เสาร์๕ ทับทิมสยาม ตอนที่ 4
ค่ำคืนหนึ่ง...จันตา จันเป็ง และคำปัน เดินเข้าไปในไนท์คลับด้วยกัน ด้านหน้าประตูบาร์ ฮวง กำลังยืนคุยอยู่กับนั้ม
“ไอ้สามคนนี่แหละ ที่เป็นลูกน้องไอ้หนานคำ พวกมันอยู่ด้วยกันในป่านอกเมือง”
ฮวงพยักหน้ารับ...
“อั๊วะจะสะกดรอยพวกมันเอง ยังไงพวกมันก็ต้องกลับบ้านกันอยู่แล้ว”
“ถ้างั้นผมจะไปบอกดร.วิทยากับคนอื่นๆ ให้รอที่โรงแรมก่อน”
“โอเค”
ฮวง เดินตามเข้าไปข้างในไนท์คลับ นั้มแยกตัวออกไป
ภายในไนท์คลับ...
นักเที่ยวกำลังเฮฮาเต้นรำกัน ที่มุมมืด...ม่านฟ้า และบัวชุม นั่งซุ่มอยู่เงียบๆจับตามองไปที่โต๊ะของลูกน้องหนานคำ
ฮวงเดินเข้ามา แล้วหามุมนั่งไม่ห่าง จันตา จันเป็ง และคำปัน ขณะที่ทั้ง 3 คนกำลังนั่งเลี้ยงฉลองกันเฮฮา
“ฮ่ะๆ คราวนี้พวกเรารวยแน่ มาฉลองกันหน่อย” จันตาบอกทั้ง 2 คน
“ที่ว่ารวยน่ะ รวยแค่ไหนพี่จันตา” จันเป็งสงสัย
“อย่างน้อยก็เป็นแสนละวะ”
คำปันตาโต
“โห...ถ้าพวกเราได้เป็นแสน แล้วพี่หนานคำ จะได้เท่าไหร่”
ม่านฟ้าและบัวชุมแอบฟังพวกมันคุยกันสนใจเป็นอย่างมาก บัวชุมกระซิบบอก...
“ใช่...สามตัวนี่ต้องเป็นลูกน้องหนานคำแน่”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ ดูมันไปก่อน”
ขณะเดียวกัน จันตาคุยโอ่
“ต้องเป็นล้านอยู่แล้ว รวยยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งอีก ฮ่ะๆ”
“พี่หนานคำ แกโชคดีจริงๆ”
“รวย รวย รวย ฮ่ะๆ”
คำปันหัวเราะร่า แล้วสังเกตเห็น ฮวงที่นั่งมองพวกตนอยู่ จึงหันมากระซิบกับเพื่อน
“เฮ้ย...ดูโต๊ะนั้นซิ ผมว่ามันตามเรามาตั้งแต่ก่อนเข้าบาร์แล้วนะ”
“ตามมาทำไมวะ” จันเป็งสงสัย
“อยากรู้ก็เข้าไปเคลียร์เลยดีกว่า”
คำปันบอกแล้วลุกนำ จันตา จันเป็งลุกตามไปที่โต๊ะที่ฮวงนั่ง
“เฮ้ย....เอ็งมองอะไร ข้องใจเหรอ” จันเป็งถาม
“เปล่า อั๊วะมาตามหาคนที่ชื่อ หนานคำ”
“มาหาหนานคำทำไม” จันตาถาม
“มันไม่ใช่เรื่องของพวกเอ็ง”
“อ้าว...ถามไม่ได้หรือไง รู้มั๊ยว่าพวกข้าน่ะ ลูกน้องหนานคำ”
“เออ...ข้ารู้แล้ว”
ฮวงหันไปดื่มต่อ...
ท่าทางกวนๆ ของฮวง ทำให้จันเป็ง หมั่นไส้ ยกแก้วน้ำขึ้นมาสาดใส่หน้า
“หมั่นไส้เว้ย”
ฮวงเดือดดาล หยิบขวดเบียร์ลุกขึ้นมาฟาดหัวคนที่ใกล้ที่สุด แล้วจากนั้นก็ถือขวดเบียร์ปากฉลามเข้าลุยกับ จันตา จันเป็ง และคำปัน
แขกในบาร์วิ่งหนีกันวุ่นวาย ขณะที่ ฮวง กำลังดวลกับคู่ต่อสู้อย่างเมามัน ม่านฟ้า และบัวชุมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
“เอาไงดีคะคุณหนู ไปดีกว่า” บัวชุมถาม
“เราจะไม่ไปไหน ยังไงฉันต้องเจอไอ้หนานคำให้เร็วที่สุด”
“แต่ว่า...”
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ม่านฟ้าตะโกนเสียงดังออกไป
“ตำรวจมาๆ เร็วหนีเร็ว ตำรวจมา”
บัวชุมช่วยตะโกน
“ตำรวจๆ”
แผนของม่านฟ้าได้ผล คนที่ตีกันเริ่มชะงัก แล้วต่างก็พากันวิ่งหนีออกไป ม่านฟ้าหันมาหาบัวชุม
“ไอ้สามตัวมันหนีไปโน่นแล้ว ตามมั้ย”
“เร็วพี่บัวชุม ตามมันไป...เร็ว”
ม่านฟ้ากับบัวชุมรีบตามออกไป
+ + + + + + + + + + +
จันตา จันเป็ง คำปัน พากันขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามถนนเล็กๆ ค่อนข้างมืดเพื่อกลับบ้านในป่า
กระทั่งมาถึงหน้าย้าน ทั้งสามพากันจอดรถ เดินลงมาด้วยอาการสะบักสะบอม หนานคำ ลงจากบ้านเห็นสภาพก็แปลกใจ
“เฮ้ย พวกเอ็งไปกัดกับใครมาวะ”
“ใครก็ไม่รู้พี่หนานคำ มันมาถามหาพี่ ผมเห็นท่าทางไม่ดีก็เลยจัดการมัน”
“ใครวะ”
“พวกกรุงเทพน่ะพี่ ไม่ใช่คนแถวนี้”
หนานคำกังวล
“หรือว่าเป็นพวก...”
“พวกไหนพี่”จันเป็งสงสัย
“ไอ้พวกที่จะมาปล้นทับทิมของข้าไง”
ระหว่างที่หนานคำกำลังพูดคุยอยู่นั้น บัวชุม และม่านฟ้ากำลังซุ่มแอบมองอยู่
“นั่นมันไอ้หนานคำจริงๆ ด้วยคุณหนู”
“ใช่ ฉันจำมันได้”ม่านฟ้ามองแค้นๆ
“งั้นบัวชุมจะไปฆ่ามันเอง”
“อย่าเพิ่ง...เราต้องได้ทับทิมสยามคืนมาก่อน ตามมา”
ม่านฟ้ารีบนำบัวชุมแอบย่องไปอีกมุมหนึ่ง ด้านบันไดขึ้นชั้นบน แล้วปีนเข้าไปข้างใน
ขณะเดียวกัน ภรรยาหนานคำลงบันได พลางตะโกนถาม
“พี่หนานคำอยู่ไหน”
ม่านฟ้าและบัวชุมรีบหลบเข้าที่ซ่อน เมื่อภรรยาหนานคำเดินผ่านไป โดยไม่ทันสังเกต ทั้ง 2 คนจึงแอบขึ้นบันไดไปชั้นบน
ภรรยาหนานคำเดินเข้าไปหาหนานคำ กับลูกน้องซึ่งยืนคุยกันอยู่
“คุยอะไรกัน ดึกป่านนี้แล้ว”
“ตื่นมาทำไม ไปนอนซะไป...”
