xs
xsm
sm
md
lg

ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 17

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลิขิตเสน่หาตอนที่ 17

ยาหยีกึ่งเดินกึ่งวิ่งหนีด้วยความโมโห พลางหันไปวีนใส่สุดยอดที่กำลังไล่ตามมาติดๆ

“ถ้าคุณไม่ได้บอกแล้วยัยเพิร์ลลี่จะมาถูกได้ไง บ้านฉันไม่ใช่ห้างนะ จะได้เปิดจีพีเอสแล้วมาได้”
“ผมไม่ได้บอกเค้าจริงๆ มีเหตุผลหน่อยสิหยี ผมก็งงว่าเค้ามาได้ยังไง”
“สงสัยจะงงมากจนเบลอเผลอบอกทางเค้ามาล่ะมั้ง”
“เชื่อใจกันบ้างสิคุณ ถ้าเอาแต่ใช้อารมณ์อย่างงี้แล้วเราจะคุยกันรู้เรื่องเหรอ
สุดยอดชักหงุดหงิด ขณะนั้นเพิร์ลลี่วิ่งตามมาทางด้านหลัง
“พี่ยอดขา รอเพิร์ลลี่ด้วยค่า”
สุดยอดมองซ้ายมองขวา เห็นเรือสองลำจอดเทียบอยู่ที่ริมคลอง สุดยอดคว้าแขนยาหยีพาลงเรือ ยาหยีพยายามสะบัด
“มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน นะผมขอร้องละ”
สุดยอดพูดเสียงเข้ม ยาหยีถอนหายใจ กระฟึดกระฟัดแล้วยอมลงเรือไปกับสุดยอด สุดยอดพายเรือออกไป เพิร์ลลี่วิ่งตามมาถึงริมคลอง เห็นเรืออีกลำก็กระโดดลงไป
“นังยาหยี คิดจะลากพี่ยอดของฉันไปกินในน้ำล่ะสิ พี่ยอดขา รอเพิร์ลลี่ด้วยเพิร์ลลี่กำลังไปช่วยพี่ยอดแล้วค่า”
เพิร์ลลี่พายเรือออกไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ข้าวตูกับไข่ตุ๋นเดินคุยกันมา
“ไข่ตุ๋น คุณยายบอกว่าอย่าลงไปเล่นในเรือนะ”
“ทำไมล่ะ”
“เรือมันมีสองลำ แต่ลำนึงมัน....”
ทันใดนั้นก็เสียงเพิร์ลลี่พูดเหมือนจะตอบแทนสองเด็กน้อย 
“เรือรั่ว!
ไข่ตุ๋นกับข้าวตูตกใจ ได้ยินเสียงเพิร์ลลี่ร้องลั่น ก็พากันชะเง้อดู เห็นเพิร์ลลี่กรี๊ดลั่นคลอง
ขณะที่ก้มลงมองเห็นน้ำซึมเข้ามาท่วมเท้าของตนหมดแล้ว เพิร์ลลี่ตกใจมาก กรี๊ดลั่น
“ช่วยด้วยๆ ใครก็ได้ช่วยด้วย เรือล่มแล้ว เรือล่ม ช่วยด้วย”
สุดยอดกับยาหยีอยู่ในเรืออีกลำ หันไปมองเพิร์ลลี่ที่กำลังกรีดร้องโวยวาย สุดยอดกับยาหยีตกใจ
“เพิร์ลลี่ นั่งนิ่งๆ”
สุดยอดกับยาหยีช่วยกันพายเรือเข้าไปหาเรือของเพิร์ลลี่
ทว่าน้ำซึมเข้าเรือมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เพิร์ลลี่ลุกลี้ลุกลน วุ่นวายหนัก น้ำก็ยิ่งซึมเร็วกว่าเดิม จนท่วมมาครึ่งลำเข้าไปแล้ว เพิร์ลลี่กรี๊ดลั่น ไม่รู้จะทำไงดี ลุกขึ้นยืน สองมือชูไม้พายขึ้นเหนือหัว
“ช่วยด้วย...”
“เพิร์ลลี่ นั่งลงๆ เดี๋ยวเรือคว่ำ”
เพิร์ลลี่ยืนโงนเงน เรือโคลงเคลงไปมาแล้วก็คว่ำ เพิร์ลลี่กรี๊ดก่อนเสียหลักตกน้ำลงไป
ข้าวตูมองอยู่อย่างตกใจหันมาพูดกับไข่ตุ๋น
“เห็นมั้ย เด็กที่ไม่เชื่อผู้ใหญ่ก็เป็นอย่างงี้แหละ”
ไข่ตุ๋นพยักหน้าเห็นด้วย

ครู่ต่อมาสุดยอดประคองเพิร์ลลี่ที่ตัวเปียกเละเทะ ขึ้นมาบนฝั่งอย่างทุลักทุเล โดยมียาหยียืนมองอยู่ ขณะนั้นเอง เพิร์ลลี่ก็สะดุ้งขึ้นมา ก่อนจะสะดุ้งติดๆ กันหลายครั้ง
“เป็นอะไรอ้ะ ไข้จับสั่นเหรอ” ยาหยีถาม

“ไม่ใช่ย่ะ ปลา ปลามันตอดฉันต่างหาก” เพิร์ลลี่พูดไปสะดุ้งไป เนื้อตัวส่ายดุ๊กดิ๊กๆไปมา “อุ๊ย อี๋ อึ๋ยๆๆ”
สุดยอดตกใจ “แล้วปลามันอยู่ตรงไหนอ้ะ”
เพิร์ลลี่ยังพูดพูดไปสะดุ้งไปอยู่อย่างนั้น “อยู่ อยู่ข้างในค่ะ พี่ พี่ยอดช่วยเอาออกให้ทีสิคะ”
“ไม่ได้หรอกผมเป็นผู้ชาย”
“มานี่ ฉันเอาออกให้เอง”
ยาหยีเดินมาจูงมือเพิร์ลลี่ที่สะดุ้ง ตัวส่ายดุ๊กๆ ดิ๊กๆ ไม่หยุดเลี่ยงไป

เวลาต่อมา ทั้งปลาดุก ปลาช่อน ปลาหมอ ระดับตัวพ่อตัวแม่ แต่ละตัวเป้งๆ แต่ล้วนตายสนิท ถูกวางลงบนกะละมัง โดยที่ยาหยีเป็นคนเอาปลาออกจากตัวเพิร์ลลี่นั่นเอง
“เข้าไปอยู่ได้ไงเนี่ยตั้งหลายตัว”
บุญเลื่องถือผ้าขนหนูมาส่งให้ เหลือบตามองปลาในกะละมัง บุญเลื่องพูดหน้าตาย
“ต๊าย ปลาพวกนี้คงไม่เคยเจอเนื้อดาราสาวๆถึงกับกลั้นใจตายเลย สงสัยเนื้อจะหอมมากสิท่า”
บุญเลื่องหัวเราะแล้วเดินออกไป เพิร์ลลี่ค้อนบุญเลื่อง
“แร๊งส์ทั้งแม่ทั้งลูกเลยนะ มิน่าพี่สุดยอดถึงได้ติดอกติดใจนัก”
“ว่าแม่ฉันอีกคำเดียว ฉันจะจับเธอไปโยนคลองให้ปลาแขยงตอดซะให้เข็ดเอามั้ย!!”
ยาหยีขู่เสียงดัง เพิร์ลลี่สะดุ้ง ตัวสั่นปากสั่น
“ไม่เอา”

เพิร์ลลี่ใช้ผ้าขนหนูเช็ดเนื้อเช็ดตัว ปากพึมพำ ค้อนล้มค้อนแล้ง ยาหยีมองเพิร์ลลี่อย่างปลงๆ
“ถามจริงๆ เหอะ รู้ได้ไงว่าสุดยอดอยู่ที่นี่”
“พี่สุดยอดบอก” เพิร์ลลี่บอก
“ฉันว่าแล้ว สุดยอด...คนโกหก!”
“เธอนี่มันหลอกง่ายเหมือนเพื่อนโง่ๆ ของเธอเลยนะ” เพิร์ลลี่เยาะ
“พูดอะไรของเธอ”
“พี่สุดยอดไม่ได้บอกหรอก แต่ฉันหลอกถามมาจากยัยวุ้นก้อยเพื่อนเธอไงล่ะ”
เพิร์ลลี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ นึกถึงเหตุการณ์ที่ทำลงไปเพื่อแลกกับการรู้ที่อยู่บ้านยาหยี เมื่อไม่นานนี้

