตญาณบอกได้เลยว่า งานนี้ยุ่งแน่ !
วัชระ นั่งเผชิญหน้ากับกริชชัย และธีธัชที่ยืนอยู่คนละมุม ทั้งคู่กำลังไล่ต้อนวัชระที่ไปมีเพศสัมพันธ์กับสุพรณิการ์ ในมุมส่วนตัวของร้านอาหารแห่งหนึ่ง วัชระพยักหน้า..ยอมจำนนแต่โดยดี
“ใช่...สิ่งที่คุณกรเห็นเป็นความจริง”
ทันทีที่ได้คำยืนยันจากวัชระ ทั้งกริชชัยและธีธัชถึงกับส่ายหน้า
“กรูว่าแล้ว” กริชชัยและธีธัชพูดขึ้นพร้อมกัน
“แกกับคุณฝ้าย..ไปไกลถึงขนาดนี้ แล้วแหนมหล่ะ แกจะทำไง” กริชชัยถาม
“ฉันจะต้องเคลียร์ให้เรียบร้อย” วัชระพูดหนักแน่น
“แกจะเคลียร์ได้เหรอวะ เห็นหนีมาเป็นเดือนแล้ว ไม่จบสักที” ธีธํชว่า
“เมื่อก่อนกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน”
“ยังไง” กริชชัยถาม
วัชระคิดก่อนตอบอย่างมั่นใจ
“ฉันคิดว่า.. ฉันชอบฝ้ายว่ะ”
ธีธัชส่ายหน้าอย่างขำๆ
“ได้เค้าดิ เลยพูดแบบนี้” ธีธัชสัพยอก
“ไอ้บ้า.. ฉันไม่ใช่แกนะเว้ย จะได้สนแต่เรื่องนั้น” วัชระว่า
ธีธัชสะดุ้งทันที
อ้าว.. ไรวะ เข้าตัวอีก”
วัชระลุกขึ้นยืนเดินออกจากมุมที่โดนต้อน วัชระคิดไป พูดไป อย่างมีสติ และรู้ตัว
“ความรู้สึกที่ฉันมีกับฝ้าย มันมาแบบไม่คาดหวัง เวลาอยู่กับเค้าแล้วมันสบายใจดี ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก แต่มันก็พอจะเข้าใจกันได้ และที่สำคัญ..เราชอบอะไรคล้ายๆกัน มีระดับการใช้ชีวิตที่มันเสมอกัน” วัชระว่า
“โห.. ระดับการใช้ชีวิต อะไรของแกวะ” ธีธัชพูดแทรก
“ก็เค้าไม่ไฮโซเกินไปสำหรับฉัน และฉันก็ไม่โลโซเกินไปสำหรับเค้า..มันแบบ..พอดีๆ อยู่ด้วยแล้วไม่อึดอัด ไม่ลำบากใจ มันสุขแบบลึกๆ ไม่ปรี๊สปร๊าส แต่มันก็รู้สึกดี .. พูดแล้วก็คิดถึงว่ะ”
“โหย... ไอ้เว่อร์”
“ไอ้วัชพูดถูก” กริชชัยพูดแทรกเข้ามา
“อ้าว” ธีธัชหันขวับมาทางกริชชัย
“ฉันก็รู้สึกแบบนี้กับอรุณศรี” กริชชัยว่า
“ใช่มั้ย” วัชระยิ้มที่ได้กริชชัยเป็นพวก
“ใช่ มันแบบยิ้มๆเวลาคิดถึงเค้า ถึงเค้าไม่ค่อยสนฉัน แต่มันก็มีความสุขเวลาที่ได้คิดถึง”
“ถูก”
ธีธัชถึงกับอึ้ง..วัชระกับกริชชัยเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย จนธีธัชต้องรีบแทรกขึ้นมา
“เฮ้ยๆๆ เดี๋ยว..แกสองคนพร่ำเพ้ออะไรกันเนี่ย..วัยหวานไปปะวะ”
กริชชัยส่ายหน้า วัชระหันมาสวน
“ไอ้ธี...แกไม่เคยรักใคร..แกไม่เข้าใจหรอก”
วัชระพูดจนธีธัชสะอึก..
