นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 13
เรืองฤทธิ์ดักซุ่มอยู่ยืนพิงกำแพงหลบอยู่ เพื่อรอดักโป๊ะยาสลบเมขลาพอได้ยินเสียงคนเดิน เรืองฤทธิ์รีบตั้งท่า
เมขลานั้นเดินเร่งรีบเพื่อตรงไปห้องทรงวาด ในใจคิดว่ารามคงต้องไปหาแม่
“เขาต้องไปหาคุณแม่แน่ ฉันต้องเคลียร์กับคุณให้รู้เรื่องก่อน”
เมขลาเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
เรืองฤทธิ์ได้ยินคนเดินมายกผ้าโป๊ะยาสลบขึ้นมา เตรียมยิ้มเหี้ยม
“แกเสร็จฉันแน่นังเม”
เรืองฤทธิ์ชะโงกหน้ามองเพื่อความแน่ใจ ปรากฏว่าคนที่เดินมาคือราม เรืองฤทธิ์รีบผลุบหน้าเข้ามาด้วยอาการตกใจ รามเดินผ่านไปรู้สึกว่ามีคนยืนอยู่ ตรงซอกหลืบที่เดินผ่านมาเดินกลับไปดูเห็นเรืองฤทธิ์ยืนอยู่
“อาฤทธิ์”
เรืองฤทธิ์สะดุ้ง รีบยัดยาสลบใส่กระเป๋ากางเกง แล้วแกล้งทำเป็นจับหัวพิงกำแพงจะหน้ามืด
เมขลามาถึงหน้าห้องทรงวาด พอดีผลักประตูเข้าไปอย่างเร่งร้อนคิดว่าเจอรามแน่
“คุณราม”
แต่ภาพที่เมขลาเห็นกลับเป็นหลังจักร ที่กำลังใช้พลาสติกใสปิดหน้าทรงวาด เพื่อหยุดหายใจ เมขลาเห็นทรงวาดพยายามดิ้น แต่ส่งเสียงร้องไม่ได้
“คุณแม่ นายทำอะไรน่ะ คิดจะฆ่าคุณแม่เหรอ”
เมขลารีบพุ่งเข้าไปกระชากมือจักรออก จักรตกใจ ไม่คิดว่าเมขลาจะโผล่มาเพราะให้เรืองฤทธิ์ไปจัดการแล้ว จักรเผลอหลุดปาก
“นี่คุณยังอยู่อีกเหรอ เอ้ย...คุณ...คุณเมเข้าใจผิดแล้ว ผม...ผมเข้ามาดูแลท่านต่างหาก”
“ฉันเห็นกับตาว่าแกทำร้ายคุณแม่ ใครสั่งแก นายแกใช่มั้ย ฉันจะไปแจ้งความว่าพวกแกรวมหัวกันคิดปิดปากคุณแม่”
เมขลาจะไป จักรรีบกระชากไว้ทัน โหดใส่
“คุณท่านสมองถูกกระทบกระเทือนอย่างแรง แถมยังนอนไม่รับรู้อะไรเป็นแรมเดือน ขนาดหมอยังบอกว่าถ้าฟื้นขึ้นมาสมองอาจไม่เหมือนเดิม ลองคิดดูสิว่าตำรวจจะเชื่อหมอหรือคนสติฟั่นเฟือนอย่างคุณท่าน”
เมขลาไม่ฟังสะบัดจักรแต่ไม่หลุด
“แกไม่ต้องมาขู่ฉัน ปล่อย! ไอ้คนเลือดเย็น พวกแกจะต้องได้รับผลกรรมที่ก่อไว้”
จักรไม่ปล่อย เมขลาสู้พอดิ้นหลุดก็ตบหน้าจักร เลยโดนจักรบีบคอ ทรงวาดพยายามประคองตัวเองอยากลุกไปช่วย
รามประคองเรืองฤทธิ์มานั่งที่บริเวณที่นั่งพัก
“จู่ๆเดินมาอาก็หน้ามืด ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าประคองตัวเองไปอยู่ตรงนั้นได้ไง” เรืองฤทธิ์มองหน้าแสร้งทำเป็นต่อว่า “แล้วเราหายไปไหนมา แม่เราเจ็บหนักมากรู้มั้ย”
รามต้องทำเป็นคนเลว พูดไม่ยี่หระ
“แม่ก็มีอาอยู่ทั้งคน ผมอยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้”
เรืองฤทธิ์ถือโอกาสยุเรื่องเมขลา
“ลำพังอาดูแลแม่รามได้ก็จริง แต่มันมีคนคอยกีดกันนี่สิ”
“อาหมายถึงใคร”
รามฟังอย่างสงสัย
เมขลาโดนจักรบีบคอ แทบหายใจไม่ออกใกล้แย่เต็มที ทรงวาดพยายามเอื้อมมือไปกดเรียกพยาบาล มือทรงวาดใกล้ถึง แต่เกิดหน้ามืดจากที่ขาดอากาศหายใจเมื่อครู่ หมดแรง จักรออกแรงบีบแรงขึ้นจนเมขลาตาค้าง จู่ๆมีแขนคนกระแทกแรงๆที่ไหล่จักรจนทรุดปล่อยมือจากคอเมขลา เทวัญรีบเข้ามาประคองเมขลาไว้
“คุณเม”
เมขลาไอพูดไม่ออก ได้แต่มองเทวัญด้วยความดีใจ แต่เห็นจักรโผล่มาด้านหลังเขาก็ร้องลั่น
“ระวัง”
เทวัญรีบหันกลับไปโดนจักรชกใส่เข้าที่ท้องจนตัวงอ จักรยกคอเสื้อเทวัญขึ้นมาแล้วชกท้องซ้ำอีกหลายที เมขลาเห็นท่าไม่ดี คว้าแจกันฟาดหัวจักรเลือดอาบทรุดไปที่พื้น เมขลาเข้าไปดูเทวัญ
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ต้องห่วงผม รีบไปดูคุณแม่คุณก่อน”
เมขลาละจากเทวัญ เข้าไปดูทรงวาด เขย่าตัวอย่างตกใจ
“คุณแม่คะ...คุณแม่”
ทรงวาดค่อยๆลืมตาเห็นเมขลาก็ยิ้มทั้งน้ำตา ลูบแก้มด้วยความดีใจและห่วงใย
เมขลากับเทวัญกลัวว่าพวกเรืองฤทธิ์ จะมาทำร้ายทรงวาดอีกจึงพาหนี ทั้งสองช่วยกันประคองทรงวาดหนีออกมาจากห้อง สายตาระแวดระวังกลัวคนจับพิรุธได้ ขณะเดียวกัน เรืองฤทธิ์กับรามเดินตรงมา ทรงวาดเห็นรามก็ดีใจ
“ราม...นั่นรามนี่” ทรงวาดเผลอตัวจะตะโกนเรียก “รา...”
