เสาร์๕ ตอนทับทิมสยาม ตอนที่ 12
เหตุการณ์ภายในบ้านยามนั้นดอนและเดี่ยว ยืนมองเทอดอยู่ เกรงว่าเทอดจะโดนมนต์ดำไปจริงๆ ขณะที่เทอดก็แกล้งอำเพื่อนด้วยการแสดงท่าทีแปลกๆ คล้ายคนที่โดนมนต์สะกด เดี่ยวตัดสินใจทดสอบเทอด
“เทอด”
เทอดหันมามองนิ่ง ไม่พูด
“ใครคือเจ้านายของคุณ”
“ซัมดอง ดร.ฟอร์ด สตีเฟ่น นาตาชา”
ดอนกับเดี่ยวเริ่มไม่สบายใจ
“แล้วนายรู้จักเสาร์ห้าหรือเปล่า” ดอนถามบ้าง
“เสาร์ห้า...คือศัตรู”
ดอนและเดี่ยวหนักใจ รีบเดินเลี่ยงออกไปยืนคุยซุบซิบกันที่มุมหนึ่ง
“เอายังไงดอน...เทอดกลายเป็นพวกมันไปแล้ว”
“นั่นซิ ไม่คิดว่าเทอดจะโดนเวทย์มนต์ครอบงำได้”
“แล้วจะเอายังไงต่อ...”
เทอดเดินเข้ามาหน้าตาถมึงทึง
“เสาร์ห้าคือศัตรู”
เดี่ยวพยักหน้า
“ใช่...เสาร์ห้าคือศัตรู”
“แต่ฉันหล่อที่สุดในเสาร์ห้า” เทอดชมตัวเอง
ดอนกับเดี่ยวมองกันเหวอๆ กับตลกหน้าตายของเทอด
“อึ้งไปเลย เถียงไม่ออกละซิ” เทอดขำๆ
ดอนตาลุก
“เฮ้ย...นี่เทอด...นาย...”
เทอดยิ้ม
“ก็ฉันนะซิ...พวกแกความจำเสื่อมกันหรือยังไง”
เดี่ยวมองหน้าเทอด
“แสดงว่านายไม่ได้โดนมนต์ดำ...”
“คนดีผีคุ้ม ขอโทษ...นายสองคนไหลตามน้ำหลอกพวกมันได้ ผมก็ทำได้เหมียนกัน ตกลงผมหล่อที่สุดในเสาร์ห้า คอนเฟิร์ม”
ดอนส่ายหัวยิ้มขำ
“เอาเข้าไป ว่างๆ ก็ชมตัวเองซะงั้น”
“โทษทีนะ นายจะสุดหล่อ แต่ความสมาร์ทและเซ็กซี่น่ะฉันเร้าใจกว่า อันนี้คุณบุษกรคอนเฟิร์มมา” เดี่ยวเกทับ
เทอดหน้าเหวอ
“โห...มีแหล่งอ้างอิงด้วย”
เดี่ยวเก๊กใส่
“เขาเรียกว่าหล่อแบบมีใบรับรองแพทย์...ฮ่ะๆ”
ดอนมองเพื่อนสองคนอย่างขำๆ
“เอ้า...เกทับกันเข้าไป...ความหล่อฉันไม่สู้ใคร...แต่ความเท่ฉันเหนือกว่าวะ...”
ทุกคนเกทับกันไปมา เฮฮาประสาเพื่อน
+ + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่...
บุษกรกำลังเดินมาตามทาง เพื่อตรงไปยังมุมทำงาน เดี่ยวซึ่งดักรออยู่รีบเข้ามาหา
“บุษกร”
“มีอะไร”
“คือ...ผมอยากจะชวนคุณไป...”
เดี่ยวยังพูดไม่จบ บุษกรขัดขึ้น
“ฉันไม่ว่าง ต้องทำงาน”
“แต่ผมอยากจะคุยกับคุณเรื่องงานเหมือนกัน”
เดี่ยวคว้าข้อมือบุษกร แล้วดึงเข้าไปที่มุมลับตามุมหนึ่ง บุษกรขัดขืน แต่ก็สู้แรงไม่ได้
“ปล่อยฉันได้แล้ว มีอะไรก็ว่ามา”
“มองผมซิ”
บุษกรมองตาเดี่ยว
“คุณยังจำเรื่องของเราได้ใช่มั๊ย”
บุษกรนิ่งมองเดี่ยว ราวกับว่าความทรงจำเธอกำลังถูกรื้อฟื้นกลับมา บุษกรอ่อนโยนลง
“คุณเดี่ยว”
“คุณจำได้ใช่มั๊ยบุษกร คุณกลับมาแล้วใช่มั๊ย”
เดี่ยวโผเข้ากอดบุษกร กระแตเดินเข้ามายืนมองไม่พอใจ
“บุษกร”
บุษกรได้สติรีบผลักเดี่ยวออกมา
“ปล่อยนะ...ปล่อยฉัน”
เดี่ยวรั้งไว้
“เดี๋ยวซิ”
กระแตมองอย่างไม่พอใจ
“คุณกำลังจะทำอะไรคุณเดี่ยว”
“เรื่องนี้คุณไม่เกี่ยวกระแต” เดี่ยวพูดเสียงแข็ง
กระแตสายตากร้าว
“แต่ด็อกเตอร์สั่งไว้ ห้ามมีเรื่องชู้สาว...จำไม่ได้หรือไง”
“แต่บุษกรกับผมเคยสนิทกันมาก่อน” เดี่ยวหันมาหาบุษกร “คุณ จำได้แล้วใช่มั๊ยบุษกร”
บุษกรส่ายหน้า
“ไม่...ฉันจำไม่ได้”
“งั้นก็มองผมซิ”
เดี่ยวพยายามเข้ามาหาบุษกรอีก แต่กระแตเข้ามาขวางไว้
“หยุดได้แล้ว ไม่งั้นเรื่องถึงด็อกเตอร์ฟอร์ดแน่”
เดี่ยวชะงัก กระแตรีบพาบุษกรหลบออกไป เดี่ยวมองตาม
กระแตกับบุษกรเดินคุยกันมาตามทาง
“ทีหลังเธอต้องระวังตัว อย่าอยู่สองต่อสองกับพวก ผู้ชายอีก” กระแตเตือนเสียงเข้ม
“แต่บางทีฉันอาจจะเคยสนิทกับเค้าจริงๆก็ได้”
