เสาร์๕ ตอน ทับทิมสยาม ตอนที่ 11
เช้าวันใหม่ ดร.วิทยาถูกมัดขังเอาไว้ในเจดีย์ เขากำลังพยายามเอาเชือกที่มัดมือถูกับขอบกำแพง ไปเรื่อยๆขณะที่ตามองไปยังภาพวาดบนผนัง ซึ่งเป็นภาพการสะท้อนแสงไปมาของทับทิมสยามภายในเจดีย์ ดร.วิทยารู้สึกสนใจในภาพที่เห็นอย่างมาก
“มันต้องใช่แน่ๆ”
เชือกที่มัดมือขาดลง เขาจึงรีบแก้มัดเชือกที่ขาออกจนที่สุดก็เป็นอิสระ แล้วจากนั้นก็รีบไปยังผนัง เพื่อดูภาพให้ชัดเจน
“จุดสะท้อนแสง 3 จุด ในเจดีย์ ตรงนี้สีแดง สีชมพู แล้วก็ สีม่วง...” ดรวิทยาครุ่นคิด “อาจจะหมายถึงทับทิมสยามทั้งสามก้อน ใช่...ต้องเป็นทับทิมสยามแน่นอน...แสงที่เกิดจากมุม สะท้อนสามมุมแล้วจะเกิดผลอะไร”
ดร.วิทยาพยายามครุ่นคิดว่า ผลของการสะท้อนแสงจะก่อให้เกิดอะไรแต่ก็คิดไม่ออก แต่สักครู่ก็ได้ยินเสียงคนเดินข้างนอก จึงรีบไปนั่งที่มุมเดิม ทำท่าเหมือนถูกมัดอยู่ สมุนสตีเฟ่นคนหนึ่งเดินถือข้าวเข้ามาวางให้
“เอ้า...กินซะ”
สมุนคนนั้นจะออกไป ดร.วิทยาเรียกไว้
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป แก้มัดก่อนซิ โดนมัดแบบนี้จะกินได้ยังไง”
สมุนเดินมาจะแก้มัด แต่ดร.วิทยาอาศัยจังหวะเผลอใช้มือทุบต้นคอสมุนสลบไป แล้วรีบหนีออกไป
+ + + + + + + + + + + +
ดร.วิทยา วิ่งออกมาด้านหน้าเจดีย์แล้วรีบหลบเข้ามุม เนื่องจากเห็นสมุนอีก 2 คนกำลังยืนอยู่แถวนั้น เมื่อ สองคนเผลอ ดร.วิทยาก็รีบวิ่งหนีไปทางป่าเขาวงกต สมุนคนหนึ่งหันไปเห็น
“เฮ้ย....มันหนี”
สมุนรีบหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา
“รายงานหัวหน้าด่วน ดร.วิทยาหนีเข้าป่าไปแล้ว...ไปทางป่าเขาวงกต”
สมุนทั้งสองคนรีบวิ่งตามไปแล้วยิงปืนไล่หลัง
ขณะเดียวกันนั้น ดร.ฟอร์ด ดอน เดี่ยว สตีเฟ่น ราฮีม กำลังนั่งคุยกันอยู่ เสียงปืนทำให้ทุกคนสะดุ้ง
“เสียงปืน” ดร.ฟอร์ดเปรยขึ้น
ราฮีมรีบหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมากดถาม
“ใครยิงปืน”
“ดร.วิทยาหนีครับ...มุ่งหน้าไปทางป่าเขาวงกต” เสียงสมุนดังมาจากวิทยุดร.ฟอร์ด หันไปสั่งสตีเฟ่น
“แกไปตามตัวมันกลับมาเดี๋ยวนี้” ดร.ฟอร์ดหันมาที่ทุกคน “พวกแกด้วย ไปเร็ว”
ทุกคนพากันคว้าปืน แล้วตามสตีเฟ่นไป
+ + + + + + + + + + + +
ดร.วิทยาวิ่งเข้ามาที่ป่าเขาวงกต แล้วเริ่มรู้สึกแปลกๆ ที่ภาพของป่าเริ่มบิดเบี้ยวไปมา
“นี่มันอะไรกันวะ”
ยิ่งเดินก็ยิ่งหลง ดร.วิทยา หาทางออกไม่ได้ ขณะเดียวกันนั้น สมุนสองคนวิ่งเข้ามา แล้วหยุดเดินเนื่องจากเริ่มหลงเช่นกัน
“บ้าเอ้ย...ทำไมหนีเข้ามาในนี้วะ”สมุนคนหนึ่งบ่นอย่างหงุดหงิด
“รีบออกไปดีกว่า” สมุนอีกคนบอก
“แล้วไอ้ด็อกเตอร์นั่นล่ะ”
“ปล่อยให้มันหลงป่าตายอยู่ในนี้แหละ”
“เดี๋ยว...แล้วเราจะออกไปได้ยังไง”
“ตรงอย่างเดียว...ห้ามเลี้ยว”
ด็อกเตอร์วิทยาซึ่งซ่อนอยู่ที่มุมหนึ่งนั่งฟังอยู่เงียบ แล้วรอให้สมุนทั้งสองพากันเดินออกไป สักครู่เขาก็ออกจากที่ซ่อน
“ตรงอย่างเดียว ห้ามเลี้ยว”
ดร.วิทยามองไปรอบๆ แล้วตัดสินใจเดินไปยังทางตรงข้ามกับที่ สมุนสองคนเดินไป
...........................................
สตีเฟ่น ราฮีม ดอน เดี่ยว และลูกน้องจำนวนหนึ่ง พากันเดินเข้ามาในป่าเขาวงกต สตีเฟ่นหันไปหาดอน
“ลองใช้ตาทิพย์ของแกส่องดูซิ ว่ามันอยู่ตรงไหนของป่า”
ดอน ยืนนิ่งใช้พลังตาทิพย์เพ่งมอง ภาพจากตาทิพย์เขาเห็น ดร.วิทยา กำลังเดินอยู่มุมหนึ่ง
“อยู่ห่างออกไป ทางขวา” ดอนบอก
สตีเฟ่นยิ้มพอใจ
“งั้นก็รีบตามเร็ว”
ทุกคนพากันมุงหน้าไปยังทิศทางที่ดอนบอก
ดร.วิทยา กำลังเดินมุ่งหน้าไปเรื่อยๆแล้วได้ยินเสียงกลุ่มของสตีเฟ่นตามมาก็ตกใจ เขารีบวิ่งหนีเตลิดไป ขณะที่กลุ่มของสตีเฟ่น เห็นหลังไวๆ จึงยิงไล่หลัง ดร.วิทยาหลบกระสุนแล้วเริ่มโดนภาพลวงตาเล่นงาน ทำให้เริ่มหลงมิติของป่าอีกครั้ง ทำให้ไม่รู้จะไปทางไหน
สตีเฟ่น หันมาทางดอน เพื่อให้ใช้ตาทิพย์
“ตอนนี้มันอยู่ตรงไหน”
ดอนเพ่งมอง
“ด็อกเตอร์วิทยา เริ่มหลงป่าแล้ว อยู่ตรงโน้น”
สตีเฟ่นและพวกรีบตามไป...
