xs
xsm
sm
md
lg

นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 10

เมขลาไปตั้งร้านขายของตามลำพัง ระหว่างนั้นโรสโทรมาหา

“อื้อๆ...ไม่ต้องห่วงฉันขายคนเดียวได้ เสร็จธุระแล้วก็รีบกลับมาแล้วกัน โอเค บาย”
เมขลาตัดสายหัน มาเจอเทวัญยืนยิ้มอยู่หน้าแผง
“ต้องการผู้ช่วยมั้ยครับ”
เมขลายิ้มให้ ขณะเดียวกันลูกค้าเดินมาดูสินค้า
“มีครีมพอกหน้าขาวสำหรับผู้ชายมั้ยคะ คือฉันจะซื้อไปให้แฟนใช้น่ะค่ะ”
เมขลารีบหยิบส่งให้
“ตัวนี้ไงค่ะ ได้ผลเร็วมาก ทาทิ้งไว้แล้วล้างออก จะเห็นเลยว่าหน้าขาวผ่องขึ้น”
ลูกค้ามองอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
“กลัวซื้อไปแล้วใช้ไม่ได้ผลจริงน่ะสิ” ลูกค้ามองไปทางเทวัญ “เออ...คุณคะ คุณช่วยลองให้ดูหน่อยได้มั้ย นะคะคุณ”
เมขลาตาโตจะอ้าปากค้าน แต่เทวัญรีบตอบรับ
“ได้ครับ ผมเองก็อยากลองซื้อใช้บ้างเหมือนกัน”
เทวัญพยักหน้าใก้เมขลา อย่างต้องการให้ทำตามคำขอของลูกค้า

ไม่นานนัก หน้าเทวัญโดนพอกครีมหนาไปข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างเว้นไว้เพื่อเปรียบเทียบความต่างของสีผิว
เมขลามองหน้าเทวัญแล้วขำไม่หยุดๆ เทวัญเขินมากแต่ก็พยายามเก็กหน้าไว้ เค้นเสียงออกมาเบาๆเพราะหน้าตึง
“นี่ อย่าหัวเราะกันสิ ผมชักไม่มั่นใจแล้วนะ”
เมขลารีบกลั้นหัวเราะไว้
“คุณดูดีมากค่ะ ดูดีกว่าทุกครั้งที่เจอกันเลย” เมขลาหัวเราะอีก
เทวัญมองไปตกใจ มีทั้งสาวๆป้าๆผ่านมาเห็นพากันรุมดูอย่างสนใจ เทวัญเห็นคนเยอะยิ่งอาย
“ผมไม่น่าหลวมตัวเลย คุณจะทำอะไรก็รีบๆทำเถอะครับ”
เมขลารีบหันไปบอกลูกค้าคนเดิม
“ทีนี้พอจับเวลาครบ15 นาทีแล้ว เราก็ล้างออกให้สะอาดก็จะเห็นเลยว่าหน้าที่พอกครีมไว้ ขาวกว่าอีกด้านหนึ่ง”
เมขลาเช็ดครีมให้เทวัญ หน้าทั้งคู่ใกล้ชิดกันมาก ลูกค้าพากันตื่นเต้นชอบใจ รุมล้อมดูหน้าเทวัญ
มีป้าๆบางคน จับหน้าลูบหน้าชื่นชมความหล่อของเทวัญซะงั้น
“ซื้อครีมแล้วแถมนายแบบด้วยหรือเปล่าจ๊ะพ่อหนุ่ม ถ้าแถมนะป้าเหมายกโหลเลย”
เทวัญเขิน เมขลายืนมองอยู่นอกวงขำเทวัญ แต่จู่ๆก็มีกระดาษสัญญาเงินกู้ ห้อยมาตรงหน้าจนเมขลานิ่วหน้า

เมขลาถือสัญญาเงินกู้ดู อย่างไม่อยากจะเชื่อ
“แกเอาเงินที่ไหนมาปลดหนี้”
เมขลาถาม โรสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดึงสัญญาไปฉีกทิ้ง
“แกเอาเงินมาจากไหน”
“ฉันถูกหวย”
“ฉันไม่เชื่อ หรือว่าแกขโมยแหวนฉันไปขาย”
เมขลารีบดูแหวนที่นิ้ว ก็ยังอยู่
“มีเงินหล่นมาบนฟ้า ฉันโชคดีเก็บได้ พอใจมั้ย”
เทวัญตะโกนเรียกจากร้าน...
“สองสาวมัวมายืนทำอะไรกันอยู่ มาช่วยกันขายหน่อยสิครับ”
โรสเผลอหลุดปาก
“เม แกไปสอยพ่อบุญทุ่มนี่มาจากงานสอยดาวแถวไหนวะ ฉันจะได้ไปสอยมาบ้าง ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ใจดียิ่งกว่าแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน” โรสระรื่นมาก “หมดหนี้ซะทียิ่งคิดยิ่งมีความสุข ฮิๆๆ”
โรสเดินไปที่ร้าน เมขลามองไปทางเทวัญ
“พ่อบุญทุ่มหรือ ใจดียิ่งกว่าแม่น้ำ”
เมขลาเข้าใจทันทีว่าเทวัญคือคนให้เงินโรสไปใช้หนี้ เธอฉุนเดินตรงดิ่งไปหาเทวัญที่ง่วนกับการขายของให้ป้าๆ
เมขลาหน้าบึ้งดึงเทวัญออกมาจากร้าน
“มีอะไรหรือคุณเม”
เมื่อมาถึงที่รถ เมขลาดันหลังเทวัญให้ขึ้นรถกลับไป
“คุณกลับไปซะ ต่อไปไม่ต้องมาที่นี่อีก”
“ผมทำผิดอะไร ผมแค่อยากช่วย”
เมขลายิ่งโมโห
“ในขณะที่ตัวเองกำลังตกงานอยู่เนี่ยนะ ลำพังตัวเองก็คงลำบากจะแย่ ถึงต่อให้มีเงินเก็บก็เถอะ คุณก็ต้องห่วงตัวเองก่อนสิ”
เทวัญยิ้มดีใจรู้ว่าเมขลาเป็นห่วง
“ที่คุณโมโหโวยวายไล่ผมไป เพราะคุณห่วงผมใช่มั้ย”
“คือฉัน...”
เมขลาอยากบอกว่าห่วงเพราะเทวัญเป็นเพื่อน แต่เทวัญพูดขึ้นก่อน...
“ผมต้องคอยทำตามความต้องการของคนอื่นมาตลอดชีวิต แต่แค่ไม่กี่วันที่ผมได้อยู่กับคุณ ผมสามารถยิ้มและหัวเราะได้อย่างสบายใจ เหมือนได้กลับเป็นเด็กอีกครั้ง สิ่งที่ผมได้จากคุณ มันมากกว่าเงินที่ผมช่วยเพื่อนคุณหลายพันเท่า”
เมขลาอึ้ง เทวัญกำลังจะเอื้อมมือไปจับมือเมขลาเกือบถึงอยู่แล้ว แต่เสียงมือถือเมขลาดังขัดจังหวะ เธอรีบกดรับเมื่อเห็นชื่อว่าเป็นใคร...
“สวัสดีค่ะน้าละมุน...ให้เมไปหาเดี๋ยวนี้เลยหรือคะ”
เทวัญได้ยินอย่างนั้นรีบเสนอ...
“ไปรถผมก็ได้ครับ”
เมขลาพยักหน้ารับ...

ธิดากับปองธรรมนั่งทานอาหารด้วยกัน โดยมีรามและเย็น ยืนเรียงอยู่ด้านหลังปองธรรม
“มีข่าวลือว่าพี่เทพไปติดหญิงหรือคะพ่อ ได้ยินว่าเป็นแม่ค้าอยู่ในตลาดนัด ยี้ พี่เทพนี่รสนิยมต่ำลงทุกที” ธิดามองที่นั่งที่พี่ชายเคยนั่งพลางบ่น
ปองธรรมหน้าเครียดไม่อยากฟัง
“อย่าพูดถึงชื่อนี้ มันจะทำให้พ่อกินข้าวไม่อร่อย”
ธิดาไม่กลัวพ่อ ถามเย็นแทน
“ไอ้เย็น แกรู้มั้ยว่านังแม่ค้านั่นหน้าตาเป็นยังไง”
เย็นจะอ้าปากบอก แต่รามเหยียบเท้าไว้ เตือนว่าไม่ให้พูด
“ผมไม่รู้เรื่องเลยครับคุณเทเรซ่า ไอ้คนที่ลือ ก็คงลือไปเรื่อยเปื่อย”
เย็นปฏิเสธตามที่รามห้าม ขณะเดียวกัน คนงานถลาล้มลงมาตรงหน้าปองธรรม โดยมีแสงเดินตามเข้ามา
“พ่อเลี้ยงครับ ผมหาตัวไอ้คนที่มันขโมยชาไปขายได้แล้วครับ”
ปองธรรมจ้องคนงานที่รีบคุกเข่ากราบกราน
“ไว้ชีวิตผมด้วย ผมผิดไปแล้วพ่อเลี้ยง”
ปองธรรมพูดเสียงราบเรียบ
“พวกคนทรยศโทษของมันคือตาย สถานเดียว”
“ครับพ่อเลี้ยง”
แสงจะลากคอไป ปองธรรมขัดขึ้น
“แกไม่ต้องแสง ราม! นี่เป็นงานแรกของแก”
รามชักใจไม่ดี ปองธรรมสั่ง...
“เป่ามันซะ”
รามไม่อยากทำ ยืนอึ้งไป ธิดารีบขัด
“งานง่ายๆอย่างนี้ ให้คนอื่นทำก็ได้นี่คะ ทำไมต้องเป็นรามด้วย”
รามกลัวคนงานตายรีบบอก
“ไม่เป็นไรครับคุณเทเรซ่า ผมทำเอง”
รามจำใจลากตัวคนงานออกไป คนงานยังร้องขอชีวิตจากปองธรรม ที่ไม่สนใจตักกับข้าวให้ธิดา
“กินเยอะๆลูก พ่อสั่งให้พ่อครัวทำอาหารที่ลูกชอบทั้งนั้น”
ธิดายิ้มแย้มไม่ได้ยี่หระกับเสียงขอชีวิต
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ คุณพ่อใจดีที่สุดในโลกเลย”
ขณะเดียวกัน แสงมองตามหลังรามไปอย่างไม่ไว้ใจ

บริเวณทางเข้าไร่ รามผลักคนงานเซไปข้างหน้า เล็งปืนใส่
“ฉันจะให้โอกาสแก วิ่งออกไปจากไร่ให้เร็วที่สุด ถ้าพ้นวิถีกระสุนฉันได้ แกก็รอด แล้วอย่าให้ใครเห็นแกอีก ไป”
คนงานรีบวิ่งเข้าพงหญ้า แต่รามลดปืนลงไม่ได้สนใจจะยิงอย่างที่พูด ขณะที่จะขึ้นรถจิ๊บ เห็นแสงขับรถตรงมา รามตกใจตัดสินใจวิ่งเข้าพงหญ้าตามคนงาน กลัวแสงถามถึงศพแแสงจอดรถเห็นหลังรามไวๆ รีบตามเข้าไป
คนงานหันมาเห็นราม
“มาทางนี้”
รามกระชากคนงานแหวกพงหญ้าไปที่ริมหนองน้ำ รามผลักคนงานเซไปริมหนองน้ำ คนงานยกมือไหว้ขอชีวิต
“ไว้ชีวิตผมเถอะ ที่ผมต้องขโมยชา เพราะแม่ผมป่วย ผมไม่มีเงินพาแม่ไปรักษา ฮือๆๆ”คนงานปล่อยโฮร้องไห้
“ทนเจ็บหน่อยนะ แค่มดกัด”
รามจ่อปืนไปที่ไหล่ยิงเปรี้ยง คนงานทรุด
“ถ้าอยากมีชีวิตอยู่ก็ทำตามที่ฉันสั่ง ฉันจะสอนการระเบิดปอดให้ สูดหายใจเข้าเต็มปอดลึกๆ แล้วหายใจออกให้หมดเพื่อไล่คาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย อมอากาศไว้ในแก้ม ถ้าเริ่มทนไม่ไหว ให้กลืนอากาศในแก้มลงไปในปอดทีละนิด ก็จะกลั้นหายใจได้นานขึ้น จำไว้นอนตายให้นิ่งที่สุด” รามสั่งเฉียบ “รีบทำ”
คนงานรีบทำตาม