“แล้วยังไง” กระแตจ้องหน้าบุษกร “อย่าลืมซิ ว่าเราต้องอุทิศตัวให้กับงานตามที่ดร.ฟอร์ดสั่งมา”
“ใช่...เราต้องเชื่อฟังดร.ฟอร์ด”
“งั้นเธอไปกับฉัน เราจะไปรายงานเรื่องนี้ให้ ดร.ฟอร์ดรู้”
กระแตพาบุษกรเดินออกไป
+ + + + + + + + +
ดร.ฟอร์ดและสตีเฟ่นนั่งนิ่งฟังกระแต และบุษกร รายงานเรื่องที่เกิดขึ้น
“ขอบใจ ที่เอาเรื่องนี้มารายงานฉัน”
“มันเป็นหน้าที่ค่ะ พวกเราต้องอุทิศตัวทำงานให้กับท่าน และต้องไม่มีเรื่องอื่นใดที่จะมาทำให้งานของท่านเสียเด็ดขาด” กระแตบอกอย่างจงรักภักดี
ดร.ฟอร์ดหันไปหาบุษกร
“แล้วเธอล่ะบุษกร...เธอว่าไง”
“ฉันก็จะอุทิศตัวเพื่อทำงานให้ด็อกเตอร์ค่ะ”
“ต่อไปเธอสองคน จับตาดูพวก ไอ้ดอน ไอ้เดี่ยว แล้วก็สมาชิกใหม่คือไอ้เทอดให้ดี พวกมันเหมือนงูพิษ เลี้ยงให้ดีมันก็เป็นประโยชน์ แต่ถ้าพลาดมันก็จะแว้งกัดพวกเรา...เข้าใจมั๊ย” ดร.ฟอร์ดสั่งเสียงเฉียบ
กระแต และบุษกรรับคำ
“เข้าใจค่ะด็อกเตอร์”
“เอาละ ไปได้”
กระแตและบุษกร เดินออกไป ดร.ฟอร์ดหันไปหาสตีเฟ่น
“สตีเฟ่น”
“ครับพ่อ”
“แกไปบอกนาตาชา ให้ใช้เสน่ห์ของมันให้เป็นประโยชน์”
“ได้ครับ” สตีเฟ่นรับคำ
+ + + + + + + + + +
ในห้องทำงาน...
นาตาชานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ คลิ๊กดูภาพของดอนที่เธอเก็บเอาไว้ในคอมพิวเตอร์ สตีเฟ่นเดินเข้ามา นาตาชารีบปิดภาพ ไม่ให้สตีเฟ่นรู้ว่าเธอมีความสนใจในตัวดอน
“ทำอะไร” สตีเฟ่นถามเสียงเข้ม
“ก็ไม่มีอะไร แค่ดูเว็บไปเรื่อยๆ”
“เมื่อวานทำไมเธอทำแบบนั้น”
“ฉันทำอะไร”
“เธอเข้าไปขวาง ทางปืนพ่อจะยิงใช้ดอนทำไม”
“นี่พี่กำลังคิดว่าฉันชอบผู้ชายคนนั้นเหรอ” นาตาชาโวยวายอย่างร้อนตัว
สตีเฟ่นยิ้มหยัน
“ก็ไม่แน่...เพราะมันก็หน้าตาไม่เลวนี่”
“แต่เค้าเป็นศัตรู” นาตาชาเสียงอ่อย
“คิดอย่างงั้นก็ดี...เอาละฉันมีภารกิจมาให้แกทำ”
“ภารกิจอะไร”
นาตาชามองพี่ชายอย่างสงสัย
+ + + + + + + + + +
ขณะที่เดี่ยวอาบน้ำอยู่ที่ลำธาร สักครู่นาตาชาเดินเข้ามานั่งมอง เดี่ยวรู้สึกตัวหันไป
“ให้ฉันอาบน้ำด้วยคนได้มั๊ย”
“ได้ครับ แต่ผมอาบเสร็จแล้ว”
เดี่ยวเดินขึ้นมา แต่นาตาชาเข้าไปขวางไว้
“อย่าเพิ่งรีบซิคะ ฉันอยากมีคนช่วยถูหลังให้”
นาตาชาเอามือลูบไล้ที่หน้าอกของเขา เดี่ยวเริ่มอึดอัดจึงจับมือเธอไว้
“อย่าครับ...นาตาชา”
“ทำไมล่ะ คุณไม่เชื่อฟังฉันแล้วเหรอ”
“แต่มันไม่เหมาะ”
“ฉันรู้ว่าคุณเหงา ฉันเองก็ไม่ต่างจากคุณนักหรอก”
นาตาชาสบตาเดี่ยว
“ปลดปล่อยหัวใจให้เป็นอิสระเถอะค่ะคุณเดี่ยว อย่าขังมันไว้เลย”
นาตาชาเริ่มรุกคืบ แต่เดี่ยวรั้งไว้
“ผมต้องรีบไปทำงาน ขอโทษครับ”
เดี่ยวรีบเดินหนีไป ขณะที่นาตาชามองตามยิ้มเยาะ
+ + + + + + + + + + +
เทอดกำลังเดินสำรวจสถานที่อยู่มุมหนึ่ง สักครู่นาตาชาก็เดินเข้ามาหา
“มาทำอะไรแถวนี้คะคุณเทอด”
“ผมแค่มาเดินสำรวจสถานที่ครับ”
“นี่คุณเป็นสายลับหรือคะ”
“ผมทำงานให้ด็อกเตอร์ฟอร์ดเท่านั้น”
“ค่ะ...ฉันเชื่อคุณ”
นาตาชาแกล้งเดินสะดุดเซ เทอดรีบประคองเอาไว้
“เป็นอะไรครับคุณนาตาชา”
“พาฉันไปพักข้างในหน่อยค่ะ...ฉันมึนหัว บ้านฉันอยู่ตรงนั้น”
เทอดอุ้มพานาตาชาเข้าไปด้านในบ้านพัก แล้ววางลงบนเตียงนอน แต่นาตาชากลับไม่ยอมปล่อยเทอด
“ปล่อยก่อนครับ เดี๋ยวผมจะไปหายามาให้คุณ”
“อย่าลำบากเลยค่ะ ฉันต้องการคุณมากกว่า”
เทอดชะงักนิ่ง มองตานาตาชา ซึ่งพยายามส่งสายตายั่วยวน
“แต่ว่า...”
