xs
xsm
sm
md
lg

เสาร์๕ ทับทิมสยาม ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เสาร์๕ ทับทิมสยาม ตอนที่ 8

ยอด และกริ่ง ซึ่งนั่งผิงไฟอยู่ ได้ยินเสียงเหมือนนกร้อง ทั้งคู่มองหน้ากันเนื่องจากเดาออกว่าเป็นเสียงสัญญาณบางอย่าง สักครู่มะโหนก และลูกน้องอีก 4-5 คน ซึ่งอยู่บนต้นไม้ ก็ทิ้งดิ่งตัวเองด้วยเชือกลงมาที่พื้นข้างล่างล้อมยอด และกริ่งไว้

ยอดและกริ่ง รีบคว้าปืน แต่ช้ากว่ามะโหนกและลูกน้องอีกคน ที่โดดเข้าเตะปืนหลุดจากมือยอดและกริ่งไป
“พวกแกเป็นใคร” ยอดถาม
“ข้าคือเจ้าป่าที่นี้” มะโหนกโอ่
กริ่งพูดกวนๆ
“ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ฉันกำลังต้องการความช่วยเหลือ เจ้าป่าอยู่พอดี”
“คุณกริ่งบนอะไรไว้เหรอครับ” ยอดหันไปถาม
“พอดีมันคันไม้คันมือ อยากได้คู่ซ้อม เจ้าป่าเจ้าเขาเลยจัดให้”
“งั้นก็จัดเลย”
ยอดและกริ่ง เข้าตะลุมบอนกับมะโหนก และลูกน้องแบบมือเปล่า ลูกน้องมะโหนกบางคนสู้ไม่ได้ หันไปคว้าปืนขึ้นมา แต่แล้ว เทอดก็ปรากฏตัวด้านหลัง แล้วล็อกปืนเอาไว้
“อย่าโกงซิ ผิดกติกา”
เทอดจัดการลูกน้องลงไป แล้วเข้าไปช่วยยอดและกริ่งอีกแรง ยอดถูกต่อย เซล้มไปที่ต้นไม้ มะโหนกชักมีดออกมา แล้วพุ่งเข้าใส่ ยอดรีบแทรกตัวหายไปในต้นไม้ มะโหนกอึ้ง
“นี่มันผีหรือคนวะ”
เทอดเข้ามาที่มะโหนก
“พี่ว่าผีหรือคนละครับ”
พูดจบ เทอดก็หายตัวไป ปล่อยกริ่งเอาไว้คนเดียว มะโหนกและลูกน้อง หวั่นๆ กับการกระทำของเทอด และยอด จึงหันมามองกริ่ง ทำให้กริ่งรู้สึกเหมือนกำลังโดนรุม
“อ้าว...ไปไหนกันหมด”
“แสดงว่าไอ้นี่ไม่ใช่ผี จับมัน”
มะโหนกสั่ง ทุกคนกรูเข้ามาจะจับกริ่ง แต่กริ่งวิ่งหายไปอย่างเร็ว ทุกคนตกใจ
“พี่...ผมว่าไอ้พวกนี้มันไม่ใช่คนนะพี่...”
“ผีหลอก...”
ทุกคนพากันวิ่งทิ้งมะโหนกเอาไว้
“เฮ้ย...พวกเอ็งจะกลัวทำไม กลับมา”
ลูกน้องไม่ฟังเสียงพากันวิ่งหนีไปกระเจิดกระเจิง มะโหนกจำต้องวิ่งตามไป
+ + + + + + + + + + + +
พวกลูกน้อง พากันวิ่งผ่าน หน้าสตีเฟ่น และราฮีม ซึ่งซุ่มอยู่มุมหนึ่ง สักครู่มะโหนกก็เข้ามาหา
“ลูกน้องเอ็ง เป็นบ้าอะไรกันวะ” ราฮีมงง
“จะไปรู้อะไรกับมันนาย ก็ไอ้สามคนนั้นมันเป็นผี”
“ผีเผลออะไรกันวะพวกมันไม่ใช่ผี แต่มันมีความสามารถพิเศษเหนือคนธรรมดา” สตีเฟ่นเล่า
“ถ้าเป็นอย่างนี้ งานนี้ไม่สำเร็จแน่” มะโหนกส่ายหน้า
“จะยอมแพ้ง่ายๆได้ไง สั่งพวกแกให้กลับมากัน เดี๋ยวฉันจะจัดการพวกมันเอง”
สตีเฟ่นหันหลังจะไป แต่ราฮีมรั้งไว้
“เดี๋ยวครับคุณสตีเฟ่น อย่าเพิ่งใจร้อน”
“แกกลัวพวกมันอีกคนหรือไงราฮีม”
“เปล่าครับ แต่นี่มันจะเช้าอยู่แล้ว ยิ่งสว่าง เราก็ยิ่งเสียเปรียบนะครับ”
“ใช่ครับ รอหาโอกาสอีกที ยังไงผมก็ไม่ปล่อยพวกมัน ลอยนวลแน่นอน ตอนนี้เรารีบกลับกันก่อนเถอะครับ กว่าจะเดินไปทางเจดีย์”
“ก็ได้ งั้นกลับ”
สตีเฟ่นยอมล่าถอย แม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจนัก ทุกคนพากันเดินกลับไป ที่มุมหนึ่งไม่ห่างนัก เทอด ยอด และกริ่งค่อยๆ โผล่ออกมาจากที่ซ่อน
“พวกมันกลับกันแล้ว” ยอดชะเง้อมอง
“เราต้องตามไป บางทีอาจจะรู้วิธีข้ามเขตเข้าไปข้างในก็ได้” กริ่งบอก
“งั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง”
พูดจบเทอดก็ หายตัวทันที ยอดส่ายหน้า
“กะจะเป็นพระเอกอยู่คนเดียวเลยนะ ไม่รอกันเลย”
“งั้นตามไปซิครับ พี่ยอด”
ยอด และกริ่งรีบตามไป
+ + + + + + + + + + + +
บริเวณเขตภาพลวงตายามเช้า...
สตีเฟ่น ราฮีม มะโหนก และพวก ต่างเดินมาหยุดยืนที่มุมหนึ่ง เพื่อรอแสงอาทิตย์ส่องมากขึ้น ลูกน้องมะโหนกคนหนึ่ง เดินออกจากกลุ่ม มะโหนกหันไปมอง
“เฮ้ย จะไปไหน”
“ผมปวดท้องครับพี่”
“เข้าเขตภาพลวงตาแล้ว อยากตายหรือไง”
“โทษครับพี่ ผมลืมไป”
ลูกน้องรีบกลับเข้ากลุ่ม ขณะที่สตีเฟ่นและราฮีม ยืนมองพระอาทิตย์สาดแสงให้เงาเจดีย์ทอดลงมา
“น่าเบื่อจริงๆ ที่จะต้องมารอเวลาเข้าออกแบบนี้”
“แต่ก็ดีไปอย่างนะคุณสตีเฟ่น เข้าออกยากแบบนี้ ปลอดภัยจากคนภายนอกดี”
“ได้เวลาแล้วครับนาย”
มะโหนกบอก ทันใดเงาเจดีย์ทอดยาวลงพื้น สตีเฟ่น ราฮีม มะโหนก และพวกเดินตามเงาเข้าไปทันที
ยอด และกริ่ง โผล่จากพุ่มไม้ ออกมายืนหาทางเข้า
“สงสัยเทอดตามมันเข้าไปแล้ว”
“ทำไมพวกมันเดินเข้าไปกันง่ายๆ”
“เฮ้ย เช้าๆอย่างงี้ ผีมันยังไม่ตื่น รีบตามไปเร็ว”
ยอด และกริ่ง จะตามออกไปแล้วจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงสาวเรียก
“คุณคะ คุณ...”