เมขลารีบปิดปากทรงวาดทันที
“อย่านะคะคุณแม่ เขาอยู่กับอาฤทธิ์”
ทรงวาดเห็นเรืองฤทธิ์หยุดทันที
“แต่แม่ห่วงราม แม่ต้องเตือนรามว่าไอ้คนชั่วมันไว้ใจไม่ได้”
“หนูกลัวคุณรามเขาจะไม่เชื่อคุณแม่ เพราะคนพวกนี้มันจะอ้างว่าคุณแม่สมองฟั่นเฟือน เกิดคุณรามเชื่อมัน มันก็จะเอาตัวคุณแม่ไปอีก หนูไม่อยากเสี่ยง หนูไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น เราต้องหนีไปก่อนนะคะคุณแม่”
เทวัญรีบประคองทรงวาดหลบก่อนที่รามจะเห็น โดยเดินผ่านรถเขนที่ขนกล่องซ้อนกันสูงท่วมหัวเป็นที่บังไว้ รามกับเรืองฤทธิ์เดินผ่านแบบสวนกัน แต่ทรงวาดที่ไม่ค่อยมีแรงเดินเซโดนกล่อง เทวัญรีบประคอง แต่ทำให้กล่องใบบนที่เป็นกล่องเปล่าหล่นไปทางราม
รามไวมากรับกล่องไว้ทัน มองเห็นหัวเมขลาที่โผล่มาแต่ไม่เห็นหน้า
“เป็นอะไรหรือเปล่าราม” เรืองฤทธิ์หันไปดุเมขลานึกว่าเป็นพนักงานของโรงพยาบาล “ทำงานไม่ระวังอย่างนี้ เกิดไปโดนคนบาดเจ็บจะว่ายังไง”
เมขลารีบดัดเสียงแบบทอมบอย
“ขอโทษฮะ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไรไอ้น้อง”
รามยกกล่องซ้อนให้เหมือนเดิมแล้วเดินไป เมขลามองลอดช่อง เห็นหลังรามกับเรืองฤทธิ์ห่างออกไปก็โล่งอก เทวัญรีบเข็นรถทรงวาดไป ทรงวาดอดหันมามองรามไม่ได้
รามกับเรืองฤทธิ์เข้าห้องมาเจอจักรทรุดอยู่มีเลือดอาบหน้า เรืองฤทธิ์เข้าไปพยุง
“เกิดอะไรขึ้น ใครทำแก” เรืองฤทธิ์มองเตียง “แล้วพี่วาดล่ะ”
จักรเห็นราม รีบแต่งเรื่องโกหก
“ผมเข้ามาเห็นคุณเม พยายามเอาพลาสติกปิดหน้าคุณท่าน เหมือน...”
เรืองฤทธิ์รีบช่วยผสมโรงแบบรู้กัน
“เหมือนอะไรรีบพูดมาเลย”
“เหมือนอยากจะฆ่าคุณท่านครับ”
รามสวนทันควัน
“เป็นไปไม่ได้”
“ผมสาบานได้ ดูที่หัวผมสิครับคุณราม เพราะผมพยายามเข้าไปห้าม แฟนใหม่คุณเมก็เลยตีหัวผมแตก แล้วช่วยกันลักพาตัวคุณท่านไป เขาให้บอกคุณฤทธิ์ว่าถ้าอยากได้ตัวคุณท่านคืน ก็ให้รีบโอนหุ้นให้เขา”
เรืองฤทธิ์ได้ทีรีบใส่ไฟ
“ทีนี้รามเชื่ออาหรือยัง ว่าหนูเมคอยกีดกันอากับพี่ทรงวาดเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่ต้องการสมบัติ”
รามยังไม่เชื่อง่ายๆหันไปถามจักร
“มีหลักฐานมั้ยว่าคุณเมเป็นคนพาแม่ผมไป”
จักรมองหน้าเจ้านาย เรืองฤทธิ์รีบตัดบท
“แกรีบไปทำแผลก่อนไป” เรืองฤทธิ์หันมาหาราม “อาก็อยากเห็นหลักฐานเหมือนกัน”
รามนิ่งไปอย่างเครียดๆ
รามกับเรืองฤทธิ์มาที่ห้องห้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่เปิดภาพที่ถูกบันทึกไว้ให้ดู เห็น เมขลากับเทวัญประคองทรงวาดเดินไปตามทางเดิน รามอึ้ง ขณะที่เรืองฤทธิ์ยิ้มพอใจ
“จะแจ้งความมั้ยครับ” เจ้าหน้าที่ถาม
เรืองฤทธิ์จะอ้าปากพูดว่าแจ้ง แต่รามรีบชิงพูด
“ขอเราปรึกษากันก่อนนะครับ ผมคิดว่าอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
รามกลัวเมขลาเดือดร้อนโดนตำรวจจับ เรืองฤทธิ์หน้าบึ้งไม่พอใจ เมื่อออกมานอกตึกโรงพยาบาล เรืองฤทธิ์โวยทันที...
“อาไม่เข้าใจเลย ทำไมรามยังปกป้องมันอยู่ เห็นอยู่ชัดๆว่ามันลักพาตัวพี่วาดไป เราควรรีบแจ้งความจับมัน”
“ผมไม่เคยคิดปกป้องเขา ผู้หญิงคนนี้นิสัยเป็นยังไงผมรู้ดี เพียงแต่ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำได้ถึงขนาดนี้”
“เงินทองมันไม่เข้าใครออกใครหรอกราม ที่เขาพยายามทำให้รามกลับบ้านก็เพราะเขายื่นเงื่อนไขให้พี่วาดโอนหุ้นให้ ถ้ารามไม่เชื่อก็ไปถามทนายดูได้”
รามนิ่งไป เรืองฤทธิ์ยุซ้ำ
“รู้บ้างหรือเปล่าว่า วันที่พี่วาดตกบันไดจนต้องนอนหมดสภาพจนถึงทุกวันนี้ คนที่อยู่กับพี่วาดตอนนั้นก็คือ เมขลา”
รามอึ้ง สับสนไม่อยากเชื่อ
หลังจากที่แยกกับเรืองฤทธิ์ เขามาที่สำนักงานทนายความ ถามถึงข้อเท็จจริงที่เรืองฤทธิ์บอกเขา
“เป็นความจริงครับ คุณทรงวาดเปรยว่าจะเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นในส่วนของท่านให้กับคุณเมขลาทั้งหมด แต่ยังไม่ทันได้เซ็นเอกสารใดๆก็เข้า รพ.เสียก่อน” ทนายความตอบรับ
รามนิ่งอึ้งนึกถึงที่จักรพูด
‘ผมเข้ามาเห็นคุณเมพยายามเอาพลาสติกปิดหน้าคุณท่าน’
รามรีบผลุนผลันออกไปทันที เขาได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง โดยลอบเข้ามาในห้องใส่ถุงมือ มองหาหลักฐานร่องรอยต่างๆรอบเตียง หามุมนั้น มุมนี้อย่างวิเคราะห์
“ผู้ต้องสงสัยโกหกว่าคุณแม่ป่วย เพื่อหวังผลให้เหยื่อยอมกลับไปหาแม่ แต่พอไม่ได้ผล ก็เลยหลอกเหยื่อต่อไปว่าท้องอีกเพราะหวังได้เงินก้อนโต” รามฉุกคิดอีกทาง “แต่ทำไมเขาถึงคิดกำจัดแม่ของเหยื่อ ในเมื่อเหยื่อก็กลับมาหาแม่แล้ว ทำไมไม่รอรับเงินสบายๆ” รามหาพลาสติกไม่พบ “ถ้าเจอหลักฐานอย่างน้อยก็รู้ว่าเป็นลายนิ้วมือใคร แต่คงถูกกวาดเก็บไปหมดแล้ว”
รามครุ่นคิดอย่างสับสน
เมขลากับเทวัญพาทรงวาดไปที่บ้านของโรส ทันทีที่รู้ว่าทรงวาดจะมาอยู่ด้วย โรสแบมือเรียกเงิน...