แสงเดินแหวกพงหญ้าสูงหารามได้ยินเสียงปืนดังอีกนัด
เปรี้ยง!
แสงวิ่งไปทางเสียงเห็นรามยืนหันหลังมองไปทางหนองน้ำ รามหันมาหาแสง
“พี่แสง พี่ตามมาช่วยผมหรือครับ”
“ฉันอยากเห็นผลงานแก จะได้รายงานพ่อเลี้ยงถูก ศพมันล่ะ”รามเบี่ยงหลบให้แสงเห็น ร่างของคนงานนอนคว่ำหน้านิ่งอยู่บนผิวน้ำ เลือดที่ไหล่แดงฉานปนกับน้ำ
แสงเดินไปที่หนองน้ำ รามลุ้นหวังว่าคนงานจะทนขาดอกาศได้
แสงหันมาหาราม
“จัดการฝังศพมันให้เรียบร้อย อย่าทิ้งร่องรอยไว้”
รามโล่งอก
“ครับพี่แสง ไว้ใจผมได้”
แสงเดินกลับไป รามรีบลงน้ำไปช่วยคนงาน พร้อมกับติดต่อก้องภพทางนาฬิกาสื่อสารไปด้วย
“ผมเจอปัญหาเล็กน้อย ตอนนี้เคลียร์ผ่านแล้ว ท่านช่วยส่งลูกน้องที่อยู่ใกล้พื้นที่ มารับตัวคนเจ็บไปด้วย ต้องกำชับให้ระวังลูกน้องเสือใหญ่เห็นนะครับ”
คนงานบีบแผลที่ไหล่แน่น รีบบอกราม...
“ผมรู้เส้นทางลัดที่จะผ่านท้ายไร่เข้ามาง่ายๆครับ”

เมื่อเมขลาไปพบ ละมุนได้นำจดหมายที่ทรงวาดฝากไว้ให้มาให้
“คุณทรงวาดแวะมาถามข่าวคราวของหนู น้าพยายามโทรหาแต่ก็ติดต่อหนูไม่ได้ ท่านก็เลยฝากจดหมายไว้แทน”
เมขลารีบเปิดจดหมายออกอ่าน
“แม่มีเรื่องสำคัญมากอยากคุยกับเม ถ้าหนูไม่มา แม่คงเสียใจไปตลอดชีวิต”
เมขลาอึดอัดใจ ห่วงก็ห่วงแต่ไม่อยากยุ่งกับรามอีก ละมุนแตะมือ...
“น้าไม่รู้หรอกนะว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเมบ้าง แต่คุณทรงวาดท่านดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย”
เมขลาตัดสินใจไม่ไป
“เมไม่มีหน้ากลับไปหาคุณแม่อีกแล้วค่ะน้าละมุน”
เมขลาเครียดๆ เทวัญมองเธออย่างเป็นห่วง

ทรงวาดนั่งที่โต๊ะอาหารคนเดียวอย่างเหงาๆ หันไปเห็นป้าแจ่มรีบถาม
“คุณฤทธิ์ล่ะ”
“เมื่อกี้นี้ คุณฤทธิ์โทรมา ให้เรียนคุณท่านว่าไม่ต้องรอทานข้าว เพราะวันนี้ต้องทำงานดึกค่ะ”
ทรงวาดอึ้งไปนิดหนึ่ง
“ฉันนี่มันแย่จังเลยนะ มัวแต่ห่วงตัวเอง ห่วงเรื่องลูก จนลืมว่าเขาทำงานหนักเพื่อครอบครัวเราขนาดไหน แจ่ม จัดอาหารใส่กล่องให้ฉันหน่อย”
“คุณท่านจะเอาไปไหนหรือคะ”
ทรงวาดบอกให้รู้ว่าจะนำไปให้เรืองฤทธิ์ที่บริษัท ป้าแจ่มจึงรีบเข้าครัว...

เมขลากับเทวัญนั่งทานอาหารด้วยกันที่ร้านอาหาร
“คุณเม...คุณเมครับ”
เทวัญเรียกเพราะเห็นเธอนั่งเหม่อ
“คะ”
เมขลากำลังตักน้ำปลาพริกราดข้าวแกง ความใจลอยทำให้ตักไม่หยุด พริกกองสุมเต็มจาน
“เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอกครับ” เทวัญบุ้ยใบ้ไปที่จานข้าว
เมขลางงๆ มองไปที่จาน เห็นมีพริกจากถ้วยน้ำปลาพริกกองพูนก็ยิ้มแห้งๆ
“อ๋อ ไม่ปวดหรอกค่ะ ฉันชอบของเผ็ดๆ”
เมขลารีบตักข้าวเคี้ยวโชว์ แต่เผ็ดจนสำลัก เทวัญรีบยื่นแก้วน้ำให้ เธอดื่มน้ำอึกใหญ่
“ถ้าคุณเป็นห่วงคุณแม่ คุณก็น่าจะไปหาท่าน จะมัวทิฐิอยู่ทำไม พ่อกับแม่คือพระในบ้านนะครับ”
“คุณไม่เข้าใจ ฉันไม่ได้ถือทิฐิ แต่ฉันไปไม่ได้จริงๆ”
“ไปไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าคุณจะคุยกับท่านไม่ได้นี่”
เทวัญส่งมือถือให้ เมขลาจึงโทรไปที่บ้านทรงวาด ป้าแจ่มเป็นคนรับสาย
“คุณท่านไม่อยู่ค่ะ ออกไปหาคุณฤทธิ์ที่บริษัท”
“แล้วป้ารู้มั้ยว่าคุณแม่จะกลับเมื่อไหร่”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่ท่านออกไปตั้งนานแล้ว นี่แจ่มก็รอๆอยู่ เพราะพักนี้ท่านไม่ค่อยสบาย วันก่อนก็ทำท่าจะเป็นลมเป็นแล้งไปทีนึงแล้ว”
เมขลาฟังป้าแจ่มพูด แล้วไม่สบายใจขึ้นมา

จักรนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ในห้องทำงานของทรงฤทธิ์ กำลังถ่ายโอนเงินของบริษัทเข้าบัญชีเรืองฤทธิ์ ที่เจ้าตัวเดินไปเดินมาอย่างกังวล กลัวใครจะมาเห็นเข้า...
“ทำไมยังไม่เสร็จอีก แล้วนี่โอนได้กี่ล้านแล้ว”
ขณะเดียวกันที่หน้าห้อง ทรงวาดถือกล่องอาหารเดินตรงมา กำลังจะยกมือเคาะประตู ได้ยินเสียงจากด้านในทำให้หยุดชะงัก
“ผมโอนเงินบริษัทไปเข้าบัญชีคุณฤทธิ์แค่ 20 ล้านก่อนนะครับ”
“เพิ่มให้เป็นห้าสิบไม่ได้หรือไง”
“ผมกลัวว่าจะผิดสังเกตน่ะสิครับ เกิดบัญชีรู้เข้าก็จบเลย”
ทรงวาดตะลึงเพราะไว้ใจเรืองฤทธิ์มาก ทรงวาดมือไม้อ่อน ปล่อยกล่องอาหารตกลงพื้น ทางด้านเรืองฤทธิ์กับจักรมองหน้ากันเครียดๆ เมื่อได้ยินเสียงของตกที่หน้าห้อง
“ใคร...ฉันถามว่าใคร”
เรืองฤทธิ์รีบตรงไปเปิดประตู แล้วต้องสะดุ้งเจอทรงวาดเปิดประตูสวนเข้ามาพอดี
“พี่วาด!”
ทรงวาดเสียใจและผิดหวังสุดๆ เงื้อมือตบหน้าเรืองฤทธิ์จนหน้าหัน เรืองฤทธิ์โมโห แต่ข่มไว้
“ทำไมฤทธิ์ถึงได้ทำแบบนี้ ฤทธิ์โกงพี่ได้ยังไงทั้งๆ ที่พี่รักและไว้ใจฤทธิ์เหมือนน้องชายพี่แท้ๆ”
“ผมก็ไม่ได้อยากทำแต่มันจำเป็นจริงๆ”
“จำเป็นขนาดต้องหักหลังพี่เลยเหรอ “
“ธุรกิจส่วนตัวที่ผมลงทุนเอาไว้ เกิดปัญหาผมหมุนเงินไม่ทันเลยมาหมุนเงินบริษัทพี่วาดไปใช้หนี้ก่อน แต่ผมเห็นพี่กำลังเครียดเรื่องรามเลยไม่อยากเอาปัญหาไปสุม”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ที่ฤทธิ์จะทำแบบนี้”
“ครับ”เรืองฤทธิ์โล่งนึกว่าทรงวาดให้อภัย “ขอบคุณพี่วาดมากที่เข้าใจผม”
“แต่พี่ต้องขอให้ฤทธิ์กับจักรพักงานตั้งแต่วันนี้ พอพี่เคลียร์เรื่องทั้งหมดกับฝ่ายบัญชีเรียบร้อยค่อยกลับมา”
เรืองฤทธิ์อึ้ง ทรงวาดเดินไปทันที จักรหันกลับมาถาม...
“คุณฤทธิ์จะยอมพักงานจริงๆ หรือครับ”
“แกคิดว่าอีแก่นั่นมันจะสั่งฉันได้หรือ”
เรืองฤทธิ์สบตาจักรเหี้ยมๆ

เมขลาตัดสินใจมาหาทรงวาดที่บริษัท เทวัญที่เดินตามมา ความใหญ่โตของบริษัทอย่างสนใจ
“ผมได้ยินชื่อบริษัทนี้มานานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเป็นของคุณแม่คุณ”
“จริงๆท่านไม่ใช่คุณแม่ฉันหรอกค่ะ ท่านเป็นคุณแม่คุณราม”
เทวัญแปลกใจ
“รามก็รวยนี่ แล้วทำไมถึงยอมไปทำงานกับพ่...เอ่อ กับพวกผม”
เมขลากดเรียกลิฟต์
“คุณรามกับคุณแม่ไม่ค่อยถูกกัน เขาเลยหาทางออกด้วยการทำตัวมีปัญหา ประชดชีวิตน่ะค่ะ”
“เพราะแบบนี้คุณเลยพยายามดึงเขาออกมาจากที่นั่น”
เมขลาพยักหน้า เศร้าๆ
“แต่ก็อย่างที่คุณเห็นนั่นแหละค่ะ ฉันทำไม่สำเร็จ การเป็นคนดีคงยากเกินไปสำหรับเขา”
เทวัญอึ้งพูดไม่ออก เพราะตัวเขานั้น อยากเป็นคนดี แต่ทำไมรามอยากไปเป็นคนเลว