ยอดหยุดหันไปมอง แล้วอึ้ง กริ่งหันตาม เห็นสาวสองคนแต่งตัวเซ็กซี่เซ็กซี่
“นี่มันความฝันหรือความจริงกันน่ะ” ยอดงง
“ของจริงแน่นอน นายยอด นายเห็นอย่างที่ฉันเห็นใช่มั๊ย”
“แล้วสาวๆ พวกนี้มาทำอะไรกันในป่า”
สาวคนหนึ่งเดินมาหายอด
“ก็มาถ่ายแบบไงคะ”
“มาถ่ายแบบไหนละกล้องช่างภาพก็ไม่มี”
“นี่ไงคะกล้อง...มาซิ มาถ่ายภาพพวกเราหน่อยนะคะ”
สาวๆโชว์กล้อง เข้ามาดึงยอด และกริ่ง แต่แล้วจู่ๆ เทอดก็ปรากฏตัว
“ยอด กริ่ง อย่าไปนะ”
“หายไปไหนมาคุณเทอด มาเร็ว มาถ่ายแบบให้น้องเค้าเร็ว”
“ถ่ายเท่ยอะไร พวกมันไม่ใช่คน หนีเร็ว”
สาวๆเริ่มกลายร่างกลายเป็นปีศาจ จากนั้นก็รุมล้อมเข้ามาที่ยอด และกริ่ง
“ว่าแล้ว...”
กริ่งสะบัดหลุดแล้ววิ่งจู๊ดหนีไป สาวๆเข้ามาหาเทอด
“ฉันก็ไปก่อนล่ะ” เทอดหายตัวหนี
ยอดตกอยู่ในวงล้อมนางแบบปฏิทินหน้าผี ร้องโวยวาย
“ไม่เอา ผมถ่ายไม่เป็น ปล่อยๆ”
ยอดสะบัดหลุด แล้ววิ่งหนีหายไปในป่า
+ + + + + + + + + + +
กริ่งวิ่งมาหยุดพักเหนื่อยหอบ แล้วสักครู่ เทอดปรากฏตัว เหนื่อยหอบไม่แพ้กัน ยอดวิ่งมาหลังสุด ล้มแผละเหงื่อท่วม
“นี่มันบ้าอะไรกันคุณเทอด” ยอดพูดไปหอบไป
“ก็ใครล่ะที่คิดถึงแต่นางแบบ”
“บ้า ไม่ใช่ผม”
เทอดและยอดหันมามองกริ่ง
“อ้าว...ตกลงเป็นผมเหรอ”
“แล้วใช่หรือเปล่า” เทอดย้อน
กริ่งยิ้ม
“ก็เช้าๆแบบนี้ คิดถึงแล้วมันสดชื่นดี”
“ผมว่าแล้ว...”
เทอดหันมองรอบๆ
“แสดงว่าไอ้ป่าแถวนั้น มันเป็นเขตภาพลวงตา”
“ว่าแต่คุณเทอด ได้ความอะไรมาบ้าง” ยอดถาม
“ผมได้ยินพวกมันคุยกันเรื่อง รอเวลาเข้าออก”
“แสดงว่า ถ้าจะเข้าไปข้างใน ต้องรอเวลาเข้าออกงั้นเหรอ”
“แต่พวกเราก็เข้าไปเกือบพร้อมๆพวกมัน แต่ทำไมเข้าไม่ได้” ยอดแย้ง
“แต่ตอนที่ผมหายตัวเดินไปพร้อมๆ พวกมันก็ดูเหมือนจะเข้าได้อยู่แล้ว ถ้าไม่หันมาเห็นนางแบบของคุณกริ่งโผล่มาซะก่อน” เทอดบอก
“แสดงว่ายังมีบางอย่างที่เรายังไม่รู้...นี่ถ้าคุณกริ่งไม่เรียกนางแบบพวกนั้นมา คุณเทอดก็คงเข้าไปได้แล้ว”
ยอดแกล้งอำ กริ่งหัวเราะ
“เอาเชียวคุณยอด ไอเดียเรื่องนางแบบผม ก็จำมาจากคุณนั่นแหละ”
“โอเคครับคุณกริ่ง นางแบบที่คุณเรียกมาน่ะ หุ่นใช้ได้นะ แต่หน้าต้องปรับปรุง”
“กลิ่นด้วย ทีหลังขอแบบไม่มีกลิ่นก็โอเคนะ” เทอดบอกขำๆ
“เอาเข้าไป ออร์เดอร์กันใหญ่เลย อย่าพลาดมาก็แล้วกัน”
กริ่งงอนๆ เทอดและยอด หัวเราะคิกคัก
+ + + + + + + + + + + +
กลุ่มของเจ้าพ่ออินทร์ เสือสนธิ์ และดร.วิทยากำลัง นั่งชงกาแฟเช้ากินกัน
“นาตาชา กับ พวกเสาร์ห้า มันหายไปไหนกัน ทำไมไม่มีร่องรอยอะไรเลยแปลกจริงๆ” ดร.วิทยาสงสัย
“หรือบางที พวกมันอาจจะออกจากป่าไปแล้ว” เสือสนธิ์ออกความเห็น
ดร.วิทยาส่ายหน้า...
“เป็นไปไม่ได้ ก็ในเมื่อด็อกเตอร์ฟอร์ด ยังอยู่ในป่า ยังไงมันก็ต้องไปหาพ่อของมัน”
สักครู่ฮวง กับลูกน้องอีกคนก็รีบเข้ามาหา ฮวงกับวิทยา
“นายครับ”
“มีอะไร” เจ้าพ่ออินทร์ถาม
“คนของเรา เห็นกลุ่มคนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ครับ พวกมันมีอาวุธพร้อม มีประมาณ 10 คน” ฮวงบอก
เสือสนธิ์ทุกคนเตรียมตัว บางทีอาจจะเป็นพวกโจร หรือไม่ก็กองกำลังต่างชาติ
“ดร.กับเสือสนธิ์อยู่ที่นี่ดูแลแค้มป์ละกันครับ เดี๋ยวผมจะออกไปจัดการเอง” เสือสนธิ์บอก
เจ้าพ่ออินทร์คว้าปืน ออกไปพร้อมฮวง และลูกน้อง ทั้งหมดแยกกัน แอบซุ่มตามมุมต่างๆในป่า
นั้มและลูกน้องพากันเดินมาตามทาง นั้มรู้สึกถึงความผิดปกติของสถานที่จึงให้สัญญาณพร้อมลุยกับลูกน้องในทีม
เจ้าพ่ออินทร์ ซุ่มมองอยู่ พอมองเห็นว่าเป็นนั้มก็ขยับตัว ทำให้ ลูกน้องนั้มซึ่งระวังตัวอยู่แล้วสาดกระสุนเข้าใส่
“เฮ้ย...หยุด...ข้าเอง ไอ้นั้ม หยุด”
เสียงของเจ้าพ่ออินทร์ทำให้นั้มจำได้ จึงสั่งลูกน้องให้หยุด
“หยุด อย่ายิง...พี่อินทร์ พี่อยู่ไหน”
เจ้าพ่ออินทร์โผล่มาจากพุ่มไม้
“ข้าอยู่นี่ เกือบไปแล้วไอ้นั้ม ทุกอย่างเรียบร้อยไหม”
นั้มดีใจรีบเข้าไปหา
“ผมนึกว่าจะหลงป่าซะแล้ว”
“แล้วของที่ข้าสั่ง เอามาครบหรือเปล่า”
“เรียบร้อยครับ เอามาครบทุกอย่าง ว่าแต่ทำไม...ให้ผมขนข้าวของมาเยอะเหลือเกิน”
“เอาล่ะเอ็งไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้น อยู่ไปเดี๋ยวก็รู้เอง ตามข้ามา”
อินทร์ เดินนำนั้ม และลูกน้องกลับไปที่แค้มป์
+ + + + + + + + + + + +
เมื่อมารวมกลุ่มกัน ฮวงกำลังคุมลูกน้อง ติดตั้งอุปกรณ์ดาวเทียม และตั้งแคมป์ปฏิบัติงานกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
เจ้าพ่ออินทร์ เสือสนธ์ ดร.วิทยา ยืนมอง ดูแลการทำงาน
“ผมเห็นว่าไหนๆ ก็จะต้องอยู่ในป่ากันยาว ก็เลยให้ไอ้นั้มกลับไปเอาของพวกนี้มาให้ด็อกเตอร์ จะได้ทำงานสะดวกขึ้น”
ดร.วิทยายิ้ม
“ขอบคุณมากคุณอินทร์ ของพวกนี้เป็นประโยชน์มาก นีกไม่ถึงว่าคุณจะยอมเสียสละกับผมมากขนาดนี้”
“ไม่ใช่ผมคนเดียว เสือสนธิ์ก็สนับสนุนในเรื่องนี้ด้วย”
เสือสนธิ์ยิ้ม...
