เสาร์๕ ตอนทับทิมสยาม ตอนที่ 16
ม่านฟ้ากับบัวชุมแกล้งส่งเสียงร้อง เพื่อให้ดร.วิทยา และ ฮวงตายใจ
“เอ็งจะดื้อกับนายเขาอีกมั้ยนังบ้า”
“โอ๊ย...อย่าตีฉัน...ฉันเจ็บ”
“ฉันจะตีให้ตาย นี่แน่ะ ๆ
บัวชุมย่องไปแอบดูที่หน้าบ้าน เมื่อเห็นดร.วิทยา และฮวงเดินออกไปแล้วเธอจึงหันมาหาม่านฟ้า
“ไปแล้วค่ะคุณหนู”
“รีบพาฉันหนีเถอะพี่บัวชุม ฉันจะไม่ไหวแล้วนะ”
“ยังหนีไม่ได้ค่ะ มียามเต็มไปหมดเลย คุณหนูเป็นยังไงบ้างคะ ดูซิ มันบีบคอคุณหนูจนเขียวไปหมด”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่บัวชุม...อย่าห่วงฉันเลย”
“อดทนหน่อยนะคะ บัวชุมต้องพาคุณหนูหนีแน่นอน เพียงแต่ต้องรอจังหวะเหมาะๆ”
บัวชุมหันไปหยิบยาและน้ำมาให้ม่านฟ้า
“ทานยาก่อนนะคะคุณหนู ทำตัวให้แข็งแรง เวลาหนีจะได้ไม่มีอุปสรรค”
“ขอบใจจ้ะ”
ม่านฟ้ารับยามากิน บัวชุมเฝ้ามองอย่างห่วงใย
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่...
เคน และต่ำเดินลัดเลาะไปตามทางในหมู่บ้าน เมื่อนั้มและลูกน้องเสือสนธิ์ผ่านมา ทั้งคู่ทำทีเป็นแวะเก็บสมุนไพรกัน
“เฮ้ย...มาทำอะไรกันวะ” นั้มถามเสียงเข้ม
“มาดูคอนเสิร์ตมั้ง” ต่ำพูดกวนๆ
“ปากดีนักมึงไอ้ต่ำ”
“ก็เห็นอยู่ว่าเก็บสมุนไพร ยังจะมาถามอีก”
“มาเก็บทำไมแถวนี้”
“อ้าว...ก็สมุนไพรมันขึ้นตรงนี้จะให้ไปเก็บในป่าได้ไง”
เคนเด็ดใบไม้ขึ้นมาโชว์
“นี่ไง...ใบกระด้อกระเดี้ย แก้อ่อนเพลีย อันนี้ใบปู้ดป้าดเป็นยาระบาย อันนี้...”
เคนจะเด็ดอีก นั้มยกมือห้าม
“พอๆ ข้าไม่อยากฟังแล้วเอ็งน่ะ มากับไอ้ต่ำได้ไง”
“ก็เดินมาจ้ะ” เคนพูดยิ้มๆ
นั้มถอนใจเซ็งๆ
“นี่เอ็งโง่หรือเซ่อกันวะ ข้าหมายถึงทำไมเอ็งต้องมาช่วยไอ้ต่ำมันเก็บสมุนไพร”
“ปัดโธ่ นึกว่าถามอะไร ไอ้นี่มันเห็นฉันเก่งกว่าน่ะ ก็เลยมาฝากตัวขอเป็นลูกน้อง...ใช่มั๊ยบักเคน” ต่ำโอ่
เคนยิ้มรับมุข
“จ้ะพี่ต่ำ”
ต่ำได้ทีเลยแกล้งเต๊ะจุ๊ย
“เฮ้ย....คันหลัง เกาซิ”
เคนรีบเกาหลังให้ต่ำ
“ดีๆ”
นั้มชี้หน้า
“อย่าให้รู้นะว่าพวกเอ็งเป็นสายให้คนอื่น”
“หน้าแบบนี้นะ จะลดตัวลงไปเป็นสายลับ หล่อสาวหลงแบบต่ำน่ะ ต้องเป็นสายสวาทถึงจะถูก...ถูกมั๊ยบักเคน”
“ถูกต้องครับพี่...ดีครับพี่ต่ำ”
นั้มและลูกน้อง หมั่นไส้ พากันเดินออกไป ต่ำหันไปสั่งเคน
“เกาแรงๆ”
เคนหยุกเกา
“เพลินเชียวนะพี่ต่ำ มันไปแล้ว รีบพาฉันไปหาม่านฟ้าเร็ว”
“แหม...เกาอีกนิดนึงก็ไม่ได้ ตามมา”
ต่ำรีบพาเคนเดินไป
+ + + + + + + + + + + +
ต่ำพาเคนมาซุ่มดูอยู่ที่มุมหนึ่ง เมื่อเห็นปลอดคน จึงมุดรั้วแล้วรีบวิ่งเข้าไปข้างในบ้าน ขณะเดียวกัน บัวชุม เดินออกมาจากบ้านเพื่อเอาผ้าที่ซักมาตาก เคนอ้อมเข้ามาข้างหลัง บัวชุมหันไปเห็นก็ตกใจ แต่เคนรีบอุดปากไว้
“อย่าร้อง...ฉันเอง”
“แกมาทำไม”
“ก็มาช่วยไง”
“อย่ามายุ่งได้มั๊ย ออกไป”
“ไม่ได้...ฉันต้องพบม่านฟ้าก่อน”
“ไม่...ฉันไม่ยอมให้แกอยู่ใกล้คุณหนูเด็ดขาด”
ต่ำส่ายหน้าเซ็งๆ
“แหม...ที่รัก ทำงานด้วยกันแท้ๆ อย่ามัวแต่กัดกันซิจ้ะ ประเดี๋ยวงานก็ชวดหรอก”
“ใช่...ต่างคนต่างก็ทำงาน อย่าให้อารมณ์โกรธของเธอมาทำให้งานเสียซิ”
บัวชุมอ่อนลง
“ก็ได้...ตามมา”
บัวชุมเดินนำ เคน และต่ำเข้าไปในบ้าน ม่านฟ้าซึ่งนอนหลับอยู่ลืมตาขึ้นมามองแปลกใจ
“นาย...”
“ไม่ต้องกลัวค่ะคุณหนู ถ้ามันรังแกคุณหนูอีก บัวชุมยอมตาย”
“ท่าทางเธออ่อนเพลีย คงจะเสียเลือดมาก” เคนหยิบยาสมุนไพรในตระกร้าส่งให้ “เอ้านี่ยาสมุนไพร บำรุงเลือด...ต้มกินกับน้ำ ทุกวันเหมือนน้ำชา”
ม่านฟ้าไม่ยอมรับ
“ฉันมียากินแล้ว ขอบใจ”
เคนหยิบยาฝรั่งซึ่งวางไว้ข้างๆ ขึ้นมาดู
“นี่เป็นยาแก้ไข้ แก้อักเสบธรรมดา ไม่มีตัวยาบำรุงเลือด รับไปซิ”
“เดี๋ยวค่ะ คุณหนู” บัวชุมหันไปมองหน้าเคน “แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าแกไม่วางยาเจ้านายฉัน”
“เราเป็นพวกเดียวกันนะพี่บัวชุม หากไม่เชื่อใจกัน แล้วเราจะพาม่านฟ้าหนีออกจากที่นี่ได้ยังไงกัน”
“ก็ได้...แต่ถ้าคุณหนูฉันเป็นอะไรไป แกตาย”
“คำก็ขู่ สองคำก็ขู่ เกลียดกันมาตั้งแต่ชาติปางไหนเนี่ยะ” ต่ำคว้ายาสมุนไพรจากเคนมาหาม่านฟ้า “นี่ครับ...คุณม่านฟ้า ยานี้รับรองว่าเป็นยาบำรุงจริงๆ รับไปเถอะครับ ด้วยความปรารถนาดีนะครับ”
ม่านฟ้ารับมา
“ขอบคุณค่ะ เอ้อ...”
