xs
xsm
sm
md
lg

กุหลาบซาตาน ตอนที่ 19

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กุหลาบซาตาน ตอนที่ 19

นงพงากับไปรมานั่งรอรับศพปฐวีอยู่ที่โรงพยาบาลจนกระทั่งสารวัตรยุทธนาเดินออกมาพร้อมกับหมอนิติเวช
“คุณนงพงา... คุณหมอโสภณเป็นแพทย์นิติเวชที่ดูแลเคสของท่านปฐวีครับ”
สารวัตรยุทธนาแนะนำ นงพะงากับไปรมายกมือไหว้หมอโสภณ
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อนงพงา เป็นภรรยาของท่าน แล้วนี่ไปรมา ลูกสาว”
“ผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ แล้วก็ต้องขออภัย ที่ยังให้นำศพของท่านปฐวีออกไปไม่ได้”
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ”
“เนื่องจากมันเป็นคดีฆาตกรรม ที่ยังจับตัวฆาตกรไม่ได้ เราเลยต้องตรวจสอบกันมากหน่อย เพราะ
อาจจะพบร่องรอยที่จะชี้ไปถึงตัวคนร้ายน่ะครับ”
“นี่หมายความว่าคุณหมอพบร่องรอยอะไรที่เป็นประโยชน์ใช่ไหมคะ” ไปรมาถามอย่างมีความหวัง
“เราพบร่องรอยบางอย่าง แต่ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ ว่ามันจะทำให้เราจับคนร้ายได้หรือไม่” สารวัตรยุทธนาบอกนงพงากับไปรมามองหมอโสภณด้วยความหวัง
วันเดียวกันนั้นชินภัทร พีชญา ภูษณะมาเยี่ยมไปรมาที่บ้าน ไปรมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง พร้อมกับภาพถ่ายรูปปลายนิ้วปฐวีที่มีรอยเชือกเป็นรอยลึก ทั้งมือซ้ายและมือขวา
“เป็นรอยที่ปลายนิ้วทั้งสองมือจริงๆ รอยลึกมากด้วย”
ชินภัทรบอกเมื่อเห็นรูป ภูษณะกับพีชญาที่นั่งอยู่ข้างๆ ชะโงกหน้ามาดูอย่างสนใจ
“มันรอยอะไรนะ ไป๋รู้ไหม” ภูษณะถาม
“คุณหมอบอกว่าเกิดจากการถูกรัดด้วยของที่เป็นเส้นเล็กๆ คุณพ่อน่าจะออกแรงดึงเชือกอะไรซักอย่าง อย่างแรงมาก ถึงได้เป็นรอยลึกขนาดนี้”
“ดึงเชือก! เชือกอะไรล่ะ”
“เดากันว่าน่าจะเป็นเชือกผูกรองเท้า เพราะเชือกผูกรองเท้าของคุณพ่อ มันหลุดหายไปข้างนึง”
ทุกคนหันมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
ชินภัทรนำเรื่องนี้ไปเล่าให้ชัชฟัง ชัชลองดึงเชือกผูกรองเท้าของตัวเองขึ้นมา แล้วลองใช้มือสองข้างดึงดูและคิดไปด้วย
“เชือกผูกรองเท้างั้นเหรอ”
“ครับ แต่ตำรวจก็ยังไม่แน่ใจนะครับ ว่าท่านปฐวีพยายามจะทำอะไร”
“ในภาวะคับขันอย่างนั้น จะทำอะไรนอกจากพยายามจะต่อสู้ หรือไม่ก็หาทางเอาตัวรอด แต่ก็ไม่สำเร็จอยู่ดี ไม่งั้น ก็คงไม่ตาย”
“ฆาตกรมันฆ่าพี่เป๋ง ฆ่าท่านปฐวี สองศพแล้วนะครับ ยังไม่มีใครทำอะไรมันได้เลย” ชินภัทรบอกอย่างเจ็บใจ
“บาปกรรมมีจริง ชิน ใครทำอะไรเอาไว้ เดี๋ยวมันก็ตามทัน เพียงแต่เราไม่รู้เท่านั้นเอง ว่าเวรกรรมของใครจะมาก่อน...เพียงออ หรือว่าพ่อของแก”
ชัชพูดอย่างปลงๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป ชินภัทรอึ้งไป
เย็นวันเดียวกันนั้นที่บ้านของโชค โชคบีบแขนข่มขู่โรส
“เหลวไหล! เมื่อก่อนเธอเห็นโน่นเห็นนี่สารพัด ทำไมตอนนี้บอกไม่ได้ ว่าคนที่ชื่อเพียงออมันอยู่ไหน ...เธออยากให้มันมาฆ่าฉันใช่ไหม”
“เปล่านะคะ ฉันมองไม่เห็นจริงๆ...ฉันต้องมีสิ่งของที่เขาเคยแตะต้อง สัมผัส เป็นสื่อกลาง ฉันถึงจะมองเห็นเค้าได้”
“งั้นเหรอ”
โชคผลักโรสเซไปลงบนโซฟา แล้วหยิบถุงพลาสติกใสเล็กๆ ที่มีปลอกกระสุนหนึ่งนัดออกมาจากกระเป๋า ยัดใส่มือโรส
“อะไรคะ” โรสถามอย่างแปลกใจ
“ปลอกกระสุนที่มันยิงไอ้เป๋ง ฉันเก็บมาอันนึง คราวนี้บอกฉันได้รึยังว่านังเพียงออมันอยู่ที่ไหน”
โชคจ้องหน้าโรส โรสกำปลอกกระสุนในมือ มองโชคอย่างหวาดหวั่น แล้วหลับตา
ภาพในหัวโรส เป็นภาพตัวเองยิ้ม แล้วยิงเป๋ง ปังๆๆๆ...โรสลืมตา
“ว่าไง”
“เจ้าของกระสุนนัดนี้ อยู่ไกลมากค่ะ...ต่างจังหวัด แต่ฉันมองไม่ออก ว่าเป็นที่ไหน แต่ว่า...”