ทางด้าน ดร.วิทยา ได้ยินเสียงเดินเข้ามาแต่มองไม่เห็นตัวเสียงนั้นดังรอบทิศทาง ก็เริ่มผวา
“เสียงมันมาทางนี้...ไม่ใช่ ทางนี้...ไม่...ทางนี้ ทำไมเสียงมันดังทั่วไปหมด”
ดร.วิทยาหวาดกลัว ตัดสินใจวิ่งหนีตรงไปยังมุมหนึ่ง กลุ่มของสตีเฟ่น โผล่จากมิติของป่าออกมาแล้วยิงไล่หลังดร.วิทยาไป
ดร.วิทยาวิ่งเตลิดจนเสื้อผ้าขาดวิ่น แล้วมาล้มลงที่มุมหนึ่ง ทั้งเหนื่อยทั้งหิว ร่างกายเริ่มโงนเงนทรงตัวไม่อยู่ แต่เขาก็พยายามลุกขึ้นแล้ววิ่งต่อไปอย่างอ่อนล้า กลุ่มของสตีเฟ่นและพวกยังคงไล่ตามไม่ลดละ แต่อยู่ห่างออกไป ยิงปืนไล่หลัง ดร.วิทยามาเรื่อยๆครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะที่ดร.วิทยาเริ่มหน้ามืด กำลังจะเป็นลมเดินโซซัด โซเซไป ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง กระสุนพุ่งทะลุไหล่ทำให้เขาเซถลาตกจากหน้าผาไป กลุ่มของสตีเฟ่น และพวกตามเข้ามายืนที่หน้าผา
“มันหายไปไหน” สตีเฟ่นถามอย่างสงสัย
“มันตกหน้าผา ไปแล้ว” ดอนบอก
ราฮีมยิ้มพอใจ
“งั้นก็คงไม่รอด”
สตีเฟ่น มองลงไปก้นเหว
“ศพมันคงอยู่ข้างล่าง”
เดี่ยวมองรอบๆแล้วบอก
“แถวนี้พ้นเขตป่าเขาวงกตแล้วนี่”
“ใช่...บริเวณนี้เป็นป่าทิศใต้ เป็นเส้นทางลัดไม่ต้องผ่านเขตภาพลวงตา” ราฮีมบอก
“แต่ก็ต้องผ่านป่าเขาวงกตอยู่ดี” ดอนแย้ง
สมุนคนหนี่งเดินไปมองที่หน้าผา แล้ว ชี้ไปที่ควันไฟซึ่งลอยออกมาจากมุมหนึ่งของป่า
“ควันไฟ”
สตีเฟ่นและคนอื่นๆ ยืนมอง สตีเฟ่น หันไปหาดอน
“ดอน....ใช้ตาทิพย์ของแกดูซิว่าเป็นใคร”
ดอนใช้ตาทิพย์มอง เห็นเป็นภาพ ยอดกับเพื่อนๆกำลังนั่งล้อมวงกินอาหารกระป๋องกันอยู่รอบกองไฟ ทำให้ดอนอึดอัด ไม่กล้าตอบตามจริง
“ว่าไง...แกเห็นภาพอะไร” ราฮีมถาม
“ตอนนี้ พลังของผมเริ่มออ่นแล้ว...เห็นภาพไม่ชัด”
สตีเฟ่นหันมาส่งเสียงดุ
“บอกมาว่ามันเป็นใคร พวกของ ดร.วิทยาหรือเปล่า”
ดอนส่ายหน้า
“ไม่ใช่...น่าจะเป็นพวกวัยรุ่นเดินป่า พลังผมหมดแล้ว”
สตีเฟ่น หัวเสียหงุดหงิดมาก
“ไอ้บ้าเอ้ย...”
“งั้นเราไปให้เห็นกับตาดีกว่าครับคุณสตีเฟ่น” ราฮีมบอก
ทุกคนพากันหาทางลงจากหน้าผา เพื่อตัดตรงไปยังทิศทางที่มีควันลอยออกมา เดี่ยวรีบเข้ามาหาดอน กระซิบถาม
“ฉันได้ยินเสียงยอด งั้นกลุ่มคนที่ควันไฟนั่นก็เป็นพวกเราน่ะซิ”
“ใช่เราต้องหาทางเตือนพวกเค้า”
ดอนและเดี่ยวรีบปีนหน้าผาตามลงไป พวกสตีเฟ่นไป
+ + + + + + + + + + + +
กลุ่มของยอด กำลังนั่งกินอาหารกระป๋องกันรอบกองไฟ
“มื้อนี้ต้องรีบกิน จะได้มีเวลาหาทางลัดเข้าไปยังเจดีย์” เคนบอก“นี่เราต้องกินอาหารกระป๋องไปอีกนานแค่ไหน” เจนนี่บ่นอย่างเบื่อๆ“ก็จนกว่าคุณจะออกจากป่า” เคนบอก
เจนนี่เบ้หน้า ยอดเห็นอาการเจนนี่ก็ยิ้มๆ
“ดูท่าเจนนี่จะเบื่อหาหารพวกนี้”
เจนนี่ ตักจะกินปลากระป๋อง มีอาการเบื่อ แต่ก็ต้องกินเข้าไป
“กินมากๆ มันก็เลี่ยนค่ะคุณยอด…เช้าปลากระป๋อง เที่ยงปลากระป๋อง เย็นปลากระป๋อง หน้าฉันจะเหมือนปลากระป๋องแล้ว”
ชลดาคิดๆแล้วนึกได้
“เอางี้ซิ...พวกผู้หญิงไปหาปลากันดีมั๊ย ปล่อยให้พวกผู้ชายหาเส้นทางไปเจดีย์ตามที่เคยบอก”
เจนนี่ยิ้มเห็นด้วย
“ก็ดีเหมือนกัน วันนี้กินปลากันบ้างนะยูกิ”
“แต่เราทำอาหารไม่เป็น” ยูกิเสียงอ่อย
กริ่งทำตาเจ้าชู้ให้ยูกิ
“ปลาดิบไง ผมชอบปลาดิบญี่ปุ่น”
“นี่มันปลาไทย จะกินเหรอ” ยูกิแย้ง
“กินทุกอย่างที่ยูกิทำ”