ต่ำยิ้มหวานเยิ้ม
“เรียกผมสั้นๆว่าต่ำศักดิ์ หรือจะเรียกพี่ต่ำก็ไม่ว่ากันนะครับ”
ม่านฟ้ายิ้มรับ
“ค่ะ...พี่ต่ำ”
“ดูแลตัวเอง ห่มผ้าก่อนนอนนะครับ”
ต่ำขยับผ้าจะห่มให้ เคนรีบขัด
“พี่ต่ำครับ ผมว่าเราไปกันเถอะครับ”
ต่ำหันมาค้อนเคน ที่ขัดจังหวะโรแมนติก ต่ำหันไปยิ้มหวานมองม่านฟ้าอย่างห่วงใย
“คุณม่านฟ้า พักผ่อน หายเร็วๆนะครับ ผมเป็นห่วง”
เคนและต่ำกำลังจะเดินออกไป แต่บัวชุมทักไว้
“เดี๋ยว หาสมุนไพรให้ฉันหน่อยได้มั๊ย”
“สมุนไพรอะไร”
“ยาสั่ง”
บัวชุมวางท่าเย่อหยิ่ง มองหน้าเคนเหมือนไม่ค่อยเต็มใจพูดด้วยนัก
+ + + + + + + + + + + + +
กลุ่มเสาร์ห้า มาตั้งแค้มป์ในป่า เพื่อคอยประสานงานในการช่วยเหลือม่านฟ้า เคนและต่ำพากันเดินลัดเลาะเข้ามาพบกับกลุ่มเสาร์ห้า โดยมีสัปเหร่อแต้มอยู่ด้วย
“ว่าไงเคน มีความคืบหน้าอะไรมั่ง” สัปเหร่อแต้มถาม
“ตอนนี้ร่างกายของม่านฟ้ายังอ่อนเพลีย ถ้าพาหนีจะเสี่ยงเกินไป”
สัปเหร่อแต้มพยักหน้ารับ
“งั้นก็ต้องให้เวลาอีกหน่อย”
“ต่ำให้ยาสมุนไพรไปแล้วจ้ะลุงแต้ม เดี๋ยวก็หาย” ต่ำบอก
ดอนครุ่นคิด
“ถ้าม่านฟ้าหายเมื่อไหร่ แผนของมันก็คือบังคับให้ม่านฟ้า บอกที่ซ่อนของทับทิมสยามสีแดง”
“ใครทำม่านฟ้า ต่ำยอมตาย” ต่ำน้ำเสียงจริงจัง
ทุกคนหันมาอมยิ้ม เดี่ยว หันไปแหย่ต่ำ
“งานนี้เอาจริงนะพี่ต่ำ”
“ต่ำไม่เคยพูดเล่น ขอตัวนะ ต่ำจะไปฝึกอาวุธเพิ่มอีกหน่อยเอาไว้ป้องกันม่านฟ้า”
ต่ำแยกตัวออกไป แล้วเริ่มฝึกกังฟูท่าทางเอาจริง ทุกคนพากันอมยิ้มขำๆ สัปเหร่อแต้มถอนใจ
“อนุภาพความรักนี่มันแรงจริงๆ”
เทอดหันมาถามเคน
“ในหมู่บ้าน มีความเคลื่อนไหวอะไรผิดปกติหรือเปล่า”
“เท่าที่เห็นยังไม่มี”
“บางทีผมว่าพวกเราน่าจะลองเข้าไปเดินเล่นในหมู่บ้านกันดูบ้างนะ” ยอดแนะ
“เปลี่ยนเดินเล่นเป็นวิ่งเล่นได้มั๊ย ผมจะได้อาสา” กริ่งบอกขำๆ
“เหนื่อยเปล่าๆ งานนี้คุณกริ่งคงเอาไม่อยู่”เทอดอำ
“โอ้โห...ดูถูกกันเห็นๆ”
“แต่งานนี้ผมเหมาะสมที่สุดที่จะเข้าไปสอดแนมในหมู่บ้านนะคุณกริ่ง โทษที” เทอดเกทับ
“ลืมนึกไป ว่าเรามีมนุษย์ล่องหนอยู่ในทีม โอเค...จัดไป” กริ่งยอม
ทันใดนั้น ดอนก็ลุกขึ้น
“ผมเห็นบางอย่าง...เรากำลังถูกแอบมอง”
ทุกคนกระชับปืนเตรียมพร้อม เดี่ยวใช้หูทิพย์ฟังทิศทาง ของผู้บุกรุก
“เสียงมาจากทางนี้เคน คุณอยู่ดูแลแค้มป์นะ”
“ครับ”
เดี่ยววิ่งถือปืนนำทุกคนไป สัปเหร่อแต้มกำลังจะตาม แต่ต่ำทักเอาไว้
“จะไปไหนลุงแต้ม”
“ก็ตามไปช่วยพวกเสาร์ห้าเขาไง”
“ลุงน่ะแก่แล้ว อยู่เฝ้าแค้มป์ จะไปทำไม”
“แล้วเอ็งล่ะ ไม่ไปช่วยเขาหรือไง”
“เรื่องเล็กๆ แบบนี้ ยังไม่ต้องถึงมือต่ำหรอก ปล่อยเด็กๆเขาทำ คุ้มกันให้ด้วยจะฝึกกังฟู”
ต่ำหันไปฝึกกังฟูต่อ ลุงแต้มมองอย่างหมั่นไส้ เคนอมยิ้ม
+ + + + + + + + + + +
อาเตียว และลูกน้อง 5 คนรีบกระโดดลงจากต้นไม้ แล้วพากันวิ่งหนีกระจายกันไป เดี่ยววิ่งนำคนอื่นๆ เข้ามาแล้วยิงไล่หลัง อาเตียวและคนอื่นๆ พากันยิงโต้กลับมา เดี่ยวและเพื่อนพากันหลบเข้าที่กำบัง
“พวกมันเป็นใครคุณดอน คุณเดี่ยว” ยอดถามอย่างสงสัย
ดอนใช้ตาทิพย์ทอง
“พวกนายพลจางลี่ มากัน 6 คน”
“เราแยกกันจัดการนะ พยายามจับเป็น” เดี่ยวสั่งการ
“งั้นผมขอไปก่อนนะครับ ใครไม่ไหวกลับบ้านไปก่อน ไม่ต้องเกรงใจ”
กริ่งยักคิ้วเย้ยเพื่อนๆแล้ววิ่งหายออกไป เทอดส่ายหน้า
“ให้มันได้ยังงี้ซิ...ไปพวกเรา จัดเต็ม”
เทอด ดอน เดี่ยว ยอด พากันกระจายตัวกันไป
+ + + + + + + + + + + +
อาเตียวและลูกน้องคนหนึ่งกำลังวิ่งหนี ทันใด กริ่งวิ่งมาดักข้างหน้า ทำให้อาเตียวและลูกน้องชะงัก
“เฮ้ย...มาได้ไงวะ”
กริ่งส่ายหน้า
“อย่างงๆ อายเขา”
อาเตียวสั่งลูกน้อง
“ยิงมันซิวะ”
อาเตียวกระชากปืนออกมากระหน่ำยิงใส่กริ่ง ขณะที่ลูกน้อง อึ้งทำอะไรไม่ถูก กริ่งวิ่งหลบลูกปืนไปมา แล้วสักครู่ก็วิ่งเข้าไปเตะปืนอาเตียวหล่นไป ลูกน้องได้สติ กระโดดล็อคตัวกริ่งเอาไว้ กริ่งดีดลูกหลังลูกน้องเซล้มไป
“เก่งจริงอย่าหนีซิวะ” อาเตียวคำราม
กริ่งยิ้มกวนๆ
“ไม่ได้หนี แค่วิ่งเอาเชิง”
“เก่งจริงอย่าวิ่งเอาเชิงซิวะ”
“พอดีไม่เก่ง ขอวิ่งนะพี่นะ”
อาเตียว และลูกน้อง รีบหยิบปืนขึ้นมายิงใส่ แต่กริ่งวิ่งไปมา เตะโน่น ต่อยนี่ กระชากปืนของอาเตียวและลูกน้องเอาไปเก็บไว้ อาเตียวเห็นท่าไม่ดี รีบถอยหลังกรูด ปล่อยลูกน้องเผชิญชะตากรรม พอได้จังหวะก็หนีเข้าป่าไป
ขณะเดียวกัน ลูกน้องอาเตียว 2 คนวิ่งหนีมาที่มุมหนึ่ง ทั้งคู่รู้สึกว่ามีบางอย่างที่มองไม่เห็นกำลังเคลื่อนไหวไปมาอยู่รอบตัว แต่แล้วจู่ๆ เทอดก็ปรากฏตัวขึ้นมาแล้วจับลูกน้องคนหนึ่งล็อคไว้ ลูกน้อง อีกคนเข้ามาช่วยแต่โดนเทอด ดีดเซไปที่ต้นไม้ ยอดโผล่ออกจากต้นไม้แล้วจับลูกน้องคนนั้นไว้
“จ๊ะเอ๋”
ลูกน้องตกใจ
“พวกแกมันผีหรือคนวะ”
“หน้าตาดีขนาดนี้ ผีไม่รับเป็นพวกหรอกครับ”
เทอดต่อสู้กับลูกน้อง แล้วเหวี่ยงมากระแทกลูกน้องที่ยอดจับล็อคไว้จนหลุดจากล็อคของยอด ทั้งสี่เข้าต่อสู้กัน
+ + + + + + + + + + + +
ดอนและเดี่ยวซุ่มอยู่ที่มุมหนึ่งขณะที่ ลูกน้องสองคน โผล่ออกมาจากอีกมุมแล้วยิงตอบโต้กันไปมา เดี่ยวแยกตัวเพื่ออ้อมไป ดอนยิงหลอกอีกด้านเพื่อไม่ให้ทั้งสองคนสงสัย เดี่ยวคืบคลานเข้าไป มองเห็นคนหนึ่งกำลังบรรจุกระสุน แต่แล้วที่ด้านหลังเดี่ยว ลูกน้องอีกคนกำลังหาจังหวะเหมาะๆเพื่อยิงเดี่ยว ดอนมองเห็นด้วยตาทิพย์ จึงพูดออกไป เพื่อให้เดี่ยวได้ยินแม้จะอยู่ที่ไกลกัน
“ระวังคุณเดี่ยว ด้านหลัง”
เดี่ยวได้ยินดอนพูดจึงรีบหันหลังกลับไป แล้วยิงสวนจนมันล้มคว่ำไป ลูกน้องอีกคนได้ยินเสียงปืน จึงรีบหาที่กำบัง ดอนมองเห็นว่าซ่อนอยู่ที่ไหนจึงบุกเข้าไป
“ทิ้งปืน”
ลูกน้องเตะปืนดอน แล้วต่อสู้กัน แต่แล้วก็สู้ไม่ได้ จึงโดนดอนรวบตัวตัวไว้ขณะที่เดี่ยวเข้ามาสมทบ
“พาตัวมันไปที่แค็มป์ดีกว่าคุณดอน”
เดี่ยว และดอน คุมตัวลูกน้องคนนั้นออกไป ขณะเดียวกันที่แคมป์ ยอด กริ่ง เทอด จับลูกน้องสามคนมัดรวมกันไว้ ดอนและเดี่ยว เดินพาลูกน้องอีกคนเข้ามา
“ของผมได้มาคนเดียว ส่วนคนที่ชื่ออาเตียวหนีไปได้” กริ่งบอก
ยอดแปลกใจ
“เอ๊ะแล้วของคุณดอน กับคุณเดี่ยวหายไปไหนคนนึงนะครับ”
เดี่ยวยิ้มแหยๆ
“ผมยิงคว่ำไปคน มือไวไปหน่อย”
“ถ้ามือไม่ไว คุณเดี่ยวก็โดนมันส่องไปแล้วครับ”
“มัดมันไว้ตรงนี้แหละครับ...เดี๋ยวผมเรียกหน่วยเหนือให้ส่งตำรวจมารับ” เทอดบอก
กริ่งมองลูกน้องอาเตียวที่ถูกจับมัดอยู่
“พวกนี้ต้องขังซะให้เข็ด”
เทอด หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา แล้วพยายามติดต่อกับหน่วยเหนือให้มารับตัว ยอดเดินเข้าไปสอบสวน
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันต่อมา ขณะที่บัวชุมกำลังถูบ้าน ดร.วิทยาเดินออกมาจากห้อง บัวชุมรีบถามเอาใจ
“ด็อกเตอร์จะรับกาแฟมั๊ยคะ เดี๋ยวชงให้ค่ะ”
“แกทำเป็นเหรอ”
“เป็นค่ะ...รอเดี๋ยวนะคะ”
ดร.วิทยาเดินไปนั่งที่มุมหนึ่ง หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน บัวชุมเดินไปชงกาแฟ แอบหยิบผงสมุนไพรบรรจุห่อกระดาษเล็กๆออกมาแล้วเทลงไปในถ้วย จากนั้นก็ยกเอาไปให้ดร.วิทยา ฮวงเดินเข้ามาหา ดร.วิทยา มองท่าทางบัวชุมอย่างรู้สึกผิดปกติ
“กาแฟค่ะ”
ดร.วิทยายกกาแฟขึ้นมาแล้วจะดื่ม บัวชุมแอบมองลุ้น ฮวงสังเกตเห็น
“เดี๋ยวครับด็อกเตอร์”
“มีอะไรฮวง”
ฮวงหันไปมองบัวชุม
“แกเอากาแฟที่ไหนชง”
“ก็กาแฟที่อยู่ในครัวน่ะจ้ะ”
“แน่ใจนะว่าแก...”