โชคชะงัก
“แต่อะไร”
“ฉันเห็นเค้าสองคนอยู่ด้วยกัน เค้าอยู่กับผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่ชื่อกงพัด”
“มันเป็นคนคนเดียว กับคือคนที่ชื่อวีณารึเปล่า”
โรสพยักหน้า โชคตาวาวด้วยความแค้น คิดว่าวีณาคือเพียงออ
ทางด้านวีณาคืนนั้นเธอนอนซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของกงพัดมีผ้าห่มคลุมอยู่ รอบตัวมีเทียนจุดวับแวม วีณาจับมือกงพัด มือของทั้งสองคนเกาะเกี่ยวกัน เห็นว่าทั้งสองมีแหวนแต่งงานเรียบๆ ใส่อยู่ กงพัดมองวีณาอย่างรักมาก วีณาถามขึ้นมา
“คุณต้องไปจริงๆ เหรอคะ”
“จ้ะ”
“ฉันไปด้วยได้ไหมคะ ฉันไม่อยากอยู่ห่างคุณ”
“อย่าเลย วี พวกมันกำลังตามล่าคุณ หลบอยู่ที่นี่ปลอดภัยกว่า เอาไว้ผมจัดการกับโรสเรียบร้อย ผมจะรีบกลับมาหาคุณ”
“คุณจะจัดการโรสยังไงคะ เธอฉลาด แล้วก็เจ้าเล่ห์มากนะคะ” วีณาถามอย่างเป็นกังวล
“คนฉลาดก็มีข้อเสียของคนฉลาด คือคิดว่าคนอื่นโง่กว่าตัวเอง ผมจะใช้วิธีของโรสนั่นแหละ จัดการ
กับตัวเค้าเอง”
กงพัดบอกด้วยสีหน้ามั่นใจ วีณามองยิ้ม เชื่อมั่นในตัวกงพัด
เช้าวันรุ่งขึ้นที่บ้านปฐวีขณะที่นงพงากับไปรมานั่งกินอาหารเช้ากันอยู่ สาวใช้เข้ามาหา
“จดหมายค่ะ คุณ”
“ขอบใจจ้ะ”
นงพงารับมา เห็นลายมือเขียนว่า เรียน คุณนงพงา ไม่มีที่อยู่ ไม่มีตราไปรษณียากร นงพงเลยนิ่วหน้าแปลกใจ
“เอามาจากไหนจ๊ะ” นงพงาถามสาวใช้
“อยู่ในตู้ไปรษณีย์หน้าบ้านเราค่ะ หน้าซองมีแค่ชื่อคุณอย่างเดียว คงมีใครมาแอบสอดไว้ตั้งแต่เมื่อคืน”
สาวใช้เดินออกไป ไปรมจึงถามแม่อย่างสงสัย
“จดหมายของใครคะ คุณแม่”
นงพงาเปิดซองจดหมายออกดู
“กราบเท้า คุณนงพงา ที่เคารพ ผมต้องขอโทษที่ล้มเหลวต่อหน้าที่ ไม่สามารถปกป้องท่านได้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับท่าน เป็นสิ่งที่ผมเสียใจที่สุดในชีวิต...” นงพงาเงยหน้าขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “จดหมายจากดนัย”
“พี่ดนัยอยู่ไหนคะ แล้วเค้าเขียนมาว่ายังไง”
“ดนัยอยากพบแม่ เค้าบอกว่า มีเรื่องสำคัญจะบอก...เกี่ยวกับการตายของคุณพ่อ”
นงพงากับไปรมามีความหวังขึ้นมาทันที
ดนัยนัดเจอกับนงพงาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง นงพงาเดินเข้าในร้านอาหารแล้วนั่งลงที่โต๊ะมุมในสุด หันหน้าออกทางหน้าประตู พนักงานมารับออเดอร์ นงพงาสั่งเครื่องดื่ม แล้วนั่งสงบรอ สายตาจับจ้องไปที่ประตู
“...บ่ายโมงตรง ที่ร้าน...ผมจะไปพบคุณนงที่นั่น แล้วผมจะเรียนให้คุณนง ทราบทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้น...”
นงพงานึกถึงข้อความในจดหมาย
ระหว่างนั้นดนัยกำลังเบิกเงินอยู่ที่ธนาคาร พนักงาเอาเงินทั้งหมดใส่ถุงส่งให้ดนัยที่รออยู่
“หนึ่งล้านห้าแสนบาทครบนะคะ”
ดนัยเอาเงินใส่เป้ แล้วรีบเดินก้มหน้าก้มตาออกไป ด้านหน้าธนาคารดนัยวิ่งขึ้นมอเตอร์ไซค์ลูกน้องที่จอดรออยู่หน้าธนาคาร
“ไป เร็วเข้า”

มอเตอร์ไซค์แล่นออกไป
ดนัยซ้อนมอเตอร์ไซค์ของลูกน้องวิ่งมาตามถนนซักพัก ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังลั่น ดนัยหันมอง เห็นเอกประกบมาข้างๆ
“เฮ้ย...เร่งเครื่อง เร็ว”
ดนัยบอกลูกน้อง ลูกน้องดนัยเร่งเครื่องหนี เอกเร่งเครื่องตาม ลูกน้องดนัยหลบเข้าทางลัด เอกเร่งเครื่องวิ่งขึ้นข้างทาง มอเตอร์ไซค์ลอยหวือไปขวางหน้าดนัย แล้วยิงใส่ทันที กระสุนเข้าที่อกลูกน้องดนัยจังๆ เลือดสาด ดนัยตกใจ เอกจะยิงซ้ำ ดนัยรีบปัดมอเตอร์ไซค์ลงข้างทางไป เอกไล่ยิงตาม ดนัยโดนยิงเฉี่ยวที่แขน ทิ้งมอเตอร์ไซค์ วิ่งหนีกระเซอะกระเซิงเข้าป่าไป
นงพงายังนั่งรออยู่ที่ร้านอาหาร นงพงาดูนาฬิกาเป็นเวลาบ่ายสองกว่า นงพงาเริ่มกังวล พนักงานเดินมาบอก
“คุณคะ ร้านจะปิดแล้วค่ะ จะเปิดอีกทีก็ตอนเย็น”
“ฉันนัดคนเอาไว้น่ะค่ะ ขอนั่งรอเค้าก่อนได้ไหม”
“คือทางร้านปิดบ่ายสองค่ะ คุณต้องไปรอที่อื่นแล้วล่ะคะ”
“แต่ฉันมีนัดสำคัญจริงๆ ขอร้องล่ะค่ะ”
“ไม่ได้ค่ะ เราจะปิดแล้วจริงๆ”
“แต่ว่าฉัน...”