ทรงวาดมายืนรอลิฟท์ โดยไม่รู้ว่าศีรษะตัวเองนั้นอยู่ในศูนย์กล้องปืน จักรกำลังจะกดไก แต่เรืองฤทธิ์ตะปบมือเขาเสียก่อน
จักรสะดุ้งหันไป
“ถ้าแกใช้ปืน เดี๋ยวคนก็แห่กันมาหรอก”
จักรลดปืนลง มองไปเห็นลิฟท์มา หยุดดังติ๊งพอดี
“แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ เราจะกำจัดมันไม่ทันนะครับ”
เรืองฤทธิ์คิดๆ ก่อนวิ่งออกไปหาทรงวาด
“เดี๋ยวครับพี่วาด “
ทรงวาดกำลังก้าวเข้าลิฟต์หันมามอง เรืองฤทธิ์เข้าประชิดตัว ชกท้องทรงวาดจนทรุดลง จักรเข้าประคองก่อนล้ม ทรงวาดมองเรืองฤทธิ์อย่างคาดไม่ถึง
“ พี่วาดบังคับให้ผมทำแบบนี้เองนะ”
เรืองฤทธิ์กับจักรลากทรงวาดออกไปทางประตูบันไดหนีไฟ
“นี่ฤทธิ์จะทำอะไร ปล่อยพี่นะ”
ทรงวาดดิ้นๆแต่ไม่หลุด ยืนหมิ่นเหม่ที่ขั้นบันไดมาก ทั้งกลัวทั้งโมโห เรืองฤทธิ์หัวเราะเหี้ยม“ปล่อยแน่ไม่ต้องห่วง เตรียมนึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วให้ดีๆก็แล้วกัน อ้อ! ไอ้สารเลวโรจน์อีกคน แกจะได้ไปเจอมันแล้วนี่”
“ทำไมฤทธิ์เรียกพี่โรจน์แบบนั้น พี่โรจน์รักฤทธิ์มากนะ”
“ผัวแกไม่เคยรักฉันหรอกนังโง่ มันแค่อยากจิกฉันไว้ใช้เท่านั้น แกก็เหมือนกัน อย่ามาหลอกฉันเสียให้ยากเลย ไปลงนรกซะเถอะอีแก่”
เรืองฤทธิ์กับจักรจะผลักทรงวาด แต่ทรงวาดกลั้นใจ หันไปกัดมือจักร
“เฮ้ย”
จักรตกใจ เกือบตกบันได มือที่จับทรงวาดหลุดออก ทรงวาดหันมาสู้กับเรืองฤทธิ์จะหนีให้ได้ แต่ถูกตะครุบตัวไว้ทัน
“ฤทธิ์มากนักนะ แกคิดหรือว่าจะหนีพวกฉันรอด”
“ฤทธิ์ทำแบบนี้ ก็ไม่มีวันรอดพ้นคุกพ้นตะรางเหมือนกัน”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการกับแกอย่างแนบเนียน จนทุกคนคิดว่าเป็นอุบัติเหตุเลยล่ะ...ไอ้จักรมาช่วยกันเร็วๆ สิวะ”
“ไม่นะ...อย่านะ...”
ทรงวาดส่ายหน้า พยายามดึงเสื้อเรืองฤทธิ์ไว้สุดฤทธิ์ แต่สุดท้ายก็ถูกแกะมือออกจนได้ ทรงวาดพลาดลื่นตกไป
“ไม่”
ทรงวาดกรีดร้องตกใจที่ถูกผลักให้ตกบันได เมขลากับเทวัญออกมาจากลิฟท์ ได้ยินเสียงทรงวาดร้อง
“คุณได้ยินเสียงเมื่อกี้มั้ยคะ”
เทวัญพยักหน้า
“เหมือนเสียงคุณแม่เลย”
เมขลาวิ่งตามหาทรงวาด พลางร้องเรียก
“คุณแม่...คุณแม่คะ”

ทรงวาดนอนคว่ำ หน้าตะแคงที่พื้น มีเลือดออกมุมปาก ตาเบิกกว้าง พยายามจะพูด แต่พูดไม่ออก พยายามเอื้อมมือไปจะจับเรืองฤทธิ์ให้ช่วยด้วย แต่เรืองฤทธิ์ยืนมองอยู่อย่างสะใจ แกะเน็คไทตัวเองออกส่งให้จักร ทรงวาดส่ายหน้า เดาได้ว่าจะทำอะไรพยายามพูดว่าอย่า แต่ไม่มีเสียง
จักรรับเน็คไทไป ดึงกระชับให้ตึง
“แกจัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อยด้วยล่ะ”
เรืองฤทธิ์เปิดประตูหนีไฟไป จักรแสยะยิ้ม เอาเน็คไทคล้องคอทรงวาด จะมัดคอเพื่อให้ขาดใจตาย
เสียงประตูบันไดหนีไฟชั้นบนเปิดดังขึ้น จักรชะงัก
“คุณแม่...”
จักรเห็นเงาเมขลากับเทวัญลงบันไดมา
“อีตัวแสบนี่อีกแล้ว”
จักรรีบหลบ เมขลากับเทวัญลงมาถึงพอดี เมื่อเห็นทรงวาดนอนอยู่รีบเข้าไปประคอง
“คุณแม่!...”
ทรงวาดมองเมขลาเลือนๆ พยายามอ้าปากจะบอกเรื่องเรืองฤทธิ์ แต่หมดสติไปเสียก่อน
“คุณแม่..คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ พูดกับหนูสิคะคุณแม่ คุณแม่”
เมขลากอดทรงวาดแน่น ร้องไห้โฮออกมา เรืองฤทธิ์กับจักรที่แอบมองอยู่ ค่อยๆหลบออกไปอย่างไม่พอใจที่เมขลาทำเสียแผน

รามอยู่ในห้อง กำลังจะไปอาบน้ำ ถอดเสื้อออกแล้วสร้อยพระที่คอหลุดร่วงลงพื้น รามชะงัก รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา
เมื่อรามอาบน้ำเสร็จ ก้าวออกจากห้องน้ำ หยิบพระที่คล้องคอขึ้นมาดู ยังไม่หายวิตก รามหยิบมือถือขึ้นจะโทรหาทรงวาด แต่กดๆ ลบๆ อย่างลังเล แล้วชะงัก
รามเห็นประตูตู้เสื้อผ้าแง้ม คิดว่าเป็นศัตรูแอบเข้ามา จึงย่องไปดู พร้อมหยิบปืนพกออกมาถือไว้ แล้วกระชากประตูตู้ออก
“เซอร์ไพรส์ !”
รามตกใจ ปืนหลุดมือ
“คุณเทเรซ่า!”
“แปลกใจใช่มั้ย”
ธิดาเข้าเบียด รามรีบถอยแต่ดันถอยไปทางเตียง
“ตกใจ เอ๊ย แปลกใจมากครับ”
ธิดาตาม รามสะดุดขาตัวเอง ล้มลงบนเตียง
“งั้นเดี๋ยวนายจะเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่านี้อีก”
ธิดาตามขึ้นคล่อม รามรีบพลิกตัวหลบ ขึ้นอยู่บนอย่างคุมเกม
“คงไม่ใช่ให้พ่อเลี้ยงมาเซอร์ไพรส์ผม ด้วยลูกปืนฐานรังแกลูกสาวท่านใช่มั้ยครับ”
รามทำเนียนๆ ตาเยิ้มๆ แต่หาทางเลี่ยงไปด้วย ธิดาผลักรามให้ลงไปอยู่ข้างล่างแทน
“ไอเดียดีนะ แต่เสียดายที่คุณพ่อไม่อยู่ ฉันเลยมาเซอร์ไพรส์นายคนเดียว”
ธิดาลงมือแกะกระดุมเสื้อราม รามหูผึ่งแต่ รีบติดกระดุมตาม
“พ่อเลี้ยงไปไหน แล้วจะกลับเมื่อไหร่ครับ”
“ใครจะไปสนเรื่องพวกนั้น ในเมื่อมีอย่างอื่นน่าทำกว่าเป็นกอง”
ธิดาแกะกระดุมอีก รามใส่
“นี่นายรังเกียจฉันหรือไง”
“ผมอยากไว้คืนวันแต่งงานของเรามากกว่า”
“นายสัญญาแล้วนะ” ธิดาดีใจที่ได้ยินว่ารามจะแต่งงานด้วย
“คนอย่างผมไม่ผิดคำพูดอยู่แล้ว แต่คุณก็ต้องรักษาสัญญาด้วยเหมือนกัน”
“สัญญาอะไร”
“ให้ผมพิสูจน์ตัวเองกับพ่อเลี้ยง พาผมไปหาท่าน ให้ท่านเห็นว่าผมจริงจังและจริงใจกับคุณแค่ไหน”
ธิดานิ่งคิด รามมองลุ้นๆ มือกำพระอธิฐานไปด้วย
‘…หลวงพ่อช่วยดลบันดาลให้คุณธิดาทำตามที่ผมบอกด้วยนะครับ...แล้วก็ขอให้ช่วยคุ้มครองแม่กับเออ...” รามนึกถึงเมขลาแต่ก็ปฏิเสธใจตัวเอง “ใครก็ได้ครับแล้วแต่หลวงพ่อแล้วกัน”

ที่โรงพยาบาล...ทรงวาดนอนใส่ที่ช่วยหายใจหัวมีผ้าพัน เพราะเลือดคั่ง ต้องผ่าเอาเลือดออก แต่ยังไม่ได้สติ เมขลาที่ยืนมองอยู่ ร้องไห้สงสารทรงวาดมาก
“ถ้าฉันมาหาท่านตั้งแต่ตอนน้าละมุนบอก เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น”
เทวัญโอบเมขลาปลอบใจ
“ไม่มีใครรู้อนาคตหรอกครับ คุณอย่าโทษตัวเองไปเลย”
เมขลาเริ่มสติแตก ปล่อยโฮ
“ไม่จริง ทั้งหมดเป็นเพราะฉัน ถ้าฉันอยู่กับท่าน ไม่ทิ้งท่านมา คุณแม่ก็คงไม่ตกบันได จนเลือดคั่งในสมองกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราแบบนี้”
เทวัญบีบแขนเตือนสติ
“ใจเย็นๆ สิครับ หมอบอกแล้วว่าคุณแม่ของคุณยังพอมีโอกาสฟื้น แต่ถ้าคุณโวยวายแบบนี้แล้วจะช่วยคุณแม่ได้ยังไง”
เมขลาได้สติ พยายามเช็ดน้ำตา เทวัญสงสารจะดึงมากอดแต่ไม่กล้า ได้แต่โอบไหล่ ลูบหลังแทน
ขณะเดียวกัน เรืองฤทธิ์กับจักร ทำทีเป็นเดินร้อนรนเข้ามา
“หนูเม! พี่วาดเป็นยังไงบ้าง”

เมขลามองไปที่ประตูห้องไอซียู เรืองฤทธิ์กับจักรรีบเข้าไปดูทันที

อ่านต่อหน้า 2





นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 10 (ต่อ)

เมื่อไปดูอาการของทรงวาดในห้องไอซียู แล้วกลับออกมา เรืองฤทธิ์ตีหน้าเศร้าอย่างเสแสร้ง ขณะที่จักรมองสำรวจเทวัญว่าเป็นใคร เทวัญหันไปเห็นสบตากัน จักรรีบหลบตาอย่างมีพิรุธ แต่เทวัญยังไม่รู้สึก

“หนูรู้มั้ยว่าทำไมพี่วาด ไปทำอะไรอยู่แถวบันไดหนีไฟ จนเป็นลมเป็นแล้งตกลงมาแบบนั้น” รืองฤทธิ์แกล้งถาม
เทวัญแปลกใจ หันไปถามเมขลา
“เห็นคุณเมบอกว่า คุณแม่คุณไปหาคุณอาไม่ใช่หรือครับ”
เรืองฤทธิ์ตาร้ายใส่เทวัญแวบหนึ่ง เทวัญรู้สึกได้ ขณะที่เมขลาไม่รู้เรื่อง หันไปแนะนำ
“คุณเทพเป็นเพื่อนของหนูค่ะ...นี่อาฤทธิ์ อาคุณราม”
เทวัญยกมือไหว้ เรืองฤทธิ์รับไหว้ก่อนคลี่ยิ้มให้อย่างใส่หน้ากาก แล้วหันไปพูดกับเมขลา
“คืออายังไม่ได้เจอกับพี่วาด เพราะว่าอากับจักรกลับไปซะก่อน”
“ตอนที่หนูกับคุณเทพไปถึง ก็เห็นคุณแม่อยู่ตรงนั้นแล้วค่ะ”
เรืองฤทธิ์พยักหน้า ไม่สนใจเทวัญ
“แล้วพี่วาดได้พูดอะไรกับหนูบ้างหรือเปล่า”
เมขลาคิดๆ
“คุณแม่ทำท่าจะบอกอะไรหนูเหมือนกันค่ะ แต่หมดสติไปก่อน”
เรืองฤทธิ์ลอบสบตากับจักรอย่างกังวล เทวัญเห็นพอดี เริ่มไม่สบายใจ เพราะเขาอยู่กับคนเลวมาเยอะจึงพอจะดูท่าทีออก ขณะที่เรืองฤทธิ์เผลอตะคอก
“บอกอะไร”
เมขลางง เทวัญช่วยพูด
“ยังไม่ได้บอกหรอกครับ คุณอาสงสัยอะไรหรือ”
เรืองฤทธิ์หมั่นไส้เทวัญ แต่ฝืนตอบดี
“ผมคิดว่าพี่วาดอาจจะอยากเจอรามน่ะ รามหลานชายผม สามีเมเขา”
เรืองฤทธิ์จงใจพูดใส่หน้าเทวัญ แล้วหันมาทางเมขลา
“แล้วนี่หนูโทรบอกตารามหรือยัง”
“หนูไม่ได้ติดต่อคุณรามเลยค่ะ”
“งั้นหนูช่วยไปตามหารามให้อาทีเถอะ”
“แต่...”
“อารู้ว่าพวกหนูโกรธกัน แต่อาอยากให้คิดเสียว่าทำเพื่อพี่วาด”
เมขลาหนักใจ แต่จำต้องพยักหน้ารับ

