xs
xsm
sm
md
lg

หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 5

ดาหวันพยายามหาทางเอามือถือคืน ระหว่างนั้นเธอกำลังยื่นกล้วยให้ลิงแลกกับมือถือ

“อยากกินมั้ย แลกกันนะ”
ลิงฉวยกล้วยจากมือดาหวัน แต่ไม่คืนโทรศัพท์มือถือให้
“ทำไมไม่ยื่นหมูยื่นแมวล่ะ ขี้โกงนี่” ดาหวันต่อว่าลิง
ชลิตฟังอยู่ เขกหัวดาหวัน
“ยายบ๊อง มันจะรู้เรื่องมั้ย ฉันจัดการเอง”
ชลิตจ้องหน้าลิง ลิงก็จ้องหน้าชลิต แล้วชลิตแกล้งชี้หลอกไปทางอื่น
“เฮ้ย โน่นอะไรอะ”
ลิงหันขวับไปมองตามที่ชลิตมอง จังหวะนั้นชลิตจะคว้าโทรศัพท์มือถือ แต่ลิงรู้ทัน กระโดดหนีไปเลย ชลิตมองลิง อย่างเซ็ง
“หมดกัน! รู้ทันซะอีก”
“ไม่ได้เรื่องเลย พี่ชลิตเนี่ย แค่ลิงยังหลอกไม่ได้”
ถูกดาหวันปรามาส ชลิตทำขึงขังชี้ไปทางลิง
“เอ้า ไม่รู้หรือไงว่านั่นมัน ลิงจั๊กๆ...” แล้วชลิตหันมามองดาหวันทำล้อด้วยท่าทีน่ารักๆ ไม่ได้จริงจังอะไร “...รักจริงๆ นะจ๊ะ”
“อี๋!! แหวะ ช่างกล้า พี่ชลิตมุกเสื่อม!”
ดาหวันผลักชลิตออกไปให้พ้นทาง แล้ววิ่งออกไปตามลิงต่อ ชลิตหัวเราะอย่างชอบใจ ที่ตัวเองได้ปล่อยของ พร้อมกับตะโกนตามหลัง
“เสื่อมแต่ไม่มั่วซั่ว...คนอย่างพี่รักใครรักจริงนะจะบอกให้!”

ทางด้านดนัยและฉวีวรรณ ทั้งคู่เดินลัดเลาะมาตามป่า แล้วมาหยุดที่มุมหนึ่ง มองเห็นน้ำตกไกลๆ สวยๆ
“นั่นไงน้ำตก อีกเดี๋ยวก็ถึง ...”
ดนัยเห็นทางชัน โดดลงไปก่อน แล้วส่งมือให้ฉวีวรรณจับ
“เอ้า ป้า มา...”
แต่ฉวีวรรณกลับปัดออก แล้วทำเก่งโดดลงมาเอง
“ไม่ต้อง ...ว้ายย!”
ฉวีวรรณก้าวลงมาแล้วลื่นจะล้ม ดนัยรีบเข้ามาช่วยดึงรั้งเอวฉวีวรรณโอบประคองไว้ นาทีนั้นฉวีวรรณหันมาสบตากับดนัย ต่างมีเคมีตรงกัน...แต่แล้วฉวีวรรณก็หลบตาด้วยอาการเขิน
“ปล่อย”
ดนัยกลับดึงฉวีวรรณไว้ กระชับวงกอดให้กลับเข้ามาปะทะอกอีก ฉวีวรรณอึ้งและตะลึงอีกครั้ง มองตาโต
“ทำอวดเก่ง อยากไปเจอหน้าชลิตเร็วๆ งั้นสิ”
ฉวีวรรณฟังแล้วอึ้งไป พร้อมกับทำเชิดพูดประชดใส่
“แล้วนายล่ะ ไม่อยากเจอยายหวันหรือไง”
คราวนี้ดนัยก็อึ้งไปเหมือนกัน
“ฉันถามเธอก่อนนะ”
“แล้วมันเรื่องอะไรของนาย มายุ่งวุ่นวายกับความรู้สึกของฉันทำไม”
“ก็ตอบแค่นี้ มันคงไม่ตายหรอกมั้ง”
“จะมากไปแล้วนะ”
ดนัยยิ้มอย่างแปร่งๆ เจือน้อยใจนิดๆ
“ไม่ตอบก็ได้ ฉันรู้แล้วน่า...” จังหวะนั้นดนัยมองตาฉวีวรรณ “เธออยู่กับฉันแค่ตัว...แต่ใจเธอมันเป็นของชลิต”
ฉวีวรรณอึ้งโดนเสียดแทงใจ เพราะรู้ดีว่าใจของตัวเองเวลานี้กลับเป็นตรงข้ามกับสิ่งที่ดนัยพูด
“ก็ดีที่รู้แล้ว...”
ฉวีวรรณผลักดนัยออก แล้วทำวางมาดเข้มประชดเพื่อเป็นการกลบเกลื่อน
“ถ้าฉันเจอชลิต ฉันจะกระโดดหอมซ้ายหอมขวาให้หายคิดถึง ส่วนนาย จะไปตายที่ไหนก็ไป ฉันเหม็นขี้หน้าจะตายอยู่แล้ว”
พูดจบฉวีวรรณก็วิ่งนำออกไปเฉยเลย ดนัยมองตามตาปรอยๆ รู้สึกแปร่งๆ แปลบๆ ในใจ