“แกหาเรื่อง ‘สนุก’ กับสาวๆไปวันๆ แกไม่รู้หรอกว่า “ความสุข” จริงๆมันเป็นยังไง ความสนุก กับ ความสุข .. มันคล้ายกันแต่มันไม่เหมือนกัน .. ถ้าวันไหนแกเจอผู้หญิงที่ทำให้แกมีความสุขได้เหมือนฉันสองคน...แกก็จะเข้าใจเอง”
กริชชัยพยักหน้าสนับสนุน ธีธัชนิ่งอึ้ง..ทำเป็นเชิดหน้าไม่ยอมรับ..แต่ในใจแอบคิดว่า หรือ “กรูจะไม่เคยรักใครจริงๆ”
ธีธัชขับรถมอเตอร์ไซค์แล่นอยู่บนถนน คำพูดของวัชระและกริชชัยยังดังก้องอยู่ในใจ
“ความรู้สึกที่ฉันมีกับฝ้าย มันมาแบบไม่คาดหวัง เวลาอยู่กับเค้าแล้วมันสบายใจดี ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก แต่มันก็พอจะเข้าใจกันได้..มันแบบ..พอดีๆ อยู่ด้วยแล้วไม่อึดอัด ไม่ลำบากใจ มันสุขแบบลึกๆ ไม่ปรี๊สปร๊าส แต่มันก็รู้สึกดี”
“ไอ้วัชพูดถูก ฉันก็รู้สึกแบบนี้กับอรุณศรี... มันแบบยิ้มๆเวลาคิดถึงเค้า ถึงเค้าไม่ค่อยสนฉัน แต่มันก็มีความสุขเวลาที่ได้คิดถึง”
“ไอ้ธี...แกไม่เคยรักใคร..แกไม่เข้าใจหรอก แกหาเรื่อง ‘สนุก’ กับสาวๆไปวันๆ แกไม่รู้หรอกว่า “ความสุข” จริงๆมันเป็นยังไง .. ความสนุก กับ ความสุข .. มันคล้ายกันแต่มันไม่เหมือนกัน .. ถ้าวันไหนแกเจอผู้หญิงที่ทำให้แกมีความสุขได้เหมือนฉันสองคน...แกก็จะเข้าใจเอง”
ทันใดนั้นธีธัชก็เบรคเอี๊ยดกลางถนนเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้...ที่อยู่ๆก็แว่บเข้ามาในสมอง
ภาพของใบหน้าลำเภาที่ตอนกวนๆ น่ารักๆ แทรกเข้ามาในสมอง เหมือนภาพในความทรง
จำที่ถูกเชื่อมต่อกับการรับรู้ “ยัยหนูตะเภา”
กรกนกเดินอยู่ในห้องภายในคอนโดเพียงลำพังคนเดียว กรกนกมองไปที่ภาพคู่ของเธอกับธีธัชด้วยสายตาเย็นชา กรกนกตัดใจค่อยๆหันหลังให้รูปที่ติดอยู่บนผนังและเดินมาหยุดที่กลางห้อง กรกนกอยู่ในชุดเตรียมออกไปนอกบ้าน ข้างๆ มีกระเป๋าเดินทางวางอยู่
กรกนกก้มเขียนโน้ตอย่างตั้งใจ...เขียนแล้วก็อ่านทวนอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น มองไปรอบๆ ห้องที่ดูโล่งขึ้น สมบัติบางส่วนของกรกนกถูกเก็บใส่กระเป๋า
ภาพของกรกนกและธีธัชสวีตหวานอยู่กันตามมุมต่างๆ ในห้อง ซ้อนเข้ามาในความทรงจำจนกรกนกน้ำตาซึมๆ ปริ่มจะไหล กรกนกเม้มปาก สูดลมหายใจ และหันไปวางกระดาษไว้บนโต๊ะ พร้อมกับกุญแจห้อง..กรกนกตัดใจเชิดหน้าและหันหลังให้กับอดีตค่อยๆเดินออกจากห้องไปอย่างเข้มแข็ง
