หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 10
บริเวณแค้มป์กลางป่าที่หน้าเต็นท์ศิริ เวลานั้นศิริยืนดูรูปฉวีวรรณกับดาหวัน ที่อยู่ในมือถือด้วยความรัก ห่วงใย และคิดถึง
“ยายหวี ยายหวัน พ่อขอให้ลูกทั้งสองคนปลอดภัย”
สามวายร้าย ธานี ธนวัติ พาณิชย์เดินเข้ามาพอดี
“พี่ศิริ โอ้โฮ เตรียมตัวพร้อมก่อนเพื่อนเลยนะครับ”
“งั้นสิ ฉันจะรีบออกไปตามยายหวียายหวัน”
แล้วในจังหวะนั้นเอง ก็มีควันพวยพุ่งออกมาจากทางพุ่มไม้แถวๆ นั้น ธนวัติจมูกไวได้กลิ่นรีบทักขึ้นก่อน
“ฮึ กลิ่นอะไรไหม้ๆ นี่ใครเผาอะไรหรือเปล่าครับ”
ธานีหันไปเห็นควันที่พวยพุ่งออกมามากมาย แล้วหัวเราะ
“นั่นไง ชัดเลย เผาแค้มป์เรานี่แหละ” ธานีนึกได้หันกลับไปมองอีกที ร้องออกมาอย่างตกใจ “ไฟไหม้โว้ยย!!!”
ทุกคนตกใจหันมองตาม เห็นควันยิ่งพุ่งยิ่งตกใจกัน
“เฮ้ย ใครอยู่แถวนี้ ช่วยกันดับไฟเร็ว” ศิริตะโกนสั่งการ
พวกลูกน้องโผล่ออกมาดูแล้วพากันโวยวาย วิ่งไปหาน้ำมาดับไฟ
ระหว่างนั้นเอง ศิริ ธานี ธนวัติ และพาณิชย์ ก็รีบวิ่งเข้าไปทางพุ่มไม้ที่มีควันไฟ
-ขึ้นภาพที่ศิริ และ ธนวัติ พาณิชย์ ธานี วิ่งเข้ามาที่พุ่มไม้
“นั่นๆ ตรงนั้นเลย ช่วยด้วยๆ ไฟไหม้ๆ”
ธานีร้องสั่งขณะที่วิ่งมา แต่พอทั้งสี่คนวิ่งเข้ามาตรงจุดที่มีควันไฟ ก็เห็นเป็น สุภาพกับอาหลู่ ที่กำลังช่วยกันเผาฟืน ต้มยากันอยู่ จึงพากันอึ้งกิมกี่ไปตามๆ กัน
“ไอ้สุภาพ อาหลู่!!”
ศิริร้องขึ้นอย่างฉุนๆ สุภาพกับอาหลู่หันมายิ้มให้
“ครับนาย”
จังหวะนั้นเองลูกน้อง 2 คน ก็ถือถังน้ำวิ่งตามเข้ามา สาดน้ำโครมไปที่สุภาพกับอาหลู่ อยู่เปียกไปแบบเต็มๆ ปากตะโกนลั่น
“ไฟไหม้ๆ!!”
สุภาพกับอาหลู่ อึ้ง และเซ็งๆ กันไปทั้งคู่
เวลาต่อมาศิริตวาดถาม สุภาพ และอาหลู่ ที่ยืนเจี้ยมเจี๋ยมเปียกปอนอยู่ตรงหน้า
“ไปทำบ้าอะไรในนั่น ฮ้าา”
“นายไม่ค่อยสบาย พวกเราเลยต้มยาสมุนไพรให้นายครับ” สุภาพตอบเสียงอ่อยๆ
“ยาผีบอกของอาหลู่ มี อ.ย. ด้วยนะ” อาหลู่คุยขึ้นมา
“อย่ามาโม้ อ.ย. อะไร”
เจอคำถามธานี อาหลู่ได้แต่อมยิ้ม แล้วทำท่าแบ๊วคิขุให้ทุกคนดู
“ฉันว่าแล้วมันต้องมาแนวปัญญาอ่อน” ธานีบอก
“พวกหวังดี แต่ไม่มีสมองก็อย่างนี้แหละ ป๊า”
สุภาพยัวะ ของขึ้น ปรี่เข้าไปหาธนวัติ
“คุณวัติ พูดอย่างนี้มันเกินไปนะครับ”
“แล้วไง มีปัญหาเหรอ”
ธนวัติผลักอกสุภาพอย่างแรง สุภาพไม่กลัว ผลักคืน ธนวัติโมโหต่อยเปรี้ยง สุภาพล้มไปกองกับพื้น
ศิริ เหลืออดตะโกนห้ามอีก แต่แล้วหน้ามืดซวนเซทำท่าจะล้ม
“หยุดเดี๋ยวนี้ พอได้...อ๊อย” ศิริเซจะล้มลง
พาณิชย์ รีบเข้าไปประคองศิริ ธานีกับธนวัติ ตามเข้ามาดูอาการอย่างเอาใจ ส่วนอาหลู่รีบไปดูสุภาพ
“คุณลุง” ธนวัติเล่นบทแสนดีทันที
“อ๊อย... ไม่เป็นไร ๆ อย่ามาทะเลาะกันเลยนะ” ศิริหมายถึงธนวัติกับสุภาพ
“ครับๆ ไม่มีอะไรแล้ว แค่อำกันเล่นน่ะครับพี่”
“ลุงศิริ ไปหาหมอดีกว่านะครับ ผมจะขับรถไปให้” ธนวัติว่า
“ลุงนอนพักหน่อยก็หายแล้วล่ะ ไปตามหายายหวันกับยายหวีเถอะเรื่องนั้นสำคัญกว่า” ศิริไม่ยอม
“ครับคุณลุง”
ธนวัติรับคำ ศิริดูคลายกังวลลงไปมาก
เวลาเดียวกันนั้นดนัยเดินดุ่มจะเข้าป่า ฉวีวรรณ แจ๋ กิมจิ และบุญทิ้ง เดินตามหลังเข้ามา
“นายจะไปตามดาหวันกับชลิตที่ไหนล่ะ ฉันไปด้วย” ฉวีวรรณห่วงน้อง
“พวกเราก็ด้วย ...ไปกันหลายๆ คนจะได้ช่วยกันหา” แจ๋บอกจริงจัง
“ฉันว่ามันจะช่วยกันหลงสิไม่ว่า พวกเธอรอฟังข่าวอยู่ที่นี่เถอะ” ดนัยตัดบท
“ไม่ ฉันจะไป ยายหวันเป็นน้องสาวฉันนะ” ฉวีวรรณไม่ยอมรั้นจะไป
“ก็รู้แล้ว ไม่ได้เถียง”
“งั้นก็ไม่ต้องมาห้าม”
ฉวีวรรณขยับจะไป
ดนัยขยับมาขวางหน้าไว้
“อย่าดื้อได้ไหม”
“นายสิ บ้าอำนาจ เอาแต่ใจตัวเอง”
เสียงของวินยาดังแทรกขึ้นมา
“มัวทะเลาะกันอย่างนี้แล้วมันจะตามเจอมั้ย เอ้า ใครเป็นญาติช่วยจัดการที”
ฉวีวรรณกับดนัยชะงัก หันไปมอง แล้วออกอาการตื่นเต้นดีใจสุดขีด เมื่อเห็น ดาหวัน กับ ชลิต เดินเข้ามา กับวินยา โดยมีอุ๊บอิ๊บ และชาวเผ่าชาลันตามมาด้วย
“พี่หวี”
“หวัน!”
ฉวีวรรณวิ่งเข้าไปกอดน้องสาว ดีใจได้พบกันอีก ดาหวันมองข้ามไหล่ฉวีวรรณมา สบตากับดนัยที่มองมาและส่งยิ้มให้ ดาหวันอึ้ง เจื่อนรู้สึกผิดขึ้นมาในใจ
แจ๋กิมจิและบุญทิ้งวิ่งเข้าไป จับไม้จับมือ สวมกอดชลิต ดีใจที่ปลอดภัย
“นึกว่าต้องไปเก็บศพแกซะแล้ว โชคดีจริงๆ ที่แกรอดมาได้”
เวลาต่อมาทั้งหมดมานั่งรวมตัวที่แคร่ในลานกลางหมู่บ้าน แล้วสางโปแจกหมากทิพย์ให้ชลิตเป็นคน
สุดท้ายพอดี
ดนัย ฉวีวรรณ แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง ที่ได้กินกันก่อนมองดูรุ่นน้อง กระหยิ่มกัน
“นี่หรือครับ หมากทิพย์” ดนัยถาม
ดาหวันดมๆ “กลิ่นแปลกๆ นะ”
“อี๋ ถ้าพี่ดนัยไม่บอกให้กินนะ อุ๊บอิ๊บเขวี้ยงทิ้งแล้วละ” อุ๊บอิ๊บยังน่ารำคาญ...ได้อีก
“กินได้แล้ว” สางโปบอก
ชลิต ดาหวัน และอุ๊บอิ๊บ ลงมือทาน ค่อยเคี้ยวๆ อุ๊บอิ๊บตาโตขึ้นมาอย่างติดใจ
“อุ้ย อร่อยอ่ะ มีอีกไหมลุง เอาอีกๆ”
“จริงด้วย นี่เนื้ออะไรครับ อร่อยมาก”
ดนัยหันไปหลิ่วตากับทุกคน แล้วบอกพร้อมกัน
”เนื้อจิ้งจก”
ชลิต อุ๊บอิ๊บ ดาหวัน ทำหน้าเหยเก แล้วรีบวิ่งไปอาเจียนกัน ทั้งหมดหัวเราะขำๆ
“พุ่งกันทุกคนเลย ฮ่าฮ่าฮ่า พิธีรับน้องหมู่บ้านชาลันนี่สุดยอดเลย” รุ่นพี่กิจิขำก๊าก
นงนุช แม่ของดนัยว้าวุ่นใจและเป็นห่วงลูกชายมาก จึงตัดสินใจขึ้นเชียงใหม่มาหาทองอินที่บ้าน เมื่อทองอินเข้ามาก็เห็นนงนุชที่ยืนหน้าเครียดรออยู่ ทองอิน กับ นงนุชนั้นเป็นเพื่อนนักศึกษาร่วมรุ่นเดียวกัน
“นงนุช!! มาเที่ยวหรือ ถึงได้แวะมาที่นี่ได้”
“นายอย่ามาทำไม่รู้เรื่องดีกว่า บอกฉันมาสิว่า ดนัยอยู่ไหน เป็นยังไงบ้าง” นงนุชเข้าเรื่อง
ทองอินอึ้งไป พร้อมกับทำท่า อึกอัก “เออ คือ...”
นงนุชเดินเข้ามาหา
“นายเป็นรุ่นน้องคุณเดชพ่อของดนัย แล้วยังเป็นรุ่นพี่ที่คณะเขาด้วย สนิทสนมกันอย่างนี้ ถ้าดนัยขึ้นมาเชียงใหม่ก็ต้องมาหานายแน่ๆ”
“ใจเย็นๆ นะ นุช ฉันยอมรับว่าเขามาจริง แต่เขาไปแล้ว”
“ไปไหน”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เราขาดการติดต่อมาหลายวันแล้ว”
“ดนัยไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ ไม่ว่าจะไปไหน ทำอะไร อย่างน้อยเขาก็ต้องโทรมาบอกให้ฉันรู้ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงหายตัวไปแบบนี้ ติดต่ออะไรก็ไม่ได้”
ทองอินมองหน้านงนุชที่ทุกข์ร้อนใจ จึงตัดสินใจบอกความจริง
“ไหนๆ เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ควรจะได้รู้ความจริงเสียที”
“ดนัยมีเรื่องอะไร เล่ามาเลยทองอิน!”
นงนุชมองทองอิน ในอาการร้อนรน ใคร่รู้
พอฟังจบนงนุชเดินลิ่วพูดมือถือกับใครคนหนึ่งออกมาที่หน้าบ้านทองอิน ด้วยหน้าตาเคร่งเครียดเอาจริงเอาจัง
“ช่วยจัดรถ แล้วก็อุปกรณ์เดินป่าให้ฉันด้วยนะ ขอบใจมาก”
ทองอินวิ่งตามออกมา เรียกไว้
“นุช เดี๋ยวก่อน เธอจะเข้าป่าคนเดียวยังไง”
“ไม่ได้ก็ต้องได้ ฉันจะไปตามดนัย”
“มันเสี่ยงเกินไป ฉันว่าเธอควรจะรักษาชีวิตเธอ ไว้รอพบดนัยที่นี่จะดีกว่า”
“แต่ว่า....”
