ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 น.
กุหลาบซาตาน ตอนที่ 2
โชคเดินทางมาถึง Blue Ocean Marina พร้อมกับเป๋ง และมีบอดี้การ์ดอีก 2 คนคุ้มกันอย่างแน่นหนา
“จะไปที่เรือเลยไหมนาย หรือจะรอนายชัชก่อน” เป๋งถาม
แต่โชคไม่ตอบ เดินช้าๆ ออกไปที่ท่าเรือ มองเรือยอช์ทที่จอดเทียบท่าอยู่ แล้วถอนใจ ระหว่างนั้นกงพัดแอบมองมาจากในเรือ เปิดกล่องอุปกรณ์ตกปลาเห็นว่าข้างในเป็นปืนติดกล้อง กงพัดหยิบปืนมา ทดลองเล็งไปที่โชค แต่โชคอยู่ไกลเกินไป และมีบอดี้การ์ดเดินไปเดินมาขวางอยู่ตลอด กงพัดเล็งรออย่างอดทน ในที่สุดก็ได้ระยะที่พร้อมยิง แต่โชคผลุนผลันเดินกลับออกไป
โชคเดินกลับเข้าไปนั่งในรถคนเดียวด้วยท่าทางกังวล วุ่นวายใจมาก เมื่อภาพนาทีที่กานดาตายระดมกันเข้ามาในหัวโชค...มือโชคคว้าตัวกานดามาบัง ฉมวกปักเข้าท้อง เลือดพุ่ง กานดาตาค้าง มีเลือดไหลรินจากปาก...โชคซบหน้าลงกับฝ่ามือ รู้สึกเสียใจ
“ผมไม่ได้ตั้งใจนะ ดา ผมขอโทษ ผมเสียใจ”
โชคนึกถึงคำพูดของชัชที่บอกว่าโรสมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้น โชคถึงกับเครียดเอามือปาดเหงื่อที่แตกเต็มหน้าด้วยท่าทางเป็นกังวล
รถของชัชแล่นเข้ามาจอดด้านหน้า Blue Ocean Marina ชัชกับโรสลงมาจากรถ
“ถึงแล้วครับ บลู โอเชี่ยน มารีน่า ของเรา”
โรสกวาดตามองท่าเรือและโรงแรมขนาดใหญ่ตรงหน้า ดวงตามีแววประหลาด
“ใหญ่โตมากนะคะ ฉันเคยเห็นแต่ในรูป ไม่นึกว่าจะใหญ่โตได้ถึงขนาดนี้”
“พี่โชคลงทุนลงแรงกับมันไปเยอะครับ กว่าจะได้ขนาดนี้ ก็เหนื่อยกับมันมาตั้ง ...”
“สิบห้าปี”
โรสสวนขึ้นเสีรยงหนัก ชัชชะงัก แปลกใจ แต่ไม่ได้ติดใจในน้ำเสียง
“ครับ นี่คุณรู้ได้ยังไง” ชัชนึกได้แล้วยิ้ม “อ้อ ลืมไป คุณมีสัมผัสพิเศษนี่นา” โรสยิ้ม “เชิญครับ พี่โชคคงจะไปรออยู่ที่เรือแล้ว”
ที่เรือยอร์ชขณะนั้นกงพัดรออย่างอดทน ในที่สุดก็เห็นเป๋งและลูกน้องของโชคที่เดินรอๆ อยู่แถวท่าเรือ ทำท่าตื่นเต้นเหมือนมีคนมา กงพัดตั้งสติ เตรียมพร้อม จากกล้องปืนกงพัดเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือชัชและโรส กงพัดกวาดมองไปรอบๆ ไม่เห็นโชคก็แปลกใจ
ชัชเดินนำโรสเข้ามา ไม่เห็นโชคจึงหันไปถามเป๋ง
“พี่โชคล่ะ เป๋ง”
“นายมาถึงแล้วครับ แต่อยู่ๆ นึกอะไรไม่รู้ ขับรถหนีออกไปคนเดียว ผมโทรหาก็ไม่รับ”
“อ้าว ก็ตกลงกันแล้ว” ชัชหันมาหาโรส ถามความเห็น “คุณโรสครับ...”
โรสสวนทันที
“ถ้าคุณโชคไม่อยู่ที่นี่ ก็ไม่มีประโยชน์ เรากลับกันเถอะค่ะ”
โรสเดินกลับทันที ชัชรีบตามไปแล้วชัชวิ่งไปขวางโรสไว้
“เดี๋ยวก่อน คุณโรส นี่คุณจะกลับเลยเหรอ”
“ฉันบอกแล้วไงคะ ว่าคุณโชคต้องลงไปในเรือกับฉัน ในเมื่อเค้าหนีกลับไปแล้ว ฉันจะอยู่ทำไม”
โรสตอบ น้ำเสียงน้อยใจเต็มที่
“ผมขอโทษแทนพี่โชคด้วย...แต่ไหนๆ เราก็มาจนถึงที่นี่แล้ว ลองดูก็ไม่เสียหายอะไรนี่ครับ เผื่อว่าคุณจะเห็นอะไรมากขึ้นกว่าเดิม” โรสทำท่าไม่เต็มใจ ชัชคาดคั้นอย่างสุภาพ “นะครับ”
โรสปฏิเสธไม่ได้ จำใจต้องเดินตามชัชไปขึ้นเรือ พอเดินไปได้2-3 ก้าว โรสก็ชะงัก
“ไม่!”
