ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 น.
กุหลาบซาตาน ตอนที่ 4
ตอนค่ำที่กรุงเทพฯ โชคนั่งอยู่ในรถที่เป๋งขับ โชคคุยโทรศัพท์กับชัชแล้วอุทานอย่างแปลกใจ
“อะไรนะ! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย”
ชัชคุยโทรศัพท์โดยมีโรสอยู่ใกล้ๆ
“ผมก็ไม่อยากจะเชื่อ ว่าคนร้ายจะรอดตายไปได้”
“ไม่ใช่! ฉันไม่อยากเชื่อ ว่าแกจะหิ้วยัยหมอดูนั่นไปสวิสด้วย นี่ท่าทางจะติดใจเค้ามากสิท่า”
ชัชเหลือบมองโรสอย่างเกรงใจ แล้วเดินหนีไป กลัวโรสได้ยิน
“พี่พูดอะไรอย่างงั้น”
“หรือไม่จริง เค้าพูดอะไร แกก็เชื่อ ถามจริงเหอะวะ ลีลาเด็ดมากเลยเหรอยัยโรสอะไรเนี่ย...” โชค ชะงัก “ชะลอทำไมวะ เป๋ง”
เป๋งชะลอรถ เข้าด่านตรวจ
“มีด่านตรวจครับ”
“ตรวจหาเตี่ยมันหรือไง โจรที่ไหนมันจะมาเข้าแถวให้ตรวจ...” โชคบ่นแล้วคุยกับชัชต่อ “เออๆ ยังฟังอยู่...ตกลงว่าเด็ดหรือไม่เด็ด”
ชัชชักฉุน พยายามพูดน้ำเสียงจริงจัง
“พี่โชค ผมโทรมาเตือนพี่เพราะเป็นห่วงนะ โรสเค้าเห็นว่ามือปืนมันยังไม่ตาย มันกำลังจะไปหาพี่”
“ก็ให้มันมา ฉันไม่กลัวหรอก ไอ้พวกนี้มันก็เหมือนฝูงหมาเล่นงานจ่าฝูงได้ ที่เหลือก็วิ่งหางจุกตูดไปเอง”
โชคบอกด้วยแววตาร้ายๆ รถผ่านด่านตรวจออกไป โชควางสาย หันกลับไปมองด่านตรวจอีกที เห็นรถทุกคันชะลอเข้าด่าน โชคยิ้มร้ายๆ
ที่สวิสเซอร์แลนด์โรสกับชัชนั่งรถลงมาด้วยกันจากโบสถ์ ชัชมีสีหน้าครุ่นคิด
“คุณแน่ใจเหรอ โรส ว่ามือปืนมันกลับเมืองไทยไปแล้วจริงๆ”
“ค่ะ เป้าหมายของมันอยู่ที่คุณโชค ไม่ใช่ชินภัทร”
ชัชพยักหน้ารับรู้ แล้วนิ่งคิดอะไรไป โรสแอบเหลือบมองชัช หยั่งเชิง
“คุณต้องเชื่อฉันนะคุณชัช คุณต้องกลับไปเมืองไทยซะ กงพัดจะได้หลบซ่อนตัวอย่างปลอดภัย... จนกว่าเขาจะพร้อมที่จะลงมืออีกครั้ง”
โรสภาวนาอยู่ในใจ
เช้ามืดวันรุ่งขึ้นที่ชาเลต์หลังเล็กโดดเดี่ยวกลางหุบเขา ในแสงสลัวๆ ของเวลาเช้ามืด ดูลึกลับน่ากลัว กงพัดกำลังเปิดประตูตู้เก็บของทุกใบ เปิดลิ้นชักทุกชั้น เปิดสมุดภาพ เปิดกล่องใส่จดหมาย ดูทุกซอกทุกมุมในบ้านอย่างตั้งใจ เหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง ไฟสว่างพรึ่บ กงพัดสะดุ้ง เห็นวีณายืนอยู่ที่ประตูห้องในชุดนอน ในมือมีปืน
“คุณ”
กงพัดหันไปมองอย่างตกใจ วีณามองสภาพห้องแล้วแปลกใจ
“คุณทำอะไรของคุณเนี่ย อย่าบอกนะ ว่าคิดจะขโมยของ”
“เปล่า...” กงพัดมีสีหน้าลำบากใจ “ผมแค่พยายามจะหาอะไรซักอย่าง ที่จะทำให้ผมนึกได้ ว่าตัวผมเองเป็นใคร”
“อะไรนะ” วีณางง
“คุณฟังไม่ผิดหรอก ผมนึกอยู่ทั้งวัน ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าผมเป็นใครมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับผม”
วีณามองกงพัด สีหน้างงสุดๆ
วีณารินกาแฟให้กงพัด ที่นั่งหน้าเครียดอยู่ เล่าเรื่องที่เธอพอจะรู้ให้เขาฟังไปด้วย
“...คุณมาจากที่ไหนซักแห่ง ตอนที่ฉันเจอคุณครั้งแรก...แล้วอีกที คุณก็มาโผล่ที่หลังรถกระบะของฉัน คุณโดนยิงมา บาดเจ็บมาก คุณขอให้ฉันช่วย”
“แล้วทำไมคุณพาผมมาที่นี่”
“คุณเอง ที่ไม่ยอมให้ฉันพาคุณไปโรงพยาบาล บอกว่าตัวเองมีอันตราย...ฉันว่าคุณน่าจะโดนคนไล่ยิงมา”
กงพัดนึก ปวดหัวตุบๆ
“ผมจำอะไรไม่ได้เลย...แล้วผมชื่ออะไร คุณรู้ไหม”
“ไม่ค่ะ คุณไม่เคยบอกฉัน...”