“อย่าว่าฉันอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะเม บ้านฉันก็ต้องเช่าเขาอยู่ไหนจะค่าน้ำค่าไฟอีกบานเบอะ ถ้าเพิ่มคนอยู่อีกคน มีหวังฉันกับแม่คงไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ”
“แต่แกฉกเงินฉันไปตั้งหลายหมื่นแกอย่าแกล้งลืมสิโรส” เมขลาโวย
“หูยยัยเม นี่แกแค้นฝังหุ่นกับเพื่อนขนาดนี้เชียว แล้วทีตอนแกตกระกำลำบากมา...”
ทันใดนั้นโรสก็ชะงักตาโต เมื่อเทวัญยื่นนาฬิกามีราคามาตรงหน้า
“พอสำหรับค่าห้องมั้ยครับคุณโรส”
โรสคว้าหมับ
“ทำไมจะไม่พอละคะ ระดับคุณเทวัญใส่คงไม่ใช่มาจากคลองถมแน่” โรสหันไปยิ้มให้เมขลาทำเสียงอ่อนเสียง “เอ้าเมจ๋า รีบพาคุณแม่เข้าไปสิจ๊ะเพื่อน ให้คุณแม่ยืนตากลมอย่างนี้เดี๋ยวจะยิ่งไม่สบายไปกันใหญ่”
เมขลากับเทวัญประคองทรงวาดเข้ามาในห้อง ทรงวาดมองเทวัญอย่างซาบซึ้ง
“ขอบคุณมากนะพ่อคุณ ฉันทำให้คุณต้องลำบากลำบนแท้ๆ หนูเมโชคดีเหลือเกินที่มีเพื่อนดีๆอย่างคุณ”
เทวัญจะอ้าปากพูด แต่โรสพูดแซงขึ้น
“เพื่อนอะไรกันคะคุณแม่ นี่แกบอกคุณแม่ไปสิ ว่าลูกใน...”
โรสชี้ที่ท้อง เมขลาตาเหลือกรีบปิดปากโรส
“เอาอีกแล้วนะไอ้โรส ฉันบอกให้แกใช้น้ำยาบ้วนปากที่ฉันซื้อให้ แกไม่เคยใช้เลยใช่มั้ย กลิ่นปากถึงได้แรงขนาดนี้ อี๊ไป รีบออกไปกลั้วปากเดี๋ยวนี้เลย”
เมขลาลากออกไป โรสโวยวายพาซื่อ
“เฮ้ยๆ แกซื้อให้ฉันตอนไหนวะ”
เทวัญรีบห่มผ้าให้ทรงวาด
“คุณแม่พักผ่อนนะครับ”
ทรงวาดพยักหน้าหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า
ทางด้านโรส เมื่อถูกลากออกมา ถามอย่างกังวล
“ฉันมีกลิ่นปากจริงเหรอแก”
“เปล่า แต่ฉันไม่อยากให้แกพูดเรื่องไร้สาระกับคุณแม่”
“เรื่องที่แกท้องเนี่ยนะไร้สาระ ต๊ายนังเม แกนี่ช่างเป็นแม่ใจยักษ์ซะจริงๆ กำลังจะเป็นแม่คนก็ไม่ยอมเปิดปากบอกใครแม้แต่เพื่อนที่แสนดีอย่างฉัน ยังทำเป็นอมพะนำ”
โรสเห็นเทวัญเดินออกมาพอดี
“ลูกในท้องแกเป็นลูกเขาใช่มั้ย รับรองฉันซื้อหวยถูกแน่”
เมขลามองเทวัญคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องพูดความจริง
“แกอย่ามาพูดเองเออเองหน่อยเลย ไม่ใช่คุณเทวัญหรอก”
“โห นี่แกคั่วทีหลายคนเลยเหรอวะ แล้วลูกในท้องแกมันเป็นลูกใคร ฉันจะได้ไปเรียกร้องค่าเสียหายให้แกได้ถูกคน”
เมมองหน้าเทวัญแล้วตัดสินใจ
“ฉันไม่ได้ท้อง”
โรสอ้าปากค้าง เทวัญเองก็ช็อก
“อ้าว ไหนคุณบอกฉันว่ายัยเมท้องไง”
เมขลาไม่อยากให้โรสเข้ามายุ่ง เลยเดินเลี่ยงออกไปนอกบ้าน เทวัญรีบตามไป เมขลาหันหลังให้
“ที่คุณพูดกับคุณโรสเป็นเรื่องจริงหรือ”
เมขลาหันมาหาเขารู้สึกผิดมาก
“ฉันไม่มีคำแก้ตัวใดๆนอกจากคำขอโทษค่ะ แล้วฉันก็ไม่ได้หวังว่าคุณจะให้อภัยฉันด้วย คุณจะด่าฉันว่าเลว ฉันก็ยอมรับ”
เทวัญหน้าเครียด
“นายรามเขารู้หรือยัง”
เมขลาพยักหน้า
“เขารู้หมดแล้ว เขาถึงได้โกรธฉันมาก ฉันยังไม่กล้าพูดเรื่องอาเขาจะฆ่าคุณแม่ด้วยซ้ำ เพราะถึงพูดไป เขาก็คงไม่เชื่อถือคำพูดฉันแน่”
“งั้นที่คุณหายตัวไป คุณก็ไปอยู่กับเขาใช่มั้ย”
“ฉันจำเป็นจริงๆ คุณรามเขาโดนยิงบาดเจ็บสาหัส ฉันก็เลย...”