“เชื่อฉันสักครั้งเถอะนะ นุช ...ฉันจะตามดนัยให้เธอเองถ้าได้เรื่องเมื่อไร ฉันจะรีบบอกให้เธอรู้ทันที”
นงนุชมองอึ้ง นิ่งคิดนิดนึง แล้วมีท่าทีอ่อนลง ยอมตกลงตามที่ทองอินแนะนำ
“ก็ได้ ฉันจะเชื่อนายสักครั้ง นายต้องตามดนัยให้เจอจริงๆ นะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันพอจะรู้จักหมู่บ้านในป่า เขามีพรานที่แกะรอยเก่งๆ ฉันจะให้เขาตามดนัยให้”
“ขอบใจมากทองอิน ..ฉันฝากความหวังไว้กับนายด้วยนะ”
ใบหน้าของนงนุชยิ้มพราบอย่างมีความหวัง
ในหมู่บ้านชาวชาลัน ทุกคนนั่งพักผ่อนกันอยู่ ชลิตบอกขอบคุณวินยาขึ้นมา
“ขอบใจมากนะ วินยา ถ้าไม่ได้คนของวินยาช่วยไว้ พวกเราคงแย่”
“ไม่เป็นไรหรอก ถือว่านายกับดาหวันโชคดีก็แล้วกันที่มาเจอคนของฉัน” วินยาว่า
“ฉันก็โล่งอกเหมือนกัน ถ้ายายหวันเป็นอะไรไปล่ะก็ ฉันคงเป็นบ้าแน่ๆ” ฉวีวรรณบอก
“ชลิตไปกับหวันทั้งคน มันไม่ปล่อยให้น้องแฟนมันเป็นอะไรหรอกจริงมั้ยชลิต”
ดนัยหันไปถามชลิต ทำเอาชลิตถึงกับสะดุ้ง หน้าเจื่อนสะกิดใจขึ้นมา
ดนัยมองอย่างงงๆ
“ถามแค่นี้ทำไมหน้าซีด ..” ดนัยชี้หน้าแกล้งอำ “หรือว่า...แกทำอะไรหวัน”
ชลิตถูกพูดจี้แทงใจ ก็รีบผลักดนัยออก แล้วตะโกนใส่หลุดๆ
“เปล่านะ ฉันไม่ได้ทำ!!!”
ดนัยมองขมวดคิ้ว งงในอาการชลิต “นี่แกพูดเรื่องอะไร ฉันแค่อำแกเล่นๆนะเว้ย”
ดาหวันพยายามช่วย “ไม่มีอะไรหรอกพี่ดนัย พี่ชลิตคงเหนื่อยก็เลยเครียดๆน่ะ”
อุ๊บอิ๊บโผล่งขึ้นมา น้ำเสียงเหน็บแนม
“ตุ๊กแกที่ไหนกินปูนร้อนท้องน้า...” แล้วแถเข้าไปเกาะแขนดนัยฉอเลาะ “พี่ดนัยได้ยินไหมคะ”
“ฮึ ไม่เห็นได้ยินอะไรเลยนี่” ดนัยไม่เก็ท
“ฟังให้ดีๆ สิคะ ตุ๊กแกผัวเมียเสียด้วยนะคะ”
ดาหวันกับชลิตอึ้ง รู้ทันทีว่าอุ๊บอิ๊บแขวะใส่เขากับเธอ แจ๋ และกิมจิ หมั่นไส้ อุ๊บอิ๊บจึงเหน็บกลับ
“แม่เจ้า... แกได้ยินเหมือนฉันไหม กิมจิ” แจ๋เปิดเกม
“อะไรเหรอ” กิมจิรับมุก
“ก็ชะนีตัวเมียนะสิ ร้องผัวๆๆๆ ซะลั่นป่า”
“ได้ยินชัดแจ๋วเลยแจ๋ แถมนางยังเกาะผู้ชายเป็นปลิงอีกตังหาก”
อุ๊บอิ๊บโมโห “ไอ้กิมจิ นังแจ๋!! จะมากไปแล้วนะ”
“ฉันยังไม่ได้เอ่ยชื่อเธอสักคำ” แจ๋หันไปหากิมจิ “อย่างนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ...”
“ชะนีอยากกินผู้ชายจนร้อนท้อง”
อุ๊บอิ๊บกรี๊ดลั่นแจ๋ กิมจิ หัวเราะอย่างสะใจ
อุ๊บอิ๊บปรี่เข้าไปจะตบแจ๋ แจ๋หลบแล้วผลักอุ๊บอิ๊บกระเด็นถอยหลังไป ดนัยเข้ามาห้ามฉุดแขนไว้
“หยุด อย่าหาเรื่องกันได้ไหม”
“แต่มันว่าอุ๊บอิ๊บนะ พี่ดนัย”
“ก็หล่อนหน้าไม่อายเองนี่ แฟนเขายืนหัวโด่อยู่ทั้งคน หล่อนยังกล้าเกาะแกะลวนลามดนัยอีกเหรอ”
อุ๊บอิ๊บไม่ตอบแจ๋ แต่มีสีหน้าหน้าระรื่นหันไป มองดาหวัน ปรายตาจิก เย้ยหยัน
“อุ้ยต๊ายตาย อุ๊บอิ๊บไม่ยักรู้ว่าพี่ดนัยมีเจ้าของแล้ว อุ๊บอิ๊บนึกว่ามีแต่พี่ชลิต”
ดาหวันหน้าตึง พูดอะไรไม่ออก
ชลิตมองดาหวันอย่างเห็นใจ แล้วตัดสินใจจะพูดความจริง
“ยังไงเราก็หนีความจริงไปไม่พ้น พูดๆ ให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลยดีกว่า” ชลิตหันไปพูดกับฉวีวรรณ และดนัย “หวี ดนัย ฉันมีเรื่อง... “
แต่ถูกดาหวันรีบเอามือปิดปาก ห้ามไม่ให้ชลิตพูดอะไรออกมา ชลิตดิ้นอึกอัก,ดนัยกับฉวีวรรณมองงงๆ
“อะไรกันน่ะ ยายหวัน”
“เออ คือว่า คือพี่ชลิตเขา อายน่ะพี่หวี เขาไม่กล้าบอกพี่หวีว่าเขา เขาเป็น…”
“เป็นอะไร”ฉวีวรรณซักอย่างสนใจ
ดาหวันไม่รู้จะพูดอะไร โพล่งพรวดออกไป
“ ริดสีดวง!!”
“ไอ้ชลิตเนี่ยนะ เป็นริดสีดวง” ดนัยถามซ้ำ
ชลิตผู้เป็นโรคริดสีดวง หน้าตาปุเลี่ยนจะแกะมือ แต่ดาหวันไม่ปล่อย
“ไม่ต้องเขินน่า พี่ชลิต หวันบอกแล้วทุกคนให้อภัยพี่อยู่แล้ว”
ชลิตตาโตใส่ดาหวัน แต่ดาหวันขยิบตาให้ชลิตหุบปากแล้วรีบดึงตัวออกไป
“ปวดริดสีดวงล่ะซี้ ไปๆ ไปหาที่พักก่อน หวันพาไปเอง”
ดนัยทำท่าจะตามไป อุ๊บอิ๊บฉุดแขนรั้งไว้
“พี่ดนัยขา พี่ดนัย อุ๊บอิ๊บอยากไปล้างหน้าล้างตา พี่ดนัยพาไปหน่อยนะคะๆ”
ฉวีวรรณมองตามที่ดาหวันกับชลิตเดินออกไปอย่างสงสัย
“สองคนนั่นท่าทางแปลกๆ มีเรื่องอะไรกันแน่นะ”
ดาหวันดึงชลิตมาทางหนึ่ง แล้วเหวี่ยงตัวชลิตออกไป ด่าใส่เป็นชุด
“มานี่เลย ไปปากโป้งพูดอย่างนั้นได้ยังไง อยากตายหรือไง ฮ้า”
ดาหวันยกมือจะทุบ ชลิตยกมือป้อง
“อย่านะ ฉันต้องเสียความบริสุทธิ์ให้เธอแล้วยังจะมาทำร้ายทุบตีกันอีกเหรอยายโหดปล้นสวาท”
ดาหวันกรี๊ดแล้วทุบเปรี้ยง ใส่ชลิต ชลิตร้องโอดโอย
“ไม่ต้องมาร้อง หน้าสิ่วหน้าขวานยังจะมาทะเล้น”
ดาหวันตีอีก จนชลิตรวบแขนดึงดาหวันเข้ามากอดเอาไว้ ดาหวันชะงักมองอึ้ง,ชลิตพูดจริงจังขึ้น
“พี่อึดอัดจนทนไม่ไหวแล้วนะ หวัน ..หวันเป็นคนเสียหายนะ จะให้ทุกอย่างผ่านไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง”
“แต่ไม่ว่าพี่จะชดเชยยังไง มันก็ไม่มีอะไรทนแทนสิ่งที่หวันเสียไปได้เหมือนกัน”
ชลิตอึ้ง โดนใจจังเบอร์
“และที่สำคัญ พี่ควรจะแคร์ความรู้สึกของพี่หวีให้มากที่สุด พี่หวีจะคิดยังไง รู้สึกยังไง ถ้ารู้ว่าพี่กับหวันมีอะไรกัน”
ชลิตยิ่งพูดไม่ออก จังหวะนั้นเสียงฉวีวรรณดังเข้ามาร้องเรียกหา
“หวัน...ชลิต...”
“พี่หวี” ดาหวันตกใจ
ทั้งสองรีบผละออกจากกัน ชลิตลนลานหันไปเหยียบปลายคราด ที่วางแถวอยู่กับพื้นแถวนั้นอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อเหยียบปลายคราดแล้วทำให้ด้ามคราดกระเด้งขึ้นมา ตีเป้าชลิตเข้าอย่างจัง
ชลิตกุมเป้าตัวงอ หน้าเหยเกเจ็บสุดๆ ฉวีวรรณเข้ามาเห็นพอดี ก็ตกใจ
“ชลิต!”
ดาหวันมองอยู่ ตกใจเหมือนกัน
“ตายแล้ว พี่ชลิต เจ็บไหมอ่ะ”
“มากก... โอ้ย..อู้ย..ช้างน้อยของฉัน สูญพันธุ์หมดแล้ว”
ฉวีวรรณขันคำพูดชลิต หัวเราขำออกมากิ๊กๆ
“อะไร หวี ... ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้วนะ ยังจะมาขำอีก”
“เปล่า..ฉันแค่อยากจะบอกว่า นายเป็นคนที่ทำให้ฉันหัวเราะได้มากที่สุดเลยนะ ชลิต แล้วฉันก็เชื่อว่านายจะเป็นคนสุดท้ายในโลกนี้ที่จะทำให้ฉัน..เสียใจ”
ชลิตอึ้ง โดนแทงใจดำเต็มๆ ดาหวันพลอยนิ่งงัน กดดันไปด้วย ฉวีวรรณรู้สึกได้ถึงความอึดอัด มองหน้าทั้งสองแปลกใจ
“อ้าว เงียบกันไปหมดเลย สองคนนี้นี่ชักจะยังไงๆ นะ มีเรื่องอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า”
ฉวีวรรณมองไปที่ดาหวัน ดาหวันสบตาฉวีวรรณ ...ฝืนยิ้ม กดเก็บความรู้สึกผิดไว้ข้างใน
“ไม่มีอะไรหรอกพี่หวี หวันแค่ซึ้งกับที่พี่พูด แล้วก็เชื่อเหมือนกันว่า” มองไปที่ชลิต ส่งสายตาแกมบังคับ “พี่ชลิตจะไม่มีวันทรยศแล้ว ก็ทำให้พี่ร้องไห้เด็ดขาด”
ชลิตอึ้งมองมาที่ดาหวันรู้ดีว่า ดาหวันหมายถึงเรื่องอะไร ฉวีวรรณยิ้มรับแล้ว ชวนออกไป
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็ไปอาบน้ำอาบท่า แล้วไปกินข้าวกัน ชาวชาลันใจดีแล้วก็มีน้ำใจมาก ทำอาหารมาเลี้ยงพวกเราเยอะแยะเลย”
“จ้า พี่หวี”
ฉวีวรรณเดินนำกลับออกไป ดาหวันสบตาชลิตให้เป็นตามนั้นแล้วเดินตามฉวีวรรณออกไป
ชลิตมองตามทั้งสองสาว เครียดอยู่คนเดียว
อุ๊บอิ๊บกริ๊ดสนั่น ปัดใบตองที่ห่อเผือกมันเผา ผลไม้ต่างๆ จากโต๊ะไม้หล่นกระจาย เป็นโต๊ะไม้ที่จัดเตรียมอาหารต่างๆ ไว้ โดยเอาใบตองมาปูรองง่ายๆ แบบชาวบ้านทั่วไปในชนบทห่างไกล
“เอาอะไรมาให้ฉันกินเนี่ย ฮ้า มีแต่ผักแต่หญ้าทั้งนั้นเห็นฉันเป็นช้างม้าวัวควายหรือไงยะ”
หญิงชาวบ้าน 2 คน ที่คอยดูแล หน้าตาตื่น มองกันเลิกลั่ก ทำอะไรไม่ถูก อุ๊บอิ๊บเอาแต่กรี๊ดๆ อาละวาด คว่ำข้าวของอีก วินยาเดินเข้ามา ตะโกนห้าม
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ เธอนึกว่าเธอเป็นใครถึงได้มาทำลายข้าวของแบบนี้”
“นี่ยายชาวป่า อย่ามาทำปากดีกับฉันดีกว่า เธอกับฉันมันคนละชั้นกัน”
“คนที่ทำกริยาถ่อยๆ อย่างเธอนี่เหรอ ที่เรียกว่าคนชั้นสูง ฉันว่าจิตใจเธอมันต่ำยิ่งกว่า เศษดินใต้เท้าฉันเสียอีก”
อุ๊บอิ๊บกริ๊ดสนั่น แล้วหยิบหัวมันอันหนึ่งขึ้นมาจะปาใส่วินยา วินยาจับมืออุ๊บอิ๊บ บิด อุ๊บอิ๊บร้องลั่นอย่างเจ็บ
“อ๊อย... โอ้ย...”