“แล้วคุณล่ะครับ ชื่ออะไร”
“วีณาค่ะ เรียกวีเฉยๆ ก็ได้”
“ผมโดนยิงตั้งหลายนัด ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ ตำรวจอาจจะรู้เรื่องนี้”
“จริงสิ วันก่อนฉันได้ข่าวว่ามีการยิงกันที่ปราสาทชิลอง คุณอาจจะโดนคนร้ายยิงมาจากที่นั่นก็ได้”
กงพัดคิดนิดนึงแล้วสังหรณ์ใจวูบ
“หรือไม่...ผมอาจจะเป็นคนร้ายซะเอง”
กงพัดมองหน้าวีณาพูดอย่างจริงใจ วีณาถึงกับอึ้ง
หลังจากกินกาแฟเสร็จวีณาเปิดประตูรถ ขึ้นไปนั่งที่คนขับ
“คุณยังไม่หายดี ให้ฉันขับรถไปส่งคุณดีกว่า...” วีณาหันถามกงพัดที่ขึ้นมานั่งข้างๆ “ว่าแต่จะไปไหนคะ”
“คุณส่งผมที่ไหนก็ได้”
“คุณจำตัวเองยังไม่ได้ แล้วคุณจะรีบไปทำไม”
“ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ ผมกลัว ถ้าหากผมเป็นคนร้าย ผมอาจจะทำให้คุณเดือดร้อน”
วีณามองกงพัดอย่างซึ้งใจ แล้วออกรถ รถขยับไปได้นิดนึง รถก็ดับ
“ให้มันได้หยั่งงี้สิน่ะ” กงพัดลงไปเปิดกระโปรงรถ วีณาเดินตามลงไป “คุณจำวิธีซ่อมรถได้เหรอคะ”
กงพัดยิ้ม
“คิดว่านะ”
“รถคันนี้อายุหลายปีแล้ว ป่วยประจำ ช่างเค้าบอกว่าต้องเปลี่ยนอะไรมั่งก็ไม่รู้ ฉันฟังไม่รู้เรื่อง ก็เลยยังไม่ได้ทำ” วีณาบ่นไปเรื่อย กงพัดก้มหน้าก้มตาซ่อม ดูคล่องมากวีณาจึงนึกอะไรได้ “เอางี้ไหม คุณ ไหนๆ คุณก็ไม่มีที่ไป คุณอยู่ซ่อมรถให้ฉันก่อนได้ไหมเสร็จแล้วค่อยไป”
กงพัดมองวีณา รู้สึกอบอุ่นในใจ ไม่อยากจากเธอไปเหมือนกัน
เวลาผ่านไป...กงพัดถอดเสื้อตัวนอก ซ่อมรถอย่างเอาจริงเอาจังวีณาแอบมองกงพัดจากหน้าต่างในบ้าน
“คุณไม่ใช่คนร้ายหรอก ฉันดูออก คุณไม่มีทางเป็นคนร้ายไปได้...คุณเป็นคนดี”
วัณาพึมพำออกมาอย่างมั่ทนใจ
ส่วนโรส เมื่ออยู่คนเดียวเธอพยายามกดโทรศัพท์หาใครบางคน แต่ไม่สำเร็จ
“ทำไมไม่มีสัญญานนะ...”
โรสบ่นเบาๆ ด้วยหน้าตาเป็นกังวล ชัชเดินมา โรสรีบหยุดโทร
“สงสัยเราคงต้องรอซักพักนะครับ ชินยังติดเรียนอยู่...” ชัชชวนคุย ไม่ได้สงสัย “โทรหาใครครับ โรส เห็นทำหน้ามุ่ย”
“เรื่องงานน่ะค่ะ”
“จริงสิ ผมคงทำให้คุณเสียงานแน่เลย คุณต้องมาวุ่นวายกับเรื่องบ้าบอนี่ตั้งหลายวัน”
“ฉันเต็มใจค่ะ ชัช” โรสบอกเสียงอ่อนโยนแล้วมองชัชด้วยแววตาลึกซึ้ง “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฉันต้องทำ
ไม่อย่างนั้น มันจะหลอกหลอนฉันไปตลอดชีวิต ...ฉันจะอยู่ช่วยคุณค่ะ”
โรสยิ้ม ชัชยิ้มตอบอย่างเป็นปลื้ม
ทางด้านชินภัทรกับเพื่อนๆ ขณะนั้นอยู่ในชุดทำครัวยืนจับกลุ่มกันกลางห้อง อาจารย์อธิบาย
“Today we will make fresh pasta. You pair up.Now!”
นักเรียนจับคู่กันอย่างรวดเร็ว ไปรมาเดินไปหาเด็กนักเรียนคนหนึ่ง แต่เขาหันไปจับกับเพื่อนอีกคนเสียก่อนพีชญาจะเข้าไปหาชินภัทร แต่ภูษณะเดินมาขวาง ทำหน้ากวนใส่ เสียงอาจารย์ปรบมือให้สัญญาน เหลือชินภัทรกับไปรมายืนคว้างอยู่
“You and you, together.”
อาจารย์บอกชินภัทกรกับไปรมา ชินภัทรเดินมายืนข้างไปรมา ไปรมาทำหน้าไม่เต็มใจ
“I give you one hour to finish it.” อาจารย์มองนาฬิกา “Start now!”