“อย่าใช้คำว่าแต่กับฉันซิ จำได้มั๊ยว่าคุณต้องทำตามคำสั่งของฉัน”
นาตาชาพยายามจะดึงเทอดเข้ามาจูบ แต่เทอดรั้งตัวเองไว้ในนาทีสุดท้าย แล้วรีบลุกขึ้นมา
“ไม่ได้ครับ ผมทำไม่ได้”
“ฉันชอบคุณมานานแล้วนะคุณเทอด อย่าใจร้ายกับฉันซิคะ”
เทอดตัดสินใจเดินหนี กำลังจะออกจากห้อง แต่นาตาชาเข้ามาขวางไว้
“ให้ผมไปเถอะครับคุณนาตาชา”
“นี่คุณบ้า หรือโง่กันแน่”
“ขอโทษครับ”
นาตาชายื่นหน้าเข้ามาใกล้เทอด
“ก็ได้ค่ะ ฉันรู้ว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษ...นี่แหละค่ะเสน่ห์”
นาตาชาปล่อยมือ เทอดเดินออกไปนาตาชามองตาม
+ + + + + + + + + + +
ดอนนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ เปิดเว็บไซค์หาข้อมูล เกี่ยวกับทับทิมสยามอยู่ นาตาชาเดินเข้ามานั่งข้างๆ
“ดูอะไรอยู่คะ”
“ผมกำลังหาข้อมูลเรื่องทับทิมสยาม”
ขณะที่ดอนกำลังจับเม้าท์คอมพิวเตอร์อยู่ สักครู่นาตาชาก็วางมือลงไปกุมมือเขาเอาไว้ ดอนหันมามองหน้านาตาชา
“คุณหน้าแดงเชียว เขินหรือคะ”
“คือผมไม่คุ้น...”
“ค่ะ...ฉันเองก็ไม่คุ้น...”
“ขอบคุณมากนะครับกับเรื่องเมื่อวาน”
“ฉันตายแทนคุณได้เสมอค่ะ”
“แต่ผม...”
“ฉันรู้ค่ะว่าคุณไม่ได้สนใจฉัน แต่ไม่เป็นไรค่ะแค่ฉันได้ตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าโลกนี้มีผู้ชายอย่างคุณ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ”
“เราเป็นเพื่อนกันดีกว่านะครับ...มิตรภาพยืนยาวกว่าสิ่งอื่นใด”
นาตาชาปล่อยมือออกมาจากการกุมมือดอนไว้
“ค่ะ มิตรภาพระหว่างเราจะยืนยาวต่อไป”
นาตาชามองดอนอย่างลึกซึ้ง เนื่องจากเธอตกหลุมรักดอนจริงๆนั่นเอง ขณะที่ดอนยิ้มรับในไมตรีแต่ก็แค่ความรู้สึกแบบเพื่อน
+ + + + + + + + + +
หลังจากแยกมาจากดอน นาตาชามาหาสตีเฟ่น นั่งคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่ง ขณะเดียวกันนั้น ดร.ฟอร์ดเดินเข้ามาหา
“ดีมากนาตาชา...แกทำได้ดีมาก”
“ก็ไม่มีอะไรยากนี่คะพ่อ”
“ยั่วให้พวกมันหลงรักแก ทำให้มันเชื่อทุกอย่างที่แกพูด”
“ค่ะพ่อ”
“แต่ต้องระวังอย่างให้พวกมันรู้ว่า แกทำแบบนี้กับพวกมันทุกคน” สตีเฟ่นเตือน
นาตาชามอง ดร.ฟอร์ด
“พ่อคิดว่าฉันโง่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ดี...เดินหน้าต่อไป แล้วรอจังหวะค่อยหาทางทำลายพวกมันทีหลัง”
“ค่ะ...พ่อสั่งมาก็แล้วกัน”
ดร.ฟอร์ดยิ้มพอใจกับสิ่งที่นาตาชาทำ
+ + + + + + + + + +
อาเตียวหยิบผ้าห่ม ที่ม่านฟ้ากับบัวชุมลืมทิ้งเอาไว้ขึ้นมามอง เปาชางเดินเข้ามา
“นั่นอะไร”
“ผ้า...มีคนลืมทิ้งเอาไว้”
เปางชางรับผ้ามาดู แล้วคุ้นตา จำได้ว่าเป็นผ้าของม่านฟ้า...