“แกนั่นแหละ เข้านอน พรุ่งนี้ค่อยคุยไม่ได้หรือไง”
หนานคำรำคาญ หันไปบอกลูกน้อง
“คืนนี้พวกเอ็งอยู่ยามรอบๆบ้าน ถ้าสงสัยใครยิงมันได้เลย อย่าให้พวกมันเข้ามาได้เด็ดขาด”
หนานคำกำชับ
+ + + + + + + + + + + +
ม่านฟ้ารื้อค้นตามหีบในห้องนอนของหนานคำ แล้วพบว่าทับทิมสยาม ถูกห่อเอาไว้แล้วยัดเข้าไปในหมอนหนุนหัว
ม่านฟ้าดึงทับทิมสยามออกมาแล้วแกะผ้าออก เห็นทับทิมสยามสีแดง ส่องแสงเป็นประกาย ม่านฟ้าดีใจมาก
“พี่บัวชุม เจอแล้ว”
บัวชุมหันมาแล้วรีบเข้ามาหา
“ใช่แล้ว ทับทิมสยามสีแดง ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะคะคุณหนู”
“นี่คือสิ่งที่ฉันรอคอยมาสิบกว่าปี”
ม่านฟ้าน้ำตาคลอด้วยความตื้นตัน ดีใจ
“รีบไปเถอะคะคุณหนู”
บัวชุมรีบดึงม่านฟ้าออกจากห้อง แต่แล้วก็พบกับหนานคำ และภรรยาเดินเข้ามา
“พวกแกเป็นใคร” ภรรยาหนานคำถามอย่างตกใจ
หนานคำมองบัวชุมอย่างจำได้
“นังบัวชุม”
“จำฉันได้ด้วยเหรอ”
หนานคำหันไปมองม่านฟ้า
“แล้วนี่ก็...”
“แกฆ่าพ่อกับแม่ฉัน”ม่านฟ้าตวาด
หนานคำตะลึง
“หนูม่านฟ้า”
“เอาทับทิมคืนมา”
ภรรยาหนานคำจะเข้าไปแย่งทับทิม แต่โดนบัวชุมขวางไว้ หนานคำเข้ามาหาม่านฟ้าแย่งชิงทับทิม แต่ม่านฟ้าต่อสู้ทันที
+ + + + + + + + + + + +
หน้าบ้าน...
จันตา จันเป็ง และคำปันได้ยินเสียงจากในบ้าน จึงหันไปมอง
“เสียงอะไร”
ยังไม่ทันที่ทั้งสามจะได้คำตอบ รถของดร.วิทยา แล่นเข้ามาที่หน้าบ้าน
“ใครมาวะ”
ฮวง และลูกน้อง เดินลงจากรถ ขณะที่ ดร.วิทยา นั่งรออยู่ยังไม่ลง
“อ๋อ นึกว่าใคร...พวกมันคงตามมาหาเรื่องอีก...มาเลย...”
ฮวง และลูกน้อง เข้าลุยกับจันตา จันเป็ง และคำปัน
ขณะเดียวกัน ด้านใน บัวชุมกับภรรยาหนานคำ และหนานคำกับม่านฟ้ากำลังต่อสู้กันอยู่ บัวชุมเสียหลัก ล้มลง ภรรยาหนานคำได้ทีหยิบแจกันมาฟาดที่หัว
ม่านฟ้าหันไปเห็น จึงรีบเข้าไปช่วย ทำให้จังหวะนั้นเองที่ม่านฟ้าถูกหนานคำ ผลักล้มลงไป หนานคำกระชากทับทิมสยามกลับมา และพาภรรยาออกจากห้องไป
หนานคำกับภรรยาพากันวิ่งหนีออกนอกบ้าน ม่านฟ้าลุกขึ้นจะตาม ขณะที่บัวชุม โดนฟาดหัวเลือดไหลพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ล้มลง
“ไม่เป็นไร บัวชุมไม่เป็นไร” บัวชุมพยายามพูด
ม่านฟ้าเข้าไปช่วยบัวชุม
+ + + + + + + + + + + +
ที่หน้าบ้าน...
หนานคำ กับภรรยาพากันวิ่งลงมาจากบ้าน แล้วเห็นฮวง ชักปืนออกมายิงใส่จันตา จันเป็ง และคำปัน หนานคำ กับภรรยาชะงักอย่างตกใจเมื่อเห็นลูกน้องตายหมด
ดร.วิทยาลงจากรถ เดินเข้ามา ชักปืนเล็งก่อนที่ หนานคำกับภรรยาจะหนีได้ทัน
“ส่งทับทิมมา”
“แกเป็นใคร”
“ส่งมา”
ภรรยาเห็นท่าไม่ดีรีบบอก
“หนีเร็วพี่”
หนานคำกับภรรยาพากันวิ่ง ดร.วิทยาชักปืนยิงออกไปสองนัด ทำให้หนานคำกับภรรยาล้มลงขาดใจตาย ทับทิมยังกำอยู่ในมือ
“ทับทิมสยามสีแดง !”
ดร.วิทยาหยิบทับทิมสยามขึ้นมามอง ขณะเดียวกันด้านใน ม่านฟ้ากับบัวชุมซุ่มมองเหตุการณ์อยู่
“ดร.วิทยา”ม่านฟ้าพูดเบาๆ
“รีบหนีเถอะค่ะ”
“ทับทิมสยามของฉัน”
“พวกมันมีปืนนะคะ ขืนออกไปมันฆ่าเราแน่”
บัวชุมเข้ามาดึงม่านฟ้าซึ่งกำลังแค้นใจ และเสียใจที่กำลังจะสูญเสียทับทิมอีกครั้ง หลังจากรอคอยมานับสิบปี
“หนีก่อนเถอะคุณหนู รักษาชีวิตเอาไว้ก่อน”
บัวชุมรีบร้อน จนทำให้ของซึ่งอยู่บนชั้นวางของตกลงมา ดร.วิทยา ได้ยินเสียงบางอย่างหันมามองในบ้าน ลูกน้องบางคนเดินเข้ามามองด้านใน แต่ม่านฟ้า และบัวชุมซ่อนตัว ทำให้มองไม่เห็น
ฮวง พาดร.วิทยาไปที่รถ แล้วตะโกนเรียกลูกน้อง
“เฮ้ย กลับ”
ทุกคนรีบกลับขึ้นรถ แล้วขับออกไป ม่านฟ้า บัวชุม ออกมาจากที่ซ่อน
“ฉันรอมาเป็นเวลาสิบปี กว่าจะหาตัวไอ้นานคำเจอ แต่แล้วทับทิมสยามก็ถูกชิงไปอีก”
“ไม่ต้องกลัวค่ะคุณหนู บัวชุมจะช่วยสืบหาที่อยู่ไอ้ดร.วิทยา คนนี้มาให้ได้”
“ดร.วิทยา ฉันจะตามล่ามันจนถึงที่สุด”
ม่านฟ้าน้ำตาคลอ ที่ทับทิมสยามหลุดลอยไปจากมือ
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่
ดร.วิทยา ฮวง และลูกน้องได้พากันไปที่บ้านเสือสนธิ์ เมื่อไปถึงก็พบว่าเสือสนธิ์ และเจ้าพ่ออินทร์นั่งรออยู่
“เป็นไงดร.ลูกน้องผมช่วยงาน ดร. ได้บ้างมั๊ย” เสือสนธิ์ถาม
“ผมทำงานสะดวกขึ้นเยอะเลยครับ”
“ถ้าไม่ได้เส้นสายของ เจ้าพ่ออินทร์ กับเสือสนธิ์ เราก็คงหาตัวไอ้หนานคำไม่ได้ง่ายๆแน่”
ดร.วิทยา หยิบทับทิมสยามสีแดง ออกมาวางให้ทุกคนดู
“นี่ครับ ทับทิมสยามสีแดง”
ทุกคนในห้องหยุดชะงักหันมามอง เห็นทับทิมส่องประกายวิบวับ เจ้าพ่ออินทร์มองอย่างสนใจ
“ถ้าขาย มันจะได้เท่าไหร่”
“มูลค่าในท้องตลาดก็เหยียบร้อยล้าน” ดร.วิทยาบอก
เสือสนธิ์ และเจ้าพ่ออินทร์ ทึ่งในมูลค่า
“ถึงราคาจะสูงขนาดนี้ แต่ถ้าเอามาเทียบกับชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้หรอกครับ”
“นั่นซิ ถึงเอาไปขายได้เงินมา แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าพวกเราไม่มีแผ่นดินจะอยู่”เสือสนธิ์ว่า
“จริงครับ ยังไงชาติบ้านเมืองต้องสำคัญกว่าไอ้ของพวกนี้”
ดร.วิทยาบอกอย่างมุ่งมั่น...