ดร.วิทยาไม่อยากเสียเวลาฟังฮวงสอบสวน จึงยกกาแฟขึ้นดื่ม โดยฮวงทักท้วงไม่ทัน ดร.วิทยาดื่มเสร็จหันมามองหน้าบัวชุม
“บัว”
บัวชุมหน้าเสียคาดว่าเธอโดนจับได้แน่
“คือ...คือว่าหนู...”
ดร.วิทยายิ้ม
“แกชงกาแฟอร่อยดีนี่”
“ค่ะๆ”
ฮวงมองอย่างคาดคั้น
“แล้วเมื่อกี้แกจะพูดว่าอะไร”
บัวชุมอึกอัก
“พูดว่า...หนู...ใส่น้ำตาลมากไป”
“ไม่มาก...กำลังดี...ทีหลังชงแบบนี้เลยนะ”
บัวชุมยิ้มบางๆ
“จ้ะๆ หนูจะจำไว้จ้ะ”
ฮวงหันมามองดร.วิทยาอย่างไม่ค่อยไว้ใจ
“กาแฟไม่มีอะไรผิดปกตินะครับด็อกเตอร์”
“ไม่มีนี่...ใช้ได้เลย” ดร.วิทยาหันไปบอกบัวชุม “เออนังบัว เรื่องยาผีเจาะปากแกจะว่าไง”
“หนูได้มาแล้วจ้ะ ตอนนี้กำลังหลอกให้มันกินอยู่ ประเดี๋ยวก็ติด”
“ดีมาก...แกไปได้แล้ว”
บัวชุมเลี่ยงออกไป ฮวงมองตาม
“ผมไม่ค่อยไว้ใจนังบัวชุมนี่เลยครับ ท่าทางมันยังไงไม่รู้”
“อย่าคิดมาก พวกบ้านนอกคอกนาก็ยังงี้ ถ้าไงแกก็จับตาดูมัน หากมีอะไรผิดปกติก็มาบอกฉัน”
“ครับ”
ดร.วิทยาหยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้ง
+ + + + + + + + + + +
ม่านฟ้าหน้าตาสดใส ร่างกายแข็งแรงมากขึ้นกว่าเดิมนั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง บัวชุมรีบเข้ามาหา
“มีอะไรพี่บัวชุม”
“คุณหนูดีขึ้นแล้วนะคะ วันนี้หน้าไม่ซีดเหมือนวันก่อนแล้ว”
“จ้ะ...เวลาลุกเดินก็ไม่เวียนหัวเหมือนก่อนแล้ว”
“ถ้างั้นรออีกสองสามวัน ค่อยหาทางหนีกันนะคะ”
“พี่บัวชุมสำรวจเส้นทางในหมู่บ้านหรือยัง”
“เจ้าคนชื่อเคนกับพี่ต่ำ บอกว่าจะไปสำรวจแล้วมาบอกค่ะ เอ้อ...คุณหนูคะ ถ้าพวกมันมา บัวชุมจะแกล้งทำเป็นกรอกยาผีเจาะปากให้คุณหนูดื่ม” บัวชุมยกขวดน้ำสมุนไพรให้ม่านฟ้าดู “แต่จริงๆ มันเป็นน้ำชาค่ะ ดื่มได้ไม่มีพิษ”
“จ้ะ...ว่าแต่เรื่องยาสั่งที่ขอกับนายเคนน่ะ...เป็นไง”
“บัวชุมเพิ่งแอบเทใส่กาแฟให้ไอ้ด็อกเตอร์วิทยากิน เมื่อกี้นี้เอง”
“ไม่มีใครสงสัยอะไรนะ”
“มันเป็นยาสั่ง ไม่มีรส ไม่มีกลิ่น รับรองไม่มีใครสงสัยหรอกค่ะ”
ขณะเดียวกันนั้น เสียงของดร.วิทยา ฮวง และลูกน้องที่เฝ้าบ้านดังแว่วเข้ามา
“นังบัวชุมมันเข้าไปทำความสะอาดข้างในครับ”
“แล้วนังม่านฟ้าล่ะ”
“เห็นนอนซมอยู่ตลอดเลยครับ”
บัวชุม และม่านฟ้าได้ยิน ม่านฟ้ารีบลงไปนอน ขณะที่บัวชุมรีบทำเป็นกรอกยาผีเจาะปากแกล้งบ่นเสียงดัง
“นังบ้า...เมื่อไหร่จะหายป่วยซักที คอยดูเหอะ สำออยแบบนี้ จะต้องตีซะให้เข็ด กินเข้าไป เร็ว กิน”
บัวชุมและม่านฟ้าแกล้งเล่นละคร โดยบัวชุมรินน้ำสมุนไพรให้ม่านฟ้าดื่ม แต่ม่านฟ้าแกล้งขัดขืนทำให้บัวชุมตบตี วิทยาและฮวงเดินเข้ามา
“เฮ้ย...หยุด ไปตีมันทำไม” ดร.วิทยาห้าม
“เอ้อ...มันสำออยจ้ะ ไม่ยอมกินยา”
“ยาอะไร”
บัวชุมหันมาขยิบตาให้ด็อกเตอร์วิทยาแบบรู้กัน
“ก็ยาที่เคยคุยกับด็อกเตอร์ไงคะ”
“สมุนไพรนั่นน่ะเหรอ”
“ค่ะ ต้องกรอกให้กินบ่อยๆ”
ฮวงมองม่านฟ้า
“หน้าตามีดูดีขึ้นเยอะแล้ว พรุ่งนี้ก็น่าจะหาย”
“ฮวง”
ดร.วิทยาพยักหน้าให้ฮวง เพื่อให้ฮวงเข้าไปจัดการทรมานม่านฟ้า
“ได้ครับ”
ฮวงเดินเข้ามาหา ม่านฟ้าลุกขึ้นถอยกรูด
“ออกไปนะ...ไปให้พ้น”
“เสียงดังฟังชัดแบบนี้ แสดงว่าหายแล้วนี่หว่า”
ฮวงเข้ามารั้งมือม่านฟ้าไว้ไม่ให้หนี บัวชุมร้อนใจเกรงเจ้านายจะโดนทำร้าย
“นั่นคุณจะทำอะไรคะ”
“แล้วเอ็งมาเกี่ยวอะไรนังบัว”
“คือว่า...”
“แกออกไปก่อน นังบัว” ดร.วิทยาบอก
บัวชุมไม่ยอมออกพยายามจะแย้ง
“แต่ว่า...”