ดนัยเดินเข้ามาจากอีกทางเห็นเหตุการณ์ ชะงักมอง วินยาดึงหัวมันขึ้นชู แล้วยังบิดมืออุ๊บอิ๊บอยู่
“ปล่อยฉันนะ เจ็บๆๆๆ”
“รู้บ้างไหม กว่าจะได้มันสักหัว ข้าวสักเม็ด เราต้องอาบเหงื่อตากน้ำกันอยู่กี่วัน เธอควรจะกินมันอย่างรู้คุณค่าไม่ใช่มาโยนทิ้งเล่นแบบนี้”
วินยาผลักอุ๊บอิ๊บกระเด็นออกไป จนชนกับหญิงชาวบ้านที่ถือคนโทน้ำเข้ามาพอดี ซวยซ้ำซวยซ้อนมาเยือนคนปากดีเข้า เพราะคนโทน้ำหกราดรดอุ๊บอิ๊บจนเปียกปอน อุ๊บอิ๊บกรี๊ด เต้นเป็นเจ้าเข้า ด้วยความไม่พอใจ
“นังบ้า แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นลูกใคร ฉันจะให้ป๊ามาถล่มหมู่บ้านแก”
“พอเถอะ อุ๊บอิ๊บ เรามาอาศัยเขาอยู่ เธอน่าจะสำนึกบุญคุณของเขามากกว่า มาเบ่งวางอำนาจ”
“อ๊าย พี่ดนัย พี่ดนัยเห็นนังผู้หญิงป่านี่ดีกว่าอุ๊บอิ๊บเหรอ”
วินยาส่ายหน้าอย่างเซ็งจัด แล้วรีบหันเดินออกไป ดนัยรีบตามไป
“วินยา เดี๋ยวก่อน”
อุ๊บอิ๊บมองตาม ยิ่งแค้นใจที่ดนัยนอกจากไม่เข้าข้างยังตามวินยาไปอีก ขาวีนทำได้แค่กระทืบเท้าเร่าๆ
“พี่ดนัย”
อุ๊บอิ๊บกรี๊ดลั่น
วินยาเดินดุ่มๆ เข้ามาในทุ่งดอกไม้สวยๆ แห่งนั้น โดยมีดนัยวิ่งตามเข้ามาหา
“วินยา ฉันต้องขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วยนะ”
วินยาหันกลับมามองดนัย แล้วถอนใจพูดขึ้น
“ช่างเถอะ จะดูถูกฉันยังไง ฉันไม่ว่าหรอก แต่อย่าทำลายป่าแล้วกันฉันเล่นงานถึงตายแน่”
“ขนาดนั้นเชียวเหรอ”
“ใช่สิ สำหรับชาวชาลันแล้ว ต้นไม้คือผู้ให้ชีวิตกับเรา เพราะถ้าไม่มีต้นไม้ก็ไม่มีป่า ไม่มีต้นน้ำลำธารให้พวกเราใช้ดื่มกิน พวกเราถึงรังเกียจพวกคนที่ตัดไม้ทำลายป่ายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด” วินยาบอกจากใจ
“ฉันดีใจนะที่เจอคนที่รักป่าเหมือนกัน”
วินยาอึ้งมองสบตาดนัย แล้วรู้สึกปลื้มปริ่มในหัวใจ วินยาเสหลบตาลง แล้วพูดขึ้น
“อย่ามาพูดเลย ดูหน้าตานายแล้ว น่าจะชอบแสงสีในเมืองมากกว่านะ”
“มาทึกทักอย่างนี้ได้ยังไง จะบอกให้นะ พ่อฉันพาฉันเข้าป่าตั้งแต่เด็กๆ แล้ว”
ดนัยเหม่อมองออกไป นึกถึงความหลังสมัยยังเป็นเด็กขึ้นมา และเริ่มต้นเล่าให้วินยาฟัง
ดนัยตอนเด็กนั่งอยู่กับนงนุช บนผ้าที่ปูนั่งแบบมาปิกนิกกัน โดยมีเดชผู้เป็นพ่อถือเค้กก้อนหนึ่ง พร้อมปักเทียนวันเกิด ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ เข้ามาหาดนัย ดนัยเป่าเทียน พ่อแม่ตบมือยิ้มแย้ม หอมแก้มลูกมีความสุข
ในป่าอีกมุมหนึ่ง เดชจับมือดนัย เอากล้าต้นไม้ วางใส่หลุมที่ขุดเตรียมไว้ พ่อลูกช่วยกันเอาดินกลบ
ปลูกต้นไม้ด้วยกัน อย่างมีความสุข ดนัยยิ้มแย้ม แฮปปี้ ครู่ต่อมานงนุชผู้เป็นแม่ก็ถือที่รดน้ำต้นไม้มาให้ดนัย ช่วยกันรดน้ำกล้าไม้ ยิ้มแย้มให้กันมีความสุข
“ฉันจำได้ว่าในวันเกิดของฉันทุกปี พ่อก็จะพาฉันไปปลูกต้นไม้เพื่อความงอกงามของผืนป่าและยังเป็นของขวัญที่มีค่าของฉัน พ่อบอกว่า ต้นไม้เป็นตัวแทนของความรักที่สวยงามและยั่งยืน...ที่พ่อจะมีให้ฉันตลอดไป”
เสียงความคิดของดนัย ดังกึกก้องในหัวของเขาเวลานี้
อ่านต่อหน้า 2
หอบรักมาห่มป่าตอนที่ 10 (ต่อ)
ที่ทุ่งดอกไม้แห่งเดิม วินยากำลังฟังดนัยเล่าเรื่องความหลังด้วยความซาบซึ้งใจ
“พ่อนายเป็นคนดี แล้วก็อบอุ่นมาก” วินยากล่าว
ฉวีวรรณเดินเข้ามาเห็นแล้วแอบชะงักมองอยู่ที่มุมหนึ่ง
“ ฮึ นั่นมัน นายดนัยชั่ว กับ ยายวินยา...” ฉวีวรรณพึมพำ
วินยายังคงคุยอยู่กับดนัย
“นายคงรักท่านมากที่สุดเลยนะ” วินยาถาม
ดนัยพยักหน้ารับ แล้วมีสีหน้าที่หมองลงไป
“ฉันเสียใจด้วยนะ นายคงคิดถึงท่านมากสินะ” วินยากล่าว
“ใช่ ...แล้วฉันก็จำวันนั้น วันที่พ่อจากฉันไปได้อย่างไม่มีวันลืม” ดนัยบอกพร้อมกับนึกย้อนไปถึงเรื่องในอดีตอีกครั้ง
ภาพอดีตผุดขึ้นมาอีกครั้ง ณ ยอดเขาซึ่งมองลงมาเห็นวิวป่าสวยงาม เดชในชุดเจ้าหน้าที่ป่าไม้กำลังอุ้มดนัยชี้ให้ดูวิวป่าเขาที่เขียวขจี พร้อมกับสอนลูกชายไปด้วย
“เห็นป่านั่นไหน ดนัย”
“เห็นครับ”
“ดูไว้นะลูก ป่าที่สมบูรณ์แบบนี้ ถ้าไม่ช่วยกันรักษา ความเดือดร้อนต่างๆ ก็จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ภัยแล้ง,พื้นดินพังทลาย,ลำน้ำตื้นเขิน จนถึงทำให้เกิดน้ำท่วม ซึ่งก็จะเป็นผลเสียหายต่อเกษตรกร แล้วก็เศรษฐกิจของประเทศเราอย่างมากเลยนะ”
นงนุชเดินเข้ามาหา เธอขำเบาๆ อย่างเอ็นดู
“อะไรกันค่ะ คุณเดช สอนอะไรยากๆ อย่างนี้แล้วลูกจะรู้เรื่องหรือคะ”
เดชหลิ่วตาให้กับดนัย
“แม่เขาท้าแล้วนะ ไหนบอกแม่เขาไปสิว่าดนัยรู้เรื่องมั้ย”
เดชปล่อยดนัยลง ดนัยวิ่งเข้าไปกอดแม่ แล้วเงยหน้าขึ้นถาม
“คุณแม่ครับ คุณแม่รู้มั้ยครับ ไม้หวงห้ามมีอะไรบ้าง”
นงนุชเลิกคิ้วมองอย่างงงๆ
“ไม้หวงห้าม? ฮึ ต้นอะไรกันจ๊ะ”
“ก็อย่าง ไม้สัก ไม้แดง ประดู่ เต็ง รัง มะค่า หลุมพอ ไงครับ ถ้าจะตัดต้นไม้พวกนี้ก็ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้อย่างคุณพ่อก่อน” ดนัยบอก
นงนุชทึ่งในตัวลูกชาย เธอทรุดตัวลงไปคุกเข่า
“ดนัย ทำไมเก่งอย่างนี้ล่ะลูก ลูกจำที่คุณพ่อสอนได้หมดเลยหรือนี่”
เดชเข้ามาทรุดนั่งข้างๆ ด้วยอีกคน
“เด็กก็เหมือนผ้าขาวแหละ นุช แต้มสีอะไรลงไป เขาก็จะเป็นอย่างนั้น” เดชหันไปพูดกับดนัย “จำไว้นะลูก ดนัยเกิดมาเพื่อดูแลรักษาป่าเหมือนพ่อ ถ้าพ่อเป็นอะไรไป ดนัยก็ต้องเป็นตัวแทนของพ่อ คอยพิทักษ์คุ้มครองป่า กำจัดคนที่บุกรุกป่าให้หมดไป...เข้าใจไหมลูก”
“ครับพ่อ” ดนัยรับคำ
เดชคว้าตัวดนัยเข้ามากอดด้วยความรักแล้วโอบนงนุชมากอดอีกคน ทั้งสามยิ้มแย้มให้กันอบอุ่นโดยที่ไม่รู้เลยว่าที่มุมหนึ่งไม่ไกลจากบริเวณนั้นมือปืนคนหนึ่งได้โผล่ขึ้นมาแล้วตั้งกระบอกปืนเล็งจะยิง
ทันใดนั้นเอง เดชซึ่งเหลือบมองเห็นพอดีก็ตะลึงตกใจร้องลั่น
“ระวัง!!”
เดชจับภรรยากับลูกชายหมอบลงกับพื้น
เสียงปืนดังเปรี้ยง กระสุนเลยไปโดนพื้นดินที่อยู่ข้างหลังจนฝุ่นดินกระจายฟุ้งตลบขึ้นมา เดชรีบหันมาบอกนงนุช
“ผมจะล่อมันไปทางอื่น รีบพาลูกหนีไป”
“ไม่นะคะ .... คุณเดช!!” นงนุชปรามอย่างหวาดกลัว
เดชไม่ฟังเสียงรีบวิ่งออกไปทางหนึ่งทันที
มือปืนอีกคนยิงไล่หลังเดช จากนั้นมือปืนทั้งสองก็วิ่งตามเดชไป
นงนุชมองตามใจหาย เธอตะโกนตามหลังด้วยความเป็นห่วง
“คุณเดช!!!”