อาจารย์เดินออกไป ทุกคนเริ่มต้นทำเส้นพาสต้า ไปรมาหยิบถ้วยตวงมา ชินภัทรจะหยิบถุงแป้งให้ แต่มือไปรมาชิงคว้าไปก่อน ชินภัทรจึงเก้อ ไปรมาตวงแป้ง เทแป้งกองบนโต๊ะ ชินภัทรจะหยิบไข่ แต่มือไปรมาก็ดึงถาดไข่ไปก่อน
“ไป๋” ไปรมาเงยหน้าขึ้นมามองชินภัทร หน้านิ่งๆ “จะทำคนเดียวหรือไง”
ไปรมาไม่พูดอะไรหลบให้แล้วผายมือ
“เชิญ”
“ครูบอกให้ทำด้วยกัน” ไปรมากอดอก ทำเชิด “ถ้าเธอไม่เต็มใจ เราไปทำกับคนอื่นก็ได้”
พีชญาได้ยิน ตะโกนมา
“ดีเลย ชิน ขืนเราทำคู่กับภูษณะเราสอบตกแน่” ภูษณะเอาปลายนิ้วหยิบแป้งสาลี ดีดใส่หน้าพีชญา “โอ้ยไอ้บ้า...” ภูษณะฉวยโอกาส ตอนพีชญาอ้าปากด่า ดีดแป้งใส่อีก แป้งเข้าปากพอดี “แหวะ อี๋”
พีชญาจะตีภูษณะ ไปรมาเดินมาขวางไว้พอดี
“พีชไปเถอะ เราคู่ภูเองก็ได้”
พีชญาเดินไป ภูษณะทำหน้ายี้ใส่พีชญา
“ไปเลยไป ยัยพีชเน่า”
ไปรมาตวงแป้งทำพาสต้าใหม่ ชินภัทรมองไปรมา ไปรมามองชินภั้ทรแล้วทำหน้าไม่สนใจ
ชัชมารอพบชินภัทรที่ห้องโถงของโรงเรียน ชัชลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นชินภัทรเดินออกมา
“ชินออกมาแล้ว”
ชัชกับโรสรีบเดินเข้าไปหา
“อาชัช คุณโรส...มีอะไรเหรอครับ”
“อาแวะมาบอกแก ว่าเราจะกลับพรุ่งนี้เช้า... อยู่ทางนี้ ระวังตัวดีๆ ล่ะ”
“ตกลงเค้ายังไม่ตายจริงๆ ใช่ไหมครับ”
“ฉันเชื่ออย่างนั้นค่ะ แต่เค้าคงไม่กลับมาหาชินแน่ๆ ไม่ต้องกลัว” โรสบอก
“ยังไงก็อย่าประมาทก็แล้วกัน” ชัชบอกชินภัทรพยักหน้า “อาไปล่ะ”
ชัชกับโรสจะไป ชินภัทรเรียกไว้
“อาชัชครับ” ชินภัทรวิ่งไปหาชัช “ผมฝากพ่อด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องห่วง อาไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคนในครอบครัวของเราเป็นอันขาด...ไม่ว่าใครหน้าไหนทั้งนั้น”
ชัชบอกเสียงจริงจังแล้วตบบ่าหลานชายให้กำลังใจ โรสฟังชัชพูดแววตาใคร่ครวญลึกซึ้ง
คืนต่อมาที่ถนนซอยบ้านปฐวี ระหว่างนั้นปฐวีนั่งรถกลับมาและคุยกับดนัยที่นั่งติดกับคนขับ
“แล้วทางตำรวจที่สวิสเค้าสรุปว่ามันเป็นใคร”
“เท่าที่ผมเช็ค เค้ารู้ว่ามันชื่อกงพัด เป็นคนไทย เท่านั้นเองครับ”
ปฐวีพยักหน้ารับรู้ ใคร่ครวญ
“แล้วรู้ไหม ว่าใครเป็นคนจ้างหรือบงการ”
“สายของเราบอกว่า ทางโน้นไม่มีเบาะแสเลยครับ”
ปฐวียิ้มพอใจ มองออกไปที่ถนน แล้วนิ่วหน้า
“ใครมาตั้งด่านทำไมแถวนี้”
รถชะลอที่ด่าน ตำรวจยศจ่านายหนึ่งมาตะเบ๊ะข้างกระจก ดนัยกดกระจกลง
“ขอตรวจค้นหน่อยครับ”
“นี่รถท่าน ส.ส. ปฐวีนะ” ดนัยมองยศแล้วพูดอย่างดูถูก “จ่า”
“มีคำสั่งมาให้ตรวจค้นรถทุกคัน ผมต้องทำตามหน้าที่ครับ”
“นายลื้อชื่ออะไรวะ บอกชื่อมา เดี๋ยวอั๊วคุยเอง”
“ผมต้องทำตามหน้าที่จริงๆ ครับ ขอความร่วมมือด้วย”
ปฐวีรำคาญโบกมือสั่งดนัย
“เอาเถอะๆ ให้เค้าตรวจให้เสร็จๆ ไป เสียเวลา”
จ่ามองส่องๆ ในรถนิดนึงแล้วส่งเสียงเข้ม
“เปิดท้ายรถด้วยครับ”