“แหมคุณกริ่ง...เกรงใจคนอื่นบ้าง เดี๋ยวมดขึ้น” เทอดเหล่มองชลดาแล้วแกล้งแหย่ “เห็นใจคนที่แฟนไม่สนใจบ้าง”
“พูดให้ดีนะคุณเทอด แฟนคนไหนของคุณไม่สนใจ เดี๋ยวเถอะๆ”
ชลดาค้อนๆ เทอดทำหน้าทะเล้นใส่ ยอดยอดหมั่นไส้
“เซ็งจริง จริ้ง...ว้าเหว่ที่สุด แถวนี้มีนางไม้โสดๆ มั๊ยครับ อยากปรึกษาปัญหาหัวใจซักหน่อย” ยอดหันมาหาเพื่อนๆ “ไปพวกเรา...ออกไปหาเส้นทางกันดีกว่า”
เคน เทอด ยอด กริ่ง แยกไป ชลดาหันไปชวนเพื่อน
“ไปพวกเรา”
สาวๆพากันออกไปอีกด้าน
+ + + + + + + + + + + +
เทอด ยอด กริ่ง และ เคน ช่วยกันสำรวจเส้นทางในป่า เพื่อหาทางลัดเข้าไปยังเจดีย์
“พวกพรานป่า เคยทำทางลัดเพื่อเข้าไปที่เจดีย์ได้ โดยไม่ต้องผ่านเขตภาพลวงตา ผมเองก็เคยใช้เส้นทางนี้ไปยังเจดีย์มาแล้วเมื่อตอนเด็กๆ” เคนบอก
“แล้วเส้นทางที่คุณว่านี้ มันปลอดภัยหรือเปล่า” เทอดถาม
เคนยิ้มบางๆ
“อย่างน้อยก็ไม่มีตัวประหลาดๆ โผล่มาให้เห็น”
“แล้วจะหาเส้นทางนี้ได้ยังไง” ยอดถาม
เคนมองไปรอบๆแล้วบอก
“ปากทางจะมีต้นไม้ใหญ่ มีเครื่องหมายกากบาทที่โคนต้น...ช่วยกันหาดูตามแนวนี้”
กริ่งชี้ไปมุมหนึ่ง
“งั้นผมจะไปทางนี้เอง”
เทอดพยักหน้า แล้วบอกอย่างเป็นห่วง
“ถ้ามีอะไร ก็ยิงปืนให้สัญญาณนะคุณกริ่ง คุณยอด”
ทุกคนพากันแยกย้ายกันหาต้นไม้ใหญ่ ที่มีเครื่องหมายกากะบาท ตามที่เคนบอกไว้
+ + + + + + + + + + + +
เจนนี่ ชลดา ยูกิ ช่วยกันหาปลา โดยใช้ไม้ปลายแหลมคอยแทงตามแอ่งน้ำในลำธาร
“ทำไมมันยากยังงี้ก็ไม่รู้ แทงไม่ได้ซักที รู้งี้ไปช่วยพวกผู้ชายหาทางเข้าเจดีย์ดีกว่า” เจนนี่บ่นอุบ
“ใจเย็นๆ ซิเจนนี่ อยากจะกินปลาต้องอดทนหน่อย...ฉันว่ายังดีกว่าไปเจอภาพลวงตานะ” ยูกิบอกอย่างหวาดๆ
ชลดา นึกแล้วก็กลัวๆ
“นั่นซิ...ป่าบ้าอะไรก็ไม่รู้ ทำเอาฉันเกือบโดนย่างไปแล้ว”
เจนนี่วางมือจาการหาปลาอย่างเซ็งๆหันมาชวนเพื่อน
“ฉันว่าวันนี้เราอย่าเพิ่งกินปลากันดีกว่า ไปหาอย่างอื่นกินกันเถอะ จับปลามันยากจะตาย”
ยูกิ คิดๆ
“งั้นอะไรดีล่ะ…กระต่าย...เก้ง...กวาง...”
เจนนี่ถอนใจ
“อะไรก็ได้ที่มันจับง่ายๆ”
“ปลากระป๋องไง...จับง่ายที่สุด” ชลดาบอกขำๆ
เจนนี่เซ็งเลย
“ปลากระป๋องอีกแล้ว ฉันว่าเรา ไปยิงนก หรือไปล่าพวกหมูป่าดีกว่า”
เจนนี่ทิ้งไม้ แล้วเดินเข้าป่าไป ชลดาและยูกินมองตาม
“ตามเจนนี่ไปดีกว่ายูกิ มีอะไรจะได้ช่วยกันได้”
“ไปก็ไป”
ชลดา และยูกิ รีบตามเจนนี่ไป
+ + + + + + + + + +
มุมหนึ่งของป่า...
ม่านฟ้าและบัวชุม นั่งมองทับทิมสยามสีแดงที่ขโมยมาจาก เจ้าพ่ออินทร์ สายตาของม่านฟ้าเต็มไปด้วยความสุข ในที่สุดเธอก็สามารถนำทับทิมสยามสีแดงกลับคืนมาได้สำเร็จ
“สวยจังเลยพี่บัวชุม ดูซิ เวลาทับทิมสยามต้อง แสงอาทิตย์แล้วเป็นประกายงามมากเลย”
บัวชุมยิ้มอย่างตื่นตาตื่นใจ
“จริงๆด้วยค่ะคุณหนู บัวชุมเพิ่งมองเห็นทับทิมสยามชัดๆ ก็วันนี้นี่เอง”
ม่านฟ้าหยิบมงกุฏเทวีออกมาจากย่าม แล้วก็เอาทับทิมสยามใส่เข้าไปในตำแหน่งเดิม จากนั้นเธอก็เอามงกุฏมาสวมที่หัว บัวชุมนั่งมองอย่างชื่นชม
“คุณหนูงามมาก...งดงามเหลือเกิน”
“ต่อจากนี้ เป็นตายยังไง ฉันจะไม่มีวันที่จะให้ใครมาเอาทับทิมสยามไปจากฉันได้”
บัวชุมครุ่นคิดบางอย่าง
“แต่คุณหนูคะ สถานะการณ์ตอนนี้ เต็มไปด้วยอันตราย บัวชุมว่าถ้าไอ้พวกนั้นมันรู้ว่าทับทิมสยามหายไป มันต้องออกล่าตัวเราสองคนแน่”
“งั้นเรารีบออกจากป่าดีกว่าพี่บัวชุม”
“แต่กว่าจะออกจากป่าก็คงอีกหลายวัน บัวชุมกลัวว่า...”