ดนัยทำท่าจะตามพ่อไป แต่นงนุชรีบคว้าตัวเขาแล้วอุ้มขึ้น
“ดนัย!!! อย่าไป!!” นงนุชรีบอุ้มพาดนัยวิ่งหนีไป โดยที่ดนัยยังคงร้องหาพ่อไม่ยอมหยุด
เดชวิ่งหนีมือปืนเข้าไปในป่ารก จนไปถึงทางแยก เดชตัดสินใจวิ่งเลี้ยวไปทางหนึ่ง มือปืนสองคนที่ตามหลังมาแยกกันไปคนละทาง
ส่วนอีกมุมหนึ่งของป่า นงนุชซึ่งอุ้มดนัยที่ร้องหาพ่อก็กำลังวิ่งหนีอยู่ในป่า ทันใดนั้นเองเธอก็เจอผู้ร้ายคนหนึ่งถือปืนเข้ามาดักหน้า
นงนุชกรีดร้องอย่างตกใจ ผู้ร้ายเข้าไปกระชากแขนนงนุชตั้งใจจะทำร้าย
“ช่วยด้วย” นงนุชร้อง
“ใครจะช่วยแก พวกแกต้องตายกันทั้งบ้านนี่แหละ” ผู้ร้ายขู่
ดนัยเห็นผู้ร้ายจับตัวแม่ เลยกำหมัดต่อยเข้าไปที่หน้าผู้ร้ายเท่าที่แรงเด็กคนหนึ่งจะทำได้
“ปล่อยแม่!!!” ดนัยชกพร้อมกับตะโกนเสียงดัง
ผู้ร้ายผงะออกไปนิดนึง แล้วโมโหยกด้ามปืนขึ้นมาหมายจะทุบดนัย
“ไอ้เด็กนรก!!”
ทองอินเดินเข้ามากระชากผู้ร้ายไปชก ผู้ร้ายล้มลงจนปืนกระเด็น
“หลบไป!” ทองอินตะโนบอกนงนุช
ผู้ร้ายลุกพรวดขึ้นตั้งใจจะพุ่งเข้าไปหยิบปืน ทองอินรีบเตะปืนทิ้ง แล้วหันไปต่อยผู้ร้ายจนสลบไป
ทองอินเก็บปืนขึ้นมาแล้วเดินเข้ามาหานงนุช
“ฝีมือพวกเลื่อยไม้เถื่อนแน่ๆ ... นุชกับดนัยเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ขอบใจนะ ทองอิน ฉันกับลูกไม่เป็นไรหรอก”
“คุณพ่อล่ะ ครับ คุณพ่ออยู่ไหน” ดนัยถามถึงพ่อด้วยความเป็นห่วง
นงนุชกับทองอินมองหน้ากัน เพราะต่างก็เป็นห่วงเดชเหมือนกัน
ขณะเดียวกันนั้นเอง เดชวิ่งหอบเข้ามาหลบที่ชะง่อนหินแห่งหนึ่ง มือปืนคนหนึ่งเห็นจึงยกปืนขึ้นเล็งเดช
“ไอ้เดช!!”
เดชมองอย่างตกตะลึง ฝ่ายมือปืนแสยะยิ้ม
“รักป่านัก ก็เป็นผีเฝ้าป่าซะเถอะ!!”
มือปืนกำลังจะลั่นไก แต่เดชรีบพุ่งเข้าไปผลักมือมือปืนให้กระบอกปืนเงยขึ้นฟ้า ในจังหวะเดียวกับที่มือปืนลั่นไก กระสุนจึงถูกยิงขึ้นฟ้าไป
เดชจับมือมือปืนให้ไปกระแทกหิน เขาทุบๆๆ จนมือปืนเจ็บต้องปล่อยปืนให้ร่วง เดชหยิบปืนขึ้นมาถือ เล็งไปที่มือปืน
“ใครใช้แกมา” เดชถาม
ทันใดนั้นเองมือปืนอีกคนได้โผล่มาจากอีกด้านและตั้งท่าจะยิงเดช
เดชไหวตัวทันหันไปยิงเปรี้ยงโดนอกมือปืนคนที่สองจนเลือดพุ่ง มือปืนคนแรกถือโอกาสวิ่งหนีไป เดชตั้งท่าจะวิ่งตาม
“เฮ้ย อย่าหนี...”
นงนุชจูงดนัยเดินเข้ามาพร้อมกับทองอิน
“คุณพ่อ ...”
เดชชะงักหันไปมองดนัยกับนงนุชแล้วจึงยิ้มออกมา
“ดนัยปลอดภัยแล้วนะ มาให้พ่อกอดที”
เดชเดินเข้าไปหาดนัย แล้วกางมือเพื่อจะกอดลูก ทันใดนั้นเอง มือปืนคนที่สองที่นอนอยู่ผงกหัวขึ้นมา ยิงเดชดังเปรี้ยง กระสุนทะลุหลังเดช เขาชะงักด้วยความเจ็บปวด เลือดทะลักออกจากแผล
นงนุช ดนัย และทองอินถึงกับตกตะลึงเพราะความช็อค
“คุณเดช!!” นงนุชร้องเสียงหลง
“พ่อ!!!” ดนัยร้องตาม
ทองอินรีบเอาปืนยิงมือปืนคนที่สองจนเสียชีวิต
นงนุชกับดนัยรีบวิ่งไปหาเดชที่ล้มจมกองเลือดอยู่
“คุณเดช อย่าเป็นอะไรนะ” นงนุชร้องไห้
“คุณพ่อ!!! ฮือออ” ดนัยร้องจะขาดใจ
“พี่เดช ทำใจดีๆนะครับ ผมจะพาพี่ไปหาหมอ” ทองอินบอก
“ไม่...ต้อง..” เดชจับมือดนัยให้นงนุชไปจับไว้ “นุช ฝากลูกด้วย”
“ไม่นะ ฉันไม่ยอมให้คุณตาย” นงนุชร้องไห้โฮ
เดชค่อยๆ ยกมืออันสั่นเทาขึ้นมาจับแก้มดนัย เขาพูดขาดเป็นคำๆ เหมือนคนใกล้จะสิ้นใจ
“พ่อ...รักลูก..”
“ผมก็รักพ่อ”
ดนัยสะอื้น เดชยิ้มอย่างเศร้าๆ แล้วสั่งลาเป็นครั้งสุดท้าย
“ลูกรัก..ของพ่อ ...รักป่าให้เหมือน..รักพ่อนะ ....”
แล้วเดชก็สิ้นลม มือตกพับไป ทุกคนร้องลั่น ตะโกนเรียกด้วยความอาลัย
ดนัยน้ำตาไหล ก้มลงไปกอดพ่อแล้วร้องไห้
ณ ทุ่งดอกไม้ในปัจจุบัน ดนัยยังคงยืนเหม่อเพราะระลึกถึงความหลังแล้วรู้สึกสะเทือนใจ มีแววน้ำตาสะท้อนออกจากดวงตาของเขา
“คำสั่งลาของพ่อ ยังก้องอยู่ในหัวของฉัน...ทุกครั้งที่เดินเข้าป่า ฉันถึงเดินมาด้วยความรักและฉันก็พร้อมจะยอมตายได้ทุกเมื่อ ถ้าชีวิตของฉันสามารถรักษาผืนป่าไว้ได้”
ฉวีวรรณที่ยืนแอบฟังอยู่ก็มีน้ำตาไหลมาหยดหนึ่งเพราะรู้สึกอินไปด้วย
“ดนัย...คุณพ่อที่อยู่บนสวรรค์ของนาย ท่านต้องภูมิใจในตัวนายแน่” ฉวีวรรณพึมพำ
ดนัยหันกลับมาหาวินยาแล้วอึ้ง เพราะเห็นวินยาร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้ม “วินยา...”
“ฉันรู้ดีว่านายรู้สึกยังไง” วินยากล่าว “ฉันเองก็สูญเสียพ่อไปเพราะคนเลวๆ อย่างนั้นเหมือนกัน”
วินยาน้ำตาร่วงลงมาอีก เธอหันหน้าหนี
“ขอโทษ ฉันไม่ควรอ่อนแออย่างนี้” วินยาพูด
ดนัยจับไหล่วินยาให้หันกลับมามองหน้าเขา วินยาเพราะนึกไม่ถึง
ฉวีวรรณเห็นดังนั้นแล้วก็รู้สึกแปลบใจ ถึงกับชักสีหน้าขึ้นมา
ดนัยมองวินยาที่น้ำตาเปื้อนแก้มอย่างเป็นมิตร
“ไม่เห็นต้องอายเลยนี่” ดนัยบอก “การร้องไห้ไม่ได้แปลว่าเธออ่อนแอแต่มันเป็นเครื่องหมายว่าเธอ ยังมีหัวใจอยู่นะ วินยา”
ดนัยยิ้มให้วินยาอย่างอ่อนโยน วินยามองดนัยแล้วใจเต้นรู้สึกหลงเสน่ห์ดนัยเข้าไปทุกที
ดนัยหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแตะตรงแก้มวินยา แล้วเช็ดน้ำตาให้เบาๆ
วินยายิ่งปั่นป่วนใจ เธอพยายามเก็บอาการ ไม่ให้ดนัยรู้
ฉวีวรรรณมองทั้งคู่ด้วยความปวดร้าว เธอกำมือแน่น น้ำตารื้น
จู่ๆ ก็มีเสียงใบไม้กรอบแกรบดังขึ้นคล้ายมีคนเหยียบ ฉวีวรรณหันไปมองเห็นดาหวันเดินมาหยุดมองดนัยกับวินยาอยู่อีกที่หนึ่งด้วยสายตาเจ็บช้ำ
ฉวีวรรณอึ้งเพราะเป็นห่วงดาหวัน
ดาหวันมองดนัยที่กำลังเช็ดหน้าให้วินยา เธอรู้สึกสะเทือนใจและเจ็บปวด จนน้ำตาไหลออกมา ดาหวันทนไม่ไหวต้องรีบวิ่งหนีออกไป
“หวัน” ฉวีวรรณร้องตาม แล้ววิ่งตามดาหวันออกไปอย่างเป็นห่วง
ดาหวันวิ่งมาหยุดร้องไห้ ณ ที่มุมหนึ่งในป่าไกลออกมา ฉวีวรรณวิ่งตามมาหา แล้วปลอบน้องสาวทันที
“หวัน!! ไม่ต้องร้องไห้หรอก ...อย่าไปเสียน้ำตาให้ผู้ชายเจ้าชู้หลายใจอย่างนายดนัยเลย”
ดาหวันได้ยินดังนั้นจึงหันมาต่อว่าฉวีวรรณ
“อย่ามาว่าพี่ดนัยนะ พี่หวี”
“เฮอะ ...นี่เธอยังจะเข้าข้างไอ้ผู้ชายห่วยๆ นั่นอีกเหรอ ไม่เห็นเหรอว่าเขาอี๋อ๋อกับยายวินยาแค่ไหน”
ดาหวันรู้สึกสะเทือนใจ เธอคิดว่าตัวเองไม่ดีพอสำหรับดนัย
“ถ้าวินยาเป็นคนที่พี่ดนัยรัก หวันก็ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ”
ฉวีวรรณถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
“ยายหวัน!! นี่เธอพูดอะไรของเธอ”
“ตั้งแต่หวันคบกับพี่ดนัยมา พี่ดนัยยังไม่เคยบอกรักหวันเลยสักครั้ง หวันเองที่ทึกทักเรียกพี่ดนัยเป็นแฟน ทั้งๆที่จริงเขาอาจจะไม่ใช่แฟนหวันเลยก็ได้” ดาหวันร้องไห้น้ำตาไหล
ฉวีวรรณตกใจและรู้สึกสงสารน้อง
“หวัน”
“ฮือออ.. มันก็สมควรแล้วผู้หญิงเลวๆอย่างหวัน มันไม่ดีพอสำหรับพี่ดนัยอีกแล้ว” ดาหวันคิดถึงเรื่องที่ตัวเองเสียตัวแล้วยิ่งเสียใจหนักร้องไห้โฮวิ่งจากไป