เวลาเดียวกันนั้นรถของศิริกับธนวัติ ขับเข้ามาจอดตรงทางเข้าน้ำตกที่มุมหนึ่ง ชาวคณะทั้งหมด ศิริ ธานี ธนวัติ พาณิชย์ แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง อุ๊บอิ๊บ สุภาพ อาหลู่ และบรรดาลูกน้องลงจากรถมา อาหลู่ รีบชี้บอกทาง
“นั่นไงนาย น้ำตกอยู่ข้างหน้าโน่น”
“แยกย้ายกันค้นให้ทั่วซอกทุกมุม พาตัวยายหวียายหวันกลับมาให้ได้”
ศิริสั่งอย่างจริงจัง

ไม่นานหลังจากนั้นอาหลู่ก็วิ่งร้องวู้ๆ เหลียวซ้ายแลขวา ทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่น นำทางทุกคนไปตรงหนึ่ง
“เจอแล้ว ๆ วู้ๆ อาหลู่เจอลูกสาวนายแล้ว”
ทุกคนพากันหูผึ่งทันที
“แน่ใจนะ ไอ้อาหลู่” สุภาพถามอย่างไม่ค่อยเชื่อ
“รอยเท้าชายหญิง หายไปตรงโน้น”
อาหลู่พยักหน้าพูดแล้วชี้ไปที่เนินดิน แล้วรีบวิ่งนำหน้าทุกคนที่พากันตามติดไป
“ยายหวี!” แจ๋เอ่ยออกมา
“พี่ดนัย!” อุ๊บอิ๊บตาวาว

พอทุกคนวิ่งเข้ามาที่หลังเนินดิน แล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นสุนัขสีดำแบบหมาชาวเขา ตัวหนึ่งยืนเกาหูอยู่
“พี่ดะ...อ๊ายย” อุ๊บอิ๊บร้องออกมาแต่เสียงหายไปในคอ เพราะเป็นหมาไม่ใช่ดนัย
“ไม่ใช่แล้ว หมา! มาผิดทาง กลับ!”
อาหลู่หันไปชน ธนวัติที่ยืนตีหน้ายักษ์อยู่
“พอเถอะ แกมันไม่ได้เรื่อง”
อาหลู่ผงะ ศิริรีบแก้
“เออ ใจเย็นๆ ก่อนนะวัติ อย่าไปถือไอ้อาหลู่มันเลย”
“ผมเป็นห่วงน้องสองคนมากนะครับคุณลุง...ผมไม่อยากเสียเวลากับไอ้พรานหลุดๆ อย่างนี้อีกแล้ว”
“แหม ถ้าพี่วัติเก่งนัก พี่วัติก็บอกมาสิคะว่าจะหาหวีกับหวันเจอได้ยังไง” แจ๋สบโอกาส
“คนฉลาดต้องรู้จักใช้สมอง” ธนวัติพูดพร้อมกับหยิบมือถือออกมาชู “ฉันเมมเบอร์เมื่อกี้ไว้แล้ว อีกเดี๋ยวก็รู้ว่าหวันอยู่ไหน”
แจ๋อึ้งไป ธนวัติกดเบอร์ โทรศัพท์เข้าเครื่อง มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ใกล้ๆ นั้นเอง
“นั่นไง เสียงมือถือดังอยู่แถวนี้ หนูดาหวันต้องอยู่ใกล้ๆ นี่แหละ”
ศิริโพล่งขึ้นมา ทุกคนช่วยกันหา