กรกนกคิดถึงบางประโยคที่ มาริลีน มอนโร เคยพูดจึงขึ้นไว้บนสเตตัสเฟซบุ๊กของตัวเอง
“ผู้หญิงฉลาด..จูบแต่ไม่รัก...ฟังแต่ไม่เชื่อ...และบอกลาก่อนจะโดนบอกเลิก”
เมื่อธีธัชกลับมาที่ห้อง พบกระดาษโน้ตยังคงวางอยู่บนโต๊ะ... ธีธัชเอื้อมมือหยิบอ่านแล้วก็นิ่งไป ธีธัช
หยิบกุญแจห้องมากำไว้ พร้อมกับมองไปรอบๆห้องที่ว่างเปล่า ธีธัชมองด้วยความเศร้าแต่เข้าใจ และ
โล่งใจอยู่ลึกๆระคนกัน
โอบบุญเห็นข้อความสเตตัสของกรกนกถึงกับอมยิ้มนิดๆ และกด Like อรุณศรีเดินมาและมองอย่างจับผิด
“ยิ้มอะไร”
โอบบุญหันมายักคิ้วให้อรุณศรีพลางบอก
“กำลังจีบหญิงอยู่”
“ใคร”
“เดี๋ยวก็รู้”
โอบบุญพูดพลางยิ้มกริ่ม อรุณศรีหลิ่วตามองด้วยความอยากรู้ โอบบุญเปลี่ยนเรื่องทันที
“แล้วทำไมไม่ไปทำงาน” โอบบุญถาม
“เจ้านายหยุดให้สำหรับพนักงานไปที่ช่วยงานในวันหยุด”
“นี่..ตกลงเรากับเจ้านาย.. เป็นแฟนกันแล้วเหรอ”
อรุณศรีสะดุ้งนิดๆที่เจอคำถามยิงตรงจากโอบบุญ
“ยัง ไม่ได้เป็น”
“เหรอ..แล้วทำไมแฟนแกถึงร้อนตัว โทร.มา โอดครวญ บอกว่าเย็นนี้จะมาหาฉัน อยากจะปรึกษาเรื่องของเราน่ะ”
“นี่กะจะเข้าทางพี่โอบเหรอเนี่ย..เฮ่อ.. พี่โอบ..การที่เราแอบสืบหรือละลาบละล้วงเรื่องของแฟนเราบ้าง มันน่าเกลียดหรือเปล่า”
“ถ้ารู้เพื่อไม่ให้โดนหลอก มันก็ดี แต่ถ้ารู้เพื่อไประรานเค้ามันก็ไม่ดี”
อรุณศรีคิดตาม
“นี่ถามหน่อย แกเคยเปิดดูโทรศัพท์มือถือไอ้ปรานต์บ้างหรือเปล่า” โอบบุญพูดต่อ อรุณศรีส่ายหน้ากับคำถามของโอบบุญ
“เชคเฟซบุ๊ค เชคอีเมล ไปที่ทำงาน” อรุณศรีส่ายหน้ากับทุกคำถามของโอบบุญ
“เจริญแล้ว” โอบบุญบอก
“ก็ไว้ใจไง..เลยไม่อยากวุ่นวาย” อรุณศรีบอก
“แล้วตอนนี้..ยังไว้ใจอยู่หรือเปล่า”
อรุณศรีชะงักคิด...นั่นสิ
อรุณศรีเดินเข้ามาหยุดยืนที่ริมถนนซึ่งเป็นที่ตั้งร้านเครื่องเสียงปรานต์ อรุณศรีมองเข้าไปในร้านแล้วเริ่มคิด..และตัดสินใจ อรุณศรีกำลังจะเดินเข้าไป ทันใดนั้น รถเกียวพุ่งเข้าไปที่หน้าร้านด้วยความรวดเร็วอย่างชำนาญ อรุณศรีชะงักเท้า ยืนตัวแข็งด้วยความตกใจ อรุณศรีมองตามนิดๆ แล้วก็ส่ายหน้า
ขณะที่เกียวเดินเข้าไปที่ทำงานปรานต์ด้วยความมั่นใจ แต่อรุณศรีเดินเข้ามาด้วยท่าทางเก้ๆกังๆเพราะไม่คุ้นเคย และเก้อๆเขินๆที่มาโดยไม่บอกล่วงหน้า อรุณศรีมองซ้าย มองขวา แล้วก็เดินไปหาพนักงานที่ทำงานอยู่ไม่ไกล
“พี่คะ...เอ่อ..มาหาปรานต์น่ะค่ะ วันนี้ปรานต์มาทำงานหรือเปล่าคะ”