“เป้าหมายต่อไปของพวกเราก็คือ ทับทิมสยามสีชมพู ที่อยู่กับนาตาชา”
“ผมยินดีร่วมมือกับดร.เต็มที่” เสือสนธิ์รีบบอก
เจ้าพ่ออินทร์เสริม...
“ผมก็เช่นกัน จะให้ช่วยอะไรก็บอก...”
ดร.วิทยายิ้มพอใจ ขณะที่ในใจมีแผนการณ์มากมาย
+ + + + + + + + + + + +
หลายวันต่อมา...
นาตาชากำลังนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ อยู่ภายในห้องโถง ดอนกำลังยืนมองไปรอบๆบ้านเพื่อตรวจความเรียบร้อย สักครู่เดี่ยวก็ขับรถเข้ามาพร้อมกับกระแต และ บุษกร
ทุกคนพากันลงจากรถเดินเข้ามาในบ้าน นาตาชาหันมาทักทาย
“มอร์นิ่งค่ะ”
บุษกรเดินไปดูแผลของนาตาชา
“แผลคุณนาตาชา หายดีแล้วนะคะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
“แล้วฉันจะกลับบ้านได้หรือยัง”
กระแตยิ้มให้
“เบื่อแล้วใช่มั้ย”
นาตาชาพยักหน้า
“วันๆ อยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์ จะออกไปไหนก็ไม่ได้”
เดี่ยวหันมาบอก
“ถ้าคุณออกไปจากที่นี่ แล้วที่พักของคุณ ปลอดภัยแค่ไหนครับ”
“ก็เป็นคอนโดส่วนตัว ไม่รับคนแปลกหน้า เข้าออกด้วยคีย์การ์ด แล้วก็มีกล้องวงจรปิด โอเคมั๊ยคะ”
“คุณอยู่กับใครครับ” ดอนถาม
“พี่ชายของฉัน สตีเฟ่น”
“แต่ตอนนี้คุณสตีเฟ่นไม่อยู่นี่คะ รู้สึกว่าจะเข้าป่า”
นาตาชาหันมามองหน้ากระแต ด้วยความแปลกใจ ที่กระแตรู้ถึงความเคลื่อนไหวของสตีเฟ่น”
“พวกคุณนี่มืออาชีพกันจริงๆ รู้แม้กระทั่งเรื่องของสตีเฟ่น”
บุษกรมองนาตาชาอย่างสังเกตท่าที
“แล้วคุณพอจะรู้มั๊ยคะว่าคุณสตีเฟ่น เข้าป่าไปทำไม”
“ฉันพอเดาออกค่ะ ก็อย่างที่ทุกคนทราบ ว่า ดร.ฟอร์ดพ่อของเราหายสาปสูญไป ถ้าคุณเป็นลูก ก็ต้องทำทุกวิถีทางที่จะนำพ่อกลับมา”
“อะไรทำให้คุณเชื่อว่า ดร.ฟอร์ดยังไม่ตาย” ดอนซัก
“ถ้าพวกคุณอยากรู้จริงๆ...ฉันจะพาไป โอ เค นะค่ะ”
นาตาชามองหน้าทุกคนอย่างท้าทาย เนื่องจากแผนที่เธอวางไว้ กำลังจะจบลงในไม่ช้า
+ + + + + + + + + + + +
เดี่ยวขับรถพาดอน นาตาชา กระแต และบุษกรไปตามที่นาตาชาบอก
“อาจารย์ซัมดอง ท่านเป็นนักบวชชาวทิเบตที่มีความสามารถพิเศษ ที่เหนือกว่าคนธรรมดา ฉันและสตีเฟ่นศรัทธาในตัวท่านมาก” นาตาชาเล่าระหว่างเดินทาง
“แปลกนะคะที่ฝรั่งอย่างพวกคุณ สนใจเรื่องแบบนี้” กระแตบอกตามที่รู้สึก
“ก็ถ้าฉันไม่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง ก็คงเห็นว่ามันเป็นเรื่องงมงาย แต่สิ่งที่กลุ่มเสาร์ห้าแสดงให้ฉันเห็นในวันนั้น มันก็ ได้พิสูจน์แล้วว่าเรื่องเหนือธรรมชาติมีจริง”
“ผมอยากเจออาจารย์เก่งๆมานานแล้ว” เดี่ยวบอก
“ขอให้เป็นของจริงก็แล้วกัน” ดอนออกความเห็น
เดี่ยวพยักหน้าเห็นด้วย บุษกรนึกขึ้นมาได้
“แต่...เราตกลงกันว่า ถ้าจะพาคุณนาตาชาไปไหน ให้โทรแจ้งยูกิทุกครั้งไม่ใช่เหรอ”
“จริงซิ ผมก็ลืมไปเลย”
ดอนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กำลังจะกดหมายเลข นาตาชารีบห้ามไว้
“ถ้าโทรตอนนี้ พวกคุณไม่กลัวจะโดนสะกดรอยหรือคะ”
ดอนลังเล หันไปถามเดี่ยว
“เอาไงดีคุณเดี่ยว”
“คงไม่ต้องโทรแจ้งก็ได้มังคะ แค่แป็บเดียวเอง แล้วอีกอย่าง พวกคุณก็อยู่กันตั้งหลายคน” นาตาชาเสนอ
“โอเค ไม่แจ้งก็ไม่แจ้ง”
“และฉันขอร้องให้ทุกคนปิดโทรศัพท์ด้วยค่ะ เพื่อไม่ให้ศัตรูตามสัญญาณพวกเราจากโทรศัพท์ได้...โอเคไหมคะ”
ทุกคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิด นาตาชายิ้มอย่างพอใจ
+ + + + + + + + + + +
เจนนี่ขับรถมาจอดที่หน้าเซฟเฮ้าส์ เมื่อมาถึงพบว่าไม่มีใครอยู่บ้าน เจนนี่ หยิบกุญแจขึ้นมาไขแล้วเข้าไปด้านใน
“คุณดอน กระแต มีใครอยู่บ้าง”
เจนนี่ เดินสำรวจไปตามห้องต่างๆ แล้วรู้สึกแปลกใจที่ไม่มีใครอยู่ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลข แต่ก็โทรไม่ติดเนื่องจากทุกคนปิดโทรศัพท์กันหมด
“นี่ปิดโทรศัพท์กันหมดเลยหรือไง”
เจนนี่ ลองกดโทรศัพท์ไปหาชลดา ไม่นานนักชลดาซึ่งยังทำงานอยู่ที่ออฟฟิตรับสาย
“ฮัลโหล เจนนี่เหรอ”
“นี่เธอรู้มั๊ยว่า คุณดอน คุณเดี่ยว คุณกระแต คุณบุษกร แล้วก็นาตาชาไปไหนกัน”
“อ้าว...ไม่อยู่ที่เซฟเฮ้าส์เหรอ”
“ไม่มีใครอยู่เลย แล้วยังปิดโทรศัพท์ ติดต่อไม่ได้”
“เดี๋ยวนะ บางทียูกิอาจจะรู้”
ชลดาหันไปถามยูกิซึ่งทำงานอยู่ใกล้ๆ
“ยูกิ รู้มั๊ยว่าพวกที่บ้านมีแผนไปไหนกันหรือเปล่าวันนี้”
ยูกิส่ายหน้า
“ไม่นี่ ไม่มีใครแจ้งเราเลย มีอะไรเหรอ”
เจนนี่ได้ยินเสียงยูกิ บ่นทันที...
