ทอง ๕ ตอนทับทิมสยาม ตอนที่ 9
ที่บริเวณลำธาร...กระแต และบุษกร เดินลงลำธารแล้วจึงปลดเสื้อผ้าเพื่อลงแช่ในน้ำ ขณะที่อีกมุมหนึ่งสตีเฟ่นกำลังยืนมองอยู่เงียบๆ ภาพของสาวๆ เปียกน้ำ ทำให้อารมณ์ดิบของสตีเฟ่นครุกรุ่น เขาตัดสินใจเดินออกมา กระแต และบุษกรตกใจ หันไป
“ขอฉันอาบด้วยคนนะ”
กระแต และบุษกร มองหน้ากันแล้วตัดสินใจเดินขึ้นจากน้ำ แต่สตีเฟ่นคว้ามือกระแตไว้
“เธอรังเกียจฉันเหรอ”
“เปล่าค่ะ”
“งั้นอยู่เป็นเพื่อนกันก่อนซิ”
“พอดี เราต้องรีบไปทำงานต่อ ไปเถอะกระแต”
บุษกรมาช่วยแกะมือ สตีเฟ่นปล่อยกระแต แล้วรวบเอาบุษกรเข้ามากอด
“งั้นเธอต้องอยู่กับฉัน”
“ปล่อยค่ะ ปล่อย”
“ไหนว่าเธอจะทำตามคำสั่งของพวกเราทุกอย่างไง”
กระแตรีบบอก
“แต่ ด็อกเตอร์สั่งเราไว้ ห้ามไม่ให้มีเรื่องชู้สาวนะคะคุณสตีเฟ่น”
“แต่ฉันเป็นลูกชายด็อกเตอร์ฟอร์ด ไม่เป็นไรหรอกน่า”
“ไม่ได้ค่ะ ฉันต้องฟังคำสั่งของด็อกเตอร์ฟอร์ด คุณจะขัดคำสั่งด็อกเตอร์ฟอร์ดไม่ได้” บุษกรดิ้นรน
“อย่าซื่อให้มันมากนักเลย อยู่เฉยๆ”
กระแตเข้ามาช่วย ขณะที่สตีเฟ่นพยายามปลุกปล้ำ ดร.ฟอร์ดเดินเข้ามามอง ไม่พอใจ
“หยุดนะ สตีเฟ่น”
สตีเฟ่นชะงัก หันมามอง สองสาวรีบเขาไปหาดร. ฟอร์ด
“พ่อ”
ดร.ฟอร์ดเดินเข้ามตบหน้าสตีเฟ่นฉาดใหญ่
“สารเลว ฉันสั่งแล้วใช่มั๊ยว่าไม่ให้แกทำแบบนี้”
“แต่ว่า...”
“หุบปาก ถ้าแกไม่ฟังคำสั่งฉันก็ออกไป”
สตีเฟ่นเดินออกไปอย่างขุ่นเคือง ขณะที่กระแต และบุษกร หลบอยู่ข้างหลังดร.ฟอร์ด
“ขอบคุณมากค่ะ ด็อกเตอร์
“ทีหลัง อย่ามาที่นี่กลางคืนอีก”
“ค่ะ”
ทั้งสองคนรับคำ แล้วแยกกลับที่พัก
+ + + + + + + + + + + +
สตีเฟ่น เดินหงุดหงิด มาตามทางเดิน แล้วหยุดระบายอารมณ์กับต้นไม้ สักครู่ ราฮีมก็เข้ามาหา
“คุณสตีเฟ่นครับ”
“มีอะไร”
“มาดูอะไรทางนี้ซิครับ”
สตีเฟ่นหงุดหงิด เนื่องจากกำลังอารมณ์ไม่ดี
“อะไรวะ”
“คือไอ้พวกเสาร์ห้าน่ะครับ ผมว่ามันมีท่าทางแปลกๆ”
ราฮีมเดินนำสตีเฟ่นมาที่มุมหนึ่ง มองเห็นเดี่ยวกำลังเดินไปมาตามแค้มป์ที่พัก ท่าทางเหมือนกำลังสำรวจข้อมูล
“มันเดินด้อมๆ มองๆ น่าสงสัย”
“สงสัยก็ไปถามมันซิวะ”
สตีเฟ่นเดินนำราฮีมเข้าไปหาเดี่ยว
“เฮ้ย...”
ราฮีมทัก เดี่ยวหันมา
“มาทำอะไรแถวนี้”
“ผมเพียงแต่มาตรวจดูความเรียบร้อย ก็เท่านั้นเอง”
“คุณกลับไปที่พักของคุณได้แล้ว”
สตีเฟ่นสั่ง เดี่ยวเดินกลับไป สตีเฟ่นมองตามอย่างไม่ชอบหน้า
“ปล่อยมันไปก่อน ต่อไปแกจับตาพวกมันไว้ ให้ดีมีอะไรรีบมารายงานฉัน”
“ครับคุณสตีเฟ่น”
สตีเฟ่น และราฮีมมองตาม
+ + + + + + + + + + + +
บริเวณลำธารอีกมุม...
มะโหนกและกลุ่มลูกน้องกำลัง เล่นน้ำ และดื่มเหล้ากันเฮฮา เดี่ยว และคนงาน พากันเดินมา ร่วมสนุกด้วย มะโหนก รินเหล้าแจกทุกคน เสียงโวยวาย แล้วบังคับให้ทุกคนดื่ม จนกระทั่งเหล้าวนมาถึงเดี่ยว แต่เดี่ยวไม่ดื่ม ส่งเหล้าให้คนอื่นดื่มแทน ทำให้มะโหนกมองอย่างไม่พอใจ
เดี่ยวเดินผ่านกลุ่มมะโหนกที่กำลังตั้งวงกินเหล้ากันอยู่ มะโหนกเรียกเดี่ยว
“พี่ชายจะรีบไปไหน”
“ฉันจะไปนอนแล้ว”
“อะไร..นอนแต่หัววัน มาดื่มกันก่อน”
“ไม่...”
“ทำไม”
“ผมไม่ดื่ม”
“รังเกียจใช่มั๊ย”
“เปล่า ผมแค่ไม่ดื่ม”
“แต่เอ็งต้องดื่ม ไม่งั้นข้าถือว่าเอ็งไม่ใช่พวก”
“งั้นผมขอตัว”
เดี่ยวพยายามเลี่ยงออกมา แต่มะโหนกมาขวางไว้
“เอ็งกล้าดียังไง”
“ผมไม่อยากมีเรื่อง ขอโทษ”
“ถุย ตัวเมียนี่หว่า”
เดี่ยวฉุนขาดที่โดนดูถูก ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะของทุกคน เดี่ยวจึงหันไปมองหน้ามะโหนกที่มองกวนๆ แล้วพูด
“ขอโทษนะครับ”
ขาดคำ เดี่ยวก็ชกเปรี้ยงใส่หน้า มะโหนกเซล้มลงไป แล้วดีดตัวขึ้นมาตะลุมบอน เดี่ยวและมะโหนกต่อสู้กันแบบไม่มีใครยอมใคร ท่ามกลางเสียงเชียร์ของคนงาน
มะโหนกแม้จะมีความเก่งกาจในเชิงการต่อสู้ แต่ยังสู้เสื้อซ่อนเล็บอย่างเดี่ยวไม่ได้ ในที่สุด มะโหนกก็ล้มคว่ำ หมดทางสู้ เดี่ยวหันหลังจะเดินกลับ แต่มะโหนกหันไปคว้าปืนขึ้นมา แต่หูของเดี่ยวได้ยินเสียงมะโหนกหยิบปืนทำให้เดี่ยวซึ่งหันหลังอยู่ เบี่ยงตัวหลบกระสุนที่พุ่งออกมาได้อย่างฉิวเฉียด ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน
ด็อกเตอร์ฟอร์ด เดินเข้ามาแล้วยิงปืนขึ้นฟ้าเปรี้ยงๆ ๆ ติดต่อกันเพื่อข่มขู่
“นี่มันบ้าอะไรกัน”
“ไม่มีอะไรครับ แค่เข้าใจกันผิดกันเล็กน้อย”
“ต่อไปถ้ามีเรื่องกันอีก ตาย...เข้าใจมั๊ย...”
ด็อกเตอร์ฟอร์ดดุดัน เอาจริง
+ + + + + + + + + + + +
ภายในแคมป์ทำงาน...ดอนเดินมองไปรอบๆแคมป์ที่พัก เพื่อสำรวจจำนวจคน และอาวุธ สักครู่เดี่ยวก็เข้ามาหาดอน มีบาดแผลเล็กน้อย
“เดี่ยวไปซัดกะใครมา”
“ที่นี่มันเถื่อนจริงๆดอน”
“แล้วได้เรื่องยังไงบ้าง”
“คนงานที่นี่ เป็นพวกทหารเก่าทั้งนั้น แต่ละคนไม่ธรรมดา”
“ดร.ฟอร์ดจ้างพวกนี้ด้วยราคาที่สูงมาก ทุกคนจึงทำงานกันอย่างถวายหัว”
“เราน่าจะส่งข่าวให้พวกเรารู้ถึงความเคลื่อนไหวของเรา”
ดอนใช้สายตาแสกนไปยังเต้นท์คอมพ์ฯ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์และเครื่องมือเทคโนโลยี่ต่างๆ พบว่ามีคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง มีคนงานนั่งใส่หูฟังเฝ้าอยู่ตลอดเวลา
“ในเต้นท์นั่นมีคอมสำหรับดักฟังโทรศัพท์ มันจัดให้มีคนนั่งฟังอยู่ตลอดเวลา”
เดี่ยวพยักหน้า...