“ใช่แล้ว...เป็นผ้าของม่านฟ้าแน่นอน”
อาเตียวเดินสำรวจดูร่องรอย
“ตรงนี้มีรอยนอน แล้วก็รอยเท้าเดินออกไปทางนี้”
“รีบตามไปเร็ว ต้องใช่ม่านฟ้าแน่ๆ”
เปาชาง และอาเตียวรีบเดินนำคนอื่นๆตามรอยออกไป
ขณะเดียวกันนั้น ม่านฟ้านอนจับไข้หนาวสั่น อยู่ในพุ่มไม้แล้วสักครู่ก็เห็นเปาชาง อาเตียวและพวกพากันเดินใกล้เข้ามา บัวชุม กำลังจะเดินไปหาม่านฟ้า แต่พอเห็นเปาชาง และพวกเธอจึงชะงักหลบอยู่ที่พุ่มไม้ห่างออกไป
เปาชาง และพวกมาหยุดอยู่ในมุมใกล้ๆ ม่านฟ้า อาเตียวกำลังก้มมองที่พื้นเพื่อหาร่องรอยและกำลังมุ่งหน้าไปยังพุ่มไม้ บัวชุมตกใจเกรงม่านฟ้าจะตกอยู่ในอันตราย เธอจึงตัดสินใจปรากฏตัวออกมาให้ทุกคนเห็น ก่อนที่อาเตียวจะเจอม่านฟ้า
“ว้าย....ตาเถร” บัวชุมแกล้งร้อง
ทุกคนหันมามอง
“ที่แท้ก็อยู่นี่เอง...ตามเร็ว”
บัวชุมออกวิ่ง เปาชางและลูกน้องพากันวิ่งตามไป อาเตียวซึ่งกำลังจะไปถึงจุดที่ม่านฟ้านอนก็เลยชะงักเลิกแกะรอย ออกวิ่งตามทุกคนไป
บัวชุมวิ่งหนีเตลิดอยู่ในป่า ขณะที่เปาชาง และคนอื่นๆ พากันตาม ลูกน้องคนหนึ่งยิงปืน เฉี่ยวบัวชุม แต่เปาชางปัดปืนทิ้งไม่ยอมให้ยิง
“อย่ายิง...จับเป็น”
อาเตียวและ ทุกคนพากันวิ่งตามไป แต่เปาชางฉีกไปอีกทางเพื่อดักข้างหน้า
+ + + + + + + + + + + +
บัวชุมวิ่งหนีมาที่มุมหนึ่ง แล้วสะดุดหกล้ม ลูกน้องคนหนึ่งเข้ามาจับตัวบัวชุมเอาไว้ บัวชุมดิ้นรนไปมา
“ปล่อยนะ...ปล่อย”
“เจ้านายแกอยู่ไหน...บอกมา” อาเตียวตะคอกถาม
บัวชุมดิ้นรนไม่ยอมง่ายๆ
“ปล่อยนะ...ไอ้บ้า”
“ปากดีนัก...เดี๋ยวโดนดรหรอก” อาเตียวขู่
บัวชุมไม่กลัวตะโกนท้าทาย
“เก่งจริงเข้ามาซิวะ...เข้ามา”
อาเตียวโดนท้า จึงเข้าไปกอดปล้ำบัวชุมเอาไว้
“โอ๊ย ๆ อย่าปล่อยนะ...อย่าปล่อยกอดให้แน่นๆ”
“อ้าว...ว่าง่ายซะด้วย”
“แหม...พี่ก็...หน้าตาตี๋ๆ อย่างนี้ บัวชุมชอบ” บัวชุมแกล้งเคลิ้มหลอกให้ตายใจ “เอาผ้ามาปูหน่อยซิ เดี๋ยวมดกัด”
อาเตียวหันไปสั่งลูกน้อง
“เฮ้ย...ปูผ้า”
ลูกน้องพากันคึกคัก รีบเอาผ้ามาปู
“บ้า...มาปูผ้ากลางแจ้งได้ไง หลังพุ่มไม้ซิจ๊ะ หนูอายเป็นเหมือนกันนะ”
อาเตียวยิ้มกริ่มหันไปสั่ง
“ได้ยินมั๊ย ไปปูผ้าหลังพุ่มไม้”
ลูกน้องไปปูผ้าหลังพุ่มไม้ บัวชุมรีบดึงมืออาเตียวไปหลังพุ่มไม้ แล้วหันมาบอกคนอื่นๆ
“อย่าแตกแถวนะ ทีละคน” บัวชุมหันไปยิ้มหวานให้อาเตียว “พี่คนแรกเลยมามะ”
อาเตียวและบัวชุมเข้าไปหลังพุ่มไม้ แล้วสักครู่ก็ได้ยินเสียงอาเตียวร้อง
“โอ้วววว”
พวกลูกน้องพากันหัวเราะคิกๆ คึกคักกันเริงร่า
“คิวต่อไปค่ะ...มามะๆ”เสียงบัวชุมตะโกนออกมา
ลูกน้องคนหนึ่งซึ่งเป็นคิวต่อไปรีบวิ่งเข้าพุ่มไม้ บัวชุมยืนดักรอ เอาไม้ฟาดคนที่วิ่งเข้ามา ล้มลง นอนข้างๆ อาเตียว บัวชุมรีบเก็บปืนและกระสุนจากทั้งสองคนแล้ววิ่งหนีไป ลูกน้องอีกคนโผล่เข้ามาเห็น จึงโวยวาย
“เฮ้ย...มันหนีไปแล้ว”
บัวชุมหันมายิงคนที่วิ่งตาม แล้ววิ่งหนีเข้าป่าไป แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นเปาชางยืนดักรออยู่
“จะรีบไปไหน”
“หลีกไปนะ”
“บอกมาว่าม่านฟ้าอยู่ที่ไหน”
“ถึงตายฉันก็ไม่มีวันบอก”
บัวชุมยิงใส่ เปาชางโดดหลบ บัวชุมได้โอกาสวิ่งหนีไปอีกมุม เปาชางรีบวิ่งตาม บัวชุมวิ่งมาที่มุมหนึ่งแล้ววิ่งพลาด ไปเหยียบกับดักนายพราน โดนดีดตัวลอยขึ้นไป แต่โชคดีที่มีพุ่มไม้หนามาบังตาเอาไว้