“ข้าบอกให้ออกไป” ดร.วิทยาตวาด
บัวชุมจำใจต้องเดินออกไป โดยพยายามยืนอยู่ใกล้ๆ ประตูด้วยความเป็นห่วง ดร.วิทยาเดินตามไปแล้วปิดประตูล็อก บัวชุมรู้สึกกังวลใจ
“แย่แล้ว...ทำไงดี”
ดร.วิทยาเดินกลับมาหาฮวง และม่านฟ้า
“บอกมาซะดีๆ ม่านฟ้าว่าทับทิมสยามสีแดงอยู่ที่ไหน”
“ฉันไม่รู้”
ฮวงเชยคางม่านฟ้าให้หันมาหาตน
“ปากแข็งเหลือเกินนะคนสวย”
“ไอ้บ้า” ม่านฟ้าด่า
“ฮวง...ถ้ามันไม่บอกดี ๆ ก็จัดการซะ อยากทำอะไรก็ทำ ฮึๆ” ดร.วิทยา ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ได้เลยครับด็อกเตอร์ สวยๆ แบบนี้ ยิ่งดื้อ ยิ่งชอบ ยิ่งดิ้นยิ่งโดนครับ ฮ่ะๆ”
ฮวงเริ่มลวนลาม ม่านฟ้าดิ้นเต็มแรงแต่ฮวงได้เปรียบ ทำให้ม่านฟ้าต้านแรงได้ยาก
“ปล่อยนะ ไอ้บ้า...ปล่อยฉัน”
ด็อกเตอร์วิทยา ยืนมองอย่างชอบใจ
“ฮ่ะๆ...พวกปากแข็งมันต้องโดนแบบนี้ ฮ่ะ”
บัวชุม ร้อนรน...คิดหาวิธีจะช่วยม่านฟ้า แต่ไม่รู้จะทำยังไง
“คุณหนู...คุณหนูของบัวชุม แย่แล้ว...ทำยังไงดี”
ลูกน้องคนหนึ่งซึ่งมีหน้าที่เฝ้าบ้าน เดินมาหยุดมอง
“เฮ้ย...นั่นเอ็งจะทำอะไรวะนังบัว”
“เปล่าๆ จ้ะๆ”
“งานเสร็จแล้วจะไปไหนก็ไป”
“จ้ะๆ”
บัวชุมจำใจต้องเดินออกไป น้ำตาเธอคลอหน่วย ไม่รู้จะทำยังไงดี ขณะที่เสียงของม่านฟ้าดังเล็ดลอดออกมาจากข้างในบ้าน
อ่านต่อหน้า 2
เสาร์๕ ตอนทับทิมสยาม ตอนที่ 16 (ต่อ)
บัวชุมเดินออกมา แล้วทรุดตัวลงนั่งร้องไห้โฮแค้นใจที่ทำอะไรไม่ได้ สักครู่เธอก็ตัดสินใจเป็นไงเป็นกัน หันไปคว้าไม้ที่อยู่ใกล้ๆ มาถือไว้
“เอาวะ ตายเป็นตาย บัวชุมจะยอมให้คุณหนูถูกรังแกไม่ได้”
บัวชุมเดินรี่จะเข้าไปข้างใน แต่แล้ว เคน และต่ำ ก็มาขวางไว้
“นั่นจะทำอะไรพี่บัวชุม”
“แกอีกแล้ว ถอยไป นะ อย่ามาขวาง”
“เกิดอะไรขึ้น บอกมา ฉันจะได้หาทางช่วย”
“หน้าอย่างแก จะช่วยอะไรฉันได้” บัวชุมน้ำคาไหลพราก “ฮื่อๆ คุณหนูของฉันโดนพวกมันรังแก อยู่ข้างใน ฉันยอมไม่ได้หรอก ฮื่อๆ”
“ข้างในมีกี่คน”
“สามคน”
“เอางี้นะ...เดี๋ยวฉันจะทำงี้”
เคนกระซิบบอกบัวชุมถึงแผนการณ์ ต่ำกระโดดโหยงๆ อยากรู้อยากเห็น
+ + + + + + + + + + + +
เหตุการณ์ด้านใน ขณะนั้นฮวงปลุกปล้ำม่านฟ้า แต่ม่านฟ้าเอื้อมมือไปคว้าขวดน้ำแล้วฟาดเปรี้ยงลงไป ฮวงเลือดอาบ ดร.วิทยาหัวเราะชอบใจ
“นังนี้มันฤทธิ์เยอะไม่เบา ฮ่ะๆ”
“ยิ่งดื้อยิ่งดิ้น...ยิ่งโดน ฮ่ะๆ”
ฮวงหัวเราะร่าเดินเข้าหา ม่านฟ้าเอาขวดปากฉลามมาเป็นอาวุธป้องกันตัว
“สงสัยคนเดียวจะเอาไม่อยู่ซะแล้ว...มา ฉันช่วย”
ฮวง และดร.วิทยาแท็คทีมกันล้อมกรอบม่านฟ้า แล้วที่สุด ดร.วิทยาก็รวบตัวม่านฟ้าไว้ได้ ขณะที่ฮวงเข้ามาปลดขวดปากฉลามทิ้งไป
“จัดการเลย...ฮ่ะๆ”
“ได้ครับด็อกเตอร์”
ฮวงเข้ามาปลุกปล้ำโดยที่ ดร.วิทยาช่วยล็อกตัวม่านฟ้าไว้ แต่แล้วจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องโวยวายที่ด้านนอก
“ไฟไหม้ ๆ ร็ว ไฟไหม้” เสียงบัวชุมร้องดังโหวกเหวก
ลูกน้อง ที่เฝ้าหน้าบ้านรีบตะโกนเข้าไปในบ้าน
“ด็อกเตอร์ครับ ไฟไหม้ หนีเร็วครับ...หนีเร็ว”
ฮวงและดร.วิทยาชะงัก
“แกรีบไปดูซิ ข้างนอกมีอะไร”
ฮวงรีบไปเปิดประตู ควันจากข้างนอกทะลักเข้ามา ทำให้ทุกอย่างขาวโพลน
“หนีเร็วครับด็อกเตอร์”
ดร.วิทยาสำลักควัน จึงทิ้งม่านฟ้านอนกองอยู่กับพื้น ฮวงรีบเข้ามาพยุงดร.วิทยาออกไป บัวชุมรีบเข้ามาแล้วอุ้มร่างของม่านฟ้าออกไป เช่นกัน
+ + + + + + + + + + + +
ดร.วิทยาและฮวงไอสำลักควันอยู่ที่มุมหนึ่ง บัวชุมอุ้มร่างของม่านฟ้าออกมา ลูกน้องและคนอื่นๆ พากันวิ่งไปหาน้ำดับไฟที่กำลังไหม้กองไม้ใกล้ๆ บ้าน เคนและต่ำ สวมรอยมาช่วยดับเพลิงเช่นกัน ฮวงมองไปที่ม่านฟ้า ซึ่งนอนสลบอยู่ ฮวงเข้าไปถามบัวชุม
“นังคนสวยของข้ามันเป็นอะไรหรือเปล่า”
บัวชุมกัดฟันกรอดๆ ด้วยความแค้นใจฮวงที่บังอาจมาทำร้ายนายของเธอ จากนั้นก็ข่มอารมณ์หันไปตอบ
“อู๊ย...นังนี่เหรอ ตายยากตายเย็น ไม่ตายง่ายๆหรอก”
ดร.วิทยาไอโขลก
“ดี...มันยังตายไม่ได้จนกว่ามันจะบอกความลับ เรื่องทับทิมสยามซะก่อน”
“หรือไม่ก็จนกว่ามันจะได้เป็นเมียผมก่อนครับเจ้านาย ฮ่ะๆ”
บัวชุมก้มหน้าข่มความรู้สึก อยากจะฆ่าฮวงขึ้นมาทันใด พวกลูกน้องคนงาน พากันดับไฟจนเรียบร้อย
“ดับไฟเรียบร้อยแล้วครับด็อกเตอร์” ลูกน้องเข้ามารายงาน
“แล้วไฟมันไหม้ได้ยังไงกัน” ดร.วิทยาถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้ใครทำตะเกียงน้ำมันตกไว้แถวนั้น ไฟจากตะเกียงเลยลุกท่วมกองไม้อย่างที่เห็นนั่นแหลครับ”
ฮวงหันหา ดร.วิทยา
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราก็จัดการนังคนสวยต่อนะครับด็อกเตอร์”
“ได้เลย ฮ่ะๆ”
“แต่ว่า...นังคนนี้มันสลบอยู่นะจ้ะ” บัวชุมแย้ง
“สลบนั่นแหละดี จะได้ไม่ต้องเหนื่อยๆ”
ฮวงเดินไปอุ้มม่านฟ้า แต่บัวชุมยื้อเอาไว้ เคนและต่ำหันมามอง
“นังบ้านี่...ถอยไป”
ฮวงอุ้มม่านฟ้าขึ้นมา เพื่อพาเดินเข้าไปในห้อง
“ฮ่ะๆ แกนี่มันร้ายจริงๆ ไอ้ฮวง ฮ่ะๆ” ดร.วิทยาหัวเราะชอบใจ
บัวชุมหันรีหันขวาง หาทางขัดขวาง แต่แล้ว จู่ๆ ดร.วิทยา ก็เกิดหน้ามืด ล้มลงไปทันที บัวชุมได้โอกาสรีบร้องเสียงดัง
“ว้าย...พี่ฮวง มานี่เร็ว”
“อะไรวะ”
“ด็อกเตอร์เป็นอะไรก็ไม่รู้...เร็ว”
บัวชุมรีบไปรับม่านฟ้าจากฮวง ขณะที่ฮวงรีบเข้าไปหา ดร.วิทยา
“ด็อกเตอร์ครับๆ”
ฮวงเขย่าตัวเพื่อให้ฟื้น ขณะที่บัวชุมกำลังดูแลม่านฟ้า เคนและต่ำทำทีเป็นไทยมุงเข้ามาดู
+ + + + + + + + + + + +
ฮวงอุ้ม ดร.วิทยาเข้ามานอนในห้อง เสือสนธิ์ และเจ้าพ่ออินทร์ รีบตามเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง
“ด็อกเตอร์เป็นอะไรไป” เสือสนธิ์ถามอย่างตกใจ
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ จู่ๆ ก็หน้ามืดล้มลงไป”
เจ้าพ่ออินทร์มองอย่างเป็นห่วง
“แปลกจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยป่วยหรืออะไรเลยนี่”
“บางทีตอนไฟไหม้เมื่อกี้ ด็อกเตอร์อาจจะสูดควันเข้าปอดมากไปหน่อย” ฮวงบอก
เจ้าพ่ออินทร์เห็นด้วย
“น่าจะใช่”
“แล้วไฟมันไหม้ได้ยังไงกัน” เสือสนธิ์ถามอย่างสงสัย
