xs
xsm
sm
md
lg

หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 19

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 19

วินยารู้สึกตัวขึ้นมาในกระท่อมของเลาซา อาการหายจนเป็นปกติ  เธอเอามือจับไหล่ข้างที่ได้รับบาดเจ็บก็พบว่าแผลหายดีแล้ว แต่ยังอ่อนแรงอยู่

“แผลหายแล้ว!! เป็นไปได้ยังไง...”
วินยาแปลกใจครามครัน พยายามลูบบริเวณแผลไปมา พอแน่ใจแล้ว จึงกวาดตามองออกไปเห็นเสื้อผ้าชุดใหม่ เป็นแบบเดียวกับที่เธอใส่อยู่เป็นประจำวางอยู่ที่มุมหนึ่งในกระท่อม
วินยาโผเผลุกขึ้นยืน เข้าไปหยิบชุดขึ้นมา เหลียวมองหาที่เปลี่ยนชุด

ครั้นพอเปลี่ยนชุดใหม่เสร็จแล้ว วินยาเปิดประตูด้านหลัง ค่อยๆ โผเผออกมาเพราะยังอ่อนแรงอยู่
เห็นเลาซากำลังผ่าฟืนอย่างใจเย็น เหมือนรอดักอยู่แล้ว เพราะรู้ว่ายังไงวินยาก็คงต้องหาทางหนี
“พอฟื้นขึ้นมา ก็หนีทันทีเลยนะ”
วินยาตกใจ หันไปมอง
“เจ้า...”
เลาซาโยนขวานไปปักกับท่อนไม้ แล้วเดินเข้ามาหาวินยา นิ้วเลาซาที่โดนวินยากัดยังมีผ้าพันแผลไว้
“ตอนที่เจ้าหมดสติ ข้าพอกยาประสานกายให้เจ้า พร้อมๆ กับให้ยาถอนพิษ ยาสั่งที่ข้าปรุงขึ้นใหม่ไปด้วย เจ้าน่าจะหายดีแล้ว เหลือแค่พักฟื้น…”
เลาซายังพูดไม่ทันจบ วินยา ก็ยกมือผลักเลาซาออกไป
“ออกไป...”
วินยาก้าวออกไปไม่กี่ก้าวก็ เซจะล้ม เลาซาเข้ามาประคอง แต่วินยาสะบัด
“อย่าพยศนักเลยน่า แรงเจ้าแทบจะไม่มีอยู่แล้ว”
“อย่ามาแตะต้องตัวข้า”
“ข้าก็ไม่ได้อยากจะแตะนักหรอก แต่ขืนปล่อยให้เจ้าคลุกดินคลุกทรายอยู่อย่างนี้ ข้าก็ต้องจับเจ้า
เปลี่ยนเสื้อผ้าอีก จะเอาอย่างนั้นเหรอ”
วินยามองเลาซาอย่างเจ็บใจ
“ข้าจะไปจากที่นี่”
“เจ้าไปไม่ได้ ถ้าข้าไม่ได้สั่ง”
วินยาฮึดสู้ ใช้วิทยายุทธเตะต่อย แต่เลาซาตั้งรับ แล้วรวบร่างวินยามากอดไว้ในอ้อมอกได้อย่างสวยงาม
“จำไม่ได้เหรอว่าผลของการหนีมันทรมานแค่ไหน”
วินยาพยายามจะสะบัด แต่ถูกเลาซารวบเอาไว้จนดิ้นไม่หลุด ได้แต่ฮึดฮัดไปมา

ครู่ต่อมาเลาซาถือถ้วยใส่ข้าวต้มเข้ามา วินยานั่งอยู่ที่พื้น โดยเขาเอาเชือกมัดมือไว้กับเสา เลาซาทรุดตัวลงข้างๆ
“ข้าต้มข้าวมาให้ ...กินซะ”
“ไม่กิน” วินยาตวาดใส่
“เจ้านี่ดื้อหรือโง่กันแน่ ไม่กินข้าว แล้วเจ้าจะมีแรงหนีได้ยังไง” เลาซาเย้ย
“ไม่ต้องมาเยาะเย้ยข้า ข้ายอมอดข้าวตายดีกว่า เห็นหน้าเจ้า” วินยาเมินหน้าหนี
เลาซายัวะ วางถ้วยข้าวลง แล้วจัดการจับหน้าวินยาหันมาหา
“ข้าสั่งให้กิน”
วินยาจะไม่ยอมเปิดปาก เลาซาบีบปากวินยาให้อ้าออก วินยาสะบัดหนีไม่ยอม แล้วทำท่าจะกัดนิ้วเลาซาอีก
“จะทำอะไร จะกัดข้าให้จมเขี้ยวเหมือนวันก่อนหรือไง”
วินยามองนิ้วเลาซาที่พันผ้าพันแผลไว้ นึกจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ วินยาถึงกับอึ้งไป เมื่อนึกได้ว่าเลาซาช่วยตนเองไว้ ถึงขนาดยอมเจ็บตัวมากๆ
เลาซาตักข้าวต้มขึ้นมา พูดขึ้น
“กินซะ ข้าจะป้อนให้”
วินยาอยู่ในอาการอึ้ง เหวอ และคิดอะไรไม่ออก เปิดปากกินข้าว มองดูอาการที่เลาซาเอาใจใส่อย่างไม่เข้าใจตัวเอง
เลาซาป้อนข้าวให้วินยาอีก พอข้าวตกถึงท้องแล้ววินยาเลยรั้งความหิวไม่อยู่ เคี้ยวกินข้าวอย่างรวดเร็ว
จนเลาซาตักป้อนแทบจะป้อนไม่ทัน วินยาบุ้ยใบ้ให้เลาซาตักเนื้อหมูกับข้าวให้กินบ้าง
เลาซามองแล้วคลี่ยิ้มออกมา ที่เห็นวินยากินข้าวได้ ไม่นานนักเลาซาก็วางถ้วยข้าวที่วินยากินจนเกลี้ยงลง
เลาซายกกระบอกน้ำมาให้วินยาดื่ม วินยาดื่มน้ำจากกระบอกจนน้ำหกรดเสื้อตัวเอง เลาซามองอยู่รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ซับเช็ดน้ำที่หกให้อย่างเบามือ แล้วยกมือขึ้นแตะที่ริมฝีปากวินยาจะเช็ดปากให้
วินาทีนั้นทั้งสองมองสบตากัน เลาซามองวินยาแทบอยากจะกลืนกิน เขาอดใจไม่ไหว ก้มหน้าลงมาจะประทับจูบที่ริมฝีปาก วินยารีบเบี่ยงหน้าหลบ ร้องห้าม
“อย่า”
เลาซาชะงัก มองน้อยใจรู้ดีว่า วินยารังเกียจ วินยาเมินหน้าพูด
“ถอยออกไป”
เลาซาทำเป็นวางมาดเข้มโหดขึ้นมาใส่วินยา
“วินยา”
วินยาหันกลับมาเอาเรื่อง ระบายความอัดอั้นตันใจ
“ทำไมเจ้าต้องช่วยข้าด้วย ทำไมไม่ปล่อยให้ข้าตายๆ ไปซะเลย มันจะได้จบๆ ไปเสียที”
เลาซาเจ็บปวดหัวใจ แต่ทำฝืนเป็นเข้ม ใส่วินยา
“เรื่องอะไรล่ะ ความตายยังถือเป็นความกรุณาเกินไปสำหรับเจ้า”
“อะไรนะ”
เลาซายกมือจับคางวินยาบีบให้เงยหน้าขึ้นมาจ้องตา
“ในเมื่อเจ้าเกลียดข้านัก ข้าก็จะให้เจ้าเห็นหน้าข้าทุกวันๆ ให้เจ้าค่อยตายไปอย่างช้าๆ ทุกวันๆไงล่ะ”
เลาซามองแล้วยิ้มเยาะ ปล่อยมือสุดแรง จนวินยาหน้าหัน แล้วเลาซาก็ลุกเดินลิ่วๆ ออกประตูบ้านไปเลย วินยาร้องตะโกนต่อว่าตามหลัง
“เลือดเย็น ไอ้คนอำมหิต ...ข้าเกลียดเจ้า”
วินยามองตามออกไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า ทั้งเจ็บใจ เคืองแค้นใจ คิดว่าเลาซาเป็นพวกคนเลวเลือดเย็นจริงๆ

เลาซาเดินออกมาหน้ากระท่อม แล้วหยุดยืนพิงประตู สีหน้าสะใจเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเศร้าสลด
“ข้ายอมให้เจ้าเกลียดข้าก็ได้วินยา ขอให้ข้าได้อยู่ใกล้ๆ กับเจ้า ได้เห็นหน้าเจ้าทุกวันอย่างนี้ มันก็คุ้มค่า
แล้ว”
สีหน้าของเลาซาเหม่อลอยหมองเศร้า เจ็บปวดอยู่เพียงลำพัง

เหตุการณ์ที่เมืองลับแล ทหาร 2-3 คน ช่วยกันยกขนกำปั่นขนาดใหญ่ใส่แก้วแหวนเงินทองมาให้ถึงสามกำปั่น ธานี พาณิชย์ ตื่นตาตื่นใจ ธนวัติมองยังไม่ไว้ใจ ขณะที่อุ๊บอิ๊บออกอาการเบื่อๆ เวลานั้นทั้งหมดเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว เป็นชุดชาวเมืองลับแลที่ดูดี มีสกุล
“นี่คือรางวัลของพวกเจ้า” แสงเพชรบอก
“ขอบใจนะ เจ้าแม่ เจ้าแม่ช่างมีน้ำใจกับพวกเราจริงๆ”
ธนวัติคว้ามือธานีไว้ไม่ให้แตะ
“เดี๋ยวก่อนป๊า เดี๋ยวแตะมัน แล้วกลายเป็นอัมพาตอีกหรือเปล่า” ธนวัติหันไปหาเจ้าแม่สองพี่น้อง “แน่ใจนะว่า ไม่ได้เล่นตุกติกอีก”
แสงเพชรกับแสงหล้ามองหน้ากันแล้วส่ายหน้า เห็นเป็นเรื่องไร้สาระ
“นี่ อย่าฟื้นฝอยเรื่องเก่าๆ เลย ตอนนี้ข้ารู้แล้วล่ะว่าพวกเจ้าเป็นกัลยาณมิตรของข้ากับเจ้าพี่ เพชรพลอยแค่นี้ไม่อาจทดแทนความดีของพวกท่านได้เลย” แสงหล้าหยอดยาหอม
“เอาล่ะ เสร็จธุระแล้ว เชิญพวกท่านพักผ่อนตามสบาย ขาดเหลืออะไรขอให้บอก คนของข้าจะจัดหาให้ทุกสิ่งที่พวกเจ้าต้องการ” แสงเพชรกล่าว
แสงเพชรและแสงหล้าออกจากห้องไป
“เชอะ ทำเป็นวางท่า นังชะนีบ้าผู้ชาย” อุ๊บอิ๊บพูดด้วยความหมั่นไส้ แกมอิจฉา
“หุบปากเลยนะอุ๊บอิ๊บ ห้ามพูดพล่อยๆ แบบนี้อีกเด็ดขาด”
ถูกธานีเอ็ดเอา อุ๊บอิ๊บไม่พอใจ
พาณิชย์เปิดกำปั่น ตาลุกวาวเมื่อเห็นแสงระยิบระยับจากแก้วแหวนเงินทองในกำปั่น
“โห ของแท้ทั้งนั้น ไอ้เมืองลับแลนี่มันรวยจริงๆ ไม่ใช่กระจอกนะเนี่ย แค่นี้ก็สบายไปจนตายแล้ว เราไปจากที่นี่กันเถอะ”
“จะรีบไปไหนล่ะ แค่นี้ยังน้อยไป นังเจ้าแม่มันต้องมีมากกว่านี้ ฉันไม่เอาแค่นี้หรอก ฉันจะเอาหมดทั้งเมือง” ธนวัติบอกอย่างจริงจัง
ธานียกนิ้วให้ลูกชาย “เยี่ยมมาก ชั่วเอ๊ยฉลาดตัวพ่อสมเป็นลูกชายป๊าจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ธนวัติมองออกไป ยิ้มร้ายอย่างมีแผนแล้วภายในใจ

เวลาเดียวกันนั้นกิมจิเขย่าลูกกรงห้องขัง ร้องโวยวาย
“มันอะไรกันนักหนา ชาติที่แล้วทำกรรมอะไร ทำไมชีวิตจิถึงต้องวนเวียนเข้าออกกรงขังแบบนี้”
กิมจิทรุดตัวนั่งลง กอดคอคนที่นั่งข้างๆ
“แจ๋ แกไม่คิดจะพูดอะไรบ้างรึ นี่แกผอมไปเยอะเลยนะเนี่ย ตรอมใจเหรอ”
กิมจินึกว่าเป็นแจ๋ แต่พอหันไปมอง ที่กิมจิกอดคออยู่ไม่ใช่แจ๋ กลายเป็นโครงกระดูกนักโทษที่ตายในคุก
“จ๊ากก” กิมจิร้องลั่น
“ฉันอยู่นี่” แจ๋ตะโกนบอก
กิมจิกระโดดหนีมานั่งข้างแจ๋ แต่หัวกะโหลกหลุดติดมือมาด้วย
“ช่วยด้วย ผีจะหักคอฉัน”
“แกก็ทิ้งไปสิ จะเอามาด้วยทำไม”
“มันติดมือฉัน”
กิมจิสะบัดสุดแรงเกิด จนหัวกะโหลกหล่นกลิ้งหลุนๆ ไป กิมจินั่งตัวสั่นอยู่ข้างๆ แจ๋ส่ายหน้าอย่างรำคาญ
“โวยวายอยู่ได้ คนยิ่งกลุ้มๆ อยู่ หัดนั่งเงียบๆ เหมือนบุญทิ้งบ้างได้มั้ย”
แจ๋กับกิมจิหันมองไปทางบุญทิ้งที่นั่งสมาธิสงบนิ่ง
ด้านดาหวันนั่งพิงลูกกรง ตาลอย เหม่อมองคิดถึงแต่ชลิต ฉวีวรรณมองอาการแล้วเป็นห่วงน้องสาว
“หวัน เป็นอะไรรึเปล่า นั่งเงียบ ไม่พูดไม่จา”
“พี่หวี”
ดาหวันหันมากอดฉวีวรรณ ร้องไห้โฮ สะอื้นจนตัวโยน
“เป็นอะไร เจ็บตรงไหนรึ”
“หวันเจ็บที่ใจน่ะพี่หวี หวันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่ชลิต เอ่อ พี่ดนัยกับพี่ชลิตถึงไม่ยอมหนีไปกับเรา”
“พี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ฉวีวรรณและดาหวันทั้งเศร้า และสับสนระคนกัน ไม่เข้าสองชายที่พวกเธอรักเอาเสียเลย