เปาชาง และลูกน้องพากันวิ่งมาหยุดมองหา แต่ทุกคนไม่ทันได้มองข้างบน จึงพากันวิ่งเลยไป
บัวชุมเหนื่อยหอบติดอยู่กลางอากาศนั่นเอง
อ่านต่อหน้า 2
เสาร์๕ ตอนทับทิมสยาม ตอนที่ 12 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ ร่างของ ดร.วิทยานอนสลบอยู่ ริมลำธารแห่งหนึ่ง สักครู่ก็ค่อยๆ ได้สติ ลืมตาตื่นขึ้นมา ดร.วิทยาลุกขึ้นเหลียวมองไปรอบๆ แล้วเดินเข้าไปในป่า
ทางด้านเทอด ดอน เดี่ยว กำลังยืนอยู่กับซัมดอง ที่ด้านหน้าพระประธานภายในเจดีย์ขณะที่ ดร.ฟอร์ด สตีเฟ่น นาตาชา กระแต บุษกร และลูกน้องคนอื่นพากันยืนมองอยู่ห่างออกไป
“แกสามคน มีพลังพุทธคุณ และต้องใช้ให้เป็นประโยชน์...ทำตามที่ข้าบอก” ซัมดองสั่งเสียงเข้ม
สามหนุ่มรับคำ
“ได้ครับซัมดอง”
“รวบรวมสมาธิแล้วเพ่งมาที่ดวงตาสวรรค์ ขอพลังพุทธคุณให้ช่วยเปิดที่ซ่อนของทับทิมสยามออกมา”
ดอน เดี่ยว เทอด พากันนั่งสมาธิเพ่งมองไปยังดวงตาสวรรค์ สักครู่ดวงตาสวรรค์ก็เกิดประกายแสงสว่างเรืองรอง ทำให้บริเวณนั้นสว่างไปทั่ว ภาพทับทิมสยามสีม่วงเริ่มปรากฏออกมา โดยมีงูตัวหนึ่งเลื้อยวนอยู่รอบๆ ทับทิมสยาม โดยในภาพยังมองไม่ออกนักว่าเป็นที่ไหน ดร.ฟอร์ดมีท่าทีตื่นเต้นที่เห็นทับทิมสยามที่เขาใฝ่หามานาน
“ทับทิมสยามสีม่วง มีทับทิมสยามสีม่วงจริงๆด้วย”
ทันใดนั้นภาพที่ปรากฏก็ค่อยๆ เลือนหายไป ดอน เดี่ยว เทอด ลืมตาขึ้นมา ท่าทีเหนื่อยอ่อน
“ทำไมไม่ทำต่อ เมื่อกี้ยังมองไม่ถนัดเลยว่าทับทิมสยามสีม่วงอยู่ตรงไหน” ดร.ฟอร์ดโวยวาย
“พลังของพวกมันสามคนยังไม่มากพอ” ซัมดองบอก
“แล้วถ้าห้าคนละคะ” กระแตถาม
ดร.ฟอร์ดมองหน้ากระแตอย่างแปลกใจ
“เธอหมายถึงใคร”
“เสาร์ห้า...เราได้พวกมันมาครบห้าคนรวมพลังกัน เราต้องหาทับทิมสยามสีม่วงเจอแน่นอน”
ซัมดองเห็นด้วย
“ถูกต้อง...ถ้าเราได้เสาร์ห้ามาเป็นพวกทั้งหมดงานก็จะง่ายขึ้น”
ดร.ฟอร์ดหันไปหาลูกชาย
“แกคงรู้นะว่าต้องทำยังไง”
“ครับพ่อ”
สตีเฟ่นแยกจากดร.ฟอร์ด เตรียมที่จะไปจับยอดกับ กริ่ง โดยให้เทอด ดอน และเดี่ยวร่วมกลุ่มไปกับพวกของตัวเอง
“แกรู้ใช่มั๊ยว่าเพื่อนแกมันหลบอยู่ที่ไหน”สตีเฟ่นหันมาถามเทอด
“รู้ครับคุณสตีเฟ่น”
“งั้นก็นำทางไป”
“ครับคุณสตีเฟ่น”
เทอด เดินนำทุกคนเข้าป่าไป
+ + + + + + + + + +
ขณะที่เจนนี่ ชลดา ยูกิ กำลังเล่นน้ำกันอยู่ในลำธาร ยอดกับกริ่งเดินมาดู สายตากรุ้มกริ่ม
“คุณกริ่ง มาเล่นน้ำด้วยกัน” ยูกิเรียก
“โอ้ว....ถนัดดูครับ ไม่ถนัดเล่น”
“แต่ผมถนัดเล่น...ให้ผมเล่นด้วยนะจ๊ะ”
ยอดจะลงน้ำแต่กริ่งห้ามไว้
“แต่วันนี้เวรคุณไปหาอาหารกับคุณเคนนะครับ ไปเลยคุณยอด...ไปเลย”
“คุณยอดขา” เจนนี่เรียกเสียงหวาน
“ขา...” ยอดขานรับหวานหยดย้อย
“มื้อนี้ขอหมูป่าตัวใหญ่ๆ นะ”
“จัดให้...ใหญ่ๆเลยนะ”
เคนเดินเข้ามา กริ่งหมั่นไส้ยอดเลยรีบไล่ให้ไปพ้นๆ
“คุณเคนมาแล้วคุณยอด...รีบเลย ไปทำงาน”
“คุณกริ่งใจร้าย...ฮึ่ม ๆ จำไว้”
เคนมองสองหนุ่ม
“วันนี้ผมไม่ค่อยสบาย...คุณยอด ไปกับคุณกริ่งได้มั๊ยครับ”
ยอดได้ที
“ฮ่ะๆ...ได้ซิ คุณกริ่งเค้าก็กำลังอยากจะเปลี่ยนเวรกับคุณอยู่พอดี” ยอดหันไปหากริ่ง “ไปเร็วคุณกริ่งได้ยินแล้วใช่มั๊ย ว่าคุณเคนไม่สบาย...เร็วอย่าอู้”
กริ่งเซ็งเลย