ปฐวีพยักหน้าสั่งคนขับรถให้เปิดท้ายกรถจากด้านในจ่าเดินไปทางท้ายรถ เปิดกระโปรงด้านหลัง จ่าเปิดพรม ตำรวจอีกนายเอาระเบิดที่ซ่อนไว้ออกมา ซุกเอาไว้ใต้พรม เวลาที่ตั้งไว้ ระเบิดจะทำงานภายใน 20 วินาทีจ่าดึงพรมปิดทับ ปิดกระโปรงรถ แล้วเดินมาบอกปฐวี
“เรียบร้อยครับ ท่าน.. เชิญ”
คนขับออกรถ ปฐวีเหลือบมองไปด้านหลัง พูดเยาะๆ
“ไอ้จ่านี่มันวางท่าโอหังน่าดู เสียดายลืมถามชื่อ จะตามไปแจกรางวัลข้าราชการดีเด่นให้มันซักหน่อย”
“ผมว่ามันทำโชว์ท่านมากกว่า...ดูสิครับ พอรถท่านพ้นออกมา พวกมันเลิกด่านซะงั้น”
ปฐวีเหลือบไปมองตามที่ดนัยพูด เอะใจ เมื่อเห็นตำรวจพวกนั้นเก็บอุปกรณ์ตั้งด่านขึ้นรถเสร็จแล้ว
ปฐวีนึกได้ใจหายวับ
“จอดรถเดี๋ยวนี้ จอด”
ด้านหลังระเบิดเวลากำลังจะระเบิดภายใน 2 วินาที รถจอดเอี๊ยด ปฐวีเปิดประตูรถกลิ้งตัวลงไปข้างทางตามมาด้วยดนัย ทันใดนั้น รถทั้งคันก็ระเบิดตูม! ควันโขมง...ปฐวีก้มหัวหลบในพงหญ้า ท่อนแขนของคนขับรถกระเด็นตามมาตกตรงหน้า ไหม้เกรียม
เช้าวันต่อมาที่บ้านโชคเปิดเพลงเสียงดังสนั่นลั่นบ้าน โชคเตรียมตัวจะไปทำงาน ตักน้ำตาลสองช้อนพูนใส่กาแฟ บีบวิปครีมตามอย่างสะใจ ตรงหน้าคือชุดอาหารเช้าแบบอลังการ เป๋งบริการอยู่ใกล้ๆ ชัช
ปิดเครื่องเสียง เพลงเงียบไป
“มีความสุขเหลือเกินนะ พี่โชค” ชัชเดินเข้ามาโยนหนังสือพิมพ์ที่มีข่าวรถปฐวีระเบิดลงบนโต๊ะ “สะใจมากสิท่า”
“ไง ไอ้น้องรัก ...หน้าเหลืองกลับมาเลย ดูหมอหนักไปหน่อยรึไง เฮ้ย เป๋ง บอกในครัวเอาไข่ลวกมาให้คุณชัชโหลนึงดิ๊” โชคบอกอย่างอารมณ์ดี
“ครับ ไข่ลวกโหลนึงครับ”
เป๋งวิ่งออกไป โชคหัวเราะชอบใจ
“เออ แกว่าไอ้เป๋งมันโง่จริง หรือมันแกล้งประชดพี่วะ”
“พี่อย่ามาทำตลกกลบเกลื่อนดีกว่า คราวนี้ ไอ้ ส.ส.ปฐวีมันไม่ยอมอยู่เฉยแน่ มันต้องเอาคืน” ชัชบอกเสียงจริงจัง ไม่เล่นด้วย
“เอาก็เอากันซีวะ ฉันกลัวมันที่ไหน”
ชัชตบโต๊ะปัง ทนไม่ไหว
“พี่โชค! ชินไม่เหลือใครแล้วนะ ลูกพี่เหลือพี่อยู่คนเดียว พี่เป็นพ่อคนแล้วจะทำอะไรก็คิดถึงลูกบ้าง”โชคอึ้งไป “พี่จะเสี่ยงไม่ได้ ผมอยากให้พี่เจอโรส เค้าจะได้เตือนพี่ได้ว่าพี่ควรจะ...”
โชคยกมือห้าม
“โน! ไม่!”
โชคลุกจากโต๊ะ เดินหนีไปหน้าบ้าน ชัชเดินตาม
“พี่โชคฟังผมก่อน”
โชคเดินหนีเข้ารถ แล้วขับออกไป ชัชถึงกับเซ็ง
อ่านต่อหน้าที่ 2
กุหลาบซาตาน ตอนที่ 4 (ต่อ)
โชคมาที่โรงแรม พอเดินเข้ามาที่ล็อบบี้พนักงานยกมือไหว้กันเกรี้ยวกราว
“สวัสดีค่ะ คุณโชค”
“กลับมาทำงานแล้วเหรอครับ นาย”
โชคไม่ตอบเดินเข้าลิฟต์ไป กดชั้นสูงสุดที่มีป้ายติดบอกไว้ว่าเป็นชั้นออฟฟิศสำนักงาน พอถึงชั้นออฟฟิศโชคเดินเข้ามา เลขาฯ ยกมือไหว้
“ขอกาแฟให้ชั้นแก้ว” โชคบอกแล้วจะเข้าห้อง
“เอ่อ นายคะ คือ...”
“กาแฟสอง ครีมสอง น้ำตาลสอง อย่าบอกนะว่าแค่นี้จำไม่ได้”
“ไม่ใช่ค่ะ...มีแขกมารอพบนายค่ะ...”