เวลานั้นดนัยยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงเพชรมากอดทางด้านหลัง
“คิดอะไรอยู่รึ…ดนัย”
ดนัยหันมากอดแสงเพชรตอบ
“คิดถึงเมียน่ะสิ” ดนัยยิ้มพราย
“ฮึ ปากหวาน” แสงเพชรยิ้ม อย่างมีความสุข
เช่นเดียวกับชลิตนอนอยู่บนเตียง มีแสงหล้านอนออเซาะอยู่ข้างๆ กอดชลิตไม่วางมือ
“ไม่คิดเลยว่างานอภิเษกจะวุ่นวายถึงเพียงนี้ แต่แสงหล้าดีใจ ที่พี่ชลิตเลือกแสงหล้า”
“พี่ก็ต้องเลือกแสงหล้าอยู่แล้ว เพราะพี่รักแสงหล้า”
“แสงหล้าก็รักพี่ชลิต”
แสงหล้ายื่นหน้ามาหวังจะจูบชลิต แต่เสียงกรนดังขึ้นมา แสงหล้าชะงัก ลืมตามอง เห็นชลิตหลับไปแล้ว
“พี่ชลิต อย่าเพิ่งหลับสิ ตื่นขึ้นมาก่อน พี่ชลิต”
ชลิตหลับสนิท ไม่ยอมตื่น ทำเอาแสงหล้าถึงกับเซ็ง
“ไม่ได้เรื่องเลย!”

ส่วนดนัยและแสงเพชรกำลังมองสบตากันด้วยความรัก
“วันนี้ข้าเกือบเสียเจ้าไป ข้ากลัวเหลือเกิน”
“อย่ากลัวไปเลยที่รัก ผมไม่มีวันไปจากคุณ”
ดนัยพาแสงเพชรไปนั่งที่เตียงนอน ดนัยจูบหน้าผากแสงเพชรอย่างอ่อนหวาน แล้วเลื่อนลงมาหอมแก้ม
“เจ้ารักข้ารึไม่”
“ผมรักคุณคนเดียว”
ดนัยและแสงเพชรค่อยๆ ล้มตัวลงนอนบนเตียง ดนัยก้มหน้าเข้าใกล้แสงเพชร จะจูบ แต่จู่ๆ ดนัยก็ปวดหัวขึ้นมา
“โอ๊ย”
ดนัยล้มลง กุมขมับ ดิ้นพล่านบนเตียงนอน
“ดนัย เจ้าเป็นอะไร” แสงเพชรตกใจ
“ช่วยด้วย ปวดหัว โอ๊ย ไมเกรนขึ้น”
แสงเพชรฟังแล้วยิ่งตกใจ
“ไมเกรนอะไรน่ะ เจ้าพูดเรื่องอะไร”
ดนัย! ผม ผมปวดหัวข้างเดียวน่ะ
“ทำไมต้องมาปวดตอนนี้ด้วยนะ”
“โอ้ย ขอยาหน่อย มียาแก้ปวดมั้ย” ดนัยครวญครางอย่างเจ็บปวด
“ใจเย็นๆ นะ ดนัย ข้าจะไปหาให้เดี๋ยวนี้แหละ”
แสงเพชรรีบออกไป ดนัยนอนปวดหัวดิ้นไปมาอยู่อย่างนั้น

เช้าวันต่อมา กิมจิและบุญทิ้งในชุดเสื้อผ้าเนื้อตัวมอมแมม กำลังช่วยกันขุดดินทำแปลงปลูกต้นไม้อยู่ ในอาการเหน็ดเหนื่อย ฉวีวรรณ ดาหวันและแจ๋ใช้ตะกร้าตักดินที่ขุดขึ้นมา ลำเลียงไปถมที่ดินอีกที่หนึ่ง ทั้งหนัก เหนื่อย ทั้งสามสาวอยู่ในสภาพมอมแมม ทหารถือแส้ยืนคุม เร่งให้ทุกคนทำงาน
“ขุดเข้าไป เร่งมือเข้า ไม่เสร็จห้ามพัก”
ดาหวันเหนื่อยทั้งกายและใจ หมดแรง หกล้มลง ตะกร้าดินหกกระจาย
ทหาร 2 คนเห็นรีบเดินเข้ามา
“อย่ามัวอู้ ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”
“ไม่เห็นรึไงว่าน้องฉันเหนื่อย ไม่ไหวแล้ว ขอพักสักเดี๋ยวไม่ได้รึไง” ฉวีวรรณต่อรอง
“ไม่ได้! พวกเจ้าเป็นแค่ทาส ไม่มีสิทธิ์ต่อรอง”
ทหารทั้ง 2 นาง กระชากแจ๋และฉวีวรรณออกมา
พร้อมกันนั้นทหารคนหนึ่ง เงื้อแส้เฆี่ยนดาหวัน แต่ฉวีวรรณสะบัดตัวจากทหารอีกคน เข้าไปกอดบังร่างดาหวันไว้ เลยโดนเฆี่ยนแทน
“โอ๊ย!”
แจ๋ตกใจ แต่สะบัดหนีจากทหารไม่ได้ จะไปช่วยเพื่อนก็ไม่ได้
“หวี! หวัน!”
กิมจิกับบุญทิ้งตกใจจะไปช่วยเพื่อนก็โดนทหารอีก 2 คนชกล้มลง
“พี่หวี ออกไปนะพี่หวี” ดาหวันห่วงพี่สาว
“ไม่ พี่ไม่ไป”
“พี่หวี”
ฉวีวรรณเจ็บ แต่กอดดาหวันไว้แน่น ป้องกันน้องสาวไม่ให้ถูกเฆี่ยนตี
“พี่จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายน้องพี่”
จังหวะนั้นทหารเฆี่ยนฉวีวรรณ 3 ทีรวด
“พี่หวี”

“พอได้แล้ว!” เสียงธนวัติดังลอดเข้ามา พวกทหารชะงัก
ธนวัติ ธานี และพาณิชย์เดินกร่างเข้ามา ทั้งสามมองฉวีวรรณกับดาหวันเย้ยๆ
“โถๆๆ นึกว่าใคร หนูหวีกับหนูหวันคนสวยนี่เอง เห็นสภาพแล้ว จำแทบไม่ได้เลยนะเนี่ย” ธานีเยาะ
“แก…ไอ้พวกชั่ว!” ดาหวันโมโหด่าออกไป
“เจอหน้าก็ด่าเลยนะ” ธานีโกรธ
“อย่าพูดจาอย่างนี้กับพวกพี่สิจ๊ะ พี่ช่วยน้องได้นะ ถ้าอยากสุขสบาย ก็กราบเท้าพี่งามๆ พูดหวานๆ อ้อนวอนขอร้องพี่ แล้วพี่จะเลื่อนขั้นน้อง…จากทาส…มาเป็น…นางบำเรอ รับรองสบาย”
พาณิชย์เยาะเสร็จก็หันมาหัวเราะกับธนวัติอย่างสะใจ ฉวีวรรณกับดาหวันโกรธเอามากที่โดนดูถูก
“พวกพี่อยากช่วยเราสองคนรึจ๊ะ” ฉวีวรรณแกล้งพูดหวาน
“พูดหวานๆ อย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย”
ธนวัติขยับตัวเข้ามาใกล้ ยื่นมือให้จับ ฉวีวรรณแกล้งยิ้มให้ แล้วกำดินขว้างใส่ธานี ธนวัติและพาณิชย์
“ฉันยอมตายดีกว่าเป็นเมียแก”
ธานีโดนดินปาใส่หน้าเต็มๆ รีบปาดดินออกจากหน้า โวยวายอย่างฉุนเฉียว
“วันนี้มันวันอะไรวะ”
ธนวัติและพาณิชย์โกรธมาก ปัดเศษดินออกจากเสื้อผ้า
“จะตายอยู่แล้วยังปากดีอีก”
ธนวัติบีบคางฉวีวรรณ
“อย่าทำหยิ่งนักเลยน้องหวี จะหวงตัวไว้รอใคร อย่าบอกนะว่าจะรอไอ้ดนัย เสียเวลาเปล่า”
“หมายความว่าไง” ฉวีวรรณสงสังคำพูดธนวัติ
“ป่านนี้ไอ้สองคนนั้นมันขึ้นสวรรค์กับเจ้าแม่สองพี่น้องนั่นแล้ว พวกมันฉลาดกว่าที่ฉันคิด รู้จักเอาตัวรอด”
“โกหก พี่ชลิตไม่ใช่คนเห็นแก่เงิน” ดาหวันแย้ง
“ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งเมีย ใครจะโง่ไม่คว้าไว้ ดูสารรูปตัวเองซะบ้าง คิดว่าพวกมันจะจริงจังกับพวกเธอรึ ยายโง่เอ๊ย”
“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ”
“ถ้าไม่เชื่อ ฉันจะพาไปดูให้เห็นกับตา จะได้เลิกโง่สักที”
พูดจบธนวัติก็ดึงฉวีวรรณไป ขณะที่พาณิชย์กระชากแขนดาหวัน
“มานี่”
“ฉันไม่ไป ปล่อยนะ”
แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งจะไปช่วยฉวีวรรณกับดาหวัน แต่ถูกทหารตบจนแจ๋ล้มลง และชกกิมจิกับบุญทิ้งล้ม
ลงเช่นกัน ทหารช่วยกันจับตัวทั้งสามไว้
“ไอ้วัติ ไอ้พาณิชย์จัดไปเลย เบาๆ ฮ่าฮ่าฮ่า” ธานีตะโกนตาม
ธนวัติและพาณิชย์ฉุดลากเอาตัวฉวีวรรณกับดาหวันออกไป

ดนัยลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เห็นว่าเจ้าแม่แสงเพชรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้อย่างห่วงใย
“ดนัย ฟื้นแล้วรึ” แสงเพชรดีใจ
“ผมเป็นอะไรไป” ดนัยยังมึนๆ
“เจ้าปวดหัวจนหมดสติไปทั้งคืน ข้าเป็นห่วงแทบแย่”
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณเป็นห่วง”
“ข้าไม่ยกโทษให้ เจ้าต้องถูกทำโทษ โทษฐานที่ทำให้ข้ากังวลใจ”
แสงเพชรพูดพลางลูบไล้หน้าอกดนัย ดนัยยิ้มอย่างรู้ใจ กุมมือแสงเพชร ดึงมากอด
“อยากทำโทษอะไร ผมยอมทุกอย่าง”
ทั้งสองมองสบตา ยิ้มให้กัน แววตาเป็นประกาย แล้วค่อยๆ โน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆ จะจูบกัน แต่แล้วก็มีเสียงโวยวายดังขัดจังหวะขึ้น
“มานี่” ธนวัติสั่ง
“ปล่อยนะ” ฉวีวรรณไม่ยอม
แสงเพชรและดนัยต่างชะงัก ตกใจ

ธนวัติและพาณิชย์ลากฉวีวรรณกับดาหวันมาที่หน้าห้องแสงเพชร และแสงหล้า สองนางกำนัลชบาและดอกเข็มเฝ้าอยู่หน้าห้องเจ้าแม่แสงเพชรและเจ้าแสงหล้า ทั้งสองต่างตกใจ รีบมาขวาง
“หยุดนะ เข้าห้องบรรทมเจ้าแม่โดยพลการไม่ได้” ชบาบอกเสียงเข้ม
ธนวัติไม่ฟังร้องตะโกนเรียก “นี่ ดนัย ชลิต ออกมาหน่อยสิ”
“ห้ามเสียงดัง รบกวนเจ้าแสงหล้านะ อยากหัวหลุดจากบ่ารึ” ดอกเข็มแหวใส่
แสงเพชรออกมาจากห้องหนึ่งพร้อมกับดนัย ส่วนชลิตออกมาพร้อมกับเจ้าแสงหล้าจากอีกติดๆ กัน ทั้งดนัยและชลิตดูงัวเงีย เสื้อผ้าหลุดลุ่ย แสงเพชรพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
“เสียงดังอะไรกัน”
ฉวีวรรณกับดาหวันเห็นภาพบาดตา เจ็บปวดใจ แทบไม่เชื่อตาตัวเอง
“ดนัย!” ฉวีวรรณเศร้าใจ
“พี่ชลิต นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่…” ดาหวันเจ็บปวดหัวใจ
พอแสงเพชรกับแสงหล้าเห็นเป็นสองสาว ก็รีบควงดนัยและชลิตเย้ยหยัน
“ข้ากับดนัยอยู่ด้วยกันทั้งคืน” แสงเพชรบอก
“ข้ากับพี่ชลิตก็เช่นกัน คงไม่ต้องสาธยายหรอกนะ ว่าชายหญิงอยู่ในห้องเดียวกัน เขาทำอะไรกันบ้าง” แสงหล้าคุยข่ม
ฉวีวรรณกับดาหวันเสียใจ ถลาเข้าไปเขย่าตัวดนัยกับชลิต
“ไม่จริงใช่มั้ยดนัย ฉันไม่เชื่อ”
“เขาบังคับพี่ใช่มั้ย พี่ชลิต บอกหวันมาสิ”
แสงหล้าผลักดาหวัน
“ปล่อย อย่ามายุ่งกับพี่ชลิตของข้า”
“หน้าด้าน พี่ชลิตไม่ใช่ของแกสักหน่อย”
“ปากดีนักนะ”
แสงหล้าปรี๊ดตบหน้าดาหวัน ฉวีวรรณโกรธแทนน้อง ตบหน้าแสงหล้ากลับ
“กล้าดียังไงมาตบน้องฉัน”
“อ๊าย เจ้าบังอาจตบข้า”
หลังจากนั้น สี่สาว แสงเพชร แสงหล้า ฉวีวรรณกับดาหวันเลยเปิดศึกชิงนาย ฟ้อนเล็บตบจิกกันนัวเนีย
“เจ้าแม่เจ้าขา”
ชบาและดอกเข็มรีบตามไป ธานี ธนวัติและพาณิชย์มองอย่างสะใจ
ในขณะที่ฤทธิ์มนต์เสน่ห์ ทำให้ดนัยและชลิตห่วงแสงเพชรและแสงหล้า