เสียงโทรศัพท์ที่ร้านดัง พนักงานหันจากนงพงาไปรับสาย
“สวัสดีค่ะ ร้าน... ค่ะ อะไรนะคะ จะพูดกับคุณนงพงา” นงพงาหันขวับ “ที่นี่ร้านอาหารนะคะ ไม่มีคนชื่อนงพงาค่ะ”
“ฉันเองค่ะ ฉันชื่อนงพงา” พนักงานมอง งงๆ นงพงาเดินเข้าไป “ต้องเป็นคนที่นัดกับฉันแน่ๆ... ขอฉันพูดกับเค้าหน่อยนะคะ”
พนักงานส่งสายให้ แล้วออกไป นงพงารับโทรศัพท์มาพูดอย่างร้อนรน
“ฮัลโหล นั่นดนัยใช่ไหม เธออยู่ที่ไหนน่ะ” นงพงากระซิบกระซาบถาม
อีกด้านหนึ่งดนัยในสภาพอิดโรย เสื้อผ้ามีรอยเปื้อนเลือด แอบโทรศัพท์อยู่ในตู้สาธารณะด้วยท่าทางหวาดกลัว
“คนของไอ้โชคมันตามฆ่าผมครับ คุณนง ผมอยู่ในอันตราย ผมไปหาคุณนงไม่ได้ เดี๋ยวคุณนงจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
“เธอต้องไปมอบตัวกับตำรวจ ดนัย เชื่อฉันนะ ตำรวจเค้าคุ้มครองเธอได้”
“ไม่มีทาง พวกมันไม่ปล่อยผมแน่ ถึงผมติดคุก มันก็ต้องตามไปฆ่าผมในคุก...ผมจะหนี ผมจะหนีออกนอกประเทศ ผมอยากให้คุณนงช่วยผม”
“ฉันช่วยเธอแน่ แต่เธอต้องบอกฉันก่อน...โรสเป็นคนฆ่าท่านใช่ไหม”
“ครับ โรสเป็นคนฆ่าท่าน”
“เพราะอะไร โรสฆ่าท่านเพราะอะไร”
“เรื่องมันยาวครับ เอาเป็นว่าผมจะให้ข้อมูลทุกอย่าง แต่คุณนงรอให้ผมหนีไปจากเมืองไทยก่อน
แล้วค่อยบอกตำรวจ ได้ไหมครับ” นงพงาลังเล “นะครับ คุณนง ได้โปรด มันฆ่าคนของผมตายหมดแล้ว ขืนอยู่ต่อไป ผมต้องตายแน่ๆ”
“ก็ได้ ดนัย ฉันจะปล่อยให้เธอหนีไป แต่เธอต้องช่วยฉัน จับโรสมาลงโทษให้ได้ เข้าใจไหม”
นงพงาวางหูจากดนัย
โชค ชัชและชินภัทรเอาอังคารของเป๋งไปลอยที่ริมทะเล โชคโรยเถ้าอัฐิของเป๋งลงในน้ำ ชัชหยิบกลีบ
กุหลาบแดงในห่อผ้าโปรยตามลงไป กลีบกุหลาบแดงร่วงพรูเป็นสายลงบนทะเลสีเขียว
“ไปดีนะ ไอ้เป๋ง”
โชคเดินหลบออกไป ชัชจะเดินตาม แล้วชะงัก เมื่อเห็นชินภัทรหน้าขรึม มองเหม่อไปที่น้ำทะเล
“ชิน” ชินภัทรหันมา “เป็นอะไร”
“เมื่อต้นปี เรามาลอยอังคารแม่กันที่นี่ วันนี้ เป็นพี่เป๋ง ผมแค่กำลังคิดว่า คนต่อไปจะเป็นใคร”
“พูดอะไรอย่างงั้น”
“พ่อไปทำอะไรพวกเค้าเหรอครับ อาชัช ทำไมเค้าถึงได้จองล้างจองผลาญพวกเราไม่เลิก พ่อทำผิดอะไร ทำไมต้องเข่นฆ่าเอาชีวิตกัน” ชัชอึ้ง หนักใจไม่รู้จะตอบว่ายังไง “ความผิดที่พ่อทำลงไป มันถึงขั้น ต้องชดใช้ด้วยชีวิตเลยเหรอครับ อาชัช”
“อาก็ไม่รู้เหมือนกัน...ถ้าเป็นแกล่ะ ชิน คนที่ฆ่าพ่อแก ฆ่าแม่แก เอาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากชีวิตของแก... แกว่าเค้าควรต้องชดใช้ด้วยอะไร”
ชินภัทรอึ้งไป นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่โชคทำจะโหดร้ายขนาดนี้
โรสยืนอยู่ที่โขดหินได้ยินสิ่งที่ชัชพูด รู้สึกได้ถึงความเห็นอกเห็นใจในน้ำเสียงของชัช โรสรู้สึกดี จังหวะนั้นมีแสงสะท้อนแว่บเข้าตาโรส โรสกระพริบตาหลบ แล้วหันไปมองที่มาของแสงที่หลังโขดหิน ห่างออกไปอีกด้าน มีแสงสะท้อนแว่บๆ เป็นจังหวะ เหมือนใครเอากระจกสะท้อนแสง โรสเอะใจ
กงพัดยืนหลบอยู่หลังโขดหน ในมือถือสายสร้อยยาวที่มีล็อกเกตเป็นกระจกเงารูปไม้กางเขน สะท้อนแสงวูบวาบกงพัดมองลงไปที่โรสอย่างครุ่นคิดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่แยกจากวีณา วีณายืนส่งอยู่หน้าบ้าน กุมมือกงพัดไว้แล้วพูดอย่างห่วงใย
“ฉันรู้ ว่าคุณไม่มีทางทำร้ายพี่สาวตัวเอง ฉันเองก็ไม่อยากให้คุณทำร้ายเค้า...แต่พัดคะ ฉันคิดไม่ออกจริงๆ ว่าคุณจะหยุดโรสได้ยังไง”
“ด้วยมือของกฎหมาย...ถ้าผมกลับไป โรสต้องวางแผนให้ผมไปฆ่าคนอีกแน่ๆ แต่คราวนี้ ...คนผิดจะต้องเป็นเค้า”
กงพัดนึกถึงคำพูดตัวเองแล้วตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
“มนุษย์มีทั้งดีและชั่ว เหมือนข้าวพันธุ์ดีและเลว ข้าวที่เลวต้องถูกกำจัดไป เพื่อไม่ให้ไปทำลายข้าวพันธุ์ดี...โรส หวังว่าพี่จะเข้าใจ และให้อภัยผมนะ”
กงพัดหันหลัง เดินออกไปเพื่อไปพบกับโรส
โรสเดินลัดเลาะไปตามโขดหิน พอไปถึงด้านหลัง ก็เห็นเงาะสะท้อนแว่บ แล้วร่างของกงพัดก็เดินออกมา
“พี่โรส”
“พัด มาได้ยังไง” โรสถามอย่างแปลกใจ
“พี่อยากให้ผมกลับมา ผมก็มาแล้วไง”
“นี่เธอหมายความว่า...”