เมขลาเดินมาจากโรงพยาบาลกับเทวัญเครียดๆ เธอกลุ้มเรื่องไปตามหาราม ขณะที่เทวัญยังติดใจเรืองฤทธิ์ว่าเป็นคนเลวอยู่
“ปกติคุณเจอกับคุณอารามบ่อยมั้ย”
“เราอยู่บ้านเดียวกันค่ะ คุณถามทำไมหรือคะ”
“ผมรู้สึกว่าเขาพูดจาแปลกๆ คนของเขาก็ดูหลุกหลิกชอบกล”
“อาฤทธิ์คงกำลังเครียดเรื่องคุณแม่น่ะค่ะ ปกติพวกท่านก็รักกันจะตายไป เพราะขนาดคุณพ่อคุณรามเสียไปตั้งนานแล้ว อาฤทธิ์ยังช่วยดูแลคุณแม่กับคุณรามมาตลอด”
เทวัญไม่อยากเชื่อ แต่ก็ไม่ขัดคอ
“แล้วคุณพอจะรู้มั้ยว่าคุณรามอยู่ที่ไหน”
เทวัญพยักหน้ารับอย่างรู้ดี ช่วงเวลาเดียวกันนั้น เรืองฤทธิ์ กับจักรได้เข้าไปดูอาการทรงวาดอีกครั้ง แล้วออกมาจากห้องไอซียูอย่างโล่งใจ
“ดูท่าอีแก่จะยังไม่รู้สึกตัวอีกนานนะครับ”
“และมันจะไม่มีวันรู้สึกตัวด้วย” เรืองฤทธิ์หัวเราะ
“เพราะแบบนี้ใช่มั้ยครับ คุณฤทธิ์ถึงหาเรื่องไล่นังเมให้ไปตามไอ้รามให้พ้นๆ”
เรืองฤทธิ์พยักหน้า
“ระหว่างที่ฉันคอยหาทางจัดการนังวาด แกก็รีบไปติดต่อเรื่องโปรเจคยักษ์ของพ่อเลี้ยงปองธรรมซะ”
จักรพยักหน้ารับคำ

รามเดินสำรวจรอบบ้านพักภายในไร่ และใช้มือถือแอบถ่ายเอาไว้ด้วย ขณะที่เย็นกับบรรดาลูกน้องช่วยกันเช็ดรถ ดูดฝุ่นให้ธิดาอย่างรีบเร่ง เย็นหันไปเห็นรามพอดี
“ไอ้ราม!”
รามสะดุ้ง รีบซ่อนมือถือไว้ในฝ่ามือ
“มานี่เลยไอ้ตัวแสบ มาช่วยกันเดี๋ยวนี้ หนอย คิดยังไงวะ ถึงจะให้คุณเทเรซ่าพาไปหาพ่อเลี้ยงในไร่ตั้งแต่เช้า”
เย็นยัดผ้าให้ รามอมยิ้มดีใจที่ธิดายอมพาไป
“คุณเทเรซ่าบอกพี่แบบนั้นหรือ”
“ก็เออสิ พวกข้าเลยต้องซวยไปด้วยเลย โดนปลุกให้มาล้างรถแต่เช้ามืด แล้วเอ็งจะเข้าไปหาพ่อเลี้ยงทำไมวะ”
รามช่วยเย็นเช็ดรถพลาง คุยไปพลาง
“ผมเห็นว่าไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว เลยอยากช่วยงานท่านให้เต็มที่”
แสงที่เดินมา ได้ยินพอดีมองรามอย่างหมั่นไส้มาก

ธิดาอยู่ในชุดสวยยืนหน้ากระจก กระโปรงบานย้วย รองเท้าส้นสูง สร้อยคอพะรุงพะรัง แต่สวยงาม ธิดากำลังฉีดน้ำหอมที่หู คอ แล้วนึกได้ ดมๆ ฉีดรักแร้
เสียงเคาะประตูห้องดังเข้า ธิดาคิดว่าราม
“เดี๋ยวนะ”ธิดาคิดๆ
ธิดาหันไปคว้าขวดน้ำหอม มาฉีดเข้าไปใต้กระโปรง ธิดายิ้มกริ่มแล้วเดินไปเปิดประตู
“นายชอบน้ำหอมกลิ่นนี้มั้...” ธิดาชะงักเห็นแสงแทน มองตาเขียว รีบวางมาดเก็ก “แกเองเหรอ มีอะไร”
“ผมได้ยินว่าคุณเทเรซ่า จะเข้าไปหาพ่อเลี้ยงในไร่หรือครับ”
“ใช่ ทำไม”
“วันนี้ในไร่ร้อนมากนะครับ”
ธิดาคว้าหมวกใบใหญ่สวยมาถือไว้
“เรื่องนี้ฉันรู้อยู่แล้ว”
“ฝนที่ตกมาวันก่อนก็ทำให้พื้นตรงนั้นเป็นโคลนไปหมด”
ธิดาอึ้งๆ มองดูรองเท้าส้นสูงสุดสวย
“ฉันขับรถไป ไม่ได้เดินเข้าไป” ธิดาฝืนเชิดแต่เริ่มลังเล
“แล้วงูก็หนีน้ำมาอยู่ในไร่เยอะมาก เห็นว่าเมื่อคืนพ่อเลี้ยงก็เจอตั้งหลายตัว มีทั้งไอ้เห่า ไอ้หลาม ไอ้เหลือม”
ธิดาสยอง
“งูเหรอ!”
แสงซ่อนยิ้มพอใจ ก่อนทำหน้าเคร่ง
“ครับ ยังไงคุณเทเรซ่าก็ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน”
แสงบอกแล้วเดินกลับไป ธิดาทำหน้ายี้สุดๆ
“งู โคลน แดด...อี๊ย์!”
ธิดาคิดที่จะเปลี่ยนแผนทันที...

ธิดาขับรถ แล้วพารามไปที่น้ำตก โดยผูกผ้าปิดตาเขาไว้อย่างหยอกล้อ
“ถึงแล้ว เอาผ้าออกได้”
รามรามดึงผ้าปิดตาออก แล้วอ้าปากค้าง เห็นธิดาอยู่ในชุดบิกินี่ ลงไปแช่น้ำตกแล้ว ขณะที่เขายังอยู่บนตลิ่ง
“ไหนคุณบอกว่าจะพาผมไปหาพ่อเลี้ยงไง”
“ก็ฉันร้อน อยากเล่นน้ำกับนายก่อน”
“แต่...”
ธิดาไม่ฟังเสียง จะฉุดรามลงมาในน้ำด้วยให้ได้ รามขืนตัวไว้
“มาสิ...เร็วเข้า”
“เดี๋ยวครับ...คุณเทเรซ่า ใจเย็น”
ธิดาชักงอน
“เล่นน้ำแค่นี้คงไม่ต้องรอให้ถึงวันแต่งงานหรอกนะ อย่ามาทำเป็นหัวโบราณนักเลย ไม่งั้นฉันโกรธนายจริงๆ ด้วย”
รามอึ้ง พยายามเอาใจคิดหาทางหนีไปด้วย
“โถ...ถ้าคุณโกรธผม ก็ไม่ได้เห็นขาอ่อนของผมนะครับ”
ธิดาหัวเราะชอบใจ
“ตายแล้ว คนอะไรพูดจาไม่อายฟ้าดิน มันน่าจูบปากสั่งสอนนัก มาซิ” ธิดาวักน้ำใส่ “ไม่รีบลงมานายได้เปียกทั้งตัวแน่”
รามหันไปเห็นท่อนไม้ลอยอยู่ข้างหลังธิดา แล้วคิดแผนการณ์ออก
“ได้เลยครับคนสวย น้ำเป็นของปลา ฟ้าเป็นของนก แต่วันนี้ผมเป็นของคุณเทเรซ่าคนเดียว”
รามทำท่าจะถอดเสื้อ ธิดามองตาปรอย น้ำลายหก แต่พอถอดเสื้อเสร็จ รามทำชะงัก ตาเหลือก ธิดาเสียอารมณ์
“มีอะไรอีกล่ะ”
“จ...จระ...เข้”
ธิดาเบ้หน้า
“อย่ามาโม้ จระเข้ที่ไหนจะมาอยู่ในน้ำตกแบบนี้ มาเร็วเข้า ฉันขี้เกียจรอแล้วนะ”
ธิดาลุยน้ำขึ้นไป
“ผมไม่ได้โม้ จระเข้จริงๆ”
“ระหว่างจระเข้กับแม่เสือสาวอย่างฉัน นายกลัวอะไรมากกว่ากันฮึ ม๊าววว”
ธิดาทำท่าจะข่วนราม แต่จริงๆ แอบลูบกล้าม รามจับมือธิดาไว้แน่น
“คุณเทเรซ่า นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับ ยืนเฉยๆไว้ ไม่งั้นถูกมันงับขาดสองท่อนแน่”
ธิดาชักเชื่อ
“นี่นายพูดจริงเหรอ”
“เงียบ...มันมาใกล้แล้ว ถึงมันจะชนตัวคุณก็ห้ามกระดุกกระดิก ถ้าไม่อยากตาย”
ท่อนไม้ลอยมาโดนด้านหลัง ธิดาสะดุ้งตัวแข็ง
“กลั้นหายใจนะครับ ให้มันนึกว่าเราเป็นก้อนหิน”
ธิดากลัวมาก
“ฉัน ไม่ ไหว แล้ว”
ธิดาเป็นลมล้มหงายตึง รามรีบอุ้มธิดาไปนอนในรถ เอาเสื้อห่มตัวให้
“โชคดีนะ ที่คุณแค่เป็นลม ไม่ใช่หัวใจวาย ไม่งั้นผมคงถูกพ่อคุณฆ่าตายแน่”


ขณะที่ธิดาสลบไม่รู้เรื่อง รามเดินไปแถวโรงงานผลิตยาที่กำลังก่อสร้าง รามชะงักมองอย่างสนใจ...
“กลางป่ากลางเขาแบบนี้ ก่อสร้างอะไรซะใหญ่โต”
รามจะเข้าไปดูใกล้ๆ แต่เห็นคนงานถือปืนอารักขาเป็นจุดๆ จึงชะงัก
“แถมยังมีคนคอยคุมเสียด้วย แบบนี้มันชักกลิ่นทะแม่งๆแล้ว”
ด้านหลังราม เย็นเดินไปหารามแล้วตะปบมือบนไหล่ รามสะดุ้ง มือจับปืน หันขวับมาเล็งเย็นพอดี
“เฮ้ย! ข้าเอง เอาลูกชายเอ็งลงเดี๋ยวนี้ ข้ายังไม่อยากไปเฝ้ายมบาลทั้งๆ ที่ยังซิงอยู่โว้ย”
“ก็พี่นึกยังไงถึงดอดมาข้างหลังผมแบบนี้ล่ะ”
“เอ็งนั่นแหละมาด้อมๆ มองๆ แถวนี้ทำไม แล้วคุณเทเรซ่าไปไหนซะแล้วล่ะ”
“พักเหนื่อยอยู่ที่น้ำตกน่ะ ว่าแต่ตึกนั่นพ่อเลี้ยงเอาไว้ทำอะไรน่ะพี่เย็น”
เย็นทำท่ามีลับลมคมนัย
“ฟังแล้วใช้เท้าเบอร์สิบเอ็ดของเอ็งเหยียบไว้ให้มิดเลยนะโว้ย ห้ามเอาไปบอกใครเด็ดขาด”
รามพยักหน้ารีบตะแคงหูฟัง