แสงเพชรยื้อยุดอยู่กับฉวีวรรณ ส่วนแสงหล้าก็ต่อสู้กับดาหวัน เป็นมวยที่ถูกคู่กันพอดิบพอดี ชบาและดอกเข็มเข้ามา ทั้งสองต่างห่วงเจ้านายของตน
“เจ้าแม่เจ้าขา ระวัง” ชบาร้องเตือนเป็นระยะ
แสงเพชรจะตบฉวีวรรณ แต่ฉวีวรรณก้มหลบทัน แสงเพชรเลยตบโดนชบาแทน
“โอ๊ย”
“ชบา จับตัวมันไว้”
ชบาเจ็บแต่ต้องพุ่งเข้ามาจับตัวฉวีวรรณไว้ ฉวีวรรณดิ้นไม่หลุด โดนรุม แสงเพชรตบหน้าฉวีวรรณหลายฉาด ฉวีวรรณเจ็บไปทั้งตัว
จังหวะเดียวกันนั้น ดาหวันก็โดนดอกเข็มล็อกตัวไว้ และโดนแสงหล้าตบตี
“โอ๊ย พวกหมาหมู่”
ฉวีวรรณฮึดสู้ศอกใส่ชบาเต็มแรง ชบาจุก ล้มลง

ส่วนดาหวันที่โดนดอกเข็มล็อคแขนสองข้างไว้ ถอยดันหลังไปกระแทกเสาอย่างแรง ทำให้ดอกเข็มเจ็บ ล้มลง แสงหล้ากำลังตามมา เงื้อมือจะตบ เห็นว่าดาหวันไม่ได้ถูกจับอยู่แล้วก็ตกใจ
“เข้ามาสิ มาเล้ย”
ดาหวันเงื้อมือจะตบกลับ แสงหล้ากรี๊ดลั่น วิ่งหนี ดาหวันตามไป

ฉวีวรรณสะบัดตัวหลุดจากชบาได้ เงื้อจะตบแสงเพชรกลับบ้าง
“หยุดนะ” เสียงดนัยดังขึ้น ฉวีวรรณชะงัก
ดนัยเข้ามาคว้าข้อมือฉวีวรรณไว้และบิดอย่างแรง ฉวีวรรณเจ็บ
“โอ๊ย ดนัย ปล่อย ฉันเจ็บ”
ดนัยผลักฉวีวรรณล้มลงไป ช่วยปกป้องแสงเพชร
ดนัยพูดเสียงดังใส่หน้าฉวีวรรณ “แสงเพชรเป็นคนรักของผม ใครกล้าแตะต้องแสงเพชร
ผมไม่ปล่อยไว้แน่”
ฉวีวรรณตกใจ “คนรัก?”
แสงเพชรได้ทียิ้มเยาะข่มฉวีวรรณ

ส่วนแสงหล้าที่วิ่งหนีมาเจอกับชลิตซึ่งออกโรงปกป้อง จนดาหวันอึ้ง
“พี่ชลิต!”
ชลิตตบหน้าดาหวันล้มลงข้างๆ ฉวีวรรณ ดาหวัน ตกใจแทบช็อค
“โอ๊ย พี่ชลิตตบหวันทำไม”
“ฉันจะทำยิ่งกว่านี้อีกถ้าเธอยังไม่เลิกทำร้ายแสงหล้า” ชลิตตวาดดาหวัน
แสงหล้ารีบออดอ้อนชลิตเย้ยดาหวัน “พี่ชลิตขา น้องเจ็บเหลือเกิน”
“โถ แสงหล้าของพี่ เจ็บตรงไหนบ้าง”
“ตรงนี้จ้ะพี่” แสงหล้าชี้ที่แก้ม
“โอ๋ ขวัญเอ๊ยขวัญมา” ชลิตหอมแก้มแสงหล้า
แสงหล้ายิ้มเยาะดาหวัน
ทั้งฉวีวรรณกับดาหวันต่างลืมตัว ไม่สนใจว่าใครจะคู่ใคร
ดาหวันร้องไห้ออกมา “พี่ชลิต”
“ดนัย ทำไมเป็นแบบนี้” ฉวีวรรณไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
ธานี ธนวัติและพาณิชย์หัวเราะอย่างสะใจ เดินเข้ามา
“ไงล่ะ อึ้งไปเลยล่ะสิ ถ้าเชื่อพี่แต่แรกก็ไม่ต้องเจ็บตัว” พาณิชย์ว่า
“พวกนายก็ใจร้ายเกินไป หวีกับหวันเขารักพวกนายออก” ธนวัติเยาะ
“แต่ผมรักแสงเพชรคนเดียว” ดนัยบอก
“ฉันก็รักแต่ แสงหล้าเท่านั้น” ชลิตว่า
ชลิตพูดพร้อมกับจับตัวดาหวันเหวี่ยงไป พาณิชย์รับไว้
“ใครอยากได้ผู้หญิงคนนี้ก็เอาไปเลย” ชลิตบอก
ดาหวันกรี๊ด น้ำตาไหลพราก
ส่วนดนัยคว้าข้อมือฉวีวรรณไปให้ธนวัติ
“อะ เอาไปให้พ้นหูพ้นตาที ผมยกให้”
ฉวีวรรณน้ำตาไหล “ดนัย”
ธนวัติกับพาณิชย์ยิ้มชอบใจ
“ในเมื่อนายยกให้ ฉันก็ไม่ขัดศรัทธา”
ฉวีวรรณหันไปพูดใส่หน้าดนัย
“ทำไมนายพูดแบบนี้ นายเคยเสี่ยงชีวิตช่วยฉันจากไอ้คนเลวพวกนี้ นายลืมหมดแล้วรึ”
“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง ฉันไม่รู้จักเธอ” ดนัยพูดกับธนวัติ “ไป พาออกไปให้พ้นๆ ซะที”
ธนวัติกับพาณิชย์ ดึงลากฉวีวรรณกับดาหวัน ที่ร้องโวยวายไม่ยอม แต่ขัดกำลังสองโฉดไม่ได้ เดินออกไป
ดนัยกับชลิตมองฉวีวรรณกับดาหวันด้วยสายตาเย็นชา ขณะที่ฉวีวรรณและดาหวันเจ็บปวดใจ

ทุกคนไม่รู้ว่าอุ๊บอิ๊บแอบมองอยู่ที่อีกมุมหนึ่ง เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แล้วงงเอามากๆ
“ทำไมพี่ดนัยกับพี่ชลิตถึงดูแปลกไป เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
อุ๊บอิ๊บสงสัย บ่นพึมพำกับตัวเองออกมา

ทางด้านกาซูสลบสไลอยู่ที่ริมลำธาร ละเมอร้องโวยวาย ดิ้นไปดิ้นมา
“อย่า ข้าจมน้ำแล้ว ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
“โอ๊ย” กาซูโดนมดกัดสะดุ้งตื้นขึ้นมา
จังหวะนั้นกาซูกวาดตามองไปรอบๆ จึงเห็นว่า เป็นป่าที่ตัวเองคุ้นเคย
“ฮึ ที่นี่มัน....”
กาซูมองแล้วนึกรู้ได้ทันทีว่าตัวเองกลับมาเมืองมนุษย์แล้ว กาซูรีบไปคว้าใบไม้ริมลำธารมาขยี้ดมอย่างดีใจ
“ต้นประจำถิ่น... ข้ายังไม่ตาย ข้ากลับบ้านแล้ว ไชโย วู้”

กาซูลุกขึ้นมองไปรอบๆ ด้วยความดีใจ

อ่านต่อหน้า 2





หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 19 (ต่อ)

เหตุการณ์ที่หมู่บ้านชาลัน ดาเนานำเอาดอกไม้พื้นบ้านมาขอขมานงนุช เด็กชายตัวน้อยพูดพลางยกมือไหว้อย่างสำนึกผิด

“ดาเนาไม่ได้ตั้งใจทำให้ป้าเป็นลม ดาเนาแค่กลัวลุงสางโปดุว่า ดาเนาเอากบมาเลี้ยงก็เลยไปซ่อนในผ้าห่ม ดาเนาขอโทษนะ”
ดาเนายกมือไหว้แล้ว ยื่นดอกไม้ให้
“โธ่ พ่อคุณ ขอบใจนะ สำหรับดอกไม้สวยๆ”
“ป้าไม่โกรธดาเนาเหรอ”
“ไม่หรอกจ้า ดาเนาเป็นเด็กดีน่ารักมากเลยจ้า”
นงนุชกอดดาเนาแล้วเหลือบหันมาสบตากับศิริที่ยืนจุ้ยอยู่แถวนั้น
“ไม่เหมือนคนบางคน แก่แต่อายุกับหน้า แต่นิสัยแย่มาก”
ศิริทรุดตัวลงไปโดยอัติโนมัติ รู้ว่าโดนแขวะ สุภาพรีบเข้ามาประคอง
“อ้าวนาย ไขข้อเสื่อมหรือครับ”
“ทะลึ่ง”
สุภาพจ๋อยๆ ไป นงนุชเชิดหน้าพูดขึ้น
“ลุงสางโปค่ะ ช่วยจัดคนนำทางให้นุชด้วยนะคะ”
“ฮึ พูดเหมือนจะเข้าป่า นี่อย่าบอกนะว่าจะไปตามลูกชาย” สางโปถาม
“ใช่แล้วล่ะคะ นุชจะไปน้ำตกหลวงที่ดนัยตกลงไป” นงนุชยกมือไหว้ “ขอบคุณคุณลุงล่วงหน้าเลยนะคะ”
นงนุชเดินออกจากบ้านไป ทองอินมองตามด้วยความหนักใจ
“เป็นเรื่องแล้วล่ะสิ นุช เดี๋ยวก่อน”
ทองอินวิ่งตามนงนุชออกไป สางโปกับดาเนาตามออกไปด้วย
ศิริมองตามแล้วคิดๆ อะไรบางอย่าง เรียกสุภาพ อาหลู่
“ไปสุภาพ อาหลู่”
“ไปไหนครับ นาย”
“ไปบ้านน้าแกมั้ง! อย่าถามนักได้ไหม รีบตามมาเถอะน่า”
ศิริรีบนำทุกคนออกไป

เวลาต่อมานงนุชเดินจ้ำเอ้าหน้ามุ่ยมา โดยมีทองอินวิ่งตามมาหาติดๆ พร้อมด้วยสางโป กับ ดาเนา
“นุช!! เชื่อฉันนะนุช อย่าเข้าป่าเลย กลับบ้านเถอะนะ” ทองอินร้องบอก
“ไม่ต้องพูดแล้วทองอิน ที่นายโกหกฉันมาตลอด ฉันยังไม่ได้ว่านายสักคำเลยนะ” นงนุชว่า
“โธ่ ก็ฉันไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ”
“แต่ที่นายไม่ยอมบอกความจริงกับฉัน มันทำให้ฉันเสียใจมากกว่า ขอโทษนะ ทองอิน คราวนี้นายห้ามฉันไม่ได้แล้วล่ะ” นงนุชเสียงแข็ง
“แต่ฉันเห็นด้วยกับ ป่าไม้ทองอินนะ คุณนายกลับบ้านไปเถอะ ถ้ามีข่าวคราวเพิ่มเติมอะไร ทางเราจะแจ้งข่าวเอง” สางโปที่ตามมาทันพูดแทรก
“คุณลุง” นงนุชรู้สึกขัดใจขึ้นมา
“เชื่อลุงสางโปเถอะ อย่าเข้าป่าเลย ดาเนาเป็นห่วง” ดาเนาผสมโรง
“นี่ดาเนาก็เป็นไปด้วยเหรอ ตกลงไม่มีใครอยู่ข้างฉันเลยใช่มั้ย ก็ได้ งั้นฉันไปเอง”
นงนุชขัดเคืองใจที่ทุกคนคัดค้าน วิ่งหนีออกไปอีกทางหนึ่ง
“ไม่รีบตามไปล่ะ ป่าไม้” สางโปรีบบอกทองอิน ที่ยืนอึ้งและงงอยู่
ทองอินได้สติ รีบหยิบกุญแจรถขึ้นมา “กุญแจรถอยู่กับผม จะไปได้ยังไงล่ะครับ”
ทองอินยิ้มๆ คิดในใจว่านงนุชไปไหนไม่พ้น