“เล่นหายตัวไป แบบนี้มันน่าเป็นห่วง ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า”
ชลดาเริ่มไม่สบายใจ
“นั่นซิ พวกนั้นไม่มีใครแจ้งยูกิกันเลย”
“ผิดขั้นตอนกันแบบนี้ คงต้องมีบทลงโทษกันบ้างแล้ว”
ยูกินึกบางอย่างออกรีบบอกชลดา
“นึกออกแล้วว่า จะหาพวกนั้นเจอได้ยังไง”
“ว่ามา...” ชลดาหันไปถาม
“ที่รถคุณเดี่ยว ติดสัญญาณกันขโมยแบบที่มีสัญญาณจีพีเอส เราให้บริษัทประกันภัยเปิดเครื่องสแกนสัญญาณให้”
“ได้ยินมั๊ยเจนนี่” ชลดาถาม
“ดี...จัดการเลย ฉันจะได้ตามพวกนั้นไปถูก”
เจนนี่รฟัง ครู่หนึ่งยูกิบอกเส้นทาง
+ + + + + + + + + + + +
รถของเดี่ยวแล่นเข้ามาจอดที่หน้าศาลเจ้า ทุกคนลงจากรถ ชายแก่ที่เฝ้าศาลเจ้าเดินเข้ามารอรับ
“พวกลื้อมากันจริงๆ เหมือนที่ลิมโปเซบอกทุกอย่างผู้ชายสอง ผู้หญิงสาม”
“ลุงพูดอะไร...ไม่เข้าใจ...” ดอนแปลกใจ
“ซัมดองลิมโปเซ บอกให้อั๊วะออกมาต้อนรับแขก บอกว่าพวกลื้อกำลังเดินทางมาที่นี่เป็นผู้ชายสอง ผู้หญิงสาม แล้วพวกลื้อก็มากันจริงๆ”
“แล้วซัมดองลิมโปเซ ของลุงรู้ได้ยังไงว่าพวกเราจะมา” บุษกรถาม
“ไม่มีอะไรที่ท่านไม่รู้ มาซิตามมา ท่านรอพวกคุณอยู่ข้างใน”
ทุกคนเดินตามลุงเข้าไปในห้อง แต่ในห้องกลับว่างเปล่าไม่มีใครอยู่เลย
“ทุกคนเชิญตามสบาย นั่งรอที่นี่ก่อน เดี๋ยวท่านมา”
“ไหนล่ะ อาจารย์ซัมดองของลุง...”เดี่ยวถาม
ลุงยิ้มแทนคำตอบ แล้วเดินออกจากห้องไป ขณะที่ทุกคนมองไปรอบๆอย่างสนใจ เนื่องจากห้องนั้นตกแต่งแบบทิเบต มีเครี่องราง และภาพเขียนที่ดูแปลกตา
ดอนเดินมาหยุดมองที่ ดวงตาสวรรค์ ซึ่งถูกวางเอาไว้บนหิ้ง ขณะที่เดี่ยวเองก็เดินมาที่บัวสรรค์เช่นกัน เนื่องจากหูของเขาได้ยินเสียงบางอย่างซึ่ง ความจริงแล้วเป็นเสียงของวิญญาณที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือนั่นเอง
“ผมได้ยินบางอย่าง ดังมาจากที่นี่” เดี่ยวเล่า
“ผมก็เห็นเหมือนมีใครถูกขังเอาไว้” ดอนบอก
นาตาชาอธิบาย
“เป็นของศักดิ์สิทธิ์จากทิเบตค่ะ”
“มันคืออะไร” บุษกรสงสัย
ฉับพลัน ซัมดองก็เดินออกมาจากผนัง ต่อหน้าทุกคน
“มันคือดวงตาสวรรค์ นั่งซิ คุณดอน คุณเดี่ยว คุณกระแต คุณบุษกร”
ซัมดองหันไปเรียกชื่อทุกคนอย่างถูกต้อง ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ
“รู้จักพวกเราด้วยเหรอคะ” บุษกรถาม
“ข้ารู้ทุกเรื่องที่อยากรู้”
ซัมดองนั่งลงกับพื้น ทำให้ทุกคนเริ่มนั่งตาม ซัมดองหันไปหยิบดวงตาสวรรค์ขึ้นมา
“ดวงตาสวรรค์ คือดวงตาที่สาม มันทำให้ทุกคน มองเห็นในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอดีต อนาคต หรือแม้แต่สิ่งลี้ลับในอีกมิตินึง”
ซัมดองเริ่มร่ายมนต์ภาษาทิเบต แล้วสักครู่ดวงตาสวรรค์ส่องประกายใส เรืองรอง ทุกคนมองด้วยสายตาตื่นเต้น
ในดวงตาสวรรค์ เริ่มปรากฏเลือนลาง แล้วค่อยๆชัดขึ้น เป็นภาพในวัยเด็ก ของกลุ่มเสาร์ห้า...
“เสาร์ห้า พวกเจ้าคือดวงแก้วห้าประการ เกิดมาเพื่อบำเพ็ญวิริยะบารมี”
ดอน และเดี่ยว รู้สึกทึ่งที่บัวสวรรรค์ ทำให้ทุกคนมองเห็นเรื่องราวในอดีตได้ ซัมดองหันไปมองดอน
“ตาทิพย์ของเอ็ง ไม่ต่างจากดวงตาสวรรค์ของข้า เห็นในสิ่งที่อยากเห็น“
ซัมดองหันไปทางเดี่ยว
“หูของเอ็งมันก็ได้ยินไปไกลเท่าที่ใจของเอ็งต้องการ แต่น่าเสียดายที่พวกเอ็งมีจุดอ่อน”
“จุดอ่อนของพวกเราคืออะไร”ดอนถามอย่างอยากทดสอบความรู้
“หลังจากพวกเอ็งใช้ความสามารถพิเศษแล้ว พลังของพวกเอ็ง จะหมดลงอย่างรวดเร็ว โชคยังดีที่พวกเอ็งเอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง”
“อาจารย์สามารถแก้จุดอ่อนของพวกเขาได้ใช่มั๊ยคะ”
นาตาชาถามเพื่อเปิดเกมส์ที่เธอกำลังจะเดินต่อ
“ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่เกินความสามารถของข้า”
“แล้วพวกหนูละคะอาจารย์ มีอะไรช่วยคุ้มกันอันตรายได้บ้างคะ” บุษกรถาม
“นั่นซิคะ พวกหนูขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยคนนะคะอาจารย์” กระแตเสริม
ซัมดองยิ้มน้อยๆ อย่างพึงพอใจ
อ่านต่อหน้า 2
เสาร์๕ ทับทิมสยาม ตอนที่ 4 (ต่อ)
เจนนี่ขับมาจอดที่มุมหนึ่งหน้าศาลเจ้า เจนนี่โทรศัพท์ติดต่อกับชลดา และยูกิ ซึ่งอยู่ที่สำนักงานเสาร์ห้า
“ตอนนี้รถมาจอดอยู่ที่หน้าศาลเจ้าแล้ว เห็นรถคุณเดี่ยวจอดอยู่ด้วย” เจนนี่บอก
“พวกเขาไปศาลเจ้ากันทำไม” ชลดาสงสัย
“งั้นฉันจะเข้าไปดูเอง”
ชลดาห้าม...