โชคทำหน้าแปลกใจ
โชคเดินเข้ามาในห้องทำงานเห็นผู้หญิงสาวคนหนึ่งนั่งหันหลังอยู่
“เธอเป็นใคร”
โชคถามเสียงเข้มโรสลุกขึ้นยืน หันมามองโชค โชคตะลึงในความสวยของโรส
“สวัสดีค่ะ คุณโชค”
โชคยิ้ม เสียงเปลี่ยนทันที
“สวัสดีครับ เอ ไม่ทราบว่าเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า” โชคเดินเข้าไปมองรอบตัวโรส ยิ้มๆ “ผมว่าไม่เคยแน่ๆ เพราะสวยๆ อย่างนี้ เจอแค่ครั้งเดียว ผมก็จำได้”
“ดิฉันชื่อโรสค่ะ”
โชคถึงกับชะงัก
“โรส?”
“ค่ะ โรส ฮอลเลอร์ คุณชัชขอให้ฉันมาพบคุณ”
โชคชักสีหน้าทันที
“งั้นเหรอ...โทษทีนะ ไอ้ชัชน้องผมมันชอบเสือกไม่เข้าเรื่องแบบนี้เสมอ ผมบอกมันไปหลายหนแล้ว ว่าผมไม่เชื่อเรื่องหมอดู”
“ฉันไม่ใช่หมอดู...”
“เธอจะเป็นอะไรฉันไม่สน ออกไป!”
โชคบอกเสียงดัง โรสหน้าเสีย ชัชเปิดประตูเข้ามา
“ฟังโรสซักครั้งนะ พี่โชค ผมขอร้อง”
โชคนิ่งไม่ตอบ โรสยิ้มอ่อนโยนพยายามอธิบาย
“ฉันมองเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับคุณค่ะ...คุณกำลังถูกปองร้าย คนที่คุณเคยทำร้ายเค้าเอาไว้ในอดีต เค้ากำลังจะกลับมาแก้แค้น แล้วคุณ...”
โชคยกมือห้าม โรสชะงัก
“โทษที คุณ ผมไม่มีเวลาฟัง แล้วที่สำคัญไม่เชื่อว่ะ”
โชคเดินหนีออกไป ชัชเข้าไปคว้าแขนไว้
“เดี๋ยว พี่โชค”
“ปล่อยฉัน”
โรสตัดสินใจตะโกนขึ้นมาดังๆ
“ฉันเห็น ว่าภรรยาของคุณตายเพราะอะไร” โชคชะงัก หันขวับไปมองโรส โรสพูดต่อ เสียงสั่น กล้าๆ กลัวๆ “ฉันเห็นเหตุการณ์บนเรือวันนั้นค่ะ” โรสมองโชคอย่างมีนัยยะ “ฉันรู้ ว่าเธอตายเพราะอะไร”
โชคหน้าตาโกรธจัด สะบัดหลุดจากชัช เดินเข้ามากระชากแขนโรส ลากออกจากห้องไป “โอ้ย”
โรสร้องเพราะเจ็บ
“พี่โชค หยุดนะ นั่นทำอะไรน่ะ”
โชคเอามือข้างที่ว่าง ผลักชัชกระเด็น แล้วลากโรสเข้าไปในห้องข้างๆ ปิดประตูปัง ชัชตามไปจะเปิดประตู แต่ปรากฏว่าล็อก ชัชทุบประตู
“พี่โชค เปิดนะ พี่จะทำอะไรโรส”
ภายในห้องร่างของโรสถูกเหวี่ยงลงไปที่โซฟา
“เธอพูดออกมาซิ เธอเห็นอะไร บอกมาซิ ว่าเธอเห็นอะไร” โชคตะคอกถาม โรสกลัวแต่ยังยืนยัน
“ฉันเห็นว่าตอนที่มือปืนยิงคุณ คุณดึงภรรยาคุณเข้ามาบัง เธอเลยโดนฉมวกแทงตาย...เธอตายเพราะคุณ คุณเป็นคนฆ่าคุณกานดา”
โชคตกใจมาก กระชากโรสเข้ามา
“เธอเคยพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังหรือเปล่า” โรสส่ายหน้า กลัวมาก “แน่นะ” โชคเอามือมือบีบคอโรส เค้นถาม “แล้วไอ้ชัชล่ะ เธอพูดเรื่องนี้ให้น้องฉันฟังหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ ฉันสาบานได้ ฉันไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร”
“ดี...เพราะถ้าหากเธอบังอาจพูดเรื่องนี้ให้ใครรู้ โดยเฉพาะไอ้ชัช เธอตายแน่” โชคบีบคอโรสอย่างแรงเป็นการขู่ “เข้าใจไหม ตายแน่ๆ”
ประตูเปิดผลัวะ ชัชไขกุญแจเข้ามาเห็นเข้าพอดี