นงนุชกำลังเดินมาและจะข้ามถนน จังหวะนั้นรถของศิริขับเข้ามาปาดหน้า นงนุชกระโดดหลบร้องว้าย
“ว๊าย...นี่ขับรถภาษาบ้าอะไร ฮ้า”
ศิริลดกระจกรถลงมา มีสุภาพเป็นคนขับรถ ส่วนอาหลู่นั่งข้างๆ ตอนหน้า)
“ก็น่าจะบ้าพอๆ กับคุณล่ะมั้ง ไม่งั้นคุณคงฟังผมไม่รู้เรื่องหรอก” ศิริหยัน
“ไอ้...”
ศิริชี้ห้ามไม่ให้พูดต่อ “อยากไปตามลูกที่น้ำตกหลวงหรือเปล่า”
“นายรู้ได้ยังไง” นงนุชงงๆ
“ฮึ ไม่ต้องมีองค์ก็เดาได้...ผู้หญิงดื้อๆ อย่างคุณ ใครห้ามก็คงไม่ฟังหรอก ขึ้นรถมาสิ ผมก็จะไปที่นั่นเหมือนกัน”
นงนุชอึ้งไป
“ทำไม กลัวเหรอ ไม่ไปก็ได้นะ” ศิริหันบอกสุภาพให้ไป “สุภาพ ออกรถ”
นงนุชรีบห้ามไว้ “เดี๋ยวๆ ฉันไปด้วย”
นงนุชเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง รถศิริขับเคลื่อนตัวออกไป

สางโป ทองอิน และดาเนา เดินคุยกันมาอย่างสบายใจว่าอย่างไรเสียนงนุชก็หนีไปไหนไม่ได้
แต่แล้วทั้งหมดก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นรถศิริขับผ่านหน้าไป ดาเนาเห็นนงนุชนั่งอยู่ในรถศิริ ที่ขับผ่านหน้าออกไป ร้องลั่น
“นั่น...ป้านงนุช ไปแล้ว”
ทองอินรีบวิ่งตามแต่ไม่ทัน ได้แต่รน้องตะโกนห้าม
“นุช จะไปไหน กลับมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่ได้ความแล้ว ป่าไม้ ...นั่นจะไปไหนกันก็ไม่รู้” สางโปว่า
“ผมไปตามเอง”
ทองอินวิ่งไปยังที่รถตัวเองจอดอยู่ ดาเนาวิ่งตามไปขึ้นรถ นั่งออกไปด้วยกัน
“ดาเนาไปด้วย

วินยาที่แกล้งหลับตาอยู่ แล้วหรี่ตาลืมขึ้นมามอง เห็นเลาซานั่งฟุบหลับอยู่ที่เก้าอี้ใกล้ๆ กัน เห็นสบโอกาสเหมาะ วินยาเหลือบมองไปที่เชือกด้านหลังที่มัดไว้ ขยับมือหยุกหยิกอยู่สามสี่รอบ แล้วแก้ปมเชือกที่มัดไว้ออกมาเป็นเส้นได้อย่างง่ายดาย
วินยาแก้มัดที่ข้อเท้าอย่างรวดเร็ว ปาเชือกทิ้งขยับวิ่งหนีออกไป เตรียมจะพุ่งไปที่ประตู ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นดาบยาวที่แขวนอยู่ที่ผนัง
วินยามองดาบอย่างลังเล แล้วตัดสินใจปลดมันลงมา ก่อนจะหันกลับมาหาเลาซาที่นั่งหลับอยู่ ใจนึงคิดจะฆ่าเลาซา ทิ้งเพื่อแก้แค้น
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่แม่ นาลา ของตัวเอง ถูกกาซูขว้างมีดไปแทงทะลุด้านหลัง นาลาชะงักและกระอักเลือดต่อหน้า จนทำเด็กทารก ลีชา น้องชายของเธอหลุดลอยออกไปตกหน้าผา หล่นลงไปในแม่น้ำ ตูม
นึกถึงตอนนี้ วินยากระชับดาบในมือแน่นขึ้นเพราะความแค้น แต่มือยังสั่นๆ เพราะใจลังเลถึงอีกเหตุการณ์ที่เลาซายอมเอานิ้วให้วินยากัดเพื่อไม่ให้กัดลิ้นตัวเอง
วินยามองเลาซาที่หลับสนิทด้วยความลังเลว่าจะทำดีหรือไม่ทำดี จู่ๆ เลาซาก็เอ่ยขึ้นทั้งที่ยังหลับตา เพราะรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่าง แต่แกล้งทำเป็นหลับ
“ถ้าเจ้าจะฆ่าข้าก็ทำเลย เพราะนี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว”
วินยาสะดุ้งมองเลาซาที่ยังหลับตาอยู่ มือยิ่งสั่น อยากทำแต่ทำไม่ลง
เลาซายังหลับตาเริ่มนับ “หนึ่ง...สอง...สาม !!!”
เลาซาพูดจบก็ลืมตาขึ้น แล้วรวบตัววินยาเข้ามาหาแล้วปลดดาบลงได้อย่างรวดเร็ว แต่นุ่มนวล วินยาตกอยู่ในอ้อมแขนเลาซา ถูกรัดจนดิ้นไม่หลุด
“ทำไมเจ้าไม่ทำ”
“ข้าไม่ใช่คนใจหินอย่างพวกเจ้าที่จะทำร้ายผู้มีพระคุณได้ลงคอ อย่างน้อยเจ้าก็เคยช่วยข้าไว้”
“ข้ออ้าง” เลาซายิ้มเยาะ
วินยาสะบัดจะหนีอีก แต่เลาซายึดไว้ แล้วยิ้มยั่ว
“จริงๆ แล้วเจ้าเริ่มหวั่นไหวในตัวข้า จนไม่อยากทำร้ายข้ามากกว่า”
“ข้าบอกแล้วไงข้าว่าไม่เคยถูกสอนให้เนรคุณคนเหมือนพ่อของเจ้า คนอย่างเจ้าทำให้ข้าหวั่นไหวไม่ได้
หรอก แม้แต่อากาศหายใจข้าก็ไม่อยากใช้ร่วมกับเจ้า”
เลาซามีสีหน้าเข้มขึ้นอย่างโมโห เจ็บปวด รัดร่างของวินยาให้เข้ามาใกล้ชิดมากขึ้นอีก
“งั้นข้าจะทำให้เจ้าชินที่ต้องใช้ลมหายใจร่วมกับข้า”
เลาซายื่นหน้าเข้าไปหาวินยาเพื่อจะจูบ วินยาตบผัวะ แต่เลาซาอยากเอาชนะ รวบตัววินยาอย่างรวดเร็วล้มลงไปบนพื้น ก้มลงไปซุกไซ้ที่ซอกคอ วินยาร้องลั่นดิ้นรน กรี๊ดลั่น
“อย่า”
จังหวะนั้นเองเสียงกาซูดังลอดเข้ามา “เลาซา เจ้าอยู่หรือเปล่า”
เลาซาสะดุ้งผงะขึ้นมาทันที หน้าถอดสี
“ท่านพ่อ”
“เลาซา” กาซูร้องเรียกอีก
เลาซารีบลุก แล้วผลักวินยาเข้าไปซ่อนอยู่ในหีบใหญ่ๆ ใบหนึ่ง ที่อยู่ในห้อง
“เจ้าอยู่ในนั้น อย่าออกมาเป็นอันขาด ถ้าพ่อข้าเห็น เจ้าตายแน่” เลาซาสั่ง
“ตายก็ตายสิ อยู่กับเจ้าข้าก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว” วินยาโต้ออกมา
“อย่ามาพูดโง่ๆ เจ้าตายไปแล้วใครจะดูหมู่บ้านชาลัน อยากให้ข้ากับพ่อยึดได้ง่ายๆ งั้นเหรอ”
วินยาอึ้ง
“ไอ้เลาซา มัวทำอะไรอยู่”
เลาซารีบดันตัววินยาเข้าไปในหีบ แล้วปิดลง เหลือแง้มๆ ไว้นิดเดียวเพื่อไว้หายใจ

กาซูยืนรออยู่หน้ากระท่อมอย่างแปลกใจ ร้องเรียกเลาซาอีกครั้ง แต่เลาซาเปิดประตูออกมาพอดี พยายามซ่อนสีหน้าตื่นเต้น
“ท่านพ่อ”
กาซูมองเลาซาอย่างแปลกใจแว่บหนึ่ง แล้วค่อยพูดออกมา
“ทำไมไม่อยู่บ้าน เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
“เอ่อ ข้า...ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ข้าเลยมานอนพักที่นี่เพราะกลัวท่านจะพลอยป่วยไปด้วย...เออ ท่านพ่อมีธุระอะไรจะใช้ข้าหรือเปล่า”
“ข้ามาเหนื่อยๆ อยากเข้าไปนั่งกินอะไรสักหน่อย จะได้ไหมล่ะ”
กาซูมองอย่างลองใจ เลาซาเจื่อนไปนิดแต่ก็ตอบรับ
“เชิญท่านพ่อ ตามสบาย”
เลาซาเดินเข้าไปในห้อง เลาซามองตามไปหนักใจ

ครู่ต่อมาเลาซารินเหล้าใส่จอกให้กาซู พร้อมจานเนื้อย่างบนโต๊ะ
“ท่านพ่อหายไปไหนมาตั้งหลายวัน”
“ข้าหลงเข้าไปในเมืองลับแล กับพวกเสี่ยธานีนะสิ”
“อะไรนะ”
วินยาที่หลบอยู่ในหีบ พยายามมองลอดช่องที่ปิดไม่สนิท ดู และฟัง กาซู กับเลาซาคุยกัน
“เจ้าได้ยินไม่ผิดหรอก ข้าเจอนังเด็กผู้หญิงสองคนนั่นกับไอ้ดนัยกับชลิตอยู่ในเมืองนั้นด้วย”
วินยามีสีหน้าตกใจ รีบฟังเก็บข้อมูล
“เจ้าแม่เมืองลับแลอยาก ได้ไอ้ดนัยกับเพื่อนมันเป็นสามีก็เลยให้ข้าทำเสน่ห์ให้ พองานสำเร็จ มันก็หัก
หลังจับข้าถ่วงน้ำ แต่ข้าก็รอดมาได้”

เลาซาฟังที่พ่อเล่ามีสีหน้าสนใจ
“แต่พวกเสี่ยธานียังติดอยู่ในนั้น”
กาซูผุดยิ้มร้ายออกมา “มันไม่มีทางกลับออกมาได้หรอก สงสัยสมบัติของมันจะตกเป็นของเราก็คราวนี้แหละ”
เลาซาพยักหน้ารับรู้ แต่ไม่ยินดียินร้าย กาซูหัวเราะก้อง แล้วยกเหล้าดื่ม อย่างพึงพอใจ จังหวะหนึ่งกาซูเหลือบตามองไปที่มุมห้อง เห็นเสื้อผ้าชุดเก่าของวินยาตกอยู่ ซึ่งเป็นเสื้อผ้าของวินยาชุดที่เลาซาให้มา
“นั่น เสื้อใคร??”
เลาซาตกใจ นึกได้ว่าไม่ได้เก็บไปซ่อน กาซูเอื้อมมือไปหยิบมาดู
“เสื้อผ้าผู้หญิงนี่”
เลาซาหน้าเสีย กาซูมองอย่างคาดคั้น
“เจ้าพาผู้หญิงมาอยู่ด้วยรึ”
เลาซาอึกอัก รีบแก้ตัว “ก็ข้าเหงา ข้าก็เลย...”
“มันเป็นใคร”
“ก็แค่ชาวบ้านธรรมดา ไม่สำคัญหรอกท่านพ่อ”
กาซูมองเลาซาอย่างไม่เชื่อ แล้วลุกพรวดขึ้นเพื่อเดินสำรวจภายในกระท่อม เลาซารีบลุกตาม
วินยาอยู่ในหีบ รีบหดตัวหลบ อย่างระวัง

กาซูเดินเปิดประตูอีกห้องมองไปไม่เห็นอะไร กลับออกมา, เลาซาพยายามกันซีนไว้ไม่ให้ไปที่หีบ
“มันไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก มันกลับไปแล้ว”
กาซูหันขวับไปทางหีบ ตาลุก
“นั่น”
เลาซาสะดุ้งนึกว่ากาซูจะไปเปิดหีบ โดนจับได้แน่แล้ว
“ไม่มีอะไรหรอก ท่านพ่อ”
รับกาซูกลับไปหยิบ อุปกรณ์ทำแผลที่ ตกอยู่กับพื้นกลางห้อง ซึ่งเรี่ยราดไปจนถึงหีบ
“แล้วนี่อะไร เจ้าทำแผลให้ใคร”
เลาซาโล่งแล้วรีบแก้ตัว อย่างเนียนๆ
เลาซายกนิ้วให้ดู “ก็แผลข้าไง ข้าโดนลิงป่ากัด”

วินยาได้ยินก็ชักสีหน้าอย่างหงุดหงิดที่โดนเลาซาด่าว่าเป็นลิง แต่ก็ยังแอบฟังอยู่ แต่ดันขยับตัวจนทำให้เกิดเสียงดังขึ้นมา

เสียงดังออกมาถึงด้านนอก กาซูหันขวับไปมองที่หีบ
“ใครอยู่ในหีบ!!”
เลาซากำลังจะปฏิเสธ แต่กาซูไม่รอฟัง เดินจ้ำอ้าวตรงไป แล้วกำที่จับจะกระชากฝาหีบขึ้น
วินยาหดตัวลง นึกว่าโดนจับได้แน่แล้ว