เทวัญอารมณ์พุ่ง
“คุณเลยเห็นเขาตายไม่ได้ ยอมที่จะหลอกผมเพื่อเขา”
เมขลาพูดไม่ออกถึงกับน้ำตาไหลรู้สึกผิดสุดๆ
“ผมคิดว่าคนที่คุณไว้ใจมากที่สุดก็คือผมเสียอีก”
เทวัญทำใจไม่ได้ตัดใจเดินจากไป
“คุณเทวัญ”
เทวัญไม่หันกลับมา เมขลาได้แต่ยืนเดียวดายรู้สึกสับสนทั้งห่วงแม่ เสียใจเรื่องราม และละอายใจกับเทวัญ
ค่ำคืนนั้น...เมขลาปูเบาะนอนข้างเตียงทรงวาด นั่งกอดเข่าข้างเตียงหน้าซึมเศร้า นึกถึงคำพูดที่รามด่า
‘ที่แท้นังจิ้งจอก ก็คือนังจิ้งจอกวันยังค่ำ คุณมันเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจที่สุดเท่าที่ผมเคยพบเคยเจอมาในชีวิต’
จากนั้นคำพูดของเทวัญก็แวบเข้ามา
‘ผมคิดว่าคนที่คุณไว้ใจมากที่สุดก็คือผมเสียอีก’
“ฉันทำทุกอย่างพังหมด”
เมขลาซบหน้าบนฝ่ามืออย่างรู้สึกเสียใจ
เช้าวันใหม่...รามเดินตรงมาทางคอนโดต้องการมาตามหาเมขลา ทันใดนั้นเขาก็ชะงักรีบหาที่หลบ เมื่อเห็นภาคภูมิกำลังคุยกับรปภ.ที่ป้อมยาม ภาคภูมิยื่นรูปรามให้รปภ.ดู
“ถ้าเห็นคนในรูปมาป้วนเปี้ยนแถวนี้ รีบแจ้งผมทันทีเลยนะครับ”
“ได้ครับคุณตำรวจ”
ภาคภูมิเดินผ่านรามไปไม่เห็นกัน ทันใดนั้น มือถือดังขึ้น รามรีบรับ
“ครับท่าน ผมจะรีบไปพบท่านเดี๋ยวนี้”
รามรีบออกไปจากบริเวณนั้นทันที ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แสงมาสอบถามเรื่องของรามกับมาม่าซังที่ไนต์คลับที่รามเคยทำงาน มาม่าซังพูดใส่อารมณ์เต็มที่
“ไอ้รามน่ะเหรอเจ๊รู้จักดี คนอย่างมันน่ะเลวตัวพ่อ เพราะแต่ก่อนแม่มันหากินอยู่แถวนี้ มันก็เลยวนเวียนเข้าบ่อน เล่นยาคุมซ่องโอ๊ยอะไรที่ได้เงินมันเอาหมด”
“แล้วเคยเห็นมันสนิทสนมกับพวกตำรวจบ้างหรือเปล่า”
มาม่าซังกระซิบ
“ตำรวจมีแต่จะคอยเล่นงานมันล่ะไม่ว่า มันน่ะเคยยิงตำรวจตาย ดีที่หลักฐานไม่พอ มันก็เลยรอดคุกมาได้ เออ...พี่ชายอยากรู้เรื่องไอ้รามไปทำไมจ๊ะ”
แสงไม่ตอบยัดเงินใส่อกมาม่าซังแล้วลุกไป มาม่าซังยิ้มเจ้าเล่ห์
“อยากจะล้วงตับรามของฉันหรือ ไม่มีทางย่ะ”
แสงเดินออกจากไนต์คลับ กำลังเดินไปที่รถซึ่งจอดห่างจากไนต์คลับขณะเปิดประตูเข้าไปนั่ง รามเดินอย่างระแวดระวัง แสงเห็นหน้ารามชัดเจน
“ไอ้ราม”
รามเดินเข้ามาในซอย แสงสะกดรอยตามห่างๆ สักครู่รามก็ชะงักนิดหนึ่งรู้ตัวว่ามีคนตามมา แต่ไม่หันกลับไปเดินต่อทำตัวปกติทำให้แสงตายใจ เขาเห็นตรงหน้าเป็นศาลเจ้า กำลังมีพิธีบวงสรวง สิงโตกำลังเชิดพร้อมเสียงตีกลองคึกคัก รามคิดวิธีหลบหลีกได้ก็เดินเข้าไปในกลุ่มคนดูสิงโต แสงรีบตาม เป็นจังหวะที่คนของศาลเจ้าจุดประทัดโยนเข้าไปตรงหน้าที่สิงโตกำลังเชิด ประทัดดังสนั่น รามโผล่มาตรงคนที่จุดประทัด
“ผมช่วยครับ”
รามดึงพวงประทัดไป แล้วใช้ธูปในมือจุดเล็งไปทางแสงที่ยืนมองหาเขาอยู่ ประทัดลอยสูงไปตกที่ตัวแสงอย่างแม่นยำดังสนั่นแสบแก้วหู แสงปิดหูกระโดดเหย็งๆเพราะเจ็บด้วย หูดับด้วย
“เฮ้ย...โอ๊ย...อะไรวะเนี่ย โอ๊ย...เจ็บ”
เสียงประทัดหยุด ทุกคนมองแสงเป็นตาเดียว เพราะเศษกระดาษสีแดงของประทัดติดเต็มหัวเต็มหน้า แสงอายมากตะเบ็งเสียงดัง
“ฝีมือใครวะ ใคร”
แสงมองหาราม แต่ไม่มีแม้เงา
รามเข้ามาหายงยุทธที่นั่งรออยู่ในร้านอาโก ทั้งสองคุยกันแบบระมัดระวังกลัวคนอื่นและอาโกได้ยิน ยงยุทธ มองอาโกเห็นยืนหันหลังทำงานง่วนอยู่ก็เลื่อนแว่นตาดำให้ราม
“ท่านติดประชุมกะทันหัน ก็เลยส่งผมมาแทน”
รามหยิบแว่นดำสวม
“นี่เป็นอุปกรณ์สื่อสารและบันทึกภาพเวอร์ชั่นใหม่ ประสิทธิภาพเหนือกว่านาฬิกาตัวเดิมที่พังไปหลายเท่า” ยงยุทธอธิบาย
รามดึงแว่นออก
“กำลังอยากจะได้อยู่พอดี”
“ตอนผู้กองบาดเจ็บ ไปอยู่ไหนมาหรือครับ”