วุ้นกับก้อยมาช่วยดูแลร้านมอร์แดนทรี ตอนกลางวันของวันนั้ ทั้งคู่กำลังต้อนรับลูกค้าหญิงชราผมหงอกเต็มศีรษะ หลังโก่งงอ ถือไม้เท้า ที่หันหลังดูต้นไม้อยู่ในร้าน
“ต้นไม้ลิเภาป่าที่คุณยายถามหาไม่มีค่ะ แต่ที่สวนอาจจะมี” วุ้นบอก ขณะเดินเข้ามาหาหญิงชราพร้อมก้อย
“คุณยายรอหน่อยได้มั้ยคะ หนูจะโทรไปถามพี่ยี่หวาที่บ้านสวนให้ แล้วหนูโทรบอกคุณยายให้มารับอีกที” ก้อยเสริม
หญิงชราคนนั้นค่อยๆ หันหน้ามา ที่แท้เป็นเพิร์ลลี่ปลอมตัวเป็นหญิงชรา แต่งหน้าแก่เหี่ยวย่นจนวุ้นกับก้อยจำไม่ได้
“ไม่ได้หรอกจ้ะ ยายมันใจร้อน อยากได้วันนี้เลย หลานบอกได้มั้ยว่าบ้านสวนที่ว่าน่ะอยู่ที่ไหน” เพิร์ลลี่ในร่างหญิงชราบอกอย่างร้อนใจ
วุ้นกับก้อยมองหน้ากัน เพิร์ลลี่เห็นวุ้นกับก้อยลังเลแกล้งเปรยขึ้นมา
“คนแก่ก็ไม่รู้จะตายวันตายวันพรุ่งเมื่อไหร่ อาจจะตายซะก่อนได้เห็นซะละมั้ง”
“งั้นหนูไปเขียนแผนที่ทางไปบ้านสวนให้คุณยาย คุณยายรอแป๊บนึงนะคะ”
วุ้นบอกก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์วาดแผนที่ให้
“คุณยายนั่งก่อนสิคะ เดี๋ยวหนูเอาน้ำมาให้”
“ขอบใจนะจ๊ะหลาน”
ก้อยประคองให้เพิร์ลลี่ซึ่งแกล้งทำงกๆ เงิ่นๆ นั่งที่เก้าอี้ แวบหนึ่งเพิร์ลลี่ลอบยิ้มอย่างสะใจและสมใจ

นึกถึงตอนนี้เพิร์ลลี่แกล้งถอนหายใจยาว
“เฮ้อ รู้งี้ฉันไม่เสียเวลาตามมาซะก็ดีหรอก เธอกับพี่ยอดคบกันแต่ไม่เชื่อใจกันซักกะติ๊ด แบบเนี้ย...แป๊บๆเดี๋ยวก็เลิกกัน เชื่อฉันมั้ยล่ะ” เพิร์ลลี่แนะ
“ไม่จริง ฉันกับเค้าเชื่อใจกันมากกว่าที่เธอคิดเยอะ” ยาหยีเถียง
“งั้นมาพิสูจน์กันมั้ยล่ะ ว่าเธอกับพี่ยอดเชื่อใจกันแค่ไหน”
เพิร์ลลี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

ขณะนั้นสุดยอดเดินอยู่ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงแก้วแตก พร้อมกับได้ยินเสียงเพิร์ลลี่กรี๊ดลั่นดังสนั่น
สุดยอดตกใจ รีบวิ่งไปตามเสียงทันที

แก้วน้ำแตกกระจายเต็มพื้นห้องนอนยาหยี ส่วนเพิร์ลลี่นั่งร้องไห้ตัวสั่นงันงกอยู่ที่พื้น โดยมียาหยียืนงงๆ อยู่ สุดยอดวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจ เพิร์ลลี่หันไปเห็นก็รีบโผเข้ากอดสุดยอดทันที บีบน้ำตาสุดฤทธิ์
“พี่ยอด ช่วยเพิร์ลลี่ด้วยค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้นน่ะเพิร์ลลี่”
เพิร์ลลี่สะอึกสะอื้น)
“คุณ...คุณหยีเค้าไล่เพิร์ลลี่กลับ แต่มันเย็นมากแล้ว เพิร์ลลี่เลยขอเค้าว่าจะกลับพรุ่งนี้ แต่เค้าไม่ยอม เค้าๆ..เอาแก้วปาใส่เพิร์ลลี่ค่ะ ฮือๆ”
“หยี ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย” สุดยอดถามอย่างไม่สบายใจ
“นี่คุณเชื่อเหรอ ไหนคุณบอกว่าเราต้องเชื่อใจกันไง แล้วนี่เหรอ ความเชื่อใจที่คุณมีให้ฉัน”
ยาหยีโมโห จนสุดยอดหน้าเจื่อน อึกๆอักๆ เพิร์ลลี่เห็นสุดยอดกับยาหยีแง่งๆ ใส่กันก็ยิ่งชอบใจ แกล้งบีบน้ำตาร้องไห้อีก
“เพิร์ลลี่ขอโทษค่ะพี่ยอด เพิร์ลลี่ไม่ได้อยากให้พี่กับคุณหยีมีปัญหากันเลยนะคะ แต่...แต่เพิร์ลลี่ทะเลาะกับคุณแม่แรงมาก เพิร์ลลี่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครนอกจากพี่ ถ้าพี่ไล่เพิร์ลลี่ไปอีกคน เพิร์ลลี่ก็ไม่เหลือใคร ฮือ...”
“หยี ให้เพิร์ลลี่อยู่ค้างที่นี่ซักคืนนะ พรุ่งนี้ ผมจะรีบพาเค้าไปส่งบ้านทันทีเลย...นะ ผมขอร้อง”
ยาหยีฟังแล้วโมโหมาก
“นี่สรุปว่าคุณเชื่อแม่นี่จริงๆใช่มั๊ย คุณคิดว่าคนอย่างฉันจะลุกขึ้นมาหึงหวงผู้ชาย จนถึงขนาดทำเรื่องบ้าบออย่างที่แม่นี่แต่งเรื่องเหรอ สำคัญตัวผิดไปรึเปล่า”
สุดยอดชักเริ่มไม่พอใจ
“ใช่ ผมมันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ไม่ใช่ไฮโซร่ำรวยมาจากไหนนี่ คุณจะได้มาหึงผม”
“รู้ตัวก็ดีแล้ว ถ้าคุณได้ซักครึ่งนึงของพี่ก้อง มันค่อยคุ้มที่ฉันตามหึงหน่อย” ยาหยีโมโหจัด
“ตอนนี้ก็ยังทันนี่ กลับไปหาพี่ก้องของคุณซิ” สุดยอดของขึ้นถูกแทงใจดำ
ยาหยี กับสุดยอด จ้องตากันเขม็ง ต่างฝ่ายต่างถือทิฐิ อะไรทำร้ายจิตใจกันได้ก็ใส่กันไม่ยั้ง เพิร์ลลี่มองอยู่รีบปั้นหน้าเศร้า
“อย่าทะเลาะกันเลยค่ะ เพิร์ลลี่รู้สึกผิดจัง เพิร์ลลี่กลับก็ได้”
“เดี๋ยว พี่ไปด้วย ยังไงพี่ก็ไม่มีความหมายอะไรอยู่แล้วนี่ จะอยู่หรือไปก็ค่าเท่ากันแหละ”
สุดยอดพูดจบก็เดินนำเพิร์ลลี่ออกจากห้องไป เพิร์ลลี่หันมายิ้มเย้ยยาหยี ก่อนจะตามออกจากห้องไปอีกคน
“งี่เง่า ซื่อบื้อให้เค้าหลอกนักก็ตามใจ”
ยาหยีทั้งโกรธทั้งเจ็บใจ

ส่วนที่บ้านยี่หวาคืนนั้น วัลลภากำลังสั่งให้คนงานชายยกโทรทัศน์บนตู้ทีวีในห้องรับแขก
“เบาๆ อย่าให้กระแทกซะล่ะ ของมันจะเสียราคา..บอกเฮียนะว่าให้ราคาดีๆ หน่อย ยี่ห้อนี้ซื้อมาไม่ใช่ถูกๆ นะจ้ะ...เอ้านี่ รีโมท เอาไปให้ครบ”
จังหวะนั้นยี่หวาเดินเข้ามาทางข้างหลังวัลลภาพอดี
“อะไรกันคะ จะยกทีวีไปไหน”
“อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด”
วัลลภาสะดุ้งตกใจจนรีโมทหลุดมือ ยี่หวามองอย่างสงสัย
“คือ...คือ ทีวีมันเสียน่ะ แม่ก็เลยจะให้เค้ายกไปซ่อมน่ะจ้ะ”
“เมื่อเช้ายังดูอยู่เลย แน่ใจเหรอคะว่ายกไปซ่อม ไม่ได้ยกไปขาย”
“เปล๊า...แม่จะให้เค้าเอาไปซ่อมจริงๆ วัลลภาปฏิเสธเสียงสูงปรี๊ด เสหันไปพูดกับคนงาน “นี่
พวกเธอ...กลับไปก่อนเลย บอกเฮียนะว่าวันนี้ทีวีไม่ขาย เอ๊ย ไม่เสียแล้ว”
วัลลภาพูดจบก็รีบเดินหนี ยี่หวามองตามวัลลภาอย่างหนักใจ

เวลาต่อมายี่หวาเดินเข้ามาในห้องนอน โดยไม่รู้ว่าวสันต์ใส่เสื้อคลุมชุดนอนซ่อนอยู่หลังประตู
“ยี่หวาจ๋า ไหนๆลูกก็ไม่อยู่ เรามาจู้ฮุกกรูกันมั้ยจ๊ะ” วสันต์ปราดเข้ามาประชิดยี่หวา
ยี่หวาหันมายิ้มให้วสันต์ วสันต์ได้ใจเริ่มประชิดตัว
ทันใดนั้นยี่หวาเตะเข้าหว่างขา
“นี่แน่ะ จู้ฮุกกรู”
วสันต์ร้องลั่นบ้าน เพราะทั้งจุกและเจ็บ

เช้าวันรุ่งขึ้นวสันต์นอนแหกปากลั่น บนโซฟาในห้องรับแขก วัลลภาทุบเข้าที่แขนวสันต์
“ร้องทำไม”
“ก็มันระบมนี่แม่ ขนาดประคบน้ำแข็งทั้งคืนแล้วยังไม่หายช้ำเลย”
“แกมันไม่ได้เรื่องนี่น้า ไหนว่าถ้าข้าวตูไม่อยู่แล้วแกจะเผด็จศึกนังยี่หวาได้ไง ยังงี้เมื่อไหร่เราจะได้เงินค่าขายที่ซักที แม่น่ะคิดถึงบ่อนใจจะขาดอยู่แล้ว” วัลลภาโวยวาย
“ไว้รอน้องชายผมหายป่วยก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่นะแม่”
วสันต์เดินกระย่องกระแย่งขึ้นบ้าน
“ถึงคราวต้องให้ฉันลงมือเองซะแล้ว”
ในใจวัลลภาคิดแผนร้าย