“อะไรเนี่ย...วันนี้วันหยุดของผมนะ”
“มีน้ำใจกันบ้างซิครับ คุณเคนเค้าไม่สบาย เร็วหมดเวลาแห่งความสุขแล้ว”
ยูกิชูกำปั้นเขียร์กริ่ง
“คุณกริ่ง สู้ๆ นะ”
กริ่งจ๋อยๆ เดินตามยอด กริ่งบ่นออกมาอย่างเซ็งๆ
“ไม่สู้แล้ว...หมูป่าตัวดำมะเมื่อมน่าเกลียดจะตาย”
ยอดมองเพื่อนขำๆ
“ฮ่ะๆ...มองนานๆ เดี๋ยวหมูป่าก็สวยขึ้นเองน่า...ฮ่ะๆๆ”
“นี่คิดอะไรหรือเปล่าเนี่ยะ”
“โห...แร้งส์ส์ส์”
กริ่งและยอดพากันเดินไป เคนเดินไปหาที่นอนพัก
+ + + + + + + + + + +
เทอด ดอน เดี่ยว และพวกสตีเฟ่นพากัน เดินมาหยุดที่มุมหนึ่ง เทอดชี้ไปที่มุมหนึ่งของป่า
“ใกล้ถึงแล้ว น่าจะอยู่แถวต้นไม้ข้างหน้าโน่น”
สตีเฟ่นหันมาสั่งทุกคน
“ถ้างั้นแยกกัน...แกสามคนไปด้วยกัน ส่วนพวกฉันจะอ้อมไปอีกทาง”
“แล้วให้จัดการยังไง” ดอนถาม
“ไอ้ยอด ไอ้กริ่ง จับเป็น คนอื่น จัดการเป่าได้เลย”
เดี่ยวพยักหน้ารับ
“ไม่มีปัญหาครับ”
“งั้นพวกแกก็ไปได้”
เทอด ดอน เดี่ยว พากันเดินออกไป สตีเฟ่นกับราฮีม และมะโหนกมองตาม
“จะปล่อยไปง่ายๆเหรอครับ” ราฮีมถามอย่างสงสัย
“อย่างงี้มันปล่อยเสือเข้าป่าชัดๆ” มะโหนกแย้ง
สตีเฟ่นยิ้มมุมปาก
“ฉันไม่โง่อย่างนั้นหรอก แกสองคนแอบตามพวกมันไปเงียบๆ ได้โอกาสก็ปิดล้อมแล้วจับพวกมันให้ได้”
“ได้ครับสตีเฟ่น”
ทุกคนพากันแยกย้ายกันออกไป
+ + + + + + + + + + + +
ยอดกับกริ่ง กำลังเดินซุ่มมองตามมุมต่างๆ เพื่อหาหมูป่า แต่ไม่เจอแม้เงา
“ขี้โม้นี่หว่าคุณกริ่ง ไหนบอกเมื่อวานเจอหมูป่าแถวนี้ ไม่เห็นสักตัวเลย”
“แต่เมื่อวานผมเห็นมันมากินดินโป่งแถวนี้ นะ”
“ไม่มีหมูป่ากิน งั้นเอาดินโป่งกลับไปกินกันแทนดีมั๊ย” ยอดเย้าแหย่
“โห...นี่อดอยากถึงขนาดจะกินดินโป่งเลยเหรอคุณ ยอด”
“อดอยากซิ...ก็ผมไม่มีแฟนมาด้วยนี่ ใครเค้าจะเหมือนคุณ”
กริ่งเก๊กทันที
“เกิดมารูปหล่อ โดนเพื่อนกัดตลอด กรรมของคนหน้าตาดีก็แบบนี้แหละ”
ยอดหมั่นไส้
“โอเคเลย...”
ยอดชะงักได้ยินเสียงเดิน จึงรีบส่งสัญญาณให้กริ่งเงียบแล้วพากันหลบเข้าที่กำบัง สักครู่ เทอด เดี่ยว ดอน พากันเดินคุยกันมา
“ทางเข้าถ้ำน่าจะอยู่แถวนี้...ผมจำได้” เทอดบอก
“แล้วพวกเราจะเอาไงกันดี สู้หรือหนี” ดอนถามเสียงเครียด
“อย่าทำแบบนั้น ภารกิจเรายังไม่เสร็จ” เดี่ยวแย้ง
เทอดเห็นด้วย
“ใช่ครับ...กว่าจะทำให้พวกมันวางใจได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเราต้องทำให้คุณยอด คุณกริ่ง เข้ามาร่วมด้วย”
ดอนหน้าเครียดรู้สึกกังวล
“แต่ผมเป็นห่วงพวกผู้หญิง”
“นั่นซิ...ผมก็เป็นห่วงเหมือนกัน”
เดี่ยวหยุด เมื่อรู้สึกว่าได้ยินเสียงบางอย่าง เทอดหันไปถามเบาๆ
“มีอะไรครับ”
“พวกมันตามเรามา”
ดอนใช้ตาทิพย์มองไปรอบๆ
“ใช่ครับ พวกมันซุ่มมองเราอยู่ ตอนนี้มันกำลังแยกย้ายปิดล้อมเอาไว้”
ดอนมองเห็นยอด และกริ่งซึ่งซ่อนตัวอยู่ จึงหันมาบอกเพื่อน ๆ
“ยอด กับกริ่ง อยู่ตรงนั้น”
“งั้นเดี๋ยวผมจัดการเอง”
เทอดเดินไปหยุดด้านหน้ามุมที่ยอดและกริ่งซ่อนตัวอยู่
“คุณยอด คุณกริ่ง ผมรู้ว่าคุณซ่อนอยู่ตรงนั้น ออกมาเถอะ”
ยอดและกริ่งมองหน้ากัน แล้วกระชับปืน จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากพุ่มไม้ ยอดมองดอนและเดี่ยว ยังไม่วางใจนัก
“ยินดีต้อนรับครับ คุณเทอด คุณดอน แล้วก็คุณ...เดี่ยว”
“ไปไงมาไงถึงได้มาถึงนี่...”