“นั่นซินะ ถ้าพวกมันตามเราทัน เราคงรักษามงกุฎเทวีและทับทิมสยามไม่ได้แน่”
“ทำไงกันดีคะคุณหนู”
ม่านฟ้าครุ่นคิดอย่างกังวลใจ
“หรือว่าเราจะหาที่ซ่อนเอาไว้ในป่า รอเรื่องเงียบแล้วค่อยกลับมาเอา”
บัวชุมเห็นดีด้วย
“จริงซิ...วิธีนี้น่าจะปลอดภัยที่สุด แต่เราจะซ่อนกันไว้ตรงไหนดีคะคุณหนู”
ม่านฟ้าลุกขึ้นเดินสำรวจหาจุดเหมาะสมที่จะซ่อนของ แล้วที่สุดก็มาหยุดที่มุมหนึ่ง
“ตรงนี้แหละพี่บัวชุม ซ่อนไว้ตรงนี้แหละ”
“มาค่ะ...เดี๋ยวบัวชุมช่วย”
บัวชุมรีบเข้ามาขุดหลุม แล้วเอาผ้ามาห่อมงกุฏเทวีไว้ จากนั้นก็เอาดินกลบจนแน่น ม่านฟ้าเอามีดมาสลักเครื่องหมายไว้ที่ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ
“ทำเครื่องหมายเอาไว้ตรงนี้แหละ ถ้ากลับมาอีกทีพี่บัวชุมจำได้ใช่มั๊ย”
“จำได้ค่ะคุณหนู”
ม่านฟ้ากับบัวชุมมองไปรอบๆ เพื่อจดจำสถานที่เอาไว้ บัวชุมหันมองม่านฟ้า
“ดูซิ...คุณหนูเปื้อนไปหมดแล้ว ไปล้างตัวที่ลำธารก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวบัวชุมจะไปหาอะไรมาให้กิน”
“จ๊ะ”
ม่านฟ้าเดินไปยังลำธาร บัวชุมคว้าหน้าไม้ขึ้นมาแล้วเดินแยกเข้าป่าไป
+ + + + + + + + + + + +
เจ้าพ่ออินทร์ รื้อค้นตามมุมต่างๆ ในเต้นท์ ขณะที่ เสือสนธิ์ และคนอื่นๆ ต่างแยกย้ายกันหาตามมุมอื่น เจ้าพ่ออินทร์ รู้สึกผิดที่ไม่สามารถรักษาทับทิมสยามเอาไว้ได้
“เจอมั๊ย” เสือสนธิ์ถาม
เจ้าพ่ออินร์หน้าเครียด
“ไม่เจอ...แต่จำได้ว่าก่อนนอนผมเอาทับทิมสยามเก็บไว้ตรงนี้”
เสือสนธิ์ครุ่นคิด
“ถ้าไม่มีคนเอาไปแล้วมันจะหายไปได้ยังไง”
“มันต้องมีคนขโมยแน่...มันต้องมีคนใดคนหนึ่งใน พวกเราเป็นหนอนบ่อนใส้” เจ้าพ่ออินทร์บอกอย่างระแวง
“คงไม่ใช่พวกเรากันเองแน่” เสือสนธิ์แย้ง
ขณะเดียวกันนั้น นั้มเดินเข้ามาหา
“ผมพบรอยเท้าผู้หญิง 2 คน...มาดูทางนี้ซิครับ”
นั้มชี้ไปที่พื้น เพื่อให้ดูรอยเท้าที่พื้นดิน เสือสนธิ์เข้าไปดูอย่างพิจารณา
“รอยมันเข้ามาที่เต้นท์แล้วออกไป”
เจ้าพ่ออินทร์โกรธมาก
“อย่างงี้มันเหยียบจมูกกันชัดๆ”
เสือสนธิ์ครุ่นคิดหน้าเครียด
“พวกมันเป็นใคร”
“บางทีอาจเป็นพวกชาวป่า” นั้มออกความเห็น
“งั้นแกะรอยตามพวกมันไป” เจ้าพ่ออินทร์สั่งเสียงเข้ม
นั้มรับคำ
“ได้ครับนาย”
เสือสนธิ์ หันไปตะโกนสั่งสมุน
“เอ้าเฮ้ย...พวกเรา เก็บของเตรียมออกเดินทาง”
ทุกคนพากันเตรียมตัวออกเดินทาง
+ + + + + + + + + + +
เคนกำลังเดินสำรวจเส้นทางอยู่ แล้วสักครู่ก็เหมือนมีบางอย่าง ดึงดูดสายตาให้เขาหันไปยังลำธารที่อยู่ไม่ห่างนัก เคน หญิงสาวที่เขาเคยเจอมาแล้ว 2 ครั้งกำลังอาบน้ำล้างตัวอยู่ในลำธาร เคนขยี้ตาเนื่องจากเข้าใจว่าเป็นภาพลวงตา
“ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว”
เคนเดินไปหยุดยืนมองที่มุมหนึ่ง
“นี่มันของจริงหรือภาพลวงตากันแน่”
เคนตัดสินใจย่องเข้าไปหาม่านฟ้าเพื่อพิสูจน์ความจริง
ม่านฟ้ากำลังเผลอตัว อาบน้ำในลำธารอย่างสบายอารมณ์ ขณะที่เคนย่องเข้ามาด้านหลัง แล้วโอบกอดเอาไว้แน่น ม่านฟ้าตกใจร้องโวยวาย
“ว้าย...ปล่อยนะ...ปล่อย”
“เอาซิ...หายตัวไปอีกซิ หายไปเลย”
ม่านฟ้าดิ้นพร้อมกับด่าไปด้วย
“ไอ้บ้า...ปล่อยฉัน...ปล่อย”
เคนไม่ยอมปล่อย
“เธอนี่เหมือนคนจริงๆ เลยนะ แรงก็เยอะ ไหนขอหอมที”
เคนกอดปล้ำม่านฟ้าที่กำลังดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขน ม่านฟ้าตะโกน
“ช่วยด้วย...พี่บัวชุม...ช่วยด้วย”
เคนชะงัก
“นี่เธอมีเพื่อนด้วยเหรอ เรียกมาเลยจะได้ปล้ำทั้งสองคน”
ทันใดนั้น บัวชุมโผล่เข้ามา
“หยุดนะ ไอ้บ้า ปล่อยคุณหนูเดี๋ยวนี้นะ”
เคนหันไปมอง
“อ้าว...เพื่อนมาจริงๆด้วย ทำไมไม่เห็นสวยเลย”
บัวชุมโกรธมาก
“อยากตายใช่มั๊ย”
บัวชุมชักมีดออกมา แล้วพุ่งเข้ามาแทง ม่านฟ้าอาศัยจังหวะสะบัดหลุดออกมา ขณะที่เคนคอยปัดป้อง บัวชุมถลาเข้าไปแทง เคนคว้ามือไว้ได้ บัวชุมดิ้นรนไปมาทำให้มีดบาดมือ
“โอ๊ย”
เคนจับมือบัวชุมบิดจนมีดหลุดมือ เคนถอยห่างออกมา ม่านฟ้าเข้ามาหาบัวชุม
“เจ็บมากไหมพี่บัวชุม”
“ไม่เป็นอะไรมากค่ะ มีดบาดนิดหน่อย”
เคน หันไปมองด้วยสายตาตำหนิ
“พวกเธอเป็นใคร เข้ามาในป่านี้ทำไม...มันอันตรายรู้ไหม”
บัวชุม มองหน้าเคนอย่างเอาเรื่อง
“ฉันว่าแกนั่นแหละ ตัวอันตราย ไปให้ห่างๆ พวกฉัน...ไป”
“ก็ได้...ฉันไปก็ได้...”
เคนถอยห่างออกไป ม่านฟ้าและบัวชุมมองเคนด้วยความหวาดระแวง เคนหันกลบัมามองม่านฟ้าอีกครั้ง ก่อนจะหายเข้าป่าไป
“รีบไปหาที่หลบก่อนดีกว่าค่ะ คุณหนู เดี๋ยวมันกลับมาอีกจะยุ่ง”
บัวชุมพาม่านฟ้าหลบเข้าไปในป่า
+ + + + + + + + + +
เจนนี่ ชลดา ยูกิ เห็นพุ่มไม้ไหวๆ พากันคิดว่าเป็นสัตว์ป่าจึงพากันเล็งปืน เตรียมพร้อม เคนโผล่จากพุ่มไม้มาก็ตกใจ
“อย่า...อย่ายิง”
ทุกคนลดปืนลงมา
“คุณเข้าไปทำอะไรตรงนั้น” เจนนี่ถามอย่างแปลกใจ
เคนอึกอัก
“คือ...ผม...”
ยูกิเข้าไปหา
“คุณเจอทางเข้าเจดีย์แล้วใช่มั้ยคะ”
เคนส่ายหน้า
“ไม่...ทางเข้าไม่ได้อยู่ตรงนี้”
“ถ้างั้น...”