“ถ้าเป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง ผมไม่เกี่ยงอยู่แล้วครับด็อกเตอร์”
เจ้าพ่ออินทร์มาที่โน๊ตบุ๊ค ซึ่งลูกน้องเพิ่งติดตั้งอินเตอร์เน็ตดาวเทียมเสร็จ พลางบอก...
“เครื่องนี้เชื่อมต่ออินทร์เตอร์เน็ต โดยจับสัญญาณจากดาวเทียมซึ่งติดตั้งเรียบร้อยแล้ว”
ดร.วิทยา และเสือสนธิ์เดินมาดูคอมพิวเตอร์
“งั้นผมขอลองหน่อย”
ดร.วิทยาเข้าอินเตอร์เน็ตแล้วเริ่มเซิร์จ กูเกิ้ลเอิร์ท เพื่อหาภาพถ่ายดาวเทียมของป่าแห่งนี้ ภาพที่อินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นแผนที่จากกูเกิ้ลเอิร์ท เห็นพื้นที่ป่า และเจดีย์ใหญ่ ซ่อนตัวอยู่ ทำให้ด็อกเตอร์วิทยารู้สึกสนใจ
“ดูนี่ซิ ช่วยผมดูหน่อยว่านี่มันอะไร”
“คล้ายโบราณสถาน” เสือสนธิ์ออกความเห็น
“เจดีย์ครับ เจดีย์กลางป่า”
“พิกัดไม่ห่างจากที่นี่นัก ถ้าเราเดินไปทางทิศตะวันตก ก็น่าจะเจอ”
“ผมเชื่อว่า ดร.ฟอร์ด กับนาตาชา ต้องอยู่ที่เจดีย์แน่นอน เพราะเป็นที่ทับทิมสยามจะต้องอยู่”
ดร.วิทยามั่นใจมาก
+ + + + + + + + + + + +
เคน เจนนี่ ชลดา ยูกิ ซุ่มมองความเคลื่อนไหวของกลุ่มดร.วิทยา อยู่ที่มุมหนึ่ง
“พวกมันติดตั้งอุปกรณ์ สื่อสาร และเทคโนโลยี่กันเพียบ” ยูกิบอก
“แล้วพวกเราจะสังเกตุการณ์พวกมันอยู่ที่นี่ หรือจะเดินทางต่อ” ชลดาถาม
“งั้นเรารีบไปที่เป้าหมายของเราก่อนดีกว่า จะได้ถึงที่นั่นก่อนพวกมัน” เจนนี่บอก
“เราต้องมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก เดินทางอีกวันกับคืนกว่าจะถึงป่าสุสาน” เคนบอกเส้นทาง
“งั้นเรารีบเดินกันเถอะ” ยูกิสรุป
“ตามผมมา”
เคนรีบนำสามสาว เข้าป่าไป
+ + + + + + + + + + +
กลุ่มของดร.ฟอร์ด มุ่งหน้าไปยังเจดีย์ แล้วพบกับกลุ่มของ สตีเฟ่น ราฮีม มะโหนก และลูกน้อง 5 คน ซึ่งกำลังเดินกลับเข้ามา
ดร.ฟอร์ดมองสตีเฟ่น เชิงตำหนิ เมื่อเดาออกว่า ทำงานไม่สำเร็จ
“แกทำงานให้ฉันไม่สำเร็จใช่มั๊ย”
“พอดี...”
“หุบปาก ไม่ต้องมาแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ไปให้พ้น ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก”
ดร.ฟอร์ด พาทุกคน เดินต่อไปขณะที่นาตาชาเลี่ยงเข้ามาหาสตีเฟ่น
“พี่ทำงานพลาด”
นาตาชาถอนใจ
“อย่าซีเรียสซิ พี่ก็รู้ว่าพ่อเป็นยังไง”
“แต่เธอก็รู้ว่าถ้าพี่ทำงานไม่สำเร็จ พ่อก็จะไม่เห็นเราอยู่ในสายตาอีกต่อไป”
นาตาชาน้ำตาคลอ
“เรื่องนี้ฉันรู้ดีกว่าใคร พี่ไปพักเถอะ พรุ่งนี้ค่อยแก้ตัวใหม่”
สตีเฟ่น ราฮีม มะโหนกและลูกน้องพากันเดินกลับแคมป์ นาตาชา ปาดน้ำตาแล้วกลับมาเข้มแข็ง จากนั้นก็ตามกลุ่มของดร.ฟอร์ดไป
+ + + + + + + + + + + +
บริเวณป่าเขาวงกต ซึ่งลักษณะเป็นป่าธรรมดา อยู่ใกล้ๆบริเวณเจดีย์ มีเทวรูป รูปปั้นช้าง และงาช้างกองไว้ ระเกะระกะ ลักษณะของป่าแห่งนี้คล้ายๆกัน หากว่าใครไม่รู้ทางจะหาทางออกได้ยาก
ขณะเดินตามดร.ฟอร์ด เดี่ยวหันมามองบุษกร แต่บุษกรเฉยเมย เหมือนคนไม่รู้จักกัน ดร.ฟอร์ด เดินนำทุกคนเข้ามาหยุดยืนมอง
“จุดนี้แหละที่เป็นสุสานช้างเพราะเป็นแหล่งที่ช้างป่าตายกันที่นี่”
ซัมดองมองรอบๆ
“ที่นี่ไม่ใช่ป่าธรรดา”
ซัมดองเดินสำรวจ มองไปรอบๆผืนป่า
“ถ้างั้น คุณดอน คุณเดี่ยว และอาจารย์ ก็ลองเดินสำรวจดู” ดร.ฟอร์ดบอก
“แต่ว่า...”