“ถึงว่า...ที่มันไม่ยึดโทรศัพท์พวกเรา ก็เพราะว่ามันจะล้วงความลับพวกเรานี่เอง”
“ถ้าจะส่งข่าว ปลอดภัยที่สุดน่าจะใช้อินเตอร์เน็ตนะ เพราะว่าเราสามารถล้างข้อมูลที่เราส่งไปได้”
“ถ้างั้นคุณดอนจัดการเรื่องนี้นะ ฉันจะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจให้”
ดอนและเดี่ยว พากันเดินไปยังบริเวณเต้นท์ทำงาน
+ + + + + + + + + + + +
ภายในเต้นท์ทำงาน เจ้าหน้าที่ ดักฟังโทรศัพท์ กำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง และหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของที่ทำงานไปด้วย ดอนและเดี่ยวเดินเข้าไปหา
“พี่ชาย มีเกมส์อะไรเล่นมั่ง”
เจ้าหน้าที่หันไปถาม
“ใช้คอมเป็นเหรอ”
“ผมไม่ได้มาจากป่าจากเขานะ อยู่นี่ก็หลายวันแล้วมันคันมือ คันไม้อยากเล่นเกมส์”
“คอมที่นี่เขาให้เฉพาะพวกนายฝรั่งใช้”
“แต่ตอนนี้นายฝรั่งไม่อยู่ ขอผมกับเพื่อนผ่อนคลายบ้างซิ”
“งั้นก็ใช้เครื่องโน้นเครื่องเดียว สลับกันเล่นแต่ถ้านายมาก็ให้เลิก”
“ก็ยังดี ขอบใจมากนะพี่ชาย”
เดี่ยว พยักหน้าให้ดอนเข้าไปใช้คอมพิวเตอร์ ขณะที่ตนเองเข้าไปตีสนิทต่อ
“พี่ชายเล่นเว็บอะไรอยู่”
“เปล่า แค่ดักฟังคลื่นสัญญาณโทรศัพท์”
เดี่ยวชวนเปิดดูรูปโป๊สาวๆ เจ้าหน้าที่จึงเพลินไปด้วย
ดอน กำลังพิมพ์ข้อมความว่า...
“ขณะนี้ ผม ดอน เดี่ยว กระแต และบุษกร อยู่ในแคมป์ของดร.ฟอร์ด บริเวณใจกลางป่าสุสานช้าง มีเจดีย์ใหญ่เป็นเป้าหมาย ภาระกิจคือการหาทับทิมสยามสีม่วง คนงานที่นี่เป็นทหารเก่าอาวุธครบมือ...หากต้องการเข้ามาให้...”
สตีเฟ่น และราฮีมกำลังเดินมาหน้าแคมป์ เดี่ยวเห็นรีบบอก
“ดอน เลิกเล่นได้แล้ว นายฝรั่งมา”
ดอนไม่สามารถพิมพ์ต่อได้จึงรีบส่งข้อความไปทันที จากนั้นก็รีบลบทุกอย่างทิ้งไป แล้วเปิดเกมส์เล่นแทน สตีเฟ่น และราฮีม เดินเข้ามามอง
“พวกแกเข้ามาที่นี่ทำไม”
“เอ้อ...มาเล่นเกมส์ครับ” ดอนบอก
“ขอโทษครับคุณสตีเฟ่น พอดีอยู่นี่แล้วมันเหงาๆไม่มีอะไรทำ แต่เดี๋ยวผมจะไปกันแล้วครับ”
เดี่ยวอธิบาย แล้วขวนดอน ลุกเดินออกจากแคมป์ สตีเฟ่น และราฮีมมองตาม...
ราฮีมบ่น
“ปล่อยให้พวกมันเข้ามาใช้ คอมพิวเตอร์ที่นี่ได้ยังไง”
“ขอโทษครับนายคือผม...”
“ไม่เป็นไร ถ้ามันอยากจะใช้ ก็ให้มันใช้...แกไปเช็คทีว่าเมื่อกี้มันทำอะไรบ้าง”
“ได้ครับ”
ราฮีมไปที่คอมพิวเตอร์ซึ่งดอนใช้แล้ว จากนั้นก็เปิดโปรแกรมเช็คว่าดอนทำอะไรไปบ้าง แต่ไม่เจอเนื่องจากดอนเหนือนชั้นกว่า ลบทุกอย่างทิ้งไม่ปรากฏร่องรอย
“ไม่มีอะไรครับคุณสตีเฟ่น มันน่าจะมาเล่นเกมส์อย่างเดียว”
สตีเฟ่นยังไม่หมดความสงสัย แต่ก็เดินไปเปิดคอมพิวเตอร์ทำงาน
ดอน และเดี่ยวเดินมาตามทาง แล้วคุยกัน...
“พวกมันจับไม่ได้แน่ ฉันลบทุกอย่างทิ้งไม่เหลือร่องรอย”ดอนบอกอย่างมั่นใจ
“แล้วนายส่งข่าวทันใช่มั๊ย”
“ทัน เหลือแต่ข้อมูล เรื่องการเข้าออกสุสานช้างที่ยังไม่ได้ส่ง”
“หวังว่าพวกเราที่อยู่ในป่า คงจะรับข้อความที่นายส่งไปแล้ว”
“ถ้ามีมือถือติดมา ก็น่าจะรับข้อความได้”
ดอนและเดี่ยวเดินไปที่บ้านพัก แล้วปิดประตู
+ + + + + + + + +
ที่โทรศัพท์ของยอด ส่งสัญญาณว่ามีข้อความเข้ามา ยอดหยิบโทรศัพท์มากดเปิด เห็นเป็นข้อความที่ดอนส่งมา กริ่งและเทอดหันมามอง
“ข้อความจากดอน พวกเขาอยู่ด้านในป่าสุสานช้างจริงๆด้วย ดร.ฟอร์ดกำลังค้นหาทับทิมสยามสีม่วง แต่
ข้อความไม่ครบ”
“ลองโทรกลับไปซิ”
ยอดกดโทรศัพท์โทรกลับ ไปยังเครื่องของดอน
โทรศัพท์ของดอนเสียงดังขึ้น ดอนหันมามองแล้วหยิบขึ้นมา
“ยอดโทรเข้ามา”
“แสดงว่าได้รับข้อความแล้ว”
“งั้นฉันรับโทรศัพท์นะ”
“เดี๋ยว ขอฉันดูที่เต้นท์ทำงานก่อน”
เดี่ยวเดินไปที่หน้าต่าง ซึ่งมองเห็นเต้นท์ทำงาน เห็นสตีเฟ่นลุกขึ้นมาหาเจ้าหน้าที่ในเต้นท์ แล้วเริ่มฟังเสียง
“มีสัญญาณโทรศัพท์เข้ามาที่เครื่องคุณเดี่ยวครับ” เจ้าหน้าที่บอก
“ตัดสัญญาณไปเลย อย่าให้มันติดต่อคนภายนอก” ราฮีมสั่ง
“เดี๋ยว ปล่อยให้มันพูดกัน แล้วคอยแอบฟัง” สตีเฟ่นบอก
“ได้ครับ”
เจ้าหน้าที่เริ่มเปิดโปรแกรมดักฟังเสียงโทรศัพท์ ทางด้านเดี่ยวหันมาหาดอน
“อย่ารับนะ ปล่อยให้สายหลุดไปเอง”
“มันดักฟังเราใช่ไหม”
“ใช่ พวกมันจะทำให้เราตายใจ แต่ถ้าเผลอ เราก็เสร็จมัน”
ดอนนั่งมองโทรศัพท์จากยอด จนกระทั่งสายหลุดไป ทางด้านยอดวางโทรศัพท์ลงหลังจากติดต่อไม่ได้
“โทรติด แต่ไม่มีคนรับสาย”
เทอดพยักหน้ารับรู้
“แสดงว่าดอนมีเหตุจำเป็น”
“ถ้างั้นเราก็ต้องรอให้ดอน เดี่ยวส่งข้อความกลับมาอีกครั้ง”กริ่งบอก
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
+ + + + + + + + + + +
เจนนี่เดินไปเดินมาอย่างกังวล
“เคนยังไม่กลับมาอีก บอกว่าจะไปหาอะไรมาให้พวกเรากิน”
“เดี๋ยวก็มาน่า...เขาชำนาญป่าแถวนี้อยู่แล้ว” ชลดาบอก
โทรศัพท์ดังมีข้อความ ยูกิเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความ ขณะที่ชลดา เจนนี่ มองด้วยความสนใจ
“ข้อความจากคุณดอนน่ะ ดูซิ”
ยูกิส่งโทรศัพท์ให้เพื่อนอ่านกัน สักครู่แบตเตอรี่ ก็หมดลงทันที ทุกคนเสียดาย
“แบตก้อนสุดท้ายแล้วใช่มั๊ยยูกิ”
“ใช่ เครื่องมือสื่อสารของเราตอนนี้ไม่เหลือแล้ว”
เสียงแคน ดังแว่วมา ฟังดูวังเวง เจนนี่ชะงัก
“เสียงแคนดังมาอีกแล้ว”
“คงไม่ใช่เสียงเตือนภัยหรอกนะ”
ขาดคำของยูกิ เสียงปืนก็ดังรัว ปังๆๆ เจนนี่ ชลดา ยูกิ กลิ้งตัวหลบ แล้วหยิบปืนขึ้นมา
“ว่าแล้ว”
กระสุนปืนยิงมาจากทุกทิศทุกทาง ทำให้สาวๆ รู้สึกว่ากำลังเสียเปรียบ เจนนี่ร้องบอก
“หนีเร็ว ยูกิ ยิงสกัดให้ด้วย”
เจนนี่ ชลดาวิ่งนำ ขณะที่ยูกิยิงสกัดแล้วตามไป
+ + + + + + + + + + +
กลุ่มของเปาชาง อาเตียว และพวก กระหน่ำยิงเข้าไปยังกองไฟ และบริเวณป่ารอบๆ เมื่อไม่มีเสียงตอบโต้ เปาชางก็บุกเดี่ยวเข้าไป แล้วมองหา อาเตียวและพวกตามเข้ามา
“เห็นหลังไวๆ ว่าเป็นผู้หญิง 3 คน” เปาชางบอก
อาเตียวมองไปข้างหน้า...