“ผมกลับมาเป็นกงพัดคนเดิมของพี่ ผมจะทำทุกอย่างตามที่พี่ต้องการ ขออย่างเดียว...วีณาต้องปลอดภัย พี่ต้องเลิกยุ่งกับเค้า”
“ตกลง ...ขอแค่เธอกลับคืนมา กลับมาเป็นน้องชายคนดีของพี่” โรสกอดกงพัดอย่างดีใจ “ต่อจากนี้ จะมีแค่เราสองคนพี่น้องและคำสัญญาที่เคยให้ไว้ต่อกัน”
“แล้วพี่มีแผนจะทำอะไรต่อไป”
โรสยังไม่ทันจะตอบ ก็มีเสียงชัชตะโกนมา
“โรส...โรส”
โรสผงะ เป็นห่วงกงพัด
“เสียงคุณชัช! เค้ากำลังเดินมาทางนี้”
เสียงชินภัทรดังตามมาอีก
“อาโรสครับ อยู่แถวนี้รึเปล่า”
“เธอไม่มีอาวุธใช่ไหม” กงพัดพยักหน้า “ งั้นรีบหลบไป เอางี้ ไปรอพี่ที่ห้องเช่าที่เดิมของเรา เย็นนี้ พี่
จะออกไปหา” เสียงชัชใกล้เข้ามา โรสผลักกงพัด “ไป”
กงพัดวิ่งไปทางหนึ่ง โรสวิ่งไปอีกทาง ร้องเรียกชัชไปพลาง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
“ฉันอยู่ทางนี้ค่ะ ชัช”
กงพัดวิ่งไปทางหนึ่งแล้วชะงัก เมื่อเจอชินภัทรเดินมา ทั้งสองประสานสายตากัน ชินภัทรจำกงพัดได้ กงพัดเอาล็อกเกตสะท้อนแสงแดดเข้าตาชิน แล้ววิ่งหลบเข้าไปในดงไม้ ชินภัทรวิ่งตาม
ชินภัทรวิ่งตามกงพัด ที่วิ่งลัดเลาะหลบไปตามต้นไม้ กงพัดวิ่งหนี ตวัดสร้อยเอาล็อกเกตมาไว้ด้านหลัง ล็อกเกตสะท้อนแสง ว่อบแว่บไปมาระหว่างที่วิ่ง
“อย่าหนีนะ”
ระหว่างวิ่งชินภัทรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรไปด้วย ขณะนั้นชัชอยู่กับโรส ชัชรับโทรศัพท์
“มีอะไร ชิน”

ชินภัทรวิ่งไปพูดไป
“ผมเจอมือปืนที่ชื่อกงพัดครับ”
ชัชตกใจ
“หา! มันอยู่ที่ไหน”
ชินภัทรชะงักเท้า เพราะด้านหน้าเป็นดงไม้ทึบร่างของกงพัดหายไป แต่ระหว่างพุ่มไม้ มีแสงสะท้อนของล็อกเกตแว่บออกมาบางๆ ชินภัทรมองแล้วค่อยๆ ถอยออกมาตั้งหลัก กระซิบเสียงเบา
“มันแอบอยู่ในดงไม้ครับ อาชัช ทางด้านหลังหน้าผา”
โรสจ้องมองชัชอย่างตื่นตระหนก ชัชตอบเสียงเบา
“ประกบมันไว้ อย่าผลีผลามเข้าไปนะ อาจะส่งคนไปช่วย”
ชัชวิ่งออกไป โรสหน้าเสีย วิ่งตามไป
ชินภัทรจับตามองแสงแว่บๆ ที่อยู่หลังพุ่มไม้ทึบ ห่างออกไปประมาณ 5-6 เมตร ลุ้นระทึก ขณะนั้นลูกน้องของชัช 2 คนวิ่งเข้ามาจากคนละด้าน ส่วนชัชกับโรสเข้ามาอีกด้านหนึ่ง ทุกคนมีปืนในมือ โรสหน้าเสีย ชินภัทรจับตามองพุ่มไม้ ลมพัด พุ่มไม้ไหวนิดๆ แสงแว่บๆ สะท้อนออกมาอีก
“ออกมาเถอะ แกหนีไม่รอดหรอก ที่นี่เป็นที่ของเรา คนของเราล้อมไว้หมดแล้ว”
ลมพัด กิ่งไม้ไหวอีก แสงสะท้อนวูบหล่นต่ำลง ชินภัทรเอะใจ พรวดเข้าไปที่หลังพุ่มไม้แล้วชินภัทรก็เห็นสายสร้อยแขวนหล่นค้างอยู่ที่กิ่งไม้ ชินถึงกับเซ็ง
โชคปาสร้อยกางเขนในมือทิ้งลงกับพื้นทราย โวยวายอย่างเจ็บใจหลังจากรู้ว่ากงพัดหนีรอไปได้
“มันกล้ามากนะ มาเหยียบจมูกฉันถึงที่นี่”
“นั่นสิ ผมก็ยังแปลกใจ ว่ามันมาทำไม”
“ก็มาฆ่าฉันน่ะซีวะ ถามได้”
“แต่ชินบอกว่ามันไม่มีอาวุธนะพี่ แล้วมันก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายชินด้วย”
“มันอาจจะมาดูลาดเลาก่อนก็ได้นะครับ อาชัช”
ชัชก้มเก็บสร้อยกางเขนขึ้นมา หน้าตาไม่ค่อยเห็นด้วย โชคพูดขึ้นอย่างเจ้าอารมณ์
“ฉันเบื่อจะเล่นซ่อนหากับมันเต็มทีแล้ว...มันโผล่หัวออกมาก็ดี ฉันจะได้จัดการมันให้หมด ทั้งไอ้กงพัด ทั้งผู้หญิงที่อยู่กับมัน ไม่ว่ามันจะเป็นใคร เพียงออ หรือว่าวีณา!”
โรสที่ยืนฟังอยู่ มองโชคอย่างแค้นๆ ชินภัทรมองอาการพาลของโชคอย่างหนักใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2





กุหลาบซาตาน ตอนที่ 19 (ต่อ)
พีชญากับภูษณะแต่งตัวสีสันสดใสแบบวันหยุดนั่งอยู่ด้วยกันในรถคันเล็กๆ ที่ภูษณะเป็นคนขับ
พีชญาคุยเจื้อยแจ้ว ขณะที่ภูษณะสอดส่ายสายตาไปข้างทางตลอดเวลา เหมือนหาอะไรซักอย่าง หน้าตาเป็นกังวล
“เฮ้อ โล่ง... นี่เธอต้องขอบใจฉันนะ ถือว่าเป็นความคิดที่ดีมาก ที่เราหนีออกมาพักสมองกันบ้าง... บรรยากาศที่บ้านยัยไป๋มันตึงเครียดเหลือเกิน”
“ก็พ่อเค้าตายทั้งคน โดนฆ่าตายนะ ไม่ได้ตายธรรมดา”
ภูษณะบอกพร้อมกับมองข้างทางไปด้วย
“ก็นั่นน่ะดิ สงสารไป๋นะ ชินด้วย ต้องพลอยมาปวดหัว เพราะเรื่องของผู้ใหญ่... เอ้า เราก็เหมือนกัน จะมาคิดเรื่องของเค้าทำไมนี่ อุตส่าห์หนีออกมาเที่ยวแล้ว ก็ต้องมีความสุขซี...จริงไหม” พีชญาหันมาหาภูษณะ จึงเห็นภูษณะหน้ายุ่ง “ เป็นไร ทำไมทำหน้ายุ่งล่ะ ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยซี” พีชญาจับหน้าภูษณะเขย่า
“นี่ คนขับรถอยู่ อย่าเล่นได้ไหม”
“ขับรถอยู่ก็ยิ้มได้ ไหน ยิ้มสิ ยิ้ม”
“นี่ ยัยพีช อย่าเล่น รถยิ่งกำลังจะ...”