“เดี๋ยวซิ เราว่า...”
“มีอะไรชลดา”
“เธอน่าจะลองซุ่มดูห่างๆ ก่อน”
“นั่นซิ ปกติคุณดอน คุณเดี่ยวจะต้องรายงานให้ฉันทราบความเคลื่อนไหวทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันมีบางอย่างแปลกๆ เราน่าจะลองสืบดูก่อน”
เจนนี่ตัดสินใจ
“โอเค ฉันจะซุ่มดูห่างๆ”
เจนนี่เดินเข้าไปในศาลเจ้า
+ + + + + + + + + +
ในห้องซัมดอง...
ดอน เดี่ยว บุษกร และกระแต นั่งพนมมืออยู่ด้านหน้าของดวงตาสวรรค์ ซึ่งขณะนี้ดวงตาสวรรค์กำลังส่องแสงประกายเจิดจ้า กระทบใบหน้าทุกคน
นาตาชา ยืนมองอยู่ที่มุมหนึ่ง ขณะที่ซัมดอง กำลังนั่งบริกรรมคาถาอยู่ไม่ห่างนัก
“กำหนดลมหายใจเข้า ออก แล้วทำจิตให้เป็นสมาธิ ข้ากำลังจะเสริมพลังคุ้มครองพวกเอ็ง”
ซัมดองร่ายมนต์งึมงำ ขณะที่ดอน เดี่ยว บุษกร และกระแต นั่งสมาธิ สักครู่ซัมดอง ลืมตาส่งสัญญาณให้นาตาชาออกไป นาตาชาเดินออกไปจากกลุ่ม ไปหลบอีกมุมหนึ่ง ซัมดองยกดวงตาสวรรค์ขึ้นมาระดับหน้าของทุกคน แล้วร่ายมนต์อีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มมีเงาดำค่อยๆ พุ่งตรงไปยังหน้าผากของทุกคน เงาดำค่อยๆ แผ่ขยายปกคลุมตัวของ กระแต บุษกร ดอน และเดี่ยว แล้วจากนั้นเงาดำก็ค่อยๆ ซึมหายไปในร่างของทุกคน
กระแต และ บุษกร ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้สายตาของเธอเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนกัน
เดี่ยว และดอน ลืมตาขึ้นมา แล้วสักครู่ สายตาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ซัมดอง เลิกบริกรรม ลืมตาขึ้นมาแล้วยิ้มอย่างพอใจ
“พวกเจ้าจะต้องทำตามที่ข้าสั่ง เพราะพวกเจ้าคือบริวารของข้า”
“ครับ”
“ค่ะ ซัมดอง”
ทุกคนตอบรับ
“พวกเจ้าจงหาทางทำลายศัตรู โดยการแทรกซึม คอยสืบความลับอย่าให้พวกมันรู้ตัว จำเอาไว้ ศัตรูของพวกเจ้าก็คือกลุ่มเสาร์ห้า”
ทุกคนตอบรับเพราะตกอยู่ในมนต์ดำ
ที่หน้าห้องเห็นเจนนี่แอบมอง แล้วรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ขณะเดียวกันนาตาชาเดินกลับมา เจนนี่รีบหลบเข้าไปในศาลเจ้า และวิ่งออกจากศาลเจ้า ขึ้นรถและขับออกไป
นาตาชาชะงัก รู้สึกเหมือนมีคนแอบซุ่มอยู่ในเงามืด เธอหยุดมอง แล้วเดินตรงเข้าไปจากนั้นก็ดึงปืนเล็กๆ ออกมาจากที่ซ่อน แต่เมื่อเดินไปยังจุดที่สงสัยกลับไม่พบอะไร เธอหันมองไปรอบๆ เพื่อตรวจหาสิ่งที่ทำให้เธอสงสัย
ทางด้านซัมดอง ลุกขึ้นแล้วสั่ง
“พวกเองทุกคนตามข้ามา”
ทุกคนเดินตามซัมดองไปหานาตาชา
“พวกเขาเป็นไงบ้างคะอาจารย์”
นาตาชามองไปที่ ดอน เดี่ยว กระแต และบุษกร พบว่าพวกเขามีลักษณะที่แปลกไปจากเดิม
“พวกมันตกอยู่ในอำนาจมนต์ของข้าแล้ว ต่อไปมันจะทำทุกอย่างที่เอ็งสั่ง”
นาตาชาเริ่มทดสอบ
“คุณเดี่ยว...ฆ่าบุษกรเดี๋ยวนี้”
นาตาชาส่งปืนในมือเธอไปให้ เดี่ยวรับปืนแล้วหันไปที่บุษกรแล้วยกปืนขึ้น ขณะที่ดอน บุษกร และกระแต ยืนนิ่งเฉย
“ยิงซิ ยิงเดี๋ยวนี้”
เดี่ยวเอานิ้วเข้าไปในไกปืนแล้วเล็งไปที่ร่างของบุษกร จากนั้นก็ลั่นกระสุนออกไป แต่แล้ว แทนที่ปืนจะลั่นกระสุนออกไป กลับได้ยินเสียงแชะ เนื่องจากไม่มีกระสุนนั่นเอง
นาตาชายิ้มอย่างพอใจ เธอล้วงกระเป๋าหยิบกระสุนปืนออกมา ให้ซัมดองเห็นว่าปืนของเธอยังไม่ได้บรรจุกระสุนนั่นเอง
“ดีมาก แสดงว่า เวทย์มนต์ของอาจารย์ได้ผลจริงๆ ถ้าทุกอย่างสำเร็จ ฉันจะบอกให้พ่อสมนาคุณอาจารย์ไม่อั้น”
“ข้าต้องได้ในสิ่งที่เหมาะสมกับข้าฮึๆ”
ซัมดองหัวเราะเยือกเย็น เพราะสิ่งที่เขาหมายถึงก็คือทับทิมสยาม เพียงแต่นาตาชา และคนอื่นๆรู้ไม่ทัน
+ + + + + + + + + + + + + + +
เดี่ยว ดอน กระแต บุษกร และนาตาชาเดินมาขึ้นรถแล้วขับออกไป ไม่นานนักเจนนี่ที่ขับรถออกจากที่ซ่อนแล้วขับตามไป เจนนี่โทรศัพท์ติดต่อไปยังสำนักงานเสาร์ห้าไปด้วย
ยอดรับสาย โดยมี เทอด กริ่ง ยูกิ และชลลดาอยู่ด้วยกัน
“ฮัลโหล”
“เจนนี่ ผมยอดนะ ชลดารายงานเรื่องให้ผมทราบแล้ว ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน” ยอดถาม
“ฉันเพิ่งออกจากศาลเจ้า กำลังขับรถตามรถของคุณเดี่ยวไปเรื่อยๆค่ะ”