“นั่นไง วิ่งไปทางโน้นแล้ว”
“คงเป็นนนังตัวแสบ 3 คนนั่น...เอาตัวมันมาให้ได้”
เปาชางและพวกรีบตามไปทันที ขณะเดียวกัน เจนนี่ ชลดา ยูกิ พากันวิ่งหนีมาตามทาง ชลดาสะดุดล้มลงไป เจนนี่หันมามองแล้วเข้ามาพยุง
“เป็นอะไรหรือเปล่า” เจนนี่ถาม
“สงสัยข้อเท้าแพลง” ชลดาบอก
“รีบไปเร็ว มันตามมาแล้ว”
เจนนี่ และยูกิ ช่วยกันพยุงชลดาให้หนี แต่ ทำได้ไม่ง่ายนัก ชลดารีบบอก
“ทิ้งเราไว้ที่นี่ พวกเธอหนีเร็ว...”
“ไม่ ถ้าจะตายก็ตายด้วยกัน” เจนนี่บอก
“แข็งใจหน่อย”
สามสาวช่วยกันและกัน ขณะที่เปาชางและพวกยิงไล่หลังมาติดๆ ทันใด เคนโดดลงมาจากต้นไม้ พร้อมยิงปืนกลจากแคนเข้าใส่พวกเปาชาง พวกเปาชางหลบเป็นพัลวัน
เคนหันบอกยูกิและเจนนี่
“คุณสองคนยิงคุ้มกันให้ด้วย ผมจะพาคุณชลดาไปเอง”
เคนพยุงชลดา หนีนำหน้าไป ขณะที่เจนนี่ และยูกิ ยิงคุ้มกันแล้วหนีตามไป กระทั่งถึงหน้าผา
“ไปทางไหนต่อ” เจนนี่ถาม
“โดดลงไป” เคนสั่ง
“บ้าซิ...”
“โดดเร็ว”
“ฉันยังไม่อยากตาย” เจนนี่รีบบอก
ยูกิเสริม
“ฉันก็ไม่อยากตายเหมือนกัน”
“ฉันด้วย” ชลดาบอกด้วย
“พวกมันมาแล้ว โดดเร็ว” เคนร้องบอก
เปาชางและพวก ยิงปืนกระหน่ำเข้ามา ทุกคนพากันหลบ
“ไอ้พวกโจรป่า ถ้ามันจับพวกคุณได้ รู้มั๊ยอะไรจะเกิดขึ้น” เคนถาม
“ฉันยอมตายซะดีกว่า”
“ถ้างั้น ผมไปละ”
เคนกระโดดลงจากหน้าผา ท่ามกลางกระสุนปืนที่ใกล้เข้ามา ชลดาหันมาถาม
“เอาไงดี”
“ใครมีกระสุนบ้าง”
ยูกิ กระสุนปืนหมด หันมาหาเพื่อนๆ เพื่อขอกระสุน
“ชุดสุดท้ายแล้วนะ”
เจนนี่ส่งกระสุนปืนให้เพี่อน แต่แล้ว เปาชางกับอาเตียวก็โผล่เข้ามา เจนนี่ ยูกิสะกัดไว้จนกระสุนหมด ชลดารีบคลานหนีไปที่หน้าผา
“เสร็จฉันแน่ ครวนี้ฉันจะทำให้แสบยิ่งกว่า คราวก่อนที่พวกเธอทำฉันแสบ”
“ขอเหมาหมดเลยได้มั๊ยเนี่ยะ” อาเตียวหัวเราะกวน
ลูกน้องเปาชาง 10 กว่าคน เข้ามารุมล้อมสาวๆ ด้วยสายตาหื่นกระหาย ยูกิโดนจับมือเธอสะบัดแล้วเตะสวน ขณะที่เจนนี่ก็พยายามต่อสู้แล้วถอยหนีไปหาชลดาที่หน้าผา สามสาวมองตากัน ตัดสินใจทำบางอย่างแน่นอน
“พวกเธอไม่รอดแน่ อยากตายแบบไหนเลือกเอา”
เปาชางยกปืนขึ้นมาเล็ง เจนนี่เตะสวนปืนกระเด็น แล้วหันไปจับมือชลดา และยูกิ โดดลงหน้าผาไป
ค่ำคืนนั้น...เคนพาเจนนี่ ชลดา และยูริหนี ขณะที่พวกเปาชางไล่ล่า ระหว่างทาง ชลดาเริ่มเจ็บขา ทำให้เธอเธอแยกออกจากกลุ่ม หามุมเพื่อนั่งพัก เคนหันมาเห็นรีบตะโกนบอก
“คุณชลดา”
ชลดาหน้าซีด
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เจนนี่มองเพื่อนอย่างห่วงๆ
“อาการปวดคงกำเริบ”
“ขอพักแปปนึงนะคะคุณเคน” ยูกิบอก
“ได้ซิ”
ชลดากำลังจะก้าวขาไปหาที่นั่งเหมาะๆ เคนร้องห้ามเสียงดัง
“อย่า...”
ชลดาชะงัก เช่นเดียวกับทุกคนที่รู้สึกแปลกใจ
“มีอะไรคะ” ชลดาถามอย่างสงสัย
“ตรงนั้นเป็นหลุมพราง ถ้าอีกก้าวเดียวละก็...”
เคนเดินมาหาชลดา แล้วส่งมือให้ชลดาจับ จากนั้นก็ชี้ให้เห็นร่องรอยของหลุมพรางซึ่งอยู่ห่างจากชลดาเพียงคืบเดียว ชลดาหันมองหลุมหน้าเสีย
“คุณตกลงไปแน่”
ชลดามองหน้าเคน
“คุณมาทำไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เป็นหลุมเก่า ผมแค่เอาใบไม้มาพรางเอาไว้”
“มีหลุมพรางแบบนี้เยอะมั๊ยคะ” ยูกิถามอย่างกังวล
“มีทั่วทั้งป่า ถ้าไม่อยากลงไปนอนก้นหลุม ก็ต้องเดินตามผม”
เคนพาชลดา เดินออกจากจุดอันตราย เดินทางต่อ...จนพาทุกคนไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง จากนั้นก็เปิดประตูต้นไม้ออกทุกคนตะลึง
“เข้าไปเร็ว มีทางลงไปข้างล่าง เป็นถ้ำ”
ยูกิตะลึง
“มหัศจรรย์จริงๆ”
ชลดาตื่นเต้น
“เกิดมาเพิ่งเคยเห็นนี่แหละ”
“คุณเคนเขามีไอเดียอะไรแปลกๆ” เจนนี่พูดยิ้มๆ
เคนหันมาเร่งสามสาว
“รีบลงไปในถ้ำ ข้างล่างปลอดภัยที่สุด”
ทุกคนพากันเดินเข้าไปในต้นไม้ แล้วปิดประตู พวกเปาชางมาพอดี มองหา ไม่เห็นมีใครก็แปลกใจ
“พวกมันหายไปไหนเร็วจัง” อาเตียวบ่นอย่างสงสัย
เปาชางหันไปสั่งสมุน
“หาให้ทั่ว มันต้องหลบอยู่แถวนี้แน่”
ทุกคนแยกย้ายกันหา ลูกน้องเปาชางนำทางให้เปาชาง และอาเตียวปีนลงหน้าผาไป
+ + + + + + + + + + + +
หลังจากทุกคนลงมาจากประตูต้นไม้ สามสาวยืนรอเคน เพราะเคนตามมาเป็นคนสุดท้าย เคนนำเขาไปในถ้ำ
“มาเร็ว ข้างในเป็นถ้ำ”
“คับแคบอย่างงี้ จะเข้าไปหมดได้ยังไง” เจนนี่ถามอย่างสงสัย
“ทางเข้าแคบ แต่ข้างในกว้างทุกคนรอที่นี่นะ...ผมจะออกไปดูซิว่ามันไปแล้วหรือยัง”
เคนแยกออกไป
ทางด้านเปาชาง อาเตียว และพวกกำลังมองหาเคนและสาวๆที่หายไป แล้วส่องไฟค้นหาตามมุมต่างๆ ทุกคนหาไม่เจอ
“ไม่เจออะไรเลย” อาเตียวบอก
“ถ้าไม่เจอก็กลับ เสียเวลา”
เปาชางนำทุกคนกลับ เคนเปิดประตูต้นไม้โผล่ออกมาดู เห็นพวกเปาชางไปแล้วก็ปิดประตูต้นไม้ แล้วลงบันไดมา เจนนี่ตามมาพอดี เคนตกใจเล็งปืนใส่
“ฉันเอง เจนนี่”
“ออกมาทำไม”
“ก็เป็นห่วงนายนะซิ”
“พวกมันไปแล้ว เข้าไปในถ้ำเถอะ”
เคน และเจนนีเดินเข้ามาในถ้ำ ขณะที่ยูกิกำลังดูแลชลดาอยู่ที่มุมหนึ่ง ภายในถ้ำนั้น เหมือนบ้านหลังย่อมๆ มีกล่องใส่เสื้อผ้ามากมาย ทั้งของผู้ชายและผู้หญิง อีกทั้งยังมีมุมเก็บอาวุธและกระสุนปืน เคนเดินไปหยิบกระเป๋าพยาบาลมาส่งให้เจนนี่
“เข้าเฝือกเป็นหรือเปล่า”
เจนนี่ พยักหน้ารับ
“เป็น”
“ดี...คุณชลดาจะได้ไม่เจ็บมากไปกว่านี้”
“แล้วใช้อะไรเป็นเฝือกดีล่ะ” เจนนี่ถาม
“ลองหาเอาแถวนี้ก็แล้วกัน”
เจนนี่และยูกิเดินมองหาอุปกรณ์มาทำเฝือก ยูกิหันไปถามเคน
“ของในถ้ำนี้ เป็นของคุณเหรอ”
“จะว่างั้นก็ได้”
เจนนี่สงสัย
“แล้วคุณไปเอามาจากไหน ดูซิ มีทั้งเสื้อผ้าผู้หญิง ผู้ชาย สวยๆทั้งนั้นเลย”
ยูกิ มองที่มุมเก็บของ