“ไอ้พวกคนงานมันคงประมาทน่ะครับ เดี๋ยวผมจะไปจัดการให้” เจ้าพ่ออินทร์บอก
เสือสนธิ์หันไปสั่ง ฮวง
“ฮวง...แกดูแลด็อกเตอร์ให้ดี ถ้ามีอะไรก็ให้รีบมาบอกฉัน”
“ได้ครับ”
เจ้าพ่ออินท์และเสือสนธิ์ออกไป
+ + + + + + + + + + + +
บัวชุมเช็ดตัวให้ สักครู่ม่านฟ้าลืมตาขึ้นมา บัวชุมเอามือของนายหญิงขึ้นมากุมด้วยรู้สึกอยากจะสารภาพผิด ม่านฟ้ายิ้มน้อยๆ อย่างเหนื่อยอ่อน
“พี่บัวชุม...พี่ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
บัวชุมน้ำตาคลอ ที่ม่านฟ้าห่วงใยเธอ มากกว่าตัวเธอ
“คุณหนูถามอะไรอย่างนั้น จะมาห่วงบัวชุมทำไม ต้องห่วงตัวเองซิคะ”
“แต่ฉันไม่เป็นอะไรนี่ ไม่มีใครทำอะไรฉันได้ใช่มั้ย”
“ค่ะ...ไม่มีใครทำอะไรคุณหนูของบัวชุมได้ ไอ้ด็อกเตอร์มัน โดนฤทธิ์ยาสั่งก็เลยสลบไปก่อน”
ม่านฟ้าแปลกใจ
“ยาสั่ง”
“ใช่ค่ะ...พี่บัวชุมจะวางยาสั่งให้มันตาย ถึงแม้จะตายช้า แต่ก็ไม่มีใครจับเราได้แน่”
ขณะเดียวกันนั้นมี เสียงเคาะประตูดังขึ้น บัวชุมชะงักหวาดระแวง
“มันมาอีกแล้วค่ะคุณหนู แต่ไม่ต้องกลัวคราวนี้บัวชุมจะไม่ ปล่อยคุณหนูตามลำพังเด็ดขาด ตายเป็นตาย”
บัวชุมหยิบมีดออกมาจากที่ซ่อน แล้วส่งอีกเล่มให้ม่านฟ้าถือไว้
“คุณหนูซ่อนไว้ข้างๆ ตัวนะคะ ถ้ามันเข้าใกล้คุณหนูได้ ก็แทงมันเลย”
ม่านฟ้า รับมีดมาซุกไว้ ท่าทางของม่านฟ้ายังเหนื่อยอ่อน ไม่แข็งแรงนัก ขณะเดียวกันนั้นเสียงเคนดังเข้ามา
“เปิดประตูหน่อยพี่บัวชุม เปิดเร็ว”
บัวชุมหันมาหาม่านฟ้า
“เสียงนายเคน เอาไงดีคะ”
“เขาจะมาช่วยเรา เราต้องพึ่งเขา”
“ก็ได้ค่ะ อย่างน้อยเมื่อกลางวันมันช่วยเราไว้ได้”
บัวชุมเดินไปเปิดประตู เคนและต่ำเดินเข้ามา บัวชุมรีบปิดประตูเกรงคนอื่นจะเห็น
“ม่านฟ้าเป็นไงบ้าง”
“ฉันไม่เป็นไร”
“พอปลอดคน พี่ต่ำก็รีบมาหาเลย เป็นห่วงมาก”
ม่านฟ้ายิ้มให้ต่ำ
“ขอบใจมากพี่ต่ำ”
บัวชุมหันไปหาเคน
“ขอบใจนะ ที่ช่วยทำไฟไหม้”
“เรื่องเล็กน้อย”
ต่ำหันไปดุเคน
“เกิดเรื่องร้ายแรงอย่างงี้ ถ้าพี่ต่ำอยู่ด้วย ม่านฟ้าคงไม่โดนใครรังแก”
“นี่พี่ต่ำ...ถามจริงๆเหอะ ถ้าพี่ต่ำมาพี่ต่ำจะทำไรได้” บัวชุมถามอย่างสงสัย
“พี่ต่ำก็จะชกให้ไอ้คนชื่อฮวงมันหน้าหงายไปเลยน่ะซิ”
ต่ำทำท่าชกลมไปมา บัวชุมเบ้หน้า
“จะชกหน้าเลยเหรอ”
“ไม่ชกหน้าแล้วจะให้ชกอะไร”
“ชกอะไรก็ได้ที่มันชกได้ง่ายๆ น่ะ”
ต่ำค้อน
“จะว่าพี่ต่ำชกไม่ถึงละซิ” ต่ำงอน หันไปหาเคน “บักเคน กลับบ้าน”
เคน หันไปบอกม่านฟ้า
“ไม่ต้องห่วงนะ เราจะลาดตระเวณหาทางหนีทีไล่ในหมู่บ้าน แล้วจะรีบมาบอก”
“เร็วๆ หน่อยนะ เราไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” ม่านฟ้าบอกอย่างกังวลใจ
“ใช่...พรุ่งนี้ได้ยิ่งดี อยู่นานไปก็มีแต่อันตราย” บัวชุมแนะ
“ได้...แล้วเราจะรีบมาส่งข่าว”
เคนและต่ำพากันเดินออกไป บัวชุมรีบไปล็อคประตู
+ + + + + + + + + + + + +
วันต่อมา สัปเหร่อแต้ม เดินนำผู้พันอาจณรงค์และกลุ่มทหารจากหน่วยเหนือเข้ามา บริเวณแค้มป์ เทอด และเดี่ยวเข้าไปต้อนรับ
“ไงคุณเทอด เห็นติดต่อไปว่าให้ผมมารับพวกกองกำลังต่างชาติไปสอบสวน”
เทอดยิ้มรับ
“ใช่ครับ มาเร็วกว่าที่คิดนะครับ”
“ผู้พันอาจณรงค์ไม่รู้เส้นทาง ผมก็เลยมาช่วยหาทางลัดให้น่ะ” สัปเหร่อแต้มบอก
“แล้วไอ้พวกนั้นมันอยู่ไหน” ผู้พันอาจณรงค์ถาม
เดี่ยวชี้ไปที่กลุ่มลูกน้อง อาเตียว
“มัดไว้ตรงโน้นครับ”
สัปเหร่อแต้มหันไปพูดกับผู้พันอาจณรงค์
“ผู้พันช่วยเอาไปสอบสวนที ถ้าเรารู้ข้อมูลเรื่องฐานของพวกมันเมื่อไหร่ จะได้เปิดศึกถล่มให้มันสิ้นซากสักที”
“เดี๋ยวจัดให้”
“คุณยอด คุณกริ่ง คุณดอน หายไปไหนครับ” สัปเหร่อแต้มถามอย่างสงสัย
“ไปลาดตระเวนแถวนี้ครับ” เทอดบอก
“งั้นผมเอาตัวพวกนักโทษไปเลยนะครับ”
“ตามมาครับ”
เดี่ยวเดินนำผู้พันอาจณรงค์ และพวกทหารไปที่กลุ่มนักโทษ จากนั้นก็พากันคุมตัวเดินกลับไปพร้อมสัปเหร่อแต้ม
+ + + + + + + + + + + +
เปาชางและอาเตียวซุ่มมองเหตุการณ์อยู่บนต้นไม้ สักครู่ก็เห็นสัปเหร่อแต้มและกลุ่มของผู้พันอาจณรงค์คุมตัวลูกน้องเดินเข้ามา
“ผมส่งตรงนี้นะ ผู้พันเดินไปทางตะวันตกไม่นานก็จะเจอรถที่ของผู้พันจอดไว้”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมพอจำทางได้”
“ถ้างั้นผมขอตัว”
สัปเหร่อแต้มแยกตัวเดินออกไป ผู้พันอาจณรงค์และพวกต่างก็พากันเดินไปทางทิศตะวันตก เปาชาง และอาเตียวซุ่มมองอยู่บนต้นไม้กระซิบปรึกษากัน
“พวกมันมีหลายคน เอาไงดี”
“ทำตามที่ข้าบอก”
เปาชางและอาเตียวพากันมองตามกลุ่มทหารไป
ผู้พันอาจณรงค์และพวก กำลังเดินมาตามทาง สักครู่ได้ยินคล้ายเสียงนกกำลังร้อง ผู้พันอาจณรงค์หยุดชะงัก เปาชาง และอาเตียว หยิบไม้ซางออกมาแล้วเอาลูกดอกเป่าไปยังพวกลูกน้องของตัวเองที่ถูกจับมาทุกคนล้มลงตายคาที ทหารที่คุมตัวนักโทษอยู่เห็นลูกน้องเปาชางล้มลงตายก็ตกใจ
“ผู้พันครับ”
อาจณรงค์หันไปมอง แล้วยิงกราดไปยังทิศทางที่เปาชาง และอาเตียวแอบอยู่ ทั้งสองพากันหนีไป พวกทหารวิ่งตาม
ผู้พันอาจณรงค์และพวก พากันวิ่งตามเปาชาง และอาเตียว จากนั้นก็ยิงโต้ตอบกัน สัปเหร่อแต้มโผล่ออกมาจากชายป่า เข้ามาสมทบกับ ผู้พันอาจณรงค์
“เกิดอะไรขึ้น”
“พวกไอ้เปาชางมันตามมาครับ”
“แล้วไอ้พวกลูกน้องมันล่ะ”
“มันฆ่าปิดปาก...ตายหมด”
สัปเหร่อแต้ม และผู้พันอาจณรงค์ยิงโต้ตอบกับเปาชางและอาเตียวสักครู่ เสียงปืนฝั่งเปาชาง และอาเตียวก็เงียบลง ผู้พันอาจณรงค์ส่องกล้องทางไกลดู เห็นเปาชาง และอาเตียวกำลังวิ่งหนีหายไปในป่า
“มันกำลังหนี”
“อย่าตาม...ผมเชื่อว่าพวกของมันแอบซุ่มอยู่ในป่า” สัปเหร่อแต้มห้ามไว้
ผู้อาจณรงค์ชักกังวลใจ
“แสดงว่าพวกเสาร์ห้าตกอยู่ในอันตราย”
“ผู้พันกลับไปรายงานหน่วยเหนือส่งกองกำลังมาหนุนช่วย ส่วนผมจะกลับไปบอกพวกเสาร์ห้าเอง”
“ได้”
สัปเหร่อแต้ม แยกไปอีกทาง ขณะที่ผู้พันอาจณรงค์คุมกองกำลังกลับไปทางเดิม
+ + + + + + + + + + +
ดอน ยอด และ กริ่ง ก้มดูรอยเท้ากวาง ที่พื้น
“ผมว่าแถวนี้คงมีดินโป่งแน่นอน ดูซิครับ มีรอยเท้ากวางเดินผ่านไปมาหลายตัวเลย” ยอดบอก