ยูกิพูดได้แค่นั้น เคน ก็ขัดขึ้น
“เอ้อ...คือ...”
แต่แล้วเคนก็ชะงักเนื่องจากได้ยินบางอย่าง
“เดี๋ยวนะ ผมได้ยิน...”
เคนก้มลงฟังที่พื้น แล้วรีบลุกขึ้น
“มีคนกำลังมาทางนี้”
“ไม่ใช่พวกคุณกริ่ง คุณยอด คุณเทอด หรือคะ” ยูกิถามอย่างสงสัย
“ไม่ใช่...เสียงน้ำหนักเท้า...มันมากันหลายคน...หลบเร็ว”
ไม่ทันขาดคำเสียงปืนก็ดังรัวขึ้น ทุกคนพากันโดดหลบ แล้ววิ่งหนี กลุ่มของสตีเฟ่น ราฮีม ช่วยกันกระหน่ำยิง ดอนกับเดี่ยว แกล้งยิงแต่ไม่ให้โดน
+ + + + + + + + + +
ยอด กริ่ง เทอด เข้ามารวมตัวกัน เนื่องจากได้ยินเสียงปืนผิดปกติ
“เสียงใครยิง” ยอดถามอย่างแปลกใจ
“ผมว่าไม่ใช่พวกเรา” กริ่งบอก
เทอด ชักกังวล
“สัญญาณอันตราย”
ทันใดนั้น เคนพาพวกสาวๆวิ่งเข้ามา รวมกลุ่มกับสามหนุ่ม เคนรีบบบอก
“ตามผมมาเร็ว”
เทอดหันไปถามสาวๆ
“พวกไหน”
“สตีเฟ่น มี คุณดอน คุณเดี่ยวด้วย” ชลดาบอก
แล้วทุกคนก็วิ่งตามเคนไปที่ต้นไม้ใหญ่ เคนเปิดประตูแล้วทุกคนก็พากันเข้าไปหลบ เคนปิดประตูอย่างเฉียดฉิ่ว ก่อนที่ สตีเฟ่น กับพวกก็พากันเข้ามานิดเดียว สตีเฟ่นหยุดมองหา
“มันวิ่งมาแถวนี้”
ราฮีมกวาดมอง
“ใช่ครับ...มันต้องซ่อนอยู่แถวนี้แน่”
สตีเฟ่นหันไปสั่งดอน
“ดอน ใช้ตาทิพย์ของแกดูเร็ว”
“แต่พลังผมหมด ต้องรออีกสักพัก” ดอนบ่ายเบี่ยง
สตีเฟ่น หงุดหงิด
“ปัดโธ่...ไม่ได้ดังใจเลยโว้ย!”
ราฮีมหันไปหาเดี่ยว
“แกได้ยินมั๊ยว่าพวกมันอยู่ไหน”
เดี่ยวใช้หูทิพย์ และรู้ว่าทุกคนอยู่ไหน แต่ก็ทำเป็นเลยจุดซ่อนตัวไป แล้วหันมาหาทุกคน
“พวกมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ ผมไม่ได้ยินอะไรเลย”
“ไม่จริง...อย่างน้อยแกต้องได้ยินเสียงพวกมันเดิน”
ราฮีมไม่เชื่อ ก้มลงฟังที่พื้นแต่ก็ไม่ได้ยินอะไร
“ว่าไง” สตีเฟ่นถามเสียงเครียด
ราฮีมส่ายหน้า
“ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยครับ คุณสตีเฟ่น”
ทันใดนั้น สมุนคนหนึ่งก็พูดขึ้น
“มีรอยเท้าไปทางนี้ครับ”
เดี่ยวหันมามองหน้าดอน เนื่องจากเป็นรอยเท้าที่หายไปทางต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเดี่ยวรู้ว่าเพื่อนๆ ซ่อนอยู่ตรงนั้น สตีเฟ่นนำทีมเดินตามรอยเท้าไปที่ต้นไม้ สำรวจไปรอบๆ
“เป็นไปได้ไง รอยเท้าหายไปแถวนี้”สตีเฟ่นบ่นอย่างไม่เข้าใจ
ราฮีมมองรอบต้นไม้ใหญ่อย่างพิจารณา
“บางทีต้นไม้นี่อาจมีประตูกล”
ทุกคนเริ่มสำรวจหาทางเข้า เคน ยอด เทอด กริ่ง เจนนี่ ยูกิ ชลดา ซึ่งอยู่ในต้นไม้พากันกระชับปืนเตรียมพร้อม
ดอน และเดี่ยวหันมามองหน้ากัน ลุ้นเกรงว่า เพื่อนจะตกในอันตราย สตีเฟ่นเริ่มหงุดหงิดที่หาร่องรอยทางเข้าไม่เจอ จึงเดินออกมา แล้วหันไปยิงใส่ต้นไม้ปัง ปัง ปัง เคน ยอด เทอด กริ่ง เจนนี่ ยูกิ ชลดา พากันก้มหัวลงหมอบ เกรงกระสุนจะทะลุเข้ามา แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราฮีม เห็นทุกอย่างในต้นไม้เงียบสงบก็หันไปบอกสตีเฟ่น
“พวกมันคงไม่ได้อยู่ในนั้นหรอกครับ”
สตีเฟ่นแปลกใจ
“แล้วพวกมันหายไปไหน”
ราฮีมคิดๆ
“บางที อาจเป็นแผนลวงของพวกมัน”
สตีเฟ่นมองไปที่ต้นไม้สักครู่ ก็ละสายตาแล้วหันไปทางอื่น
“งั้นก็กลับ”
ทุกคนพากันเดินไป ดอนและเดี่ยวหันไปมองที่ต้นไม้ แล้วหันมาสบตากันก่อนจะเดินตามคนอื่นๆ ไป
อ่านต่อวันพรุ่งนี้
พุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554
เสาร๕ ตอนทับทิมสยาม ตอนที่ 11 (ต่อ)
ประตูต้นไม้ถูกเปิดออก ยอดและทุกคน พากันเดินออกมาอย่างระแวดระวัง
“ผมจะตามพวกมันไป” เทอดบอกทุกคน
ยอดมองเพื่อนอย่างเป็นห่วง
“แต่มันอันตรายนะเทอด”
“อย่าลืมว่าผมหายตัวได้”
“งั้นผมไปด้วย”
กริ่งขยับตัว เทอดห้ามไว้
“ไม่ได้ ถ้าไปกันหลายคน พวกมันจะรู้ตัว อย่างน้อย ดอน เดี่ยวก็น่าจะรู้ก่อน ว่าพวกเราตามไป”
ยอดหน้าสลดลง เมื่อนึกถึงเพื่อนอีกสองคนที่อยู่กับฝ่ายตรงข้าม
“นั่นซิ...เรายังวางใจดอน เดี่ยวไม่ได้”
เทอดหันไปหาชลดา
“ไม่ต้องห่วงผม ถ้าผมรู้เส้นทางเข้าออกแล้ว จะรีบกลับมาบอกพวกคุณ”
ชลดาพยักหน้ารับคำ
“ค่ะ...ฉันจะรอ”
เทอด หายตัวไปทันที ตามกลุ่มสตีเฟ่นไป เคนหันมาบอกทุกคน
“ผมว่าพวกเรารีบลงไปในถ้ำกันก่อนดีกว่า ถ้าพวกมันกลับมาจะยุ่ง”
ทุกคนพากันตามเคนเข้าบ้านต้นไม้ไป ชลดาชะเง้อมอง ส่งความรู้สึกเป็นห่วงเทอดจนนาทีสุดท้าย
+ + + + + + + + + + + +
กลุ่มของสตีเฟ่น กำลังพากันเดินกลับ ครู่หนึ่ง สตีเฟ่นก็ชะงักเหมือนได้ยินเสียงคนเดินตามจึงหยุดแล้วหันมองไปรอบ ราฮีมหันมา