ชัชตกใจ เห็นโรสหน้าซีด ท่าทางตื่นกลัว
“คุณโรส คุณเป็นอะไร”
“อันตรายค่ะ เราต้องกลับเดี๋ยวนี้ ที่นี่มีอันตราย”
“ที่นี่?” โรสพยักหน้า “คุณแน่ใจนะ”
โรสพยักหน้า ท่าทางหวาดกลัว ชัชพยักหน้าส่งสัญญานให้เป๋งและลูกน้อง เป๋งพยักหน้ารับรู้ แล้วนำคนวิ่งกรูไปที่เรือ
“คุณกลับไปรอผมที่รถก่อน” ชัชบอกกับโรสแล้วรีบตามพวกเป๋งไป
“คุณชัช เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณจะไปไหน ฉันบอกแล้วไงคะ ว่ามันอันตราย คุณไม่เชื่อฉันหรือไง” โรสตะโกนบอกอย่างตกใจ
“ผมเชื่อคุณ แต่ผมต้องรู้ให้ได้ ว่าอันตรายที่ว่า มันมาจากไหน”
ชัชวิ่งตามลูกน้องไป โรสอึ้ง แล้ววิ่งตามไป กงพัดเห็นเป๋งและลูกน้องโชคกำลังจะขึ้นเรือมา พร้อมอาวุธในมือก็ตกใจ หนีออกจากที่ซุ่มยิง จะหาทางหนีลงจากเรือ ระหว่างนั้นชัชวิ่งตามมาถึง สั่งเป๋งและลูกน้องที่ยืนรออยู่
“แยกกันไป ค้นให้ทั่วเรือ ระวังตัวด้วยนะ”
“ครับ”
เป๋งและลูกน้องแยกย้ายกันไปรอบๆ เรือ กงพัดกำลังจะหนีลงจากเรือ เห็นคนใกล้เข้ามา เลยต้องหลบไปทางท้ายเรือ กงพัดหน้าเครียด เหลียวมองไปรอบๆ หาทางเอาตัวรอด...โรสวิ่งตามขึ้นมาบนเรือ ชัชเห็นจึงถามอย่างเป็นห่วง
“คุณโรส มาทำไม”
ขาดคำ กุล่มควันโขมงลอยขึ้นมาจากทางท้ายเรือ ทุกคนกรูไปที่นั่น ชัชตามไป ก่อนจะไป หันมาสั่งโรส
“คุณอยู่ที่นี่”
ชัชวิ่งออกไป โรสหันซ้ายหันขวาแล้วชะงัก เมื่อเผชิญหน้ากับกงพัด ที่ไม่สวมเสื้อ โรสตกใจ กงพัดเข้ามาประชิดตัวโรส
“ทำตามที่บอก แล้วจะปลอดภัย”
โรสมองกงพัด สายตามีแววหวาดวิตก
ชัชกับลูกน้องเข้าไปที่กลุ่มควัน แต่ไม่มีใคร เห็นแต่เสื้อชุบน้ำมันที่ไหม้ไฟเกือบหมดยัดอยู่ในถังน้ำ
ทันใดนั้น ชัชได้ยินเสียงกรี๊ด
“คุณโรส”
ชัชวิ่งกลับไปที่เดิม
เมื่อวิ่งมาถึงชัชเห็นโรสทรุดอยู่ที่พื้น ท่าทางเหมือนบาดเจ็บ ชัชเข้าไปประคอง
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
โรสส่ายหน้า ท่าทางกลัวมาก
“เค้าหนีไปแล้วค่ะ คนที่ลอบยิงพี่ชายคุณ เค้าหนีไปแล้ว”
โรสชี้ไปในทะเลชัชมองตาม ไม่เห็นวี่แววของใครเลย แล้วหันกลับมามองโรสที่ตัวอ่อนอยู่ในอ้อมแขนอย่างสงสาร
เย็นวันเดียวกันนั้นที่บ้านของปฐวี ปฐวีกับนงพงา ภรรยาของปฐวีนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อคุยกับไปรมา
“เอ้า รายงานมาซิ เป็นยังไงบ้าง”
ในจอคอมพิวเตอร์ เห็นไปรมายิ้มร่าเริง อวดวิวทิวทัศน์ด้านหลัง ทำเสียงเหมือนพิธีกรรายการ
“เอ่อ ด้านหลังนี่ก็คือเทือกเขามองบลังต์นะคะ นี่วิวจากห้องนอนไป๋เลยนะคะ สวยไหมคะ คุณพ่อ คุณแม่”
“สวยมากจ้ะ” นงพงาบอกลูกสาวแล้วหันไปถามปฐวี “สวยนะคะ คุณ”
“แล้วกินอยู่เป็นยังไงบ้างลูก ลำบากไหม”
“ไม่ลำบากเลยค่ะ เมืองน่าอยู่ อากาศก็ดี๊ดี...แล้วคุณพ่อคุณแม่ล่ะคะ สบายดีหรือเปล่า”
ทันใดนั้น สาวใช้ก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา ร้องเอะอะ
“ท่านขา คุณนายขา..แย่แล้วค่ะ แย่แล้ว”
“เอะอะโวยวายอะไรกัน แต๋ว”
ปฐวีหันไปถามแต๋ว แต๋วยืนตัวสั่นด้วยความตกใจ
“ระเบิดค่ะ มีคนปาระเบิดเข้ามาที่สนามหน้าบ้านเราค่ะ”
นงพงาตกใจสุดขีด ลืมตัวร้องเสียงดัง
“หา! ระเบิด”
ไปรมาตกใจมากเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้าน