เช้าวันใหม่ ยาหยีน้ำตาเต็มตา ส่งเสียงไอค่อกแค่ก ทั้งนี้เป็นเพราะแสบตา ที่บุญเลื่องผัดเนื้อไก่กับพริกกระเทียมในกะทะบนเตา ควันโขมง ยาหยีถือตะกร้าใส่ใบกะเพราคอยเป็นลูกมือ บุญเลื่องปิดปากปิดจมูก ใส่ใบกะเพราลงในกะทะแล้วปิดเตา
“คนเราถ้าใช้อารมณ์คุยกันมันก็เหมือนผัดกะเพราตอนอยู่บนเตานี่ล่ะ ทั้งเผ็ด ทั้งแสบทั้งร้อน พออารมณ์เย็นแล้วคุยกันมันก็หอมอร่อยเหมือนผัดกะเพราในจาน”
ยาหยีส่งจานให้แม่ บุญเลื่องตักผัดกะเพราใส่จาน
“แม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นแผนของยัยดาราแอ๊บแตกคนนั้นน่ะแหละ ถ้าสุดยอดเค้าจะนัดเพิร์ลลี่มาเจอกันจริงๆ เค้าจะนัดกันมาให้เราเห็นทำไม สู้แอบไปเจอกันข้างนอกไม่ดีกว่าเหรอ”
ยาหยีคิดตามบุญเลื่องก็เห็นด้วย แต่ก็ยังติดใจเรื่องที่สุดยอดหาว่ายาหยีปาแก้วไล่เพิร์ลลี่
“หยีติดใจนิดเดียวค่ะแม่ ทำไม๊ทำไมสุดยอดเค้าถึงคิดว่าหยีเป็นผู้หญิงขี้หึงไร้สติแบบนั้นไปได้” ยาหยีถามแม่
“บางครั้งอะไรๆมันก็กลายเป็นเรื่องลวงตาลวงใจกันได้เหมือนกัน มันอยู่ที่หยีแล้วละลูก ว่าเรารักสุดยอดเค้ามากพอที่จะยอมลดทิฐิเข้าไปปรับความเข้าใจกับเค้าก่อนได้รึป่าว”
ยาหยีนิ่งคิด

เช้าวันเดียวกันนั้นสุดยอดพอลืมตาตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน รู้สึกปวดหัวมึนงงไปหมด พอหันไปข้างๆ เห็นเพิร์ลลี่นอนซุกตัวอยู่สุดยอดตกใจร้องลั่น
“เพิร์ลลี่! เพิร์ลลี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
เพิร์ลลี่ลืมตาตืนขึ้นมา หาวแล้วยิ้มตาหยาดเยิ้มให้สุดยอด
“ทำไมเพิร์ลลี่จะอยู่ที่นี่ไม่ได้ล่ะคะ ก็ที่นี่มันห้องนอนของเพิร์ลลี่”
“เฮ้ย!”
สุดยอดรีบลุกขึ้นจากเตียง แล้วมองลงไปข้างล่างถึงรู้สึกตัวว่าเย็นวาบ ไม่มีเสื้อผ้าติดกายซักชิ้น
“เฮ้ย!” สุดยอดรีบคว้าหมอนมาบิดร่างกายช่วงล่าง เพิร์ลลี่หัวเราะคิกคัก
“จะอายไปทำไมคะ ระหว่างเรา...ไม่มีความลับเหลือแล้วล่ะค่า”
สุดยอดรีบคว้ากางเกงมาใส่
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพิร์ลลี่”
“คิดให้ดีๆ สิคะพี่ยอดว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้”
สุดยอดนิ่งคิด

อ่านต่อหน้า 2 พรุ่งนี้






ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 16 (ต่อ)

แต่เพราะยังมึนๆ อยู่สุดยอดจึงลำดับเหตุการณ์ในหัวอย่างงงๆ มีหลายเหตุการณ์ตัดสลับกันไปมาแบบไม่เรียงลำดับก่อนหลังเริ่มจากสุดยอดเห็นตัวเองกับเพิร์ลลี่กระโดดโลดเต้นกันอยู่ข้างเตียงอย่างเมาๆ ขณะที่เพิร์ลลี่หัวเราะร่าเริง สุดยอดมองหน้าเพิร์ลลี่ตาเบลอๆ ยิ้มอย่างคนเมา

อีกเหตุการณ์เป็นที่เขากับเพิร์ลลี่ชนแก้วแล้วเต้นระบำอยู่ในผับ เพิร์ลลี่ยิ้มย้วยใส่ หน้าตาเมาๆ สุดยอดกับเพิร์ลลี่นั่งรถมาจอดหน้าผับ
สุดยอดเห็นตัวเองออกอาการโมโหอย่างหนัก ขับรถมาอย่างอารมณ์เสีย ขณะที่เพิร์ลลี่แอบมองสุดยอดยิ้มๆ เจ้าเล่ห์
และปิดท้ายด้วยภาพตอนที่สุดยอดโกรธยาหยีมาก แล้วดึงมือเพิร์ลลี่ออกมาจากบ้านสวน

นึกมาถึงตรงนี้สุดยอดก็ต้องยกมือขึ้นกุมศีรษะเพราะมึนงงไปหมด
“โอ๊ย ปวดหัว ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่...กับเพิร์ลลี่ ในสภาพแบบนี้
เพิร์ลลี่เดินไปกอดสุดยอด
“แค่นี้ก็จำไม่ได้ เพิร์ลลี่เล่าให้ฟังนะคะ...เมื่อวานพี่สุดยอดพาเพิร์ลลี่ออกมาจากบ้านสวน พี่สุดยอดอารมณ์เสียม๊ากมาก”

แล้วเหตุการณ์ต่างๆ ก็พรั่งพรูออกจากปากเพิร์ลลี่เป็นลำดับ...เริ่มจากเหตุการณ์ที่สุดยอดโกรธยาหยีมาก แล้วดึงมือเพิร์ลลี่ออกจากบ้าน พาขึ้นรถขับออกมาจากบ้านสวนด้วยหน้าตาบึ้งตึง จังหวะนั้นเพิร์ลลี่ลอบมองสุดยอดด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“พี่ยอดจะพาเพิร์ลลี่ไปส่งบ้าน แต่เพิร์ลลี่ไม่ยอม” เสียงของเพิร์ลลี่บรรยายเหตุการณ์ให้สุดยอดฟัง และต่อมาที่หน้าผับแห่งหนึ่ง เพิร์ลลี่กำลังฉุดกระชากลากแขนสุดยอดเข้าไปในผับ
“เราสนุกกันมาก” เพิร์ลลี่เหลาต่อ
เพิร์ลลี่ยิ้มใส่สุดยอด แล้วพูดว่า “หมดแก้ว” ก่อนที่ทั้งคู่เต้นระบำในผับอย่างหนุกหนาน
ฉากต่อมาสุดยอดกับเพิร์ลลี่กระโดดโลดเต้นกันอยู่ข้างเตียงอย่างเมาๆ เพิร์ลลี่หัวเราะใส่กล้อง สุดยอดมองหน้าเพิร์ลลี่ตาเบลอๆ เมาๆ ขณะที่สุดยอดยิ้มอย่างคนเมา พูดกับเพิร์ลลี่ด้วยคิดว่าเพิร์ลลี่เป็นยาหยี!!
“ยาหยี ผมรักคุณ ผมมีคุณคนเดียว ทำไมคุณไม่ไว้ใจผมบ้าง”
เพิร์ลลี่เอามือปิดปากสุดยอด ตาหวานหยาดเยิ้ม
“ไม่ใช่ซักหน่อย ดูดีๆสิคะว่านี่ใคร ใครที่รักพี่ยอดที่สุด”
แต่สุดยอดดึงมือเพิร์ลลี่ออก “ยาหยี ผมรักคุณ ผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจ”
“ฉันก็รักคุณค่ะ” เพิร์ลลี่สวมรอยเป็นยาหยี
“ยาหยี”
ภาพสุดท้ายสุดยอดจูบเพิร์ลลี่ที่ตัวเองเข้าใจว่าเป็นยาหยีอย่างดูดดื่มละมุนละไม
“แล้วเราก็.....เป็นของกันและกัน” เสียงเพิร์ลลี่บรรยายสุดซึ้ง
ภาพต่อมาที่สุดยอดเห็น คือเพิร์ลลี่ล้มตัวนอนลงบนเตียง ยิ้มหวาน แล้วเอามือโอบเข้ามาที่ตัวเขาอย่างรักใคร่