รถกระตุก แล้วจอด พีชญางง ทำหน้าเหวอ
“อะไรเนี่ย รถเป็นอะไร”
“น้ำมันหมด”
“น้ำมันหมด!”
พีชญาทำเสียงตกใจ ภูษณะหันมามองหน้าพีชญาอย่างหมั่นไส้
ริมถนนขึ้นเขาท่ามกลางแสงแดดยามเย็น พีชญาเดินมากับภูษณะ ในมือภูษณะถือแกลลอนเปล่า จะเอาไปซื้อน้ำมัน
“ขับรถยังไงปล่อยให้น้ำมันหมด รู้ว่าน้ำมันจะหมดแล้วทำไมไม่เติม” พีชญาบ่นมาตลอดทาง
“ก็มันไม่มี ตลอดทางมานี่มีปั๊มน้ำมันซะที่ไหน”
“แล้วทำไมไม่บอก”
“บอกตอนไหน ตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯมาเนี่ย เธอเคยหุบปากบ้างไหม ถ้าไม่พูดก็กิน ถ้าไม่กินก็ร้องเพลง”
“ก็ฉัน...” ภูษณะชี้หน้าพีชญา
“ห้ามเถียง ห้ามบ่นด้วย เดินไป เงียบๆ”
พีชญางอน เดินกระฟัดกระเฟียดนำหน้าไป แล้วชะงัก
“เฮ้ย...” พีชญาตาโต วิ่งกลับไป “ ภู... ภู...”
“อะไรอีก บอกแล้วไงให้เดินไปเงียบๆ”
“ฮึ่ย ดูโน่นก่อน โน่นใคร”
ภูษณะหันมองตาม ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร เห็นร้านกาแฟสด วีณายืนอยู่หน้าร้าน กำลังเลือกซื้อพืชผัก ของจากชาวบ้านที่เอามาขาย
“พี่วีณา”
ภูษณะอุทานออกมาแทบไม่มีเสียง
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านโชค ชัชเอาสร้อยกางเขนที่กงพัดทิ้งเอาไว้มาดู ใช้กระจกสะท้อนแสงเล่นไปมา
“อาเคยเห็นในหนัง เค้าใช้กระจกแบบนี้ส่งสัญญานหากัน เป็นการส่งโค้ดลับ”
ชินภัทรที่ตามเซ้าซี้อยู่ พูดอย่างหงุดหงิด
“อาชัชอย่านอกเรื่องดีกว่าครับ อายังไม่ได้บอกผมเลย ว่าพ่อฆ่าพ่อแม่ของกงพัดกับเพียงออทำไม”
“จะรู้ไปทำไม รู้ให้มันได้อะไรขึ้นมา” ชินภัทรสะอึก “พ่อแกฆ่าคนตายไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร มันก็ผิดอยู่ดี แล้วไม่ว่าแกจะทำยังไง ก็ลบล้างหรือชดใช้ความผิดอันนี้ไม่ได้”
“แปลว่าพ่อสมควรตายเหรอครับ”
ชัชระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างอัดอั้น
“ใช่! ถ้าเป็นคนอื่น อาจะตอบว่า ใช่ แต่นี่เป็นพี่ชาย พี่ชายที่อารักเท่าชีวิต สิ่งเดียวที่อาทำได้ ก็คือคอยกันไม่ให้ใครฆ่าใครอีก วงจรอุบาทว์นี่มันจะจบลงซะที”
ชัชเดินหนีไป
“เดี๋ยวครับ อาชัช”
ชินภัทรจะรั้งแขนชัชไว้ แต่คว้าพลาดไปดึงสร้อย สายสร้อยรัดข้อมือชัชอย่างแรง ชัชชะงักเจ็บนิดหน่อย
“โทษทีครับ” ชัชไม่สนใจชินภัทร มองแขนที่โดนสร้อยรัด ความคิดบางอย่างแว่บขึ้นมา “ผมขอโทษครับ อาชัช ผมไม่ได้ตั้งใจ...”
ชัชยกมือห้ามไม่ให้ชินภัทรพูด แล้วผลุนผลันออกไป
ชัชรีบไปหาโชคแล้วคุยกับโชคด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ลองนึกดูนะ พี่โชค ส.ส.ปฐวีโดนพาตัวไปในรถตู้ใช่ไหม เค้านั่งอยู่ด้านหลังคนร้ายนั่งอยู่ตรงที่คนขับ...ท่านปฐวีขยับตัวไม่ได้ อาวุธก็ไม่มี เลยพยายามใช้เชือกผูกรองเท้า...” ชัชใช้สายสร้อยของกงพัด ทำท่าให้ดู “รัดคอคนร้าย”
“จริงสิ ไอ้ปฐวีนั่งอยู่ข้างหลังคนร้ายพอดี ถ้ารัดแรงพอ คนร้ายก็ขาดใจตายได้”
“ใช่ แต่คนร้ายมันฉลาด มันขับรถลงไปในน้ำ ท่านปฐวีเลยจมน้ำตาย ก่อนที่จะฆ่ามันได้สำเร็จ ทีนี้
พี่นึกออกหรือยัง ว่าเราจะหาตัวคนร้ายได้ยังไง” โชคยังคิดไม่ทัน มองหน้าชัชเป็นเชิงถาม ชัชอธิบาย “ท่านปฐวีคงรัดคอคนร้ายสุดแรง...ถ้าที่นิ้วของเค้าเป็นรอยลึกขนาดนั้น”
“...ที่คอของไอ้ฆาตกร ก็ต้องเป็นรอยเหมือนกัน” โชคยิ้มชอบใจ แต่ชัชกลับชะงักเอง เอะใจ นิ่งไป
“ไอ้ชัช” ชัชนิ่งไม่ตอบ เพราะชัชกำลังนึกถึงโรส สองสามวันที่ผ่านมาเธอใส่ผ้าพันคอกับเสื้อผ้าทุกชุด “ไอ้ชัช เป็นอะไร”
ชัชเดินผลุนผลันออกไป หน้าตาซีเรียส
ขณะนั้นโรสอยู่ในห้องกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เป็นเสื้อคอเต่าปิดคอมิดชิด เตรียมจะออกจากบ้าน ชัชเปิดประตูพรวดเข้ามา ชัชมองที่คอโรส
“คุณแต่งตัวจะไปไหน โรส”
“นัดเพื่อนทานข้าวค่ะ”
“ผมไปด้วย”
โรสอึกอัก
“เพื่อนผู้หญิงนะคะ คุณไม่รู้จักด้วย จะเบื่อเปล่าๆ”
ชัชยิ้มแย้ม ทำร่าเริง