“ผมหลบไปรักษาตัวอยู่กับเพื่อน ที่พักเขามันปลอดสายตาผู้คนดี...เออดาบ ช่วยตามหาคนให้ผมหน่อยสิ ตอนนี้เลยพอจะมีเวลามั้ย”
ยงยุทธเปิดโน้ตบุ๊กทันที
“บอกเบอร์มือถือมาเลยครับผู้กอง”
รามยื่นกระดาษชิ้นเล็กๆที่มีเบอร์ให้ ยงยุทธค้นหา ขณะเดียวกันนั้นเสียงมือถือรามดังขึ้น รามดูชื่อเป็นธิดา รีบเลี่ยงไปคุยหน้าร้านอาโก
ธิดาอยู่ในร้านสูทผู้ชาย เลือกสูทผู้ชายราคาแพงหลายตัว ส่งให้พนักงานพร้อมกับพูดมือถือกับรามไปด้วย
“ตอนนี้นายอยู่ไหน...ธุระของพ่อเอาไว้ก่อน ฉันอยากเจอนายเดี๋ยวนี้ เร็วเลยนะ”
ธิดาตัดสายเลยไม่รอฟังคำตอบจากเขา
“เดี๋ยวแฟนฉันจะมาลองชุด แต่ฉันต้องการความเป็นส่วนตัวไม่อยากให้มีลูกค้าคนอื่นเข้ามาปะปน จะคิดค่าเสียเวลาเท่าไหร่ก็ว่ามา”
ธิดาพูดห้วนๆ แบบไม่แคร์ เจ้าของร้านยิ้มแย้ม
“อู้ย...คุณเทเรซ่าเป็นลูกค้าประจำ ไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ”
ธิดายิ้มพอใจ
อ่านต่อหน้า 2 วันพรุ่งนี้ (วันพุธที่ 14 ธ.ค. 54)
นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 13 (ต่อ)
เมขลาเดินมาหยุดยืนลังเลอยู่หน้าโรงรับจำนำ มองแหวนแต่งงานที่นิ้วนางแล้วบรรจงถอดออกมา
“ถึงฉันอยากจะเก็บไว้มากแค่ไหน แต่มันจำเป็น เพราะคุณแม่ยังต้องรักษาตัวอีกนาน แล้วฉันจะพยายามมาไถ่แกคืนให้ได้”
เมขลาจะตัดใจก้าวเท้าเข้าไป พอดีเห็นคนที่เดินออกมาจากโรงรับจำนำ เธอถึงกับชะงักกึกเพราะคนๆนั้นคือเทวัญ เมขลารีบหลบเหลังเสาไฟแอบมอง เทวัญเรียกรถมอเตอร์ไซด์แล้วซ้อนท้ายไป เมขลามองตามอย่างสงสัย
“รถเขาก็มี ทำไมมานั่งมอเตอร์ไซด์”
เมขลารีบเรียกมอเตอร์ไซด์อีกคันตามไป
มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ เทวัญนั่งมาวิ่งมาถึงปากซอยแคบๆ จู่ๆเครื่องก็ดับ
“อ้าวเฮ้ย เป็นอะไรไปวะเนี่ย ไอ้เบื๊อกเอ๊ย”
คนขี่วินมอเตอร์ไซค์สตาร์ทเครื่องอีกแต่ไม่ติด เทวัญลงมา
“ไม่เป็นไรน้อง อีกนิดก็ถึงบ้านพี่แล้ว พี่เดินไปเองแล้วกัน”
เทวัญส่งเงินให้ คนขี่มอเตอร์ไซน์รับเงินมายิ้มแหยๆ
“โทษทีนะพี่”
เทวัญเดินไป เมขลามาถึงรีบลงจากมอเตอร์ไซด์ แล้วสะกดรอยตาม ขณะที่เดินตามเธอมองสภาพแวดล้อมแล้วยิ่งแปลกใจเพราะดูทรุดโทรมเต็มที
“เขามาทำอะไรแถวนี้นะ”
เมขลามองไป เห็นเทวัญไขประตูห้องเช่าเก่าๆเล็กๆเป็นรูหนูเข้าไปก็ยืนตะลึงคาดไม่ถึง นึกถึงภาพที่เขาเดินออกมาจากโรงรับจำนำ เธอรู้สึกสงสารเขาจับใจ เมขลาตรงดิ่งไปที่ประตูเงื้อมือจะเคาะเรียก แต่ชะงักเพราะกลัวเขาอายตัดสินใจหันหลังเดินออกมา
รามขับรถมองหาเมขลา แล้วหยิบแว่นตาสื่อสารขึ้นมาใส่เพื่อติดต่อกับยงยุทธ
“ดาบยุทธ ช่วยบอกพิกัดที่มันแคบกว่านี้หน่อยได้มั้ย”
เสียงยุทธดังมาจากแว่นดำ
“สัญญาณมือถือของเป้าหมายไม่ค่อยชัดเลยผู้กอง...เจอตัวแล้ว ผู้กองขับรถเลยไปอีกหนึ่งไฟแดงเลยครับ”
รามยิ้มพอใจ
“ขอบใจดาบ”
เมขลายืนรอรถอยู่ที่ ถนนหน้าซอย คุยมือถือกับโรสไปด้วย
“ว่าไงโรส คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ยังหลับอยู่เลย นี่แกหายหัวไปไหนยะ เงินที่ให้ฉันมา มันแค่ค่าเช่าห้องนะแก ไม่ได้บวกค่าดูแลคุณนายไฮโซเข้าไปด้วย”
เมขลาโวยใส่อารมณ์ค้างจากเรื่องเทวัญ
“งั้นแกก็โยนแม่บุญธรรมฉันออกมาเลย แต่ต่อไปถ้าแกมีเรื่องเดือดร้อนจะเป็นจะตายยังไง ฉันจะไม่สนแกเหมือนกัน ทีคนอื่นเพิ่งรู้จักกันไม่นาน เขากลับช่วยฉันทุกอย่างจนตัวเองต้องเดือดร้อน แต่ฉันกลับใจดำไปทำร้ายจิตใจเขา”
เมขลาเสียงสั่น สะอื้นออกมาเสียใจที่ทำร้ายเทวัญ โรสชะงักไปนิด
“แกทำร้ายใคร แล้วเสียงแกทำไมมันบี้ๆ นี่แกร้องไห้เหรอ ฮึยัยเม ฮัลโหลๆ”