เมื่อแยกจากเย็น โดยอ้างว่าจะกลับไปหาธิดา รามได้รายงานก้องภพผ่านนาฬิกาข้อมือ “พ่อเสือกำลังสร้างโรงงาน ผลิตสินค้าในไร่ชาครับท่าน”
ก้องภพนั้น จับสัญญาณจีพีเอสรามได้จากนาฬิกาข้อมือ จึงรู้ว่ารามอยู่จุดไหนของเชียงราย
“โรงงานที่ว่าเสร็จหรือยัง”
“จวนเต็มทีแล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็รออีกหน่อย ให้มันลงมือผลิตก่อน เราถึงจะเคลื่อนไหวได้ ของแบบนี้มันต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา”
“ครับ ผมจะพยายามถ่วงเวลาอยู่ที่นี่ให้นานที่สุด”
“ดี แล้วฉันจะหาทางเข้าไปดูสักครั้ง”
“ท่านจะขึ้นมาหรือครับ”รามดีใจ
ก้องภพนั้นจะกลับไปหากำนันตาล ภรรยาของเขาที่บ้านซึ่งอยู่เชียงรายเช่นกัน แต่ตัดสินใจจะไม่พูดเรื่องส่วนตัว...
“อือ...พอดีมีธุระนิดหน่อย แล้วนายมีอะไรอีกไหม”
รามนึกห่วงแม่กับเมขลา แต่ตัดสินใจไม่พูดเรื่องส่วนตัวเช่นกัน...
“เอ่อ...ไม่มีแล้วครับ”
รามยุติการติดต่อ พูดกับตัวเองเบาๆ
“พอที เลิกห่วงสองคนนั่นซะที คนอย่างแม่กับยายตังเมใครจะทำอะไรได้”

เทวัญขับรถพาเมขลาไปเชียงราย ระหว่างนั้นเมขลาโทรไปที่โรงพยาบาล เพื่อถามถึงอาการทรงวาด ไม่นานนักเธอก็ปิดโทรศัพท์แล้วหันมาบอก...
“โรงพยาบาลโทรมาค่ะ บอกว่าอาการคุณแม่ดีขึ้นแล้ว จะย้ายออกจากห้องไอซียูวันนี้”
“วันนี้หรือครับ”
“ค่ะ เดี๋ยวฉันต้องรีบโทรไปบอกอาฤทธิ์ก่อน ท่านจะได้ไปหาคนมาเฝ้าคุณแม่”
เทวัญรีบยื่นมือไปจับมือเมขลาเพื่อห้ามโทร เมขลาชะงัก เทวัญเขินๆรีบดึงมือออก
“คือ...เอ่อ... ผมจะบอกว่า ให้คนของผมไปเฝ้าให้ดีกว่า อย่าไปรบกวนอาของรามเลย”
“จะดีหรือคะ ฉันเกรงใจ แค่นี้ฉันก็รบกวนคุณมากเกินไปแล้ว”
“สำหรับคุณไม่มีคำว่าเกินไปอยู่แล้ว”
เทวัญมองเมขลาตาหวาน เมอึ้งๆเขินๆ

ที่โรงพยาบาล...ทรงวาดนอนไม่ได้สติอยู่ เรืองฤทธิ์เดินเข้ามามองอย่างพอใจ
“ ในที่สุด โชคก็อยู่ข้างฉันเสียที”
เรืองฤทธิ์จะดึงสายออกซิเจนออก
ทันใด...ประตูเปิดผางออก เรืองฤทธิ์สะดุ้ง หันไปเห็นผู้ชายร่างใหญ่เดินเข้ามา
“แกเป็นใคร เข้ามาในนี้ทำไม”
“มีคนให้ผมมาเฝ้าคุณทรงวาด” ลูกน้องเทวัญตอบเข้มๆ
“ใครให้มา ออกไป”
“ไม่ได้หรอก เพราะคุณเมจะโทรมาถามอาการคุณทรงวาดทุกชั่วโมง”
เรืองฤทธิ์งง
“นี่ยายเมมีเพื่อนแบบแกด้วยหรือ”
ลูกน้องไม่ตอบ ลากเก้าอี้มานั่งกอดอกเฝ้าทรงวาดจริงๆจังๆ เรืองฤทธิ์มองแค้นๆ และต้องเป็นฝ่ายถอยออกมา
“บ้าเอ๊ย” เรืองฤทธิ์บ่นอย่างหงุดหงิด

รามเดินกลับมาหาธิดาที่รถ ระหว่างนั้นเขาเห็นธนูแวบๆ
“นั่นมันไอ้ธนูนี่หว่า มันมาทำอะไรที่นี่วะ”
รามรีบเดินตาม แต่ธนูหายไปแล้ว รามเครียด มองๆ หาไม่เห็น รามถอยออก แล้วชะงัก ตัวแข็ง เพราะมีวัตถุสีดำเหมือนกระบอกปืนจ่ออยู่ที่กลางหลัง รามยกมือขึ้นช้าๆ
“แกจะเอายังไงว่ามา”
แท่งเหล็กลากขึ้นลงบนแผ่นหลังรามอย่างยั่วยวน
“ฉันอยากให้นายถอดเสื้อออกก่อน...”
“นี่คุณเองหรือ”
“ไม่ต้องมาทำตกใจ หรือถอดเสื้อมันน้อยไป เอากางเกงด้วยก็ดีเหมือนกัน โทษฐานที่นายทิ้งฉันไว้แบบนั้น”
รามหันมา
“เรื่องนั้นผมอธิบายได้ แต่ตอนนี้คุณเก็บปืนก่อน”
“นายก็ถอดเสื้อก่อนสิ หรือจะให้ฉันถอดให้เอง” ธิดามองเจ้าชู้
“นี่ไม่ใช่เวลาจะมาล้อเล่นนะครับ พ่อเลี้ยงอยู่ไหน”
“คิดจะเอาพ่อฉันมาอ้างอีกแล้วใช่มั้ย” ธิดางอน
“ผมถามว่าพ่อเลี้ยงอยู่ไหน เร็วสิคุณ ไม่มีเวลาแล้วนะ”
“ทำไม มีอะไร”
“ผมเห็นไอ้ธนูมาที่นี่ คนอย่างมันต้องไม่มาดีแน่”
ธิดาตกใจ แท่งเหล็กหลุดมือ รามรีบรับทัน
“ทีนี้บอกผมมาว่าพ่อเลี้ยงอยู่ไหน”
ธิดาหน้าซีด

รามขับรถลัดเลาะไปในไร่ชา ระหว่างนั้น ธิดากดมือถือหาพ่อ แต่ไม่ติด ธิดาขัดใจเขวี้ยงมือถือทิ้ง หันมาเขย่าราม
“ทำไมฉันโทรหาคุณพ่อไม่ได้เลยล่ะราม หรือว่าธนูมันเล่นงานคุณพ่อไปแล้ว เราจะทำยังไงกันดีฮึราม ทำยังไงดี ทำยังไง”
รามแกะมือธิดาออก พยายามประคองพวงมาลัยรถไว้สุดความสามารถ
“คุณลองโทรใหม่เถอะ แถวนี้คงไม่ค่อยมีสัญญาณ”
ธิดากระวนกระวาย
“ฉันลองมาเป็นสิบครั้งแล้ว ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ล่ะราม นายต้องช่วยคุณพ่อให้ได้นะ สัญญานะราม สัญญามาสิ ว่านายจะช่วยท่านให้ได้”
ธิดาเขย่าแขนรามแรง อย่างไร้สติ ฟูมฟาย รถส่ายไปมาเหมือนงู บนถนนแคบๆ ชันๆ
“เฮ้ย! อย่าคุณเทเรซ่า หยุด อย่าทำแบบนี้” รามดุ
“นายก็สัญญามาก่อนสิ สัญญามาเร็วๆ”
รามไม่ตอบ มองไปเห็นธนูนำหน้าไปลิบๆ
“มีทางไหนไปได้เร็วกว่านี้มั้ย”
“ไม่มีหรอก เว้นแต่นายจะวิ่งตัดเขาไป”
รามคิดๆ ก่อนหักพวงมาลัยแรง รถพุ่งออกนอกทาง ตกมาวิ่งในทุ่งที่ไม่ใช่ถนน รถสั่น โยกไปหมด ธิดากรี๊ด
“ว้าย นี่นายทำบ้าอะไรฮึ”
รามพยายามประคองรถให้ลุยต่อไป
“ก็คุณบอกเองนี่ ว่าตัดเขามาจะเร็วที่สุด”
ธิดาพูดไม่ออก รามเหงื่อซึม พยายามประคองรถ หลบหลีกก้อนหิน ต้นไม้วิบากสุดๆ ข้างหน้ามีลำธารขวาง ธิดาอ้าปากค้าง
“นี่อย่าบอกนะว่านายจะขับรถลุยลงไปน่ะ”
“ก็คุณมีทางอื่นให้ผมไปช่วยพ่อเลี้ยงได้เร็วกว่านี้มั้ยล่ะ”
ธิดาพูดไม่ออก รามพารถลุยน้ำไป น้ำกระเซ็น รามหน้าเครียด ขณะที่ธิดานั่งตัวแข็ง อึ้ง กลัวจัดจนช็อค

บริเวณหน้าร้านที่ขายชา ลูกน้องตั้งแถวตอนลึก สองแถวยืนรออยู่ ไม่นานัก จักรแล่นมาจอด แล้วก้าวลงจากรถ ปองธรรมเดินออกมาจากในร้าน มีแสงตามมาต้อนรับ จักรนั้นแต่งตัวสุภาพ ใส่แว่นดำเรียบร้อย อำพรางใบหน้า
ปองธรรมกับจักรคุยกันอยู่พักใหญ่ จักรกลับออกมาพร้อมปองธรรม แสงเดินไปเปิดประตูรถให้
“ผมดีใจนะ ที่คุณสนใจจะร่วมลงทุนกับผม แล้วถ้าผมตัดสินใจได้จะรีบติดต่อกลับไป” ปองธรรมบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ผมหวังว่าจะได้ยินข่าวดี จากทางพ่อเลี้ยงนะครับ”
ปองธรรมยิ้มๆ ไม่พูดอะไร จักรก้าวขึ้นรถ แสงปิดประตูให้
แสงมองตามจักรที่ขับรถออกไป ไม่ค่อยชอบใจ
“ผมว่าลำพังพ่อเลี้ยงก็ทุนหนาอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องให้ปลาซิวปลาสร้อยพวกนี้มาเข้าหุ้นด้วยเลย”
ปองธรรมโมโหขึ้นหันขวับมา เสยหมัดชกท้องแสง แสงตัวงอ จุกพูดไม่ออก
“แกยังกล้าพูดว่าแบบนี้อีกหรือ จำไม่ได้แล้วหรือไง ว่าพวกแกทำให้ฉันต้องสูญเงินไปกี่สิบล้านตอนไฟไหม้โกดังสินค้าน่ะ”
แสงหัวหด จุกพูดไม่ออก ลูกน้องคนอื่นก้มหน้าหลบตาปองธรรมทันที กลัวโดนลูกหลงไปด้วย จึงไม่เห็นว่าที่ศีรษะของปองทำมีจุดแดงอยู่

อีกมุมหนึ่งหน้าโรงบ่ม ธนูยิ้มแสยะ เหนี่ยวไกเตรียมยิงปองธรรมแล้ว ขณะเดียวกัน รามขับรถเข้ามากับธิดา เห็นจุดแดงบนหัวปองธรรม
“พ่อเลี้ยงหลบ!” รามตะโกน
ปองธรรมตัวค้างแข็ง ตกใจว่าอะไร ธนูหันมามองราม แค้นๆ
“แกคิดหรือว่าไอ้ปองธรรม จะหลบลูกกระสุนฉันพ้น”
ธนูกดไก รามตัดสินใจขับรถเข้าหาปองธรรมเหมือนจะพุ่งชน ก่อนหยุดรถแล้วเปิดประตูกระโจนโถมลงหาร่างปองธรรม กลิ้งหลบพ้นลูกกระสุนไปได้หวุดหวิด
ลูกน้องปองธรรมได้สติ รีบควักปืนขึ้นยิงกราดมาที่ธนู และเข้าอารักขาปองธรรมเป็นไข่แดง
ธนูแค้น
“จำไว้ไอ้ปองธรรม วันพระไม่ได้มีหนเดียว” ธนูโดดขึ้นรถเครื่องไป
รามประคองปองธรรมขึ้น
“พ่อเลี้ยงเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
ปองธรรมส่ายหน้า ก่อนหันไปหาพวกแสง แล้วตวาด
“ยังไม่รีบตามมันไปอีก”
พวกแสงกรูกันไป ธิดาได้สติ กรีดร้องเปิดประตูรถออก พุ่งเข้าหาปองธรรม กอดพ่อแน่น
“คุณพ่อ !”