จังหวะนั้นเองจู่ๆหนูขาวตัวหนึ่ง กระโดดลงมาใส่มือกาซู จัดหลังมือ หมอผีร้ายร้องด้วยความเจ็บ ผงะ ถอยออกมา รีบสะบัดมือออก หนูหล่นไปที่พื้น กาซู มองไปที่หนู ด้วยความโมโห
หนูหายวับไป แล้วกลายเป็นก้อนขี้เถ้ากองอยู่แทน
“ไอ้หนูสกปรก”
เลาซาได้ทีรีบผสมโรง
“ข้าบอกท่านแล้วว่าไม่มีอะไร เห็นมั้ย ก็แค่หนูตัวหนึ่งเท่านั้นเองท่านพ่อ จะดูอะไรอีกไหม เดี๋ยวข้าจะเปิดให้ดู”
เลาซาเดินเข้าไปทำท่าเปิดหีบขึ้น เลาซามองไปสบตากับวินยา ต่างอึ้งทำใจดีสู้เสือ
กาซูมองไปที่หีบแสยะยิ้มออกมา เพราะจริงๆ รู้แล้วว่าลูกชายซ่อนวินยาอยู่ในหีบด้วยการใช้พลังจิต
“ไม่ต้อง ...ข้ากลับล่ะ”
กาซูเดินออกไปเลย
เลาซากับวินยามองหน้ากันอย่างโล่งใจ เลาซายิ้มมุมปากให้ แล้วค่อยปิดหีบลงไปเหมือนเดิม

เลาซารีบตามกาซูออกไปที่หน้ากระท่อม
“เดินทางปลอดภัยนะ ท่านพ่อ”
กาซูหันมามองหน้าเลาซา เหมือนมีอะไรในใจ เพราะรู้ว่าลูกโกหก
“ถ้าเจ้ายังเห็นข้าเป็นพ่อ เจ้าคงรู้ใช่มั้ย ว่าข้าเกลียดอะไรที่สุด”
เลาซาอึ้ง รู้สึกแปลกใจ
“ทำไมท่านถามแบบนั้น”
“ตอบข้ามาก่อนสิ ว่าเรื่องอะไร”
“ท่านพ่อเกลียดคนทรยศ โกหก หักหลัง”
กาซูหัวเราะชอบใจๆ มองจ้องหน้าเลาซาเหน็บอยู่ในที
“เก่งมากที่เจ้ายังจำได้ ข้าไม่ชอบให้ใครทำอะไร ลับๆ ล่อๆ ลับหลังข้า มันแสดงถึงความไม่เคารพกัน แล้วเจ้าก็คงรู้ว่าถ้าคนที่ไม่เคารพกัน ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้”
กาซูทำเป็นเดินออกไป แล้วหันมาหาเลาซาอีกครั้ง
“อ่อ ...คืนนี้ จัดการหนูสกปรกที่เหลือในบ้านเจ้าซะให้หมด ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเจ้าเอง”
กาซูตบไหล่เลาซาเหมือนเอ็นดู แต่ก็มีความในใจอยู่ในที แล้วกาซูก็รีบเดินออกไป
เลาซาอึ้งงง ยังคิดไม่ออกว่าหนูสกปรกที่กาซูว่า หมายถึงอะไร

กาซูที่เดินหน้านิ่งขรึมมาตามทาง พอถึงตรงหนึ่ง หยุดแล้วหันกลับไปมองที่กระท่อมเลาซา ยิ้มเหี้ยม
มีเลศนัย
“เลาซา ข้าให้โอกาสเจ้าแล้วนะ”
ส่วนเลาซาเดินกลับเข้ามาในบ้าน ตรงไปที่หีบ
“ปลอดภัยแล้วล่ะ วินยา พ่อข้ากลับไปแล้ว”
แต่พอเลาซาเปิดหีบขึ้น ปรากฏว่าหีบว่างเปล่า วินยาได้หายตัวไปแล้ว
เลาซาวิ่งออกจากประตูหลังกระท่อม แล้วมองออกไปไม่มีใครสักคน เลาซาร้องตะโกนก้องลั่นป่า อย่างร้อนรน ใจหายและเป็นห่วงที่วินยาจากไป
“วินยา!!”

แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งนอนแผ่หราหมดสติอยู่ ทหารสาดน้ำใส่ ทั้งสามก็ไม่รู้สึกตัว
“เฮ้ย ตื่นเดี๋ยวนี้ ตื่น”
ทหารคนหนึ่ง จะเอาแส้เฆี่ยน ทหารอีกคนรีบห้าม
“อย่า! เจ้าแม่สั่งให้ทรมานพวกมันหนักๆ อย่าให้ตายง่ายเกินไป ปล่อยไว้แบบนี้แหละ มันฟื้นเมื่อไรค่อยให้ทำงานต่อ”
พอทหารทั้งสองคนออกไป แจ๋ลืมตาขึ้นมาก่อน กรอกตามองรอบๆ เห็นทหารไปแล้วก็ลุกขึ้นนั่ง แจ๋สะกิดกิมจิ แต่กิมจิยังนอนนิ่ง แจ๋หันไปสะกิดบุญทิ้ง บุญทิ้งไม่ลืมตา นอนนิ่งแกล้งตาย แต่ปากพูด
“เจริญพร ผมหมดสติอยู่ครับ ไม่เห็นรึไง”
แจ๋ส่ายหน้า “ตื่นได้แล้ว ทหารไปแล้ว”
กิมจิและบุญทิ้งรีบลุกขึ้นทันที
“เนียนเหลือเกินนะไอ้พวกนี้” แจ๋หันไปพูดกับกิมจิ “แกรู้ได้ไงว่าพวกนั้นจะต้องสาดน้ำใส่เรา”
“โธ่ แกไม่เคยดูละครเหรอ เวลาคนหมดสติ เขาก็สาดน้ำกันทั้งนั้นแหละ”
“ดีที่คุณกิมจิคิดแผนแกล้งสลบนะครับ ไม่งั้นพวกเราได้ทำงานจนหมดแรงตายจริงๆ แน่”
อุ๊บอิ๊บหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง ส่งเสียงเรียกบุญทิ้ง
“บุญทิ้งๆ”
บุญทิ้งยังไม่เห็นอุ๊บอิ๊บ ได้ยินแต่เสียง
“ท่าทางจิตผมกับจิตคุณอุ๊บอิ๊บจะสื่อถึงกัน ผมเลยหูแว่ว”
อุ๊บอิ๊บหงุดหงิดที่บุญทิ้งไม่หันมามอง เลยออกไปยืนตรงหน้าบุญทิ้ง บุญทิ้งเห็นอุ๊บอิ๊บก็แปลกใจ
“โอ้โห นี่ถึงขนาดตาฝาด เห็นเป็นตัวเป็นตนเลยรึนี่ คุณอุ๊บอิ๊บนี่เฮี้ยนจริงๆ นะครับ ไปที่ชอบๆ เถอะ”
อุ๊บอิ๊บหมั่นไส้ หยิกแก้มบุญทิ้ง
“นี่แน่ะ ฉันไม่ใช่ผีนะ”
“โอ๊ย คุณอุ๊บอิ๊บตัวเป็นๆ หรือครับ ผมนึกว่าตัวเองตาฝาดไป”
แจ๋มองอย่างระแวง “ยายอุ๊บอิ๊บ มาทำอะไรไม่ทราบ”
“ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกแกนักหรอก แต่มีเรื่องสำคัญ ฉันรู้สึกว่าพี่ดนัยเปลี่ยนไปมาก…อย่างกับไม่ใช่พี่ดนัยตัวจริง”
“ตกลงยังไงกันแน่ ตัวจริงตัวปลอมอะไร” กิมจิงง
“ฉันสงสัยว่ายายเจ้าแม่นั่นต้องทำอะไรพี่ดนัยของฉันแน่ๆ พี่ดนัยถึงยอมยกยายหวีให้พี่วัติ”
แจ๋ตกใจ “ดนัยยกหวีให้ไอ้ธนวัติ!”
“ไม่ใช่แค่ยายหวีนะ พี่ชลิตก็ยกยายหวันให้พี่พาณิชย์ด้วย” อุ๊บอิ๊บพูดต่อ
“เจริญพร ท่าทางคุณดนัยกับคุณชลิตต้องเพี้ยนจัดแน่ๆ ขนาดยกแฟนให้ ชาวบ้านยังยกสลับตัวกันเลยนะครับ
“อย่างนี้ฉันว่า มันต้องโดนของแน่ๆ เลย” กูรูกิมจิออกความเห็น
“โอ้ แม่เจ้า พี่ดนัยของอุ๊บ แล้วนี่เราจะทำยังไงกันต่อไปดีละ”
อุ๊บอิ๊บรำพัน ขณะที่แจ๋ครุ่นคิด กิมจิและบุญทิ้งต่างตกใจ ห่วงฉวีวรรณและดาหวัน

ทหารยาม 2 เฝ้ายามอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงไก่ ดังลอดเข้ามา และเห็นที่พุ่มไม้ใกล้ๆ กันสั่นไหว
“กุ๊กๆๆ กะต๊ากๆๆ” กิมจิทำเสียงไก่อยู่
“เฮ้ย ไก่ใครหลุดมาแถวนี้ ลาภปากแล้ว จับมาย่างกินซะเลย”
ทหารทั้งสองย่องเข้าไปใกล้พุ่มไม้ แต่พอแหวกพุ่มไม้ออกดู กิมจิโผล่มาจิ้มตาทหารคนหนึ่งล้มลงไปเพราะเจ็บปวดตา ร้องครวญคราง
“โอ๊ย”
ทหารอีกคนเห็นกิมจิ ก็เงื้อดาบสู้
“เฮ้ย!”
ทหารคนนั้น วิ่งเข้ามาจะเล่นงานกิมจิ แต่แจ๋กับอุ๊บอิ๊บยื่นขาออกมาจากที่ซ่อน ทหารสะดุดล้มลง ไปกองที่พื้น ร้องให้ช่วย
“ช่วยด้วย”
แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งแตะมือกัน ส่วนแจ๋ลืมตัว จะไปแตะมือกับอุ๊บอิ๊บด้วย แต่พอเห็นหน้ากันชัดๆ ทั้งสองก็เชิดใส่กันทันที
“ที่ฉันร่วมมือด้วยเพราะไม่อยากนับญาติกับยายหวียายหวันเท่านั้นแหละ!” อุ๊บอิ๊บว่า
“ถ้าไม่ใช่เพราะเป้าหมายตรงกัน ฉันก็ไม่อยากร่วมทีมกับเธอหรอกย่ะ เชอะ!”
แจ๋เชิดใส่อุ๊บอิ๊บ

อ่านต่อหน้า 3

ทางด้านธานีกำลังนั่งดื่มเหล้ากับสาวๆ นางกำนัลที่ศาลาในสวนของวังเมืองลับแล ทั้งโอบกอด หอมแก้ม คนนั้นที คนนี้ที พวกนางกำนัลอึดอัดใจ แต่ไม่กล้าขัดใจธานี

แจ๋กับอุ๊บอิ๊บแอบมองอยู่
อุ๊บอิ๊บตกใจ “นั่นป๊าฉันนี่”
“ใช่สิ ทั้งบ้าอำนาจ ทั้งบ้ากาม มีอยู่คนเดียว” แจ๋แดกดัน
“อ๊าย แกว่าพ่อฉันทำไม” อุ๊บอิ๊บกรี๊ด
แจ๋รีบปิดปากอุ๊บอิ๊บ ไม่ให้ส่งเสียงดัง แจ๋รีบผิวปากส่งสัญญาณให้กิมจิและบุญทิ้ง

กิมจิกับบุญทิ้งได้ยินก็ก้าวออกมาในชุดนางกำนัลแสนสวย บุญทิ้งถือถาดส้มลูกใหญ่ในมือ
“เดี๋ยว” กิมจิทักไว้
ว่าแล้วกิมจิหยิบส้มสองลูกจากถาด ยัดใส่หน้าอกบุญทิ้ง อึ๋มขึ้นมาทันที นางกำนัลที่ตามหลังมา กำลังยกเหล้ามาเพิ่ม
“พวกเจ้าไม่ต้อง ข้าจัดการเอง” กิมจิดัดเสียง
กิมจิดึงถาดเหล้าในมือนางกำนัลไปถือ แล้วทั้งสองเดินส่ายก้นท่าทีแรดร่านมากๆ เข้าไปหาธานี

ธานีดื่มเหล้าหมดไหแล้วโยนทิ้ง โวยวาย นางกำนัลที่ดูแลอยู่ แตกตื่นวิ่งหนีออกไป
“เฮ้ย บอกให้เอามาเพิ่ม ทำไมช้านัก เสียรมณ์หมด”
กิมจิดัดเสียงหวาน “มาแล้วเจ้าค่า”
ธานีหันไปมองเห็นกิมจิและบุญทิ้งนคราบนางกำนัล ผมปลิวสยาย ทำท่าเซ็กซี่ ปากเผยอ ส่งจูบให้
ธานีเห็นกิมจิกับบุญทิ้งแล้วตะลึงในความงาม
“น้องสองคนนี่สวยถูกใจพี่จริงๆ”
กิมจิแอบกระซิบกับบุญทิ้ง
“ท่าทางมันจะเมามาก กลางวันแสกๆ ยังเห็นเราสองคนสวยไปได้”
กิมจิและบุญทิ้งนั่งประกบซ้ายขวา กิมจิเทเหล้าให้ธานีอย่างเอาใจ ธานีโอบทั้งสอง หอมแก้มคนละที
กิมจิกับบุญทิ้งจะอ้วกออกมา ธานีจะจับหน้าอกกิมจิ กิมจิตีมือเพี๊ยะ ธานีสะดุ้งโหยง
“มือซนนะเจ้าคะ”
ธานีหัวเราะชอบใจ