ทางด้านราม รามขับรถตรงไปสี่แยกไฟแดง
“ดาบ ถ้าเลยไฟแดงไปแล้ว เป้าหมายอยู่ตรงจุดไหน ฝั่งถนนด้านซ้ายหรือขวา มีจุดอะไรใหญ่ๆให้สังเกตบ้าง”
เมขลาเหม่อยังกังวลเรื่องเทวัญอยู่
“คุณเทวัญฉันคงไม่มีหน้าไปเจอคุณอีกแล้ว ฉันมัวแต่ห่วงคนที่ไม่เคยแคร์ฉัน จนลืมนึกถึงคุณ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง”
เมขลาเผลอเอามือข้างที่กำมือถืออยู่ทุบหัวตัวเอง
“ยัยโง่...ยัยโง่ ทำไมไม่รู้จักคิด”
มือถือหล่นลงพื้น เมขลาตกใจ
“ว้าย...มือถือฉัน”
เมรีบเก็บมือถือขึ้นมากดๆ
“ดับไปเลย พังหรือเปล่าเนี่ย...ติดสิติด”
ขณะเดียวกัน ยงยุทธรายงานให้รามรู้
“สัญญาณหายไปแล้วครับผู้กอง สันนิฐานว่าไม่ปิดเครื่องก็คงเคลื่อนไปอยู่ในจุดที่อับสัญญาณ ผู้กองต้องช่วยตัวเองแล้วละครับ”
รามเซ็งดึงแว่นตาออก รถจอดติดไฟแดงพอดี
ธิดาเดินหงุดหงิดออกมาชะเง้อหารถรามที่หน้าร้าน
“ทำไมชักช้ายืดยาดอย่างนี้นะ มือถือก็ดันปิดอีก”
ธิดากำลังจะหันกลับเข้าร้าน แต่สายตาไปสะดุดกับรถรามที่จอดรอไฟแดงอยู่ ไฟเขียวพอดีรามบึ่งรถออกไป ธิดาตะโกนโบรกมือโหวกเหวก
“ราม ร้านอยู่ตรงนี้ นายจะไปไหนอ่ะ ผิดทางแล้ว”
ธิดารีบวิ่งไปที่รถตัวเอง
เมขลายืนรอรถอยู่สักครู่แท็กซี่วิ่งเข้ามาจอด เธอเปิดประตูเข้าไป แล้วบอกสถานที่ที่เธอจะไป คนขับแท็กซี่ส่ายหน้า
“โห ไกลเกินไป เดี๋ยวผมจะย้อนกลับไปส่งรถไม่ทัน เรียกคันอื่นแล้วกันครับ”
“อ้าว”เมขลาหน้าเหวอ
รามขับรถมองหามาตามริมถนน เห็นเมขลาลงจากรถแท็กซี่พอดี
“เจอตัวสักทียัยตัวแสบ”
รามพุ่งรถเข้าไปจอดตรงหน้า เมขลามองงงๆแล้วเห็นราม
“คุณราม!”
เมขลาวิ่งหนีไปบนทางเท้า เพราะรู้ว่ารามต้องมาตามหาแม่แน่นอน
“คิดว่าจะหนีรอดเหรอ”
รามรีบจอดรถริมทาง แล้วไล่ตาม เมขลาวิ่งไปถึงร้านรถเข็นอาหารตามสั่ง เธอหันไปเห็นรามตามมาห่างก็เงอะงะ รีบไปก้มหลบหลังร้านรถเข็นที่แม่ค้ากำลังผัดกระเพรา รามวิ่งมาถึงหยุดมองหานิดหนึ่งแล้วเลยผ่านร้านรถเข็นไป แม่ค้าคว้าถ้วยเล็กๆใส่พริกขี้หนูสับเต็มถ้วย เทโครมลงไปในกระทะแบบเผ็ดสุดๆ ควันโขมง
เมขลาสำลักไออย่างแรงแสบหูแสบตาสุดๆ
“แค่กๆ โอ๊ย...ไม่ไหวแล้ว แค่กๆ”
เธอรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้น มายืนไอหน้าร้านเพราะกลิ่นพริกเข้าหู เข้าตา เข้าปาก เข้าจมูก รามได้ยินเสียงหันกลับมา เมขลานึกได้ว่าหลบรามอยู่มองไปจ๊ะเอ๋กับเขาพอดี
“อย่าหนีนะ”
รามวิ่งกลับมาหา เมขลาจะเพ่นแต่ไม่ทันเพราะแสบตา รามเข้ามาจับตัวไว้ได้
“บอกมา แม่ผม...” ควันเผ็ดๆลอยเข้าปากรามไอ “แค่กๆ”
“ปล่อย...แค่กๆ”
รามรีบจับเมขลา ลากไปให้พ้นจากร้านผัดกะเพรา ลากมาที่รถ
“แม่ผมอยู่ไหนบอกมา”
เมขลาพยายามแกะมือเขาแต่ไม่ได้ผล
“แม่คุณก็นอนอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือ มาถามอะไรกับฉัน”
“ผมเคยคิดว่าคุณก็แค่เป็นผู้หญิงหิวเงิน แต่คาดไม่ถึงว่าเลวได้ใจขนาดนี้ คุณเอาแม่ผมไปเพื่ออะไร ต้องการอะไรกันแน่”
เมขลาฉุน
“ถ้าฉันบอกว่าอาฤทธิ์จะฆ่าแม่คุณ จะเชื่อฉันมั้ยล่ะ”
รามหัวเราะ
“คุณเลิกปั้นน้ำเป็นตัวได้แล้ว คนที่คุณกล่าวหาคืออาของผม ถึงจะไม่ใช่อาแท้ๆ แต่ก็ช่วยดูแลแม่ผมตั้งแต่พ่อเสียไป แล้วคุณคิดว่าผมจะเชื่อใคร เชื่อคนที่โกหกผมว่าท้อง เชื่อคนที่แจ้งตำรวจจับผมงั้นหรือ”
รามบีบแขนแน่น เมขลาเจ็บ
“โอ๊ย ฉันไม่ได้เป็นคนแจ้งตำรวจนะ ผู้กองนั่นโผล่มาได้ยังไงฉันก็ไม่รู้ ช่างเถอะถึงอธิบายไป คุณก็ไม่เชื่อ”
“ผมให้โอกาสคุณแก้ตัวอีกครั้ง ถ้าคุณบอกมาว่าเอาแม่ผมไปซ่อนไว้ที่ไหน ผมจะปล่อยคุณไป”
เมขลาเชิดหน้า
“ฉันไม่รู้”
รามโมโห
“คุณ !”