พนักงานเงยหน้าจากรถที่กำลังติดเครื่องเสียง มองซ้ายมองขวา แล้วก็มองไปที่ห้องทำงานปรานต์
ทันใดนั้นปรานต์กับเกียวเดินควงกันออกมาหน้าตาชื่นบาน...ปรานต์ใส่แว่นดำอำพรางแผลที่โดนชก อรุณศรีหันไปเห็นพอดี...อรุณศรีอึ้งเพราะไม่คาดคิดมาก่อน พนักงานหันหน้ามาจะบอกกับอรุณศรี ทว่าอรุณศรีหายไปแล้ว
อรุณศรียืนหลบอยู่หลังรถ หน้าซีด มือเย็น ตัวเย็น ช็อกกับเหตุการณ์ที่พบตรงหน้า อรุณศรีค่อยๆโผล่หน้าออกมาแอบดู ด้วยใจสั่นระรัว อยากจะตรงเข้าไปอาละวาดสุดๆ แต่สติรั้งไว้
เกียวกับปรานต์เดินหน้าฉ่ำขึ้นรถกันไป เกียวส่งกุญแจให้ปรานต์
“ขับนะ พี่หิว ไม่อยากเครียด เดี๋ยวเป็นกรดไหลย้อน”
“ได้เลยครับ..ผมบริการเอง”
ปรานต์ยิ้มรับกุญแจรถมา แล้วเปิดประตูรถให้อย่างเอาใจ ก่อนจะเดินไปที่คนขับ และขับรถออกไปอย่างมีความสุข
อรุณศรีค่อยๆก้าวออกมา...ตัวชา..หน้าซีด..หายใจหอบถี่..เหมือนมีก้อนลมขนาดใหญ่มาจุกอยู่ที่คอ อรุณศรีกำมือแน่น..ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ รู้สึกเหมือนตัวเองโดนหักหลังอย่างแรง
ปรานต์ขับรถของเกียวอย่างสบายอารมณ์ ระหว่างรถติดไฟแดง ปรานต์ถอดแว่นดำ ใบหน้ายังมีร่องรอยของแผลอยู่ ปรานต์หันมาบอกเกียว
“พี่เกียวครับ..เย็นนี้ผมมีไปพบลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท ผมจะยืมรถพี่ไปได้มั้ยครับ...คือ..พอดีว่า..จ๊อบนี้มันใหญ่มากๆ ถ้าเค้าเห็นว่าผมขับรถคันนี้ไป เค้าอาจจะไว้ใจมากขึ้น”
“ได้สิ..ก่อนไปประชุมปรานต์ก็ไปส่งพี่ที่สปาแล้วกัน ประชุมเสร็จเมื่อไหร่ก็มารับ”
“ขอบคุณครับพี่..พี่เกียวดีกับผมจริงๆ” ปรานต์พูดพลางจับมือออดอ้อนเกียว
“ก็ปรานต์เป็นแฟนพี่ มากกว่านี้พี่ก็ให้ได้” ปรานต์ยิ้มรับ เกียวนึกได้
“เอ้อ..แล้วเรื่องไอ้โจรงัดรถที่มันทำให้เราเป็นแบบนี้” เกียวพูดพลางไปชี้หน้าปรานต์ที่รอยช้ำอยู่
“แน่ใจนะว่าจะไม่แจ้งความ พี่มีเพื่อนเป็นตำรวจ เผื่อจะช่วยได้” เกียวพูดต่อ
“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมไม่อยากเอาเรื่องไอ้พวกโจรกระจอก! ลดตัวไปยุ่งกับมันเสียศักดิ์ศรี” ปรานต์พูดพลางนึกถึงกริชชัยด้วยความแค้น
ทันใดนั้นมือถือปรานต์ก็ดังขึ้น ปรานต์ปล่อยมือจากเกียวมาหยิบดู ที่หน้าจอขึ้นชื่อ “แอ๊ว” ปรานต์ชะงักนิดๆ คิดและกดทิ้ง เกียวมองปรานต์แล้วถามหยั่งเชิง
“ทำไมไม่รับ”