“ ยายหวัน หวัน!!!” ฉวีวรรณร้องเรียก เมื่อดาหวันไม่ยอมหยุดวิ่งเธอก็รู้สึกฉุนขึ้นมา
“ไอ้ดนัย ไอ้ผู้ชายชั่ว แค่บอกรักน้องฉันยังไม่เคยพูดเลยเหรอ ฮึ ...ผู้ชายเจ้าชู้ปลิ้นปล้อน ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว!!... “
ณ ชายป่าหมู่บ้านชาลันชลิตนั่งเหม่อคิดถึงเรื่องในอดีตระหว่างเขากับดาหวัน
“ใช่ๆ ต้องเป็นเห็ดเมื่อคืนนี่แน่ๆ พอฉันเมาเธอก็เคลมฉัน” ชลิตโวยวาย
“อ๊าย ช่างกล้า” ดาหวันยั๊วะ “ไอ้บ้าทุเรศ ต่อให้เหลือพี่เป็นผู้ชายคนเดียวในโลกหวันก็ไม่มีวันสนผู้ชายอุบาทว์ๆพี่หรอก ไอ้ชั่วไอ้เลว ไอ้เล็บขบ” ดาหวันทุบไปที่ตัวของชลิต
ดาหวันทุบตีชลิต ไม่ยั้งมือ จนเผลอทำเสื้อที่ถือปิดอกไว้หลุด ดาหวันตกใจร้องดังลั่น เธอผลักชลิตล้มลงไปกับพื้น แต่ดาหวันก็เสียหลักล้มลงมา จนริมฝีปากประทับลงที่แก้มซึ่งใกล้มุมปากของชลิต
ภาพในหัวชลิตหายไปพร้อมกับที่ตัวเขาในปัจจุบันตะโกนระบายอารมณ์ที่อัดอั้นตันใจออกมาดังๆ
“กลุ้มโว้ยยยยยยย”
ชลิตยกเท้าเตะไปที่พุ่มไม้ข้างหน้า
ชายคนหนึ่งกำลังพรางตัวอยู่ในพุ่มไม้เพื่อล่าสัตว์ถึงกับถลึงตาด้วยความตกใจ เพราะเท้าของชลิตเตะไปถูกตัวของเขา แต่ชลิตยังไม่หายกลุ่มจึงระดมเท้าไปที่พุ่มไม้ไม่ยั้ง
“หวี.. ฉันผิดไปแล้ว แต่ก็ยังยืนยันว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ ...ฉันสมควรตาย” ชลิตกระหน่ำเท้าไปที่พุ่มไม้ “ตายๆๆๆๆ สมควรตาย”
ชายที่นั่งอยู่ในพุ่มไม้ยัวะสุดขีด เขาลุกขึ้นมาเอาเรื่องชลิต
“อ๊ากกกกก ...แกตายแน่...” ชายคนนั้นพูดโกรธๆ ด้วยสำเนียงของชาวเขา เขากำหมัดต่อยหน้าชลิต ซ้ายขวา ชลิตรีบหลบซ้ายหลบขวา จนชายคนนั้นหน้าคะมำล้มลงไป
“พี่ๆ ใจเย็น ผมไม่ได้ตั้งใจนะ” ชลิตรีบแก้ตัว
“แกก็ตายแบบไม่ได้ตั้งใจแล้วกัน” พูดจบชายคนนั้นก็หยิบหน้าไม้ขึ้นมาจะยิงชลิต
“ช่วยด้วย” ชลิตร้องแล้วรีบวิ่งหนีออกไป ชายชาวเขาถือหน้าไม้วิ่งไล่ยิงชลิตไม่หยุด
ที่ทางเดินในหมู่บ้านชาลัน ชลิตวิ่งหนีชายชาวเขามาจนเจอแจ๋กับกิมจิ
“เฮ้ย แจ๋ กิมจิ ช่วยด้วย”
“เฮ้ย ๆ เป็นอะไรวะ” กิมจิถาม
ชลิตเหลียวไปมองเห็นชายชาวเขาวิ่งตามมาลิบๆ ชลิตรีบเข้าไปหลบหลังกองไม้แล้วยกมือจุ๊ปากบอกเพื่อนไม่ให้พูด
ชายคนนั้นวิ่งเข้ามา แจ๋รีบชี้ไปอีกทาง
“พี่ตามล่าผู้ชายหน้าเหมือนนกฮูกใช่มั้ย ปู้นนนน ไปทางปู้นเลยพี่”
ชายคนนั้นวิ่งไปตามที่แจ๋ชี้ ชลิตโล่งอก แจ๋กับกิมจิเดินเข้าไปถาม
“เฮ้ย โจทย์แกไปโน้นแล้ว ไหนบอกมาสิ ไปก่อเรื่องอะไรมาวะ” กิมจิซัก
“เปล่านะ ฉันไม่ได้หาเรื่องใคร”
“อย่ามาโกหกเลยน่า แกพูดมาตรงๆ ดีกว่า”
“ในสายตาพวกแกฉันไม่เคยทำอะไรถูกเลยใช่มั้ย!!” ชลิตพูดเคืองๆ
“มันไม่ใช่อย่างนั้น”
“แล้วมันอย่างไหนกันล่ะวะ”
“เฮ้ยยย อยู่ๆจะมากัดกันทำไม” แจ๋ร้องห้าม “นี่เพื่อนกันทั้งนั้นนะ”
ทั้งสองค่อยๆ เบาลง แจ๋จึงถามชลิตต่อ
“ชลิต ท่าทางแกเหมือนชายวัยทองฮอร์โมนแปรปรวนยังไงไม่รู้นะ นี่แกมีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็บอกมา พวกเราจะได้ช่วยกันแก้ไข”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่มีใครช่วยฉันได้หรอก ไม่มีใครเข้าใจฉันเลย” พูดจบชลิตก็วิ่งไป
“ชลิต!! นี่มันเป็นบ้าอะไรของมันเนี้ย” แจ๋สงสัย
ธนวัติขับรถมาบนถนนในป่า เขานั่งอยู่กับ ธานี และ พาณิชย์ ธนวัติเลี้ยวเข้ามาที่ถนนสายหนึ่ง ทันใดนั้นเอง ดนัยก้าวเข้ามายืนจังก้าอยู่กลางถนน เขาวางท่าอย่างทรนงมองตรงไปข้างหน้าอย่างไม่กลัวเกรง ธนวัติมองเห็นดนัยยืนอยู่กลางถนน
“ไอ้ดนัย!!!!”
พาณิชย์มองตาม “มันมาได้ยังไงวะ”
“ยังไงก็ช่าง ในเมื่อมันมาหาที่แล้ว ก็เหยียบมันเลย ไอ้วัติ” ธานีสั่ง
ธนวัติมีสีหน้าเหี้ยมเกรียม เขาเร่งเครื่องรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว จนรถของเขาพุ่งเข้าหาดนัย แต่ดนัยก็มองอย่างไม่หวาดหวั่น
“ฉันจะบี้แกให้แหลกคาถนน!!! “ ธนวัติพูดด้วยความสะใจ
รถของธนวัติพุ่งเข้าใกล้ดนัยมากขึ้นเรื่อยๆ พอใกล้ถึงดนัย ระเบิดที่ฝังเอาไว้ที่พื้นก็ระเบิดขึ้นหลายลูก บึ้มๆๆ
ธนวัติ พาณิชย์ ธานี ตกใจกลัวตายกันลนลาน
“เฮ้ยๆ ทำไมเป็นแบบนี้” ธานีร้องด้วยความกลัว
“พี่วัติ ระวัง” พาณิชย์ร้องเสียงหลง
รถของธนวัติเสียหลัก วิ่งหลบระเบิดลงไปที่ไหล่ทาง ธนวัติเหยียบเบรกเสียงดังลั่นทำให้รถไม่ชนเข้ากับอะไรทั้งสามโล่งอกที่รอดตาย
ธนวัติกำหมัดทุบพวงมาลัยอย่างโกรธแค้น
“ไอ้ดนัย”
เขารีบเปิดประตูลงไป พาณิชย์กับธานีรีบตามลงไป ฝ่ายดนัยเดินเข้ามาหาอย่างองอาจพร้อมกับจ้องเขม็งไปที่กลุ่มของธนวัติ
“ไอ้พวกค้าไม้เถื่อน แกหนีความผิดไปไม่พ้นหรอก” ดนัยกล่าว
ธนวัติ พาณิชย์ และธานี เปิดประตูรถลงมา
“ไอ้กระจอก มีปัญญาทำอะไรได้วะ” ธนวัติตะโกนกลับไป
“หลักฐานมีอ่ะเปล่า” พาณิชย์เย้ย
“ฉันจะฝากหลักฐานไว้บนตัวพวกแก ไว้ให้แกไปรับโทษในนรก!!” ดนัยพูดอย่างโกรธแค้นแล้วพุ่งเข้าไปสู้กับธนวัติ ทั้งคู่แลกหมัดกัน ดนัยเสียท่าโดนถีบล้มลง
พาณิชย์เอาท่อนไม้ฟาดดนัย แต่ดนัยกลิ้งหลบแล้วเตะขาพับพาณิชย์จนล้มลง ดนัยลุกขึ้นเตะพาณิชย์จน กระเด็นออกไป ธนวัติพุ่งเข้ามาสู้ต่อ ทั้งคู่เตะต่อยกันอย่างสูสี พาณิชย์เข้าไปล็อกตัวดนัยให้ ธนวัติซ้อมอย่างเมามัน
ธานียืน เชียร์อยู่อย่าง สะใจ
“มันต้องอย่างนั้น ไอ้วัติ กระทืบมันให้ตายไปเลย”
ธนวัติต่อยดนัยจนเลือดไหลออกจากปาก เขาจิกหัวดนัยขึ้นแล้วจ้องด้วยแววตาอำมหิต
“ไอ้ขี้แพ้!! ทั้งป่า ทั้งผู้หญิงที่แกรัก ต้องเป็นของฉันทั้งหมด”
ดนัยฮึดขึ้นมาด้วยความโกรธ นัยน์ตาลุกวาวอย่างไม่ยอมแพ้ เขาถ่มเลือดในปากใส่หน้าธนวัติ ทำให้ธนวัติผงะไป จังหวะนั้นเองดนัยรีบถองใส่พาณิชย์จนตัวงอ แล้วจัดการกับพาณิชย์ ทั้งหมัดทั้งศอกจนพาณิชย์ล้มสลบไป
ธนวัติพุ่งเข้ามาหาดนัยอีก ดนัยเบี่ยงตัวหลบแล้วต่อย พร้อมกับกระโดดตัวลอยเหวี่ยงแข้งจระเข้ฟาดหางใส่ธนวัติจนธนวัติล้มลง ดนัยตามไปคร่อมธนวัติแล้วต่อยใส่ใบหน้าแบบไม่ยั้ง
ธานีที่ยืนดูอยู่เห็นท่าไม่ดีจึงหยิบปืนที่รถมาเล็งไปที่ดนัย
“ตาย!!”
ธานีกำลังจะลั่นไกใส่ดนัย ทันใดนั้นเองมีเสียงปืนลั่นเปรี้ยงลงมาที่พื้นดินตรงหน้าธานีจนดินกระจายฟุ้งทั่วบริเวณนั้น ธานีตกใจรีบวิ่งหลบทันที
ดนัยหันไปทางต้นเสียงเห็นชลิตยืนจังก้าถือปืนอยู่
“ชลิต”
ชลิตยิ้มมุมปาก หยิบปืนอีกกระบอกโยนให้ดนัย
“อ่ะ ของขลังพี่ชลิต !!”
ดนัยรับปืนไปถือ เป็นเวลาเดียวกับพาณิชย์ที่สลบอยู่เริ่มรู้สึกตัว เขาหยิบปืนที่พกไว้ออกมาจะยิงชลิต แต่ดนัยหันไปเห็นจึงยิงพาณิชย์
“เปรี้ยง”
เพียงเปรี้ยงเดียวกระสุนเจาะหน้าผากของพาณิชย์ทันที พาณิชย์ล้มลงไปทั้งยืน ธนวัติถึงกับตะลึง
“พาณิชย์!!”