นาตาชาพยายามจะค้าน เพราะรู้สึกเหมือนกับมีอะไรบางอย่าง แต่ ดร.ฟอร์ด ส่งสัญญาณห้ามไว้ แล้วหันมาพูดกับ ดอน เดี่ยว และซัมดองต่อ
“ผมจะรออยู่ตรงนี้ เชิญครับ”
ซัมดอง ดอน เดี่ยว เริ่มเดินแยกตัวออกไปคนละทิศ ขณะที่ ดร.ฟอร์ด นาตาชา กระแต บุษกร และลูกน้อง ยืนมอง
“ทำไมพ่อไม่บอกพวกเขา ว่าที่นี่มันเป็นป่าเขาวงกต” นาตาชาหันมาถาม
“ฉันต้องการทดสอบพวกมัน ถ้าเก่งจริง พวกมันก็ต้องหาทางกลับมาที่นี่ได้”
ดร.ฟอร์ด หันมาทาง กระแต และบุษกร
“พวกเธอก็เหมือนกัน ถ้าไม่อยากหลงป่า ก็อย่าแยกตัวออกไป เข้าใจไหม...”
“เข้าใจค่ะ ด็อกเตอร์”
กระแต และบุษกรรับคำ ดร.ฟอร์ดยืนมอง ป่าไปรอบๆอย่างพอใจ
+ + + + + + + + + + + +
ดอน และเดี่ยว เดินสำรวจป่ามาด้วยกัน แล้วสักครู่ เดี่ยวก็หยุดก้มลงมอง ร่องรอยเท้าที่พื้น ขณะที่ดอนเดินนำหน้าไป
“มีรอยรองเท้า ดอนดูซิ”
แต่แล้วเมื่อเดี่ยวเงยหน้าขึ้นมาอีกที ก็มองไม่เห็นดอนแล้ว เดี่ยวแปลกใจ ภาพป่าที่เคยปกติ เริ่มบิดเบี้ยวไปมา
ทางด้านดอน เมื่อเดินนำเดี่ยวขึ้นมา แล้วหันหลังกลับไปมองอีกครั้งก็มองไม่เห็นเดี่ยวเช่นกัน ดอมมองภาพป่าที่เริ่มบิดเบี้ยว แตกต่างจากป่าปกติ
“เดี่ยวๆ นายอยู่ไหน”
เดี่ยวขึ้นมองไปรอบๆ มองหาดอน แล้วก็ส่งเสียงเรียกดอนเช่นกัน
“ดอนๆ นายที่ไหนครับ ส่งเสียงหน่อย”
ทั้งเดี่ยว และดอน ต่างก็เดินตามหากันไปมา โดยที่มองไม่เห็นกันและไม่ได้ยินเสียงกันเลย
+ + + + + + + + + +
ซัมดองเดินอยู่กลางป่า แล้วหันมองไปรอบๆ ภาพของป่าเริ่มบิดเบี้ยว ไปมา ทำให้ซัมดองหยุดชะงักไม่เดินต่อ
“ป่าเขาวงกต นึกหรือว่าข้าจะยอมง่ายๆ”
ซัมดองหยิบ ดวงตาสวรรค์ออกมา แล้วร่ายเวทมนต์เปิดออก ดวงแก้วส่องประกายออกมา ทำให้ภาพที่บิดเบี้ยวของป่ากลับคืนสู่สภาวะปกติ
“ดวงตาสวรรค์ ช่วยข้าได้เสมอ”
ซัมดองเดินหลุดออกมาจากป่าเขาวงกต
+ + + + + + + + + + +
ดอน ซึ่งเดินอยู่ในป่าเขาวงกต ซึ่งมีสภาพบิดเบี้ยวไปมา ดอนหยุดยืนมอง แล้วลองหลับตา เพื่อรวบรวมสมาธิ แล้วจากนั้นดอนก็ลืมตาขึ้นมามอง ภาพจากสายตาของดอน ทะลุป่าออกไป เห็นเดี่ยวกำลังเดินอยู่ที่มุมหนึ่ง โดยที่เดี่ยวมองไม่เห็นดอน
“ดอนนายอยู่ไหนดอน”
“เดี่ยวฉันอยู่นี่”
ดอนพยายามเดินเข้าไปหาเดี่ยว แต่เหมือนมีพลังบางอย่างกั้นเอาไว้ คล้ายพลังแม่เหล็กคนละขั้ว ที่ต่างก็ผลักออกจากกัน ทำให้ดอนไม่สามารถเข้าถึงเดี่ยวได้ ขณะที่เดี่ยวก็มองไม่เห็นดอน
“เดี่ยว...พยายามฟังฉัน...เดี่ยว...”
เดี่ยวเริ่มรู้สึกถึงเสียงของดอน เพียงแต่ได้ยินเบามากๆ ทั้งที่อยู่ใกล้กัน
“ดอนใช่มั๊ย เสียงเบามาก ฉันแทบไม่ได้ยินเลย”
“ฟังนะ ฉันอยู่ใกล้ๆ นายทางขวา”
เดี่ยวหันไปมองทางขวา แต่มองไม่เห็นอะไร
“อยู่ไหน ทำไมฉันมองไม่เห็น”
“ฉันอยู่ตรงหน้านาย ยื่นมือออกมา จับมือฉันไว้”
เดี่ยวค่อยๆ ยื่นมือออกไปแต่ก็เหมือนมีบางอย่างต้านเอาไว้ ขณะที่ดอนเองก็พยายามเอื้อมมือไปจับเดี่ยว แม้จะดูเหมือนยากเพราะต้องออกแรงต้านอยู่บ้าง แต่ในที่สุดเมื่อทั้งคู่จับมือกันสำเร็จ มิติที่บดบังดอนและเดี่ยว ก็พังทลาย ทำให้ทั้งคู่ถูกกระชากล้มลงไปกองกับพื้น
“นี่มันอะไรกันดอน”
“คงจะเป็นอาถรรพ์ของป่า ที่ทำให้คนเดินป่ามองไม่เห็นกัน”
“มิน่า คนถึงได้หลงป่ากันเป็น”
“รีบกลับไปหาดร.ฟอร์ดกันดีกว่า”

ดอนและเดี่ยวรีบเดินกลับไปทางเดิม

อ่านต่อหน้า 2







เสาร์๕ ทับทิมสยาม ตอนที่ 8 (ต่อ)

ดอน และเดี่ยว เดินออกมาจากป่ามุมหนึ่ง พบว่าซัมดอง ยืนอยู่กับกลุ่ม ดร.ฟอร์ดอยู่แล้ว ดร.ฟอร์ด ตบมือต้อนรับดอน และเดี่ยวอย่างพอใจ

“เก่งมาก คุณดอน คุณเดี่ยว คุณสองคนเก่งมากที่หลุดออกมาจากป่าเขาวงกตได้”
ดอนประหลาดใจเล็กน้อย
“ป่าเขาวงกต”
“ถูกต้อง ทุกแห่งที่เป็นสุสานช้าง ป่าจะสร้างอำนาจพิเศษที่เรียกว่าเขาวงกต คอยคุ้มกันไม่ให้ใครเข้ามาทำอันตรายช้างที่กำลังจะตาย”
“ถ้าใครไม่รู้ ก็คงจะหลงทางอยู่ในนี้หาทางออกไม่ได้” เดี่ยวพูดขึ้น
“แต่ทั้งคุณ และซัมดอง เก่งมากที่เอาชนะอาถรรพ์ของป่าได้”
เดี่ยวมองดร.ฟอร์ดอย่างแปลกใจ
“นักวิทยาศาสตร์อย่างคุณ เชื่อเรื่องอาถรรพ์ของป่าด้วยหรือครับ”
“ก็เห็นอยู่แล้วว่าเรื่องนี้มีอยู่จริง ผมจะปฏิเสธได้ยังไง”
“สักวัน วิทยาศาสตร์คงจะก้าวหน้าพอที่จะอธิบายเรื่องนี้ได้” นาตาชาบอก
“พวกคุณเป็นนักวิทยาศาสตร์ใจกว้างจริงๆ ที่กล้ายอมรับในเรื่องที่ยังพิสูจน์ไม่ได้” ดอนออกความเห็น