อุ๊บอิ๊บที่แอบดูอยู่กับแจ๋ รับไม่ได้
“อี๋ ป๊าอะ ดูไม่ออกรึไงว่ามันหมอนทอง ไม่ใช่ชะนีแท้”
อุ๊บอิ๊บลืมตัว จะเข้าไปห้ามพ่อ แต่แจ๋ดึงตัวไว้รัดไว้ไม่ให้ไป
“ถ้าอยากช่วยพี่ดนัยของหล่อน ก็หยุดความสาระแนเดี๋ยวนี้เลย”
“แต่พวกแกทำป๊าฉันเสื่อมมากเลยนะ”
“มันช่วยไม่ได้จริงๆ ป๊าเธอต้องเป็นคนที่รู้เรื่องดีที่สุด เพราะฉะนั้น เธอต้องอยู่ในความสงบ รอให้กิมจิกับบุญทิ้งมันกำลังล้วงความลับมาให้ได้ก่อน”
อุ๊บอิ๊บหงุดหงิดแต่ก็จำยอม

“รู้มั้ย เจ้าแม่แสงเพชรให้รางวัลพี่ท่วมหัวท่วมหู ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด ถ้าน้องอยากสบาย ต้องเอาใจพี่มากๆ ถ้าพี่ถูกใจ พี่ทิปไม่อั้น” ธานีคุยโว
“เจ้าค่า ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าท่านธานี ทำให้เจ้าแม่สมหวัง ว่าแต่ท่านทำยังไงหรือเจ้าคะ ท่านดนัยท่านชลิตถึงได้หลงเจ้าแม่ทั้งสอง หัวปรักหัวปรำ” กิมจิป้อ
“ไม่ได้ทำอะไรเลยจ้า” ธานีจ้องหน้ากิมจิ กัดปากส่งสายตาตา “อยู่ๆความรักก็มาอยู่ตรงหน้า”
กิมจิโมโหที่ธานีกวนประสาท เลยเขกหัวธานี
“อะไร” ธานีงง
“คนบ้า เซี้ยวจริงเลยพี่อ่ะ หนูเขินไปหมดแล้ว” บุญทิ้งรีบแก้ตัว
“แหม น้องนี่มือหนักชะมัด ต้องโดนทำโทษ”
ธานีคว้ามือกิมจิมาจูบๆๆๆ
“เดี๋ยวๆๆสิคะ อย่าเพิ่งล้อเล่น บอกน้องมาก่อนว่าทำไงเจ้าแม่ถึงได้สมหวังเพื่อหนูจะได้ใช้บ้าง คิคิคิ”
“ไอ้สองคนนั้นมันโดนน้ำยามหาเสน่ห์ของไอ้กาซูนะซี้ มันเลยไปไหนไม่รอด”
กิมจิอึ้ง “น้ำยามหาเสน่ห์ ไม่ใช่น้ำยากะทิ นี่เอง” กิมจิตบเข่าฉาด “มิน่าท่านดนัยท่านชลิตถึงทั้งรักทั้งหลงเจ้าแม่ทั้งสองนัก”
“แล้วถ้าเกิดมนต์เสื่อม ท่านดนัยกับท่านชลิต ก็หมดรักเจ้าทั้งสองสิเจ้าคะ” บุญทิ้งซัก
“มนต์ไม่มีทางเสื่อมหรอก เพราะไอ้กาซูคนทำเสน่ห์มันหายสาบสูญไปแล้ว” ธานีหลุดปาก
“สาบสูญ”
“ใช่สิ ...มันจมน้ำหายไปต่อหน้าต่อตาพี่เลย มะ อย่ามัวคุยเรื่องคนอื่นเลย คุยเรื่องของเราดีกว่า”
ธานีโอบกิมจิกับบุญทิ้งมาหอมแก้ม แล้วจะปลุกปล้ำ
กิมจิลืมตัวหลุดเสียงแมน “เฮ้ย อย่า” พอนึกได้ แอ๊บหญิงกลบ “อุ๊ย อย่าเจ้าค่ะ
“เจริญพร ช่วยด้วย”
กิมจิกับบุญทิ้งสยอง แต่แล้วธานีโดนทุบหัว หมดสติไป แจ๋ยืนอยู่ด้านหลัง ถือท่อนไม้ในมือ อุ๊บอิ๊บวิ่งเข้ามาทีหลังห้ามแจ๋ไม่ทัน ห่วงพ่อ รีบประคองพ่อ
“ว้าย ป๊า! นังแจ๋แกฆ่าพ่อฉันเหรอ”
“แค่สลบเท่านั้นแหละ” แจ๋บอก
“ทำไมแกมาช้านักยายแจ๋ ฉันเกือบเสียความเป็นชายไปแล้ว”

บุญทิ้งกับกิมจิโล่งอกหันมาโวยวายลั่น

อ่านต่อหน้า 3





หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 19 (ต่อ)

ฉวีวรรณแง้มประตูห้องแอบดูเหตุการณ์ด้านนอกเพื่อหลบหนี เห็นทหารเฝ้าอยู่หน้าห้อง มีอาวุธครบมือ ฉวีวรรณผิดหวัง ที่ไม่มีทางหนี จึงปิดประตู

“ทหารเฝ้าไว้หมดทุกทาง ไม่มีทางออกจากห้องนี้ไปได้เลย”
ในขณะที่ดาหวันนั่งกอดเข่า ร้องไห้ ฉวีวรรณสงสาร จึงเข้ามาปลอบน้อง ดาหวันพิงไหล่ซบฉวีวรรณ
“พี่หวี พี่หวีไม่เสียใจรึ ที่พี่ชลิตเปลี่ยนไป หวันไม่คิดเลยว่าพี่ชลิตจะจิตใจโลเล รักง่ายหน่ายเร็ว เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไป”
ทำไมฉวีวรรณจะไม่เศร้า เธอนึกถึงดนัยแล้วเจ็บปวดไม่แพ้กัน
“บางทีเรื่องราวที่ผ่านมาอาจไม่เคยมีความหมายสำหรับเขาก็ได้ เราเองที่บ้าไปฝ่ายเดียว เรามันโง่เองที่หลงเชื่อคำพูดของเขา หลงคิดว่าเขาจะจริงจังกับเรา รักเราคนเดียว
ฉวีวรรณกับดาหวันต่างเสียใจ สองพี่น้องกอดกันร้องไห้

รถของศิริขับแล่นไปตามถนน อาหลู่นั่งข้างหน้า คู่กับสุภาพที่ทำหน้าที่คนขับ และขับรถไปอย่างอารมณ์ดีพอๆ กับอาหลู่
ส่วนนงนุชกับศิรินั่งอยู่ตอนหลัง ต่างคนต่างเมินมองไปคนละทาง นงนุชมองวิวข้างทางแล้วสงสัย
“เอ๊ะ นี่คุณแน่ใจเหรอว่า มันเป็นทางไปน้ำตกหลวง” นงนุชถาม
“ทำไมเหรอ” ศิริถามกลับ
“ก็ฉันจำได้ว่า ตอนมาฉันก็ผ่านทางนี้”
“ป่ามันก็เหมือนกันแหละ คุณจำผิดแล้ว” ศิริโบ้ย
“ไม่ผิด ทางนี้เป็นทางเข้าเมืองใช่มั้ย” นงนุชคาดคั้น
ศิริมองตานงนุช พร้อมกับตัดสินใจสารภาพไม่กล้าโกหกอีก
“ก็ใช่...ผมจะพาคุณไปส่งในเมืองเอง แล้วก็อยู่ที่นั่นแหละอย่ามาเจ๋ออีกนะ”
“คุณหลอกฉัน” นงนุชฉุนมาก
“ผมเจตนาดีต่อคุณนะ ไม่อยากให้คุณไปเกะกะ เอ๊ยไปลำบาก” ศิริบอก
“อ๊าย... จอดรถเดี๋ยวนี้” นุงนุชปรี๊ด
สุภาพได้ยินเสียง ตกใจจะจอด
“ขับต่อไปสุภาพ” ศิริสั่ง
“จอด” นงนุชสั่ง
“ไม่จอด” ศิริสั่ง
สุภาพงง
“โอ้ย ทำไงดีเนี่ย อาหลู่ ฉันทำตัวไม่ถูกแล้ว” สุภาพหันไปทางอาหลู่
“ไม่จอดใช่มั้ย กรี๊ด” นงนุชร้องลั่นรถ
ทุกคนร้องตกใจ หลังจากนั้นรถของศิริที่มีสุภาพเป็นคนขับก็ส่ายไปส่ายมาพร้อมๆ กับเสียงกรี๊ดสนั่นของนงนุช

ดาเนาชี้ให้ทองอินดูรถของศิริ ขณะที่ทองอินที่ขับตามหลังมาติดๆ
“อุ้ยๆ ทำไมรถลุงเขาเป็นอย่างนั้นล่ะ ส่ายไปส่ายมา”
“เป็นเรื่องแน่”
ทองอินพูดแค่นั้นแล้วรีบเร่งเครื่องตามขึ้นไป

รถของศิริยังขับส่ายไปมาเพราะสุภาพตกใจ เสียงกรี๊ดของนงนุชที่ยังดังต่อเนื่อง แล้วจู่ๆ ก็มีรถกระบะคันหนึ่งขับออกมาจากซอยตัดหน้า ไวเท่าความคิดสุภาพตัดสินใจเลี้ยวหักรถหลบข้างทาง แต่รถเสียหลักพุ่งเข้าไปจนเกือบชนต้นไม้ข้างทาง ห่างเพียงคืบเดียว ทุกคนร้องจ้าละหวั่นด้วยความตกใจ
“อ๊าก” / “อ๊าย กรี๊ด”
สุภาพดับเครื่อง เปิดประตูลงมาพร้อมกับอาหลู่ ด้วยความตื่นตระหนกและเสียขวัญ
“อ๊อย กระดูกอาหลู่ บิดเป็นเลขแปดแล้ว” อาหลูว่า
สุภาพหน้าเสีย ยกมือพนมไหว้
“อู้ย พ่อแก้วแม่แก้ว เจ้าป่าเจ้าเขาคุ้มครอง ลูกช้างรอดมาได้ยังไงเนี่ย”
ทองอินขับรถตามมาทัน รีบเข้ามาจอดข้างๆ ทาง ด้วยความเป็นห่วง
“นุช นงนุช” ทองอินตะโกน
ทองอินลงจากรถตัวเอง รีบตรงไปเปิดประตูด้านนงนุชนั่ง ให้นงนุชลงมา
ดาเนาตามมาด้วยอย่างเป็นห่วง “ป้า เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
นงนุชขยี้ศีรษะดาเนาเบาๆ แล้วหันมาพูดกับทองอิน และดาเนา
“ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะ ดาเนา”
สุภาพกับอาหลู่ได้สติ รีบวิ่งเข้าไปเปิดประตูรถให้ศิริ อย่างเป็นห่วงเป็นใย
“นาย นายยังไม่ตายเหรอครับ”
ศิริได้ที แขวะนงนุชที่ยืนอยู่กับทองอินทันที
“ก็เกือบจะต้องเป็นผีเหมือนกันแหละ เพราะมีผู้หญิงบ้าคนหนึ่งพยายามจะทำให้รถคว่ำ”
“ก็คุณหลอกฉันก่อนทำไมล่ะ” นงนุชโต้
“ก็ผมหวังดี แต่คุณตีโพยตีพายจนเกือบจะพาเราไปตายหมู่” ศิริยิ้มเยาะ “คุณกับลูกนี่พอกันเลยนะ
สร้างปัญหาพอกัน ถ้าผมเป็นสามีคุณคงฆ่าตัวตายวันละร้อยรอบ”
ศิริไม่ทันคิดพูดใส่หน้าไปตามอารมณ์ หารู้ไม่ว่าไปจี้จุดสะเทือนใจนงนุชพอดี นงนุชอึ้งไป แล้วน้ำตารื้นขึ้นมา ก่อนจะร้องไห้ออกมา
“คุณจะด่าฉัน หรือต่อให้เหยียดหยามลูกฉันยังไงก็ได้ แต่คุณไม่มีสิทธิ์ลามปามถึงสามีฉัน”
นงนุชพูดจบก็ผลักศิริออกไป แล้ววิ่งร้องไห้ เข้าไปที่ป่าข้างทาง ศิริอึ้งอยู่เหมือนกันที่เห็นนงนุชร้องไห้ คนอื่นได้แต่มองตามนงนุชอย่างตกใจ
ทองอินเหวอ “นุช”
ทองอินตกใจ รีบวิ่งตามนงนุชไป พร้อมๆ กับดาเนา

ดนัยยืนอยู่ริมหน้าต่าง ขณะที่ประตูห้อง มีคนเปิดเข้ามา ดนัยได้ยินเสียงประตูเปิดก็ดีใจหันไปมอง นึกว่าเป็นแสงเพชร
“แสงเพชร หายไปไหนมา ผมรอตั้งนาน”
ดนัยหันไปมองคนที่เข้ามาในห้องแล้วตกใจ