ที่แท้มือถือของชลิตติดอยู่บนรังผึ้งบนต้นไม้ เพราะลิงทำหล่นไว้ เมื่อมีสายเข้าก็ทั้งสั่นทั้งมีเสียง แรงสั่นทำให้ผึ้งแตกรัง เจ้าจ๋อตัวแสบอยู่ใกล้ๆ รีบโหนต้นไม้หนีไป ทีมค้นหาไม่มีใครรู้ตัว ทุกคนพยายามมองหา เป็นสุภาพที่หันไปเห็น
“เจอแล้ว อยู่นั่นไง บนต้นไม้”
สุภาพเพิ่งเห็นผึ้งแตกรัง
“บรรลัยแล้ว! ผึ้งป่า!”
ผึ้งแตกรังไล่ต่อยพวกธานี และศิริ ทุกคนโดนผึ้งไล่ วิ่งหนีกระเจิงไปคนละทิศละทาง

ฟากดาหวันกับชลิตตามหาลิงจนเหนื่อย
“เจ้าลิงจ๋อ โอ้ย หาจนเมื่อยแล้วนะ” ดาหวันป้องปากตะโกน “ลิงจ๋อเอามือถือคืนมานะ”
จังหวะนั้นชลิตปวดปัสสาวะเลยเดินหนีไปอีกทางหนึ่ง ดาหวันหันมาเห็น
“พี่ชลิต! จะหนีไปไหน”
“ยิงกระต่าย จะตามมาดูมั้ย”
“บ้า!”
ดาหวันหยุดยืนรอ
“อย่าลืมไหว้ก่อนล่ะ เดี๋ยวเน่าไม่รู้ด้วย”

ชลิตยืนปัสสาวะอย่างสบายใจ เป็นเวลาเดียวกับที่พาณิชย์เดินตามหา มากับลูกน้องกลุ่มหนึ่ง แล้วเกิดปวดปัสสาวะ
“เฮ้ย เดี๋ยวฉันตามไป”
พาณิชย์บอกแล้วแยกมาหยุดยืนปัสสาวะ โดยยืนอยู่ตรงข้ามกับชลิต มีเพียงพุ่มไม้รกๆ ขวางอยู่
พาณิชย์กับชลิตต่างคนต่างปลดปล่อยอย่างสบายอารมณ์ สักพักลืมตามาเจอหน้ากัน
“เฮ้ย!” ทั้งคู่ร้องออกมา
ชลิตไวกว่ารีบหนี
“เฮ้ย แน่จริงอย่าหนีสิ โธ่เว้ย”
พาณิชย์รีบปัสสาวะ แล้วรีบชลิตตามไป

ดาหวันยืนรออยู่ ชลิตวิ่งมาคว้ามือดาหวัน
“รีบหนีเร็ว”
“อี๋ ล้างมือรึยังน่ะ”
“ไม่มีเวลาแล้ว!”
มีเสียงปืนไล่หลังมา เป็นฝีมือของพาณิชย์ที่ไล่ยิง ชลิตกับดาหวันรีบหนี