“อาหารกระป๋องก็มีเจนนี่ ...ดูซิ นี่ไง...แบตเตอรี่ก็มี ลูกกระสุนเพียบ ไดนาไมด์ก็มี”
เคนยิ้มๆ
“มันตกมาจากฟ้า”
“หมายความว่าไงคะคุณเคน” ชลดาถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็จากเครื่องบินไง ป่าแถบนี้ เครื่องบินตกบ่อย ของพวกนี้ส่วนใหญ่ก็มาจากกระเป๋าเดินทางในเครื่องบินเกือบทั้งนั้น”
ชลดายิ้มบางๆ
“ดีเหมือนกัน พวกเราจะได้มีเสื้อเปลี่ยนซักที”
เจนนี่เข้ามาหาชลดา พร้อมอุปกรณ์เข้าเฝือกที่เธอและยูกิ เดินไปเลือกมาจากกองข้าวของในถ้ำ
“มาชลดา เดี๋ยวเราเข้าเฝือกให้”
ยูกิยกกระเป๋ายามา
“เดี๋ยวขอเอายาใส่แผลก่อน รับรองยายังไม่หมดอายุแน่”
ทุกคนช่วยกันทำแผลให้ชลดา
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่...เทอด ยอด กริ่ง เก็บที่นอน และข้าวของต่างๆ เพื่อเตรียมตัวเดินทาง ครู่หนึ่ง เทอดก็รู้สึกเหมือนได้ยินบางอย่าง จึงก้มลงเอาหูแนบพื้นฟังเสียงความเคลื่อนไหว
“มีอะไรเทอด” ยอดหันมาถาม
“เสียงคนเดิน”
“มาจากกด้านไหน” กริ่งถาม
เทอดหันไปเรียกเพื่อน
“มาช่วยกันฟังซิ”
ยอดกับกริ่ง ก้มลงฟังบ้าง
“ผมแยกไม่ออก เสียงมันเหมือนมีหลายคน” ยอดบอก
กริ่งฟังแล้วคิดๆ
“แต่ดูเหมือนมันกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้นะ”
“งั้นเราหลบก่อนดีกว่า” เทอดบอก
ทั้งสามรีบหาที่ซ่อนในมุมที่เหมาะสม เวลาผ่านไปสักครู่ กลุ่มคนที่เดินมาก็คือ กลุ่มของ ดร.วิทยา เสือสนธิ์ เจ้าพ่ออินทร์ และลูกน้อง
“ตามพิกัดแล้ว เจดีย์น่าจะอยู่ข้างหน้า” เจ้าพ่ออินทร์บอก
ดร.วิทยายิ้มพอใจ
“ด็อกเตอร์ฟอร์ด กับพวกของมันต้องอยู่ที่นั่นแน่นอน”
“แต่ว่า...”
เจ้าพ่ออินทร์พูดแค่นั้นก็นิ่งคิด
“แต่ว่าอะไร” เสือสนธ์ถามอย่างสงสัย
“มันเป็นพิกัดใกล้เคียงกับจุดที่เราเคยเจอกับไอ้พวกทหารญี่ปุ่น ถ้างั้นทุกคนเตรียมตัวให้ดี”
เสือสนธิ์ อึ้งไปแล้วหันมาถาม ดร.วิทยา
“ไอ้ทหารผีพวกบ้านั้นมันยิงไม่ตาย ยังงี้พวกเราจะรับมือกับมันยังไงดีครับ”
“ผมเองก็ยังไม่รู้ แต่ยังไงก็ต้องเดินหน้า ไม่งั้นเราก็ไม่มีวันชนะ”
เสือสนธิ์พยักหน้ารับ
“เอ้า...เอาไงเอากัน”
ทุกคนเดินทางต่อไป...สักครู่ ยอด เทอด กริ่ง โผล่ออกมาจากที่ซ่อน
“ตามมันไปดีไหมเทอด” ยอดถาม
เทอด ครุ่นคิด
“ฉันว่าไม่ควร เพราะถ้ามันถอย ยังไงก็ต้องเจอพวกเรา”
“เจอก็ลุยเลยนะซิ กลัวอะไร” กริ่งโอ่ๆ
เทอดยิ้มๆ
“กลัวเปลืองแรงครับคุณกริ่ง ลุยกับมันตอนนี้ยังไม่ได้ ภาระกิจของเราคือต้องไปสืบหาดอน เดี่ยว และเรื่องของด็อกเตอร์ฟอร์ดให้ได้ก่อน คนพวกนี้ยังไม่ใช่เป้าหมาย”
“งั้นไปทางนี้ดีกว่า ตามผมมา”
ยอดออกเดินนำ เทอด และกริ่งตาม
+ + + + + + + + + + +
เจนนี่ เดินออกมายืนบริเวณหน้าถ้ำ มองไปรอบๆ จากนั้นก็ปีนขึ้นไปข้างบน เพื่อสำรวจเส้นทาง
ในถ้ำ...
ยูกิ กำลังพลิกดูเท้าของชลดา เพื่อดูอาการ
“ดีขึ้นมั๊ย”
“ไม่เจ็บแล้ว น่าจะหายแพลงแล้วล่ะ”
“ลองเดินซิ”
ชลดา ลองเดินไปมา ยูกิยืนมอง
“โอเคยูกิ ไม่เจ็บแล้ว”
“ยาของคุณเคน ใช้ได้เลย”
“แล้วนี่ เจนนี่ กับคุณเคนหายไปไหน”
เคนเดินกลับเข้ามาจากหน้าถ้ำ
“ผมอยู่นี่”
“เจนนี่ไม่ได้อยู่หน้าถ้ำเหรอคะ คุณเคน” ยูกิถามอย่างแปลกใจ
เคนส่ายหน้า
“ผมไม่เห็น”
“เจนนี่คงออกไปสำรวจเส้นทาง” ชลดาบอก
เคนรู้สึกหงุดหงิดที่เจนนี่ออกไปคนเดียว
“ทำไมซุกซนกันอย่างนี้...เดี๋ยวก็เกิดเรื่องอีกหรอกผมจะออกไปดูเจนนี่หน่อย”
“งั้นฉันกับชลดาขอไปด้วย” ยูกิบอก
“แต่ว่า...คุณชลดา”
ชลดายิ้ม
“ขาฉันค่อยยังชั่วแล้วละค่ะ”
ยูกิโชว์อาวุธพร้อมกระสุนแล้วบอกอย่างมั่นใจ
“ไม่ต้องห่วงฉันกับชลดาหรอกน่า...ปืนมีกระสุนพร้อม”
ชลดาเดินไปที่ลังใส่อาวุธ และกระสุน แล้วหยิบมาใส่กระเป๋า
“ฉันก็พร้อมกระสุนเพรียบ”
“งั้นก็ตามมา”
สองสาวเดินตามเคนออกไปนอกถ้ำ
+ + + + + + + + + + + +
เจนนี่ กำลังเดินดูรอยเท้าต่างๆ ไปตามทาง แล้วสักครู่ เธอก็เผลอไปเหยียบกับดัก ทำให้โดนแหดีดขึ้นไปห้อยอยู่บนต้นไม้สูง เจนนี่โวยวาย
“ช่วยด้วย ๆ มีใครอยู่แถวนี้ไหม ช่วยด้วย โอ๊ย...หมดแรงแล้วนะ”
เจนนี่ร้องตะโกนอยู่นาน จนเสียงเริ่มแห้ง เคน เดิน นำชลดา และยูกิ มาตามรอยเท้าของเจนนี่
ยูกิและชลดาเงยหน้ามองด้านบนก็เห็นเจนนี่
“เจนนี่ ขึ้นไปทำอะไรบนนั้น” ชลดาตะโกนถามอย่างไม่เข้าใจ
“ลงมาเร็ว...ลงมา” ยูกิเรียก
เจนนี่ได้ยินเสียงแล้วสะดุ้งตื่นจากการเผลอหลับ
“ช่วยด้วย ๆ ช่วยเราด้วย”
เคนยิ้มหยัน
“ฮ่ะๆ...นึกว่าจะเก่ง”
“อย่ามาหัวเราะเยาะฉัน ปล่อยฉันลงมาเดี๋ยวนี้”
เคนปามีดออกไป มีดลอยไปตัดเชือกทำให้ร่างของเจนนี่ที่อยู่ในแหลอยลงมาตุ๊บ เจนนี่ร้องโอดโอย
“เป็นไงบ้าง” เคนถามขำๆ
เจนนี่ ค้อน
“ตาบ้า...ฉันเจ็บนะ ปล่อยลงมาดีๆ ก็ไม่ได้”
“ไม่มีอะไรหักหรอกน่ะ ลุกขึ้นได้แล้ว”
“ไม่ต้องมายุ่งย่ะ ลุกก็ได้”
เจนนี่ลุกขึ้นมาหน้าบึ้ง
“แล้วไอ้กับดักนี่ ฝีมือใครกัน” ยูกิถาม
“ของผมเอง ทำไว้ดักสัตว์ แล้วก็พวกโจรป่า”
“แล้วยังมีอีกไหม” ชลดาถามหวาดๆ
“มีทั้งป่านั่นแหละ ผมทำเอาไว้หลายจุด ไม่ต้องกลัวถ้าไปกับผมไม่โดนกับดักแน่” เคนหันมามองเจนนี่ “ยกเว้นพวกดื้อ”
“ย่ะๆ ฉันผิด...ฉันไมดี...ฉันหัวดื้อ” เจนนี่ ประชดประชัน
“เอาละๆ ทุกคนตามผมมา”
เคนเดินมาที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง แล้วหันมาหาสาวๆ
“ผมจะบอกพวกคุณเอาไว้นะ ถ้าจวนตัวและต้องการที่หลบภัย ให้มองหาต้นไม้ใหญ่ที่มีรอยขวานบากแบบนี้ ภายในต้นไม้ผมทำประตูกลเอาไว้หลบภัย”
เคนผลักประตูต้นไม้ ให้สาวๆดูเป็นตัวอย่างชลดามองทึ่งๆ
“คุณนี่มีไอเดียแปลกๆ...เก่งจังเลย”
“เหรอ...เก่งเหรอ”
เจนนี่หมั่นไส้เคน ที่เก่งไปหมด เคนตัดบท