ใบหน้าของสุดยอดบอกให้รู้ว่าเขากำลังมึนตึ้บ หน้าเสีย หลังจากเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามที่เพิร์ลลี่เล่า
“เวรแล้วมั้ยล่ะ...ทำไงล่ะทีนี้”
เพิร์ลลี่ไม่สนใจ โอบรอบคอสุดยอด มองอย่างรักใคร่
“ไม่เห็นต้องทำยังไง พี่ยอดก็ต้องรับผิดชอบเพิร์ลลี่อยู่เห็นๆ”
สุดยอดพยายามแกะมือเพิร์ลลี่ แต่เพิร์ลลี่ทำเป็นมือปลาหมึก แกะเท่าไหร่ก็แกะไม่ออก
“แต่พี่ไม่ได้รักเพิร์ลลี่”
“แปลว่าพี่สุดยอดจะไม่รับผิดชอบเพิร์ลลี่เหรอคะ เพิร์ลลี่ยังโสดยังซิง ยังไม่เคยต้องมือชาย ต้องกลายมาเป็นหญิงมีราคีคาวเพราะพี่ยอด โฮ...แล้วเพิร์ลลี่จะเอาหน้าไปสู้ใครเค้าได้คะ เพิร์ลลี่ขอตาย..”
เพิร์ลลี่พูดพร้อมกับเอาหมอนมาปิดหน้า แล้วทำเสียงเหมือนคนหายใจไม่ออก สุดยอดรีบดึงหมอนออกจากมือเพิร์ลลี่
“ใจเย็นก่อนเพิร์ลลี่ เพิร์ลลี่จะให้พี่ทำยังไง”
เพิร์ลลี่เน้นคำ “แต่งงานกับเพิร์ลลี่!”
“แต่งงาน! นั่นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะเพิร์ลลี่” สุดยอดแย้ง
“ใช่...มันใหญ่มาก...” เสียงชม้อยดังแทรกขึ้นมา
สุดยอดกับเพิร์ลลี่ตกใจร้องลั่น กระโดดขึ้นไปอยู่บนเตียงด้วยกัน
สีหน้าของชม้อยเวลานี้โกรธแทบไฟลุก

เวลาต่อมาชม้อยไล่ขว้างปาข้าวของใส่สุดยอดพัลวัน สุดยอดหลบพายุข้าวของที่ชม้อยขว้างมาเป็นชุลมุน
“ไอ้แมวขโมย ไอ้แมลงสาบใต้ดิน ไอ้หินโสโครก ไอ้กะโหลกไร้สมอง”
ขณะที่เพิร์ลลี่สวมชุดคลุม วิ่งเข้ามาดึงของออกจากมือชม้อยแต่ไม่สำเร็จ
“หยุดนะแม่ อย่าแม่ อย่า
ชม้อยไม่สนคำร้องขอของเพิร์ลลี่ “ไอ้กิ้งกือสามเขา ไอ้เหาสามขา...ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแก๊”
เพิร์ลลี่ประเมินอารมณ์แม่แล้วเห็นว่าไม่ได้การณ์แน่ เลยเอาตัวบังสุดยอดไว้ พร้อมกับตวาดเสียงดัง
“แม่หยุด! หยุดๆๆๆ หยุด!”
ได้ผล ชม้อยอึ้งตกตะลึง เพราะเป็นครั้งแรกที่เพิร์ลลี่ออกฤทธิ์ตวาดเสียงดังใส่
“พอซะทีได้มั้ย แม่เสียงดังอย่างนี้คนเดี๋ยวคนเค้าก็รู้กันหมดทั้งหมู่บ้านหรอก”
“ดี เจ็บใจนักมีลูกไม่ได้ดั่งใจ ทำไม๊ ทำไมถึงได้ยอมให้มัน....ฮึ่ย ไม่เป็นไรแค่หนเดียว ฉันจับแกใส่ตะกร้าล้างน้ำให้หายคาวได้” ชม้อยบอกชิวๆ ทั้งที่โมโหเอามากๆ
“เพิร์ลลี่ไม่ใช่ปลานะแม่ จะได้จับใส่ตะกร้าล้างน้ำ ตอนนี้เราเป็นของกันและกันแล้ว และเราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด”
สุดยอดได้ฟังก็อ้าปากค้าง
“เอ่อ...แต่ว่า...ผมยังไม่ได้ตกลง...”
ชม้อยตวาดแว้ด
“หุบปาก! ฉันก็ไม่ตกลง ฉันไม่ยอมให้แกแต่งงานกับลูกสาวฉันเป็นอันขาด”
“แต่เพิร์ลลี่ยอม แม่เลิกยุ่งกับชีวิตเพิร์ลลี่ซะที ถ้าแม่ยังทำกับเพิร์ลลี่เหมือนสิ่งของ ไม่ใช่คนมีชีวิตจิตใจ แม่ก็ฆ่าเพิร์ลลี่ให้ตายคามือไปเลย” เพิร์ลลี่ยื่นไม้ตาย
“เพิร์ลลี่!”
ชม้อยเห็นเพิร์ลลี่ทำหน้าเอาจริง พูดเสียงหนักแน่น ก็เริ่มหน้าเสีย และใจอ่อนในที่สุด
“เพิร์ลลี่รักพี่ยอด ถ้าแม่คิดจะแยกพี่ยอดกับเพิร์ลลี่อีก เพิร์ลลี่จะฆ่าตัวตาย”
ไม่พูดเปล่าๆ เพิร์ลลี่เอามืออุดจมูก อีกมือบีบคอตัวเองแล้วทำเป็นหายใจไม่ออก ชม้อยกับสุดยอดเข้ามาช่วยกันดึงมือเพิร์ลลี่อุตลุด
“เพิร์ลลี่อย่า”
“อย่า....อย่า แม่ยอม แม่ยอมแล้ว”
นั่นเองเพิร์ลลี่จึงปล่อยมือจากจมูก
“ยอมจริงนะ”
ชม้อยรีบพยักหน้า เพิร์ลลี่ร้องเฮแล้วกระโดดเข้ากอดคอสุดยอด แต่ชม้อยทนดูไม่ได้ สะบัดหน้าพรึ่ดเดินไป สุดยอดพยายามใช้ความคิดใคร่ครวญอย่างหนักว่า เขาได้ทำสิ่งนั้นไปจริงหรือ?
“เราเมาจนขาดสติขนาดนั้นได้ยังไง ไม่อยากจะเชื่อ”
จังหวะนั้นเพิร์ลลี่กอดซบสุดยอด ก็ผุดยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาแวบหนึ่ง

ความจริงนั้นมีอยู่ว่า...
รถสุดยอดกำลังเติมน้ำมัน เพิร์ลลี่นั่งคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ในรถคนเดียว
“นังกบ แกก็รู้ว่าพี่ยอดน่ะคอแข็งแค่ไหน แค่มอมให้เมาเขาคงไม่ปล้ำฉันหรอก... อะไรนะ ให้ฉันปล้ำเค้า...ว้าย แรง แต่ฉันแรงกว่าเพราะฉันทำจริง”
เพิร์ลลี่หัวเราะคิกคักล้วงหยิบห่อยาในกระเป๋าถือออกมาดู เพิร์ลลี่ทำหน้าจริงจัง
“เดี๋ยวนังกบ แกแน่ใจนะว่าไอ้ยาปึ๋งปั๋งที่แกให้ฉันมา กินแล้วไม่ตาย”
คำตอบจากเพื่อน ทำให้เพิร์ลลี่มองห่อยาตาลุกวาว อย่างพอใจ เวลานั้นสุดยอดเดินกลับจากห้องน้ำ เพิร์ลลี่รีบเก็บห่อยาแล้วปั้นหน้าเศร้า แกล้งคุยโทรต่ออย่าง...ตอแหลปกติ
“ขอบใจมากนะกบ ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร เราเข้าใจ แค่นี้ล่ะ”
เพิร์ลลี่หันไปบอกสุดยอด
“ไม่มีเพื่อนคนไหนว่างเลยซักคน วันนี้เพิร์ลลี่ยังไม่อยากรีบกลับบ้าน พี่ยอดไปเที่ยวเป็นเพื่อนเพิร์ลลี่หน่อยนะคะ”
“แต่ว่า...”
“นะคะพี่ยอด ตามใจเพิร์ลลี่เป็นวันสุดท้าย...ได้มั้ยคะ”
เพิร์ลลี่เสริมออฟชั่นด้วยการทำตาน่าสงสารใส่ สุดยอดใจอ่อนพยักหน้า เด็กปั้มเติมน้ำมันเสร็จ สุดยอดหันไปส่งเงินให้เด็กปั้ม แล้วขับรถออกไป เพิร์ลลี่แอบยิ้มดีใจ

เช้าวันใหม่ ที่หน้าโรงเรียนอนุบาลเด็กดีมีป้ายผ้าเขียนข้อความ “ยินดีต้อนรับผู้ปกครอง” แขวนเอาไว้ ส่วนภายในโรงเรียนบรรดาพ่อกับแม่ ผู้ปกครองพากันเข้าดูการเรียนการสอนตามห้องเรียนต่างๆ
ในห้องเรียนข้าวตูกับไข่ตุ๋น ครูปราณีตั้งคำถามวิชาคณิตศาสตร์อยู่ที่หน้าห้อง
“ครูซื้อแอปเปิ้ลมา 4 ผล กินไป 2 ผล เหลืออยู่กี่ผลค้า”
ข้าวตู กับไข่ตุ๋นแย่งกันยกมือตอบ แต่กังฟูยกมือขึ้นก่อน
“อ่ะ กังฟู...เหลือกี่ผลจ๊ะ”
“ไม่เหลือคร้าบ เพราะแม่ซื้อมาทีไร กังฟูกินหมดทุกทีเลยคร้าบ”
กังฟูตอบ บรรดาผู้ปกครองที่ดูอยู่หัวเราะกันครืน ครูปราณีส่ายหน้า แล้วถามคำถามใหม่
“งั้นครูถามใหม่ สี่ผลสงสัยจะน้อยไป ถ้าซื้อมา 10 ผลแล้วกินไป 2 ผลจะเหลือกี่ผล”
“โอ้โห ถ้า 10 ผล กังฟูกินไม่หมดหรอกครับ”
“มีใครตอบได้มั้ยคะ”
ข้าวตูกับไข่ตุ๋นแย่งกันยกมืออีก ครูปราณีชี้ข้าวตู
“8 ผลครับ” ข้าวตูตอบ
“ไข่ตุ๋นล่ะจ้ะ ว่าเหลือกี่ผล”
“8 ผลเหมือนกันค่ะ” ไข่ตุ๋นตอบ
“เก่งมากทั้งสองคนเลย ทุกคนปรบมือให้นักคณิตคิดไวทั้งสองหน่อยค่า”
ทั้งนักเรียนทั้งผู้ปกครองต่างพากันปรบมือให้ข้าวตูกับไข่ตุ๋น เด็กทั้งสองคนยิ้มร่าไม่มีอาการของเด็กป่วยทางใจอีก
ณนนท์กับเอนิตา และยี่หวากับวสันต์ยืนปรบมือให้ลูกอย่างชื่นชมอยู่ในกลุ่มผู้ปกครอง จังหวะนั้นณนนท์เหลือบไปมองยี่หวา ยี่หวาหันมาสบตาณนนท์ วสันต์เห็นก็รีบแกล้งยืนบังระหว่างยี่หวากับณนนท์ ส่วนเอนิตาแกล้งกระชับแขนณนนท์แน่นๆ ณนนท์กับยี่หวาต่างตกอยู่ความเศร้า