ส่วนธนวัติ และลูกน้องวิ่งหนีฝูงผึ้งเข้ามา ธนวัติหยุดหอบเหนื่อย อารมณ์เสียอยู่ริมน้ำมุมหนึ่ง
“ผึ้งป่าบ้าบออะไรวะ...”
ขณะที่พูดธนวัติมองไปที่แผ่นน้ำ เห็นเงาของดนัยที่ปิดปากฉวีวรรณยืนนิ่งอยู่บนชะง่อนหินเหนือหัวของตัวเอง ธนวัติคำรามก้อง
“ไอ้ดนัย!”
ธนวัติหันขวับไปจะยิง ฉวีวรรณกรี๊ดเพราะตกใจ ดนัยรีบหยิบก้อนหินปาไปที่ หัวไหล่ธนวัติอย่างแรงทันที ธนวัติเซไปกุมไหล่
ดนัยรีบดึงมือฉวีวรรณ วิ่งหนีออกไป ธนวัติตั้งตัวได้ ยิงเปรี้ยงๆ ออกไป แต่ไม่ทันแล้ว
“ไอ้ดนัย! ไอ้ตัวมาร!” ธนวัติตวาดลูกน้อง “ยืนเซ่อทำไมวะ จับตัวมันให้ได้!”
ลูกน้องวิ่งกรูตามดนัยออกไป ธนวัติยืนมองตามด้วยความแค้นใจ

ธานี วิ่งหนีอยู่ในป่าได้ยินเสียงปืนดังเปรี้ยงปร้างลั่นป่าก็ตกใจ
“ต้องมีคนเจอไอ้โจรลักพาตัวนั่นแน่ๆ”
ศิริห่วงลูกจับใจ
“หวี! หวัน!”
ศิริวิ่งออกไปตามเสียง ธานี รีบตามไป

ทางด้านกลุ่มของแจ๋ กิมจิ อุ๊บอิ๊บจับมือบุญทิ้ง วิ่งหนีผึ้งไปอีกทาง พอได้ยินเสียงปืนก็ตกใจ
ทั้งหมดหันไปมอง เห็นดนัยและฉวีวรรณวิ่งผ่านไป โดยมีธนวัติวิ่งไล่ยิง พร้อมมีลูกน้องเป็นฝูงวิ่งตามด้วย
“พี่ดนัย! พี่ดนัยจริงๆ ด้วย” อุ๊บอิ๊บพูดอย่างร้อนรนปนดีใจ
ไวเท่าความคิด อุ๊บอิ๊บตัดสินใจวิ่งตามพวกธนวัติออกไป
“แย่แล้ว” แจ๋เห็นเหตุการณ์ก็เป็นห่วงดนัยกับฉวีวรรณขึ้นมา
“ทำไงดี แจ๋” กิมจิถาม
แจ๋รีบคว้าเถาวัลย์ส่งให้กิมจิ
“เฮ้ย ฉันไม่ใช่ทาร์ซานนะ”
“เอาน่า ถ้าแกตายฉันจะทำเหรียญกล้าหาญให้”
บุญทิ้งฟังอยู่รีบยกมือไหว้กิมจิ
“อโหสิกรรมนะครับ”
จังหวะนั้นเอง บุญทิ้งก็ยกเท้าถีบกิมจิอย่างเต็มแรง กิมจิโหนเถาวัลย์ลอยละลิ่วไปตามแรงถีบนั้น กิมจิร้องอย่างตกใจ
“เหวอๆๆๆ”