รามประคองธิดาอย่างเอาใจ เข้าไปในห้องรับแขก
“ผมขอโทษนะครับ ที่ทำให้คุณตกใจขนาดนี้”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันยอมทุกอย่าง ขอแค่คุณพ่อปลอดภัยก็พอ”
ธิดามองปองธรรมที่ยืนมองอยู่ สองพ่อลูกซึ้งใจ กอดกัน ก่อนชะงักเห็นพวกแสงกลับมา“ ไอ้ธนูอยู่ไหน”
ทุกคนพูดไม่ออก ก้มหน้านิ่ง ปองธรรมมองกวาดไป เห็นเย็นตัวสั่น ฟันกระทบกันกิ๊กๆๆ
ปองธรรมผละออกจากธิดา ตบโต๊ะ
“ฉันถามว่าไอ้ธนูอยู่ไหน”
“มันหนีรอดไปได้ครับ”
“แล้วพวกแก ยังกล้ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีกเหรอ”
พวกแสงพูดไม่ออก ปองธรรมหันไปหาราม
“เอาพวกมันไปจัดการแบบเดียวกับไอ้คนงานนั่น”
ปองธรรมสั่ง แล้วเดินหนีไป
“ดี อยากเลี้ยงเสียข้าวสุกดีนัก”
ธิดาเชิดไปกับพ่อ รามอึ้งคิดไม่ถึงว่าปองธรรมกะบธิดาโหดแบบนี้
‘…ถ้าพากันตายยกรังแบบนี้ แล้วใครจะเป็นพยานให้การในชั้นศาลวะ ว่าแกทำความเลวอะไรมาบ้าง...’
รามคิดๆ ตัดสินใจ รีบเดินไปดักหน้าปองธรรม
“เดี๋ยวครับพ่อเลี้ยง คือ...”
“ไม่ต้องห่วงราม ฉันมีรางวัลใหญ่ให้แกแน่”
“ถ้าอย่างนั้นผมอยากขอเลือกรางวัลเอง”
“นายอยากได้อะไรล่ะ รีบๆ ขอสิ ตอนนี้คุณพ่ออารมณ์ดีให้นายได้ทุกอย่างแหละ”
ธิดาอยากให้ขอตัวเอง พูดเป็นนัยๆ รามคิดๆ มองไปทางพวกแสง
“ผมอยากขอให้พ่อเลี้ยงลดโทษให้พวกพี่แสงน่ะครับ”
แสงอึ้ง เย็นตาค้างดีใจ ธิดานึกไม่ถึง ปองธรรมหันมาจ้องหน้า
“ฉันคิดว่าแกจะใจเด็ดกว่านี้เสียอีก”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับใจเด็ดใจไม่เด็ดหรอกครับ แต่พวกพี่แสงอยู่กับพ่อเลี้ยงมานานจนเหมือนแขน-ขา ทำแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับตัดแขนตัดขาตัวเองทิ้ง คนเรามีแต่หัว กับตัวก็อยู่ลำบาก”
ปองธรรมมองรามชมเชย
“ แกนี่นอกจากจะมีไหวพริบแล้วยังความคิดอ่านดีอีกด้วย ได้ฉันจะให้รางวัลตามที่แกขอ แต่ต่อไปแกต้องมาช่วยฉันแทนแสง...ยังไม่รีบขอบคุณรามมันอีก” ปองธรรมตวาดลูกน้อง
“ขอบคุณ”
เย็นกับคนอื่นๆ ขอบคุณแบบดีใจจริงๆแต่แสงไม่
“ลูกว่ารางวัลแค่นี้ยังน้อยไปนะคะคุณพ่อ” ธิดารีบบอก
“ลูกอยากให้พ่อให้อะไรราม”
ธิดามองรามอย่างมีความหมาย พวกเย็นสะกิดกันลุ้นๆ ขณะที่แสงแค้นๆ

แสง เย็น และลูกน้อง ต้องช่วยกันตั้งเวทีจัดงานเลี้ยง ที่สนามหญ้าหน้าบ้านเพื่อเชิดชูความดีให้รามตามที่ธิดาขอ และจะให้ประกาศเรื่องแต่งงานด้วย
รามเดินเข้าไปช่วยเย็นยกไม้
“มาพี่เย็นผมช่วยเอง”
“เฮ้ยไม่ต้อง เอ็ง เอ๊ย คุณไปพักเถอะ วันนี้เหนื่อยมาเยอะแล้ว”
“คุณอะไรกันพี่ พี่เคยเรียกผมยังไงก็เรียกแบบนั้นล่ะ”
“เฮ้ย ไม่ได้ๆ เอ็ง เอ๊ย คุณเป็นตั้งว่าที่ของคุณเทเรซ่า ข้า เอ๊ย ผมจะไปเรียกเอ็งง่า...คุณแบบเก่าได้ยังไง ไปๆ ไปนั่งพักซะ เด็กๆ ใครว่างบ้าง เอาน้ำเย็นๆ มาให้คุณรามที”
แสงเดินเข้ามาพอดี ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่พอใจมาก
“มือตีนไม่มีหรือไง ถึงไม่ไปหยิบเอง”
เย็นจ๋อย รามพยายามไกล่เกลี่ย
“พี่แสงกระหายน้ำมั้ย ผมจะรินมาเผื่อ”
“ไม่ต้อง”
แสงกับธิดา ที่เดินมาทันได้ยินพูดพร้อมกัน
“แกหิวก็ไปรินเองสิ อ้อ รินมาเผื่อรามด้วยนะ” ธิดามองแสงตาแข็ง “ยังไม่ไปอีก”
แสงเดินไปอย่างแค้นๆ รามมองตามไม่สบายใจ เพราะไม่อยากให้มีเรื่อง กลัวจะเสียงาน
“แล้วนายลงมาที่นี่ทำไม ไม่เห็นมีอะไรน่าดูสักนิด” ธิดาหันไปถามราม
“ก็ของที่ผมอยากดู...ยังดูไม่ได้นี่”
รามหมายถึงการผลิตยา แต่ธิดาเข้าใจผิด ธิดาเขิน หยิกรามหมับ
“ทีอย่างนี้ทำมาใจร้อนนะ แล้วเมื่อก่อนล่ะเล่นตัว”
รามยิ้มแห้งๆ พูดไม่ออก พวกเย็นหลิ่วตากันอย่างแซวๆ

แสงแอบมองอยู่ บีบแก้วน้ำพลาสติกที่ถืออยู่ แตกคามือ

อ่านต่อหน้า 3





นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 10 (ต่อ)

เทวัญขับมาจอดหน้ารั้วที่จะเข้าไปในไร่ ยามหน้าเหี้ยมเดินออกมามองๆ

“วันนี้พ่อเลี้ยงไม่รับแขก”
“นายคงมาใหม่ล่ะสิ ถึงได้ไม่รู้จักฉัน”
ยามโชว์ปืน
“จะไปดีๆ หรือจะกินลูกตะกั่วก่อน”
เทวัญจ้องยามเยือกเย็น
“ฉันชื่อเทวัญ สินไพศาล รู้สึกคุ้นหูบ้างมั้ย”
ยามตาเหลือก
“คุ..คุณเทวัญ..”
ยามพูดไม่ออก เทวัญพยักหน้า
“ทีนี้ฉันจะเข้าไปได้หรือยัง”
“เชิญครับ เชิญเลยครับ”
ยามรีบตะเบ๊ะให้ โค้งให้ ลนลาน เทวัญขับเข้าไปในไร่ เมขลามองอย่างคาดไม่ถึง
“คุณเป็นใครกันแน่คะ ทำไมยามเมื่อกี้ได้ยินชื่อคุณก็หน้าเปลี่ยนสีไปเลย แถมยังให้เราเข้ามาง่ายๆซะอีก”
“ผมก็เป็นเทวดาประจำตัวคุณไงครับ”
เทวัญจอดรถ ตรงแถวเวทีที่สนาม เห็นบรรดาลูกน้องปองธรรม จับจองที่นั่งกันเต็มหน้าเวที เมขลามองๆไป
“ดูเหมือนที่นี่กำลังมีงานเลี้ยงนะคะ”
เทวัญมองตามงงๆ
“งานอะไร”
เย็นเดินยกถาดใส่แก้วน้ำผ่านมาได้ยินพอดี เห็นเทวัญรีบถอยกลับมาหา รายงานอย่างดีใจ
“ก็งานเลี้ยงฉลองให้ไอ้ราม กับคุณเทเรซ่าไงครับ”
“ฉลองอะไร คุณรามทำอะไรเหรอ”
เย็นอึ้งเมื่อเห็นว่าคนที่ถามคือเมขลา
“นั่นสิ รามทำอะไร แล้วยายน้องมาเกี่ยวอะไรด้วย”
เทวัญถาม เย็นอึกอักแต่ก็เล่าให้ฟัง เมขลาฟังแล้วลมหึงขึ้นไม่รู้ตัว
“แล้วคุณจะเอายังไงครับคุณเม จะบอกรามเรื่องคุณแม่เขาวันนี้เลยมั้ย”
เทวัญหันมอง เมขลาหายไปแล้ว
“คุณเม...คุณเม หายไปไหนเนี่ย” เทวัญตกใจ