“แล้วพวกเค้าไปทำอะไรกันที่นั่น”
“ฉันเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่อยากให้พวกคุณรีบออกมาพบคุณเดี่ยว คุณดอน แล้วก็คนอื่นๆด่วนเลยค่ะ ตอนนี้รถกำลังมุ่งหน้าเข้าเมือง ยังไม่ทราบจุดหมายแน่ชัด”
“ไม่เป็นไร ผมแกะรอยจากจีพีเอสได้ เดี๋ยวเจอกัน”
ยอดวางโทรศัพท์แล้วหันมาหาชลดา และยูกิ
“คุณสองคน อยู่แสตนด์บายที่นี่นะ ถ้ามีเรื่องฉุกเฉินจะได้ติดต่อพวกเราได้ทัน”
“ได้ค่ะ พวกคุณรีบไปเถอะ ตอนนี้รถของคุณเดี่ยวอยู่แถวถนนวงแหวนรอบนอก บริเวณนี้ค่ะชี้ไปที่แผนที่บนจอคอมพิวเตอร์”
ยูกิชี้ที่แผนที่ กริ่งและเทอดมอง
“คุณรู้จักแถวนี้มั๊ยคุณเทอด” กริ่งถาม
“ไม่เกินห้านาที ผมรู้ทางลัด”
ยอด กริ่ง เทอด รีบออกไป
+ + + + + + + + + + + +
เดี่ยวกำลังแล่นมาตามถนน นาตาชายิ้มพอใจที่พวกเสาร์ห้า ตกอยู่ในคำสั่งของเธออย่างง่ายดาย
“ภาระกิจแรกที่ฉันจะให้พวกคุณทำคือคุณกระแต คุณบุษกร รายงานความเคลื่อนไหวของพวกเสาร์ห้าให้ฉันทราบ เข้าใจมั๊ย”
“ได้ค่ะ”
กระแต กับบุษกรรับคำ นาตาชาบอกกับดอน และเดี่ยว
“ส่วนคุณสองคน ศึกษาแผนที่เส้นทางป่าสุสานช้างให้ละเอียด ถ้าฉันสั่งเมื่อไหร่ พวกคุณมีหน้าที่นำทางและพาฉันและอาจารย์ซัมดองเข้าป่า ไปหาพ่อ แล้วก็พี่ชายของฉัน”
“ได้ครับ นาตาชา”
ดอนและเดี่ยวรับคำ ดอนหันไปสังเกตเห็นรถของเจนนี่ที่งขับตามมา
“คุณเดี่ยว”
“ว่าไง”
“มีรถ ตามเรามา”
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เดี่ยวหักเลี้ยวหนีเข้าซอย ขณะที่เจนนี่ขับตาม นาตาชามองไปที่รถ แล้วเริ่มรู้ว่าเจนนี่ เป็นคนขับ
“นั่นเจนนี่ ใช่มั๊ย จอดรถ แล้วทำทุกอย่างให้ปกติ อย่าให้เจนนี่สงสัย”
เดี่ยวชิดจอดข้างทาง ทำให้เจนนี่จอดตาม กระแต บุษกร และนาตาชา เดินลงจากรถไปหาเจนนี่ ทันที เจนนี่เปิดรถลงมา
“พวกคุณกำลังจะไปไหน” เจนนี่ถาม
“เราแค่ขับรถเล่น” กระแตบอก
“จะไปไหนมาไหน ทำไมไม่แจ้งยูกิตามที่ตกลงกันไว้”
“พอดีเรากลัวว่า จะถูกสะกดรอยจากสัญญาณโทรศัพท์” บุษกรบอก
“เรื่องนี้ฉันผิดเอง” นาตาชาออกตัวแทนทั้งสองคน
พวกผู้หญิงยืนคุยกันอยู่ข้างทาง ขณะที่ดอนและเดี่ยวอยู่ในรถ
+ + + + + + + + + + +
ดอน และเดี่ยว ซึ่งนั่งอยู่ในรถหันมามองหน้ากัน สายตาของทั้งคู่พยายามจะสำรวจว่า อีกฝ่ายตกอยู่ในอำนาจเวทย์มนต์หรือไม่
“เดี่ยว...นาย...”
“ฉันเอง...ดอน...ฉันยังเหมือนเดิม นายล่ะ”
ดอนพยักหน้า
“ฉันก็ยังเหมือนเดิม อำนาจพุทธคุณช่วยคุ้มครองเรา สองคนไม่ให้ถูกครอบงำ จากมนต์ดำของซัมดอง”
“ถ้างั้นบุษกร กับกระแต...”
“สองรายนั่นคงจะกลายเป็นพวกมันไปแล้วจริงๆ แต่เมื่อกี้ตอนที่นาตาชาให้นายยิงบุษกร นายกล้าทำได้ยังไง”
“โชคดีที่ฉันชินกับน้ำหนักปืน เลยรู้ว่าปืนกระบอกนั้นไม่ได้บรรจุกระสุน”
“แต่ยังไงมันก็เสี่ยงเกินไป”
เดี่ยวถอนใจ
“ผมมันบ้าไปหน่อย”
“ไม่หน่อยละ นายมันบ้าเกินพิกัด”
“โทษที...ต่อไปนี้เราสองคนคงต้องทำตามที่มันสั่ง อย่าให้พวกมันจับได้ แล้วค่อยหาทางช่วย บุษกรกับกระแตให้พ้นจากมนต์ดำทีหลัง”
ดอนพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งคู่เปิดประตูลงจากรถ
+ + + + + + + + +
ที่ถนนอีกด้าน รถของดร.วิทยาวิทยาจอดอยู่ ในรถฮวงและ ลูกน้องกลุ่มของเจ้าพ่ออินทร์ กำลังมองออกไปที่ดอน เดี่ยว กำลังเดินเข้ามาหา กระแต บุษกร นาตาชา และเจนนี่
ดร.วิทยาหันมาทางฮวง
“รอจังหวะให้ดี ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ จับตัวนาตาชามาให้ได้ รถจะไปรอที่จุดนัด”
“ครับนาย”
ฮวงและพวก พากันลงรถ แล้วซุ่มรอจังหวะตามแผนการณ์ ขณะเดียวกัน ดอน เดี่ยว เข้ามาสมทบกับผู้หญิง
“ขอโทษนะเจนนี่ เรื่องนี้ผมผิดเอง เอาเป็นว่าผมจะไปขอโทษยูกิเองก็แล้วกัน” ดอนบอก
เจนนี่ถอนใจ
“โอเค ทีหลังก็อย่าทำอย่างนี้อีก”
“กลับกันเถอะ มีอะไรไปเคลียร์ที่เซฟเฮาส์”เดี่ยวชวน
ทุกคนพากันแยกย้ายกลับรถ ขณะที่เจนนี่รู้สึกแปลกใจที่ท่าทางของเพื่อนๆ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น นาตาชาเดินรั้งท้าย หันมาสบตากับเจนนี่แล้วยิ้ม
“มีอะไรหรือคะคุณเจนนี่”
“เปล่า...”