“ดินโป่งนี่น่าจะอร่อย เหมือนกันนะครับคุณยอด” กริ่งออกความเห็น
“อยากเป็นกวางหรือครับคุณกริ่ง” ยอดถามขำๆ
กริ่งยิ้ม
“ไม่ได้อยากเป็นกวางแต่อยากมีแฟนชื่อกวาง”
ยอดเหล่มอง
“อ้ะๆ...กวางญี่ปุ่นหรือเปล่า”
กริ่งหัวเราะร่า
“ฮ่ะๆ”
ดอนรู้สึกบางอย่างจึงส่งสัญญาณให้เพื่อนๆ เงียบ
“มีอะไรครับคุณดอน” ยอดถามเบาๆ
“ผมรู้สึกเหมือนมีคนอยู่แถวนี้”
“ใครครับ” กริ่งถามอย่างแปลกใจ
“ผมมองไม่เห็น...แปลกมาก”
ทันใดนั้น มีลมพัดแรงขึ้น บรรยากาศรอบข้างที่เคยสว่างไสวก็เริ่มสลัวลง
“ผมว่านี่มันไม่ธรรมดาแล้วนะครับ” กริ่งชักระแวง
ยอดมองเห็นเงาดำของใครบางคน ยืนอยู่หลังต้นไม้
“นั่นใคร”
“ซัมดอง” ดอนโพล่งออกมา
ซัมดองปรากฏตัวเดินออกมา
“ฮ่ะๆ เจอกันอีกแล้ว ฮ่ะๆ”
“อารมณ์ดีจริงนะ หัวเราะได้ตลอด” กริ่งพูดกวนๆ
ซัมดองหยุดหัวเราะ แล้วพุ่งร่างเข้ามาบีบคอกริ่งอย่างรวดเร็ว จนทุกคนตั้งตัวไม่ติด
“โอ๊ย...ๆ”
ดอนและยอด ช่วยกันรั้งซัมดองเอาไว้ จนซัมดองสะบัดตัว ทำให้ยอด ดอน กริ่ง ลอยไปกระแทกต้นไม้แล้วหล่นลงพื้น พากันจุกตามๆกัน
ทันใดนั้นซัมดองก็แยกร่างเป็น 3 ร่างแล้วเข้าไปบีบคอ ยอด ดอน กริ่ง จากนั้นซัมดองทุกร่างต่างก็พร่ำมนต์บางอย่าง แล้วเป่าเข้าใส่สามหนุ่ม ทั้งสามพากันอ่อนแรง ดิ้นทุรนทุราย
+ + + + + + + + + + + +
เดี่ยว และเทอดเฝ้าแค้มป์อยู่ จู่ๆ เดี่ยวก็สะดุ้งเฮือก ผลุนผลันคว้าปืนขึ้นมา
“มีอะไรครับคุณเดี่ยว”
“ผมได้ยินคุณดอน คุณยอด คุณกริ่งกำลังร้องขอความ ช่วยเหลือ”
“เสียงมาจากทางไหน”
“ทางเหนือครับ"
“รอเดี๋ยวครับ”
เทอดรีบไปคว้าปืน แล้วออกตามเดี่ยวไป
ดอน ยอด กริ่ง ถูกจับมัดไว้กับต้นไม้ต้นเดียวกัน ซัมดองกำลังร่ายมนต์แล้วเป่าเข้าใส่ ทั้งสามคน จากนั้นกลุ่มปีศาจก็เริ่มปรากฏตัวเข้ารุมล้อมกันพยายามฉีกร่างของ สามหนุ่ม ทันใดนั้น เดี่ยว และเทอด วิ่งเข้ามา
“หยุดนะ...ซัมดอง”
ซัมดองหันมามองยิ้มน้อยๆ
“มากันครบทีมแบบนี้...ดี”
ซัมดองร่ายมนต์ แล้วเป่าไป ปีศาจอีกกลุ่มก็ปรากฏตัวขึ้นมาแล้วเข้ารุมล้อมเดี่ยว และเทอด ทั้งสองต่อสู้อย่างหนักกับกลุ่มปีศาจ แต่เมื่อปีศาจล้มไป ก็กลับขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง ไม่รู้จักตาย
“คุณเทอด เข้าไปแก้มัดพวกเราก่อน ผมจะกันไอ้พวกบ้านี้ไว้ให้” เดี่ยวตะโกนบอก
“ขอบคุณ”
เดี่ยวเข้าไปลุยกลุ่มปีศาจ เทอดรีบไปที่ต้นไม้แล้วแก้มัดให้เพื่อนทั้งสาม แต่ขณะกำลังพยายามแก้มัด ซัมดองก็ปรากฏตัวด้านหลังแล้วดึงเทอดออกมาแต่เทอดไม่ยอมง่ายๆ กลุ่มปีศาจที่อยู่แถวนั้นต่างก็เข้ามาช่วยกันรุมเทอดเช่นกัน
เทอดรู้ตัวว่าอยู่ในสถานะการณ์ลำบาก จึงชักมีดออกมาแล้วเอื้อมไปให้ดอน
“รับไปคุณดอน”
เทอดพยายามส่งมีดให้ดอน แม้จะยากลำบากแต่ดอนก็รับได้ในที่สุดแล้วจากนั้นเทอดก็โดนซัมดองกระชากเซล้มแล้วถูกกลุ่มปีศาจรุมเล่นงาน ดอนพยายามเฉือนเชือกให้ขาดแม้ว่าจะโดนกลุ่มปีศาจรุมล้อม แล้วที่สุดเชือกก็ขาดหลุด ทำให้ ดอน ยอด กริ่ง กลายเป็นอิสระ ดอนเข้าไปช่วยเทอด ขณะที่ยอด และกริ่ง เข้าไปช่วยเดี่ยว จากนั้นเสาร์ห้าก็มารวมตัวกัน ซัมดอง แสยะยิ้มหยัน
“ฮึๆ นึกว่าจะสู้ข้าได้เหรอ...ฮ่ะๆ”
ซัมดองเป่ามนต์แล้วสักครู่ กองทัพปีศาจที่เพิ่มขึ้นมากมายก็พากันกรูเข้ารุมล้อม กลุ่มเสาร์ห้าต่างพากันต่อสู้ร่วมกันอย่างกล้าหาญ แต่ปีศาจมีจำนวนมากจนกลุ่มเสาร์ห้าเริ่มอ่อนแรง กำลังจะพ่ายแพ้...สัปเหร่อแต้มยืนแอบมองอยู่ที่มุมหนึ่ง สักครู่ก็ค่อยย่องเข้าไปใกล้จุดที่ซัมดองยืนอยู่
“พระของพวกเอ็ง ต้องเป็นของข้า”
ซัมดองหยิบดวงตาสวรรค์ขึ้นมาแล้วร่ายมนต์เปิดออก แสงสว่างกระจายไปทั่วป่า กลุ่มเสาร์ห้าถูกปีศาจจับได้แล้วล็อกตัวเอาไว้หันหน้ามาหาซัมดอง พลังจากดวงตาสวรรค์ดึงดูดเอาพระในตัวของกลุ่มเสาร์ห้า ปรากฏขึ้นมา ขณะที่ซัมดองร่ายเวทย์มนต์เพื่อเรียกพระให้หลุดออกจากร่าง สัปเหร่อแต้ม ค่อยๆ หยิบสร้อยพระที่คล้องคอตัวเองออกมา แล้วจากนั้นก็ย่องเข้าไปด้านหลังซัมดอง
“ขออำนาจพุทธคุณโปรดช่วยคนทำดีด้วยเถิด”
สัปเหร่อแต้มวิ่งเข้าไปเอาสร้อยพระ คล้องไปที่ดวงตาสวรรค์ ทำให้เกิดประกายคล้ายกับกระแสไฟฟ้า ปรากฏขึ้นทั่วร่างของซัมดอง ดวงตาสวรรค์ตกลงพื้น แล้วดับแสงลง ซัมดองเซล้มแล้วส่งเสียงร้องโอดโอย ฝูงปีศาจค่อยๆ เลือนหายไป กลุ่มเสาร์ห้ากลายเป็นอิสระ ซัมดองบาดเจ็บจากพลังพุทธคุณ เมื่อเห็นท่าไม่ดีก็รีบหายตัวไป
สัปเหร่อแต้ม หยิบดวงตาสวรรค์ขึ้นมาดูแต่ดวงตาสวรรค์กลับคืนสู่สภาพเดิมคือ ปิดตัวเองมองไม่เห็นลูกแก้วข้างใน
กลุ่มเสาร์ห้าพากันเดินโซเซกลับมาที่แค้มป์อย่างเหนื่อยอ่อน สัปเหร่อแต้มเดินถือดวงตาสวรรค์มาด้วยทุกคนพากันนั่งพักอย่างเหนื่อยอ่อน
“ขอบคุณนะครับลุงแต้ม ที่มาช่วยพวกเราไว้” ยอดปาดเหงื่อ
“โชคดีที่ผมจะกลับมาเตือนพวกคุณ เรื่องไอ้เปาชางกับพวกของมัน ระวังตัวให้ดี มันซุ่มอยู่ในป่า ดูความเคลื่อนไหวของพวกคุณอยู่”
“ซัมดองก็ตามล่าพวกเราไม่หยุดเลย” กริ่งบ่น
“ผมเชื่อว่า...มันต้องกลับมาเอาดวงตา สวรรค์คืนแน่นอน” ดอนบอกอย่างมั่นใจ
“ไอ้ดวงตาสวรรค์นี่มันเปิดยังไง” สัปเหร่อแต้มถามอย่างสงสัย
เดี่ยวนึกๆ
“ก่อนเปิดมันจะต้องร่ายเวทย์มนต์บางอย่างครับ แต่ผมฟังไม่ออกว่ามันพูดว่ายังไง”
“เคนเคยบอกว่า เขาต้องการที่จะปลดปล่อยดวงวิญญาณ ที่ถูกขังไว้ในดวงตาสวรรค์” เทอดบอก
“ถ้างั้นพรุ่งนี้ถ้าคุณเข้าไปสืบข้อมูลในหมู่บ้านเสือหมอบ ผมจะบอกให้เคนเข้าไปเจอกับคุณที่นั่น” สัปเหร่อแต้มแนะ
เทอดพยักหน้ารับ
“ได้ครับผม”
สัปเหร่อแต้มพลิกดูดวงตาสวรรค์ ไปมาเพื่อหาทางเปิดออก
อ่านต่อหน้า 3
เสาร์ ๕ ตอนทับทิมสยาม ตอนที่ 16 (ต่อ)
เช้าวันรุ่งขึ้น เคนกับต่ำ เดินมาด้วยกัน โดยทำทีเป็นเก็บสมุนไพรไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ชาวบ้านสงสัย จังหวะนั้นนั้มและลูกน้อง ก็พากันเดินเข้ามาขวาง
“เฮ้ย...นี่พวกเอ็งจะไปไหนกัน”
“อ้าว...ก็กลับบ้านไง” ต่ำบอก
“บ้านเอ็งไปทางโน้น” นั้มพูดเสียงแข็ง
“ก็จะเดินทางนี้ก่อน มีอะไรมั๊ย” ต่ำพูดกวนๆ