ปองธรรมขึ้นเวทีไม้เตี้ยๆ ยืนคู่กับราม ขณะที่ลูกน้องนั่งสลอนอยู่รอบๆ
“ทุกคนคงรู้กันแล้วว่าช่วงที่ผ่านมารามได้ช่วยทำงานชิ้นสำคัญๆ ให้ฉันหลายชิ้นและวันนี้เขาก็ได้ช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันเลยอยากตกรางวัลให้รามเป็นพิเศษ”
ปองธรรมประกาศ ธิดาที่นั่งอยู่โต๊ะหน้าทำเขินแต่พอใจ ผุดลุกขึ้น แต่ต้องชะงักไป เพราะเสียงเมขลาดังขึ้น
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันมั่นใจว่าคุณรามเขาทำไปตามหน้าที่ ไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น”
ทุกคนอึ้ง เหวอ แปลกใจเห็นเมขลา
“เม! นี่คุณมาได้ยังไง” รามตกใจ
เมขลาขึ้นเวทีไปจับมือรามไว้ จะฉุดให้ไปด้วย
“เรื่องนั้นไว้ค่อยพูดกันที่หลัง ตอนนี้คุณมากับฉันก่อนดีกว่า”
ธิดาได้สติ ปราดไปแย่งราม ผลักเมขลาออก
“รามไม่ไปไหนกับแกทั้งนั้น อย่ามายุ่งกับเขานะนังหน้าด้าน”
เมขลาไม่สนใจธิดา พูดกับราม
“ฉันอยากให้คุณกลับไปกับฉัน คุณแม่คุณไม่สบายมากนะคะ”
“คิดว่าผมจะเชื่อลูกไม้ตื้นๆ ของคุณอีกหรือไง” รามย้อน
“ผู้ชายเขาพูดขนาดนี้แล้ว ยังจะด้านอยู่หาอะไรอีก...ใครก็ได้มาลากนังนี่ออกไปที” ธิดาตะโกน
ลูกน้องเข้ามาอย่างน่ากลัวมาก รามแอบห่วงเมขลา รีบไล่
“ยังไม่ไปอีก หรืออยากโดนจับโยนออกไปจริงๆ”
“แต่แม่คุณไม่สบายจริงๆนะ”
“ถ้าคุณไม่หยุดโกหกผมก็ช่วยคุณไม่ได้” รามขู่
เมขลาเริ่มกลัว หลับหูหลับตาโกหก
“แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันท้อง คุณยังจะไล่ฉันไปอีกมั้ย”
รามตกใจ
“อะไรนะ”
ธิดายิ่งโมโห
“อย่าไปฟังมันนะราม...รีบลากตัวมันออกไปสิ”
ลูกน้องกรูเข้ามา เทวัญทนดูไม่ได้ไปบังเมขลา
“อย่านะ ห้ามแตะต้องคุณเมเด็ดขาด”
ลูกน้องหยุด
“ไม่ต้องไปสนใจพี่เทพ”
ธิดาสั่งอีก ลูกน้องกรูกันเข้าไป
“ฉันบอกให้หยุด”
ลูกน้องหยุด ทำอะไรไม่ถูก ปองธรรมที่เฝ้ามองอยู่ทนไม่ไหว ตบโต๊ะ ทุกคนชะงัก เงียบ กลัวกันหมด
“หยุดพอได้แล้ว พวกแกคิดว่าพวกแกเป็นใคร เห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง...แล้วเธอเป็นใคร เข้ามาที่นี่ได้ยังไง”
เมขลากลัวพูดไม่ออก เทวัญหันไปตอบแทน
“ผมพาคุณเมเข้ามาเอง เธอเป็นภรรยาของราม”
ปองธรรมฟังแล้วยิ่งเดือด
“นี่ฝีมือแกเองหรือ...ตามฉันมา”
ธิดามองราม
“ถ้านายเลือกนังนั่น ก็ไสหัวไปจากที่นี่ซะ แล้วไม่ต้องมาให้ฉันกับพ่อเห็นหน้าอีก”
ธิดาตามพ่อไป รามหันมองเมขลาแค้นๆ แล้วฉุดมือเธอไป
“ว้าย...นี่คุณจะทำอะไรน่ะ”
รามไม่ตอบ ลากเมขลามาที่โรงรถ
“คุณจะพาฉันไปไหน” เมขลาหน้าตาตื่น
รามยัดเมขลาใส่ที่นั่ง
“โรงพยาบาล”
“ไปทำไม”
“เพราะผมไม่เชื่อว่าคุณท้อง จนกว่าจะเห็นผลตรวจจากหมอ”
เมขลาอึ้งพูดไม่ออก รามมองจับสังเกต
“หรือถ้าคุณจะสารภาพความจริงกับผมตอนนี้ก็ยังไม่สาย”
“ฉันไม่มีอะไรจะสารภาพ”
“งั้นช่วยจำไว้ด้วยก็แล้วกัน ว่าผมไม่ใจดีกับคนขี้โกหก”
เมขลาอึ้ง รามขึ้นรถขับออกไป จณะที่เย็นตามมาแอบฟัง

เมื่อกลับเข้าไปในบ้าน ปองธรรมตวาดด่าเทวัญ
“แกนึกว่าตัวเองเป็นใคร ซุปเปอร์แมน หรือถึงได้เที่ยวยุ่งเรื่องคนอื่นไปทั่ว”
“นี่ไม่ใช่เรื่องของคนอื่นครับ แต่เป็นเรื่องของรามกับเมีย”
ธิดาเข้ามาพอดี โมโหสุดๆ
“มันไม่ใช่เมียราม เขาหย่ากับมันแล้ว”
“แต่คุณเมกำลังมีลูกกับราม น้องควรเห็นใจผู้หญิงด้วยกันบ้าง”
“คุณเม! ฟังเหมือนพี่เทพสนิทกับนังนี่จังเลยนะ”
ปองธรรมสงสัย
“ใช่นังนี่หรือเปล่า ที่แกไปขลุกอยู่กับมันที่ตลาดนัด”
เทวัญอึกอัก ธิดารีบบอก
“ต้องใช่แน่ๆ เลย คนอย่างพี่เทพเคยสนิทกับผู้หญิงที่ไหนกัน”
ปองธรรมได้ฟังอย่างนั้น โวยทันที
“แกนี่มันเลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ นอกจากจะไม่ช่วยฉันทำมาหากินแล้วยังไปหลงผู้หญิงจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น แถมยังกล้าพามันมาฉีกหน้าน้องถึงที่นี่ แกคิดอะไรของแก”
เทวัญเซ็งพ่อ เข้าข้างน้องผิดๆ
“ฉันถามทำไมไม่ตอบ”
“ผมพูดไปคุณพ่อก็ไม่เข้าใจ สู้อย่าพูดกันเสียเลยดีกว่า”
“แกกล้าพูดกับฉันขนาดนี้เชียวรึไอ้เทพ ไอ้ลูกทรพี” ปองธรรมแค้นมาก
“ใจเย็นๆ ค่ะคุณพ่อ นังนั่นต้องเป่าหูพี่เทพจนเป็นแบบนี้แน่ๆ”
ปองธรรมเห็นด้วย
“แล้วนี่มันอยู่ไหน”

เมขลาโดนรามลากเข้าไปในโรงพยาบาล
“ฉันว่าไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย” เมขลาบิดข้อมือหนี “เราแค่ซื้อที่ตรวจการตั้งครรภ์มาใช้ก็พอแล้ว รู้ผลเร็วดีออก”
“ก็จริงของคุณ แต่ผมอยากฟังจากปากหมอมากกว่า เพราะถ้างานนี้คุณโกหกอีกล่ะก็ ผมจะจับคุณขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ คืนนี้ แล้วจะแจ้งความขอให้ศาลห้ามคุณเข้าใกล้ผมในระยะร้อยเมตรด้วย”
เมขลาอ้าปากค้าง รามลากเมขลาเดินต่อ เมขลาคิดๆหาทางหนีทีไล่ เห็นว่ามีคนเยอะพอประมาณ จึงต่อว่ารามดังๆ
“ทีเมื่อก่อนฉันบอกว่าฉันท้องๆ คุณก็ไม่ยอมรับ แล้วพอจะมีเมียใหม่ขึ้นมาก็ให้ฉันมาทำแท้ง มันไม่เกินไปหน่อยหรือ”
รามสะดุ้ง ขณะที่คนมองๆ
“ทำแท้งอะไรกัน ผมพาคุณมาตรวจท้องต่างหาก”
เมขลาพูดดังกว่าเดิม คนยิ่งมอง
“ไม่ต้องพูด ฉันไม่เชื่อ คุณมันใจร้ายฆ่าได้กระทั่งลูกในไส้”
คนที่เดินอยู่แถวนั้น มองรามเกลียดๆ รามทนสายตาไม่ไหว
“เลิกพูดบ้าๆ เสียที ไม่งั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน”
เมขลายิ่งแกล้งกรี๊ด
“อย่านะ อย่าทำฉัน ฉันกับลูกกลัวแล้ว ปล่อยเราแม่ลูกไปเถอะ”
ป้าวัยกลางคน เงื้อร่มจะฟาดราม
“ไม่ต้องไปกลัวมันหนู ไอ้ผู้ชายเลวชาติแบบนี้ ป้าจัดการให้เอง”
“นั่นสิ คนใจร้ายแบบนี้ อย่าอยู่เลย”
ผู้คนเข้าล้อมวง รามซีด
“อย่าครับ อย่าทำผม”
เมขลาลดมือปิดหน้าลง แอบมอง แล้วสะดุ้ง เสียวๆที่รามโดนรุมประชาทัณฑ์
“ขอโทษนะ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ คุณก็ไม่หยุดไล่ฉันซักที”

ธิดาเดินออกมาที่บริเวณลานจัดงาน แล้วหันไปถามแสงที่ยืนอยู่...
“นังนั่นล่ะ”
“ไปแล้วครับ ออกไปกับไอ้รามแล้ว”
ธิดาโกรธจี๊ด
“ไม่จริง แกโกหก”
“ผมไม่ได้โกหก ไอ้รามมันพาเมียมันออกไปแล้วจริงๆ”
ธิดาฟูมฟาย
“แล้วทำไมแกถึงไม่ห้ามเขาไว้ ไอ้โง่ ไอ้บ้า อย่าอยู่เลย”
ธิดาแย่งปืนจากแสงมาไล่ยิง แต่ไม่โดน กระสุนเฉี่ยวไปโดนของแตกกระจาย ปองธรรมกับเทวัญได้ยินเสียง วิ่งเข้ามา
“ใจเย็นๆ เทเรซ่า นี่มันอะไรกัน”
“ก็รามน่ะสิคะ เขาทิ้งหนูไปแล้ว ฮื่อๆ หนูอยากตาย” ธิดาขึ้นไก
“อย่านะลูก...อย่าทำแบบนั้น...” ปองธรรมมองปืนในมือธิดาไม่ไว้ใจ
“ถ้าไม่มีราม หนูก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม”
“พ่อสัญญาว่าพ่อจะจัดการเรื่องรามให้หนูเองขออย่างเดียว ส่งปืนนั่นมาให้พ่อ” ธิดาลังเล “พ่อไม่เคยโกหกลูกไม่ใช่หรือ”
ธิดายอมส่งปืนให้ ปองธรรมโล่งใจ
“พาน้องไปได้แล้ว”ปองธรรมดุ เทวัญพาธิดาไป
ปองธรรมหันมองลูกน้อง
“ใครที่รู้ว่าไอ้รามกับเมียอยู่ไหน ฉันจะขึ้นเงินเดือนให้ห้าเท่า”
เย็นรีบชูมือ

ที่ลานจอดรถ...รามนอนพิงเบาะรถอยู่ หน้าตาฟกช้ำไปหมด ครวญครางเจ็บด้วย เมขลาถือสำลีชุบทิงเจอร์มาเช็ดแผลให้
“เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม”
“ไม่ต้องห่วง ผมยังไม่ตายอย่างที่คุณต้องการหรอก”
“ใครว่าฉันอยากให้คุณตายกัน ฉันแค่อยากให้คุณฟังฉันบ้าง”
“โอเค ผมจะยอมฟังคุณ ยอมทุกอย่างเลย ยอมเชื่อด้วยว่าคุณท้อง แต่ขออย่างเดียว คุณต้องกลับไปรอผมที่กรุงเทพก่อน พอผมเสร็จธุระทางนี้แล้วจะรีบตามไปหาคุณกับลูกเลย”
“ถ้าคุณยอมฟังฉันจริง คุณก็ต้องกลับไปกับฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะร้องว่าคุณบีบคอฉัน ทีนี้คุณไม่รอดแน่ ว่าไง จะกลับหรือไม่กลับ”
รามแค้น
“ผมยังมีทางเลือกอีกหรือ”
รามบิดกุญแจรถ จะออกรถแล้วมีรถมาปาดหน้า รามเหยียบเบรกแทบไม่ทัน เมขลาหัวแทบโขกคอนโซล
“ว้าย...อะไรกันเนี่ย”
รามไม่ตอบเปิดประตูออกไป
“ขับรถภาษาอะไรวะ”
เย็นเปิดประตูรถลงมายิ้มกว้าง
“ใจเย็นไอ้ราม ข้าเอง พ่อเลี้ยงสั่งให้ข้ามารับเอ็งกับเมียไปที่ไร่”
“พ่อเลี้ยงบอกแบบนั้นหรือ”
รามงง เย็นพยักหน้า