“เอาละได้เวลาเดินทางแล้ว ตามผมมา”
เคนเดินนำทางไป สามสาวเดินตาม
+ + + + + + + + + + + +
เคนเดินนำ เจนนี่ ชลดา ยูกิไปตามเส้นทางในป่า จนกระทั่งมาหยุดมองที่มุมหนึ่ง ซึ่งเป็นเขตป่าภาพลวงตา มองเห็นยอดเจดีย์ใหญ่โผล่ออกมาจากยอดไม้ เคนหยุดมอง ลังเลที่จะเดินต่อ
“มีอะไรคะคุณเคน” ยูกิถามอย่างสงสัย
“แถวนี้เป็นเขตอันตราย” เคนบอกเสียงเครียด
ชลดาหน้าตื่น
“อันตรายยังไง...มีเสือเหรอคะ”
“ไม่ครับ...ไม่มี”
“ถ้าไม่มีเสือ ก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไรนี่...ไปเถอะ ฉันอยากจะไปที่เจดีย์” เจนนี่บอก
ยูกิลังเล
“เอาไงดีคะคุณเคน”
“พวกคุณพักรอที่นี่ก่อน ผมจะไปสำรวจเส้นทางก่อน แล้วจะกลับมา”
“ไม่เห็นต้องยุ่งยากเลย ก็ไปพร้อมๆกันก็หมดเรื่อง” เจนนี่พูดอย่างไม่เกรงกลัว
“ที่นี่มันอันตรายเกินกว่าที่คุณคิด” เคนแย้ง
“ฉันมีปืน”
เคนมองหน้าเจนนี่ที่อวดดี อย่างไม่พอใจ ก่อนจะจ้องหน้าด้วยสายตาจริงจัง แกมบังคับ
“อย่าไปไหน...เดี๋ยวผมมา”
เคนเดินหายไปที่มุมหนึ่ง ขณะที่ยูกิกับชลดา หาที่นั่งพัก เจนนี่ หงุดหงิดเล็กน้อยไม่อยากเสียเวลา เธอจึงเดินสำรวจไปตามมุมต่างๆ
“จะไปไหนเจนนี่” ยูกิถามอย่างสงสัย
เจนนี่เบ้หน้าหมั่นไส้
“เคนไปสำรวจได้ ฉันก็ไปมั่งซิ"
“อย่าไปไหนไกลนะ เจนนี่...เคนบอกให้รอที่นี่” ชลดาปรามๆ
“ไม่ต้องห่วง ถ้ามีอะไรฉันจะยิงปืนส่งสัญญาณ”
เจนนี่เดินหายเข้าป่ามุ่งไปทางเจดีย์
“เจนนี่ หัวดื้อจริงๆ เดี๋ยวก็โดนอีกหรอก”
ชลดาบ่นหน่ายๆกับความดื้อรั้นของเพื่อน แล้วเริ่มเจ็บขาเอามือนวดขา ยูกิมาช่วย
“ยังเจ็บอยู่เหรอ”
“ตอนแรกมันก็หายแล้วนะ แต่พอเดินมากๆ ก็เริ่มเจ็บขึ้นมาอีก”
“เดี๋ยวนวดให้”
ยูกิหยิบยามานวดขาให้ชลดา
+ + + + + + + + + + + +
เจนนี่เดินสำรวจเส้นทางไปเรื่อยๆ แล้วมาหยุดมองยอดเจดีย์ซึ่งโผล่จากกลางป่าไกลออกไป สักครู่เธอก็ได้ยินเสียง พ่อกับแม่เรียก
“เจนนี่”
“ช่วยแม่ด้วย...เจนนี่”
“เจนนี่ อยู่ไหนลูก...”
“เจนนี่ พ่อกับแม่อยู่ทางนี้”
เจนนี่สะดุ้ง หันมองไปรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ
“เสียงพ่อกับแม่”
เจนนี่เดินตามหาตามมุมต่างๆแล้วพบว่า พ่อกับแม่ของเธอ ถูกจับมัดเอาไว้ที่กลางป่า เจนนี่ตกใจ
“พ่อ แม่”
พ่อกับแม่ร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย”
เจนนี่ตกใ จ ไม่คาดว่าจะพบกับพ่อและแม่ในสภาพเช่นนี้
“พ่อกับแม่ มาได้ยังไง”
“พ่อกับแม่คิดถึงลูกเจนนี่ มาก เลยออกมาตามหา...ช่วยเราด้วย”
“ได้ค่ะ...”
เจนนี่ขาดสติ ลืมคิดถึงความเป็นไปได้ จึงรีบวิ่งเข้าไปหาพ่อกับแม่ แต่แล้วจู่ๆ เธอก็ตกลงไปในหลุมทรายดูด
“โอ๊ย...อะไรเนี่ยะ”
ยิ่งดิ้น เจนนี่ก็ยิ่งถูกทรายดูดลึกลงไปทุกที พ่อกับแม่ที่ถูกมัดค่อยๆ เลือนหายไป เจนนี่รู้สึกตกใจ
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้...ช่วยด้วย ๆ”
เจนนี่พยายามดิ้นไปมา ขณะที่ปืนของเธอหล่นอยู่ที่มุมหนึ่งห่างออกไป เจนนี่พยายามดิ้นไปที่ปืน แต่แล้วร่างของเธอก็ยิ่งจมลงไปเรื่อยๆ
+ + + + + + + + + + + +
ชลดา ลุกขึ้นยืน โดยมียูกิคอยช่วยประคอง
“ขอบใจนะยูกิ เราดีขึ้นแล้ว”
“ตอนเดินไม่เจ็บแล้วนะ”
“นิดหน่อย...แต่ทนได้”
“เจนนี่กับคุณเคนหายไปไหน ไม่กลับมาซักที” ยูกิบ่นอย่างเป็นห่วง
“นั่นซิ...เราสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้”
“เธอรออยู่นี่นะ เราจะลองไปตามเจนนี่”
“แต่คุณเคนอยากให้เรารอที่นี่...”
“เราไปไม่ไกลหรอก แล้วจะรีบมา เธอรอนี่นะ”
ยูกิเดินออกไปในมุมที่เจนนี่หายตัวออกไป ชลดา มองตามจนลับตา แล้วค่อยๆ หาที่นั่งพัก แต่แล้วเมื่อหันไปก็พบกับกลุ่มคนป่า หน้าตาถมึนทึงยืนจ้องอยู่ ชลดาตกใจ
“ออกไปนะ...ออกไป”
ชลดากระชับปืนจะยิง แต่แล้วที่ด้านหลังของเธอก็ปรากฏมีคนป่าอีกกลุ่มเข้ามาแย่งปืนแล้วจับตัว ชลดาดิ้นรน
“ช่วยด้วย ๆ”
เพียงส่งเสียงร้องไม่กี่คำ ชลดาก็ถูกอุดปาก แล้วจากนั้นคนป่าก็จับเธอไปมัดไว้ที่เสาไม้กางเขน
+ + + + + + + + + + +
ยูกิเดินมองหาเจนนี่ตามมุมต่างๆ แล้วสักครู่ก็เห็นเงาใครบางคน กำลังยืนหลบซ่อนตัวตามต้นไม้ใหญ่
“เจนนี่...นั่นเธอใช่มั้ย”
ไม่มีเสียงตอบ ยูกิรู้สึกไม่วางใจ
“ใครน่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ...ออกมา”
ยูกิเดินเข้าไปยังจุดที่มีคนซ่อนตัวอยู่ เธอกระชับปืนพร้อมยิง
“ออกมาเดี๋ยวนี้ ออกมา”
ยูกิก้าวไปช้าๆ ยังต้นไม้ แล้วพุ่งตัวเข้าไปกะจะชาร์จยิง แต่กลับเจอแต่ความว่างเปล่า
“หายไปไหน”
ยูกิมองไปรอบๆแล้วสักครู่มันมาอยู่ด้านหลัง...ยูกิหันมาตกใจผงะ ผีดิบ ค่อยเดินเข้ามาหายูกิช้าๆ ยูกิลั่นกระสุนใส่ไม่ยั้ง แต่มันไม่สะดุ้งสะเทือน กลับเดินเข้ามา เดินเข้ามาเรื่อยๆ
ทางด้านเคนซึ่งกำลังสำรวจเส้นทางอยู่ ชะงักเมื่อได้ยินเสียงปืนจากยูกิ เคนหันหลังกลับเพื่อไปช่วยเพื่อน แต่แล้ว เขาก็พบกับม่านฟ้า ซึ่งกำลังตกใจจากเสียงปืนเช่นกัน
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างระแวงไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน แต่เคนจำได้ว่าม่านฟ้าคือหญิงสาวบนหน้าผาที่เคยเห็นมาก่อน แต่ไม่ทันที่จะตั้งตัวม่านฟ้าก็ยิงหน้าไม้มายังร่างของเขา เคนเอี้ยวตัวหลบทำให้ลูกดอกพุ่งไปปักยังต้นไม้ เมื่อหันมามองอีกที ม่านฟ้าก็วิ่งหายเข้าป่าไป เคนรีบตาม
“เดี๋ยวซิ...เดี๋ยว”
เคนตามไปแต่ก็ไม่ทัน เพราะม่านฟ้าหายไปแล้วจึงตะโกนถาม
“เธอ...เธอเป็นใคร”
เคนพยายามมองหาแต่ไม่เห็นแม้เงา ขณะที่เสียงปืนจากยูกิ ดังขึ้นอีก เคนละความสนใจจากม่านฟ้า แล้วมุ่งหน้าไปยังเสียงปืน ม่านฟ้าโผล่ออกมามองตาม