ดร.ฟอร์ดพยักหน้ารับ
“นักวิทยาศาสตร์ที่เปิดใจเรียนรู้ เรื่องที่อยู่นอกกรอบ ย่อมเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เหนือทุกคน”
ดร. ฟอร์ด พูดชื่นชมตัวเองอย่างลำพองใจ
“เอาละ ได้เวลาที่คุณจะทำงานให้ผมแล้ว ตามมา”
ทุกคนเดินตาม ดร.ฟอร์ดไป เดี่ยวพยายามจะเดินรอบุษกร แล้วยิ้มให้ ขณะที่บุษกร ยิ้มตอบเล็กน้อยแล้วเฉยเมยต่อไป
+ + + + + + + + + + +
ดร.ฟอร์ด เดินนำทุกคนเข้าไปด้านในของเจดีย์ แล้วทุกคนก็หยุดยืนมองไปรอบๆ เดี่ยวกระซิบดอน
“เราต้องพยายามดึงบุษกร และกระแตหลุดออกมาจากมนต์ดำของซัมดองให้ได้”
ดอนพยักหน้ารับ ดร.ฟอร์ด และนาตาชา ยืนบัญชาการอยู่ที่มุมหนึ่ง
“คุณเดี่ยว ไปกับคุณบุษกร คุณดอน ไปกับคุณกระแต ส่วนผม อาจารย์ และนาตาชา จะอยู่แถวนี้ ผมเชื่อว่าทับทิมสยามสีม่วง น่าจะซ่อนไว้ที่บริเวณนี้” ดร.ฟอร์ดสั่ง
ดอน และกระแต แยกไปที่มุมหนึ่ง ขณะที่เดี่ยวและบุษกรแยกไปอีกมุม กระแต และบุษกรนั้น มีเครื่องมือสำรวจ หาแร่ธาตุติดตัวไปด้วย ลูกน้องคนอื่นๆ ยืนคุ้มกันทั่วไป
“ผมจะเข้าไปข้างใน” ซัมดองบอก
“ได้ครับ งั้นเข้าไปกับผม”
ดร.ฟอร์ด ซัมดอง และนาตาชา เดินนำเข้าไปด้านในเจดีย์
+ + + + + + + + + + + +
ซัมดองเดินมาที่หน้าพระประธานแล้วก้มลงกราบ ฟอร์ด และนาตาชานั่งมอง บริเวณผนังด้านในเจดีย์ มีลวดลายภาพวาดแบบโบราณสีจางๆ ประปราย
“พลังพุทธคุณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ แรงกล้ามาก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาทับทิมสยามเจอ”ซัมดองบอก
“ถ้างั้นผมจะทำลายที่นี่ทิ้ง งานของเราจะได้ง่ายขึ้น” ดร.ฟอร์ดบอกทันที
“คิดให้ดีด็อกเตอร์ พลังพุทธคุณทำให้พวกคุณปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้าย ถ้าไม่มีเจดีย์และสถานที่แห่งนี้ คุณคงไม่ปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้”
“แล้วอาจารย์มีวิธียังไง ที่จะช่วยผมหาทับทิมสยาม”
“ถ้าเราได้พวกพลังพิเศษของพวกเสาร์ห้ามาช่วย ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น”
“บางทีเรื่องนี้หนูอาจช่วยได้ค่ะ” นาตาชาเสนอ
“พี่ชายแกยังเหลวกลับมา แล้วแกจะช่วยฉันได้ยังไง” ดร.ฟอร์ดหันมาถาม
“หนูก็จะช่วยด้วยวิธีของหนู”
ดร.ฟอร์ดมองนาตาชาอย่างไม่มั่นใจ
“ไหนว่ามา แกจะทำยังไง”
“พ่ออย่าลืมว่าเรามีคุณดอน คุณเดี่ยวมาอยู่กับเรา และตอนนี้ทั้งสองคนก็ตกอยู่ใต้อำนาจของหนู หนูจะให้คุณดอนและคุณเดี่ยว เป็นเหยื่อยล่อให้พวกเสาร์ห้าอีก 3 คนมาติดกับเป็นพวกเราให้ได้”
“ดีมาก นาตาชา แกเก่ง และฉลาดกว่าที่ฉันคิด”
ฟอร์ดหัวเราะออกมาอย่างพอใจ
“เราออกไปสำรวจด้านนอกกันเถอะอาจารย์”
นาตาชาบอก ทั้ง 3 คนจึงเดินออกไป
+ + + + + + + + + +
เดี่ยวและบุษกร พากันเดินเข้าไปด้านในเจดีย์อีกมุม ซึ่งเป็นมุมเล็กๆ โดยที่ผนังของกำแพงเป็นภาพวาดโบราณสีจางๆ ในภาพวาดเห็นเป็นภาพแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมา ที่เจดีย์แล้วเกิดแสงสะท้อนออกไปรอบด้านของเจดีย์
อีกมุมเป็นภาพวาดพระประธาน แสดงภาพแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาด้านในแล้วสะท้อนไปมาตามจุดต่างๆ โดยจุดที่สะท้อนจะมีภาพของทับทิมสยาม แสดงตำแหน่งการวางทับทิมสยาม ที่ด้านหน้าพระประธาน
บุษกรทำการสำรวจอย่างจริงจัง โดยใช้เครื่องมือสำรวจหาแร่ธาตุ ที่ติดตัวมาเมื่อเดินมาถึงบริเวณผนังภาพวาด เธอก็หยุดมองอย่างสนใจ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้
เดี่ยวพยายามจะหาทางพูดคุยกับบุษกร เพื่อดึงให้บุษกรหลุดออกมาจากมนต์ดำ
“บุษกร”
“คุณต้องการอะไร”
“ยังจำผมได้ใช่มั๊ย” เดี่ยวถาม
“คุณเดี่ยว หนึ่งในทีมเสาร์ห้า ฉันจำคุณได้เสมอ”
“แล้วจำเรื่องของเราได้บ้างหรือเปล่า”
“เราเป็นเพื่อนร่วมงาน และตอนนี้ฉันก็ทำงาน ให้กับดร.ฟอร์ดและนาตาชา”
เดี่ยวเดินนำบุษกรมาที่พระพุทธรูปองค์หนึ่ง
“คุณมาทางนี้หน่อย บุษกร”
บุษกรเดินมาที่พระพุทธรูป
“คุณสวดมนต์ได้ใช่มั๊ย เรามาสวดมนต์พร้อมๆกันนะ”
เดี่ยวยกมือพนมไหว้พระ ขณะที่บุษกรทำตามในครั้งแรก แต่แล้วจู่ๆ เมื่อเดี่ยวเริ่มสวด บุษกรก็หยุดแล้วลุกขึ้นมา
“ไม่ ไม่ได้ ฉันไม่ทำแบบนี้”
“แค่สวดมนต์ไหว้พระ ทุกอย่างจะได้ดีขึ้น คุณจะได้หลุดออกมาจาก...”