รามมาหาปองธรรมตามลำพัง โดยให้เย็นพาเมขลาไปรอที่ห้อง เมื่อมาถึง รามยืนรอฟังปองธรรมอย่างเครียดๆ เพราะไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน
“ฉันอยากรู้ว่าระหว่างเมียของแกกับลูกของฉัน แกจะเลือกใคร”
รามอึ้งนิดหนึ่งก่อนกลั้นใจตอบ
“ผมเลือกคุณธิดาครับ ผมไม่ได้รักเมเลย แต่ที่ผมต้องแต่งกับเขาก็เพราะว่าแม่ขอร้อง”
“แล้วที่มันท้องเพราะแม่แกของั้นหรือ” ปองธรรมประชด
“มันเป็นเรื่องบังเอิญครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ เรากำลังจะเลิกกันอยู่แล้วตอนนั้น”
“แปลว่าแกไม่ได้มีเยื่อใยกับมันเลย”
รามฝืนโกหกตัวเอง
“ครับ”
“แกแน่ใจนะว่าแกไม่ได้โกหกฉัน”
“ผมไม่กล้าโกหกพ่อเลี้ยงหรอกครับ”
“ดี...งั้นแกไปนอนเถอะ แล้วพรุ่งนี้เช้ามาหาฉันที่นี่”
รามรู้สึกแปลกๆ ไม่สบายใจ แต่ปองธรรมไม่พูดอะไร

เมขลาอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ เดินกระวนกระวายรอรามอยู่ในห้อง
“ทำไมไปนานจัง ไม่ใช่คิดจะหลอกทิ้งฉันไว้แล้วหนี ไปกับยายทะเลทรายสองคนนะ”
เมขลาตัดสินใจเดินไปเปิดประตูจะไปตามหาราม เสียงมือถือเข้าเธอจึงหยุดรับสาย เมื่อเห็นว่าเรืองฤทธิ์โทรมา
“สวัสดีค่ะคุณอา...คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
เรืองฤทธิ์ยืนอยู่หน้าห้องทรงวาด ที่มีลูกน้องของเทวัญเฝ้าอยู่ตลอดเวลา
“พี่วาดยังเหมือนเดิม แต่อาโทรมาเรื่องเพื่อนหนูที่มาเฝ้าพี่วาด”
“ทำไมคะ เขาทำอะไร”
“เปล่า แต่อาเกรงใจที่เขาต้องนั่งเฝ้าพี่วาดอยู่ทั้งคืนทั้งวันแบบนี้”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ หนูไม่อยากให้คุณอาเหนื่อย เพราะไหนจะต้องทำทั้งงานที่บริษัทและดูแลบ้านแทนคุณแม่ เกิดไม่มีคนช่วย ไม่สบายไปอีกคน หนูคงทำอะไรไม่ถูก”
เรืองฤทธิ์พูดไม่ออก
“มันจะดีหรือหนู”
เมขลานึกได้
“ค่ะ จริงสิ คุณอาโทรมาก็ดีแล้ว หนูเจอคุณรามแล้วนะคะ แต่คุณรามไม่ยอมเชื่อหนูว่าคุณแม่ป่วย”
เรืองฤทธิ์ตกใจไม่อยากเชื่อ
“แล้วนี่รามอยู่ไหน ขออาคุยกับเขาทีสิ”

รามกำลังจะเดินกลับห้อง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รามรับสาย...
“ฮัลโหล”
ก้องภพที่เดินทางมาถึงเชียงรายแล้ว จอดรถพร้อมคุยมือถือ
“งานคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ได้เข้าไปในโรงงานใหม่ของพ่อเสือหรือยัง”
“ยังครับ พอดีเกิดเรื่องวุ่นๆ ขึ้นเสียก่อน”
“เรื่องอะไร”
“ก็ยายตังเมน่ะสิครับ ดันตามผมมาถึงนี่ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป”
“แต่เขาบอกฉันว่า เข็ดนายจนตายแล้วนี่” ก้องภพแปลกใจ
“คือ...” รามอึกอัก “ที่เขามาหาผมเพราะว่าเขาท้องน่ะครับ ทำเอายุ่งไปกันใหญ่ เพราะธิดาพาลจะไล่ผมออก”
ก้องภพอึ้งไป...
“ไล่ออก...บางทีมันอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดของนายก็ได้นะ”
“ท่านหมายความว่าอะไรครับ” รามตกใจ
“ครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนเรา ถ้านายไม่อยากสูญเสียมันไปเหมือนฉัน ก็ถอนตัวออกจากถ้ำเสือซะเถอะราม”
ก้องภพปิดมือถือจากราม หิ้วของลงจากรถ มากดกริ่งหน้าบ้านกำนันตาล
“แต่ผมยังไม่อยากถอนตัว ท่านครับ ท่าน...”
สัญญาณขาดหายไป
“โธ่โว้ย! ทั้งหมดนี่เป็นเพราะเธอคนเดียวเลย ยายตังเม” รามเซ็งสุดๆ

เมขลาเดินหาราม พูดมือถือกับเรืองฤทธิ์ไปด้วย
“คุณรามหายไปไหนก็ไม่รู้ เอาไว้หนูเจอเขา แล้วจะให้เขารีบโทรกลับหาคุณอาเลยนะคะ”
เมขลาตัดสาย จะเดินกลับห้องแล้วชะงัก เพราะเจอเทวัญดักรออยู่
“คุณเทพ!”
“ขอผมคุยกับคุณหน่อยได้ไหมครับ”
เมขลาพยักหน้ารามเดินมาพอดี รามชะงัก แอบฟังอย่างรู้สึกหึงๆขึ้นมา
“ค่อยยังชั่วหน่อย ผมคิดว่าคุณจะโกรธผมเสียแล้ว” เทวัญยิ่มโล่งใจ
“โกรธเรื่องอะไรคะ”
“ก็ผมหลอกคุณเรื่องครอบครัวของผม”
เมขลาถอนใจ
“ไม่เป็นไรค่ะฉันเข้าใจ ฉันไม่โกรธคุณหรอก เพราะถ้าเป็นฉันก็คงทำแบบนี้เหมือนกัน”
เทวัญบีบมือเมขลา
“ผมดีใจนะ ที่คุณเข้าใจผม”
รามจี๊ด โมโหหึงขึ้น เมขลาเขิน
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“แล้วคุณเป็นยังไงบ้าง มีอะไรจะให้ผมช่วยก็บอกนะ ผมเต็มใจทำให้คุณกับลูกเสมอ”
เทวัญสบตาเมขลาซึ้งๆ รามโผล่มาทันที
“ไม่เป็นไร ผมดูแลเมียกับลูกของผมเองได้ ไม่ต้องให้เดือดร้อนไปถึงคุณหรอก” รามช้อนร่างเมขลาขึ้น “ผมบอกให้พี่เย็นพาคุณไปส่งที่ห้องนอนไง แล้วทำไมออกมาเพ่นพ่านแถวนี้ฮึ”
เมขลางงพูดไม่ออก รามอุ้มเมขลาปึ่งๆไป เทวัญมองตามถอนใจยาวอย่างเศร้าๆ

เมขลาดิ้น ทุบอกราม ขณะที่ถูกพากลับมาที่ห้อง
“ปล่อยฉันได้แล้ว”
“ทีผัวอุ้มล่ะทำเหนียม ทีคนอื่นจับมือล่ะก็ปล่อยให้เขาจับอยู่ได้นานสองนาน”
“คุณพูดอะไร...หรือคุณหึงฉันกับคุณเทพ”
รามเขิน
“ผมไม่ได้รักคุณจะไปหึงคุณทำไม”
“งั้นทำไมคุณต้องโกรธด้วยล่ะ”
“ผมก็แค่ไม่อยากให้คุณไปวุ่นวายกับคนบ้านนี้เท่านั้น พวกเขากับคุณมันคนละโลกกัน”
“ไม่เหมือนคุณกับยายทะเลทรายงั้นสิ”
“ไม่ต้องมาเถียง นอนเสียที ผมเบื่อจะทะเลาะกับคุณแล้ว”
รามเดินเข้าห้องน้ำไป เมขลาแอบเบะปาก แต่ยอมนอนโดยดี
รามอาบน้ำเสร็จ เปลี่ยนชุดใหม่ เดินมาที่เตียงขณะที่เมขลาแกล้งหลับ
“คุณพูดจริงๆ หรือ...เรากำลังมีลูกกันใช่ไหม” รามมองที่ท้องเมขลา
รามนั่งข้างเตียง แล้ววางมือลงบนท้องเมขลา ด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ เขารู้สึกดีใจที่กำลังมีลูก และคิดไม่ตกว่าจะทำยังไง เมขลาที่ฟังอยู่ แอบรู้สึกผิดแต่ไม่รู้จะพูดยังไง

เช้าวันใหม่...เมขลาหลับอยู่ รามแต่งตัวเสร็จ หันมองเมขลา เห็นไม่ห่มผ้าห่ม
“ถ้าผมกลับมา ผมคงคิดออก ว่าผมควรจะทำยังไงกับคุณดี”
รามห่มผ้าให้เมขลา แล้วออกไปจากห้อง รีบไปหาปองธรรมที่ห้องรับแขกที่นัดไว้ ซึ่งพบเทวัญรออยู่แล้ว
ปองธรรมเดินมากับแสง เห็นทั้งคู่ก็พอใจ
“วันนี้ฉันมีงานใหญ่จะให้พวกแกทำ”
“งานอะไรครับ” เทวัญถาม
“เดี๋ยวฉันจะบอกพวกแกในรถ” ปองธรรมหันไปสั่งแสง “เอากุญแจรถให้รามสิ”
“แต่...” แสงจะแย้ง
“หรือแกจำไม่ได้ว่าต่อไปนี้ รามจะทำหน้าที่แทนแกทุกอย่าง”
แสงเสียหน้า รามรีบบอก
“งั้นผมไปเตรียมรถ มารับพ่อเลี้ยงกับคุณเทวัญที่หน้าเรือนนะ”
ปองธรรมพยักหน้า รามเดินออกไป แสงมองตามอย่างแค้นๆแต่ไม่กล้าพูดมาก

รามตรงไปที่รถประจำตัวปองธรรม เย็นเดินเข้ามาทัก
“เอ็งจะไปไหนวะ...ได้ขับรถพ่อเลี้ยงซะด้วย รู้มั้ยคันนี้ ขนาดจะล้าง พี่แสงยังไม่ยอมให้ข้าล้างเลย” เย็นลูบคลำรถชอบใจ
“พ่อเลี้ยงจะให้ผมพาเข้าไปในเมืองน่ะ จริงสิ ผมฝากพี่ดูเมทีนะ”
“เป็นห่วงเมียล่ะสิ ระวังคุณเทเรซ่าได้ยินนะโว้ย”
รามเขิน รีบแก้ตัว
“ผมจะไปห่วงเขาทำไม ผมห่วงลูกต่างหาก”
“ดีแล้ว ที่เอ็งรู้จักเป็นห่วงลูกแบบนี้ หมามันยังรักลูกมันเลย เราเป็นคนจะมาไข่แล้วทิ้ง ไม่รักลูกก็อายหมาแล้วล่ะ”
“ก็นี่แหละ ผมถึงต้องฝากพี่ไง หาข้าวหาปลาให้เขากินด้วยนะ”
“ไม่มีปัญหา”
“แล้วอย่าให้เขาออกไปเพ่นพ่านนะ เดี๋ยวไปเจอคุณเทเรซ่าเข้า”
“ไหนว่าไม่ห่วงเมียไง ไอ้นี่”
“ก็ไม่ได้ห่วง แต่ผมไม่อยากให้มีเรื่องเกรงใจพ่อเลี้ยง”
รามเดินหนีไป เย็นส่ายหน้า

“ไอ้ปากแข็งคอยดูเถอะ ริอ่านมีเมียสองต้องห้าม สักวันจะรู้สึก”

อ่านต่อตอนที่ 11
ติดตามอ่านละครเรื่อง "นางฟ้ามาเฟีย" สมบูรณ์ที่สุด ละเอียด และตรงตามบทโทรทัศน์ช่อง 7 เป๊ะ ทาง "ละครออนไลน์" 




กำลังโหลดความคิดเห็น