ธานี ตัดสินใจยิงไปที่ดนัยกับชลิตเพื่อคุ้มกันให้ธนวัติ ดนัยกับชลิตรีบกลิ้งตัวหลบ
“หนีเร็ว” ธานีสั่ง
ธานีกับธนวัติรีบวิ่งหนีไป
ดนัยกับชลิต ออกจากที่กำบังแล้ววิ่งไล่ตาม ธานีกับธนวัติไป
อ่านต่อหน้า 2
หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 10 (ต่อ)
ธนวัติกับธานี วิ่งหนีเตลิดเข้าไปในป่า โดยมีชลิตกับดนัยถือปืนยิงไล่ล่าไปตามทาง
จังหวะหนึ่งธนวัติกับธานีวิ่งเข้ามาหลบที่พุ่มไม้ โดยที่ธานียิงตอบโต้ใส่ชลิตและดนัยที่ตามมา ทำให้ชลิตกับดนัยต้องหาที่หลบข้างทาง ทั้งสองฝั่งยิงตอบโต้กันไปมา ธนวัติเห็นว่าธานียิงช้าไม่ทันใจ จึงแย่งปืนมาจากพ่อมายิงเอง
ชลิตกับดนัยหลบลูกปืนที่ธนวัติยิงมา แล้วพยักหน้าให้กัน
ดนัยตัดสินใจเดินแยกไปอีกทาง เพื่อดักธานีกับธนวัติ
ที่ป่าอีกด้านหนึ่ง ดนัยลัดเลาะพงหญ้าไปทางด้านหลังของธานีกับธนวัติ ในขณะที่ธนวัติยิงตอบโต้กับชลิตจนกระสุนหมด ธนวัติหัวเสีย รีบบอกให้ธานีหนีไป
“บ้าเอ๊ย มาหมดอะไรตอนนี้วะ”
ชลิตยิงเปรี้ยงมายังที่ที่ทั้งสองหลบอยู่ ทั้งธนวัติและธานีรีบลุกวิ่งหนี ไปทางที่ดนัยหลบอยู่ เมื่อเข้าใกล้ในระยะหนึ่งดนัยก็ออกจากที่ซ่อนแล้วยกปืนขึ้นเล็งสองพ่อลูก
“หยุด ยกมือขึ้น”
ธนวัติรู้สึกแค้นใจ ส่วนธานีตกใจกลัวเป็นอย่างมาก
“ยกมือ!! ไม่งั้นฉันยิงแกแน่” ดนัยตะคอกอย่างเอาจริง ในที่สุดธนวัติกับธานีก็ยอมยกมือขึ้น ธนวัติทิ้งปืนลงกับพื้น
“จ้า ยกแล้ว อย่าทำอะไรฉันเลยนะไ ธานีละลักละล่ำ
ชลิตวิ่งตามมาบริเวณที่ดนัยยืนอยู่
“เยี่ยมมากเพื่อน ถึงเวลากำจัดจอมมารพ่อลูกเสียที”
พูดจบชลิตก็เล็งปืนไปทางสองพ่อลูกทันที
“ฉันจะนับ 1 ถึง 3 ถ้าแกยอมสารภาพกับตำรวจ แกรอด” ดนัยพูดท่าทางจริงจัง
“แต่ถ้าอยากตายอยู่ที่นี่ ก็จะจัดให้” ชลิตเสริม
“1 -2 -…” ดนัยนับช้าๆ
ทันใดนั้นเอง กระบอกปืนของศิริ สุภาพ กับอาหลู่ก็มาจ่อที่ด้านหลังของดนัยกับชลิต
“แกยิง ฉันก็เป่าหัวแกระเบิดเหมือนกัน” เสียงของศิริดังขึ้นจากด้านหลังของดนัย
ดนัยกับชลิตถึงกับอึ้ง
“พี่ศิริ ช่วยผมด้วย” ธานีโพล่งออกมาอย่างดีใจ
“คุณลุงถอยออกไปเถอะครับ ผมไม่อยากให้คุณลุงได้รับอันตราย” ธนวัติบอก
“เลิกเล่นละครเสียทีเถอะ น้ำเน่า” ชลิตแขวะ
“ถ้ายังอยากหายใจ ก็หุบปากแกได้แล้วไอ้หนุ่ม” สุภาพขู่พร้อมกับจี้ปืนไปที่ต้นคอของชลิต
“ทิ้งปืนซะ”
“หูแตกหรือไง นายบอกให้ทิ้งก็ทิ้งสิ” อาหลู่ย้ำ
ดนัยกับชลิตจำใจต้องทิ้งปืนลง
ธนวัติเห็นว่าได้โอกาสจึงก้มลงเก็บปืนขึ้น แล้วทำท่าจะยิงดนัย แต่ดนัยเข้าไปปล้ำแย่งปืนกับธนวัติ จนกระทั่งกระบอกปืนจ่ออยู่ที่สีข้างของธนวัติ จังหวะนั้นเองมีเสียงปืนดังขึ้น
“ปังปังปัง”
ธนวัติตาค้างตกตะลึง ขณะที่สุภาพกับอาหลู่ร้องเสียงลั่น
“นาย!!!”
ปากกระบอกปืนโผล่พ้นข้างตัวธนวัติ ทำให้วิถีกระสุนพุ่งไปโดนศิริที่ยืนอยู่ ศิริกุมท้องที่มีเลือดอาบจากการโดนยิง ชลิตมองศิริแล้วหันมามองดนัยอย่างตื่นตระหนก
“ไอ้ดนัย...แก”
“คุณลุง” ดนัยช็อค
“แก..ฆ่า...ฉัน”
ศิริพูดติดขัดเพราะเลือดกระอักออกทางปาก เขาล้มลงไปจมกองเลือดตายคาที่
ศิริสะดุ้งตื่นขึ้น พร้อมกับตะโกนดังลั่น เหงื่อแตกเต็มหน้า หายใจหอบถี่
“แค่ความฝัน ...เฮ้อ” ศิริถอนหายใจยาว
ศิริขยับจะลุกแต่มือกลับไปโดนของเหลวเละๆ ที่ขอบเก้าอี้ เขายกมือขึ้นมาดูเห็นเป็นรอยเปื้อนเหมือนเลือดสีแดงฉาน ศิริตกใจร้องตะโกนดังลั่นกว่าเดิม
“อ๊าก.....”
สุภาพกับอาหลู่รีบวิ่งเข้ามาหา
“นาย เป็นอะไร ไข้ขึ้นหรือครับ” สุภาพถามอย่างเป็นห่วง
ศิริยกมือให้สุภาพดูแต่เขากลับหันหน้าไปอีกทาง
“เลือด ฉันโดนไอ้ดนัยยิงจริงๆด้วย”
สุภาพกับอาหลู่มองมือของศิริ ทั้งสองงง เพราะรู้ว่าเป็นซอสมะเขือเทศ
“มีไข่ดาวสักฟองจิ้มกับเลือดนายนะ สุดยอดเลย”
สุภาพกับอาหลู่หัวเราะชอบใจ
“ไอ้พวกวิปริต กินเลือดสดๆ กันแล้วเหรอ” ศิริยังไม่เข้าใจ
“มันเลือดแลดที่ไหนล่ะนาย นี่มันซอสมะเขือเทศชัดๆ” สุภาพบอก
“อาหลู่ทำหกไว้เองอ่ะ ...ฮิฮิฮิ”
ศิริเลิกโวยวาย ยกมือขึ้นดูเห็นว่าเป็นซอสมะเขือเทศจริงๆ
“ฮึ ซอสมะเขือเทศ!”
“ผมบอกแล้ว ...นายนอนกลางวันก็เลยฝันร้ายนะสิ”สุภาพกล่าว
“ขนาดในฝันมันยังตามราวีฉันถึงตาย ฮึ คอยดูเถอะ ชาตินี้ทั้งชาติพวกมันไม่มีทางได้เป็นลูกเขยฉันหรอก”
สายตาของศิริแน่วแน่ เขาเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองเป็นอย่างมาก
อ่านต่อหน้า 3
หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 10 (ต่อ)
ดนัยกับวินยาเดินคุยกันมาตามทางเดินในหมู่บ้านชาลัน ทั้งสองคุยไปยิ้มไป เหมือนคนที่คุยถูกคอ ทั้งสองหยุดยืนที่กลางทาง โดยมีฉวีวรรณแอบดูอยู่หลังต้นไม้ไม่ไกลจากบริเวณนั้น
“ไม่น่าเชื่อเลยนะ คนเมืองอย่างนาย กับคนในป่าอย่างฉัน จะมีอะไรที่เหมือนกันหลายอย่าง” วินยาบอกกับดนัย
“นั่นสิ ทั้งๆที่เราพึ่งเจอกัน แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนเธอเป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมาเป็นสิบปีแล้ว”
ฉวีวรรณที่แอบฟังอยู่ทำท่าจะอาเจียน
“แหวะ...คลื่นไส้”
วินยาซึ่งเป็นคนหูไวต่อเสียงได้ยินเสียงแว่วๆ ของฉวีวรรณ เธอหยิบมีดสั้นออกมาแล้วปาไปปักที่ต้นไม้ เหนือศีรษะฉวีวรรณไปไม่ถึงคืบ
ฉวีวรรณกรี๊ดออกมาอย่างตกใจ วินยากับดนัยหันไปมอง
“ป้าหวี นี่เธอเองเหรอ” ดนัยโพล่งออกมา
ฉวีวรรณค่อยหายตกใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองดนัยกับวินยาแบบเจื่อนๆ แล้วเชิดทำท่าทางกวนๆ ใส่
“มาทำลับๆล่อๆอะไรแถวนี้” วินยาถาม
“ฉันก็จะมาดูหน้าแมวขโมยนะสิ”
“หมู่บ้านชาลันไม่มีแมวหรอก ...ที่นี่มีแต่ ‘เสือ’…” วินยาทำหน้าซื่อพร้อมเน้นคำว่าเสือด้วยน้ำเสียงดุดัน จนทำให้ฉวีวรรณถึงกับสะดุ้ง
ดนัยขำ ฉวีวรรณเลยถลึงตาใส่
“นี่ ขำอะไร...ฉันไม่ใช่ตัวตลกนะ”
“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเธอสักหน่อย” ดนัยหันไปพูดกับวินยา “ไปคุยเรื่องการอนุรักษ์ต่อเถอะ”
ดนัยเดินออกไปกับวินยา ฉวีวรรณหมั่นไส้ที่ทั้งสองกระหนุงกระหนิงกันจึงตะโกนไล่หลัง
“ดนัย นายรู้ตัวหรือเปล่าว่านาย มีแฟนแล้ว”
ดนัยกับวินยาถึงกับชะงัก
ดนัยหันกลับไปถามฉวีวรรณ “เธอพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง”
“นายไม่มีสมองหรือนายไม่มีหัวใจ คำถามแค่นี้ถึงตอบไม่ได้”
ดนัยอึ้ง ฉวีวรรณจึงเหวี่ยงต่อ
“เงียบทำไมล่ะ แน่จริงก็ตอบมาสิ พูดดังๆ ให้คนที่อยู่ข้างๆนายเขาได้ยินด้วย”
ได้ยินเช่นนั้น วินยาถึงกับหน้าตึง
“นี่ จะเหวี่ยงฉันก็เหวี่ยง ไม่ต้องไปแขวะคนอื่นเค้า” ดนัยบอก
“แขวะที่ไหน ฉันแค่อยากให้นายแจ้งข้อมูลให้มันครบๆ จะได้ไม่มีใครมาตีหน้าซื่อว่าไม่รู้เรื่องอีก”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันรู้แล้วล่ะ ว่าดนัยเป็นแฟนน้องสาวเธอ แต่ที่ฉันไม่แน่ใจก็คือ ..” วินยาหยุดพูดแล้วมองหน้าฉวีวรรณ “เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่า หัวใจของเธอมันอยู่ที่ใคร”
ฉวีวรรณอึ้ง ใบหน้าร้อนผ่าว ท่าทางอึกอัก ดนัยมองฉวีวรรณอย่างสนใจ
“ไม่กล้าตอบหรือไง ให้ฉันตอบแทนเธอไหมล่ะ” วินยาพูดแล้วหันไปหาดนัย “นี่ ดะ...” วินยากำลังจะเรียกดนัยแต่โดนฉวีวรรณผลักเสียก่อน วินยาที่โดนฉวีวรรณผลักถึงกับเซออกไป
“ฉวีวรรณ!!! เธอเป็นบ้าอะไร หา” ดนัยตะโกน
“ไม่ต้องห่วง ฉันจัดให้ทุกคน”
พูดจบฉวีวรรณก็กำหมัดต่อยเข้าไปที่หน้าดนัยเต็มๆ จนดนัยผงะ ไป
“ดนัย!!” วินยาร้องลั่น
“เป็นไง หมัดปราบผู้ชายเจ้าชู้ แซ่บพอมั้ยล่ะ นายคาสโนวาปากมอม”
ดนัยยัวะพุ่งเข้าไปจับตัวฉวีวรรณ ฉวีวรรณตกใจพยายามดิ้นไปดิ้นมา แต่ดนัยก็รวบตัวเธอได้แล้วจับแบกขึ้นบ่า
“แซ่บถูกใจมาก มานี่เลย ยายตัวป่วน”
“อ๊อายยย ไอ้ดนัย จะทำอะไรฉัน ปล่อยยนะ” ฉวีวรรณดิ้รนและพยายามทุบตีดนัย
“ดนัย!!” วินยามองด้วยความเป็นห่วง
ดนัยหันไปพูดกับวินยา “ขอโทษด้วยนะ วินยา ฉันขอพายายบ้านี่ไปรับยาก่อน”
ดนัยแบกฉวีวรรณเดินออกไป วินยาจะเรียกอีกแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เธอรู้สึกน้อยใจเล็กๆ
“ดะ....” วินยาถอนหายใจ “เดี๋ยวเขาก็ปรับความเข้าใจกันได้เราจะไปเป็นส่วนเกินของเขาทำไม”
ดนัยแบกฉวีวรรณพาดบ่ามาถึงกลางทุ่งดอกไม้ ฉวีวรรณดิ้นรนร้องโวยวายมาตลอดทาง
“ไอ้คนงี่เง่า นิสัยไม่ดี ปล่อยฉันนะ ปล่อยๆ บอกให้ปล่อย ว้าย.....”