ทางด้านธนวัติและพาณิชย์กำลังปรึกษาหารือกันด้วยสีหน้าและท่าทางเคร่งเครียดภายในห้อง
“ยายหวีกับยายหวันฤทธิ์มากจะตาย พี่วัติอย่าลืมสิว่าเราเกือบเอาตัวไม่รอด เพราะยายสองคนนั้นหลายครั้งแล้ว ทางที่ดีผมว่าเราอย่าประมาทดีกว่า” พาณิชย์ออกความเห็น
“จริงของแก แต่เราจะทำยังไงกันดี” ธนวัติเห็นดีด้วย
จังหวะนั้นแสงเพชรและแสงหล้า ก็เข้ามา โดยมีชบาและดอกเข็มติดตามมารับใช้อยู่ห่างๆ
ท่าทีของแสงเพชรไม่พอใจนัก “ทําไมพวกเจ้ายังไม่ไปจัดการนางสองคนนั้น มัวรออะไรอยู่”
“โธ่ เจ้าแม่ ยายสองคนนั้นไม่ใช่ธรรมดา เห็นหน้าหวานๆ อย่างนั้น แสบจะตาย” ธนวัติบอก
“ฮึ แค่ผู้หญิงสองคน กลัวอะไร” แสงหล้าเยาะ
“อ้าว เธอก็พูดง่ายสิ ตัวเองใช้ยาเสน่ห์นี่ ไอ้กาซูก็ไม่อยู่แล้วด้วย” พาณิชย์บอก
“ไม่ต้องห่วง ข้ามีวิธี”
แสงเพชรยิ้มร้ายๆ ออกมา ธนวัติและพาณิชย์สนใจขึ้นมาทันที

ธนวัติและพาณิชย์ยืนอยู่หน้าห้องนอน ทั้งสองมองขวดแก้วใบเล็กภายในบรรจุยาน้ำใสๆ ในมือ มีคนละขวด ที่หน้าห้องนอนมีทหารเฝ้าอยู่ 2 คน
“นี่เป็นยาปลุกกำหนัด ให้ยายสองคนนั่นกิน รับรองพวกมันจะว่านอนสอนง่าย ไม่ว่าเจ้าต้องการอะไร
มันจะตามใจเจ้าทุกอย่าง” เสียงแสงเพชรบอกธนวัติ
“จัดการให้เรียบร้อย อย่าให้พลาด ทำให้มันเลิกยุ่งกับพี่ชลิตของข้าเสียที ข้าไม่อยากให้นางผู้หญิงนั่นเป็นเสี้ยนหนามตำใจข้าอีก” เสียงแสงหล้าสั่งพาณิชย์ลอยมา
ธนวัติกับพาณิชย์ยิ้มให้กัน พาณิชย์สั่งพวกทหาร
“เฮ้ย พวกแกไปได้แล้ว ถ้าฉันไม่เรียก ไม่ต้องเสนอหน้ามาให้เห็นนะ”
ทหารรับคำสั่งและออกไปจนหมด
“คราวนี้ไม่มีใครขัดจังหวะเราแล้วพี่” พาณิชย์บอก
“ดีมาก คืนนี้สนุกแน่”
ธนวัติและพาณิชย์ผุดยิ้มร้ายๆ ออกมา

คืนนั้นศิริ สุภาพ อาหลู่นั่งก่อกองไฟกันอยู่ ใกล้ๆที่รถจอด สุภาพกับอาหลู่มองออกไปอย่างรอคอย
“พวกนั้นหายไปนานแล้วยังไม่กลับมาเลย หรือว่าหนีกลับบ้านไปแล้ว”
ศิริพูดอย่างเซ็งๆ ยังรู้สึกผิดเรื่องนงนุชอยู่ “หนีก็ช่างมันสิ”
“อ้าว แล้วเราจะอยู่ทำไมล่ะกันครับ งั้นกลับเหอะ”
“เดี๋ยวสิ เผื่อพวกนั้นกลับมา แล้วจะออกไปยังไงล่ะ” ศิริกังวลพูดเสียงอ่อย
สุภาพกับอาหลู่มองๆ กันอมยิ้ม
“แหมะ เป็นห่วงก็ไม่บอก” สุภาพเย้า
ศิริทำหน้าเหรอหรา
“ใคร? ใครเป็นห่วง ไม่มี๊ คนอย่างฉันไม่แคร์สื่อว้อย แค่น้ำตาผู้หญิงละลายหัวใจพ่อเลี้ยงศิริไม่ได้หรอก
เชอะ”
ศิริพูดจบก็ได้ยินเสียงลุยป่าเข้ามา ทองอินกับดาเนาโผล่เข้ามาอย่างเหนื่อยๆ
“อ้าว แล้วเจ๊คนนั้นล่ะ” สุภาพถามหา
“หาไม่เจอ เรียกเท่าไรก็ไม่ยอมขานเลย เฮ้อ”
ทองอินกังวล “นงนุชยิ่งไม่เคยเดินป่าอยู่ด้วย ป่านนี้ไม่รู้จะหลงไปถึงไหนแล้ว”
ศิริหน้าเสียเป็นห่วงนงนุช แต่ก็ทำหงุดหงิดกลบเกลื่อน
“แก่แล้วยังจะขี้งอนไม่เข้าเรื่อง ผู้หญิงอะไร ดูซิเดือดร้อนกันไปหมด”
ทองอินพูดเป็นเชิงตำหนิ
“นุชเขาไม่ได้งอนหรอกครับ แต่คำพูดของคุณมันไปจี้จุดอ่อนเขาพอดี เรื่องสามีของเธอ”
“ทำไม เขาทะเลาะกับผัวบ่อยสิท่า”
“สามีของนุชเสียชีวิตไปหลายปีแล้วครับ นุชเขาเลี้ยงลูกคนเดียวมาตลอด” ทองอินบอก
ศิริหน้าเจื่อน รู้ตัวว่าพลาดไปถนัดใจ รีบลุกขึ้น
“โธ่ แล้วก็ไม่บอกแต่แรก”
ศิริรีบวิ่งเข้าป่าไปท่ามกลางความตกใจของทุกคน

ศิริวิ่งเข้ามาในป่าอย่างเป็นห่วง มองหา ตะโกนเรียก
“คุณนงนุช ได้ยินผมไหม คุณนงนุช”
ศิริมองหา แล้ววิ่งต่อไป
“คุณนงนุช อยู่แถวนี้หรือเปล่า”
ศิริพยายามเงี่ยหูฟังคำตอบ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ ศิริยืนนิ่งถอนใจ แล้วจะหันหลังกลับ แต่อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ดังมาจากพุ่มไม้ใกล้ๆ ศิริขนลุกเกรียว แล้วตัดสินใจย่องไปตามเสียง

ที่แท้นงนุชหลบมานั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเบาๆ อยู่ที่ขอนไม้ ใต้ร่มไม้ ศิริโผล่เข้ามาเห็นก็ถอนใจเฮือก
“มาอยู่นี่เอง คนเขาตามหาจนทั่วรู้หรือเปล่าคุณ”
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
นงนุชหันหน้าหนี รีบเช็ดน้ำตา ศิริเดินไปหา
“เราเสียเวลาไปมากแล้ว ผมว่าเรากลับออกจากป่าไปก่อนดีกว่า”
นงนุชเบือนหน้าหนีอย่างไม่ยอมรับ ศิริคุกเข่าลงตรงหน้า บอกน้ำเสียงจ๋อยๆ

“ผมไม่รู้จริงๆ ว่าสามีคุณเสียไปแล้ว หรือถึงรู้ มันก็เป็นความผิดของผมเองที่พูดจาพล่อยๆ ถึง
ครอบครัวคนอื่น ผมยอมรับผิดทุกอย่างเลยเอ้า ผมกราบคุณเลยก็ได้”
ศิริก้มลงจะกราบนงนุชจริงๆ นงนุชเห็นศิริทำถึงขนาดนี้ก็ใจอ่อน รีบก้มลงไปห้าม
“จะบ้าเหรอ ฉันอายุน้อยกว่าคุณนะ เดี๋ยวก็อายุสั้น”
ศิริเงยหน้าขึ้นยิ้ม “ตกลงว่าคุณยกโทษให้ผมใช่ไหม”
นงนุชค้อนให้แทนคำตอบ ศิริยิ้มดีใจมองไปทางด้านหลังนงนุช ก่อนมีสีหน้าตกใจ แล้วพุ่งเข้ากอดนงนุชเต็มอ้อมแขน เพื่อให้ล้มลงไปบนพื้นข้างๆ ด้วยกัน
“ว้าย อีตาบ้า ทำอะไรอีกเนี่ย ปล่อยฉันนะ”
นงนุชดิ้นจนกระทั่งหลุดออกจากอ้อมแขนศิริได้ ก็ฟาดแบบนับไม่ถ้วนด้วยความโมโห
“ฉันไม่นึกเลยว่าคุณจะเป็นคนทุเรศแบบนี้ ไอ้แก่ลามก”
นงนุชจะทุบศิริอีก แต่ศิริพยายามยกมือห้ามทั้งที่ไม่มีแรง ตาปรือ เสียงเครือ
“งู...เมื่อกี้...ผมเห็นงู...จะกัดคุณ ผมเลยช่วย...”
ศิริพูดไม่จบก็ร้องครางเจ็บปวด แล้วเอามือบีบแขนข้างขวาของตัวเอง นงนุชมองตามถึงเห็นรอยเลือดซึมออกมา พอหันขวับไปด้านหลังก็เห็นงูตัวยาวเลื้อยหนีไปอย่างรวดเร็ว
ศิริตาใกล้จะปิดลงเพราะพิษงู นงนุชตกใจ รู้สึกผิดขึ้นมาทันที รีบเข้าประคอง
“คุณ ! คุณช่วยฉัน เดี๋ยวนะ อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ”
นงนุชลนลานทำอะไรไม่ถูก ทองอิน สุภาพ อาหลู่ ดาเนาวิ่งเข้ามาพอดี
“เกิดอะไรขึ้น”
“คุณ...คุณศิริโดนงูกัด”
ดาเนามองอย่างตกใจ แล้วรีบวิ่งไปเก็บใบไม้ตรงหนึ่งมา สุภาพ อาหลู่ ทองอิน รีบเข้าไปดูอาการศิริ
“นาย ทำใจดีๆ ไว้นะ” สุภาพว่า
“นายอย่าตายนะ” อาหลู่บอก
ดาเนาวิ่งมาจากอีกทาง ปากเคี้ยวอะไรหยับๆ มาด้วย พอมาถึงดนัยก็คายใส่มือ (เป็นกากใบไม้) จะเอาไปพอกที่แผลศิริ สุภาพรีบจับมือดาเนาห้าม
“เฮ้ย อะไรเนี่ย”
“เอาสมุนไพรดูดพิษซะ ไม่งั้นไม่รอดแน่”

ดาเนาบอกแล้วรีบเอาสมุนไพรในมือโปะแผลศิริที่ยังเอาแต่ร้องโอดโอย นงนุช และทุกคนมองเป็นห่วง

คืนเดียวกันนั้น ตรงหัวมุมทางเดินเปลี่ยวๆ ภายในสวนวังลับแล ชลิตเดินมาตามทาง กิมจิที่หลบอยู่ตรงพุ่มไม้กับแจ๋ ปาก้อนหินใส่ ชลิตชะงักแล้วหันกลับมาเอาเรื่อง
“ใครน่ะ”
แจ๋กับกิมจิสั่นพุ่มไม้ให้ไหว ชลิตหันมามองพุ่มไม้ “ฉันถามว่าใคร ออกมาเดี๋ยวนี้”
แจ๋ กับ กิมจิ ซึ่งยังแต่งชุดหญิงลับแลอยู่ทั้งคู่ ลุกขึ้นมาพร้อมหมุนร่มกระดาษในมือ แล้วโผล่หน้าออกมาทำคิขุ น่ารักใส่ พูดพร้อมกัน
“จ๊ะเอ๋ ล้อเล่นๆ”
“พวกแกอีกแล้วเหรอ”
ชลิตฉุนง้างหมัดจะต่อย จังหวะนั้นอุ๊บอิ๊บถือไม้ออกมาจากมุมมืดข้างหลังชลิต โดยมีบุญทิ้งเกาะหลังอุ๊บอิ๊บไว้ อุ๊บอิ๊บฟาดไม้ใส่หลังชลิตทันที ชลิตฟุบสลบลงไป
“เจริญพร เสร็จไปอีกหนึ่งแล้วครับ”
“ฮึ่ย ผู้ชายอะไรให้ผู้หญิงออกหน้าตลอดๆ” อุ๊บอิ๊บแขวะกิมจิชิ่งบุญทิ้ง
“เอาน่า อย่าพึ่งเถียงกัน” กิมจิหันไปพูดเชิงสั่งการกับอุ๊บอิ๊บ “เธอกับไอ้ทิ้งจัดการเอาไอ้ชลิตกับไอ้ดนัยไปซ่อนไว้ในที่ปลอดภัย แล้วแยกย้ายกันไปจัดการตามแผนล่ะ”
แจ๋ยื่นมือออกไปให้ทุกคนเอามือลงมาวางประกบ รวมพลัง
“แก๊งสี่นาง ปฏิบัติการณ์ได้ !!”
“สู้ๆ” ทั้งสี่ประสานเสียงเป็นหนึ่งเดียว