“อะไรนะคะ คุณแม่ ระเบิดอะไร ใครมาวางระเบิดบ้านเราเหรอคะ คุณแม่”
นงพงาอึกอัก ทำอะไรไม่ถูก ปฐวีรีบเข้ามาแทรก
“ไม่มีอะไรลูก แค่นี้ก่อนนะ”
ปฐวีหยุดการติดต่อกับลูกสาวแล้วเดินออกไปทันที นงพงารีบตามไปห่างๆ
ปฐวีเดินออกมาหน้าบ้าน ลูกน้องส่งระเบิดน้อยหน่า 2-3 ลูกให้ปฐวี
“ระเบิดปลอมครับนาย” ลูกน้องบอก ปฐวีโกรธมาก นงพงาหายกลัว เปลี่ยนเป็นโมโหแทน
“ใครเล่นอะไรบ้าบอแบบนี้คะ คุณ ตกใจหมด...น่าจะจับส่งตำรวจขังคุกเสียให้เข็ด”
โทรศัพท์ปฐวีดังขึ้น เป็นเบอร์ที่ไม่คุ้น ปฐวีรับสาย
“ส.ส. ปฐวีพูด นั่นใคร”
โชคบีบวิปครีมใส่กาแฟจนพูนแก้ว คุยโทรศัพท์มือถือไปด้วย
“ผมเอง ท่านปฐวี”
“คุณโชค” ปฐวีอึ้ง นึกไม่ถึงว่าโชคจะกล้าโทรมา
“ไง อึ้งไปเลย นึกว่าผมตายไปแล้วหรือไง จะบอกให้นะ ว่าไอ้มือปืนของท่านมันห่วยแตกมาก มันพลาดเป็นครั้งที่สองแล้ว...ผมยังอยู่โว้ย คนของท่านทำอะไรผมไม่ได้”
“คุณคิดว่าผมส่งคนไปยิงคุณ เลยเอาระเบิดมาปาใส่บ้านผมเป็นการแก้แค้นหยั่งงั้นเหรอ มันจะมากไปหน่อยมั๊ง”
“ระเบิดนั่นมันแค่ของเล่น ถ้าท่านไม่เลิก แล้วส่งตัวไอ้มือปืนนั่นมาให้ผม ภายในเจ็ดวัน...ท่านเตรียมรอรับของจริงได้เลย”
โชบอกเสียงกร้าวแล้ววางสาย โยนโทรศัพท์ทิ้ง กินกาแฟดับโมโห
ปฐวีโกรธจัด นงพงาถามอย่างสงสัย
“ที่คุณโชคโดนลอบยิง เค้าคิดว่าคุณเป็นคนทำงั้นเหรอคะ”
“ใช่” ปฐวีตอบรับอย่างแค้นๆ นงพงาหน้าตาตื่น ถามอย่างใสซื่อ
“แต่คุณไม่ได้ทำนี่คะ ฆ่าคนมันผิดกฏหมาย คุณเป็นส.ส. คุณจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง...ใช่ไหมคะ”
ปฐวีไม่ตอบ เดินหนีไป สีหน้าร้ายและอาฆาตโชคมาก
ที่ร้านอาหารในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ วีณา กำลังทำซุบมะเขือเทศอยู่บนเตา วีณาเอาทัพพีคนซุปมะเขือเทศแล้วเอาปลายนิ้วแตะที่ทัพพี เอามาแตะปากชิม ...เบธ ในชุดกระโปรงแบบพื้นเมืองสวิส มีผ้ากันเปื้อนคาดทับ เดินเข้ามาในครัว ร้องเรียก
“Hey, Vee”
“Yes, Beth”
เบธส่งกระดาษออเดอร์ให้ หน้าขำๆ หึๆ
“It’s your order. Again!”
วีณาอ่านใบออเดอร์ แล้วยิ้มขำ พูดกับตัวเอง
“เนื้อย่างกับแจ่ว มีเด็กไทยมาอีกแล้วเหรอนี่”
เวลาผ่านไป...วีณาเดินนำเบธยกจานใส่สเต๊กเนื้อย่าง พร้อมแจ่วถ้วยเล็กๆ ออกมาเสิร์ฟที่โต๊ะของพีชญากับชินภัทร
“มาแล้วจ้ะ สเต๊กเนื้อย่างกับแจ่ว”
“คุณวีณาใช่ไหมคะ” พิชญาถาม
“จ้ะ เธอเพิ่งมาใหม่ล่ะซี”
“หนูชื่อพีชค่ะ นี่ชื่อชิน รุ่นพี่ที่โรงเรียนเล่าให้ฟังว่า ที่นี่เจ้าของร้านเป็นคนไทย ถ้าหากคิดถึงอาหารไทยมากๆ ก็มาพึ่งคุณวีณาได้”
วีณายิ้มใจดี เสียงประตูเปิด มีแขกเข้ามา วีณาหันไปทักด้วยความเคยชิน
“Bonjour”
ชินภัทรกับพีชญามองตาม ปรากฏว่าเป็นไปรมากับภูษณะ ชินภัทรชักสีหน้า ไปรมาเชิดใส่
วีณาเอาเมนูส่งให้
“เด็กไทยเหมือนกันใช่ไหม นี่เมนูจ้ะ อยากทานอะไรสั่งเลย เดี๋ยวฉันมา”
วีณาบอกแล้วกลับเข้าไปข้างใน ไปรมาลุกขึ้นจากโต๊ะ พูดกับภูษณะ แต่ตามองไปที่ชินภัทร
“ไปทานที่อื่นเถอะ ภู เราไม่อยากมีเรื่อง”
“คนเรา ถ้าอยู่ดีๆ ก็คงไม่มีไม่มีเรื่อง” ชินภัทรพยักเพยิดกับพิชญา “จริงไหมพีช”