ดนัยโยนฉวีวรรณลงไปกองกับพื้นหญ้า ฉวีวรรณต่อว่าดนัยอย่างโมโห
“ไอ้บ้าป่าเถื่อน ทำอย่างนี้ได้ยังไง หา ความเป็นสุภาพบุรุษน่ะ เคยมีบ้างไหม”
“มี แต่ฉันไว้ใช้กับผู้หญิงที่เป็นสุภาพสตรี ไม่ใช่ ยายป้ามหาภัย ชอบหาเรื่องชาวบ้านอย่างเธอ”
ฉวีวรรณลุกขึ้นมาพูดประชด
“ใช่ซี้! ใครจะไปดีเหมือนเพื่อนสาวชาวป่าของนายล่ะ ทั้งสวยทั้งเก่งซะ”
“เธอนี่มันขี้อิจฉาชัดๆ”
“ฉันสงสารยายนั่นต่างหาก ไม่น่าตาบอดเห็น เสือผู้หญิงอย่างนายเป็นผู้ชายแสนดีไปได้เลย”
“ยายปากมลพิษ ..ฉันจะเอาสบู่ล้างปากเธอ”
ดนัยพุ่งเข้าไปจะจับตัวฉวีวรรณ แต่ฉวีวรรณรีบวิ่งหนี ดนัยวิ่งไล่จับพร้อมกับเถียงกันไปด้วย
“อย่านะ อย่าเข้ามานะ”
“รู้จักกลัวด้วยหรือ ยายป้าหวี”
“กลัวทำบ้าอะไร ยิ่งเห็นหน้านาย ฉันยิ่งขยะแขยง ยิ่งอยู่ใกล้ ฉันยิ่งอยากตาย”
ดนัยหมั่นไส้พุ่งเข้าไปรวบตัวฉวีวรรณมากอดไว้ ฉวีวรรณถึงกับร้องกรี๊ดตกใจ
“เป็นไง ใกล้พอไหม ตายได้หรือยัง”
“ไอ้เลว ไอ้ทุเรศดนัย”
“อ้ะ อ้ะ ยิ่งด่ายิ่งกอดนะ ฉันจะกอดเธอให้ตายคาอกไปเลย”
ดนัยมองหน้าฉวีวรรณแล้วยิ้มยั่วออกมา ฉวีวรรณยิ่งโมโห ทั้งโวยวายทั้งดิ้นหนี
“ไอ้โรคจิตชีกอ ไอ้หื่นกาม”
“ด่าเป็นชุดอย่างนี้ แสดงว่าอยากให้ฉันกอดล่ะสิ”
ดนัยกระชับกอดเข้าไปอีก จนในที่สุดฉวีวรรณซบลงกับไหล่ดนัย เธอทำตาโตเพราะรู้สึกเขิน
“ฉันบริจาคให้อีกหนึ่งกอดแน่นๆ ถือว่าทำบุญทำทานให้ยายป้าขี้หึงจะได้เลิกวีนชาวบ้านเสียที” ดนัยเย้า
ฉวีวรรณที่กำลังยิ้มอยู่ ได้ยินดนัยบอกว่าหึง เธอเลยฉุน ผละออกจากอกทำท่าทางเอาเรื่องดนัย
“นายว่าใครขี้หึง?”
“ก็ใครล่ะที่อาละวาดใส่วินยาเมื่อกี้ หึงฉันมากเลยเหรอหวี”
“ไอ้บ้า เรื่องอะไรฉันต้องไปหึงนาย นายไม่ใช่แฟนฉันสักหน่อย” ฉวีวรรณโพล่งออกมา
“ถ้าไม่ได้หึง แล้วไปเหวี่ยงวินยาทำไม”
ฉวีวรรณอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะทำหน้าเชิดแล้วตอบว่า “ฉันแค่ตักเตือนแม่นั่นแทนยายหวัน”
“อ๋อ เหรอ เป็นพี่แฟน หึงแทนก็ได้”
“ไม่ได้หึง”
“หึง”
“ไม่ได้หึง”
“หึง”
“บอกว่าไม่ได้หึง ก็ไม่ได้หึงซี้” ฉวีวรรณขึ้นเสียงสูง เธอยัวะจัด ผลักอกดนัยแรง ฉวีวรรณตั้งท่าจะเดินไป แต่ดนัยกลับดึงแขนไว้ ฉวีวรรณดึงกลับสุดแรงจนเสียหลักล้มลงไปโดยดึงดนัยล้มลงไปด้วย
“โอ้ย ว้ายย”
ฉวีวรรณล้มลงไปกับพื้นหญ้า ดนัยล้มตามลงมาคร่อมอยู่ด้านบน ทั้งสองชะงักมองตากันนิ่ง แววตาทั้งคู่เปล่งประกายคล้ายคนที่มีเคมีตรงกัน
ดั่งต้องมนต์ ดนัยค่อยๆ ก้มหน้าลงไปจะจูบ เขาก้มลงไปจนปากใกล้จะแตะกัน
ฉวีวรรณตั้งสติได้รีบผลักดนัยออกไป
“อย่ามาทำมักง่ายกับฉัน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่นายจะมาปั่นหัวเล่น”
ฉวีวรรณรีบวิ่งหนีไป ดนัยมองตามอย่างเป็นห่วงความรู้สึก
“หวี!!”
ดนัยตัดสินใจวิ่งตามฉวีวรรณออกไป
ฉวีวรรณเดินหน้างอเช่นคนที่รู้สึกงอน โดยมีดนัยวิ่งตามมาง้อ
“หวี เดี๋ยวก่อนสิ”
ฉวีวรรณเดินไม่สนใจ ดนัยวิ่งไปขวางข้างหน้า
“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ อย่างอนเลยน่า”
ฉวีวรรณขยับหนี ดนัยขยับขวาง
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันขอ... “ ดนัยกำลังจะพูดขอโทษ แต่ฉวีวรรณพูดสวนขึ้นมา
“ฉันไม่ต้องการคำขอโทษ”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง เธอถึงจะหายโกรธ”
ฉวีวรรณมองดนัยนิ่ง แล้วฝืนพูดสิ่งที่ขัดกับความรู้สึกในใจ
“ไปบอกรักดาหวัน”
“ว่าอะไรนะ!!” ดนัยนึกไม่ถึง
“ฉันอยากให้นายไปบอกดาหวันว่านายรักเขา...แค่พูดคำว่ารักมันคงไม่ยากไปหรอกนะ สำหรับผู้ชายอย่างนาย”
ดนัยรู้สึกน้อยใจ เขามองฉวีวรรณอย่างตัดพ้อ
“เธอนึกว่าฉันจะบอกรักใครง่ายๆ งั้นเหรอ”
ฉวีวรรณอึ้งไป ดนัยพรั่งพรูความรู้สึกของตัวเอง เขามองฉวีวรรณอย่างมีความหมาย พยายามสื่อให้ฉวีวรรณรู้ว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาอยากบอกรัก
“รู้ไว้ด้วยนะ ฉันจะพูดว่ารักก็ต่อเมื่อหัวใจฉันสั่ง ...แล้วก็จะพูดกับผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นในชีวิต” ดนัยมองฉวีวรรณไม่วางตา
ฉวีวรรณหน้าร้อนผ่าว เธอรับรู้ความรู้สึกดนัย แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้แล้วโบ้ยให้ดาหวัน
“งั้นก็รีบไปบอกยายหวันซะ หวันคงอยากได้ยินคำคำนี้จากนายมากที่สุด”
“หวี” ดนัยน้อยใจ
“อย่าลืมนะ นายเป็นแฟนของยายหวัน นายต้องรู้จักดูแลเอาใจใส่น้องสาวฉัน อย่าทำให้ยายหวันเสียใจเด็ดขาดไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ยกโทษให้นายเลยตลอดชีวิต”
ดนัยอึ้งไป เขารู้สึกปวดใจที่ฉวีวรรณไล่ให้ไปบอกรักคนอื่นเลยฝืนตอบอย่างประชด
“ได้... ถ้าเธอต้องการอย่างนั้น ..ฉันก็จะทำตามสั่ง”
“ดี... ยายหวันจะได้มีความสุขเสียที” ฉวีวรรณฝืนยิ้ม
ทั้งสองมองสบตากันอย่างเจ็บปวดใจ หลังจากนั้นดนัยก็หันหน้าเดินดุ่มออกไป
ฉวีวรรณมองตามหลังดนัยน้ำตาคลอเบ้า เมื่อดนัยเดินลับไปฉวีวรรณก็น้ำตาไหลเผาะ เธอทรุดลงนั่งกับพื้น แล้วสะอื้นอย่างปวดใจ
ดาหวันกำลังนั่งเศร้าอยู่ที่ริมลำธาร จู่ๆ ก็มีคลิปกระดาษถูกโยนเข้ามาหล่นตรงหน้า ดาหวันเหลือบมองแปลกใจ
“อุ้ย คลิปหลุด...หลุดมาได้ไงเนี้ย ฮิฮิฮิ” เสียงอุ๊บอิ๊บดังตามมา
ดาหวันหันไปมอง เห็นอุ๊บอิ๊บกำลังยืนหัวเราะชอบใจอยู่
“นี่เธอ อยู่ในป่าในเขายังหาคลิปกระดาษมากวนประสาทฉันได้อีกเหรอ”
“อุ้ย นั่นมันเรื่องจิ๊บๆ” อุ๊บอิ๊บหยิบมือถือขึ้นมา “คลิปจริงๆ นี่สิเด็ดกว่า ฮ่าฮ่าฮ่า”
ดาหวันเอื้อมไปจะคว้ามือถือ “เอามาให้ฉัน”
อุ๊บอิ๊บรีบชักมือหนี แล้วผลักดาหวันจนล้มลงไป
“ถ้าอยากให้ความลับยังเป็นความลับ เธอก็ต้องทำตามที่ตกลงไว้ก่อน”
“เธอมันเจ้าเล่ห์ใช้แผนสกปรก พี่ดนัยไม่มีทางชอบผู้หญิงชั่วร้ายอย่างเธอหรอก” ดาหวันยัวะ
“โฮ๊ะ โฮ๊ะ โฮ๊ะ เสียงครวญครางของคนแพ้นี่มันช่างน่าสมเพชจริงๆ ฉันให้เวลาเธอแค่วันนี้ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ...ถ้าเธอยังไม่บอกเลิกพี่ดนัย ...คลิปรักเรทเอ๊กซ์ของเธอ ได้กระจายไปถึงทุกคนแน่!!!”