“ไม่หรอก” ชัชเข้ามาโอบเอวโรส “หลังๆ ที่บ้านมีแต่เรื่องวุ่นวาย ผมไม่มีเวลาให้คุณเลย เราน่าจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ้าง”
โรสฝืนยิ้มตอบ แต่หาทางบ่ายเบี่ยง
“วันหลังดีไหมคะ “
“วันนี้แหละ ผมจะได้รู้จักเพื่อนคุณบ้าง ผมว่า เรายังรู้จักกันไม่ดีเท่าที่ควรเลยนะ”
ชัชจ้องตาโรส โรสมองตาชัช เห็นความมุ่งมั่นจริงจังในนั้น เธอรู้ว่าไม่รอดแน่ เลยยิ้มหวาน
“ก็จริงของคุณค่ะ เราน่าจะอยู่ด้วยกันให้มากกว่านี้” โรสวางกระเป๋า “งั้นฉันไม่ไปไหนแล้ว อยู่บ้านกับคุณดีกว่”า
โรสลงนั่ง นึกว่ารอด แต่ชัชกลับรุกต่อ เข้ามาใกล้ เอามือไล้จากแก้มลงมาที่ลำคอ พูดกระซิบอ่อนหวาน
“งั้น... คุณไปแต่งตัวใหม่ให้สวยๆ เลยนะ... คืนนี้ ผมจะมีเซอร์ไพรส์ให้คุณ”
ชัชหันไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบชุดออกมาส่งให้โรสเป็นชุดราตรีเกาะอกเปลือยไหล่หมด โรสอึ้ง
โรสเข้ามาเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ ชุดใหม่เปิดไหล่อวดลำคอระหงที่ยังมีรอยช้ำสีเขียวจางๆ อยู่ชัดพอสมควร โรสหนักใจ
ส่วนที่ระเบียงห้องนอน ชัชอยู่ในชุดทักซีโด้ กำลังจุดเทียนบนโต๊ะดินเนอร์ที่จัดอย่างสวยหรู หน้าขรึม เครียดเสียงโรสดังขึ้นด้านหลัง
“ฉันพร้อมแล้วค่ะ”

ชัชหันไป เห็นโรสสวยมาก แต่งหน้าฉ่ำ ใส่ชุดเปลือยไหล่ แต่มีผ้าพันคอ ชัชมองโรส แล้วสายตาก็ไปหยุดที่คอ
“เชิญจ้ะ โรส” โรสเดินไปนั่ง ชัชหันไปมองถังแชมเปญที่ตั้งอยู่มุมหนึ่ง ชัชหยิบขึ้นมา “วันนี้ ผมสั่งที่โรงแรมทำอาหารฝรั่งเศสมาให้ มีแชมเปญด้วย สำหรับเราสองคน”
“ดื่มให้กับอะไรดีคะ”
ชัชยิ้ม แต่แววตาเศร้า ขณะที่เขย่าขวดแชมเปญเบาๆ
“ความรัก...ดีไหม”
ชัชเดินไปข้างโรส เปิดจุกขวดแชมเปญ ฟองสีขาวพุ่งออกมา ชัชปล่อยให้แชมเปญพุ่งเข้าใส่โรสที่นั่งอยู่ แชมเปญอาบชุดโรส โดยเฉพาะที่คอ จนเปียก
“ว้ายยยยยย” โรสลุกหนีปัดชุดไปมา
ชัชวางขวดแชมเปญนิ่งๆ ไม่ลนลาน พูดยิ้มๆ
“ขอโทษที โรส...เห็นที คุณจะต้องเปลี่ยนชุดอีกแล้วล่ะ”
โรสเอะใจ แต่ฝืนข่มเอาไว้
โรสกลับข้าห้องน้ำ มองตัวเองที่หน้ากระจก อย่างวุ่นวายใจ
“เค้าทำอะไรของเค้า ต้องการอะไรกันแน่” ประตูห้องน้ำเปิดออก โรสสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นชัชเข้ามา
“ชัช! เข้ามาทำไมคะ”
“ผมมาช่วยคุณเปลี่ยนเสื้อผ้า”
ชัชทำท่าใกล้ชิดนัวเนีย โรสบ่ายเบี่ยง
“ชัชคะ อย่า...”
ชัชจับแขนโรส อีกมือจับที่ผ้าพันคอ โรสชะงักตัวแข็ง ชัชค่อยๆ ปลดผ้าพันคอ ออกให้อย่างนุ่มนวล
โรสลุ้น ใจสั่น ชัชโยนพันคอทิ้ง มือที่จับแขนโรสไว้ยังจับแน่นใช้ปลายนิ้วอีกข้างแตะไล้ไปที่ลำคอของโรส
โรสหันมา จับมือชัชเอาไว้
“ขอฉันเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ...เดี๋ยวฉันตามออกไป”
ชัชพยักหน้ารับ จุ๊บแก้มโรสเบาๆ แล้วเดินออกไป สีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โรสถอนใจ แทบทรุด แววตาหวาดหวั่น
“เค้าทำแบบนี้ทำไม...เค้าสงสัยเราหรือเปล่า หรือว่าเราคิดมากไปเอง”
ชัชออกจากห้องน้ำมานั่งที่เตียงแล้วยกมือขึ้นดู เห็นรอยเปื้อนเมคอัพสีเข้มที่ปลายนิ้ว ชัชหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวขึ้นมาเช็ด เห็นเป็นสีชัดเจน ชัชรู้ว่าโรสจงใจปกปิดรอยที่คอของเธอ ชัชเศร้าเมื่อคิดถึงอดีตวันแรกตั้งแต่ได้พบกับโรสและภาพความสุขและความอ่อนหวานของโรส ชัชแหงนพิงพนักเก้าอี้ รำพึงออกมา
“โรส คุณเองเหรอที่เป็นคนร้าย...ผมไม่อยากเชื่อ คุณทำทำไม คุณมีเหตุผลอะไร”
ที่บ้านเช่าของดนัย ขณะนั้นดนัยในสภาพอิดโรยที่แขนมีผ้าพันแผลที่มีรอยเปื้อนเลือด นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ กำลังบันทึกคำสารภาพ
“...ผมขอยืนยันว่า สิ่งที่ผมพูดทั้งหมดเป็นความจริง โรส ฮอลเลอร์ เป็นคนฆ่าท่านปฐวี เพื่อปิดปาก ไม่ให้ท่านเปิดเผยความชั่วช้า ว่าเธอเป็นคนบงการ อยู่เบื้องหลังนักฆ่าที่ชื่อกงพัด และกำลังวางแผนฆ่านายโชค ชนารณพ เป็นรายต่อไป...”