“มันก็ไม่แน่หรอก” ไปรมาเดินเข้าไปที่โต๊ะชินภัทร แต่ทำเป็นพูดกับภูษณะ “ดูอย่างคุณพ่อฉันสิ ภู อยู่ดีๆ ก็มี” ไปรมาหันมากระแทกเสียงใส่ชินภัทร “พวก “มาเฟีย” เอาระเบิดไปปาถึงหน้าบ้าน”
ชินภัทรโมโห พีชญาเถียงแทน
“ก็อย่างที่ชินเค้าบอก คนเราอยู่ดีๆ ก็คงไม่มีใครทำอะไร พ่อเธอคงทำอะไรไม่ดีเอาไว้ ถึงได้โดนแบบนั้น”
ภูษณะหมั่นไส้ที่พีชญาเจ็บร้อนแทนชินภัทร เลยเข้ามาเถียงแทนไปรมา
“แล้วไอ้คนที่โดนลอบยิง จนต้องส่งลูกหนีมาเรียนเมืองนอกล่ะ ทำอะไรเอาไว้ คงต้องเลวยิ่งกว่าล่ะมั๊ง”
ชินภัทรทนไม่ไหว ลุกพรวดจากโต๊ะมาประชิดตัวภูษณะ
“ภูษณะ”
“ทำไม”
ระหว่างนั้น เบธเห็นท่าไม่ดี วิ่งไปตามวีณาหลังร้าน
“ถ้าใครพูดให้ร้ายพ่อเราอีกคำเดียว...”
“เธอจะทำอะไร หะ ลูกมาเฟีย”
ไปรมาถามแทรกขึ้นมา ชินภัทราโกรธจัด กระชากแขนไปรมาอย่างแรง ด้วยความลืมตัว
“ไป๋”
“โอ้ย”
“รังแกผู้หญิงนี่หว่า”
ภูษณะผลักชินภัทรออก ชินภัทรไม่ทันตั้งตัวเลยเซไปชนโต๊ะ จุกแอ้ก พีชญาเข้าไปประคอง
“เจ็บไหมชิน”
ไปรมาเห็นท่าไม่ดี ลากภูษณะออกไป
“ไปเถอะ ภู”
ไปรมาจะลากภูษณะไป แต่ชินภัทรลุกมาได้ ตามไปกระชากคอเสื้อภูษณะ
“ด่าเราเราทนได้ แต่อย่ามาด่าพ่อเรา พ่อเราไม่ใช่คนเลว จำเอาไว้!”
ชินภัทรต่อยภูษณะเปรี้ยง ภูษณะเซไปชนโต๊ะจานชามตกแตก พีชญากับไปรมาตกใจร้องกรี๊ด
ภูษณะลุกขึ้นมาได้ ต่อยกลับ ทั้งชินภัทรและภูษณะปล้ำต่อยกันนัวเนีย ปากคอแตกทั้งสองคน
วีณาออกมา
“หยุดนะ”
วีณาตะโกนห้ามแต่ไม่มีใครหยุด ทั้งสองยังต่อยกัน วีณาหยิบปืนลูกซองจากเคาน์เตอร์ขึ้นมายิง ปัง!ทุกคนชะงัก ตกใจ พีชญาลากชินภัทรออกมา พร้อมๆ กับไปรมาลากภูษณะออกมา วีณาเดินเข้ามาด้วยท่าทางโกรธมาก
“ออกไปจากร้านฉันเดี๋ยวนี้ แล้วอย่ามาที่นี่อีก”
“เอ่อ คือว่าพวกเรา”
“ออกไป...ไม่งั้น ฉันจะรายงานความประพฤติของพวกเธอกับทางโรงเรียน เธอโดนทำโทษหนักแน่! ไป”
ทั้งสี่คนจ๋อย ชินภัทรเอามือเช็ดเลือดที่ปาก มองหน้าไปรมาอย่างฉุนๆ แล้วเดินออกไป ไปรมามองตามชินภัทร
ชินภัทรเดินดุ่มๆ ออกจากร้าน ไปรมาวิ่งตามออกมา
“เดี๋ยวก่อน ชิน”
ชินภัทรไม่หัน ไปรมาวิ่งตามไป ภูษณะวิ่งตามออกมา แต่เจอพีชญากระชากคอเสื้อไว้จนหน้าหงาย
“โอ้ยยยย”
พีชญาทุ่มภูษณะลงพื้นหญ้าหน้าร้าน ภูษณะนอนแผ่กับพื้น พีชญาเท้าสะเอว มองหน้าภูษณะ
“ฉันเรียนยูโดมานะ ได้สายดำด้วย ถ้าเธอหาเรื่องชินอีกล่ะก้อ ...น่าดู”
พีชญามองภูษณะ ภูษณะมองพีชญา ต่างคนต่างหมั่นไส้กัน
อ่านต่อหน้า 2
กุหลาบซาตาน ตอนที่ 2 (ต่อ)
ชินภัทรเดินหน้าบึ้งลงมาตามทางโดยมีไปรมาวิ่งตามมา
“ชิน เดี๋ยวก่อน ชิน”
ชินภัทรชะงัก หันไปมองหน้าไปรมา
“ยังไม่สาแก่ใจเหรอ ไป๋ อยากจะทำอะไรอีก”
“ฉันทำอะไรที่ไหน” ไปรมาไม่ยอมรับผิด “อยากต่อยกันเอง มาโทษฉันได้ยังไง”
“ถ้าภูเค้าไม่เดือดร้อนแทนเธอ เรื่องมันคงไม่บานปลาย”
ชินภัทรพูดจบก็เดินหนี ไปรมาวิ่งตาม
“เดี๋ยวก่อน ชิน เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ฉันกับภูไม่ได้เป็นอะไรกันนะ” ไปรมาวิ่งตาม ไปถึงช่วงลาดชันของทางเดิน ไปรมาสะดุดขาตัวเองล้ม “ว้ายย”
ชินภัทรหันมาเห็น รับตัวเอาไว้ แต่แรงปะทะทำให้ชินภัทรเซ ล้ม ทั้งสองกลิ้งไปด้วยกันบนเนินหญ้า
จนหยุด ปากชินชนแก้มไปรมา ทั้งสองรีบลุกขึ้น ต่างคนต่างเขิน
“เอ่อง...”