“จากอะไร นี่คุณกำลังจะทำอะไรฉัน”
“ผมแค่อยากให้เราเหมือนเดิม ผมกำลังจะช่วยคุณนะบุษกร”
“ไม่ ออกไป ไปให้พ้น ฉันไม่ต้องการให้ใครมาช่วย”
บุษกรโกรธจัด จนเดี่ยวต้องรีบเปลี่ยนท่าที
“เอ้อ ถ้าคุณไม่พอใจ ผมก็ขอโทษ”
“ภาระกิจของคุณก็คือ...ต้องค้นหาทับทิมสยามสีม่วงให้ ดร.ฟอร์ด อย่ามาทำอะไรแบบนี้อีกเด็ดขาด”
บุษกรหันกลับไปข้างนอก สำรวจหาทับทิมสยามต่อ เดี่ยวทอดถอนใจ ที่ยังไม่สามารถช่วยอะไรได้
+ + + + + + + + + + + +
กระแต และดอน อยู่ที่มุมหนึ่ง กระแตใช้เครื่องมือสำรวจแร่ธาตุ เดินวัดคลื่นตามมุมต่างๆ ขณะที่ดอน สังเกตท่าทีของกระแต และหาวิธีแก้มนต์ดำให้เธอ กระแตหยุดเมื่อรู้สึกว่าดอนกำลังมองมาที่ตน
“คุณมองฉันทำไมคุณดอน”
“คุณรู้ตัวมั๊ยว่า กำลังทำอะไรอยู่คุณกระแต”
“รู้ซิ ฉันทำงานให้ดร.ฟอร์ด นาตาชา และซัมดองคือผู้นำทางจิตวิญญาณของฉัน”
“อืม...คุณคงจำเรื่องเก่าๆ ไม่ได้แล้ว”
“ถ้าหมายถึงเรื่องของเสาร์ห้า และภาระกิจเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างที่ฉันเคยหลงผิดไป ฉันลืมไปหมดแล้วคุณดอน คุณก็เหมือนกัน ถ้าคุณยังงมงายอยู่กับเรื่องเสาร์ห้าอยู่ละก็ ฉันคงต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกกับดร.ฟอร์ดแน่นอน”
ดอนรีบเปลี่ยนท่าที
“ผมศรัทธาในตัวดร.ฟอร์ด ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อเขาและนาตาชา”
“ดี ฉันจะจับตาดูคุณตลอดเวลา ถ้าวันใดคุณเปลี่ยนอุดมการณ์ วันนั้นคุณกับฉันเป็นศัตรูกันแน่นอน”
“ผมก็จะจับตา แล้วก็คอยทดสอบคุณอยู่เสมอ ไม่มีใครตบตาเราได้หรอก”
ดอนรู้สึกหนักใจในสิ่งที่กระแตเป็นอยู่ แต่ก็ต้องเสแสร้งเกทับกระแตกลับไปเพื่อไม่ให้กระแตสงสัย
+ + + + + + + + + +
ดอน และเดี่ยว เดินมาเจอกันที่มุมหนึ่งใกล้เจดีย์ โดยที่กระแต และบุษกร ต่างก็ขยับเข้ามาสำรวจในบริเวณใกล้ๆกัน ทั้งคู่รีบแยกตัวมาที่มุมหนึ่งเพื่อปรึกษากัน
“ฉันพยายามที่จะให้บุษกรสวดมนต์ เผื่อพลังพุทธคุณจะช่วยให้เธอ หลุดพ้นออกมาจากมนต์ดำ แต่ไม่สำเร็จ” เดี่ยวบอก
“กระแตก็เหมือนกัน เธอดูจะก้าวร้าว ทำตัวเป็นสปายจับตาพวกเรา นายต้องระวังตัวให้ดีนะเดี่ยว”
“ฉันกำลังคิดหาวิธีล้างมนต์ดำ ออกจากบุษกรและกระแตให้ได้”
กระแตเดินหน้าตึงเข้ามา...
“พวกคุณคุยอะไรกัน ทำไมไม่ทำงาน”
กระแตส่งสายตาคาดคั้น จับผิด ทำให้เดี่ยวแกล้งเฉไฉไป
“”คือว่า...ผมได้ยินเสียงแปลกๆแถวนี้ ก็เลยปรึกษากับดอน ว่าเขาเห็นอะไรบ้างหรือเปล่า เพราะบางทีดอนอาจจะเห็นเบาะแส ที่เกี่ยวกับทับทิมสยาม”
“ผมเห็นแสงสีม่วงกระจายทั่วไปในบริเวณนี้” ดอนแกล้งพูด
บุษกรเดินเข้าสมทบ
“ถ้างั้น ทับทิมสยาม ต้องซ่อนตัวอยู่บริเวณเจดีย์นี้แน่”
ดอนเบี่ยงเบน
“ไม่น่าใช่ เพราะผมเห็นหลายจุด เอ๊ะหรือบางทีทับทิมสยาม อาจจะอยู่ในป่านั้นก็ได้”
“งั้นนายกับฉันน่าจะลองไปสำรวจในป่าแถวนั้นดู ส่วนคุณสองคน ลองสำรวจดูแถวเจดีย์”
ดอนกับเดี่ยว เดินแยกออกไป กระแตและบุษกร เริ่มสำรวจกันต่อ
+ + + + + + + + + +
ที่หมู่บ้านนายพลจางลี่...
เปาชางนั่งคลำบาดแผลที่ถูกยิงอยู่ที่มุมหนึ่ง แล้วคิดถึงภาพในอดีตที่ม่านฟ้ามาช่วยทำแผลให้เขา นายพลจางลี่เดินผ่านมาเห็น จึงหยุดมอง
“แกเป็นอะไรไป เปาชาง”
เปาชางสะดุ้งเล็กน้อย รีบกลบเกลื่อน
“เปล่าครับลุง ผมแค่คิดอะไรเล่นเพลินๆ”
“ตั้งแต่แกถูกยิง ดูเหมือนแกจะใจลอยบ่อยๆ”
“เอ้อ คือว่า...”
“อาการอย่างงี้ มันเหมือน...”