“มีอะไรครับคุณสตีเฟ่น”
“ฉันรู้สึกเหมือนมีคนเดินอยู่ใกล้ๆ”
ทุกคนมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นว่ามีใครแปลกหน้า สตีเฟ่นนิ่งฟังแล้วพูดขึ้น
“บางทีฉันอาจจะคิดไปเอง”
ราฮีมยิ้มบางๆ
“ครับ”
ทุกคนพากันเดินต่อ ดอนกับเดี่ยวเดินระวังหลัง มองหน้ากันกระซิบกระซาบกัน
“ผมได้ยินเสียงเหมือนมีคนตามมา...น่าจะเป็นเทอด”
ดอนใชตาทิพย์มองเห็นเทอด
“ใช่เทอดตามเรามา”
ทันใดนั้นเทอด ปรากฏตัวขึ้น
“ใช่...ฉันเอง”
“แล้วคนอื่นๆ” เดี่ยวกระซิบถาม
“รออยู่ในถ้ำ ทุกคนสบายดี ว่าแต่นายสองคน ยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า”
“ฉันเหมือนเดิมทุกอย่าง”
“ถ้างั้นเดี่ยวต้องไปเคลียร์กับยอดแล้วล่ะ”
“พวกเราต้องทำตัวไม่ให้พวกมันสงสัย หวังว่าคงเข้าใจ” ดอนบอกเบาๆ
เทอดโล่งอก
“ว่าแล้ว”
ดอนหันไปหาเดี๋ยว
“พวกเรารีบเดินตามพวกมันไปกันเถอะ ไอ้ราฮีมมันเริ่มสงสัยแล้ว”
เทอดรีบหายตัวขณะที่ดอน และเดี่ยว รีบทำท่าเหมือนกำลังฉี่ ราฮีมเดินกลับมา
“เฮ้ย...มัวทำอะไรกันอยู่”
ดอนหันไปบอก
“เสร็จแล้วครับ”
ดอนและเดี่ยวรีบเดินตามคนอื่นๆ ไป
+ + + + + + + + + +
ฮวง ส่องกล้องทางไกลจากมุมหน้าผา เห็นม่านฟ้า กำลังนั่งพักเหนื่อย ดื่มน้ำจากลำธาร ฮวงรีบหันมาหาเจ้าพ่ออินทร์
“เจอแล้วครับพี่อินทร์ มีผู้หญิงอยู่ตรงถ้ำ”
เจ้าพ่ออินทร์รับกล้องมาแล้วส่องไปยังม่านฟ้า
“แต่งตัวเหมือนพวกคนพื้นเมือง”
“ไหน ขอดูหน่อย”
เจ้าพ่ออินทร์ส่งกล้องให้ เสือสนธิ์รับกล้องมา
“ต้องเป็นผู้หญิงคนนี้แน่ๆ” เจ้าพ่ออินทร์บอกอย่างมั่นใจ
“แต่รอยเท้าบอกว่ามี 2 คนนะครับนาย” นั้มแย้ง
เสือสนทธิ์ ส่องกล้องเห็น ม่านฟ้าเดินไปหาบัวชุม ซึ่งอยู่ในพุ่มไม้
“มีอีกคนยืนอยู่ในพุ่มไม้”
เจ้าพ่ออินทร์รับกล้องส่องมาดู
“ต้องเป็นสองคนนี้แน่นอน”
“งั้นก็รีบตามพวกมันไป”
เจ้าพ่ออินทร์หันมาหา ฮวง
“ฮวง...แกล่วงหน้าไปกับฉัน”
“ทำไมไม่ไปด้วยกันล่ะ” เสือสนธิ์ถามอย่างไม่เข้าใจ
“ผมต้องรับผิดชอบที่ไม่สามารถรักษาทับทิมเอาไว้ได้ ขอล่วงหน้าไปก่อนน่าจะเร็วกว่า”
“งั้นก็ตามใจ”
เจ้าพ่ออินทร์กับฮวง และลูกน้องอีกคน พากันออกเดินไปทันที
+ + + + + + + + + + +
ม่านฟ้ากับบัวชุม กำลังเดินอยู่ในป่า ม่านฟ้าเหนื่อย จึงหยุดยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง บัวชุมหันมามอง
“เป็นอะไรคะคุณหนู”
“ไม่รู้ซิ มันไม่สบายตัวเลย”
“ลัดไปทางนี้อีกสิบกว่ากิโลก็จะออกจากเขตป่าแล้วค่ะ ทนหน่อยนะคะ”
“จ๊ะพี่บัวชุม”
ขณะที่ม่านฟ้ากำลังจะขยับตัว บัวชุมหันไปสังเกตุที่พื้นดิน มีลักษณะคล้ายกับดักของนายพราน จึงรีบร้องบอกม่านฟ้า
“อย่าขยับค่ะ”
“มีอะไร”
“กับดัก”
บัวชุมค่อยๆ พาม่านฟ้าเดินเพื่อไม่ให้เหยียบกับดัก สักครู่ก็ได้ยินเสียงลูกน้อง เจ้าพ่ออินทร์ดังขึ้น
“เฮ้ย...หยุด”
ม่านฟ้า และบัวชุมชะงัก หันไปมองแล้วพากันออกวิ่ง ลูกน้องคนนั้น ยิงไล่หลัง แล้ววิ่งตาม แต่แล้วไปเหยียบกับดักนายพราน โดนดีดลอยขึ้นไปบนต้นไม้ ส่งเสียงร้องดังลั่น ฮวงและเจ้าพ่ออินทร์เพิ่งวิ่งมาถึง
“ไอ้โง่เอ้ย...ไม่ดูตาม้าตาเรือ” ฮวงบ่นเซ็งๆ
“รีบตามไปเร็ว ใอ้นี่ปล่อยมันไว้ก่อน”
เจ้าพ่ออินทร์กับฮวง รีบตามไปปล่อยลูกน้อง อยู่บนป่วงอย่างนั้น
ม่านฟ้า บัวชุม พากันวิ่งหนี ขณะที่มีกระสุนปืนไล่หลังมา เจ้าพ่ออินทร์ และฮวง วิ่งมาด้านหลังและยิงใส่ แต่ม่านฟ้า และบัวชุมก็อาศัยความชำนาญป่าวิ่งหายเข้าป่าไป
“รีบตามไปเร็ว”
เจ้าพ่ออินทร์จะตาม ฮวงรีบขัด
“ใกล้มืดแล้ว...ถ้าตามไปเราอาจตกเป็นรอง”
“แล้วจะปล่อยให้พวกมันหนีไปอย่างงั้นหรือวะ”
“แต่มันเสี่ยงต่อการหลงป่านะครับนาย”
“เจ้าพ่ออินทร์หงุดหงิด”
“รีบกลับไปหากลุ่มเสือสนธิ์ดีกว่าครับนาย ตรงนั้นมีรอยตีนเสือ”
ฮวงชี้ไปที่พื้นดิน เห็นรอยตีนเสือปรากฏอยู่ทำให้เจ้าพ่ออินทร์ตัดสินใจเดินกลับ
+ + + + + + + + + + + +
กลุ่มเสือสนธิ์ ตัดเชือกปล่อยให้ลูกน้อง ออกจากกับดัก ขณะที่เจ้าพ่ออินทร์ และฮวงเดินกลับมา เจ้าพ่ออินทร์ดูหงุดหงิด
“ได้ตัวมั๊ย” เสือสนธิ์ถาม
เจ้าพ่ออินทร์ส่ายหน้า
“ไม่ได้ครับ”
“ช่างเถอะ ข้าว่าเราหาทางตัดออกจากป่าดีกว่า”
“แล้วทับทิมสยามล่ะ”
“วันหน้ายังมี...อีกอย่างเสบียงพวกเราก็หมดแล้ว กลับไปตั้งต้นใหม่ที่หมู่บ้านเสือหมอบดีกว่า”
เจ้าพ่ออินทร์พยักหน้าแม้จะไม่เต็มใจนัก เสือสนธิ์หันไปสั่งให้ทุกคนออกเดินทาง
+ + + + + + + + + + + +
ใกล้ค่ำ...