ภาพที่หน้าจอดับไป ดนัยสั่งอัดลงแผ่นซีดี ระหว่างรอ ก็เอาซองกระดาษหนาสีน้ำตาล จ่าหน้าถึง คุณนงพงา เลิศวิทยา แล้วได้ยินเสียงผิดปกติ ดนัยชะงัก ทันใดนั้น ประตูก็ถูกยิงทะลุ ปังๆๆๆ ดนัยหอบโน้ตบุ๊คจะหนี เอกถีบประตู เดินเข้ามา ไล่ยิง ดนัยวิ่งหนี กระโดดออกทางหน้าต่าง แต่ไม่พ้น กระสุนของเอกเจาะร่างดนัยเลือดกระฉูด ก่อนจะหล่นลงกับพื้นห้อง โน๊ตบุ๊คหลุดจากมือกระเด็นออกนอกหน้าต่าง ลงคูน้ำข้างล่าง จมหายไปในน้ำครำ
วันต่อมาโรสเดินลงบันไดมาอย่างรีบร้อน บ่นพึมพำไปด้วย
“โทรศัพท์ก็ไม่มี ติดต่อกันไม่ได้ ป่านนี้พัดรอแย่แล้ว...” โรสชะงัก เกือบชนสาวใช้ “อุ๊ย”
“คุณโรสจะไปข้างนอกเหรอคะ “
“จ้ะ”
โรสตอบรับไม่หยุดเดิน จังหวะนั้นชายร่างใหญ่ 2 คนเดินออกมาขวางทาง
“ถ้าคุณโรสไปไหน ผมสองคนต้องไปด้วยครับ นายสั่งไว้”
โรสจะหลบ ชายสองคนตามมาขวาง โรสไม่พอใจ
“นายคนไหนสั่ง”
ชัชเดินลงมาจากบันได
“ผมเอง โรส” ลูกน้องถอยไป “ผมสั่งไว้ ไม่ให้คุณไปไหนคนเดียว แล้วถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่ควรจะออกไปไหนทั้งนั้น”
“เพราะอะไรคะ ชัช”
ชัชมองโรสนิ่งๆ พูดจริงจัง นุ่มนวล แต่ชัดเจน
“ทำตามที่ผมสั่งนะ โรส ผมขอร้อง”
ชัชเดินไปนั่ง แต่สายตายังมองโรส โรสมองชัช รู้แล้วว่าชัชสงสัยตน ทำอะไรไม่ได้ เลยหันหลังเดินกลับขึ้นชั้นบน
ส่วนที่ห้องเช่าของกงพัด กงพัดโทรศัพท์คุยกับวีณา วีณาแปลกใจมากเมื่อรู้ว่าโรสไม่ได้มาตามนัด
“โรสไม่มาตามนัด ? ทำไมล่ะคะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน เค้าไม่มีเบอร์ติดต่อผม ผมก็ไม่ได้โทรไป...โรสอาจจะมีปัญหา”
“หรืออาจจะกำลังเล่นเกมส์อะไรอยู่ก็ได้” วีณาพูดสวนอย่างไม่ไว้ใจ



“ผมจะรออีกวัน ถ้าเค้ายังไม่มา ผมจะไปหาเค้าเอง”
“ระวังตัวนะคะ พัด ฉันเป็นห่วงคุณนะ” วีณาเห็นลูกค้าทำมือเรียกเก็บตังค์ “เท่านี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันโทรไปใหม่”
วีณาเดินไปพร้อมกับบิล
“ร้อยนึงค่ะ”
ลูกค้าจะควักเงินจ่าย อีกคนกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ เห็นหน้าวีณา แล้วชะงัก มองหนังสือพิมพ์ แล้วมองวีณา
“อะไร”
“เปล่า”
ลูกค้าพับหนังสือพิมพ์ยัดใส่กระเป๋า วีณายิ้มขำ
“กาแฟสองแก้ว ร้อยนึง แถมหนังสือพิมพ์ด้วยก็ได้ค่ะ”
ลูกค้าส่งเงินให้ วีณาเดินเข้าหลังร้านไป ลูกค้าอีกคนรีบกางหนังสือพิมพ์ออกให้เพื่อนดู ด้านใน เห็นรูปของวีณา ในหน้าประกาศคนหาย
วันเดียววันนั้นไปรมาก็กำลังอ่านข่าวนี้ให้พีชญา ภูษณะและชินภัทรฟัง
“...นางสาววีณา เฟลแมน ได้หายตัวไป ผู้ใดพบเห็น แจ้งเบาะแสมาที่นายโชค ชนารณพ โรงแรมบลู สตาร์ จะมีรางวัลให้ มูลค่า 1 แสนบาท...” ไปรมาเงยหน้าถามชินภัทร “พ่อเธออยากได้ตัวพี่วีมาทำไม”
“พ่อเราเค้าเชื่อว่าพี่วีณา เป็นคนร้าย ที่บงการอยู่เบื้องหลังทุกอย่าง”
“เฮ่ย ทำไมถึงคิดอย่างงั้นล่ะ” พีชญาถามอ่างตกใจ
“ก็... หลายอย่าง แต่ส่วนนึง ก็เพราะรองเท้าที่เจอในสวนสาธารณะคู่นั้นเป็นรองเท้าของพี่วี!”