เวลาต่อมายี่หวากับวสันต์เดินออกมาจากห้องเรียน มายืนอยู่ที่ทางเดิน เอนิตาควงแขนณนนท์เดินมาหา
“เป็นยังไงค้าครอบครัวแสนสุข สบายดีมั้ยคะ”
“สบายดีค่ะ คุณนิตาสบายดีมั้ยคะ” ยี่หวาตอบ
“สบายดีม๊ากมากค่ะ ตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกัน ครอบครัวเรามีความสุขมากค่ะ”
ทั้งสี่คนต่างปั้นหน้า ฝืนยิ้มให้กัน
“ดีใจด้วยนะคะ” ยี่หวาปรายตาไปทางณนนท์
“ข้าวตูเป็นยังไงบ้าง ยังซึมเศร้าอยู่อีกรึป่าว”
“ไม่แล้วค่ะ ร่าเริงขึ้นเยอะเลย”
“ขอบคุณคุณนนท์นะครับที่เป็นห่วงลูกของเรา” วสันต์เน้นเสียงตอนท้ายแล้วโอบไหล่ยี่หวาโชว์พาว “ต่อไปนี้ก็หวังว่า คงไม่มีใครมาเป็นสาเหตุให้ครอบครัวเราแตกร้าวอีกนะครับ”
ณนนท์สะอึก มองสบตากับยี่หวา วสันต์เห็นณนนท์กับยี่หวาสบตากันก็ไม่พอใจ เช่นเดียวกับเอนิตาที่มองตามสายตาของวสันต์เห็นณนนท์กับยี่หวามองกันอย่างเศร้าๆ เอนิตาไม่พอใจ กระซิบแขวะณนนท์
“จะมองกันอีกนานมั้ย” แล้วหันไปทางยี่หวา “ดิฉันกับสามีขอตัวนะคะ”
พูดจบเอนิตาก็ลากณนนท์ออกไป ยี่หวามองตามเศร้าๆ วสันต์มองยี่หวาอย่างหมั่นไส้
“ไม่ตามมันไปเลยล่ะ”
“อะไรของคุณ”
“เลิกทำตาอาลัยอาวรณ์กับมันซักทีได้มั้ย ผมเห็นแล้วมันทุเรศ”
“คุณนั่นแหละอย่ามาพูดทุเรศ ฉันกับเขาเราจบกันแล้ว”
“ขอให้มันจริงเห๊อะ เราสองคนจะได้เริ่มต้นกันใหม่ซะที”
วสันต์ทำตาหวานเดินมาด้านหลังแล้วโอบรอบเอวยี่หวา ยี่หวาถองเข้าท้องวสันต์เต็มแรง
“คุณกับฉันมันยิ่งกว่าจบ...ฉันทำเพื่อลูกเท่านั้นล่ะ จำไว้”
ยี่หวาเดินหนี วสันต์มองอย่างเจ็บใจ

ส่วนที่สตูดิโอ ยิ่งเดินเข้ามาในสตูดิโอถ่ายรายการ กวาดสายตามองเห็นสตูดิโอเงียบฉี่ไม่มีผู้คนก็ตะโกนลั่น
“นัท ว่าน โมน”
ว่าน นัท และโมนรีบวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
“ครับพี่”
“ทำไมมันเงียบงี้วะ” ยิ่งสงสัย
“เงียบเหรอครับ ไอ้นัท..จัดเต็ม”
นัท ว่าน และโมน ทำเสียงบีทบ็อกซ์ร้องแร๊พ สนุกจนยิ่งเผลอตัวเต้นตาม ใส่แหลกทั้งท่าแร๊พท่าบีบอย แต่ครั้นพอยิ่งรู้สึกตัวก็ตะโกน
“โว้ย...หยุด ไม่ใช่แบบนี้”
“ไม่ใช่แบบนี้แล้วแบบไหนล่ะพี่” นัทถาม
“ฉันหมายถึงสุดยอดมันไปตามง้อน้องยาหยีถึงไหน ทำไมยังไม่กลับมากันอีกรายการทีวีนะ ไม่ใช่ตลาดนัด จะได้หยุดตามอำเภอใจ แล้วยัยสองแม่ลูกแอ๊บจริตจิตจะหลุดหายไปไหน”
“ใครครับ แม่ลูกแอ๊บจริตจิตจะหลุด”
“ยัยม้อยขอเม้นท์กับลูกเพิร์ลลี่ขาไงล่ะ...พวกเอ็งไปตามกลับมาเลย ไม่งั้นข้าจะเปลี่ยนพิธีกรใหม่กับทีมงานใหม่ยกเซ็ท”
สามหนุ่มตาเหลือก นัทรีบถาม
“แล้วจะให้ผมไปตามที่ไหนล่ะพี่”
ยิ่งขยี้ผมอย่างหงุดหงิด
“โธ่เว้ย...จะไปไหนก็ไปสิวะ”
จังหวะนั้นเสียงยาหยีก็แทรกขึ้นมา
“ไม่ต้องไปตามหรอกค่ะ”
พร้อมกับที่ยาหยีเดินเข้ามายิ้มกว้าง ยิ่งดีใจเป็นล้นพ้น
“น้องหยีของพี่มาแล้ว”
ยิ่งวิ่งไปทำท่าจะกอด ยาหยีรีบยันไว้ทัน ยิ่งหัวเราะเขินๆ
“แล้วเจ้ายอดล่ะ”
ยิ่งถาม...ยาหยีงง
“เค้าไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอคะ”
“อ้าว พี่นึกว่ามันไปตามหยี แล้วตกลงสุดยอดมันไปไหน”
“บ้านก็ไม่กลับ โรงพักก็ไม่มี โรงพยาบาลก็ไม่เห็น” ว่านว่า
“รึว่ามันตายกลายเป็นศพไปแล้ว”
ถึงจะเป็นการแซวเล่นของนัทแต่ทำเอายาหยีหน้าเสีย
“ไอ้บ้า...พูดอะไรอย่างงั้นวะ เดี๋ยว น้องหยีเค้าก็ใจเสียหรอก”
“โธ่พี่ คนอย่างไอ้ยอดไม่ตายง่ายๆ หรอก โน่นไง...มันมาโน่นแล้ว”
ว่านชี้ไปทางหน้าประตูสตูดิโอ สุดยอดเดินหน้าสลดเข้ามา
“เดินหน้าแห้งเหี่ยวเป็นหมาเยี่ยวใส่มาเชียว” ยิ่งพูดประชด “หายไปไหนมาครับพี่ยอด”
สุดยอดเดินมาเห็นยาหยี ก็อึ้งเพราะไม่คิดว่าจะเจอ ฝ่ายยาหยีส่งยิ้มให้สุดยอด แต่สุดยอดรีบหลบตาแล้วเดินเข้าไปทางห้องแต่งตัว
“อ้าวเฮ้ย ไม่พูดไม่จา เป็นอะไรของมัน”
ยาหยีมองตามสุดยอดอย่างเป็นกังวลแล้วเดินออกไป