“ทำไมป่านนี้พี่บัวชุมไม่มาซักที”
ม่านฟ้ามองหาบัวชุม
ทางด้านยูกิ กำลังยิงปืนใส่ผีดิบ แต่ก็เป็นเพียงแค่ยับยั้งได้ชั่วขณะ มันยังคงเดินหน้าเข้ามาหา ยูกิล้มลง ผีดิบเข้ามาบีบคอ เคนวิ่งเข้ามาเห็นแล้วรีบเข้าไปกระชากผีดิบออกมา ยูกิลุกขึ้นได้
“รีบหนีไปเร็ว”
ผีดิบตรงเข้ามาหา เคนตีมันด้วยพ้านท้ายปืน
“หนีเร็ว”
เคนฉุดยูกิวิ่ง
อ่านต่อหน้า 2 วันพรุ่งนี้
วันเสาร์ 22 ตุลาคม 2554
เสาร์๕ ตอน ทับทิมสยาม ตอนที่ 9 (ต่อ)
ชลดา ซึ่งถูกมัดเอาไว้ที่กางเขน ด้านล่างเต็มไปด้วยกองฟืน คนป่าเอาไฟมาจุด ไฟเริ่มลุกท่วมน่ากลัว ชลดาพยายามส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่ทำไม่ได้ง่ายนัก เพราะปากถูกมัดเอาไว้
เคน และยูกิวิ่งเข้ามา แล้วพบกับกลุ่มคนป่าซึ่งหันมาเล่นงาน เคนใช้แคนปืนกลกราดยิงเข้าใส่คนป่าที่กำลังกรูกันเข้ามาเพื่อสกัด จากนั้นก็หันไปบอกยูกิ
“รีบไปแก้มัดเพื่อนของคุณเร็ว”
ยูกิรีบฝ่าเข้าไปหาชลดาแล้วแก้มัด ขณะที่เคนพยายามกราดยิง สกัดถ่วงเวลา จนยูกิแก้มัดได้สำเร็จเขาก็ตะโกนสั่ง
“รีบหนีไปเร็ว ไม่ต้องห่วงผม”
ยูกิ รีบพาชลดาหนีออกไป ขณะที่เคนยิงคุ้มกันแล้ววิ่งตามมา ทุกคนพากันเหนื่อยหอบ
“ขอบคุณมากนะคุณเคน...ยูกิ”
ยูกิหอบเหนื่อย
“ไม่นึกว่าที่นี่จะอันตราย อย่างที่คุณเคนว่าจริงๆ”
เคนแปลกใจที่ไม่เห็นเจนนี่
“เพื่อนคุณอีกคนหายไปไหน”
ยูกิ ส่ายหน้า
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ชลดาเป็นห่วงเจนนี่มาก
“เรารีบตามหาเจนนี่กันเถอะ ฉันรู้สึกเป็นห่วงจริงๆ”
ทุกคนรีบพากันออกตามหา
+ + + + + + + + + +
เจนนี่กำลังถูกทรายดูด จนเหลือแต่ใบหน้าที่โผล่ขึ้นมา ขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไขว่คว้าไปยังปืนที่อยู่ห่างไปอีกคืบเดียว เจนนี่พยายามตะเกียดตะกาย เพื่อคว้าปืนมายิงขอความช่วยเหลือ
ไม่ห่างกันนัก เคน ชลดา ยูกิกำลัง พากันตามหาเจนนี่
“เจนนี่ ๆ” ชลดาตะโกนเรียก
ยูกิเอามือป้องปากตะโกนเรียก
“เจนนี่...อยู่ไหน...เจนนี่”
เจนนี่เอื้อมมือคว้าปืนได้สำเร็จ เธอพยายามเหนี่ยวไก ขณะที่ใบหน้าของเธอกำลังจมลงไปเรื่อยๆ แล้วในที่สุด เจนนี่ก็ลั่นไกปืนได้สำเร็จ เสียงปืนดังก้องไปทั่วทั้งป่า เคน ชลดา ยูกิ ชะงักหันไปทางทิศที่มีเสียงปืนดังมา
“เสียงมาจากทางโน้น”
เคนวิ่งนำสองสาวไป เจนนี่ กำลังโดนทรายดูดจมลงไปเรื่อยๆ ขณะที่มือของเธอพยายามลั่นไกอย่างต่อเนื่องจนกระสุนหมด แล้วสักครู่เธอก็ถูกดูดลงไปจนจมมิดทราย เหลือแต่มือโผล่ขึ้นมา มือเจนนี่ กำลังจะจมลงไปมือของเคนก็เอื้อมมาคว้าเอาไว้ได้ ขณะที่ชลดา ยูกิ กำลังช่วยกันรั้งร่างของเคนเอาไว้ เพื่อไม่ให้จมลงไปอีกคน เคนดึงมือของเจนนี่ จนกระทั่งเจนนี่โผล่กลับขึ้นมาจากทรายดูดอีกครั้ง
“จับมือแน่นๆ อย่าปล่อยนะ” เคนกำชับ
ยูกิและชลดา ออกแรงช่วยดึงจนกระทั่งเคน และเจนนี่ สามารถขึ้นมาบนฝั่งได้สำเร็จ ทั้งหมดพากันหอยเหนื่อย
เจนนี่มองทุกคน อย่างขอบคุณรู้สึกผิด
“ขอบคุณนะ ทุกคน ขอบคุณจริงๆ”
“ต่อไปคุณต้องเชื่อฟังผม...อย่าดื้ออีก” เคนบอกเสียงเข้ม
“ค่ะ...ฉันเชื่อแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าที่นี่มันอันตรายจริงๆ” เจนนี่บอกอย่างหวาดๆ
“อันตรายอย่างนึกไม่ถึง” ยูกิพูดออกมาเบาๆ
ชลดายังตื่นตกใจไม่หาย
“เราเองก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีต้องมาเจอเหตุการณ์แปลกๆ แบบนี้”
ทุกคนพากันนั่งเหนื่อยหอบ
+ + + + + + + + + + + +
บุษกร กำลังนั่งค้นหาข้อมูล จากคอมพิวเตอร์อยู่มุมหนึ่งในเต้นท์ มีเจ้าหน้าที่ดูแลคอมพิวเตอร์อยู่ด้วย 1 คน เดี่ยวเดินเข้ามาทักทายเจ้าหน้าที่ แล้วเข้าไปนั่งใกล้ๆ บุษกร
“พวกคุณกำลังทำอะไร”
“ฉันหาข้อมูลให้ดร.ฟอร์ด”
“หาข้อมูลเกี่ยวกับอะไร”
“บทความวิจารณ์ทฤษฏีสัมพันธภาพ ของไอน์สไตล์”
“ด็อกเตอร์ฟอร์ด คงกำลังรวบรวมความคิดเห็นเกี่ยวกับสมการนี้”
“แน่นอน...แต่ละความเห็นของนักวิทยาศาสตร์ ก็จะมีมุมที่พวกเขาค้นพบต่างๆกัน”
“เอ้อ...แล้วคุณพอจะรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเสาร์ห้ามั๊ย”
เดี่ยวเอ่ยถึงเสาร์ห้า เพื่อทดสอบบุษกร ขณะที่บุษกรเมื่อได้ยินชื่อก็จะโกรธและหงุดหงิด เนื่องจากเธอโดนสะกดจากเวทย์มนต์ให้รู้สึกอย่างนั้น
“ถามทำไม”
“ผมอยากรู้ความเคลื่อนไหวของศัตรู”
“ถ้าจะให้เดา ฉันคาดว่าพวกเสาร์ห้าตอนนี้ กำลังหาวิธีข้ามเขตภาพลวงตาเข้ามาที่นี่”
“คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่เข้ามา แต่ถึงเข้ามาได้ ก็ยังต้องมาเจอป่าเขาวงกต คงไม่รอดแน่ๆ”
บุษกรยิ้ม
“การเดินให้หลุดจากเขาวงกต ไม่เห็นจะยาก”
เดี่ยวมองบุษกรอย่างสงสัย
“คุณรู้วิธีเหรอ”
“ใช่...นาตาชาบอกเคล็ดลับฉันกับกระแตแล้ว”
“บอกผมหน่อยได้มั๊ย”
“ถ้าอยากรู้คุณก็ลองไปถามกระแตซิเธออยู่ที่ป่าวงกต”
บุษกรยิ้มน้อยๆ ในเคล็ดลับที่เธอรู้มา
+ + + + + + + + + + +
กระแต กำลังยืนอยู่กลางป่าเขาวงกต เมื่อเธอมองไปทางไหน ก็พบว่าภาพของป่าจากสายตาของเธอกำลังบิดเบี้ยว ไม่เหมือนสภาพป่าจริงๆอย่างที่ควรจะเป็น กระแตพูดทบทวนกับตัวเอง
“วิธีผ่านป่าเขาวงกต อย่างแรกที่ต้องมีก็คือสมาธิ จากนั้นก็มองไปข้างหน้าอย่างเดียว ถ้ามองที่อื่น มิติของป่าก็จะเปิดออก แล้วหลอกให้เราหลงเข้าไป”
กระแตลองหันไปดูด้านข้าง ทำให้เห็นภาพของป่าที่บิดเบี้ยว แล้วสักครู่ก็กลายเป็นป่าปกติ แต่ไม่นานก็จะเปลี่ยนเป็นภาพบิดเบี้ยวใหม่
“ต้องมองข้างหน้า และเดินตรงอย่างเดียว ห้ามมองด้านข้าง ห้ามแวะข้างทาง เดินตรงอย่างเดียว”
กระแตหยิบก้อนหินที่เตรียมมา โยนไล่ไปตามทางที่เดิน เพื่อเป็นเครื่องหมายว่าเดินมาจากทิศไหน