นาตาชายิ้มเยาะแล้วหันเดินตามคนอื่น ทันใดนั้นกลุ่มของฮวง โผล่เข้ามาจู่โจม จับตัวนาตาชา
นาตาชาดิ้นรน แล้วต่อสู้ เจนนี่ ดอน เดี่ยว บุษกร กระแต จะเข้ามาช่วย แต่โดนฮวงและพวก ยิงสกัดไว้ ฮวงและพวกจับตัวนาตาชาได้ แล้วเอาปืนจี้ไว้ ลูกน้องคนอื่นๆ ต่างก็ยิงสกัดพวกเสาร์ห้า และเปิดฉากยิงต่อสู้กัน สมุนฮวงตายไป 2 คน
ขณะเดียวกันรถของ ดร.วิทยาแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว ฮวงรีบลากนาตาชาเข้าไปในรถ ลูกน้องคนอื่นๆ ต่างก็กระจายกำลังยิงคุ้มกันเพื่อเปิดทางให้รถแล่นออกไป รถของยอด เทอด กริ่ง แล่นเข้ามา
“พี่เดี่ยวว่าไง” ยอดตะโกนถาม
“คุณยอด ตามรถคันนั้นไปเร็ว มันจับนาตาชาไปแล้ว”
เดี่ยวแยกไปขับรถ โดยที่กระแต บุษกรนั่งไปด้วย ดอน แยกไปที่รถเจนนี่แล้วตามไป
+ + + + + + + + + + +
รถ ดร.วิทยาแล่นนำหน้า ขณะที่รถของยอด เทอด กริ่งแล่นประกบ ตามด้วยรถของเดี่ยว กระแต บุษกร และรถของ ดอน เจนนี่
ในรถของดร.วิทยา นาตาชาถูกจับมัดเอาไว้
“แกนี่เอง ไอ้วิทยา ไอ้คนทรยศ”
ดร. วิทยาตบหน้านาตาชาฉาด
“ปากดีนัก”
“จับฉันมาทำไม แกต้องการอะไร”
“ฉันต้องการสิ่งที่พ่อแกกำลังตามหาอยู่”
“นี่แก...”
“เป้าหมายของพ่อแก ฉันรู้ทุกอย่าง แต่ฉันจะต้องทำสำเร็จก่อนพ่อแก”
“ไอ้นรก! ไอ้คนทรยศ”
ดร.วิทยาสั่งทันที
“มัดปากมัน”
ฮวง และพวกช่วยกันเอาผ้ามามัดปากนาตาชา
“เจ้านายครับ มีรถตามมา” คนขับบอก
ดร.วิทยา หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา
“ทุกอย่างเป็นไปตามแผน แต่ตอนนี้มีรถตามมา ช่วยสกัดให้ด้วย”
“รับทราบ” ลูกน้องตอบกลับมา
ดร.วิทยายิ้มพอใจ
+ + + + + + + + + + +
รถของ ดร.วิทยาแล่นผ่านไป แล้วสักครู่ ก็มีระเบิดตูมสกัดรถที่ตามมาทุกคันเอาไว้ ทำให้ รถของยอด เดี่ยว และดอน เบรคกระทันหัน
กลุ่มลูกน้อง เจ้าพ่ออินทร์ และเสือสนธิ์ โผล่จากข้างทาง เข้ามายิงใส่ เสาร์ห้าทุกคนพากันลงจากรถ แล้ววิ่งเข้าหาที่กำบัง แล้วยิงต่อสู้กัน
มุมหนึ่ง ยอด เทอด กริ่ง ซุ่มยิงต่อสู้อยู่ที่มุมหนึ่ง ดอน เดี่ยว และเจนนี่อยู่อีกมุม ขณะที่ กระแต บุษกร แยกตัวซุ่มอยู่ แต่ไม่ยิงโต้ตอบอย่างที่เคย เจนนี่หันไปมอง แล้วรู้สึกผิดสังเกตจึงเข้าไปหา
“กระแต บุษกร ทำไมคุณไม่ยิงโต้ตอบพวกมัน พวกคุณเป็นอะไรไป”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
เจนนี่งง
“แน่ใจนะ”
“เธอต้องการอะไรเจนนี่”บุษกรย้อนถาม
“ฉันก็แค่เป็นห่วง”
“เป็นห่วงตัวเองก่อนดีกว่า”
กระแตยกปืนหันมาที่เจนนี่ ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม เจนนี่ตกใจคาดไม่ถึง
“นี่มันอะไรกัน”
“ถ้าฉันทำปืนลั่น ทุกคนก็คงเข้าใจว่าเธอถูกฝ่ายนั้นยิง”
เจนนี่หันมามองหน้ากระแต และบุษกร เห็นสายตาทั้งคู่เอาจริง กระแตค่อยๆ เอานิ้วเข้าไปในไกปืน ทำท่าจะยิง แต่แล้วก็หัวเราะ
“ใครจะยิงเธอลงล่ะเจนนี่”
กระแตและบุษกรหัวเราะขบขัน ขณะที่เจนนี่รู้สึกหวาดหวั่น ไม่ขำด้วย เพราะไม่เชื่อว่านี่คือตัวตนของ กระแตและบุษกร
+ + + + + + + + + + + +
กลุ่มลูกน้องของเจ้าพ่ออินทร์ และเสือสนธิ์ยิงระเบิดเข้าใส่กลุ่มเสาร์ห้า แล้วจากนั้นก็พากันขึ้นรถหนีไป
กลุ่มเสาร์ห้า พากันหลบระเบิด เมื่อควันจางลง รถของฝ่ายตรงข้ามขับออกไปไกลแล้ว
“ผมรู้สึกคุ้นหน้า พวกที่ออกมาสกัดเรา” เทอดพยายามคิด
“ลูกน้องเจ้าพ่ออินทร์ กับเสือสนธิ์” กริ่งบอก
“ไม่น่าเป็นไปได้ เจ้าพ่ออินทร์กับเสือสนธิ์ อยู่ฝ่ายเรานี่นา” ยอดแปลกใจ
“อย่าลืมว่า คนที่จับตัวนาตาชาไปก็คือ ดร.วิทยา” เดี่ยวออกความเห็น
“ถ้างั้นเรื่องนี้พวกเราคงจะพอสืบได้ ว่าทำไมเจ้าพ่ออินทร์และเสือสนธิ์ ถึงเข้ามาเป็นแนวร่วมกับ ดร.วิทยา” ดอนมั่นใจ
กระแต บุษกร เดินมาหาท่าทางปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตามด้วยเจนนี่
“เรื่องสืบสวนแบบนี้ เจนนี่ช่วยเราได้เสมอ” กระแตเสนอ
บุษกรหันไปบอกเจนนี่
“เราจะช่วยเธออีกแรงนะเจนนี่”
เจนนี่งงงกับท่าทางของทั้งสองคน...
+ + + + + + + + + + + +
ในเซฟเฮาส์...
เจนนี่รู้สึกว่าบุษกร กับกระแตดูแปลกๆไป จึงสังเกตอากับกิริยาของทั้งคู่ กระแต และบุษกร ช่วยกันค้นข้อมุลจากคอมพิวเตอร์กันเงียบๆ
เจนนี่นั่งห่างออกไป กำลังจับตามองพฤติกรรมของ กระแตและบุษกร ยูกิ และชลดา เดินเข้ามานั่งข้างๆเจนนี่
“เป็นอะไรเจนนี่ ทำท่าเหมือนมีเรื่องอะไรงั้นแหละ” ชลดาถาม
“มีบางอย่างที่ผิดปกติ”
“อะไรเหรอ”
“นั่นไง”
เจนนี่พยักหน้าไปที่กระแต แ ละบุษกร ยูกิและชลดาหันไปมอง แล้วไม่รู้สึกอะไร
“เธอหมายถึงกระแต กับบุษกรงั้นเหรอ”
เจนนี่พยักหน้ารับ...
“ใช่...สองคนนั่น ไม่เหมือนเดิม”
“ไม่เหมือนยังไง” ยูกิถาม
ชลดาหันไปมองอีก
“นั่นซิ ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกตินี่”
“เราอธิบายไม่ถูก รู้สึกแต่เพียงว่าสองคนนั้น ไม่เหมือนเดิม”
“แล้วคุณดอน คุณเดี่ยวล่ะ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” ยูกิซัก
เจนนี่นิ่งคิด ไม่แน่ใจ
“ไม่รู้ซิ สองคนนั่น ตอนแรกก็ดูแปลกๆ แต่หลังจากนั้นก็...”