เวลานั้นสุดยอดเดินมาถึงหน้าห้องแต่งตัว โกรธตัวเองสุดๆ เลยชกโครมเข้าให้ที่กำแพง
“โธ่เว้ย”
แต่ที่มุมกำแพง กลับมีตุ๊กตาหุ่นมือโผล่ขึ้นมา
“จ๊ะเอ๋”
สุดยอดหันไปมองหุ่นมือ
“อุ๊ยๆ ลืม แป๊บนะ” หุ่นมือยาหยีหายไป แล้วโผล่มาใหม่ คาบดอกลิลลี่มาด้วย “มีคนเค้าฝากมาให้....มารับไปเร้ว...”
สุดยอดมองหุ่นมือกับดอกไม้แล้วยิ่งอึ้ง สะเทือนใจ
“ไม่เอาเหรอ ว้าๆๆๆ”
หุ่นมือผลุบหายไป แล้วเป็นยาหยีเดินมายื่นดอกลิลลี่สีขาวให้สุดยอดแทน
“ดอกไม้นี่มันมีภาษาของมันนะ อย่างลิลลี่สีขาวเนี่ยมันแปลว่า ขอโทษ”
สุดยอดฟังยาหยีพูดก็ยิ่งอึ้ง เต็มตื้นจนพูดไม่ออกมากขึ้น ยาหยียิ้มเขิน
“หยียอมรับก็ได้ว่า หยีไม่อยากให้ยอดไปยุ่งเกี่ยวกับเพิร์ลลี่อีก เพราะว่าหยี..หึง แล้วก็รู้ใช่มั้ยว่าเค้าหึงเพราะอะไร”
สุดยอดซึ้งใจ จับมือยาหยี
“ผมรักคุณนะยาหยี”
“ยอดให้โอกาสหยีนะ ให้โอกาสเราเริ่มกันใหม่นะ”
แต่แล้วมือของเพิร์ลลี่ก็เข้ามากระชากดอกไม้ออกจากมือยาหยี
“มันไม่มีโอกาสนั้นหรือว่าโอกาสไหนแล้วย่ะ”
ยาหยีหันไปมองเพิร์ลลี่ที่ยืนหน้าบึ้งถมึงทึง ยาหยีโกรธแกมงง ขณะที่สุดยอดหน้าเสีย
“พี่ยอดเป็นของฉัน เราเป็นของกันและกัน เพราะฉะนั้นเธอ...หมดสิทธิ์”
ว่าแล้วเพิร์ลลี่ก็โยนดอกไม้ลงพื้นแล้วขยี้ด้วยรองเท้า ยาหยีมองดอกไม้ มองสุดยอดอย่างสับสนงุนงงเหมือนโดนทุบหัว
“เป็นของกันและกัน...หมายความว่าอะไร”
ยาหยีงง หันไปมองหน้าสุดยอด แต่สุดยอดหลบตาอย่างอึดอัดสุดๆ
“พูดแบบผู้ดีคงไม่เข้าใจสินะ งั้นใช้ภาษาบ้านๆก็ได้....มันหมายความว่า...”
พูดแค่นั้นเพิร์ลลี่ก็ผลักยาหยีออกห่างจากสุดยอด เพิร์ลลี่คล้องแขนสุดยอดกอดไว้แน่น
“เราได้เสียเป็นเมียผัวกันแล้วน่ะสิ”
“ว่าไงนะ”
ยาหยีช็อก จ้องหน้าสุดยอด ที่เงยหน้าขึ้นมาสบตายาหยี ใบหน้าสุดยอดเวลานี้น้ำตาคลอเต็มตาด้วยความรู้สึกผิด
“แล้วเราก็จะแต่งงานกันในเร็วๆนี้” เพิร์ลลี่จัดการตอกผาโลง
“มันเป็นเรื่องจริงเหรอยอด”
ยาหยีจ้องหน้าสุดยอดคาดคั้นอย่างไม่เชื่อ สุดยอดพยักหน้าด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ ยาหยีเจ็บปวดหัวใจราวกับโดนมีดกรีดแทง เดินเข้าไปตบหน้าสุดยอดอย่างแรงแล้ววิ่งออกไป
“หยี...หยี”

สุดยอดสะบัดแขนเพิร์ลลี่ออก แล้ววิ่งตามไป ขณะที่เพิร์ลลี่มองตาม ยิ้มสะใจอย่างผู้ชนะ

อ่านต่อวันพรุ่งนี้






ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 16 (ต่อ)

ยาหยีร้องไห้วิ่งเข้ามาในสตูดิโอ ตรงมาหากลุ่มยิ่ง ว่าน นัท และโมน ที่จับกลุ่มรอฟังข่าวสุดยอดอยู่

“พี่ยิ่งคะ หยีลานะคะวันนี้”
พูดจบยาหยีก็ยกมือไหว้ยิ่งแล้วจะวิ่งออกไป ทั้งสี่คนมองตามอย่างงงๆ
“น้องหยีๆ น้องหยีไปแล้วใครจะจัดรายการให้พี่ล่ะ” ยิ่งยังห่วงรายการ
สุดยอดวิ่งตามมาทัน ก่อนที่ยาหยีจะออกพ้นสตูดิโอไป
“หยี เดี๋ยวก่อน หยี
สุดยอดคว้าแขน ยาหยีพยายามผลักออก แต่สุดยอดไม่ยอมปล่อย ระหว่างนั้นเพิร์ลลี่วิ่งตามมา เห็นสุดยอดกำลังยื้อยาหยี แล้วหันไปมองโต๊ะสวัสดิการที่มีทั้งขวดกาแฟ ขวดน้ำหวานสีแดงตั้งอยู่ เพิร์ลลี่คว้าขวดน้ำหวานขึ้นมา
ด้านยาหยีสะบัดแขนเต็มแรง แต่ยังไม่หลุดจากการยื้อยุดของสุดยอด
“ไม่ปล่อยใช่มั้ย”
ยาหยีโมโห ชกตูมเข้าที่หน้าสุดยอด จนสุดยอดล้มคว่ำลงไปกองกับพื้น ยิ่ง ว่าน นัท และโมนเห็นแล้วพากันสะดุ้ง อุทานออกมาพร้อมกัน
“อู้ย!!”
“หญิงด่าเค้าว่าหญิงรัก” ว่านว่า
“แต่หญิงจัดหนักไม่รู้ว่ารักรึป่าว” นัทตาม
“น้องหยี พี่ว่าน้องหยีจัดหนักไปรึป่าวครับ” ยิ่งถามเพราะงง
“ไม่หนักหรอกค่ะ คนเลวๆ มันต้องเจออย่างงี้”
ยาหยีวิ่งออกไป สุดยอดจะวิ่งตาม เสียงเพิร์ลลี่ร้องขึ้น
“โอ๊ย!”
สุดยอด ยิ่ง ว่าน นัท และโมนหันไปมอง เห็นเพิร์ลลี่ล้มคว่ำอยู่ที่พื้น เงยหน้าขึ้นมา น้ำหวานสีเลือดเปื้อนเต็มหน้าเต็มมือ
“เพิร์ลลี่” สุดยอดมองอย่างตกใจ
“พี่ยอด พี่ยอดอย่าทิ้งเพิร์ลลี่ไป พี่ยอดช่วยเพิร์ลลี่ด้วย”
สุดยอดเหลียวมองตามยาหยี แล้วหันมามองเพิร์ลลี่อย่างพะวง ที่เห็นเพิร์ลลี่เลือดไหลเต็มหน้า :7j’ในที่สุด สุดยอดก็เดินกลับไปหาเพิร์ลลี่ ยิ่ง ว่าน นัท และโมนมองเหตุการณ์อย่างงุนงง
“มันอะไรกันวะ...พิธีกรสามคน คนนึงลา คนนึงล้ม อีกคนโดนต่อย”
“ยิ่งลงคุกเข่าเอามือกุมหัว ร้องลั่นสตูดิโอ”
“โอ๊ยย...กูอยากตาย”

เวลาเดียวกันนั้นที่บ้านยี่หวา แม่ผัวตัวแสบวัลลภากำลังรื้อค้นลิ้นชักภายในห้องยี่หวา
“ยัยนี่ไม่เก็บเงินเก็บทองไว้ในห้องบ้างเลยรึไงนะ”
แต่แล้ววัลลภาก็ลุกขึ้นยืนแล้วคิดบางอย่างออก
“ไปดูห้องยัยบุญเลื่องดีกว่า เค็มอย่างนั้นน่าจะเก็บของไว้เยอะ
วัลลภายิ้มเจ้าเล่ห์

เวลาเดียวกันนั้น ทางด้านบุญเลื่องกำลังนั่งแกะขิงดองใส่ขวดโหล มีเท่งนั่งอ่านหนังสือนิยายกำลังภายในอยู่ใกล้ๆ
“คุณมาอยู่บ้านสวนตั้งนานแล้วไม่คิดจะกลับไปดูบ้านที่กรุงเทพฯ บ้างเลยเหรอครับ” เท่งถาม
“ฉันก็ว่าจะกลับไปดูเร็วๆ นี้ล่ะค่ะ ยิ่งสองแม่ลูกนั่นมาอยู่ก็ยิ่งห่วง โบราณเค้าว่ามีผีพนันอยู่ในบ้านก็เหมือนเลี้ยงโจรเอาไว้ล่ะค่ะ” สมมติฐานของบุญเลื่องกำลังเป็นจริง
“ทางที่ดีนะครับ คุณรีบกลับไปเก็บข้าวของมีค่าออกไปฝากธนาคารไว้ก่อนที่มันจะหายดีกว่านะครับ”
ฟังที่เท่งพูดสีหน้าบุญเลื่องเป็นกังวลขึ้นมาทันที

ส่วนวัลลภาทำการรื้อค้นลิ้นชักต่างๆ ในห้องบุญเลื่องอย่างเอาเป็นเอาตาย วัลลภานึกขึ้นได้ จึงไปเปิดดูที่ใต้เตียง เห็นกล่องใบหนึ่งซุกเอาไว้ วัลลภายิ้มอย่างดีใจ รีบลากกล่องออกมาเปิด
“เจอแล้ว...อู้หู”
วัลลภาหยิบสร้อยทอง สร้อยไข่มุก แหวน กำไล ของมีค่าออกมาดู แล้วกอดเอาไว้ด้วยความดีใจ
“ขอยืมก่อนนะยัยบุญเลื่อง ถ้าฉันเล่นได้แล้วจะเอามาคืน”
วัลลภาพูดแค่นั้นแล้วรีบหอบข้าวของมีค่าลุกออกไป

ไม่นานหลังจากนั้นวัลลภาก็เดินตัวปลิวมาหยุดยืนที่หน้าโรงจำนำ ฝันถึงเงินก้อนโตก่อนจะเดินลัลล้าเข้าโรงจำนำอย่างอารมณ์ดี
ครู่ต่อมาวัลลภาเดินหน้าหงิก สีหน้าบอกบุญไม่รับ หอบห่อของเดินออกมาจากโรงรับจำนำ ด้วยท่าทางที่โกรธจัด
“นังบุญเลื่องนะบุญเลื่อง นังผู้ดีจอมปลอม เอาของเก๊มาหลอกฉันได้...เจ็บใจๆๆ”