“เหมือนอะไรครับ”
“นี่ถามจริงๆ แกกำลังแอบชอบใครอยู่หรือเปล่า”
เปาชางเขิน แต่ก็ทำนิ่งกลบเกลื่อน
“บอกมา ถ้าผู้หญิงอยู่ในหมู่บ้านเรา ลุงจะได้ไปสู่ขอมาให้ ผู้หญิงสาวๆ ในหมู่บ้านอยากเป็นเมียแกทุกคน”
“ผู้หญิงที่ผมชอบ ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านหรอกครับลุง”
“ฮึ...นี่แกกำลังมีความรักอย่างงั้นเหรอ”
“เกิดมาผมไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมากเท่า...ม่านฟ้ามาก่อนเลย”
นายพลจางลี่ตกใจ
“ม่านฟ้า! แล้วแกเจอม่านฟ้าที่ไหน”
“ในป่าครับ เธอช่วยผมไว้ตอนผมถูกยิง”
“แล้วผู้หญิงคนนี้อยู่ที่หมู่บ้านไหน”
“ไม่รู้ครับลุง ผมพบเธอในป่า เธอมากับพี่เลี้ยง 2 คน พบกันไม่กี่วัน ก็ไม่ได้เจอกันอีก”
“งั้นก็ออกไปตามซิวะ”
เปาชางดีใจ
“ครับลุง”
“ถ้าแกรักจริง ก็ไปเอาตัวผู้หญิงคนนี้มาเป็นเมียแกให้สำเร็จ”
“ขอบคุณครับลุง”
เปาชางดีใจร่าเริงรีบวิ่งออกไป จางลี่มองตามด้วยสายตาเอ็นดูหลาน
+ + + + + + + + + + + +
เปาชาง และลูกน้องเตรียมพร้อมเดินป่า บรรจุกระสุนใส่กระเป๋า เตรียมอาหารแห้งใส่สัมภาระกัน โดยมีลูกน้องติดตามไปประมาณ 10 คน
นายพลจางลี่เดินออกมายืนมอง อาเตียวเข้ามาหา
“อาเตียวแกมาก็ดีแล้ว”
“ครับ ท่านนายพล”
“งานนี้แกต้องไปด้วย คอยดูแลหลานข้าให้ดี”
“ได้ครับ”
“ถ้าแกทิ้งหลานข้าเหมือนครั้งที่แล้ว แกคงรู้นะว่าจะเป็นยังไง”
อาเตียวหวาดๆ
“ครับ ผมจะไม่พลาดอีก”
“ยังมีอีกอย่างที่ข้าจะมอบหมายให้แกทำ”
“อะไรครับ”
“สายของเรารายงานว่าในป่า มีคนแปลกหน้าเข้ามาตั้งแคมป์กัน”
“และมีคนเห็นแหม่มนาตาชา เจ้าของทับทิมสยามอยู่ในป่าด้วย ถ้ารู้เบาะแสยังไงก็รีบส่งข่าวมา ข้าจะเอากำลังไปสมทบ ถ้าเป็นแหม่มนาตาชาจริง ทับทิมสยามก็ต้องอยู่กับมันแน่นอน”
เปาชางเข้ามาหาจางลี่
“ผมไปนะครับลุง”
“ไปเอาผู้หญิงที่แกรักกลับมาให้ได้ แล้วลุงจะปิดหมู่บ้านจัดงานแต่งงาน เลี้ยงฉลองให้แก 7 วัน7 คืนเลยไอ้หลานรัก ฮ่ะๆ”
เปาชาง อาเตียว และพวกออกเดินทาง โดยมีนายพลจางลีและคนในหมู่บ้านคอยส่ง
+ + + + + + + + + + +
ใกล้กับเขตป่าภาพลวงตา ม่านฟ้า และบัวชุมเดินมาหยุดยืน มองไปที่ยอดเจดีย์ที่โผล่อยู่กลางป่า
“เราต้องเดินไปที่เจดีย์กันนะ พี่บัวชุม ฉันสังหรณ์ว่าที่เจดีย์จะต้องมีอะไรสักอย่างแน่นอน”
“แต่คุณหนูคะ คุณหนูว่า ป่าแถวนี้มัน...”
“ฉันรู้จ๊ะ ว่าป่าแถวนี้มันแปลกๆ แต่ยังไงเราก็ต้องเดินเข้าไปข้างในโน้นให้ได้”
ม่านฟ้า และบัวชุมพากันเดินตรงเข้าไปหาเจดีย์แล้วสักครู่ ก็ได้ยินเสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้น
“ม่านฟ้า”
ม่านฟ้าหันไปมอง เห็นเป็นเจ้าจันทร์ทิพย์ พ่อของเธอยืนอยู่
“พ่อ”
บัวชุมรู้สึกสงสัย ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นความจริง
“มาหาพ่อซิ”
ม่านฟ้าขยับจะเข้าไปหา แต่บัวชุมรั้งเอาไว้
“อย่าค่ะคุณหนู อย่าไป...”
“แต่พ่อมา ฉันคิดถึงพ่อ”
“ไม่ค่ะ เจ้าจันทร์ทิพย์ตายไปแล้ว นี่ไม่ใช่เจ้าแน่ๆ”
จันทร์ทิพย์ยังคงเรียก
“ม่านฟ้า พ่อคิดถึงลูกเหลือเกิน”
บัวชุมรีบบอก
“คุณหนูจำครั้งที่แล้วได้มั๊ยคะ ที่เราเจอผีไอ้หนานคำมันบีบคอ นี่ก็เหมือนกัน อย่าเข้าไปค่ะ”
ม่านฟ้าเริ่มละล้าละลัง
“ม่านฟ้า ลูกไม่รักพ่อหรือไงมาหาพ่อซิ”
“หนูรักพ่อค่ะ แต่หนู...”
จันทร์ทิพย์เริ่มโกรธ
“ถ้าแกไม่มา แสดงว่าแกไม่รักพ่อ แกมันเนรคุณ”
“ไม่ค่ะพ่อ หนูไม่ได้เนรคุณ หนูรักพ่อ”
“สมบัติของตระกูล แกก็ดูแลเอาไว้ไม่ได้ สารเลว”
“มงกุฏเทวียังอยู่กับหนูค่ะ แต่ทับทิมสยาม...หนูขอโทษค่ะพ่อ”
ม่านฟ้าร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ฉันเกลียดแก ม่านฟ้า แกไม่ใช่ลูกฉัน”
ม่านฟ้าทนไม่ไหว สะบัดหลุดจากบัวชุม โผลเข้าไปกอดจันทร์ติ๊ฟเอาไว้
“พ่ออย่าเกลียดหนู หนูจะเอาทับทิมสยามของเรา กลับคืนมาให้ได้ พ่ออย่าเกลียดหนูนะคะ”
จันทร์ติ๊ฟ ค่อยๆ กอดม่านฟ้าอย่างอ่อนโยน แล้วเลื่อนมือมาปาดน้ำตา แล้วจากนั้นก็ลงมาที่คอ จากนั้นก็บีบคอม่านฟ้าทันที”
บัวชุมตกใจ รีบวิ่งเข้าไปยื้อเอาไว้
“คุณหนู หนีเร็วค่ะ หนีเร็ว”
บัวชุมและม่านฟ้า พยายามสะบัดออกจากจันทร์ทิพย์ซึ่งบัดนี้ กลายร่างเป็นปีศาจไปแล้ว แล้วจากนั้นก็เริ่มมีฝูงปีศาจปรากฏตัวขึ้นมา มากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อบัวชุมและม่านฟ้าสะบัดหลุด ก็วิ่งหนี แ ต่โดนสะกัดด้วยฝูงปีศาจ ทำให้ม่านฟ้า และบัวชุมต้องใช้ศิลปะป้องกันตัวที่ฝึกมาต่อสู้ โดยมีหน้าไม้ เป็นอาวุธสำคัญ จนที่สุดทั้งคู่ก็หนีหลุดรอดออกมาจากวงล้อมของปีศาจ ได้แล้ววิ่งหนีเข้าป่าไป