ไปรมาเขินจนกลายเป็นโกรธ
“คนบ้า ทุเรศ”
ไปรมาลุกพรวดพราด แล้ววิ่งหนีไป ชินภัทรมองตาม รู้สึกใจเต้นอย่างประหลาด
วีณาเอาปืนเก็บเข้าที่ เธอมองและลูบไล้มันอยู่นาน สีหน้าขรึม เบธอดไม่ได้ เข้ามาปลอบ
“You think of him again, don’t you.”
“It’s his gun. I couldn’t help wondering where he is right now.” วีณาพูดเศร้าๆ ไม่มีความหวังจริงจังอะไร “He may be still alive.”
“Your husband disappeared for two years now, dear. He won’t come back. You must forget him. Live your life.”
วีณาพยักหน้าเศร้าๆ เบธดึงวีณาเข้ามากอดปลอบใจ
ส่วนที่กรุงเทพชัชถือช่อกุหลาบแดงเดินมาหน้าห้องโรส กดออด โรสเปิดประตูออกมา ชัชยื่นดอกไม้ให้
“สำหรับคุณครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
โรสเลี่ยงให้ชัชเข้ามาในห้อง ชัชพูดไปด้วย
“วันนี้คุณเจออะไรแย่ๆ มามาก ดอกไม้สวยๆ คงทำให้รู้สึกดีขึ้นนะครับ”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เพราะยังไง ฉันก็จะไปจากที่นี่อยู่แล้ว”
ชัชชะงัก แล้วเพิ่งเห็นว่าที่กลางห้อง มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ตั้งอยู่ ชัชถึงกับใจเสีย
“คุณโรส...นี่คุณกลัวใช่ไหม ผมขอโทษ ผมควรจะคุ้มครองคุณให้ดีกว่านี้ ผมเสียใจจริงๆ”
โรสทำหน้าเศร้าแต่ยังพูดอย่างอ่อนหวาน
“ไม่ค่ะ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยพวกคุณ...แต่ในเมื่อคุณโชคไม่เชื่อฉัน ฉันก็คงต้องไป”
โรสเดินไปนั่งเศร้าที่โซฟา ชัชตามไปอ้อนวอน
“ให้โอกาสผมอีกครั้งได้ไหม ผมจะพูดกับพี่โชคเอง” โรสส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง “ ผมไม่อยากให้คุณไป”
“ฉันตัดสินใจแล้วค่ะ ฉันอยู่ไปก็เท่านั้น” โรสฝืนยิ้ม ทั้งๆ ที่เศร้า “ฉันคิดว่าฉันมีอำนาจพิเศษ ฉันสามารถช่วยใครต่อใครได้...แต่สำหรับพวกคุณฉันเป็นแค่คนประหลาดเท่านั้นเอง ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษ ฉันเปลี่ยนแปลงชีวิตใครไม่ได้”
โรสดูเศร้ามาก ตาเหมือนมีน้ำตาคลอนิดๆ ชัชใจละลาย
“ไม่จริง... คุณเปลี่ยนแปลงชีวิตผมได้” ชัชจับมือโรสมากุมไว้ “จับมือผมสิแล้วบอกผม ว่าคุณเห็นอะไร”
ชัชมองตาโรส โรสมองดิ่งลงไปในตาชัช
“ฉันเห็น... คุณ...กับฉัน...”