“เดินไปข้างหน้าอย่างเดียว ไม่มองที่อื่น” กระแตพึมพำ
ดอน เดินมาจากมุมหนึ่งเห็นกระแตก็เอ่ยทัก
“กระแต”
กระแตหันไปมอง
“คุณมาทำไม”
“ผมต้องถามคุณมากกว่า ว่ามาทำอะไรที่นี่”
“ฉันก็แค่มาทดสอบสิ่งที่ฉันรู้มา”
ดอนแกล้งถาม เพื่อทดสอบความรู้สึกของกระแต
“คุณมีแผนที่จะหนีจากที่นี่ใช่มั๊ย”
“อย่ามาดูถูก ฉันทำงานให้ด็อกเตอร์ฟอร์ด และฉันก็จะไม่มีวันทรยศเขาเด็ดขาด”
“ดี...ถ้างั้นเราก็พวกเดียวกัน”
“คุณตามฉันมาทำไม”
“ผมอยากจะชวนคุณไปที่เจดีย์”
“ไปทำไม”
“ผมแค่อยากจะพาคุณไปดูบางอย่าง”
ดอนเดินนำไป ทิ้งกระแต ลังเลอยู่ชั่วครู่
“ไปก็ได้ ฉันไปด้วย”
ดอนเดินไปสักครู่ ก็หายเข้ามิติของป่า กระแตมองไม่เห็น
“หายไปไหนแล้ว...ทำไงดี” กระแตคิดๆ “ใช่...เดินตรงไป มองไปข้างหน้า ห้ามแวะ ห้ามพัก ใช่ๆ จะเกิดอะไรก็ต้องเดินตรงอย่างเดียว”
กระแตเดินตรงไปเรื่อยๆ แล้วที่สุดเธอก็หายเข้ามิติของป่าไป กระแตเดินหลุดออกมาจากป่าเขาวงกต แล้วเซถลามานั่งหอบอยู่ที่หน้าเจดีย์
“โอย เหนื่อย...ป่าบ้าอะไรก็ไม่รู้”
ดอนเดินออกมาจากมุมหนึ่งยืนมอง
“บอกให้ตามผมมาก็ไม่เชื่อ”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่ามันจะยุ่งยากขนาดนี้ ไหนล่ะจะให้ดูอะไร”
“ด้านในเจดีย์”
ดอนเดินนำเข้าเจดีย์ไป กระแตรีบตาม
+ + + + + + + + + + +
เดี่ยวกับดอนนั้น วางแผนหลอกบุษกร กับกระแตเพื่อหาวิธีคลายมนต์ดำ เดี่ยวหลอกบุษกรมาที่เจดีย์ พาเธอเข้าไปนั่งตรงหน้าพระประธาน
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“เรามากราบพระกันก่อนดีกว่า”
“ไม่...ฉันไหว้ซัมดองเท่านั้น” บุษกรยืนยันเสียงแข็ง
“แต่ซัมดองก็ไหว้พระนะ คุณก็เห็น”
“เราก็แค่ทำตามอย่างที่ซัมดองทำ” เดี่ยวพยายามหลอกล่อ
“งั้นก็ได้”
เดี่ยวคุกเข่าเตรียมกราบพระ บุษกรทำตาม แล้วทั้งคู่ก็เริ่มพนมมือ ขณะเดียวกันนั้น กระแต เดินเข้ามาพร้อมดอน กระแตไม่พอใจ
“หยุดนะบุษกร”
บุษกรชะงัก
“มีอะไรกระแต”
“เธอไม่ควรไหว้สิ่งอื่นนอกจากซัมดอง” กระแตหันไปหาดอน “ไหนคุณจะพาฉันมาดูอะไร”
“เดี๋ยวก็ได้ เราไหว้พระกันก่อน”
“ไม่...ฉันจะต้องไปถามซัมดองก่อน ว่าท่านอนุญาตหรือเปล่า”
“จริงซิ...เราต้องถามซัมดองก่อน ไหนว่าพวกคุณจะพาฉันมาดูอะไรไง”
ดอนและเดี่ยว มองหน้ากันที่แผนการณ์ไม่สำเร็จ ดอนครุ่นคิด
“งั้นมาทางนี้...”
ดอน และเดี่ยวลุกขึ้นพากระแต และบุษกรเดินไป
+ + + + + + + + + + + +
ผนังของกำแพงเป็นภาพวาดโบราณสีจางๆ ในภาพวาดเป็นภาพแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมาที่เจดีย์ แล้วเกิดแสงสะท้อนออกไปรอบด้านของเจดีย์
อีกมุมเป็นภาพวาดพระประธาน แสดงภาพแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาด้านในแล้วสะท้อนไปมาตามจุดต่างๆ โดยจุดที่สะท้อนจะมีภาพของหินสีซึ่งก็คือทับทิมสยาม แสดงตำแหน่งการวางทับทิมสยาม
ด้านหน้าพระประธาน เดี่ยว ดอน กระแต บุษกร เดินเข้ามา
“ดอนมาดูนี่ซิ” เดี่ยวเรียก
ดอนพากระแตกับบุษกรเข้ามา เดี่ยวชี้ไปที่ภาพวาด
“สังเกตุดูซิภาพที่ฝาผนังตรงจุดนี้ รู้สึกว่าเป็นภาพวาดที่ดูแปลกกว่าจุดอื่น เลยอยากให้พวกคุณมาดู”
“พวกฉันเคยเห็นแล้ว” บุษกรบอก
“แล้วคุณว่ามันหมายความว่ายังไง” ดอนถาม
กระแตส่ายหน้า แล้วมองภาพอย่างสังเกต
“ไม่รู้ซิ...ตรงนี้มันเหมือนเป็นแสงพุ่งเข้ามา กระทบอะไรซักอย่างเหมือนกระจก แล้วก็สะท้อนไปกระทบกระจกอีกด้านหนึ่ง ดูแล้วก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”
บุษกรมองอย่างครุ่นคิด
“เดาว่าคงเป็นเรื่องของจินตนาการน่ะ ไม่น่าจะมีอะไรสำคัญ”
ดอนมองสองสาว
“แล้วมีใครรู้เรื่องนี้บ้าง”
“ก็แค่ภาพวาดบนผนัง ไม่เห็นต้องไปรายงานใคร” บุษกรพูดอย่างไม่เห็นความสำคัญกระแตเห็นด้วยกับบุษกร
“นั่นซิ ภารกิจเราคือช่วยด็อกเตอร์ฟอร์ดหาทับทิมสยาม ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับภาพวาดเลย แค่นี้ใช่ไหม”
เดี่ยวพยักหน้า
“แค่นี้แหละ”
กระแต และบุษกรพากันเดินออกไป ดอนหันมาพูดกับเดี่ยวเบาๆ
“กระแตดูจะกร้าวกว่าบุษกรนะ คุณเดี่ยว”
“นั่นซิ...ผมกล่อมบุษกร เกือบจะสำเร็จอยู่แล้วเชียว”
“ยังไงเราก็ต้องหาวิธีคลายมนต์ดำ ที่ครอบงำกระแตและบุษกรให้ได้”
ดอนและเดี่ยวพากันเดินออกไป
+ + + + + + + + + + + +
อีกด้านหนึ่งของป่า ดร.วิทยา เจ้าพ่ออินทร์ เสือสนธ์ และลูกน้องพากันเดินป่ามาหยุดที่มุมหนึ่ง ดร.วิทยา เดินไปมองมาหายอดเจดีย์ เจ้าพ่ออินทร์หันมาถามเสือสนธิ์
“เราเดินทางมาหนึ่งวัน หนึ่งคืน แล้วนะเสือสนธิ์ น่าจะใกล้รึยัง”
“มันก็น่าจะใกล้จริงแล้ว ถ้ามาถูกทาง”
“ถ้าเห็นยอดเจดีย์” ดร.วิทยา ชะเง้อมองหาแล้วเห็น “นั่นไง เจดีย์อยู่ที่นั่น...จุดหมายของเราอยู่ที่นั่น”
เจ้าพ่ออินทร์ รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล
“แต่ด็อกเตอร์...”
“มีอะไร” ดร.วิทยาถาม
“ผมรู้สึกเหมือนพวกเรากำลัง...ถูกแอบมอง”
ดร.วิทยาหันมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นอะไร
“ไหน...ผมไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
เสือสนธิ์นิ่งคิด
“หรือว่าจะเป็นพวกทหารญี่ปุ่น”
ขาดคำ หอกสองต้นพุ่งมาปักตรงหัวขบวน ทุกคนแยกกันหลบ กระชับปืนระวังภัย พวกคนป่าโผล่มาแล้วหายไป
“พวกผีตองเหลืองครับ ด็อกเตอร์”เจ้าพ่ออินทร์บอก
ดว.วิทยางงๆ
“อะไรครับผีตองเหลือง”
“ผีตองเหลืองมันเป็นคนดิบอยู่ในป่าในเขา อาหารโปรของมันคือเนื้อดิบ” เสือสนธิ์อธิบาย
ดร.วิทยา แปลกใจ
“มันชอบกินเนื้อสัตว์หรือครับ”
เสือสนธิ์ ส่ายหน้า
“ไม่...เนื้อคน!”