+ + + + + + + + + + + +
ม่านฟ้าและบัวชุม วิ่งมาล้มแผละอยู่ที่มุมหนึ่ง แล้วพากันนั่งเหนื่อยหอบ อ่อนเพลีย ม่านฟ้านั่งเศร้าน้ำตาไหลพราก จากการที่เธอกับพ่อปีศาจได้พบกัน เนื่องจากสิ่งที่พ่อพูดคือสิ่งที่แทงใจดำเธอมาตลอด
“คุณหนูอย่าร้องไห้ซิคะ”
“พี่บัวชุม ฉันเป็นลูกที่ไม่ดีจริงๆใช่มั๊ย”
“อย่าคิดอย่างนั้นซิคะ ไม่เอาค่ะ”
“แต่ฉันรักษาสมบัติของตระกูลเราไม่ได้ ฉันปล่อยให้ทับทิมสยามถูกชิงไป”
“แต่เราก็หาทางติดตามอยู่ตลอดเวลา เราไม่ได้นิ่งดูดายนะคะ คุณหนูคิดมากแบบนี้ มันไม่ดีเลย”
“วิญญานของพ่อกับแม่คงจะเกลียดฉัน พี่บัวชุม”
ม่านฟ้าโผลเข้าซบบัวชุมร้องไห้ เนื่องจากเธอแบกภาระที่หนักเกินตัวเอาไว้ และต้องต่อสู้เดียวดาย บัวชุมคือที่พึ่งเดียวที่ทำให้เธออุ่นใจ”
“ถึงยังไงบัวชุมก็จะอยู่คุ้มครองคุณหนู” บัวชุมบอกด้วยความภักดี
+ + + + + + + + + + + +
บัวชุมเอื้อมมือไปเด็ดดอกไม้ออกมาจากกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง แล้วนำมาติดไว้บนมงกุฏเทวีที่เธอหยิบออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ โดยตำแหน่งที่ติดดอกไม้ไว้ก็คือ ตำแหน่งที่เคยประดับทับทิมสยามนั่นเอง
บัวชุมหันไปหาม่านฟ้า ซึ่งบัดนี้ อยู่ในชุดสวยงาม ชุดใหม่ซึ่งเป็นชุดทายาทเทวีแห่งเชียงรุ้ง ม่านฟ้านั่งหน้าเศร้า ขณะที่บัวชุมซึ่งอยู่ในชุดใหม่เช่นกัน กำลังเดินถือมงกุฏเทวีประดับดอกไม้ มาสวมให้ม่านฟ้า
บริเวณชะง้อนผา ถูกประดับตกแต่งด้วยดอกไม้ป่าสวยงาม พื่อแทนบัลลังค์แห่งเชียงรุ้ง
“พี่บัวชุมดอกไม้สวยจังเลย”
บัวชุมเอาดอกไม้มาทัดหู
“แด่...องค์หญิงม่านฟ้า เทวีแห่งเชียงรุ้ง”
ม่านฟ้านิ่งเงียบ ใบหน้าเศร้าสร้อย เดินออกไปยืนที่ชะง่อนผา ราวกับว่านั่นคือท้องพระโรงของเชียงรุ้ง
“ขอดินแดนเชียงรุ้ง และปี้น้องเชียงรุ้งของข้า จงยั่งยืน แม้จะอยู่ดินแดนใด ก็ขอให้ทุกคนจงอย่าลืมเชียงรุ้งของเรา”
บัวชุม หยิบกิ่งไม้มาทำท่าดีดพิณ ขณะที่ม่านฟ้า เริ่มร่ายรำแบบทางเหนือ่อนช้อย สวยงาม โดยสิ่งที่เธอทำเป็นเหมือนการระบายความรู้สึกอัดอั้น ในภาระที่เธอแบกมาตั้งแต่เด็ก
+ + + + + + + + + + + +
เคนซึ่งอยู่ที่ลำธารกำลังจะตักน้ำใส่กระบอก เงยหน้าขึ้นไปที่ชะง่อนผา เห็นม่านฟ้าในชุดเทวีเชียงรุ้ง แต่เศร้าสร้อย เคนนิ่งอึ้ง คาดไม่ถึงว่าจะได้พบสาวงามกลางป่าเช่นนี้
เจนนี่ เดินเข้ามา โดยที่มองไม่เห็นว่าเคนกำลังมองม่านฟ้าอยู่
“คุณเคน”
เคนสะดุ้งหันมาหาเจนนี่
“ไหนว่ามาเอาน้ำ แป็บเดียว แล้วนี่มาทำอะไรตั้งนาน”
เคนหันไปมองที่ชะง้อนผาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่เห็นม่านฟ้าอีกแล้ว เคนแปลกใจ
“มีอะไรคะ”
“คือผม...เปล่าๆ ไม่มีอะไร”
เคนรีบตักน้ำใส่กระบอกแล้วเดินกลับไป โดยที่เจนนี่ตามกลับไปด้วย
ขณะเดียวกันนั้น ม่านฟ้าและบัวชุม แอบซุ่มกันอยู่มองจากชะง่อนผา ไปข้างล่างจุดที่เคนและเจนนี่กำลังเดินกลับไป
“พวกเขาเป็นใคร”
“เป็นใครก็อย่าไว้ใจค่ะคุณหนู ดูอย่างครั้งที่แล้วซิคะ เรารึหวังดี เห็นโดนยิงบาดเจ็บมา พอมันหายมันยังมาลอบกัดเราอีก”
“รีบไปจากที่นี่กันเถอะพี่บัวชุม”
ม่านฟ้าและบัวชุม รีบเก็บข้าวของแล้วออกเดินทางไป
+ + + + + + + + + + + +
เคน และเจนนี่เดินกลับมาหาชลดา และยูกิ ซึ่งนั่งพักอยู่ที่มุมหนึ่ง
“อีกไกลมั๊ย” ชลดาถามเคน
“ก็ไกลอยู่”
“แล้วต้องเดินนานแค่ไหนคะ”
“วันกว่าๆ”
“นี่ไม่มีทางลัดบ้างเลยเหรอ”
“มีซิ เดินไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง”
เจนนี่โวยทันที
“อ้าวแล้วทำไมไม่ไปทางลัดล่ะ”
“ถ้าอยากจะไปก็ข้ามไปซิ ไปได้ไหม”
ทุกคนมอง
“งั้นตามผมมา”
เคนพูดจบก็ออกเดิน สาวๆ รีบพากันวิ่งตาม
+ + + + + + + + + + +
กระแต และบุษกร กำลังช่วยกันทำความสะอาดที่พัก ขณะที่นาตาชาเพิ่งกลับจากอาบน้ำที่ลำธารเดินเข้าบ้านมา
“พวกเธอทำงานมาเหนื่อยๆ ยังต้องมาทำความสะอาดที่พักให้ฉันอีก”
กระแตยิ้ม
“เรายินดีทำทุกอย่างเพื่อคุณค่ะ นาตาชา”
นาตาชาพอใจ
“ขอบใจเธอทั้งสองมาก”
“ที่พักของ ด็อกเตอร์ฟอร์ด เราก็จะทำให้วันเว้นวัน” บุษกรบอก
“ขอบใจแทนพ่อฉันด้วย แต่บ้านอื่นๆ เธอไม่ต้องไปทำ ให้พวกเค้าทำกันเอง”
“ค่ะ นาตาชา”
“เสร็จแล้วใช่มั๊ย”
“ค่ะ นาตาชา”
“ไปอาบน้ำที่ลำธารซิ น้ำเย็นสบาย ดีมากเลย”
“เรากำลังจะไปที่นั่นอยู่เหมือนกัน”

กระแตและบุษกร หยิบเครื่องอาบน้ำเดินออกไป

อ่านต่อวันพรุ่งนี้ ศุกร์ 21 ตุลาคม 2554






กำลังโหลดความคิดเห็น