โรสนิ่งไป...ไม่พูด แต่ตาของเธอบ่งบอกทุกอย่าง ชัชจูบโรส กลีบกุหลาบสีแดงสดกระจายว่อน
ที่ห้องเช้าของกงพัดไม้ขีดไฟจ่อที่ไส้เทียน ไฟลุกสว่าง เทียนถูกจุดขึ้นเล่มแล้วเล่มเล่า กงพัดจุดเทียนสีขาวจำนวนมากบนดาดฟ้า เขาอยู่ท่ามกลางเทียนเหล่านั้น แล้วร้องเพลง
“ในคืนที่มืดมน ขอจงมีแสงสว่าง
ในใจที่มืดมน ขอความรักจงส่องฉาย
ในโลกที่สับสน ให้รักนำทางเราไป
ที่ไหนมีรัก ที่นั่นมีความหวัง รักคือแสงสว่างในใจ”
กงพัดทอดตัวนอนอยู่ท่ามกลางเทียนเหล่านั้น ที่เรียงกันเป็นรูปไม้กางเขน
เวลาผ่านไป...โรสซบอยู่ในอ้อมกอดของชัช ทั้งสองอยู่ในเสื้อคลุม ชัชเอากุหลาบไล้เล่นๆ ไปตามแก้มและแขนของโรสอย่างหลงใหล
“คุณกลับไปสวิส จะไปทำอะไร”
“ทำงานของฉันสิคะ...ฉันเป็นนักเขียน”
โรสบอกเสียงหวานชัชยิ้ม ทำตาโตล้อๆ
“ว้าว”
โรสพูดถ่อมตัว อย่างเขินๆ
“นิยายรักเพ้อฝันน่ะค่ะ ไม่ได้โด่งดังอะไร แค่พอเลี้ยงตัวได้”
“แล้วคุณเป็น เอ่อ เป็นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว ที่มองเห็นภาพในอดีตหรือในอนาคตของคนอื่นน่ะ”
“ตอนอายุครบ 25 ปีค่ะ” โรสเริ่มเศร้า “ฉันเห็นภาพเพื่อนของฉันถูกแทงตาย ฉันตกใจมาก ฉันนึกว่าตัวเองเป็นโรคประสาท ฉันไม่กล้าบอกใคร... จนกระทั่งอีก 7 วันต่อมา เพื่อนของฉันก็ถูกแทงตาย มันเป็นไปอย่างที่ฉันเห็นทุกอย่าง...” โรสเล่าแล้วน้ำตาคลอ “ฉันน่าจะเตือนเค้า ฉันน่าจะช่วยเค้าได้ แต่ฉันก็ไม่ได้ทำ”
ชัชฟังแล้วอ่อนไหวไปกับเรื่องที่โรสเล่า
“แล้วยังไงอีก”
“จากนั้นมา ฉันตั้งใจว่าจะต้องช่วยทุกคน” โรสช้อนตามองชัช เศร้าๆ “แต่ฉันก็ทำไม่ได้...พี่ชายคุณไม่เชื่อฉัน”
“แต่ผมเชื่อคุณ” ชัชเคยคางโรสขึ้นมา
“จะมีประโยชน์อะไรล่ะคะ ยังไงคุณโชคก็ไม่ยอมเจอฉันอยู่ดี”
ชัชนิ่งไปนิดนึง แล้วยิ้มออกมา
“ผมมีวิธี...เพิ่งนึกได้ตะกี๊นี้เอง”
“ยังไงคะ”
ชัชหยิบซองใส่ตั๋วเครื่องบินของโรสขึ้นมาชู ยิ้มๆ
กงพัดเดินกลับมาที่ห้องนอน เห็นแลปทอปมีเมสเสจเข้า กงพัดเปิดดู ข้อความเขียนว่า “โอกาสมาถึงแล้ว เตรียมตัวให้พร้อม”
เมื่อได้รับข้อความ กงพัดก็ต้องเดินทางมาสวิสเซอร์แลนด์...เมื่อมาถึงสวิสเซอร์แลนด์กงพัดเดินมาริมถนน ที่ตัดผ่านธรรมชาติ เนินเขาเขียวขจีสวยงาม มีเป้เดินทางอยู่บนหลัง กงพัดเดินช้าๆ ด้วยฝีเท้ามั่นคง สีหน้าสุขสงบ เหมือนผู้จาริกแสวงบุญ ห่างออกไปวีณาขับรถมาตามถนน พยายามจะหมุนเปลี่ยนคลื่นวิทยุฟังข่าว รถกระตุกนิดๆ
“อย่านะ อย่าเชียวนะ ที่รัก อย่า” ขาดคำ เครื่องดับ รถจอดนิ่ง วีณาเซ็งเอาหัวโขกพวงมาลัย “โอ้ย ซวยอะไรอย่างงี้ ซวยๆๆๆ”
วีณาเงยหน้าขึ้นมา แล้วตกใจสุดขีด เมื่อเห็นหน้าของกงพัดอยู่ตรงหน้าต่าง
“ผมช่วยดูให้เอาไหม”
วีณามองกงพัดอย่างแปลกใจ
เวลาผ่านไป...กงพัดก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงกระโปรงรถ โดยมีวีณาคอยส่งผ้าเช็ดมือ น้ำดื่ม หรือเครื่องมือให้
“ฉันไม่ยักรู้ ว่าที่ เล แซง มีช่างคนไทย”
กงพัดเงยหน้ามายิ้มนิดเดียว
“ผมไม่ใช่ช่าง”
วีณามองไปที่เป้ของกงพัด เห็น tag ของสายการบินยังติดอยู่
“คุณเพิ่งลงมาจากเครื่องบิน...มาเที่ยวเหรอคะ”
กงพัดชะงัก เริ่มอึดอัดกับความช่างสังเกตของวีณา
“เปล่าครับ”
“งั้นคงไปเที่ยวที่อื่นมา แล้วเพิ่งจะกลับบ้าน” กงพัดมองหน้าวีณาอย่างระแวง วีณาอธิบาย “เสื้อที่คุณใส่เป็นยี่ห้อสวิส สามีฉันก็มีตัวนึงเหมือนกัน ฉันเลยเดาว่าคุณคงเป็นคนแถวนี้”
“ลองสตาร์ทดูสิครับ”
กงพัดตัดบทวีณาไปสตาร์ทรถ เครื่องติด วีณายกมือทำสัญญานว่าโอเค กงพัดปิดฝากระโปรง แล้วเดินไปหยิบเป้ วีณาลงมาจากรถ
“คุณเสียเวลาตั้งนาน ให้ฉันตอบแทนคุณนะคะ...เอางี้ คุณจะไปไหนคะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมชอบเดิน”
กงพัดจะออกไป วีณาร้องถาม
“เดี๋ยวค่ะ...” กงพัดหันมามอง “ฉันชื่อวีณา คุณล่ะคะ...”