ม่านฟ้านั่งนึกถึงเหตุการณ์ที่โดนเคนลวนลาม สักครู่น้ำตาก็ไหลออกมาด้วยความเสียใจ บัวชุมซึ่งนอนอยู่หันมาสังเกตเห็น จึงรีบลุกขึ้นมา
“คุณหนูคะ คุณหนูเป็นอะไร”
“ไม่มีอะไรจ๊ะ พี่บัวชุม”
“ต้องมีซิคะ คุณหนูของบัวชุมเข้มแข็ง เหนื่อยแค่ไหนคุณหนูก็ไม่เคยบ่น”
ม่านฟ้าปาดน้ำตากลบเกลื่อน เพราะไม่อยากให้บัวชุมไม่สบายใจ
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว…รู้สึกไม่ดีเลย”
“เรื่องไอ้ผู้ชายบ้าที่ลำธารใช่มั๊ยคะ”
ม่านฟ้าน้ำตาไหลออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ ที่เธอโดนชายหนุ่มลวนลาม บัวชุมเข้ามาโอบกอด ปลอบโยน
“อย่าร้องไห้ไปเลยค่ะ เข้มแข็งไว้นะคะ”
“ทำไมพวกผู้ชาย ต้องทำแบบนั้นด้วย”
“พวกผู้ชายมันก็เลวอย่างนี้ทุกคนนั่นแหละ”
ม่านฟ้าน้ำไหลพราก
“ม่านฟ้าเกลียด...เกลียดผู้ชายคนนั้น”
“พี่บัวชุมก็เกลียดค่ะคอยดูนะ ถ้าเจอมันอีก พี่บัวชุมจะต้องฆ่ามันให้ได้”
บัวชุมรู้สึกว่าม่านฟ้า ตัวร้อนผ่าวๆ จึงเอามือแตะตามตัว
“คุณหนูตัวรุมๆนะคะ”
“ไม่เป็นไร วันนี้คงจะเหนื่อยมากไปหน่อย”
“ยาก็หมดแล้วด้วยซิ”
บัวชุมหันไปค้นหายาที่ติดตัวมาแต่ไม่มี
“พี่บัวชุมไม่ต้องห่วง ฟ้าคงไม่ได้เป็นอะไรมากพรุ่งนี้ก็คงหาย”
“งั้นคุณหนูนอนเถอะค่ะ ไม่มีใครตามมาแล้วค่ะ”
ม่านฟ้าเอนตัวลงนอน ตามด้วยบัวชุม เสียงนกบินกันพรึบพรับ แมลงจิ้งหรีดที่ส่งเสียงมาตลอดจู่ๆ ก็เงียบเสียงลง ม่านฟ้าและบัวชุมรีบลุกขึ้น
“เสียงนกตื่น”
“คุณหนูตามพี่บัวชุมมาเร็ว”
บัวชุมรีบนำม่านฟ้าเข้าไปหลบยังพุ่มไม้ สักครู่ก็เห็นเปาชาง อาเตียวและลูกน้องพากันเดินมา
“คืนนี้เราจะพักกันแถวนี้” เปาชางบอก
อาเตียวหันไปตะโกนบอกคนอื่น
“เอ้า...คืนนี้เราค้างแรมกันที่นี่ ทุกคนพากันแยกย้ายกัน ก่อกองไฟ หาที่นอน”
ม่านฟ้า และบัวชุมมองหน้ากัน
“ทำไงพี่บัวชุม หนีเสือปะจระเข้แท้ๆ” ม่านฟ้ากระซิบ
“รีบหนีเร็วค่ะคุณหนู”
บัวชุมรีบนำม่านฟ้าไป แต่อาการไม่สบายของม่านฟ้าเริ่มส่งผล ทำให้เธอหน้ามืด ทรงตัวไม่อยู่ ทรุดลงไป บัวชุมหันมาเห็นตกใจ
“คุณหนูเป็นอะไรคะ”
“หน้ามืด...เหมือนจะเป็นลม”
บัวชุมรีบเข้าประคองม่านฟ้า พยุงตัวหายไปในป่าท่ามกลางความมืด แต่ทั้งสองลืมผ้าที่ใช้ห่มกันหนาวเอาไว้
+ + + + + + + + + + + +
ภายในเจดีย์...
ซัมดอง นั่งสมาธิหลับตาอยู่ที่มุมหนึ่ง แวดล้อมไปด้วยกลุ่มของดร.ฟอร์ด ขณะที่สตีเฟ่นเล่าเรื่องดร.วิทยา
“ผมยิงถูกมัน ตกหน้าผาลงไปคิดว่าคงไม่รอด”
“มันยังไม่ตาย” ซัมดองพูดขึ้น
ดร.ฟอร์ดตกใจสงสัย
“อะไรนะ ไอ้ด็อกเตอร์วิทยามันรอดไปได้ยังไง”
“ข้าเห็นร่างของมันลอยน้ำ มันยังไม่ตาย แต่เดี๋ยว...”
ซัมดองชะงักไป ทุกคนสงสัย นาตาชารีบถาม
“มีอะไรคะอาจารย์”
ซัมดองมองไปรอบๆ ห้อง
“ในห้องนี้มีอีกคน...”