ยี่หวานั่งดูรูปวันแม่ซึ่งมีณนนท์ ยี่หวา ข้าวตู และไข่ตุ๋นอยู่ที่โต๊ะทำงานในร้าน มอร์แดนทรี จู่ๆ ยี่หวาก็น้ำตารื้นขึ้นมา จึงตัดสินใจเอากรอบรูปวันแม่เก็บใส่ลิ้นชัก แล้วหยิบนำกรอบที่มีรูปยี่หวา วสันต์และข้าวตูขึ้นมาตั้งบนโต๊ะแทน
ขณะที่ยี่หวากำลังลุกจากโต๊ะทำงานจะเดินออกไป ยาหยีวิ่งเข้ามาน้ำตานองเต็มใบหน้า ยี่หวาตกใจ
“หยี เป็นอะไร”
ยาหยีไม่ตอบ โผเข้ามาซบยี่หวา ร้องไห้โฮอย่างไม่อาย
“เกิดอะไรขึ้น ร้องไห้ทำไม”
ยาหยีสะอื้นตัวโยนบอกระล่ำระลัก
“สุดยอด...เค้าจะแต่งงานค่ะพี่”
“ว่าไงนะ”
ยี่หวาประหลาดใจ

เท่งกำลังดื่มด่ำจิบน้ำชาอยู่ แต่แล้วจู่ๆ ก็ถึงกับสำลักเมื่อได้ฟังเรื่องราวที่สุดยอดมาบอก
“แต่งงาน!”
“ครับพ่อ เราต้องจัดงานแต่งงานให้เจ้ายอดเร็วๆ นี้ล่ะครับ”
ฟังณนนท์บอกแล้วเท่งก็หันไปมองสุดยอด ที่นั่งคอตกอยู่ข้างๆ ณนนท์ เท่งคิดไปอีกอย่างจึงยิ้มออกมาด้วยความดีใจสุดๆ เพราะคิดว่าเป็นข่าวดีของสุดยอดกับยาหยี!
ขณะนั้นบุญเลื่องก็ยกจานใส่ผลไม้เดินเข้ามาพอดี เท่งรีบบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“คุณๆ ดีใจมั้ยคุณ เราจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว เจ้ายอดมันจะแต่งงาน”
“ฮ้า ทำไมยัยหยีไม่เห็นบอกอะไรฉันเลย” บุญเลื่องประหลาดใจ
“ผมก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้แหละครับ งั้นเราทาบทามสู่ขอกันซะเดี๋ยวนี้เลย” เท่งยิ้มเริงร่า
“คือพ่อครับ...” ณนนท์อ้าปากจะบอก แต่ไม่ทันเท่ง
“ไม่ต้องดูฤกษ์ดูยามหรอก ยิ่งเร็วยิ่งดูเอาฤกษ์สะดวกนี่แหละดีที่สุด”
“แต่ว่าผม....” สุดยอดจึงตัดสินใจจะบอกเอง
“เรื่องสินสอดทองหมั้นน่ะไม่ต้องห่วงเลย ฉันไม่ได้เรียกร้องอะไร ขอแค่รักยัยหยีจริง ไม่ทำให้ลูกฉันเสียใจก็พอ” บุญเลื่อดีใจไม่ต่างจากเท่ง
สุดยอดกำลังจะอ้าปากท้วง พอฟังถึงประโยคนี้ก็หมดแรง พูดไม่ออก จังหวะนั้นยี่หวาก็พายาหยีเดินเข้ามาในบ้านพอดี
“มาพอดีเลยว่าที่เจ้าสาว”
ยาหยีเห็นสุดยอดก็ยิ่งหน้าซีด มองสุดยอดอย่างตัดพ้อต่อว่า
“คือพ่อครับ คุณอาครับ ฟังผมก่อนครับ” ณนนท์ตัดสินใจขัดขึ้นมา เท่งกับบุญเลื่องหันมามองหน้าณนนท์อย่างสงสัย
“มีอะไรเหรอเจ้านนท์” เท่งถาม
“สุดยอดไม่ได้จะแต่งกับยาหยีนะครับ”
“อ้าว แล้วแต่งกับใครล่ะสุดยอด” คราวนี้บุญเลื่องถามเอง
“กับเพิร์ลลี่ครับ”
ฟังจากปากสุดยอดแล้ว เท่งกับบุญเลื่องอุทานพร้อมกัน
“อ้าว!”
“แต่ผมคงไม่แต่งหรอกครับพ่อ ผมไม่ได้รักเพิร์ลลี่ ผมจะแต่งงานกับคนที่ผมรักเท่านั้น”
ว่าพลางสุดยอดหันมามองยาหยีตาละห้อย ยาหยีสุดจะทนไหว จะวิ่งเข้าไปในบ้าน สุดยอดรีบไปคว้าแขนยาหยี
“เดี๋ยวหยี ฟังผมก่อน ผมขอโทษ ผมรักคุณ ชีวิตนี้ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากคุณ ให้อภัยผมเถอะนะ”
ยาหยีทุบสุดยอดอย่างเจ็บแค้น
“นี่เป็นคำขอบคุณสำหรับการทำให้ฉันรู้ว่าเจ็บที่สุดในชีวิตเป็นยังไง แต่ฉัน...ไม่ให้อภัยคุณ”
ยาหยีวิ่งเข้าบ้านไป สุดยอดจะตาม แต่ยี่หวารีบดึงสุดยอดไว้
“น้ำเชี่ยวอย่าเพิ่งเอาเรือไปขวางเลยค่ะ ขอเวลาให้หยีเค้าบ้างเถอะค่ะ”
สุดยอดได้แต่มองตามยาหยีไปอย่างเศร้าๆ เท่งกับบุญเลื่องพากันหนักใจ

ตอนค่ำของวันนั้น ณนนท์และสุดยอดเดินกะปลกกะเปลี้ยเข้ามาในบ้าน จังหวะหนึ่งณนนท์ตบไหล่สุดยอดอย่างปลอบใจ
“เอาน่า คนรักกันแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันก็มีถม”
ณนนท์สะท้อนใจเมื่อนึกถึงตัวเองแล้วพลอยสะเทือนใจวูบหนึ่งขึ้นมา
“หยีเค้าคงไม่รักผมแล้วล่ะพี่นนท์ จากนี้ไปเค้าคงเกลียดผมยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ เค้าคงไม่อยากเห็นหน้าผมอีกเลยด้วยซ้ำ”
“ทำใจเถอะยอด เกิดเป็นลูกผู้ชาย ความรับผิดชอบมันต้องอยู่เหนือเรื่องหัวใจ”
สุดยอดถอนใจยาวด้วยความทุกข์ใจ ระหว่างนั้นเสียงกรีดร้องของเอนิตาดังแหวกขึ้นมาจากบนบ้าน ณนนท์ กับสุดยอด มองขึ้นไปตามเสียง
“เฮ้อ เรื่องอะไรอีกล่ะน่ะ”

ที่แท้เอนิตาที่นั่งอยู่บนเตียงณนนท์ ไปเจอรูปถ่ายวันแม่ที่ซุกอยู่ใต้หมอน เอนิตามองรูปด้วยความเคียดแค้น
“รูปไข่ตุ๋นกับพ่อ กับน้ายี่หวาข้าวตูตอนงานวันแม่ไงคะ วันที่แม่ไม่มา น้ายี่หวาก็เลยมาเป็นแม่ให้ไข่ตุ๋นวันหนึ่ง” ไข่ตุ๋นอธิบายให้แม่ฟัง
ณนนท์เดินเข้ามาที่หน้าประตูห้อง เอนิตาเหลือบไปมองแล้วหันไปพูดกับไข่ตุ๋น
“ต่อไปนี้ไข่ตุ๋นจะมีแม่ทุกวัน ไม่ต้องยืมคนอื่นมาเป็นแม่แล้วนะ”
ว่าแล้วเอนิตาก็ฉีกรูปใบนั้นทิ้ง ณนนท์มองอย่างเจ็บปวด ส่วนเอนิตาสะใจ
“ไปไข่ตุ๋น เข้านอนกันดีกว่า คืนนี้เอานิทานเรื่องอะไรดีเอ่ย”
เอนิตาจูงไข่ตุ๋น เดินผ่านณนนท์ไป
“ไข่ตุ๋นไปนอน นะคะพ่อ”
ณนนท์ก้มลงหอมแก้มไข่ตุ๋น ไข่ตุ๋นก็หอมแก้มพ่อแล้วเดินตามเอนิตาออกไป ณนนท์เดินเขาไปก้มลงเก็บรูปยี่หวาที่กลายเป็นเศษชิ้นส่วนขึ้นมาดูด้วยความคิดถึง