“พี่โชค!” โชคละมือจากโรส โรสทรุดลงไปกองที่พื้น ชัชรีบเข้าไปประคองโรสขึ้นมา Wพี่ทำอะไรโรส ... มีเรื่องอะไรกัน”
ชัชถามโรส โชคจิกตามองโรส โรสไม่กล้าพูดกลัวจนตัวสั่นน้ำตาคลอ
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่โมโหลืมตัวไปหน่อย...” โชคกลบเกลื่อนด้วยการเดินเข้ามาตบแขนโรสหยอกๆ “ขอโทษทีนะ เธอไม่น่ามาแช่งฉันนี่นา”
“พี่โชค...โรสมาเตือนเพราะเป็นห่วงพี่”
โชคแกล้งฟอร์มโวยวายกลบเกลื่อน
“แต่ฉันไม่เชื่อ แกก็เหมือนกัน อย่าหลงผู้หญิงให้มันมากนัก สัมผัสพิเศษบ้าบออะไร เหลวไหลทั้งนั้น ฉันไม่เชื่อ แล้วก็ห้ามไม่ให้แกเชื่อด้วย”
โชคเดินปึงปังออกไป โรสน้ำตาร่วงด้วยความเสียใจ ชัชกอดปลอบโรสอย่างสงสาร
วันต่อมาไปรมาซึ่งอยู่ในชุดยูนิฟอร์ม ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ในรถไฟผ่านทิวทัศน์สวยงาม ไปรมาหน้าตากังวลหลังจากรู้เรื่องเกิดขึ้นกับพ่อ
“แล้วตอนนี้ที่บ้านเป็นยังไงมั่งคะ”
ไปรมาถามอย่างเป็นห่วง นงพงาอยู่ในบ้าน มองออกไปเห็นด้านนอก มีบอดี้การ์ดอยู่
“ดนัยเอาบอดี้การ์ดมาเฝ้าไว้รอบบ้านเลยจ้ะ แต่แม่ก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี เป็นห่วงคุณพ่อ เป็นห่วงหนู”
“ไป๋อยู่แต่ในโรงเรียน ไม่มีใครมาทำอะไรไป๋ได้หรอกค่ะ คุณแม่ไม่ต้องห่วง แล้วตำรวจจับคนวางระเบิดได้ไหมคะ”
“ไม่ได้จ้ะ แต่เห็นคุณพ่อว่าต่อให้จับได้ ก็สาวไปไม่ถึงคนบงการอยู่ดี”
“คนบงการ!”
“ตอนนี้คุณพ่อไม่มีศัตรูคนไหน นอกจากคุณโชค แต่ไป๋บอกชินภัทรได้ไหม ว่ามือปืนคนนั้น ไม่ใช่คนของคุณพ่อ เราไม่รู้จริงๆ นะลูก ว่าเค้าเป็นใคร”
นงพงาบอกด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
ระหว่างนั้นชินภัทร พีชญา ภูษณะอยู่ในชุดยูนิฟอร์ม นั่งอยู่ในรถไฟ ชินภัทรนั่งกับพีชญาส่วนภูษณะยืนชะเง้อชะแง้ดูวิว ไปรมาเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ว่าง แล้วร้องไห้ออกมา
“ไป๋เป็นไร ร้องไห้ทำไม”
ภูษณะถามเมื่อหันมาเห็นชินภัทรกับพีชญาหันขวับ รีบลุกมาดู
“มีอะไรเหรอ ไป๋”
ไปรมาเงยหน้ามองชินภัทร น้ำตาเต็มตา
“รถที่คุณพ่อนั่งโดนวางระเบิด” ชินภัทรตกใจ “โชคดีที่รอดมาได้ แต่คนขับรถโชคร้าย ตายคาที่” ไปรมามองชินภัทรอย่างตัดพ้อ “คงไม่ต้องบอกนะ ว่าฝีมือใคร”
“เธอคิดว่าพ่อเราเป็นคนทำใช่ไหม”
“ใครจะอยากฆ่าพ่อเรา นอกจากพ่อของเธอ”
“แล้วใครล่ะ ที่ส่งมือปืนมาลอบยิงพ่อเรา ฆ่าแม่เรา ใช่พ่อเธอหรือเปล่า”
“พ่อเราไม่เกี่ยว พ่อเราไม่เคยสั่งฆ่าใคร”
“พ่อเราก็ไม่เคยเหมือนกัน”
ทั้งสองมองกัน ต่างฝ่ายต่างเสียใจ พีชญากับภูษณะหันมาคุยกัน สลายความเครียด
“เสียดาย ถ้าเราจับตัวคนร้ายได้ ก็คงดีนะ จะได้รู้เรื่องกันไปซะที ว่าใครจ้างเค้ามา”
“มันโดนยิงตกทะเลสาบไปแล้ว จะไปงมขึ้นมาได้ยังไง โง่!” ภูษณะบอก
“ฉันถึงได้พูดว่า “ถ้า” ไง ถ้าๆๆๆ ได้ยินไหม โง่!”