ธิดาที่ขับรถาตามรามมาเปิดประตูลงจากรถ เห็นรามกำลังยื้อยุดฉุดมือผู้หญิงคนหนึ่งอยู่โดยไม่รู้ว่าเป็นเมขลา
“ที่แท้ก็หลบมาหาผู้หญิงอื่นนี่เอง มิน่าถึงปิดมือถือ”
ธิดาหึงจัดวิ่งเข้าไปหาราม
“ราม คุณทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไง”
รามตะลึง
“คุณเทเรซ่า”
ธิดาคว้าไหล่เมขลากลับมาจะตบ
“นังผู้หญิงหน้าด้าน อย่าคิดว่าจะแย่งแฟนฉันได้ ไม่มีทาง”
ธิดาเงื้อมือค้าง เมื่อเห็นหน้าเมขลาเต็มๆ
“แก...แก...นังเม แกยังไม่ตายหรือ”
เมขลารู้ทันที
“อ๋อ...ถามอย่างนี้ แสดงว่าคนที่คิดฆ่าฉันก็คือคุณใช่มั้ย”
ธิดารีบกลบเกลื่อน
“แกพูดอะไรของแก ฉันไม่รู้เรื่อง” ธิดาดึงรามมาหา “ที่นายไม่ยอมไปหาฉันก็เพราะมาแอบเจอกับเมียเก่า ไหนบอกว่าไม่เหลือเยื่อใยกับมันแล้วไง”
“ผมตั้งใจไปหาคุณ แต่บังเอิญเจอเขาก่อน คุณอย่าคิดมากสิคุณกลับไปก่อนนะ ผมมีเรื่องเก่าๆต้องสะสางกับเขาให้จบ”
เมขลาถือโอกาสชิ่งหนี ธิดาสะบัดมือราม
“ไม่...ฉันไม่เชื่อนายแล้ว อย่าหนีนะนังเม”
ธิดาวิ่งไปดึงแขนเมขลาไว้
“ถ้าแกคันนัก อยากหาคนเกาให้สมอยาก ฉันพอจะมีลูกน้องหื่นๆอยู่หลายคน จะส่งไปให้แกแก้ขัดเอามั้ยล่ะ จะได้เลิกจ้องแย่งผัวชาวบ้านเขาสักที”
เมชลาสะบัดหลุดแล้วตบหน้าธิดา
“คำว่าแย่งผัวชาวบ้าน ต้องใช้กับคุณนั่นแหละถึงจะถูก คิดดูให้ดีว่าใครมาก่อนมาหลัง”
“แต่แกหย่ากับเขาแล้ว ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวรามอีก”
“หย่าอะไรของคุณ”
เมขลารู้แค่ว่าเลิกกับรามแต่ยังไม่ได้หย่ากัน รามกลัวเมขลาปูดความจริง รีบตัดบท
“พอได้แล้วคุณเม” รามหันไปบอกธิดา “คุณด้วยกลับไปก่อนนะผมของร้อง”
“แต่มันตบฉัน นายก็เห็น ฉันไม่ยอมให้มันตบฟรีๆหรอก”
ธิดาเข้าไปจิกตี เมขลาสู้กลับ รามเข้าไปดึงธิดาไว้ ธิดายกขาจะถีบ เมขลาถอยทัน
“ปล่อยฉันราม วันนี้ฉันกับมันต้องตายกันไปข้างหนึ่ง”
เมขลารีบไปจะได้พ้นเขา รามกลัวเธอหนี
“นี่เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
ธิดายิ่งโกรธ
“อ๊ายย...ต่อหน้าฉัน นายยังอาลัยอาวรณ์มันอีกหรือ นังเม”
ธิดาสะบัดหลุด วิ่งไปหาเมขลา...ขณะเดียวกันนั้นธิดามองเห็น รถคันหนึ่งกำลังวิ่งตรงมาความคิดชั่วร้ายวูบขึ้นมาทันที ธิดาวิ่งเข้าไปผลักด้านหลังของเมขลาอย่างแรงให้ถลาไปบนถนนเพื่อให้โดนรถชน เมขลาไม่ทันระวังตัวเสียงหลักถลาไปบนถนน รถคันนั้นกำลังจะพุ่งชน เธอยกมือบังหน้าร้องกรี๊ดคิดว่าตายแน่แล้ว แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นรามพุ่งเข้ามาโอบเมขลาหลบให้พ้นจากรถคันนั้นได้เฉียดฉิว รถวิ่งผ่านเลยไป ทั้งสองล้มกลิ้งไปบนพื้นริมขอบถนน เมขลาช็อกตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของเขา รามกอดเธอแน่นด้วยความเป็นห่วง สองคนสบตากัน
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
ธิดาจะวิ่งไปหารามแต่โดนคนกระชากกลับมา ธิดาหันไป คนที่ดึงธิดาไว้คือพี่ชายของเธอ เทวัญโกรธจัด
“พี่ขอเตือนนะยัยน้อง อย่าทำอะไรผู้หญิงคนนี้”
“มันเกี่ยวอะไรกับพี่ ถึงต้องไปห่วงมัน”
“คุณเมเป็นคนที่พี่รัก”
ธิดาตะลึง
“นังนี่เองหรือที่ทำให้พี่อกตัญญูกับคุณพ่อ”
“ใช่ ถ้าน้องทำร้ายคุณเมอีก พี่จะไม่ยอมให้อภัยอีกเลย”
“ได้ยินมั้ยราม ว่าเมียเก่าคุณมันสำส่อนแค่ไหน”
ธิดาหันไปหาราม แต่ปรากฏว่ารามกับเมขลาหายตัวไปแล้ว ธิดากับเทวัญงงงัน
รามเลี้ยวรถเข้ามาในโรงแรมม่านรูด จอดเข้าในซองเด็กปิดม่านเรียบร้อย เมขลาตกใจ
“คุณพาฉันมาที่แบบนี้ได้ยังไง พาฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
“อยากไปก็เดินออกไปเองสิ”
“คิดว่าฉันไม่กล้าหรือ”
เมขลาเปิดประตูออกจากรถจะหนี รามวิ่งไปดักจับตัวไว้ได้
“ปล่อยนะ ไม่งั้นฉันร้องจริงๆ ช่วยด...”