“หุ้นส่วนที่บริษัทน่ะ เดี๋ยวค่อยโทร.กลับ ตอนนี้เวลาพักกลางวัน ยังไม่อยากคุยเรื่องงาน”
“น่ารักที่สุด” เกียวหยอกล้อด้วยการจับจมูกปรานต์โยกไปมา ปรานต์ยิ้มรับหน้าชื่น แต่แววตาแอบกังวลเล็กน้อยที่ไม่ได้รับสายอรุณศรี
อรุณศรียืนถือโทรศัพท์ค้างอยู่ คิดไม่ถึงว่าปรานต์จะไม่รับสาย อรุณศรีแค้นใจไม่หายตัดสินใจ กดโทร.ออกอีกครั้ง
มือถือสุพรรณิการ์ดังขึ้น ขณะที่เธอยืนเลือกซื้อชุดตรวจครรภ์อยู่ในร้านขายยา สุพรรณิการ์กดรับ
“ฉันเห็นปรานต์อยู่กับผู้หญิงคนอื่น” อรุณศรีบอก
“เฮ้ย ถามจริง” สุพรรณิการ์ตกใจ ยืนนิ่ง ในมือยังถือชุดตรวจครรภ์อยู่
อรุณศรียืนคุยโทรศัพท์อยู่บริเวณป้ายรถเมล์ที่มีคนยืนรอรถอยู่ 4-5 คน อรุณศรียืนโวยวายให้สุพรรณิการ์ฟังผ่านมือถือ
“จริง ฉันเห็นกับตาตัวเอง เต็มๆสองตา ไอ้ปรานต์มันโกหกฉัน มันบอกว่าเป็นลูกค้ามาติด แต่ที่ฉันเห็นแม่งมันนั่นแหละเกาะติดเค้ายังกะปลิง หน้าตามันมีความสุขมากเลยฝ้าย ฉันเห็นแล้วอยากจะเข้าจับหัวมันโขลกกับกำแพง”
คนที่ป้ายรถเมล์แอบเหล่ๆหันมามองอรุณศรีเป็นตาเดียว
สุพรรณิการ์หอบที่ตรวจการตั้งครรภ์มาวางไว้ที่เคาเตอร์ พนักงานเก็บเงินอึ้งที่เห็นสุพรรณิการ์ซื้อไปเยอะแยะ
“แอ๊ว..แอ๊ว ใจเย็นๆแก..แล้วแกไปเห็นมันที่ไหน” สุพรรณิการ์ปลอบและถามต่อด้วยความอยากรู้
อรุณศรีพยายามระงับอารมณ์อย่างยากลำบาก
“ที่ทำงานมันนั่นแหละ ฉันแอบมาไม่บอกล่วงหน้า กะจะเซอร์ไพรส์ ...แม่ง เซอร์ไพรสจริงๆ ขนาดฉันโทร.ไปหา มันยังกดสายทิ้ง ไม่ยอมรับสายดูมันทำ.. ไอ้ปรานต์นะไอ้ปรานต์ สตอตัวบอสจริงๆ!! โอ้ยย แค้นเว้ย”
คนที่ป้ายรถเมล์หันมามองอีก คนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ค่อยๆขยับถอยนิดๆ ด้วยความเกรง
“แกว่าฉันจะทำยังไงดี ตามไปด่ามันตอนนี้เลยดีมั้ย”
สุพรรณิการ์พูดกับอรุณศรีพร้อมๆกับจ่ายเงินไปและกวาดที่ตรวจครรภ์ลงกระเป๋าแล้ว
“เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวๆ ตอนนี้แกมีหลักฐานที่เหนือกว่ามัน มันยังไม่รู้ตัวว่าแกจับได้ แกอย่าเพิ่งวู่วาม ค่อยๆคิด ตอนนี้แกอยู่ไหน”
อรุณศรีมองไปรอบๆ แล้วตอบด้วยเสียงขุ่น
“ริมถนน..ที่ไหนก็ไม่รู้ ฉันโกรธก็เลยเดินมาเรื่อยๆ”
สุพรรณิการ์เดินออกมาจากร้านขายยา พลางบอก