พีชญากับภูฃษณะตั้งท่าจะตีกันอีก รถไฟถึงสถานีพอดี ไปรมาลุกเดินลงไปโดยไม่รอใคร ชินภัทร พีชญากับภูษณะลงตาม เก้าอี้ด้านหลังชินภัทรเห็นวีณานั่งอยู่มีถุงช้อปปิ้งในมือ ได้ยินหมดทุกอย่าง
วีณาเดินจ้ำอ้าวตามพวกชินภัทรไป
“เดี๋ยวจ้ะ รอก่อน รอด้วย” ทั้งสี่คนหันมาเห็นวีณา หน้าเจื่อนกันไป “จำพี่ได้ไหมจ๊ะ พี่วีณา เจ้าของร้านอาหารไง”
ทั้งหมดพยักหน้า ยิ้มเจื่อนๆ ไม่รู้ว่าวีณาตามมาทำไม
“พี่มีธุระอะไรกับพวกเราเหรอครับ” ชินภัทรถาม
“ถ้ามีอะไรแตกหักเสียหายล่ะก้อ ไอ้นี่เลยครับ พ่อมันรวย” ภูษณะชี้ไปที่ชินภัทร
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ฉันแค่อยากจะขอโทษพวกเธอ วันนั้นฉันดุไปหน่อยไม่ตั้งใจจะทำให้เธอกลัว”
ทุกคนมีหน้าตาโล่งใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ไม่ฟ้องทางโรงเรียน พวกหนูก็ขอบคุณมากแล้ว” พีชญาบอก
“ฉันอยากเชิญพวกเธอไปทานข้าวที่ร้าน ถือว่าเป็นการเลี้ยงปลอบขวัญ” วีณามองไปรมาที่ยืนห่างทุกคนออกมา “น้องด้วยนะจ๊ะ ตกลงไหม” ทั้งสี่คนมองหน้ากัน ไม่แน่ใจ “ฉันทำไก่ย่างส้มตำอร่อยมากนะ”
พีชญาสะกิดชินภัทร
“ไปเหอะๆ น้ำลายไหล”
ทั้งหมดตัดสินใจยอมรับคำเชิญของวีณา
ทั้งหมดมาตามวีณามาที่ร้านอาหาร ไก่ย่างจานใหญ่วางลงที่กลางโต๊ะ บนโต๊ะมีส้มตำและน้ำตก ข้าวเหนียว
“น่าทานมากเลยครับ” ชินภัทรบอก
“ก็ทานเลยสิจ๊ะ จะรออะไร” ทั้งสี่คนทานอาหาร วีณานั่งที่หัวโต๊ะ รอโอกาสถาม “ตอนที่อยู่บนรถไฟ ฉันได้ยินพวกเธอพูดกันเรื่องคนร้ายที่หายตัวไป...พวกเธอรู้จักเค้าด้วยเหรอจ๊ะ”
“เค้ามาจับตัวชินค่ะ แต่ได้ไอ้เบื๊อกนี่ไปแทน เค้าเห็นว่าหน้าตาทุเรศ เลยทิ้งเอาไว้” พีชญาบอก ภูษณะตบกระโหลกพีชญา
“ปากเสีย กินไก่ไป อย่าพูดมาก”
“พอดีคุณอาผมมาช่วยไว้ทันน่ะครับ แล้วเลยยิงคนร้ายตกทะเลสาบไป” ชินภัทรบอก
“เค้าเป็นใคร มาจากไหน พวกเธอรู้จักไหม”
“ไม่ทราบครับ รู้แต่ว่า เค้าเป็นคนไทย ชื่อกงพัด”
วีณาทวนคำอย่างสนใจมาก
“กงพัด...หน้าตาเป็นยังไงจ๊ะ”
“พวกเราไม่ได้เห็นหน้าเค้าค่ะ มีภูคนเดียวที่เห็น”
วีณาหันไปมองภูษณะอย่างตื่นเต้น ภูษณะทำหน้าภาคภูมิใจมาก
“ผมเห็นแว่บเดียว จมูกโด่ง ตาคมๆ ไว้ผมสกินเฮด ผมจำได้แค่นี้ ก่อนที่จะสลบไป ผมเล่าให้ตำรวจฟัง เค้าก็เลยสเก็ทช์ภาพไว้ นี่เลยครับ พี่วีณา” ภูษณะหยิบมือถือขึ้นมาอวดๆ “หน้าตามันเป็นแบบนี้”
ภูษณะเปิดไฟล์รูปสเก็ตของกงพัดที่ตำรวจทำจากคำบอกเล่าของตนให้วีณาดู หน้าตาไม่ถึงกับเหมือนมาก แค่มีเค้าแต่วีณาก็อึ้งไป
ที่ชาเลต์ หลังบ้านเป็นห้องเครื่องมือ มีอุปกรณ์ช่างอยู่จำนวนหนึ่ง กงพัดหยิบมีดเล่มใหญ่จากกล่องเครื่องมือ เอามาถือไว้ท่าทางน่ากลัว วีณาเพิ่งกลับมาจากร้าน เปิดประตูเข้ามา กงพัดหันไปพร้อมมีดในมือวีณาถึงกับชะงัก
“คุณ...” วีณามองมีด หน้าเสีย
“ผมจะตัดเทปพันสายไฟน่ะ ไม่กล้าใช้มีดดีๆ ในครัว กลัวจะพังหมด” กงพัดตัดไปพูดไป “ไฟข้างหลังบ้านมันเสียนะ ผมซ่อมรถเสร็จแล้วเลยซ่อมไฟให้ด้วย”
กงพัดยิ้มให้ วีณาจึงหายกลัว
“บ้านฉันก็เก่าพอๆ กับรถนั่นแหละค่ะ ไอ้โน่นก็เสีย ไอ้นี่ก็พัง แต่ช่างที่สวิสแพงมาก ฉันเลยยังไม่ได้ซ่อม”
“ผมซ่อมให้คุณเอง ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณที่คุณช่วยชีวิตผม ก่อนที่ผมจะไป”
วีณามองกงพัดอย่างซาบซึ้งใจ กงพัดยิ้มให้แล้วเดินออกไป เพื่อทำงานต่อ วีณามองตามกงพัด แล้วตัดสินใจเรียกเบาๆ
“กงพัด!”