“พี่วีเป็นคนฆ่าพ่อเรางั้นเหรอ เราไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้” ไปรมาบอกอย่างตกใจ
“อาชัชก็ไม่เชื่อเหมือนกัน แต่พ่อบอกว่า ในเมื่อหลักฐานทุกอย่างมันชี้ไปที่พี่วี...ถ้าหาตัวพี่วีเจอ ข้อสงสัยทุกอย่างก็จะหมดไป” ชินภัทรบอก
“ก็จริง... แต่ประเทศไทยตั้งกว้าง ถ้าเค้าจะหลบซ่อนตัวจริงๆ ใครจะไปหาเค้าเจอ”
“มันก็ไม่แน่หรอก...เงินตั้งแสน มันก็ล่อใจอยู่นะ”
“นี่ อย่าบอกนะว่า...” พีชญาดุภูษณะ
“เปล่า...” ภูษณะชี้หน้าพีชญา “เงียบ ไม่ต้องพูดเลย เราหมายถึงคนอื่น ไม่ใช่เรา”
ชินภัทรกับไปรมามองภูษณะกับพีชญาอย่างสงสัย
“สองคนนี้ อะไรกัน”
“นั่นสิ งุบงิบกันอยู่ได้ สองคน...มีความลับอะไร พูดมา”
พีชญากับภูษณะปิดปาก ส่ายหน้า ไม่พูด
ทางด้านนงพงาระหว่างอยู่ที่มหาวิทยา นงพงาเดินวนเวียนอู่ในห้องอย่าง กระสับกระส่าย คอยมองโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา
“ดนัย มัวทำอะไรอยู่ ทำไมยังไม่ติดต่อมาอีกนะ”
ธุรการเคาะประตู นงพงาตื่นเต้น
“ขอประทานโทษค่ะ มีแขกมาขอพบดอกเตอร์ค่ะ
“ดีเลย ฉันกำลังรอ...” นงพงาชะงัก เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาเป็นสารวัตรยุทธนา “สารวัตรยุทธนา”
“คุณนงพงากำลังรอใครอยู่เหรอครับ” สารวัตรยุทธนาถามอย่างจับผิด
สารวัตรยุทธนามาหานงพงาเรื่องดนัย นงพงาตกใจมากเมื่อรู้ว่าดนัยตายแล้ว
“อะไรนะคะ! ดนัยตายแล้ว .. เมื่อไหร่คะ
“เมื่อคืนนี้ครับ... โดนยิงตาย ที่บ้านพัก ตำรวจไปชันสูตรพลิกศพ แล้วพบไอ้นี่”
สารวัตรยุทธนายื่นซองกระดาษที่จ่าหน้าถึงนงพงา นงพงาตาวาว รีบคว้ามาเปิดดู แต่ไม่พบอะไร
“ซองเปล่า!”
“ครับ ทางเราค้นดูจนทั่วแล้ว ในห้องก็มีแค่เสื้อผ้าที่ใส่แล้ว 2-3 ชุด ยาใส่แผลสด เงินสดล้านกว่าบาท แล้วก็ซองเปล่าซองนี้ ที่จ่าหน้าถึงคุณนงพงา...ผมเลยคิดว่า คุณนงพงาคงจะทราบ ว่าของที่น่าจะอยู่ในซองนี้ มันคืออะไร”
“เอ่อ คือ...”
“อย่าปิดผมนะครับ ผมดูออก ว่าคุณนงพงากำลังรอคุณดนัยอยู่ เขาตกลงว่าจะส่งอะไรให้คุณนงพงาเหรอครับ”
“คำสารภาพค่ะ เขาสัญญากับดิฉัน ว่าจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น แล้วเขาจะบอกดิฉัน ว่าใครเป็นคนฆ่าท่านปฐวี” นงพะงาสารภาพ สารวัตรยุทธนาทำหน้าผิดหวัง
“น่าเสียดาย”
“ค่ะ น่าเสียดาย”
“คุณนงพงามีโอกาสได้คุยกับเค้าก่อนตาย ไม่ระแคะระคายเลยเหรอครับ ว่าฆาตกรที่เค้าพูดถึง เป็นใคร”
นงพงามองสารวัตรยุทธนา อย่างชั่งใจ ไม่รู้จะบอกดีหรือไม่... พอดีมีโทรศัพท์เข้ามา
“ขอโทษนะคะ” นงพงารับโทรศัพท์ “ไป๋ มีอะไรลูก... อะไรนะ... ฉันต้องขอตัวก่อนนะคะ พอดียัยไป๋มีเรื่องด่วน”
นงพงารีบกลับบ้าน พอมาถึงไปรมายื่นประกาศคนหายในหนังสือพิมพ์ให้นงพงาดู
“คุณโชคประกาศหาตัวคุณวีณา!? ทำไม”
“ชินบอกว่า คุณพ่อของเค้าเชื่อว่าพี่วีณาเป็นคนร้าย แล้วก็เป็นฆาตกรที่ฆ่าคุณพ่อด้วยค่ะ คุณแม่”
“ไม่ ไม่จริง!”
“จริงค่ะ มีคนยืนยัน ว่ารองเท้าคู่นั้น เป็นรองเท้าของพี่วีณา”
“ไม่จริง คนที่บงการทุกอย่าง คนที่ฆ่าคุณพ่อ ไม่ใช่คุณวีณา เธอถูกใส่ร้าย!”
“คุณแม่แน่ใจเหรอคะ”
“จ้ะ ไป๋ต้องเชื่อแม่ คุณวีณาไม่ใช่คนร้ายแน่ๆ แต่ถ้าคุณโชคได้ตัวคุณวีณาไป เธอต้องแย่แน่ๆ แม่จะทำยังไงดี ....แม่ต้องบอกตำรวจ ต้องให้ตำรวจหาตัวคุณวีณาให้เจอก่อนคุณโชคให้ได้”
นงพงาจะกดโทรศัพท์ ไปรมาดึงมือไว้
“คุณแม่คะ เดี๋ยวก่อน...มีคนทราบค่ะ ว่าพี่วีอยู่ที่ไหน”
ไปรมาบอก
ระหว่างนั้นที่ร้านกาแฟสดของวีณา ลูกค้าที่เคยเห็นหน้าวีณาเดินเข้ามาในร้านโดยมีเอกเดินตามเข้ามา เอกมองหน้าลูกค้า
“ที่นี่แหละครับ” เอกพยักหน้าให้สัญญาน ลูกค้าร้องเรียก “ร้านเปิดหรือเปล่าครับมีใครอยู่หรือเปล่า”
“อยู่ค่ะ รอแป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวฉันออกไป”
เอกเดินไปตามเสียง มองไปด้านข้างร้าน เห็นวีณากำลังตากผ้า แดดส่องสว่าง ลมพัดชายกระโปรงพลิ้ว ดูสวยน่ารักเป็นธรรมชาติ วีณาหันหน้ามาเห็นเอกจ้องอยู่
“เชิญนั่งเลยค่ะ ฉันออกไปเดี๋ยวนี้”
วีณายิ้มให้เอก เอกยิ้ม แล้วเดินกลับไป กดโทรศัพท์หาโชค โชคถามเสียงเหี้ยม
“มันอยู่คนเดียวใช่ไหม”
เอกตอบเสียงเบา
“ครับ นาย”
“ดี แกจับตัวมันมาให้ฉันให้ได้...จับเป็นนะ อย่าเสือกทำมันตายล่ะ”
เอกวางสาย หันไปเห็นวีณายิ้มแย้มแจ่มใส ถือเมนูมาส่งให้
“มีกาแฟ แซนวิช แล้วก็ขนมปังสดทำเองค่ะ ฉันทำใหม่ทุกวัน อร่อยนะคะ คุณลองชิมดูได้”
เอกยิ้ม วีณายิ้มตอบ รอรับออเดอร์ ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย
จบตอนที่ 19
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.




กำลังโหลดความคิดเห็น