กงพัดไม่ตอบ แค่ยิ้ม แล้วก้มหัวเป็นเชิงลา ก่อนจะเดินจากไป วีณาหันมองตาม เห็นกงพัดเดินไปทางโรงเรียน
ส่วนที่บ้านของโชคขณะนั้นเป๋งกับลูกน้องกำลังช่วยกันขนกระเป๋าเดินทางลงมาจากชั้นบน โชคเดินผิวปากอารมณ์ดีตามมา
“ให้ดีๆ ไอ้เป๋ง เอาขึ้นไปไว้ในรถเลย”
“นายจะไปกี่วันครับ”
“ถามทำไม จะวางแผนหนีเที่ยวเหรอ” โชคหันไปหาชัช “เฮ้ย ชัช เราไปกี่วันเนี่ย”
ชัชอยู่ที่โต๊ะรับแขก กำลังวุ่นวายกับการเซ็นเอกสารและเช็คในสมุดเสนอเซ็น มีลูกน้องอีกคนรออยู่
“อาทิตย์นึงพี่ ฉลองวันเกิดชินเสร็จแล้ว เราก็เที่ยวต่อกันซัก 2-3 วัน”
โชคมองชัชอย่างแปลกใจ
“เฮ้ยๆๆๆนี่มันเกิดอะไรขึ้น คนอย่างแกเนี่ยนะ ยอมทิ้งงานไปเที่ยวตั้งอาทิตย์...” โชคมองน้องชาย
อย่างจับผิด “คราวนี้มีอะไรพิเศษรึเปล่าวะ”
ชัชยิ้มๆ ไม่พูดแต่มีพิรุธ
เมื่อชัชเซ็นเอกสารเสร็จหมดแล้วจึงมาขึ้นรถกับโชคโดยมีเป๋งประจำที่คนขับ รถแล่นออกจากบ้านไป รถโชคแล่นมาตามทาง ระหว่างนั้นมีรถบรรทุกแล่นตามมา แล้วเร่งความเร็วแซงไป
“มันจะรีบไปบวชพ่อมันหรือยังไงวะ ไอ้เป๋งเร่งขึ้นไป อย่าไปยอมมัน”
โชคบอกเป๋งเร่งความเร็ว รถบรรทุกแล่นอยู่ข้างหน้า ชัชมองเอะใจ
“ไม่มีป้ายทะเบียน เฮ้ย เป๋ง!”
ชัชนึกได้แต่ไม่ทันรถบรรทุกคันนั้นเบรคอย่างเร็ว แล้วกลับลำขวางถนน กะให้รถโชคพุ่งชน
เป๋งเบรคแล้วหักหลบสุดตัว รถลงข้างทาง คนในรถโดดตามลงมายิงกราด ชัช โชค และเป๋งต้องเปิดประตู กลิ้งลงจากรถหลบไปในดงหญ้าข้างทาง เสียงปืนเงียบลง มือปืนหนีไปแล้ว ชัชเข้าไปดูโชค
“พี่โชค เป็นไงมั่ง”
โชคไม่ตอบ มือกุมขาที่มีเลือดไหลโชก หน้าตาแค้นจัด
ที่สวิสเซอร์แลนด์ อาจารย์สอนอยู่ในห้อง ชินภัทร พีชญา ไปรมา ภูษณะ เรียนอยู่ห้องเดียวกัน ระหว่างนั่งเรียนไปรมาแอบมองค้อนชินภัทร ชินภัทรหันมาเห็นพอดี ไปรมาสะดุ้งหลบ แล้วเชิดใส่ ชินภัทรเมินไป ไม่สน ภูษณะมองชินภัทรอย่างหมั่นไส้ แต่เลยไปอีกหน่อยก็เห็นสายตาของพีชญาจิกสกัดไว้ ภูษณะเบ้หน้าใส่ พอลเข้ามาในห้อง พูดกับอาจารย์
“Excuse me. May I have a word with Chinnapat. Chinnapat looks at Paul with surprise.
ชินภัทรมองพอลแปลกใจ
ชินเดินแกมวิ่งเข้ามาในห้องโถงของโรงเรียน หน้าตาร้อนใจ
“อาชัช!”