กงพัดหันมา วีณาตกใจหน้าซีด
“ตะกี๊คุณว่าอะไรนะ”
“ฉันไม่ได้เรียกคุณ”
กงพัดยิ้ม ไม่ได้ติดใจอะไร
“แล้วไป” กงพัดมองวีณาอย่างห่วงใย “แล้วคุณเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าซีดๆ”
“เปล่าค่ะ”
“งั้นผมไปซ่อมไฟให้เสร็จก่อนนะ มัวแต่คุย เดี๋ยวจะมืด”
“ค่ะ”
กงพัดออกไป วีณามองตามด้วยแววตาใคร่ครวญ
วีณาเดินเข้ามาในบ้านเปิดกระเป๋าหยิบภาพสเก็ตของกงพัดที่พริ๊นท์มาจากอินเตอร์เนตขึ้นมาดู
“หน้าตาแบบนี้ โดนยิงมาแถมวันนั้น เสื้อผ้าก็เปียกโชก มีรอยเปื้อนโคลน เขาต้องถูกยิง แล้วขึ้นมาจากทะเลสาบแน่ๆ”
วีณาแอบชะโงกหน้าต่างออกไปดูกงพัด กงพัดปีนบันไดเปลี่ยนหลอดไฟใหม่ให้จนติดสว่าง กงพัดหันมาเห็นวีณาทำมือยกนิ้วโป้งให้ เพื่อบอกว่าไฟใช้ได้แล้ว วีณาฝืนยิ้มตอบ กลับเข้ามาในบ้าน ถอนใจแล้วยัดเอกสารเก็บใส่กระเป๋าไว้ตามเดิม
“ฉันจะทำยังไงกับคุณดี”
ส่วนที่กรุงเทพชัชกอดโรสอยู่บนเตียง ทั้งสองอยู่ในเสื้อคลุม ชัชพูดกับโรสอย่างอ่อนหวาน
“คุณกลับไปทำงานเขียนหนังสือของคุณเถอะโรส อย่ามาเสียเวลากับพี่โชคเลย พี่โชคก็เป็นคนแบบนี้แหละ ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา”
“เราจะไม่ทำอะไรเลย ทั้งๆ ที่รู้ ว่ามีคนจะฆ่าเค้างั้นเหรอคะ”
“ผมไม่ให้ใครมาทำอะไรพี่ชายผมหรอก คุณไม่ต้องห่วง”
“ฉันไม่ได้ห่วงเค้า ฉันห่วงคุณ”
โรสช้อนตามองชัช ชัชเคลิ้มเกือบจะจูบ ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังโครมคราม
ชัชกับโรสตกใจ
“ใครทุบประตูดังขนาดนั้น” ชัชคว้าปืนที่ข้างเตียงมา “คุณอยู่นี่นะ อย่าออกไปข้างนอก”
ชัชยังไม่ทันออกไปประตูห้องนอนก็เปิดผลัวะเข้ามา โรสตกใจร้องกรี๊ด โชคยืนจังก้ามองชัชในชุดเสื้อคลุมและโรสที่อยู่บนเตียง หน้าตากึ่งขำกึ่งสมเพช
“พี่!เข้ามาได้ยังไงเนี่ย”
ชัชถามอย่างไม่พอใจ โชคแกว่งกุญแจสำรอง
“ฉันเป็นเจ้าของโรงแรม แกลืมไปหรือยังไง... แต่งตัวให้เรียบร้อย ทั้งสองคนนั่นแหละฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
โชคทิ้งสายตาเหยียดหยามไปที่โรส ก่อนจะเดินปังๆ ออกจากห้องไป ชัชโมโห ส่วนโรสอับอายมาก
โรสกับชัชแต่งตัวเรียบร้อย นั่งอยู่ที่โซฟาฟังโชคพูด ชัชไม่พอใจลุกพรวดขึ้นมา
“อะไรนะ! พี่จะให้โรสไปหาส.ส ปฐวี พี่จะบ้าไปแล้วเหรอ”
“ก็ไหนแกคุยว่า เค้าเก่งกล้าสามารถนักไม่ใช่เหรอ” โชคมองหน้าโรส “ถ้าเธอเห็นอดีต เห็นอนาคตของฉันได้...เธอก็ต้องเห็นของไอ้ปฐวีด้วยซี จริงไหม”
โรสอึกอักมองชัชแบบขอความช่วยเหลือ ชัชเข้ามาขวาง
“พี่จะอยากรู้เรื่องของส.ส.ปฐวีไปทำไม”
“ฉันอยากรู้ ว่ามันซ่อนตัวไอ้มือปืนไว้ที่ไหน แล้วมันคิดจะทำอะไรกับฉัน”
“แล้วถ้าเค้าจับได้ล่ะคะ ว่าฉันเป็นคนของพวกคุณ”
“ก็อย่าโง่ให้เค้าจับได้ซี กะอีแค่ไปเจอมันแป๊บเดียว จะไปยากอะไร” โชคจ้องตาโรสอย่างจับผิด “
ว่าแต่ว่าเธอมองเห็นอนาคตได้จริงรึเปล่า หรือว่าเธอหลอกน้องชายฉัน”
“ฉัน..เอ่อ...”
“โรสไม่ได้หลอกผม” ชัชแก้ตัวแทน
“ถ้างั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัว จริงไหม” โชคจ้องหน้าโรส โรสไม่มีทางโต้แย้ง ได้แต่พยักหน้า
“ค่ะ”
โชคเดินกลับออกไป โรสแทบทรุดลงกับเก้าอี้ ชัชเข้าไปปลอบ
“โรส ถ้าคุณกลัวไม่ต้องทำก็ได้นะผมเข้าใจ”
โรสหน้าซีด แต่พยายามเข้มแข็ง
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำได้...เพื่อคุณ”
ชัชกอดโรสอย่างซึ้งใจ แววตาโรสหวั่นวิตก
จบตอนที่ 4
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.