นั้มจ้องหน้า
“มี...แถวนี้มันเขตคลังแสง ห้ามคนนอกผ่าน”
เคนแกล้งหันไปถามต่ำ
“คลังแสงคืออะไรหรือจ้ะ”
“ไอ้โง่เอ้ย...คลังแสงก็คือบ้านที่เค้าเก็บตะเกียงซิวะ...ใช่มั๊ยพี่นั้ม”
“เออ...” นั้มนึกขึ้นได้ “เฮ้ย...ไม่ใช่”
เคนพยักหน้าทำเป็นเข้าใจ
“อ๋อ...ฉันรู้แล้ว คลังแสงก็เป็นฉากลิเกไง”
นั้นส่ายหน้าเซ็งๆ
“ไอ้พวกนี้มันโง่จริงๆเลย”
เคนหน้าจ๋อย
“อย่ามาว่าฉันโง่ซิพี่...ฉันอายเค้า”
“ข้าก็ไม่ได้โง่...ข้าบวกเลขได้นะเว้ยเฮ้ย” ต่ำโวย
“เออๆ...เอ็งจะไปไหนก็ไป พูดกันไม่รู้เรื่อง ไปๆ”
ต่ำและเคนพากันเดินออไป นั้มส่ายหน้ากับความโง่ของทั้งคู่
เวลาต่อมา เคน และต่ำทำทีเป็นหยุดหาสมุนไพรอยู่หน้าบ้านที่เป็นคลังแสง ซึ่งมีลูกน้องเฝ้ากันหลายคน
“นี่ไง...บ้านหลังนี้แหละที่มันบอกว่าเป็นคลังแสง” ต่ำบอก
เคนมองเข้าไปด้านในอย่างสำรวจ
“มีคนเฝ้าเต็มไปหมด”
สักครู่ ต่ำก็รู้สึกเหมือนมีคนอยู่ข้างหลัง ต่ำหันไปมองสงสัย แต่ก็ไม่เห็นใคร
“มีอะไรพี่ต่ำ”
“เอ็งแกล้งข้าหรือเปล่า”
เคนงงๆ
“แกล้งอะไร”
“ก็เมื่อกี้เอ็งมาตบบ่าข้าไง”
“ตบบ่าอะไร ฉันอยู่นี่ตบไม่ได้หรอก”
แต่แล้วจู่ ๆต่ำก็รู้สึกเหมือนมีคนมาตีก้น
“อุ๊ย...ใครวะ”
ต่ำ และเคนมองหาแต่ไม่เห็น
“พี่ต่ำโดนอะไร”
“เหมือนมีใครมาตีก้นข้า”
“หรือว่าผี”
ต่ำชักหวาดๆ
“งั้นกลับเหอะ”
ต่ำและเคนจะหันกลับ แต่แล้ว เทอดก็ปรากฏตัวต่ำและเคนสะดุ้ง
“อย่าเพิ่งกลับผมเอง”
ต่ำถอนใจโล่งอก
“นึกว่าใคร”
เทิดมองเข้าไปในบริเวณบ้าน
“บ้านนี้มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ”
“ใช่ครับ...เหมือนกำลังจัดที่ทางเตรียมทำอะไรซักอย่าง” เคนบอก
ขณะเดียวกันนั้น รถกระบะคันหนึ่ง ขับมาจอดที่หน้าบ้าน เคน ต่ำและเทอด รีบหลบเข้าที่ซ่อนตัวแอบซุ่มมอง คนในบ้านพากันออกมาแล้วช่วยกันขนลังไม้ บนหลังรถกระบะเข้าไปเก็บในบ้าน
“เดี๋ยวผมมานะ”
ขาดคำเทอดก็หายตัวไป ขณะที่ต่ำ และเคน เฝ้าแอบมองต่อไป
คนงานพากันขนลังไม้แล้วเข้าไปวางไว้ในห้องหนึ่งของบ้าน นั้มกำลังดูแลพวกคนงานจัดวางของ คนงานวางเสร็จก็เดินออกไป เทอดที่หายตัวอยู่ค่อยๆเปิดฝาลัง ในลังมีอาวุธหนักต่างๆ นั้มหันไปเห็นฝาลังที่ถูกเปิดจึงโวยขึ้นมา
“เฮ้ย...ใครเปิดวะ”
พวกลูกน้องพากันหันมามอง
“คงจะเลื่อนไปเองน่ะพี่”
นั้มไปจับฝาปิดตามเดิม จากนั้นก็เดินไปดูจุดอื่น ฝาลังอื่น ค่อยๆเลื่อนเปิดออก สักครู่ก็ปิดตามเดิมแล้วจากนั้นลังอื่นๆ ก็เริ่มเปิดออกเช่นกันโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
ลูกน้องคนหนึ่งยกลังเข้ามาวางไว้แล้วหันกลับ แต่เหมือนไปชนกับใครบางคนที่มองไม่เห็น ซึ่งก็คือเทอดนั่นเอง เทอดที่หายตัวอยู่เซไปโดนลังหล่นลงบนพื้นห้อง เสียงดังโครม นั้มและคนอื่นๆ รีบเข้ามาดู
“อะไรวะ”
“ไม่รู้พี่...เหมือนมีใครก็ไม่รู้อยู่ในห้องนี้”
นั้มแปลกใจ
“ใครล่ะ”
“มองไม่เห็น ฉันเดินชนมัน แล้วลังก็หล่นได้เอง”
“พวกเอ็งแยกย้ายกันหาซิ มีใครแปลกปลอมอยู่ในห้องหรือเปล่า”
ทุกคนพากันแยกย้ายกันค้นหา
ด้านนอก...เคน และต่ำ ซุ่มดูเหตุการณ์อยู่ สักครู่ เทอดก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ ต่ำสะดุ้ง
“มาอีกแล้ว ตกใจหมด”
“ข้างในมีอะไรบ้าง” เคนถาม
“มันสะสมอาวุธหนักไว้เพียบ”
“แต่ก่อนหน้านี้ต่ำไม่เคยเห็น”
“แสดงว่ามันเพิ่งเริ่มสะสมอาวุธ”
เคนครุ่นคิด
“มันกำลังเตรียมทำอะไรกัน”
“พวกคุณรีบออกจากที่นี่ แล้วไปเจอผมที่แค้มป์นะมีบางอย่างที่จะให้คุณดู” เทอดบอก
“ได้ครับ...ไปพี่ต่ำ”
เคนและต่ำพากันเดินไป เทอดหายตัวแว๊บไป
เคนและต่ำเดินเข้ามาหากลุ่มเสาร์ห้า และสัปเหร่อแต้มซึ่งนั่งรออยู่ที่บริเวณแค้มป์แห่งนั้น
“แหม...แอบมาอยู่นี่เอง บ้านช่องไม่ยอมกลับ” ต่ำแซวสัปเหร่อแต้ม
“ข้ามาทำงานเว้ยไอ้ต่ำ”
“เอาละมากันพร้อมแล้ว ไหนเล่ามาซิว่าพวกมันมีความ เคลื่อนไหวอะไรบ้าง”เดี่ยวถามขึ้น
“พวกเราไปเจอบ้านหลังหนึ่งอยู่ท้ายหมู่บ้าน มีคนเฝ้าแน่นหนา ในบ้านมีลังใส่อาวุธมากมาย เป็นอาวุธหนักที่ใช้ในสงครามทั้งนั้น” เทอดอธิบาย
สัปเหร่อแต้มครุ่นคิด
“แสดงว่าพวกมันกำลังมีแผนบางอย่างแน่นอน”
“แล้วเรื่องม่านฟ้าละครับ ตอนนี้เป็นไงบ้าง” ยอดหันไปถาม
เคนถอนใจ
“ถึงจะไม่เต็มร้อย แต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิมครับ”
“แล้วเรามีแผนที่จะช่วยม่านฟังยังไงครับ” กริ่งถาม
“เวรยามในหมู่บ้านหนาแน่นมาก ถ้าจะบุกเข้าไปช่วยก็คงต้องประทะแน่” เคนบอกในสิ่งที่คิด
“ไม่ได้ครับ ปะทะไม่ได้ คนในหมู่บ้านเสือหมอบไม่ใช่คนเลว เราต้องหลีกเลี่ยงการทำร้ายพวกเค้า” ดอนแย้ง
“แต่จะให้เปลี่ยนใจเจ้าพ่ออินทร์กับเสือสนธิ์ คงจะยากแน่นอน” เดี่ยวบอกอย่างหนักใจ
“ถ้างั้นคงต้องหลอกล่อให้พวกมัน พาตัวม่านฟ้าออกมาข้างนอก” ยอดออกความเห็นกริ่งเห็นด้วย
“ใช่ครับ...อย่างน้อยกำลังของพวกมันก็จะถูกแบ่งให้เฝ้าหมู่บ้าน ส่วนหนึ่งและอีกส่วนก็จะออกมาคุ้มกันม่านฟ้า เมื่อได้โอกาสเราจะหาทางช่วยม่านฟ้าอีกทีโอเคนะครับ”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย เทอดหยิบดวงตาสวรรค์ออกมา แล้วส่งให้ เคนรับมาอย่างตื่นเต้น
“คุณได้มาจากไหน”
“ซัมดอง...คุณพอจะรู้วิธีเปิดมันหรือเปล่า”
“ไม่ครับ”
เคนมองดวงตาสวรรค์อย่างพิจารณา ต่ำเองก็สนใจ เข้ามาดูใกล้ๆ
ค่ำคืนนั้น สัปเหร่อแต้ม ต่ำ และเคน เดินกลับมาที่บ้าน ต่ำไปไขกุญแจเพื่อเปิดประตู ขณะที่สัปเหร่อแต้ม เดินมาหยุดยืนมองไปรอบๆ แล้วหยิบข้าวสารเสกจากย่ามมา พลางบริกรรมคาถาโปรยไปรอบๆ
“ทำอะไรน่ะ” ต่ำถามอย่างสงสัย
สัปเหร่อแต้มหน้าเครียด
“ข้ารู้สึกเหมือนมีคนตาม”
ต่ำมองไปรอบๆ
“คนไหน ไม่เห็นมี”
“พวกเอ็งรีบเข้าบ้านไป แล้วอย่าออกมาจนกว่าจะเช้า”
“ไปพี่ต่ำ เข้าบ้าน”
เคนและต่ำพากันเดินเข้าบ้าน สัปเหร่อแต้มยืนมองไปรอบๆ ไม่ค่อยวางใจนัก
ในบ้าน...
เคนนอนหลับอยู่ เช่นเดียวกับต่ำซึ่งหลับอยู่อีกมุมห่างออกไป ดวงตาสวรรค์ซึ่งวางไว้อยู่ที่หิ้งพระเริ่มเปิดออกแล้วเรืองแสงส่องสว่าง เคน ซึ่งหลับอยู่ เริ่มฝัน...