เทอด ดอน เดี่ยว เดินเข้าหายอดและกริ่ง แต่ยอด และกริ่ง เล็งปืนไว้ เพื่อระวังตัว
“อ้ะๆ อย่าเพิ่งเข้ามาครับ” กริ่งบอกเสียงแข็ง
“โอเค...ถ้ายังไม่วางใจพวกเรา ก็ไม่เป็นไร งั้นพวกผมสามคน วางปืนก็ได้”
เทอดวางปืนลง...เดี่ยวกับดอนวางตาม ยอดยิ้มบางๆ
“อย่างนี้ค่อยน่าคุยกันหน่อย”
เทอด ดอน เดี่ยวเดินเข้าหา
“ได้ข่าวว่ามีบางคนในพวกเรากลายเป็นพวก ดร..ฟอร์ดไปแล้วจริงหรือเปล่า” กริ่งถามอย่างไม่ไว้ใจ
เทอดพยักหน้ารับ
“จริงครับ พวกเราสามคน เป็นพวกดร.ฟอร์ดไปแล้ว”
ทันใดนั้น เทอด ดอน เดี่ยว ก็จู่โจม รุมจับตัว ยอดกับกริ่ง เกิดการต่อสู้แย่งปืนกันไปมาจนปืนลั่นขึ้นฟ้า
เสียงปืนทำให้เจนนี่ ยูกิ ชลดาและเคนสะดุ้งหันมามองหน้ากัน
“คงเป็นเสียงคุณยอดกับคุณกริ่งยิงหมูป่าน่ะ” เจนนี่บอก
ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง เคนรู้สึกผิดสังเกต
“คงไม่ใช่แล้ว ตามผมมา...เร็ว”
เจนนี่ ยูกิ ชลดา ขึ้นจากน้ำ คว้าปืนมากระชับ แล้วตามเคนไป
ทางด้านยอดกับกริ่ง ปืนหลุดมือ จึงเปิดฉากชกต่อยอยู่กับเทอด ดอน และเดี่ยว โดยต่างก็สลับกันชก สลับกันต่อสู้ไปมา
“ไม่นึกเลยว่าพวกเราจะต้องมาจบลงแบบนี้” ยอดพูดออกมาอย่างเจ็บแค้นใจ
กริ่งโมโหเข้าลุยใส่ไม่ยั้ง
“วันนี้เพื่อนก็เพื่อนเถอะ ไม่ยั้งให้แล้ว”
เทอดสู้ไปพยายามอธิบายไป โดยทำให้กลมกลืนกับการชกต่อย
“ใจเย็นๆ มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด”
ดอนกระซิบบอกยอด
“ต่อยให้สมบทบาท มีคนจับตามองพวกเราอยู่”
ยอดงงๆ
“นี่มันอะไรกัน”
เดี่ยวชกไปพูดไป
“ไม่มีเวลาอธิบาย อย่าให้พวกมันสงสัย ผลสุดท้ายนาย 2 คน ถูกจับได้ก็แล้วกัน โอเคไหม”
ยอดและกริ่งมองหน้ากัน เมื่อรู้แล้วว่าเป็นแผนลวง
“อ้ะ โอเค ผมเข้าใจละ” ยอดบอกเบาๆ
“ต่อยแรง ไม่ต้องกลัวผมเจ็บ” เดี่ยวสั่ง
“งั้นจัดให้ครับ”
ขาดคำกริ่งก็ชกเปรี้ยงใส่ เดี๋ยวเซถลา
“ขอโทษนะครับ พอดีหล่อด้วยหมัดหนักด้วย”
“ขี้คุยจริง นายกริ่ง” ยอดแขวะ
“มันก็ต้องทำให้สมบทบาทหน่อยซี่คุณยอด”
เคน ยูกิ เจนนี่ ชลดา โผล่เข้ามาเห็น 5 หนุ่มกำลังตะลุมบอนกันอยู่ก็ตกใจ
“หยุดนะ...นี่ทำอะไร” ชลดาตะโกนห้าม
หนุ่มๆ เสาร์ห้าชะงัก เทอดรีบส่งสัญญาณให้ชลดาเข้าไปกระซิบ
“หนีไป อย่าเข้ามา หนีไปเร็ว”
ชลดางงๆไม่เข้าใจกระซิบถาม
“หนีทำไม”
ดอนขยิบตาให้พวกผู้หญิงแล้วหันไปตะโกนบอกราฮีม และมะโหนก
“พวกมันอยู่นี่ ๆ”
มะโหนกและพวกซึ่งซุ่มอยู่บนต้นไม้ ทิ้งตัวลงมา แล้วเล็งปืนไปหาทั้งกลุ่ม เคนกราดยิง แล้ววิ่งนำพวกผู้หญิงหนีไป เทอด ดอน และเดี่ยว แกล้งล็อคคอ ยอด กับกริ่งเอาไว้ใม่ให้หนี
“มาล๊อคฉันทำไม” กริ่งถามเบาๆ
“เพื่อให้สมบทบาทไงล่ะ” ดอนกระชิบตอบ
มะโหนกและพวก ออกตามล่าเคน และพวกผู้หญิง ขณะที่ ราฮีมและพวกเข้ามารุมล้อมยอดและ กริ่ง
ซึ่งมีดอน เดี่ยว และ เทอดล็อคตัวไว้
+ + + + + + + + + +
เคนและเจนนี่ วิ่งตามกันมา โดยมีเสียงปืนดังไล่หลัง ทั้งคู่พากันหลบขณะที่ชลดากับยูกิวิ่งแยกไปอีกทาง มะโหนวิ่งตามมา สั่งให้พวกลูกน้อง แยกกันออกไป โดยมะโหนกคนเดียว ออกตามล่าเคนและเจนนี่ พวกลูกน้องที่เหลือไล่ตาม ชลดากับยูกิ
เคนวิ่งพาเจนนี่มาที่มุมหนึ่งแล้วปีนหนีขึ้นต้นไม้
“ปีนขึ้นไปทำไม” เจนนี่ถามอย่างสงสัย
“ตามมาเร็ว”
เจนนี่ไม่มีเวลาคิด จึงปีนตามเคนไป มะโหนกมองเห็นจึงกระโดดโหนเถาวัลย์โยนตัวไปดักบนกิ่งไม้ เคนชะงักคาดไม่ถึง
“คิดจะหนีเหรอ”
มะโหนกชักมีดออกมาจ้วงแทง เคนหลบไปมา แล้วตัดสินใจโดดโหนเถาวัลย์หนีหลุดหายไปในพุ่มไม้ มะโหนกหันมาหาเจนนี่ซึ่งลังเลไม่รู้จะทำยังไง ทันใดนั้นเสียงเคนตะโกนสั่งดังออกมา