ชัชลุกขึ้นจากโซฟา หันมามองชินภัทรอย่างรักใคร่
“ชิน... นี่โรส เพื่อนของอา”
ชัชแนะนำ ชินภัทรทักโรสอย่างสุภาพ แต่ไม่ได้สนใจนัก เพราะกังวลเรื่องพ่อ
“สวัสดีครับ... แล้วพ่อไปไหนล่ะ อาชัช ทำไมไม่มา...มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
ชินภัทรถามชัชอย่างร้อนรน
“ไม่มีอะไรหรอก” ชัชจำต้องโกหกเพราะไม่อยากให้ชินภัทรเป็นห่วง ชินภัทรมองหน้าชัช พยายามหาความจริง
“ไม่จริง พ่อรับปากผมแล้ว พ่อไม่เคยผิดคำพูด ถ้าพ่อสบายดี พ่อต้องมา อาชัชก็รู้ พ่อไม่เคยเห็นอะไรสำคัญไปกว่าผม” โรสฟังอย่างสนใจ ชัชอ้ำอึ้ง“อาชัชครับ”
ชินภัทรคาดคั้นชัชยังไม่ทันพูด โรสก็ช่วยพูดแก้สถานการณ์
“บอกความจริงไปเถอะค่ะ ว่าคุณโชคไม่สบาย... คุณโชคมีอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
ชินภัทรตกใจ
“พ่อแกเค้าสั่งไม่ให้อาบอก เค้ากลัวแกห่วงเค้า แล้วไม่สบายใจ... เค้าอยากให้แกฉลองวันเกิดอย่างมีความสุขที่สุด”
ชินภัทรอึ้งไป ซาบซึ้งใจ
“ว่าแต่ว่า...วางแผนไว้หรือยังคะ ว่าจะฉลองวันเกิดที่ไหน” โรสถามขึ้นมา
“เอ่อ ผมยังไม่ได้คิดเลยครับ...ความจริงตอนแรกว่าจะไปฉลองที่ร้านบนเขา แต่เผอิญไปก่อเรื่องไว้ เค้าคงไม่ยอมให้ผมไปจัดงานที่นั่นแน่ๆ” ชินภัทรบอกชัช
“สรุปว่าแกไม่มีที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดงั้นเหรอ”
ชินภัทรยักไหล่ ทำท่าไม่มีทางออก
“ฉันมีที่นึงจะแนะนำค่ะ” โรสบอก
วันต่อมาที่โบสถ์แห่งหนึ่งกงพัดกำลังโหลดกระสุนใส่ปืนสั้น แล้ววางไว้บนเสื้อคลุมที่จะใช้ปลอมตัวที่พับไว้บนเตียง กงพัดม้วนเสื้อเป็นพับเล็กๆ ซ่อนปืนไว้ข้างใน อย่างคล่องแคล่ว เอาทั้งหมดซ่อนในเสื้อแจ๊กเกต อีกทีแล้วเดินออกไปจากห้อง
กงพัดเดินจากห้องพักไปตามถนนเล็กๆ เดินลงไปที่เมืองด้านล่าง ทิ้งโบสถ์อันสวย งามเอาไว้เบื้องหลัง
ส่วนชินภัทรเขาจัดสินใจฉลองวันเกิดที่ปราสาทชิลองตามคำแนะนำของโรส...
ทางเข้าปราสาทถูกตกแต่งด้วยดอกไม้ เพื่อนนักเรียนของชินภัทรทะยอยกันเดินเข้ามา ทุกคนพากันแต่งแฟนซี มีทั้งแต่งเป็นเลดี้ เป็นตัวตลก เป็นอัศวิน พีชญาแต่งตัวสวยเดินเข้ามา ทักทายโรสกับชัช
“ต้องขอบคุณคุณอาชัชกับคุณโรสมากเลยนะคะ ไม่งั้นเราคงไม่มีทางมีงานปาร์ตี้เจ๋งๆ แบบนี้” พิชญาบอก
“พีชแต่งตัวแบบนี้ เป็นเลดี้เลยนะ” ชัชบอก
พีชญาย่อเข่าถอนสายบัวแบบเลดี้
“ขอบคุณค่ะ แล้วนี่เจ้าของวันเกิดไปไหนซะล่ะคะ พีชยังไม่เห็นเลยว่าเค้าใส่ชุดอะไร”
“ชินมาโน่นแล้วจ้ะ” โรสบอก พีชญามองตาม แขกที่มางานแหวกออกเป็นทาง เห็นชินภัทรเดินมาในชุดเจ้าชาย หล่อมาก
“ว้าว ชิน หล่อม๊ากกก”
พีชมองชินภัทร ตาปิ๊งๆๆ ระหว่างนั้นมีคนใส่ชุดเสื้อคลุมแบบเพชรฆาตเดินเข้ามา ท่าทางลับๆ ล่อๆ ชัชเห็นแล้วแปลกใจ
“นั่นใคร...เพื่อนแกหรือเปล่า” ชัชถามชินภัทร
“ผมไม่ทราบเหมือนกันครับ มองไม่เห็นหน้า” ชินภัทรชะเง้อมอง
“อาไปดูเอง”
ชัชจะไปดูแต่โรสแตะแขนห้ามไว้ ท้วงเสียงอ่อนหวาน
“อย่าเลยค่ะ ชัช ก็คงเป็นเพื่อนๆ กันนั่นแหละ นี่มันปาร์ตี้ส่วนตัว คนอื่นจะเข้ามาได้ยังไงคะ”
ชินพยักหน้าเห็นด้วย ชัชมองไปยังเพชรฆาตอย่างไม่ค่อยสบายใจ อีกมุมหนึ่ง ห่างออกไป ชายคนหนึ่งในชุดนักบวชสวมเสื้อคลุมมีฮู้ดยืนมองชินภัทรอยู่ เห็นชินภัทรหันหลัง ยืนอยู่กับชัชและโรส...ชายคนนั้นหยิบมือถือขึ้นมา เปิดดูรูป รูปในมือถือเป็นภาพชินภัทรถ่ายตอนลองชุดเจ้าชาย ฮู้ดที่คลุมหัวเลื่อนลงมา
เห็นว่าชายคนนั้นคือ กงพัด ซึ่งได้หันกลับมาจับตามองชินภัทรอย่างมุ่งมั่น
จบตอนที่ 2
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.