อุ๊บอิ๊บหัวเราะชอบใจแล้วเดินจากไป ดาหวันมองตามอย่างรู้สึกหนักใจ
หญิงสาวชาลันหน้าตาดีกำลังเด็ดกลีบกุหลาบอยู่ที่แคร่ในหมู่บ้าน กิมจินั่งลงข้างๆ ทำท่าทางกรุ่มกริ่ม
“สวัสดีน้องสาว ซารางเฮโย “ กิมจิพูดจบก็ทำท่ารูปหัวใจ
หญิงสาวมองขำๆ กิมจิยิ่งได้ใจ
“ยิ้มหวานถูกใจพี่จริงๆ พี่ขอติดต่อไปเป็นพรีเซนเตอร์ประจำฟาร์มนะครับ”
สาวชาลันถามด้วยสำเนียงชาวเขา “ฟาร์มอะไรเหรอ”
“ฟามรัก ไงครับน้อง” กิมจิทำมือ ไอ เลิฟ ยู ส่งให้ สาวชาลันถึงกับอ้าปากหวอ
จังหวะนั้นแจ๋เดินเข้ามาเห็นก็เบ้ปากหมั่นไส้ โดยที่กิมจิยังไม่ทันมองเห็นแจ๋
“ว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็ มาปลูกต้นรักในหัวใจพี่นะครับ คนสวย ฮึยย เขินอ่ะ”
กิมจิบิดหน้าหนีไป อีกทางแล้วบิดมือไปมาอย่างเขินอาย
แจ๋รีบเข้ามาสะกิดให้สาวชาลันเดินออกไป แล้วลงไปนั่งแทน
กิมจิเอื้อมมือมาจับมือแจ๋โดยนึกว่าเป็นมือสาวชาลัน เพราะว่าเขาไม่ได้หันมามอง
“อุ้ย จับมือกันโดยบังเอิญ” กิมจิหยอดต่อ
แจ๋ตาโต กิมจิพล่ามโดยยังไม่มองหน้า
“อุ้ย บังเอิญหน้าก็สวย มือก็นุ้มนุ่ม ไม่เหมือน ยายแจ๋แร้งทึ้งนั่นเลยอ่ะ”
แจ๋แยกเขี้ยวด้วยความโกรธ เธอบีบมือกิมจิอย่างแรง กิมจิร้องด้วยความเจ็บ
“ขอโทษๆ หนูไม่ได้ตั้งใจ” แจ๋แกล้งพูดสำเนียงชาวเขา
“ไม่เป็นไรจ้า สำหรับคนสวยพี่อภัยให้ได้”
“แล้วถ้าเป็นยายแจ๋ล่ะ พี่” แจ๋แกล้งถามต่อ
“โอ้ย ก็โดนหลังมือน่ะสิ”
แจ๋สะดุ้งด้วยความแค้น
“โฮ๊ะๆๆๆ พูดแล้วจะหาว่าคุย ยายนั่นน่ะไม่กล้าหือพี่หรอก พี่พูดแค่คำเดียวก็...” กิมจิหันไปเห็นแจ๋แล้วถึงกับช็อก “จ๊ากกกก แม่จ๋า!”
“แกตาย!!!” แจ๋ตะโกนลั่น
แจ๋ตบกิมจิหน้าคว่ำจนกิมจิกลิ้งลงมาจากแคร่ แจ๋ตามมาซ้อมต่อ
“กร่างโชว์หญิง ...หนอยแน่ เก่งนักใช่มั้ย พูดแค่คำเดียวใช่มั้ย”
“ใช่จ๊ะ ที่เหลือแจ๋พูดหมดเลยไง” กิมจิพูดหยอก
“นี่แน่ะ ไอ้กะล่อน” แจ๋ต่อยกิมจิจนผงะ
กิมจิเซไป ฉวีวรรณกับบุญทิ้งเดินเข้ามาพอดี
“สาธุ...สมน้ำหน้า” บุญทิ้งยกมือขึ้นพนม
“แจ๋ นี่มันอะไรกัน ฉันให้มาช่วยกันจัดอีเวนต์บอกรัก แล้วทำไมถึงได้เละกันอย่างนี้” ฉวีวรรณถาม
“ก็ไอ้กิมจิน่ะสิ ..มัวแต่ป้อหญิง” แจ๋จับหูกิมจิบิดแล้วดึงขึ้น “นี่แน่ะ หมั่นไส้นัก”
“อ๊อยย หูจะขาดแล้ว แจ๋คนสวย” กิมจิร้องด้วยความเจ็บ
“นี่ๆ ฟังก่อนได้ไหม มีใครไปส่งข่าวให้ดาหวันหรือยัง” ฉวีวรรณตัดบท
“อู้ย...ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว ป่านนี้ดาหวันได้รับจดหมายแล้วละ” กิมจิตอบทั้งๆ ที่ยังโดนบิดหูอยู่
ที่ทางเดินเล็กๆ ของหมู่บ้านชาลัน เด็กชายชาวชาลันคนหนึ่งยื่นกระดาษที่พับอยู่ให้ดาหวัน
ดาหวันเอื้อมมือไปรับกระดาษ “ขอบใจนะจ๊ะ “
เด็กชายวิ่งจากไป ดาหวันคลี่กระดาษออกอ่าน
“พี่มีเรื่องสำคัญมากอยากจะคุยด้วย หวันรีบมาเดี๋ยวนี้เลยนะ พี่จะรออยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน ...พี่ดนัย”
อ่านจบดาหวันมีสีหน้าครุ่นคิด
“เรื่องสำคัญอะไรกันนะ”
ดนัยยืนพิงต้นไม้ใหญ่อยู่ เขามีสีหน้าเคร่งขรึม รู้สึกฝืนใจที่ต้องทำอะไรที่ตัวเองไม่อยากทำ ขณะนั้นเองที่ฉวีวรรณเดินเข้ามาหา
“นี่ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยได้ไหม ฉันให้นายมาบอกรักไม่ใช่ให้มาลาตาย”
“ถึงตัวไม่ตาย แต่ใจมันก็ตายไปแล้ว” ดนัยกล่าวแล้วขยับจะออกไป แต่ฉวีวรรณขยับเข้ามาขวางหน้า
“เดี๋ยวก่อน”
ดนัยหยุดนิ่ง ฉวีวรรณเข้าไปใกล้แล้วมองหน้าดนัย
“ดูซิ ผมเผ้าปิดหน้าปิดตาหมดแล้ว นายนี่มันไม่เคยสนใจดูแลตัวเองเลยนะ”
ฉวีวรรณยกมือขึ้นจะจับผมดนัยข้างหน้า แต่ดนัยกลับจับมือฉวีวรรณไว้
“ไล่ฉันหนี แล้วมาดีกับฉันทำไม เธอต้องการอะไรจากฉันกันแน่”
ฉวีวรรณอึ้งเพราะไม่รู้จะตอบยังไง เธอจึงรีบตัดบททำท่าจะเดินไป
“ปล่อยฉัน”
“ไม่ จนกว่าฉันจะได้คำตอบ”
“ปล่อย”
ฉวีวรรณพยายามดึงมือออก แต่ดนัยไม่ยอมปล่อยกลับดึงฉวีวรรณเข้ามากอดไว้กับอก ดนัยจ้องฉวีวรรณ ทั้งสองนิ่งงันเหมือนพยายามค้นหาคำตอบจากความรู้สึกส่วนลึกที่ตรงกัน
ทันใดนั้นเองเสียงชลิตก็ดังขึ้น “หวีอยู่ไหน หวี”
ทั้งสองชะงัก ฉวีวรรณรีบดึงตัวออกจากดนัย
ชลิตเดินท่าทางเอาเรื่องเข้ามา เขาเห็นฉวีวรรณก่อน
“หวี...เธอเป็นโต้โผไอ้งานบอกรักนั่นเหรอ”
จังหวะนั้นเองที่ชลิตเหลือบไปเห็นดนัย
“ฮึ นี่แกอยู่ด้วย” ชลิตหันไปพูดกับฉวีวรรณ “เธอยอมเปลี่ยนใจได้ยังไงหวี เธอยอมให้ไอ้ดนัยคบกับดาหวันได้จริงๆ เหรอ”
ฉวีวรรณอึ้งไปแล้วฝืนยิ้มบางๆ
“ถ้าหวันรักดนัยจริงๆ ฉันก็ไม่รู้จะขัดขวางไปทำไม ฉันอยากเห็นน้องของฉันมีความสุข”
ชลิตเริ่มหวงก้างเพราะไม่อยากให้ดาหวันคบกับคนอื่น
“แต่หวันยังเด็กอยู่เลยนะ จริงๆ แล้วยังไม่น่าจะคิดเรื่องแฟนเฟินอะไรด้วยซ้ำ”
ฉวีวรรณกับดนัยมองชลิตอย่างแปลกใจ
“แก เป็นอะไรหรือเปล่าชลิต แกดูไม่อยากให้ดาหวันคบใครเลยนะ”
ชลิตอึกอัก “เออ ก็ ...ฉัน...”
กิมจิวิ่งเข้ามาขัดจังหวะ
“ทุกคนเข้าประจำที่ได้ ขณะนี้ เป้าหมายของเรามาถึงแล้วนะครับ”
“ยายหวันมาแล้ว” ฉวีวรรณพูดแล้วหันไปหาดนัย “ฉันฝากด้วยนะ ดนัย”
ดนัยสบตาฉวีวรรณพยายามกล้ำกลืนความช้ำ แล้วหันเดินออกไปกับกิมจิ ชลิตจะตามไปแต่ฉวีวรรณดึงเอาไว้
“ไม่ต้องไป อยู่ช่วยฉันดีกว่า”
ชลิตชะงักมองฉวีวรรณ
ดาหวันเดินเข้ามาที่ลาน เธอตะโกนเรียกดนัยด้วยความกังวลใจ
“พี่ดนัย ๆ พี่ดนัยอยู่ไหนคะ” ดาหวันมองหา
“หวัน” เสียงดนัยดังขึ้น
ดาหวันหันไปตามเสียง เห็นดนัยยืนอยู่อีกมุม
“พี่ดนัย”
ดนัยยิ้มบางๆ ให้ดาหวัน จู่ๆ ก็มีฟองสบู่มากมายลอยขึ้นมา ดาหวันมองดนัยและทิวทัศน์โดยรอบที่โรแมนติก ความสวยงามทำให้ตาของเธอเป็นประกาย
“โอ้โฮ สวยจังเลย”
แจ๋ กิมจิ และบุญทิ้งที่หลบอยู่ตามพุ่มไม้แถวนั้นกำลังเอาไม้ไผ่เป่าสบู่ให้เป็นฟองอยู่ ฉวีวรรณกับชลิตซุ่มอยู่ที่พุ่มไม้อีกด้าน ทั้งคู่ก็ช่วยเป่าฟองสบู่เช่นกัน
ชลิตมองดาหวันตาปรอย ฉวีวรรณมองดนัยอย่างเศร้าๆ
“หวันคงมีความสุขมาก” ชลิตรำพึง
ฉวีวรรณที่มองดนัยอยู่ก็โพล่งออกมา “อืมม์ ดนัยก็เหมือนกัน ทั้งสองคนเหมาะสมกันดีนะ”
ชลิตรู้สึกเศร้า ตาแดงๆ คล้ายจะร้องไห้ ฉวีวรรณหันมาเห็นพอดี
“ชลิต นายเป็นอะไร ร้องไห้เหรอ”
“เปล่าๆ สบู่เข้าตาน่ะ” ชลิตสูดลมหายใจแล้วทำท่ายิ้มแย้มขึ้น “มะ เป่าสบู่ไปอวยพรให้เขาสมหวังกันดีกว่า”
ทั้งสองแสร้งทำเป็นยิ้มแย้มเป่าสบู่ไป
ดนัยเดินผ่านฟองสบู่เข้าไปหาดาหวัน
“พี่ดนัย หวันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย” ดาหวันพูด
“จ้า นี่คือความจริงที่เหมือนฝัน” ดนัยยิ้มให้
“หวัน ไม่รู้จะพูดยังไงดี แต่ตั้งแต่รู้จักพี่ดนัยมา หวันอยากบอกว่า พี่เป็นทั้งพี่ทั้งเพื่อน แล้วก็เป็นคนที่หวันรักมากที่สุดค่ะ หวันขอบคุณพี่ดนัยมากนะคะที่ทำให้หวันได้รู้จักกับคำว่ารัก”
แจ๋ กิมจิ และบุญทิ้งฟังทั้งคู่อยู่ที่พุ่มไม้ แจ๋สะอื้น เพราะซึ้งไปด้วย
“ซึ้งอ่ะ” แจ๋พึมพำ
“มีข้าวเหนียวมั้ย” กิมจิเล่นมุก
“ขอสองกระติ๊บเลยนะครับ” บุญทิ้งรับมุก
ดนัยกำลังยืนพูดกับดาหวัน
“หวัน ...ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่รู้ว่ามีสิ่งหนึ่งที่หวันรอคอยอยากได้ยินจากปากของพี่”
จังหวะหนึ่ง ดนัยเหลือบไปสบตากับฉวีวรรณที่กำลังมองอยู่ ฉวีวรรณรีบหลบตา
อ่านต่อตอนที่ 11