รามรีบปิดปากของเธอ แล้วช้อนตัวอุ้มเข้าห้องไปเลย โยนกลิ้งไปบนเตียงแบบไม่ปรานี เมขลาเจ็บข้อศอก
“โอ๊ย...ข้อศอกฉัน”
รามตกใจรีบเข้าไปจับดู
“เจ็บตอนที่หลบรถหรือ แล้วทำไมไม่บอก”
เมขลากระชากมือออก
“เรื่องของฉัน คุณไม่ต้องยุ่ง”
“ก็ดี คุณจะเป็นอะไรไปผมก็ไม่เห็นจะเดือดร้อน”
“แล้วคุณมาช่วยชีวิตฉันไว้ทำไม น่าจะปล่อยให้ฉันตายไปเลย”
“ถ้าคุณตายไปผมจะรู้ได้ยังไงว่าแม่ผมอยู่ที่ไหน”
เมขลาน้อยใจ
“ไม่ต้องมาถามฉัน ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
เมขลาจะลุก รามผลักนอนบนเตียง กดไหล่ไว้
“แน่ใจนะว่าไม่บอก”
เมขลาชักหวั่นๆ
“คุณจะทำอะไรฉัน”
รามยิ้มกวนๆ
“เดี๋ยวก็รู้เอง”
รามจับเมขลาเอาเชือก มัดข้อมือไว้กับหัวเตียงทั้งสองข้างแล้วออกไปหยิบของที่รถ เมขลาพยายามขยับข้อมือให้หลุด สักครู่รามก็เปิดประตูเดินเข้ามาหน้าตาดุดันเอาจริง เขาดึงมีดโกนที่ใช้โกนผมออกมา เมขลามองอย่างแปลกใจ
“คุณเอามีดโกนมาทำไม”
รามเดินไปนั่งลงข้างเตียง เมขลาหน้าตื่นถามเสียงดังขึ้น
“ฉันถามว่าเอามีดมาทำไม คุณคงไม่ใจดีตัดเชือกให้ฉันแน่”
รามยิ้ม
“คุณนี่รู้ใจผมจริงๆ รีบบอกมาว่าเอาแม่ผมไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“หูหนวกหรือ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่รู้”
“แต่ในวงจรปิดที่โรงพยาบาล ผมเห็นคุณกับแฟนใหม่ ช่วยกันพาแม่ผมออกจากห้องไป คุณยังกล้าทำไม่รู้ไม่ชี้อีกหรือ”
“ฉันพาท่านไปเดินเล่น แล้วฉันก็พาท่านกลับไปที่ห้องแล้ว”
“โกหก...ก็ได้ ถ้านักโทษปากแข็ง มันก็ต้องมีการทรมานเพื่อรีดความจริงกันสักหน่อยแล้ว”
“คุณจะทำอะไรฉัน ฮึ...คิดหรือว่าฉันกลัว”
รามลูบผม
“ผู้หญิงทุกคนรักสวยรักงามกันมากไม่ใช่หรือ ถ้าคุณโดนโกนผมโล้นทั้งหัว มันคงดูไม่จืดเชียวแหละ”
เมขลาหน้าเสีย
“ไอ้คนโรคจิต”
รามดึงผมเมขลา เอามีดจ่อ
“จะบอกไม่บอก ผมทำจริงนะไม่ได้ขู่เล่น”
เมขลาหน้าเสีย
“ก็ฉันไม่รู้จริงๆ แล้วจะบอกได้ไงเล่า อย่านะ กว่าฉันจะไว้ผมได้ยาวขนาดนี้ มันใช้เวลานานมากนะ ถ้าฉันหัวล้านจะกลับไปเป็นแอร์อีกได้ยังไง”
“คุณเคยขู่จะตีขาผมให้หักไม่ใช่หรือ ถึงเวลาผมเอาคืนแล้วจะบอกไม่บอก...หนึ่ง...สอง”
รามแกล้งจะตัดจริง เมขลาร้องลั่น
“ฉันบอกแล้ว ฉันบอกแล้ว คุณแม่อยู่ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่ง” เมขลาบอกด้วยสายตามีพิรุธว่าโกหก
“พาผมไปเดี๋ยวนี้”
รามแก้มัดแล้วจับแขนของเธอออกจากห้อง
“ถ้าคุณโกหกผม รับรองได้โดนโกนหัวบวชชีแน่”
“ฉันไม่เคยเห็นคุณจะห่วงแม่ตัวเอง คราวนี้เกิดอยากทำตัวเป็นลูกที่แสนดีขึ้นมามันน่าแปลกนะ”
“ผมคงเสียดายสมบัติของพ่อผมขึ้นมามั้ง”
รามเปิดประตูรถ ดันเมขลาเข้าไปนั่งในรถ เมขลาเล่นละครแกล้งเจ็บศอก
“โอ๊ย...ศอกฉันมันปวดมากเลย เหมือนกระดูกจะทิ่มออกมา”
รามไม่ทันคิดว่าเป็นลูกเล่น เพราะมัวแต่ห่วงยื่นตัวเข้าไปจับแขนเมขลาดู
“ปวดมากหรือเปล่า ทนไหวมั้ย ผมจะพาคุณไปหาหมอก่อน”
รามถอยออก เมขลารีบปิดประตูแรงๆให้งับแขนเขา รามเจ็บร้องลั่น เธอผลักเขาเซล้ม แล้วรีบลงจากรถวิ่งหนีไป รามรีบลุกวิ่งตามไปด้านหน้าโรงแรมแต่ เมขลาหายตัวไปแล้ว รามเจ็บใจที่โดนหลอกอีก
“โธ่เว้ย หลงกลอีกจนได้...โอ๊ย”
รามกุมแขนอย่างเจ็บปวด
เทวัญมาที่บ้านโรสบอกว่า เมขลาหายตัวไป โรสตกใจมาก
“ยัยเมหายตัวไปหรือ งั้นก็รีบแจ้งตำรวจสิ”
เทวัญไม่กล้าแจ้ง เพราะกลัวเมขลาเดือดร้อนเรื่องพาตัวทรงวาดมา
“ยังแจ้งตอนนี้ไม่ได้หรอกครับ ถ้าแจ้งไปคุณเมจะยิ่งเดือดร้อน ผมจะขอรอคุณเมที่นี่สักพักก่อน เขาอาจติดต่อมา”
“ฉันไม่เข้าใจเลย คนหาย ทำไมแจ้งตำรวจไม่ได้”
“เบาๆสิครับ ผมไม่อยากให้คุณทรงวาดได้ยิน”
ทรงวาดประคองตัวออกมา
“ใครหายไปหรือ”
“เออ”
“หนูเมหรือเปล่า วันนี้ฉันยังไม่เห็นหน้าเขาเลย เมหายไปหรือบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะคุณ”
ทันใดนั้นเสียงเมขลาก็ดังขึ้น
“คุณแม่คะ”
ทุกคนหันไปเห็นเมขลาเดินยิ้มเข้ามา
“หนูอยู่นี่ ไม่ได้หายไปไหนสักหน่อย หนูออกไปซื้อของกินมาให้คุณแม่”
เมขลายกถุงข้าวต้มให้ดู เทวัญยิ้มโล่งใจ แต่เมขลาไม่ค่อยกล้าเผชิญหน้ากับเทวัญเพราะรู้สึกผิดอยู่
อ่านต่อตอนที่ 14 พรุ่งนี้ (พฤหัสบดี 15 ธ.ค. 54)