มีทหารหญิง 2 คน เข้ามาดึงตัวดาหวันออกไปจากฉวีวรรณ ที่กำลังมองอย่างตื่นตะลึงอยู่ในห้อง ดาหวัน และฉวีวรรณต่างร้องโวยวาย
“แกจะเอาน้องฉันไปไหน ปล่อย หวันนะ”
ฉวีวรรณจะเข้าไปดึงตัวดาหวัน แต่ถูกทหารหญิงต่อยฉวีวรรณเข้าไปที่ท้อง ฉวีวรรณร้องด้วยความเจ็บ กระเด็นออกไป ดาหวันร้องเป็นห่วงพี่สาว
“พี่หวี”
“หุบปาก ไป”
ทหารทั้งดึงทั้งลากตัวดาหวันที่ดิ้นขัดขืนออกไปจนได้ ฉวีวรรณพุ่งตัวจะตามออกไป
“หยุดเดี๋ยวนี้ ปล่อยน้องฉันนะ”
พอพวกทหารกับดาหวันออกประตูไป ธนวัติก็สวนเข้ามาทันที พร้อมขวดยาในมือ
“ปล่อยน้องหวันไปมีความสุขเถอะ อย่าไปยุ่งกับเขาเลย” ธนวัติยิ้ม
“ไอ้สารเลว แกจะทำอะไรยายหวัน”
“หึหึ ไม่รู้ว่าน้องชายฉันจะพาน้องสาวเธอไปขึ้นสวรรค์ชั้นไหนนะสิ ต้องไปถามไอ้พาณิชย์มันดู...” ธนวัติเย้ยสะใจ
“แก ไอ้พวกตระกูลเลว ฉันไม่ยอมให้พวกแกรังแกหวันเด็ดขาด”
ฉวีวรรณตั้งท่าจะวิ่งออกไป ธนวัติขยับมาขวางไว้ แล้วรวบตัวฉวีวรรณกอด
“ว้าย อ๊าย” ฉวีวรรณร้อง
“ไม่ต้องไปอิจฉาน้องหรอก เดี๋ยวเธอก็จะได้มีความสุขเหมือนน้องสาวเธอนั่นแหละหวี พี่จะบริการให้ถึงใจไปเลย”
ว่าแล้วธนวัติก็ก้มลงมาหอมแก้มฉวีวรรณอย่างไม่ทันตั้งตัว
ฉวีวรรณกรี๊ดแล้วดิ้นสุดแรงเกิด พร้อมกับอาศัยทีเผลอกระทืบเท้าธนวัติ จนหลุดออกมาได้ฉวีวรรณวิ่งหนี ไปที่เตียงแล้วหยิบ หมอนต่างๆ หลายๆ ใบ ปา ขว้างใส่ธนวัติ ป้องกันตัวพัลวัน เท่าที่จะทำได้

ทหารหญิงทั้งลากทั้งดึงดาหวันที่ร้องดิ้นรนเข้ามาในห้อง แล้วผลักดาหวันลงไปบนเตียง ดาหวันรีบวิ่งตามออกไป
“พวกแกจะทำอะไร ปล่อยฉัน”
ทหารหญิงคนหนึ่งผลักดาหวันกระเด็นกลับไปอีก
ดาหวันเซไปปะทะอกพาณิชย์ ที่ก้าวออกมาจากมุมหนึ่งของห้อง
“ว้าย ช่วยด้วย” ดาหวันตกใจร้องลั่น
พาณิชย์รวบตัวดาหวันมากอดไว้ ด้วยความลำพองใจ
“โอ๋ๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมา คิดถึงพี่มากหรือจ๊ะ กอดเสียแน่นเชียว”
พอรู้ว่าเป็นพาณิชย์ ดาหวันผงะ ตกใจ
“ไอ้พาณิชย์ แก ไอ้เศษมนุษย์ ไปให้พ้นนะ”
ดาหวันดิ้นจะหนี พาณิชย์กอดรัดแน่น
“น้องหวันวิ่งมากอดพี่เองนะ จะไล่พี่ไปไหนล่ะ มะ เดี๋ยวพี่จะช่วยปลอบใจหวันเอง”
ว่าแล้วพาณิชย์ก็รวบช้อนตัวดาหวันขึ้นมาอุ้ม ดาหวันร้องอย่างตกใจ พยายามดิ้น และทุบตีพาณิชย์ตลอดเวลา
พาณิชย์โยนดาหวันลงบนเตียง ดาหวันรีบกระถดถอยหนีไปอย่างตื่นกลัว พาณิชย์ปลดกระดุมเสื้อตัวเองออก จ้องดาหวันเหมือนเสือเตรียมขย้ำเหยื่อ
“อย่านะ ไอ้ชั่ว ถ้าแกทำอะไรฉัน ฉันจะแช่งให้แกตายโหง ศพหาไม่เจอ ตกนรกหมกไหม้ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด” ดาหวั่นตะโกนด่า
“ด่าอีกเลย ด่ามาเลย ..ฮ่าฮ่าฮ่า ...พี่ชอบ”
“ไอ้วิปริต โรคจิต!!”
พาณิชย์ถูกด่าก็ยิ่งชอบใจ พุ่งเข้ามามาผลักร่างดาหวันล้มไปบนเตียง ปลุกปล้ำ ซุกไซ้ ดาหวันร้องกรี๊ดด้วยความหวาดกลัว และขยะแขยง

ขณะเดียวกัน ธนวัติวิ่งเข้ามารวบตัวฉวีวรรณไว้ได้ ธนวัติดันตัวฉวีวรรณไปจนติดผนังห้องไม่มีทางหนี
“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก เธอต้องเป็นของฉัน ฉวีวรรณ”
ธนวัติก้มลงมาจะจูบ ฉวีวรรณเบี่ยงหน้าหนี ธนวัติซุกไซ้ลำคอ ฉวีวรรณเหลือบตามองไปเห็น แจกันดอกไม้ที่เป็นกระเบื้องซึ่งตั้งประดับอยู่แถวนั้น ไวเท่าความคิดฉวีวรรณรีบเอื้อมมือไปคว้าขึ้นมาตีศรีษะธนวัติเต็มแรง
แจกันแตกกระจาย ธนวัติผงะออกไป เอามือกุมศีรษะ ร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด ฉวีวรรณรีบหยิบเศษกระเบื้อง ที่แตกขึ้นมา ถือขู่ธนวัติ
“อย่าเข้ามานะ”
“คิดว่าแค่นี้จะทำอะไรฉันได้เหรอ”
ฉวีวรรณจะแทง ธนวัติเอี้ยวตัวหลบ คว้าข้อมือฉวีวรรณไว้แล้วบิดอย่างแรง เศษแก้วหลุดมือหล่นพื้นไป
“พูดดีๆ ไม่ฟัง ชอบแบบตบจูบ ใช่มั้ย”
ธนวัติตบฉวีวรรณจนเซล้มลงบนเตียงนอน
“กริ๊ด”

ส่วนดาหวันพอได้จังหวะเผลอก็กัดมือพาณิชย์เต็มเขี้ยว จนพาณิชย์ร้องลั่นสะบัดมือหนี
ดาหวันจะลุกหนีไป พาณิชย์ผลิกตัว ตะปบหลังดาหวันจับผลักล้มลงแนบหน้าไปกับเตียง พร้อมกับบิดมือดาหวันไพล่หลัง
ดาหวันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “อ๊อย”
จังหวะนั้นพาณิชย์ขึ้นคร่อมหลังดาหวันไว้พูดตรงข้างหู
“แสบนักนะ นังดาหวัน”
“ไอ้ผู้ชายชายกระโปรง ข่มเหงผู้หญิงไม่มีทางสู้”
“อย่าพึ่งมั่นใจไป อีกเดี๋ยวเธอเองนั่นแหละที่จะวิ่งไล่ปล้ำฉัน”
พาณิชย์หยิบขวดยากำหนัดออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วบีบปากดาหวัน จะกรอกยา
“กินซะแล้วจะได้สนุกกัน”
ดาหวันพยายามขัดขืนสุดชีวิต
พาณิชย์เอาปากกัด ไม้ก๊อกขวดยาออก แล้วเทยาน้ำจากขวดลงมาเกือบจะเข้าปากดาหวัน
“ช่วยหวันด้วย ...พี่ชะ....” ดาหวันจะเรียกให้ชลิตช่วย
พาณิชย์หัวเราะอย่างสนุก แต่จู่ๆ ร่างของพาณิชย์ก็ผงะกระเด็น เพราะโดนแจ๋ฟาดอย่างแรง เซกระเด็นไปทางกิมจิ กิมจิเอาร่มฟาดพาณิชย์เซมาที่แจ๋
แจ๋เอาร่มกระดาษในมือ ฟาดพาณิชย์อีกที แล้วพาณิชย์ก็เป็นล้มลงหมดสติไป
“โอ๊ย!”
แจ๋กับกิมจิซึ่งอยู่ด้านหลังพาณิชย์ ทั้งสองหมุนร่มแล้วโพสท่าอย่างกระแดะที่ปฏิบัติการสำเร็จ
“เจ้านางกิมจิกางร่ม”
“เจ้านางกิมแจ๋กางจ้อง”
กิมจิกับแจ๋หันไปทางดาหวันพูดออกมาพร้อมกัน “พวกเรามาช่วยคุณหนูดาหวันแล้วค้า”
ดาหวันมองทั้งสองดีใจ รีบลุกวิ่งเข้ามากอดแจ๋
“พี่แจ๋ พี่กิมจิ”
“ยายหวีล่ะ อยู่ไหน” แจ๋ถามอย่างร้อนรน

ธนวัติขึ้นคร่อมบนร่างฉวีวรรณ พลางลูบไล้ใบหน้า อย่างหื่นหิว
“ป่านนี้ไอ้ดนัยกับไอ้ชลิต คงมีความสุขกับสองสาวนั่นแล้ว เราก็อย่าน้อยหน้าพวกมันเลยนะจ๊ะน้องหวี”
ฉวีวรรณสะบัด ทำท่าจะกัดมือ ธนวัติรู้ทันตบฉวีวรรณอีกฉาด
“พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ”
“ฉันยอมตาย ดีกว่าเสียตัวให้แก”
ธนวัติฉุน หยิบขวดยากำหนัดออกมาชูขึ้น
“หึหึ กินยาปลุกกำหนัดนี่ก่อนเถอะ เธอต้องร้องขอเป็นเมียฉันแน่”
“ไม่!! อย่านะ”
ฉวีวรรณหน้าตาตื่น ตกใจ เม้มปากแน่น

แจ๋กระโดดเข้ามา แล่บลิ้นปลิ้นตา หลอกทหารยามหน้าห้องธนวัติ แล้วรีบหนีไป
“แฮ่ ๆ แบร่...แน่จริงจับดิ”
“เฮ้ย หยุด”
ทหารยามเฝ้าประตูทั้งสอง รีบวิ่งตาม แจ๋วิ่งหนีเลี้ยวหลบไปที่มุมตึก

ทหารยามวิ่งตามมา แค่ไม่เห็นแจ๋ ก็ยืนงง
“หายไปไหน”
กิมจิ กับ แจ๋ที่แอบหลบอยู่ตรงกำแพงด้านหนึ่ง รีบยกร่มฟาดทหารทั้งสอง จนล้มสลบไป
“เยี่ยม” กิมจิชมตัวเอง
“หมู่เฮาชาวเหนือ รีบไปเต๊อะ” แจ๋บอก
ทั้งสองตีมือกันแล้วรีบวิ่งหลุดเฟรมกลับไปทาง ห้องธนวัติ

ในจังหวะนั้น ธนวัติจิกหัวฉวีวรรณขึ้นมา ทำท่าจะกรอกยากำหนัดใส่ปาก
“ช่วยด้วย!”
“ร้องให้ตายก็ไม่มีใครช่วยหรอก”
กิมจิ กับ แจ๋ เปิดประตูพุ่งเข้ามา เอาร่มฟาดธนวัติ ผงะหล่นตกเตียงไป
“โอ้ย ไอ้พวกปลวก อยากตายหรือวะ” ธนวัติโกรธ
“ไอ้ชั่วอย่างแกสิ ตาย!!”
พูดจบกิมจิพุ่งเข้าไปสู้กับธนวัติ แจ๋รีบดึงฉวีวรรณออกมา
“หวี เป็นไรรึเปล่า”
“ไม่เป็นไร ขอบใจจ้ะ”
ธนวัติชกกิมจิ แต่กิมจิหลบทัน แล้วถีบธนวัติล้มลงไปกองกับพื้น กิมจิจะเตะซ้ำแต่ธนวัติพลิกตัวหลบทัน แล้วยันกิมจิถลาไปทางฉวีวรรณกับแจ๋
แจ๋เอาร่มฟาดธนวัติ แล้วถีบจนกระเด็น หัวไปโขกกำแพง ทรุดลงไป ธนวัติมึนน่วมแล้ว ฉวีวรรณสุดแค้น เข้าไปดึงคอเสื้อธนวัติขึ้นมา ขึ้นเข่าใส่เป้าเต็มๆ ธนวัติจุกจนตัวงอเป็นกุ้ง
“ทีฉันบ้างล่ะ ไอ้เลว!!”
แล้วฉวีวรรณต่อยหน้าธนวัติสุดแรง จนธนวัติหมดสติไป

กิมจิกับแจ๋ ช่วยกันผลักร่างธนวัติที่สลบอยู่ ลงไปกองรวมกับพาณิชย์ที่สลบอยู่เหมือนกัน
ดาหวันวิ่งเข้ามากอดฉวีวรรณ
“พี่หวี”
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ทำใจให้สบาย”
กิมจิหันมาถามฉวีวรรณ
“เอาไงต่อไป ฮึ หวี”
ฉวีวรรณนึกได้หยิบขวดยาปลุกกำหนัดออกมา
“หึหึ กรรมใดใครก่อ กรรมนั่นต้องคืนสนอง” ฉวีวรรณชูขวดยาขึ้น)
“ถูก พวกมันอยากให้พวกเรากินยาบ้าๆนั่นนัก ก็ให้พวกมันกินเข้าไปเองเถอะ”
ดาหวันลุกไปหยิบขวดยาปลุกกำหนัดอีกขวดที่พาณิชย์ทำตกไว้ขึ้นมา
ฉวีวรรณกับดาหวันมองหน้ากัน ยิ้มให้กัน แล้วต่างเข้าไปจับตัวธนวัติกับพาณิชย์กรอกยา
ปลุกกำหนัด โดยมีแจ๋กับกิมจิคอยช่วย

ฉวีวรรณกับดาหวันไม่ได้กรอกยากำหนัดให้สองวายร้ายกินจนหมดขวด!!

อ่านต่อตอนที่ 20




กำลังโหลดความคิดเห็น