ดร.วิทยาใจไม่ค่อยดี เจ้าพ่ออินทร์เป็นกังวล จึงหันไปสั่ง
“เดี๋ยวมันเข้าโจมตีเราแน่ ทุกคนระวังตัว”
ดร.วิทยาหน้าเครียด
“นี่มันอะไรกัน มีทั้งทหารญี่ปุ่น มีทั้งผีตองเหลือง”
“ไม่ต้องห่วง ดร.พวกเรารับมือมันได้” เสือสนธิ์บอกอย่างมั่นใจ
+ + + + + + + + + + +
นั้ม ฮวง และลูกน้อง พากันยิงกราด ใส่กลุ่มผีตองเหลืองที่กำลังระดมยิงหน้าไม้ เข้ามา ทุกคนยิงใส่ผีตองเหลืองล้มลง แต่ก็ยังไม่ตายลุกขึ้นมาได้อีก
“ทำไงก็ไม่ตาย พวกเราถอย...” เสือสนธิ์ตะโกนสั่ง
กลุ่มดร.วิทยารีบหนีไป ขณะเดียวกัน เทอด ปีนขึ้นไปซุ่มดูเหตุการณ์อยู่บนเขา รีบปีนลงมาหายอด และกริ่ง ซึ่งกำลังรออยู่ด้านล่าง
“พวกมันกำลังมาทางนี้”
“งั้นเราหลบก่อนดีไหม” ดอนแนะ
“ตามมา”
กริ่งทำท่าจะวิ่ง แต่โดนยอดคว้าเอาไว้
“เดี๋ยวซิ”
กริ่งงงๆ
“มีอะไร”
“ถ้าแกไปก่อน ฉันตามไม่ทัน”
กริ่งยิ้มแหยๆ
“แหะๆ โทษทีพอดีของมันเคยวะ”
ทุกคนพากันหลบไปยังมุมหนึ่ง
+ + + + + + + + + +
เจนนี่ ลงไปล้างตัวอยู่ในลำธาร ขณะที่เคน ชลดาและยูกิ คอยอยู่ด้านบน สักครู่เจนนี่ ก็เดินขึ้นมาบนฝั่ง
“ไปเดินทางกันต่อ”
“เดี่ยว ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงคนเดินนะ” เคนก้มลงฟังที่พื้นดิน “มีคนอยู่แถวนี้จริงๆ”
ชลดาหวาดๆ
“คงไม่ใช่พวกผีบ้าพวกนั้นอีกนะ”
ยูกิร้อนใจ
“แล้วเราจะหลบไปทางไหนดี”
“กลับถ้ำ” เคนบอก
“ไปอีกตั้งไกล” เจนนี่แย้ง
“ไม่หรอก ตามผมมา”
เคนเดินนำทันที
+ + + + + + + + + + + +
ม่านฟ้าเดินมองหาบัวชุมที่บริเวณป่า เพราะบัวชุมแยกตัวออกไปนานจนผิดสังเกต ม่านฟ้าเป็นห่วงตะโกน เรียก
“พี่บัวชุม...พี่บัวชุม”
บัวชุมโผล่ออกมาจากมุมหนึ่ง พร้อมกับปลาและไก่ป่า หน้าตาบัวชุมมอมแมม
“อยู่นี่ค่ะ คุณหนู พี่บัวชุมอยู่นี่”
“หายไปไหนตั้งนาน”
“มัวไล่จับไอ้โต้งนี่ซิคะคุณหนู เสียเวลากับไอ้ไก่ป่าตัวนี้แหละคุณหนู เย็นนี้เรามีของอร่อยกินกันแล้วค่ะ”
พอขาดคำบัวชุมก็ตกลงไปในหลุมพราง ม่านฟ้าตกใจรีบวิ่งมาดูเห็นบัวชุมนอนอยู่ก้นหลุมร้องโอดโอย
“โอ๊ย...ใครมาขุดหลุมไว้เนี่ยะ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าพี่บัวชุม”
“ก็เจ็บซิคะคุณหนู โอ๊ยยยย”
“ส่งมือมาเร็ว”
“คุณหนูรับไอ้โต้งกับปลาไปก่อน”
ม่านฟ้ารับของจากบัวชุม จากนั้นก็พยายามดึงบัวชุมให้ขึ้นมาจากหลุม ทั้งคู่เหนื่อยหอบ บัวชุมมองไปรอบๆ เนื่องจากได้ยินเหมือนกำลังมีคนเดินมา
“บัวชุมฉันได้ยินเหมือนมีคนอยู่ใกล้ๆ แถวนี้”
“งั้นพี่บัวชุมตามมาทางนี้”
ม่านฟ้ารีบพาบัวชุมหลบไปยังมุมหนึ่ง
+ + + + + + + + + + + +
เทอด ยอด กริ่ง พากันเดินเข้ามาที่บริเวณต้นไม้ใหญ่
“ตรงนี้น่าจะปลอดภัย” เทอดบอก
กริ่งกวาดตามองรอบๆ
“หลบตรงไหนดี”
ยอดชี้ไป
“ไปที่ต้นไม้นั่นดีกว่าครับ”
สามหนุ่มพากันไปหลบยังต้นไม้ใหญ่
กลุ่มของดร.วิทยา และลูกน้อง กำลังพากันเดินมา นั้มซึ่งเดินนำหน้า ส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุด
“มีอะไร” เจ้าพ่ออินทร์ถามอย่างสงสัย
“แถวนี้ร่องรอยเหมือนมีคนเพิ่งเดินผ่านครับ”
นั้มและฮวง ก้มลงมามองที่พื้น เพื่อแกะรอย
“จริงครับ...เป็นรอยรองเท้าผู้ชาย ประมาณ 3 คน” ฮวงบอก
นั้มชี้ไปที่รอยหนึ่ง
“ตรงนี้เป็นรอยรองเท้าผู้หญิง”
“รอยเก่าหรือเปล่า” เสือสนธิ์ถาม
“รอยใหม่ครับ” นั้มบอกอย่างมั่นใจ
ฮวงกวาดตามอง
“มันน่าจะหลบอยู่แถวนี้”
“งั้นพวกเอ็งกระจายกำลัง ค้นหาดู” เจ้าพ่ออินทร์สั่ง
นั้ม กับฮวง และลูกน้อง พากันเดินสอดส่อง เพื่อค้นหา...เทอด ยอด กริ่ง ซึ่งหลบอยู่บริเวณต้นไม้ใหญ่มองหน้ากัน
“พวกมันกำลังมาทางนี้” เทอดบอกเบาๆ
ยอด หันมาหาเทิด
“ถ้านายหายตัว ฉันจะเข้าไปซ่อนในต้นไม้”
กริ่งชักกังวล
“แล้วฉันล่ะ...ถ้าวิ่งตอนนี้คงไม่รอดกระสุนแน่”
ยอดตบบ่าเพื่อน
“ฉันไม่ทิ้งนายหรอกน่านายกริ่ง”
“ขอบใจ...”
กริ่งหันมามองเทอด และยอด แต่ก็ประหลาดใจเมื่อทั้งเทอด และยอดหายไปแล้ว กริ่งหน้าเหวอ
“อ้าว...ไหนบอกว่าไม่ทิ้งกัน”
กริ่งพูดไม่ทันขาดคำ ก็โดนกระชากเข้าไปในต้นไม้ โดยมือของยูกิ ฮวงเดินมาถึงบริเวณต้นไม้ แล้วมองหาร่องรอย เจ้าพ่ออินทร์ซึ่งยืนมองห่างออกไปตะโกนถาม
“เจอมั๊ย”
“ไม่เจอครับ”
เจ้าพ่ออินทร์ส่ายหน้า
“เสียเวลา...งั้นเดินทางต่อ”
กลุ่ม ดร.วิทยา พากันเดินทางต่อไป
+ + + + + + + + + +
กริ่งคลานโผล่ออกจากช่องเล็กๆของถ้ำ โดยมียูกิ คลานตามมาด้วย
“อะไรกันนี่ยูกิ นี่มันที่ไหนกัน”
“ที่นี่เป็นถ้ำหลบภัย”
“เทิดกับยอดไม่รู้หายไปไหน”
“ตามยูกิมาเดี๋ยวก็รู้”
ยูกินำกริ่งเข้ามาในถ้ำ เทอด ยอด ชลดา เจนนี่ นั่งมองอยู่ กริ่งตะลึงงงงัน
“เฮ้ยเทอด ยอด นายเข้ามาที่นี่ได้ยังไง นึกว่าหายตัวไปไหนซะอีก”
ยอดหันไปยิ้มให้สาวๆ
“ฉันกับเทอด ก็ต้องขอบคุณคุณเจนนี่ คุณชลดาที่ช่วยพาเราหลบเข้ามาที่นี่เหนื่อยกันอีก”
“ความจริงต้องขอบคุณ...คุณเคนที่ เค้าพาเรามาหลบอยู่ในนี้” ชลดาบอก
“เคนเป็นใครกัน” เทิดถามอย่างแปลกใจ
เคนเดินออกมาจากมุมหนึ่งพร้อมกับกระบอกใส่น้ำส่งให้
“เอ้า...กินซิ”
สามหนุ่ม มองเคนแล้วมองหน้ากัน ด้วยความประหลาดใจ ยอดมองอย่างสงสัยเพราะเคนหน้าเหมือนแคนมาก
“นี่คุณ....”
“ผมเคน” เคนแนะนำตัว
กริ่งไม่เชื่อ
“ล้อเล่นน่า”
“คุณเคนเป็นฝาแฝดกับคุณแคน” ยูกิอธิบาย
กริ่งยิ้มให้เคน
“ถึงว่าซิ...เหมือนกันยังกับแกะ”
ยอดยังแปลกใจไม่หาย
“ไม่น่าเชื่อ...เรื่องยังกะนิยาย”
สามหนุ่มยิ้มให้เคนอย่างเป็นมิตร
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันครับ ผมเทอด”
“ผมยอด”
“ผมกริ่ง”
เคนยิ้มรับอย่างมิตรไมตรี
“ผมก็ยินดีที่ได้รู้จักพวกคุณเช่นกัน”
เจนนี่ ชี้บอกสามหนุ่ม
“ตรงกระเป๋านั่นมีเสื้อผ้าผู้ชาย ส่วนกระสุนก็อยู่ตรงโน้น”
ยอดอึ้ง
“โอ้โห...สุดยอดจริงๆ มีทุกอย่างที่เราต้องการ”
สามหนุ่มเริ่มสำรวจกระเป๋าใส่ของตามมุมต่างๆ ของถ้ำ
โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป
อาทิตย์ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554