“ต่อไปถ้าไม่ใช่เรื่องงาน...คุณอย่านัดฉันออกมาเจออีกเลยนะคะ”
ยี่หวาบอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงจริงจัง เพราะค่ำคืนนี้ ณนนท์นัดเธออกมาคุยกันที่ริมน้ำแห่งนั้น ที่ทั้งคู่มักมาคุยกันเสมอนั่นเอง
“ทำไมล่ะครับ รึว่าคุณไม่อยากเจอผมแล้ว”
ยี่หวาไม่ตอบ เมินมองไปทางอื่น
“ผมเข้าใจแล้ว ตอนนี้คุณคงปรับความเข้าใจกับคุณวสันต์ได้แล้ว ผม...ก็เป็นได้แค่ส่วนเกินในชีวิตคุณ”
ยี่หวายิ่งเศร้าใจ
“ไม่ใช่เลย คุณไม่รู้เหรอว่ามันเจ็บปวดทรมานแค่ไหน กับความรักที่มันไม่มีทางเป็นไปได้ของเรา”
“รู้สิ ผมก็กำลังทุกข์ทรมานเพราะมันอยู่นี่ไง”
ณนนท์สวมกอดยี่หวา
“ผมรักคุณนะยี่หวา”
ยี่หวาออกแรงดันตัวณนนท์ออก ทว่าณนนท์จับมือยี่หวาไว้ราวกับเป็นที่ยึดเหนี่ยว
“ผมอยากอยู่กับคุณ ผมอยากดูแลคุณ ผมอยากอยู่กับคุณไปชั่วชีวิต คุณไม่รักผมแล้วเหรอยี่หวา”
“รักสิคะ แต่รักของเรามีค่าเพราะเราอดทน เราต่างคนก็ต่างต้องทำหน้าที่ของเรา เพราะฉะนั้น...เราอย่าเจอกันอีกเลยนะคะ”
ณนนท์กับยี่หวามองสบตากันอย่างเจ็บปวดรวดร้าว ทั้งคู่โศกเศร้าด้วยความรักที่ไม่มีทางสมหวัง ในที่สุดณนนท์ก็ยอมปล่อยมือ ยี่หวาเดินจากไปพร้อมกับน้ำตาอาบแก้ม ส่วนณนนท์มองตามยี่หวาไปอย่างสิ้นหวัง

ครอบครัวยี่หวากำลังจะเตรียมตัวไปพักผ่อนที่ทะเล ยี่หวา บุญเลื่องและยาหยีจูงข้าวตูออกมา สีหน้ายังดูเศร้าๆ จังหวะนั้นจู่ๆ วัลลภาก็เดินตามออกมา แล้วโยนห่อของใส่บุญเลื่องด้วยความโกรธ
“เอาของเธอคืนไป นังผู้ดีจอมปลอม”
บุญเลื่องพอจะรู้อะไรเป็นอะไร หัวเราะลั่น
อะไรกันจ๊ะแม่เศรษฐีนี เจอของเก๊เข้าหน่อย ถึงกับโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเลยเหรอ”
วัลลภาทำปากขมุบขมิบแช่งบุญเลื่อง แล้วเดินตุปัดตุป่องออกไป ยี่หวามองตามงงๆ
“อะไรเหรอคะแม่”
“จะอะไรซะอีกล่ะ แอบขโมยของแม่ไปขายน่ะซี่ แต่แม่รู้ทันเลยเอาของปลอมซ่อนไว้ดักขโมย สมน้ำหน้า”
บุญเลื่องหัวเราะชอบใจ ยี่หวาระอาวัลลภา วสันต์เดินมาหายี่หวา
“ขำอะไรกันครับ ให้ผมหัวเราะด้วยคนสิ”
บุญเลื่องกับยี่หวาตีหน้าขรึม บุญเลื่องเมินหน้ามองทางอื่น
“นี่คุณ ฉันจะพาแม่กับน้องไประยอง คุณช่วยอยู่บ้านแล้วอย่าก่อเรื่องอะไรอีก แค่นี้ฉันก็จะตายอยู่แล้ว”
“ได้เลยสบายมาก พักผ่อนให้สบายเลยนะครับที่รัก ว่าแต่...”
วสันต์ถูมือ ทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ยมองไปที่กระเป๋าของยี่หวา ยี่หวาหยิบกระเป๋าเงินออกมา วสันต์ชำเลืองมองเห็นเงินเป็นปึกก็ทำตาวาว ยี่หวามองอย่างรู้ทัน วสันต์รีบเสมองทางอื่น ยี่หวาหยิบเงินให้วสันต์ห้าพัน วสันต์รีบตะครุบเงินอย่างไว
“ฉันไปละ”
ยี่หวาเดินไปขึ้นรถ เสียงวสันต์ตะโกนไล่หลัง
“เที่ยวให้สนุกนะจ้ะ ไม่ต้องห่วงบ้าน ผมจะดูแลให้อย่างดี”
ข้าวตูหันมาบ๋ายบายให้พ่อ วสันต์บ๋ายบายตอบ
แต่พอรถของยี่หวาลับสายตา วสันต์มองเงินแล้วหยิบมือถือขึ้นมาโทร
“ฮัลโหล สาวๆ อยู่ที่ไหนกันครับ”

ยี่หวาแวะจอดรถเติมน้ำมันที่ปั๊ม ยาหยีนั่งอยู่ที่นั่งข้างหลังกับข้าวตู ส่วนบุญเลื่องนั่งข้างยี่หวา ระหว่างนั้นยาหยีเอาแต่นั่งเหม่อทอดสายตาออกไปข้างนอกแล้วก็น้ำตาไหล ข้าวตูมองยาหยีอย่างสงสัย
“น้าหยี ร้องไห้ทำไมครับ”
ยาหยีรู้สึกตัว รีบเช็ดน้ำตา
“เปล่าจ้ะ น้าแสบตา แดดมันแรงน่ะ” ยาหยีปดหลานชาย
บุญเลื่องสบตากับยี่หวา ทั้งสองคนรู้สึกเป็นห่วงยาหยี ขณะที่เด็กปั้มมายื่นใบเสร็จค่าน้ำมันรถให้ ยี่หวาหยิบเงินจ่ายค่าน้ำมันรถ แล้วควานหาของในกระเป๋า
“ลืมอะไรเหรอยี่หวา” บุญเลื่องถาม
“โทรศัพท์มือถือค่ะแม่ สงสัยลืมไว้ที่บ้าน”
“ตายจริง ต้องย้อนกลับไปเอามั้ย”
“คงต้องกลับไปล่ะค่ะ ไปกันหลายวัน ลูกค้าติดต่อไม่ได้นี่ยุ่งเลยค่ะ”
ยี่หวาสตาร์ทรถแล้วขับออกไป

จอดไว้ที่หน้ารั้วยี่หวาก็รีบเดินเข้าไปในบ้าน รู้สึกแปลกใจที่เห็นเด็กสาววัยนักศึกษาคนหนึ่งวิ่งตามตัวเองเข้ามา
“เจ๊ๆ เพิ่งมาเหรอ”
ยี่หวาหันไปมองงงๆ
“หนูเพิ่งสอบเสร็จเนี่ย เอ๊ะ ปกติพี่วสันต์เค้าจะเรียกแต่เด็กนักศึกษานะ อ๋อๆ” นักศึกษาชะตาขาดนางนั้นยิ้มเหมือนนึกอะไรออก “เจ๊คงเป็นเด็กป.โทสิท่า สงสัยพี่เค้าคงอยากเปลี่ยนบรรยากาศ”
สาวนางนั้นมองยี่หวาหัวจรดเท้า
“พูดก็พูด ป.โทอย่างเจ๊ หุ่นเซี้ยะกว่าป.ตรีอย่างหนูตั้งเยอะ”
ยี่หวากัดฟันกรอดด้วยความโกรธ หันไปเคาะประตูอย่างแรง วสันต์เดินโอบนักศึกษาสาวซ้ายคน ขวาคนมาเปิดประตู พอเห็นยี่หวายืนหน้าบึ้งก็ตกใจหน้าซีด
“ยี่..ยี่..ยี่หวา คุณกลับมาตอนไหน”
“กลับมาทันเห็นความอัปรีย์ที่คุณทำในบ้านฉันน่ะสิ...ไป...กลับไปให้หมด ออกไป”
ยี่หวาตะโกนด้วยความโกรธจัด

ยี่หวาจับนักศึกษาเหวี่ยงออกไป สาวๆ กรี๊ดแล้วพากันวิ่งออกไปจากบ้าน วสันต์กลัวยี่หวาแต่พยายามทำเสียงดังเข้าข่ม
“ยี่หวา คุณทำงี้ได้ไง ไว้หน้าผมบ้างซี่
“ไว้หน้า? หน้าคุณมีแค่ไหน ถ้าหน้าใหญ่นักก็ไสหัวออกไปเลย”
“ให้ผมออกไปก็ได้ แต่ในเมื่อคุณไม่ให้ผมมีความสุขในบ้าน ผมก็ต้องไปหาข้างนอก เอาเงินมา!”
วสันต์เข้ามากระชากกระเป๋าสะพาย แต่ยี่หวาดึงไว้ไม่ยอมให้
“ฉันไม่ให้”
“ไม่ให้เหรอ”
วสันต์ตบยี่หวาเต็มแรง
“จะให้รึไม่ให้”
วสันต์เงื้อมือจะตบยี่หวาอีก ทันใดนั้นข้าวตูก็วิ่งปราดเข้ามาขวางแม่เอาไว้ ข้าวตูโกรธจัดตะโกนใส่วสันต์เสียงดัง
“หยุด...หยุดนะครับพ่อ หยุดตีแม่เดี๋ยวนี้”
บุญเลื่องกับยาหยีวิ่งตามมาประคองยี่หวา
“ข้าวตู” วสันต์ร้องขึ้น
“ห้ามตีแม่นะครับ ข้าวตูไม่ยอมจริงๆ ด้วย”

ข้าวตูพูดพร้อมกับจ้องวสันต์ด้วยสายตาเอาเรื่อง จนวสันต์ต้องกลืนน้ำลายเอื้อก

อ่านต่อพรุ่งนี้ เสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554





กำลังโหลดความคิดเห็น