“เอางี้..แกจำร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆคอนโดฉันได้เปล่า ร้านที่เราไปกินประจำ แกไปรอฉันที่ร้านนะ เดี๋ยวฉันจะรีบไปหา แล้วเราค่อยคุยกัน ตอนนี้แกห้ามทำอะไรทั้งนั้น และห้ามติดต่อไอ้ปรานต์ด้วย ถ้ามันโทร.กลับมาก็ไม่ต้องรับ รู้เปล่า” สุพรรณิการ์ย้ำหนักแน่น อรุณศรีรับคำ
“เออ..จะพยายาม”
อรุณศรีวางสายจากสุพรรณิการ์ หน้าตาเต็มไปด้วยความแค้นปรานต์อย่างรุนแรง อรุณศรีรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองอยู่จึงขวับไปยังคนที่นั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ทุกคนรีบก้มหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อรุณศรีเริ่มรู้สึกตัวค่อยๆเดินเลี่ยงออกไปด้วยความอาย
หลังสุพรรณิการ์กดวางสายจากอรุณศรีแล้ว เธอใช้เวลาคิดเพรียงครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และตัดสินใจโทร.ออก ทันที
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือหน่อยค่ะ”
อรุณศรีนั่งขมวดคิ้วครุ่นคิดสายตาทอดยาวออกไปนอกร้านที่ร่มรื่นด้วยแมกไม้ แก้วน้ำแดงวางอยู่บนโต๊ะ แต่น้ำแข็งละลายจนน้ำแดงแยกตัวออกจากน้ำเปล่า อรุณศรีไม่ได้สนใจจะดื่มมันแม้แต่น้อย
กริชชัยหย่อนตัวลงนั่งข้างอย่างแนบเนียน อรุณศรีหันมาแล้วก็ชะงัก..แปลกใจ
“คุณกริช”
กริชชัยรีบบอกก่อนที่อรุณศรีจะถาม
“คุณฝ้ายโทร.บอกให้ผมมาดูแลคุณ เค้ากำลังเดินทางมา ผมอยู่ใกล้กว่าก็เลยถึงก่อน ผมซื้อมาฝาก” กริชชัยพูดพลางส่งถุงเล็กๆให้อรุณศรี
อรุณศรีหยิบมาดูด้วยความแปลกใจ ในถุงเป็นเจลปิดตา อรุณศรีขมวดคิ้วเงยหน้ามองกริชชัย
“เจลปิดตา ใช้ได้ทั้งร้อนทั้งเย็น เอาไว้ประคบตาหลังจากร้องไห้ ตาจะได้ไม่บวม” กริชชัยพูดหน้านิ่งๆตามสไตล์
อรุณศรีเชิดหน้านิดๆ
“ซื้อมาเยาะเย้ยฉันหรือไง”
“เปล่านะคุณ ผมเป็นห่วงจริงๆ ผมรู้มันเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องขำๆ”
“จริงอ่ะ” อรุณศรีมองหน้ากริชชัย
“จริง” กริชชัยย้ำ
อรุณศรีก้มๆหน้าแล้วก็ระบายออกมา
“ในสายตาคนอื่น..ฉันคงโง่มาก ไม่รู้อะไรเลย คุณคิดดู..ฉันยังไม่รู้เลยว่าปรานต์ทำงานอยู่ตรงไหนของบริษัท แต่ผู้หญิคนนั้นเดินพรวดๆๆ เข้าไปจิกตัวออกมาแล้วก็ไปกินข้าวด้วยกัน สรุป..ใครเป็นแฟน ใครเป็นกิ๊กกันแน่ ฉันเริ่มไม่แน่ใจ”
“ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร .. ที่แน่ๆ เค้าไม่ได้มีคุณคนเดียว”
“ขอบคุณที่ซ้ำ”
“ผมไม่ได้ซ้ำ ผมแค่ย้ำความจริง ผู้หญิงที่คุณเห็น ผมสั้นๆ ขาวๆ อวบๆ ดูรวยๆ แล้วก็อายุมากกว่าแฟนคุณใช่หรือเปล่า”