ภาพในความฝัน แคนเดินมาเข้ามาหาเคนซึ่งนอนหลับ แคนส่งเสียงเรียกเคน
“เคน...ตื่น”
เคนลุกขึ้นมา มองเห็นแคน
“พี่แคน”
“ตามมา”
แคนเดินนำเคนออกจากบ้านไป เคนเดินตามไปที่ป่าแห่งหนึ่ง เป็นป่าที่ดูวังเวง บรรยากาศน่าสะพรึงกลัว วิญญาณต่างๆ พากันทยอยปรากฏตัวขึ้น ทั่วบริเวณ จากนั้นก็ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยพวกเราด้วย ๆ ช่วยด้วย”
เหล่าวิญญาณพากันเดินเข้ามาหาเคน แล้วต่างรุมล้อมยื่นมือเข้ามาหา แคนซึ่งยืนห่างออกไป ส่งเสียง
“เคน...แกต้องช่วยพี่น้องของเรา ปลดปล่อยวิญญาณบรรพบุรุษที่โดนขัง ช่วยพี่น้องเรานะเคน”
เคนหวาดระแวง ตื่นตระหนก ทันใดเคนสะดุ้งตื่น ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เห็นในฝัน ดวงตาสวรรค์ที่เรืองแสงดับวูบแล้วปิดตัวลง เคนหันไปมอง ก่อนจะลุกไปหยิบดวงตาสวรรค์ลงมาจากหิ้งพระ แล้วมานั่งลงที่มุมหนึ่ง ต่ำนอนหลับอยู่มุมหนึ่งไม่รู้เรื่องราว สัปเหร่อแต้มเดินออกมาจากห้อง แล้วเดินเข้าไปหา
“ฝันร้ายละซิ”
“ครับ”
“ภารกิจของแกเป็นเรื่องสำคัญ”
“แต่ผมไม่รู้วิธี...ไม่รู้ต้องทำยังไง”
“สักวันแกจะรู้...อย่าละทิ้งหน้าที่ของตัวเองก็แล้วกัน”
“ครับ”
เคนนั่งมองดวงตาสวรรค์อยู่ที่มุมหนึ่ง...ขณะเดียวกันนั้น ซัมดองปรากฏขึ้นที่นอกหน้าต่างบ้าน แววตาอาฆาต แล้วสักครู่ร่างของซัมดองก็ค่อยๆ เลือนหายไป โดยที่เคน และ สัปเหร่อแต้มไม่รู้ตัว
เช้าของวันใหม่ ดร.วิทยา ลืมตาขึ้นมา แล้วทรงตัวนั่ง ฮวงนั่งเฝ้าอยู่รีบเข้ามาพยุงตัว
“เป็นไงบ้างครับ”
“ฉันมึนๆ ยังไงไม่รู้”
“ด็อกเตอร์หลับไปหลายวันเลย ตั้งแต่วันที่ไฟไหม้”
“งั้นเหรอ”
“ผมพาด็อกเตอร์ไปหาหมอ แต่หมอบอกไม่เป็นไร ให้ด็อกเตอร์นอนหลับให้มากๆ”
“นี่ฉันคงหลับเป็นตายเลยซินะ ถึงไม่รู้ว่าแกพาฉันไปหาหมอมา”
บัวชุมเดินเข้ามา
“ด็อกเตอร์ฟื้นแล้ว”
“เออ...แกหาอะไรให้ฉันกินหน่อยซินังบัว หิว”
“ทานกาแฟก่อนนะคะแล้วเดี๋ยวหนูจะไปทำข้าวต้มให้”
“ด็อกเตอร์เพิ่งฟื้นไข้ แกจะให้กินกาแฟได้ยังไง” ฮวงแย้ง
“คือเอ้อ หนูไม่รู้...”
“ดีแล้วฮวง ฉันเองก็อยากกินกาแฟเหมือนกัน ไม่เป็นไรหรอกน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวบัวจะไปชงกาแฟให้ค่ะ”
บัวชุมรีบเดินออกไป
ฮวง พยุง ดร.วิทยาออกมาที่ห้องรับแขก เสือสนธิ์ และเจ้าพ่ออินทร์กำลังดูทีวีและคุยกัน เมื่อมองเห็นดร.วิทยาก็ รีบเข้ามาหา
“หายดีแล้วหรือครับ ด็อกเตอร์” เสือสนธิ์ถามอย่างห่วงใย
ดร.วิทยายิ้มบางๆ
“ก็ดีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องห่วง”
“เรื่องอาวุธที่ด็อกเตอร์บอกให้พวกเราสั่ง ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว" เจ้าพ่ออินบอก
ดร.วิทยายิ้มพอใจ
“ดีมาก...ถ้าเราได้ทับทิมสยามสีแดงมาเมื่อไหร่ การทดลองของเราก็จะเริ่มขึ้นทันที”
“เราจะกลับไปที่เจดีย์อีกครั้งใช่มั๊ยครับ” เสือสนธิ์ถามอย่างสงสัย
“ใช่...ฉันคาดว่าพวกไอ้ด็อกเตอร์ฟอร์ด คงต้องไปดักรอพวกเราที่นั่นแน่นอน”
“อย่าห่วงไปเลยครับ กองกำลังของผมกับของเสือสนธิ์ จะผนึกกำลังกันต่อต้านคนเลวอย่างด็อกเตอร์ฟอร์ดแน่นอน” เจ้าพ่ออินทร์บอกอย่างมุ่งมั่น
บัวชุมเดินถือกาแฟออกมา
“กาแฟได้แล้วค่ะ ด็อกเตอร์”
วิทยารับกาแฟไปแล้วดื่ม บัวแอบมองสะใจ ดร.วิทยา หันมาหา
“เออนังบัว”
“จ๋า”
“เรื่องไอ้สมุนไพรว่านผีเจาะปากของแกไปถึงไหนแล้ว”
“หนูกรอกปากให้มันกินทุกวัน ตอนนี้มันติดงอมแงมไปเลย”
“ดีมาก”
ดร.วิทยายกกาแฟขึ้นมาดื่มอีกครั้ง ภาพในทีวีเป็นภาพเชิญท่องเที่ยวงานมหัศจรรย์พนมรุ้ง ในวัน15 ค่ำเดือน 5 เสียงโฆษณาในทีวีดังแว่วมา
“ทุก 15 ค่ำเดือน 5 ของทุกปี ปรากฏการณ์มหัศจรรย์แสงอาทิตย์ลอดผ่าน 15 ช่องประตูของปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นบทพิสูจน์ความสามรถของคนโบราณที่คำนวนเอาไว้อย่างแม่นยำ...”
ฮวงนึกอะไรได้จึงหันไปถาม
“ด็อกเตอร์ครับ แสงอาทิตย์ลอดช่องประตูในวัน15 ค่ำเดือน 5 จะเกี่ยวอะไรกับภาพวาดที่ด็อกเตอร์เคยเล่าให้ผมฟังหรือเปล่าครับ”
ดร.วิทยาฉุกคิดขึ้นมา
“จริงซิ 15 ค่ำเดือน 5 นี่เหลืออีกกี่วัน”
“อีก 2 อาทิตย์ครับ” เสือสนธิ์บอก
“เราจะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้ เราต้องหาทับทิมสยามสีแดงมาให้ทันให้ได้ ฉันเชื่อว่านี่แหละคือปริศนาที่เราต้อง ค้นหา” ดร.วิทยาพูดด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่นมาก
บัวชุมค่อยๆเลี่ยงออกจากห้องไป
เคน ต่ำ และบัวชุม กำลังพูดอยู่กับม่านฟ้า ซึ่งร่างกายแข็งแรงดีแล้ว
“15 ค่ำเดือน 5 ยังไงมันต้องหาทับทิมสยาม ให้ได้ก่อนวันนี้ค่ะคุณหนู”
“งั้นเราต้องรีบหนี” ม่านฟ้าบอกอย่างร้อนใจ
บัวชุมหันไปหาเคน
“ไหนบอกหน่อยว่าถ้าจะหนี พวกเราต้องไปทางไหน”
“ถ้าอยู่ในหมู่บ้าน หนียาก ชาวบ้านทุกคนเป็นพวกของเสือสนธิ์ ไม่มีทางเล็ดลอดสายตาไปได้”
“แล้วจะมีใครเข้ามาช่วยพวกเราหรือเปล่า” ม่านฟ้าถามอย่างกังวล
“ทางกลุ่มเสาร์ห้า ต้องการให้ม่านฟ้าหลอกพาดร.วิทยาออกจากหมู่บ้าน แล้วค่อยหาทางชิงตัวหนีระหว่างทาง”
“ออกจากหมู่บ้านเหรอ”
บัวชุมครุ่นคิด
“เอางี้ซิคะ ถ้ามันมาถามเรื่องทับทิมสยาม คุณหนูก็บอกเรื่องที่เราฝังเอาไว้ในป่า แล้วก็พาพวกมันไปขุดหา”
เคนเห็นดีด้วย
“ดีครับ...ถ้าเข้าป่าเราจะได้เปรียบ”
“ม่านฟ้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ พี่ต่ำจะดูแลม่านฟ้าเอง” ต่ำปลอบ
ม่านฟ้ายิ้มให้
“ขอบคุณค่ะพี่ต่ำ”
ต่ำแอบยิ้มปลื้มใจ
“พี่ต่ำ เรารีบออกจากที่นี่กันเถอะ ประเดี๋ยวพวกมันก็คงมากันแล้ว” เคนตัดบท
ต่ำมองม่านฟ้าอย่างห่วงใย
“นอนหลับฝันดีนะ”
“กลางวันแสกๆ ใครจะมานอนกันอีก” บัวชุมประชด
ต่ำค้อนบัวชุม
“ไม่สวยแล้วยังปากร้ายอีก”
บัวชุมเบ้หน้าหมั่นไส้
“ย่ะ...พ่อหนุ่มเจ้าเสน่ห์เท่ห์ระเบิด”
ต่ำเก๊กหล่อ
“อย่างน้อยตาเธอก็ยังมีแวว ไปกันเถอะเคน พี่ต่ำต้องไปตากให้ดำอีกนิด เดี๋ยวม่านฟ้าจะสับสน แยกไม่ออกระหว่างนิชคุณกับพี่ต่ำ”
ต่ำยักคิ้วเย้ยให้บัวชุม เคนรีบพาต่ำไปที่ประตู
แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็น ดร.วิทยา ฮวง เสือสนธิ์ เจ้าพ่ออินท์กำลังพากันเดินมาพอดี
โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป วันพรุ่งนี้
เสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554