ขณะเดียวกัน ยอด เทอด กริ่ง พากันยกอาหารเข้ามาจากครัว
“มาแว้วๆ สุดยอดของความอร่อยจากพ่อครัวหัวป่า”
“รับรองอร่อยทุกอย่าง เทอดชวนชิมครับผม”
“ตราสามพ่อครัว ไม่อร่อยไม่เอาตังค์” กริ่งบรรยาย
“ขอหอมแก้ม ซักฟอดใหญ่ๆก็พอ” ยอดเสริม
กระแต และบุษกร ละจากคอมพิวเตอร์เข้าไปช่วยสามหนุ่มจัดอาหาร เจนนี่ ชลดา ยูกิจับตามอง
“ดูๆ ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลยนี่เจนนี่” ยูกิหันมามอง
ชลดาพยักหน้าเห็นด้วย
“นั่นซิ เธอคิดมากไปมั้ง”
“แต่ว่า...”
ยูกิตัดบท
“มาเร็ว ไปช่วยหนุ่มๆ จัดอาหารกันดีกว่า”
ชลดา ยูกิ แยกตัวไปช่วย กระแต บุษกร จัดอาหาร เจนนี่นั่งมองนิ่งสายตาเต็มไปด้วยความสงสัย
+ + + + + + + + + + + +
ในครัว...
ดอน กับเดี่ยว ช่วยกันอุ่นอาหารสำเร็จรูปที่ซื้อมา ดอนหันไปมองที่ห้องรับแขก เห็นสายตาของเจนนี่ กำลังเต็มไปด้วยความสงสัย เขาจึงหันมาทางเดี่ยว
“ฉันรู้สึกว่าเจนนี่น่าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่ศาลเจ้าแล้วนะ”
“ถ้าเราบอกเธอเรื่องของเราที่ไม่ได้ถูกครอบงำ แผนการของเราอาจจะล้มเหลว ผมว่าเราน่าจะปล่อยให้เจนนี่สงสัยอย่างนี้ไปก่อนดีกว่า”เดี่ยสออกความเห็น
“โอเค...ตกลงตามนั้น”
เดี่ยวยกจานสปาเก็ตตี้นออกไป ขณะที่ดอนยังคงเตรียมอาหารอยู่ สักครู่เจนนี่ก็เดินเข้ามา เจนนี่ยืนมองดอน เพื่อสำรวจหาความผิดปกติ
“คุณดอน”
“ว่าไงครับ”
“พวกคุณไปทำอะไรกันที่ศาลเจ้า”
“เปล่า”
“แต่ฉันเห็น”
“เห็นอะไร”
“พวกคุณทุกคนเหมือนถูกครอบงำ”
“คุณตาฝาดไปหรือเปล่า...เจนนี่”
“แต่ว่าฉันเห็น...”
ดอนยกถาดอาหารขึ้นมา
“สิ่งที่คุณเห็น มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดหรอกเจนนี่...อย่าคิดมากน่า”
ดอนเดินยกถาดอาหารออกไป ปล่อยให้เจนนี่รู้สึกขุ่นในใจ
+ + + + + + + + + + + +
ภายในบ้านเสือสนธิ์ในป่า...
นาตาชาถูกจับมัดเอาไว้กับเก้าอี้ มีผ้าปิดปาก โดยมีดร.วิทยายืนมอง ฮวงเข้าไปค้นตัวเพื่อหาทับทิมสยามแต่ไม่เจอ พบแต่โทรศัพท์มือถือ และปืนที่ซ่อนเอาไว้
“ไม่มีครับดร.”
“เอาผ้าออก”
ฮวง แกะผ้าปิดปากออกมา
“ทับทิมสยามอยู่ไหน” ดร.วืทยาถาม
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
“จะบอกดีๆ หรือต้องให้บังคับ”
“คนอย่างแก มันไม่คู่ควรกับทับทิมสยามหรอก…”
นาตาชา ถ่มน้ำลายใส่ ดร.วิทยาโกรธเงื้อมือจะตบ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของนาตาชาก็ดังขึ้น ดร.วิทยาหันไปมอง เห็นเป็นชื่อของสตีเฟ่น โทรเข้ามาจึงยกโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
“ฮัลโหล นาตาชา”
“ไง สตีเฟ่น”
“แกเป็นใคร”สตีเฟ่นถามอย่างตกใจ
“จำไม่เหรอ ดร.วิทยา เกิดประกายไงล่ะ”
“แล้วนาตาชาล่ะ แกทำอะไรกับน้องสาวฉัน”
“น้องแกปลอดภัยดีตอนนี้ แต่พรุ่งนี้ไม่แน่”
“แกต้องการอะไร”
“ทับทิมสยามสีชมพู”
“ทับทิมไม่ได้อยู่กับนาตาชา เวลานี้มันอยู่ที่ฉัน..ปล่อยน้องสาวฉัน..เดี๋ยวนี้”สตีเฟ่นหาทางต่อรอง
“ฉันจะปล่อย ก็ต่อเมื่อแกเอาทับทิมสีชมพูมาแลกเปลี่ยนเท่านั้น”
“แต่ฉันออกไปไม่ได้ ตอนนี้พวกฉันอยู่ในป่าสุสานช้าง”
“ป่าสุสานช้าง”
สตีเฟ่นอึกอัก ครุ่นคิดชั่วครู่ แล้วบอกไป...
“พวกฉันกำลังมาค้นหาทับทิมสยามสีม่วง เราเชื่อว่ามันต้องอยู่บริเวณนี้แน่นอน”
“ทับทิมสยามสีม่วงอยู่ที่นั่นงั้นเหรอ”
“ใช่ ถ้าแกเอาตัวนาตาชามาที่นี่ แกจะได้ทับทิมสยามทั้งสองก้อน เป็นของแลกเปลี่ยน”
“แล้วฉันจะเชื่อได้ยังไงว่าแกไม่หลอกฉัน”
ดร.ฟอร์ด ดึงโทรศัพท์จากสตีเฟ่นมาพูดต่อ
“คนอย่าง ดร.ฟอร์ด ไม่เคยโกหก หวังว่าแกคงจำฉันได้นะดร.วิทยา”
“ดร.ฟอร์ด”
“ขอบใจที่ยังจำฉันได้…มาซิ ถ้าแกอยากได้ทับทิมสยาม ก็เข้ามาหาฉันที่ป่าสุสานช้าง”
“ตกลงตามนั้น ดร.”
ดร.วิทยาวางสาย ดร.ฟอร์ดหันไปบอกสตีเฟ่น
“ฉันรู้ว่า ดร.วิทยา ต้องมาที่นี่แน่นอน...ฉันรู้นิสัยมัน”
ทางด้านดร.วิทยา วางโทรศัพท์แล้วหันมาหานาตาชา
“เราจะไปที่ป่าสุสานช้างด้วยกันนาตาชา”
“แกรู้เส้นทางลับเหรอ”
“เส้นทางลับ”
“ใช่ เส้นทางลับที่จะผ่านเขตภาพลวงตาเข้าไปในป่าสุสานช้าง”
“ก็เธอไงนาตาชา เธอนั่นแหละที่จะนำทางฉันไป”
“ไม่ใช่ฉัน...คนที่จะนำทางได้คือคุณเดี่ยว...คุณดอนพวกเสาร์ห้า...”
ดร.วิทยามองนาตาชาอย่างสนใจ ขณะที่นาตาชามีแผนไว้ในใจ
อ่านต่อวันพรุ่งนี้