อรุณศรีนึกแปลกใจที่กริชชัยบอกรูปพรรณสัญฐานได้อย่างถูกต้อง
“ใช่...คุณรู้ได้ยังไง”
“ผมเคยเห็นเค้าสองคนเดินด้วยกันที่พารากอน”
“คุณเห็น” กริชชัยพยักหน้ารับ
“แล้วทำไมไม่บอกฉันสักคำ ปล่อยให้ฉันเป็นอีโง่อยู่ได้ตั้งนาน” อรุณศรีพูดต่อ
“ถึงผมบอก...คุณก็คงไม่เชื่อ ดีไม่ดีจะหาว่าผมใส่ร้ายแฟนคุณ”
อรุณศรีนิ่งไม่เถียง กริชชัยเริ่มถามหยั่งเชิง
“แต่ตอนนี้คุณก็รู้ด้วยตัวเองแล้ว... คุณ...จะทำยังไงต่อ”
“ฉันก็ต้องยอมรับความจริง”
“ยอมรับแล้ว...ทำยังไงต่อ” กริชชัยรีบถามต่อ
อรุณศรีมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว แต่ไม่พูดออกมา กริชชัยมองหน้าอรุณศรีด้วยความอยากรู้คำตอบที่อยู่ในใจนั้นเหลือเกิน
จังหวะนั้น สุพรรณิการ์เดินพรวดเข้ามาในร้านอาหารพอดี รุณศรีถือโอกาสตัดบทเอาตัวรอด
“ฝ้ายมาพอดี.. ฝ้าย” อรุณศรีตะโกนขึ้น
สุพรรณิการ์รีบเดินเข้ามาหา
“คุณกริชขอบคุณนะคะที่มาอยู่เป็นเพื่อนแอ๊ว”
“ด้วยความยินดีครับ”
“เป็นไงบ้างแก” สุพรรณิการ์หันมาทางอรุณศรีแล้วถาม
“ก็..ดีขึ้นนิดหน่อย”
กริชชัยอมยิ้มนิดๆ กับคำตอบ สุพรรณิการ์รีบนั่งลงข้างๆอรุณศรีและเปิดฉากคุยด้วยความอยากรู้ทันที
“ไหน แกเล่ามาดิ มันเป็นยังไง แกเจอมันที่ไหน แล้วนังผู้หญิงนั่นมันเป็นใคร ขอแบบละเอียดๆ ให้เห็นภาพ เลยนะ”
อรุณศรีตั้งท่าจะเล่าตามประสาหญิง แล้วก็นึกได้ว่ากริชชัยนั่งอยู่ อรุณศรีอึกอักเล็กน้อย กริชชัยรู้ตัว และพูดขึ้นอย่างมีมารยาท
“หมดหน้าที่ของผมแล้ว .. เชิญคุณสองคนตามสบาย” กริชชัยพูดพลางลุกขึ้น
“อ้าว ไปเลยเหรอคะ” สุพรรณิการ์ถาม
“ครับ..ถ้าต้องการให้ช่วยอะไรโทร.หาผมได้ตลอดเวลา” กริชชัยพูดกับอรุณศรี
อรุณศรียิ้มรับ
“ขอบคุณค่ะ”
กริชชัยยิ้มรับและกำลังจะหันหลังไป อรุณศรีนึกได้จึงเรียกไว้
“คุณกริชคะ”
กริชชัยหันมาอีกครั้ง อรุณศรีชูเจลปิดตาขึ้น
“ขอบคุณที่ซื้อมาให้ แล้วก็ขอบคุณที่มานั่งเป็นเพื่อนค่ะ”
กริชชัยแอบจ๋อยตรงคำว่าเพื่อน
“ด้วยความยินดีครับ”
กริชชัยหันหลังเดินออกไป ด้วยใบหน้าและหัวใจเหี่ยวๆ ดวงเดิม
อ่านต่อ ตอนที่ 20 วันที่ 4 มกราคม 2555
*ติดตามอ่านเรื่องราว "3หนุ่มเนื้อทอง" อย่างเต็มอิ่ม ละเอียดทุกบทสนทนา ทุกลมหายใจของตัวละคร สมบูรณ์ที่สุด และตรงตามบทโทรทัศน์ช่อง 3 ตั้งแต่ต้นจนอวสาน โดยไม่มีการตัดทอน ทุกวันทาง "ละครออนไลน์"