ทุกคนพากันมองสำรวจ ดอนและเดี่ยวมองหน้ากัน ลุ้นเกรงจะมีคนเห็นเทอด
“มันแฝงเข้ามา”
สตีเฟ่นหน้าตื่น
“เป็นผีหรือครับ”
“ไม่ใช่...มันเป็นคน”
ซัมดองหยิบกระดาษยันต์ขึ้นมาเผา แล้วบริกรรมคาถา
“นั่นอาจารย์ทำอะไร” ดร.ฟอร์ดถามอย่างไม่เข้าใจ
“ข้าปิดทางเข้าออก ตอนนี้มันไปไหนไม่ได้แล้ว” ซัมดองมองไปที่ดอน “ใช้ตาทิพย์ของเจ้าหามันเร็ว”
“ครับ ซัมดอง”
ดอน ใช้ตาทิพย์ เห็นเทอด จุ๊ปาก ให้ดอน แล้วพยายามจะออกจากเจดีย์ไปแต่ ก็ออกไม่ได้คล้ายๆ กับเจอเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น ดอนรู้สึกเป็นกังวลที่เทอดไปไหนไม่ได้เขาจึงแกล้งทำเป็นมองไม่ถนัด ขยี้ตาไปมา
“เกิดอะไรขึ้นคุณดอน” นาตาชาถามอย่างแปลกใจ
“วันนี้ผมใช้พลังมากไป ทำให้มองไม่ค่อยถนัด”
สตีเฟ่นหันมามองหน้าดอน รู้สึกไม่พอใจ
“นี่พลังของแกยังไม่กลับมาอีกเหรอ”
“ครับ คุณสตีเฟ่น”
ดร.ฟอร์ด ไม่พอใจ จ้องหน้าดอน
“นี่แกกำลังเล่นตลกกับฉันใช่มั๊ยดอน”
“เปล่าครับด็อกเตอร์ ผมมองไม่ชัดจริงๆ”
ดร.ฟอร์ด ชักโมโห ซัมดองหันไปหยิบดวงตาสวรรค์ออกมา แล้วร่ายเวทย์มนต์และเมื่อดวงตาสวรรค์เปิดออก ภาพที่ปรากฏก็เห็นเป็นเทอดที่กำลังซ่อนตัวอยู่หลังพระประธาน ซัมดองรีบร่ายเวทย์มนต์ แล้วเป่าออกไป ปรากฏว่าคล้ายกับว่ามีแหมาคลุมร่างของเทอด เทอดดิ้นรนไปมาจนเหนื่อยอ่อน จากนั้นไม่นาน ร่างของเทอดปรากฏให้ทุกคนเห็น
“ไปจับมันมา” ซัมดองสั่ง
ดอนและเดี่ยวรีบเข้าไปจับตัวเทอดไว้ เดี่ยวรีบขยิบตาให้ เทอดยอมให้จับแต่โดยดี นาตาชามองเทอดอย่างแปลกใจ
“ที่แท้ก็คุณเทอดนี่เอง”
สตีเฟ่นชักปืนออกมา
“คุมตัวมันออกไป ฉันจะเป่ามันเอง สตีเฟ่นเดินนำไป แต่แล้วซัมดองก็ทักเอาไว้
“หยุด...ยังไม่ถึงเวลาตายของมัน”
“แต่เราจะเลี้ยงมันไว้ไม่ได้นะ ซัมดอง” ดร.ฟอร์ดแย้งอย่งไม่ชอบใจนัก
“ข้าจะใช้เวทย์มนต์ครอบมันเอง จับมันมาตรงนี้”
ดอนและเดี่ยว จับเทอดมานั่งต่อหน้าซัมดองแล้วล็อคเอาไว้ ซัมดองร่ายเวทย์มนต์สักครู่ก็เป่ามนต์ใส่ร่างของเทอด ทำให้เทอดชะงักนิ่ง จนกระทั่งเสร็จพิธี
“ต่อไปเอ็งต้องเชื่อฟังเจ้านายใหม่ของเอ็ง นั่นก็คือ ข้า ดร.ฟอร์ด สตีเฟ่น และนาตาชา เข้าใจมั๊ย”
“เข้าใจครับซัมดอง”
เทอดโดนมนต์สะกดเข้าไปทำให้ท่าทีเปลี่ยนไป ดร.ฟอร์ด หยิบปืนส่งให้เทอด
“เพื่อเป็นการพิสูจน์ ยิงเพื่อนแกทั้งสองคนเดี๋ยวนี้”
“ครับซัมดอง”
เทอดรับปืนจากดร.ฟอร์ดแล้วเล็งไปยังดอน และเดี่ยว จากนั้นก็มาหยุดที่ดอน
“ดร.ฟอร์ดสั่งให้แกตาย แกต้องตาย”
ดอนจ้องเทอด
“ครับ...ด็อกเตอร์”
เทอดเล็งปืน เอานิ้วเข้าไปเหนี่ยวไก นาตาชารู้สึกทนไม่ได้ที่จะเสียดอนไป เธอจึงรีบเข้าไปขวางทางปืน แล้วพยายามร้องห้ามเอาไว้
“พอเถอะ อย่าเพิ่งฆ่าคุณดอนเลยค่ะ”
“ถอยไปนาตาชา” ดร.ฟอร์ดตวาด
“แต่พ่อคะ”
ดร.ฟอร์ดตบหน้านาตาชาฉาดใหญ่
“ตาทิพย์ของมันใช้ไม่ได้ มันก็หมดประโยชน์สำหรับเรา” ดร.ฟอร์ดหันไปหาสตีเฟ่น “เอาตัวนาตาชาออกไป”
สตีเฟ่นเข้ามาจับตัวน้องสาวให้ออกจากวิถีกระสุน แต่นาตาชาไม่ยอมง่ายๆ ดร.ฟอร์ดหันไปสั่งเทอด
“ยิงมันได้แล้ว”
“ครับ...ด็อกเตอร์ฟอร์ด”
เทอด เล็งปืนไปยังดอน ขณะที่เดี่ยวเองก็รู้สึกเกร็ง ลุ้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น นาตาชาซึ่งถูกสตีเฟ่นจับเอาไว้ก้มหน้าไม่มอง ทันใดนั้นเสียงปืนลั่นแชะ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็น ดร.ฟอร์ดยิ้มพอใจ
“เอาละ...แกผ่านการทดสอบแล้ว”
นาตาชาโล่งอก
+ + + + + + + + + + + +
ดร.ฟอร์ดกับสตีเฟ่น เดินนำ ดอน เดี่ยว เทอด มาที่หน้าเรือนนอน ดร.ฟอร์ด หันไปบอก
“เทอด...แกนอนที่นี่ อยู่กับดอน และเดี่ยว”
“ครับ ด็อกเตอร์”
เทอด ดอน เดี่ยว พากันเดินเข้าบ้านพักไป ดร.ฟอร์ดและสตีเฟ่นมองตาม
“เราไม่ควรปล่อยให้พวกมันอยู่ด้วยกันนะครับพ่อ”
“แกไม่ต้องเป็นห่วง ฉันมีแผนการณ์ที่จะใช้ประโยชน์จากพวกมัน ถ้าจะห่วง แกควรไปห่วงน้องสาวแกดีกว่า ฉันคิดว่าท่าทีมันแปลกๆ กับไอ้ดอน”
“เรื่องนี้เป็นหน้าที่ผมจัดการเองครับพ่อ”
ดร.ฟอร์ด และสตีเฟ่นพากันเดินออกไป
อ่านต่อวันพรุ่งนี้