“โหนเถาวัลย์เร็ว ตามมา”
เจนนี่ตัดสินใจในนาทีสุดท้ายขณะมะโหนกโผเข้าใส่ เจนนี่โหนเถาวัลย์ลอยหายไปในพุ่มไม้ มะโหนกตั้งหลักได้กระโดดคว้าเถาวัลย์โหนตามไป
เคนกับเจนนี่ ยืนอยู่บนห้างไม้ ดักรออยู่ พอมะโหนกโหนเถาวัลย์โผล่เข้ามาก็เอาไม้ฟาดเปรี้ยง มะโหนกเซถลา รูดตัวหล่นลงพื้นไป เคนและเจนนี่พากันปีนลงต้นไม้แล้ววิ่งหนีไป มะโหนกสะบัดหัวมึนๆ แล้วรีบชักมีดพกปาตามไป มีดพกของมะโหนกเฉี่ยวเจนนี่ ไปปักบนต้นไม้ เจนนี่ตกใจ เคนรีบกระชากให้วิ่งต่อ มะโหนกวิ่งมาที่มีดดึงออกมาแล้วพยายามจะวิ่งตาม แต่ขาแพลง ทำให้ต้องเลิกล้ม
+ + + + + + + + + +
ชลดากับยูกิ พากันวิ่งหนีมาหลบซุ่มที่มุมหนึ่ง ขณะที่พวกคนร้ายพากันวิ่งตามมาแต่หาไม่เจอ จึงพากันเดินเลยออกไป สักครู่สองสาวก็วิ่งสวนทางกลับไป แต่ดันเจอกับคนร้ายอีกคนที่ตามมาทีหลัง
“จะไปไหนคนสวย”
“หลีกไปนะ” ยูกิตวาด
คนร้ายยิ้มกริ่ม
“หลีกไม่เป็นซะด้วย”
“หลีกไม่เป็นก็ตายซะ”
ชลดาชักปืนออกมาจะยิง แต่คนร้ายไวกว่าปัดปืนชลดาหล่นจากมือ ยูกิเข้าช่วยสองสาวรุมเตะต่อยคนร้าย ขณะที่กลุ่มคนร้ายที่วิ่งผ่านไป ได้ยินเสียงการต่อสู้จึงกลับมา ยูกิจึงหยิบ ชูริเคนซึ่งเป็นอาวุธดาวกระจาย ปาออกไปปักที่คอคนร้ายสามคน คนร้ายพากันชะงักไม่คิดว่าสองสาวจะมีพิษร้าย ยูกิและชลดารีบฉวยโอกาสพากันหนีไป
สองสาววิ่งมาหยุดที่มุมหนึ่งเพื่อพักเหนื่อย ชลดามองเห็นกับดับนายพราน จึงให้สัญญาณกับยูกิ โดยชลดาแกล้งทำเป็นหกล้ม แล้วยูกิวิ่งหนีหายไป กลุ่มคนร้ายพากันวิ่งตามมา เห็นชลดาอยู่คนเดียวก็มองหยัน
“เพื่อนทิ้งเหรอจ๊ะ”
“อย่าทำฉันนะ...อย่า” ชลดาอ้อนวอน
“ระวังนะ ...นังนี่มันร้าย อย่าไว้ใจ” คนร้ายเตือนเพื่อน
“มา...ที่ว่าร้าย ขอเจอหน่อย”
คนร้ายพุ่งเข้าหา ชลดา ยูกิที่แอบอยู่โผล่จากที่ซ่อน แล้วปามีดไปตัดเชือก ทันใดนั้นแหปากใหญ่ตกลงมาคลุมกลุ่มคนร้ายทั้งกลุ่ม ส่วนคนร้ายที่พุ่งเข้าหาชลดา ก็ถูกชลดาจัดการเสียอยู่หมัดอย่างง่ายดาย เสี้ยวนาทีนั้น ยูกิโดดถีบกลุ่มคนร้าย จนเซถลาทั้งกลุ่ม ตกลงไปในหลุมพรางที่อยู่ไม่ห่างกัน สองสาวยืนดูผลงานแล้วพากันหนีไป
+ + + + + + + + + + +
ยอดกับกริ่ง ถูกจับมัดเอาไว้ภายในเจดีย์ สักครู่ ซัมดอง ดร.ฟอร์ด สตีเฟ่น นาตาชา ดอน เดี่ยว เทอด ก็เดินเข้ามา ซัมดองมองยอดกับกริ่งอย่างพึงพอใจ
“แกสองคนสุดท้ายที่จะมาเพิ่มพลัง ให้กับดวงตาสวรรค์ของข้า”
“จัดการเลยครับซัมดอง ทำให้มันเป็นพวกเดียวกับเรา” สตีเฟ่นสั่งเสียงเข้ม
ซัมดองตรงเข้าไปร่ายเวทย์มนต์ แล้วเป่ามนต์ดำใส่ยอดกับกริ่ง สักครู่ทั้งสองก็เริ่มเปลี่ยนไป ดร.ฟอร์ดมอง ซัมดอง แล้วยิ้มพอใจ
“สำเร็จแล้วใช่มั๊ย”
“ตอนนี้มันสองคนเป็นพวกเราแล้ว”
ดร.ฟอร์ดดีใจ รีบออกคำสั่งทันที
“ถ้างั้นก็ให้พวกมันหาทับทิมสยามกันได้เลย”
ซัมดองหันไปมอง 5 หนุ่ม
“พวกแกทั้งห้ามานั่งตรงนี้”
5 หนุ่มเสาร์ห้ามานั่งล้อมวง โดยตรงกลางมีดวงตาสวรรค์ตั้งอยู่
“เพ่งสมาธิค้นหาทับทิมสยาม เดี๋ยวนี้” ซัมดองสั่งเสียงแข็ง
เสาร์ห้ารับคำ
“ได้ครับซัมดอง”
เสาร์ห้าเพ่งสมาธิไปยังดวงตาสวรรค์ สักครู่ดวงตาสวรรค์ก็เปิดออกมา ส่องแสงแวววาว ภาพในดวงตาสวรรค์เริ่มปรากฏเป็นภาพทับทิมสยามสีม่วง ซึ่งมีงูพิษขดตัวล้อมเอาไว้ค่อยๆชัดขึ้นมา ดร.ฟอร์ดมองด้วยความสนใจ
“นั่นไง...อยู่นั่น ๆ”
ขาดคำแผ่นดินก็สะเทือน ไปมา ดวงตาสวรรค์ล้มลงตกพื้น ทุกคนเซไปมา
“แผ่นดินไหว” นาตาชาตะโกนขึ้น
สตีเฟ่นตกใจ หันไปบอกทุกคน
“หนีเร็ว”
ทุกคนพากันวิ่งหนีออกไปจากเจดีย์
อ่านต่อวันพรุ่งนี้
ศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554