ดนัยดึงฉวีวรรณวิ่งหนีมา อาหลู่กับสุภาพวิ่งเข้ามา ขวางหน้าสองคนพอดี
“คุณหวี!”
“สุภาพ!...”
ดนัยขยับตัวจะพาฉวีวรรณวิ่งต่อ อาหลู่กระโดดขวาง
“จะหนีไปไหน
สุภาพพูดติดสำเนียงชาวเขาตามอาหลู่ “แกต้องไปพบนายก่อน เอ๊ย” พอรู้สึกตัวก็พูดเป็นปกติ “แกต้องไปพบนายก่อน แกหนีความผิดไปไม่พ้นหรอก ไอ้หนุ่ม”
ธนวัติพร้อมลูกน้อง และอุ๊บอิ๊บ ไล่ตามมาไกลๆ ธนวัติตะโกนสั่ง
“จับมัน”
ทั้งดนัยและฉวีวรรณจวนตัว โดนอาหลู่ สุภาพ ขวาง หนีไปก็ไม่ได้ เป็นจังหวะเดียวกับที่กิมจิโหนเถาวัลย์มาหล่นทับ สุภาพกับอาหลู่พอดีจนสองคนนั้นหงายเก๋ง ล้มระเนระนาดกันไปทั้งสามคน ฉวีวรรณเห็นกิมจิจะวิ่งเข้าไปหา
“กิมจิ!”
ธนวัติ วิ่งใกล้เข้ามาอีกทาง ดนัยมองไปเห็นรีบฉุดฉวีวรรณหนีไป
“ไปได้แล้ว”
ธนวัติตามมาไม่ทัน เพราะดนัยและฉวีวรรณหนีไปแล้ว
“พี่ดนัยหนีไปแล้ว พี่วัติ” อุ๊บอิ๊บบอก
ธนวัติเจ็บใจ รีบตามไป
“เออ เห็นแล้วตาไม่ได้บอด” ธนวัติโมโหจัดหันไปสั่งลูกน้อง “ไป! ล่ามันให้ได้!”
อุ๊บอิ๊บจะวิ่งตามไป แต่สะดุดขากิมจิที่พลิกลำตัวมาขวางหน้าอุ๊บอิ๊บโดยไม่ได้ตั้งใจ อุ๊บอิ๊บล้มลงไปกองกับพื้น ยังไม่วายร้องหาดนัย
“อ๊ายยย โอ้ยย...พี่ดนัยรออุ๊บอิ๊บก่อน!”

ทางด้านชลิตกับดาหวันวิ่งหนีพาณิชย์ ออกอาการเหนื่อยหอบเห็นได้ชัด ทั้งคู่ไม่รู้ตัวว่าพาณิชย์แอบหลบอยู่มุมหนึ่ง แล้วย่องมาอย่างเงียบๆ เล็งปืนจะยิงชลิต แต่แจ๋วิ่งมาทันเห็นพาณิชย์กำลังจะยิงชลิต เลยแกล้งโวยวายเสียงดัง
“เจอแล้ว ชลิตอยู่นี่ ยิงมันเลย พี่พาณิชย์ ยิงมันเลย”
ชลิตและดาหวันรู้ตัว รีบหนีไป พาณิชย์เจ็บใจที่แจ๋ทำเสียแผน รีบตามทั้งสองไป ขณะที่แจ๋โล่งอก
ดนัยยังพาฉวีวรรณวิ่งหนี ถูกธนวัติกับลูกน้อง วิ่งไล่กวดหลังมา เช่นเดียวกับชลิตที่พาดาหวันหนี การตามล่าของพาณิชย์กับลูกน้อง
จังหวะหนึ่งทั้งสี่คน ดนัยและฉวีวรรณ ก็วิ่งมาเจอชลิตและดาหวัน ต่างคนต่างดีใจ
“หวี!” ชลิตร้องออกมาอย่างดีใจ
“พี่หวี! พี่ดนัย!”
“ยายหวัน!”
แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรกัน ธนวัติและพาณิชย์ต่างยิงปืน ปังๆ ๆ ตามหลังทั้งสี่มา ดนัยต้องรีบดึงฉวีวรรณหลบกระสุนและหนีไป ชลิตก็ดึงดาหวันหนีไปอีกทาง
พอทั้งสี่หลบไปคนละทาง พาณิชย์กับธนวัติก็วิ่งมาเจอกันพอดี ทั้งสองฝ่ายจะยิงใส่กันเอง วุ่นวาย
“เฮ้ย อย่ายิงๆ พวกเดียวกัน!”
พาณิชย์ตะโกนลั่น ธนวัติก็รีบสั่งลูกน้องทันที
“หยุด อย่ายิง!”

ชลิตดึงดาหวันหนีกลับมาที่บริเวณต้นไม้ที่วางกระเป๋าเสื้อผ้า และข้าวของกองเอาไว้ ดาหวันงอแง ยื้อจะกลับไปหาดนัยและฉวีวรรณ
“เก็บของซะ”
“ปล่อยหวัน หวันจะไปหาพี่ดนัย”
“ไม่ได้ มันเสี่ยงไป”
“หวันจะไป”
ชลิตโมโหพูดออกมาเสียงดัง
“คิดว่าฉันไม่ห่วงหวีรึไง แต่ฉันยังต้องมาคอยปกป้องเธอ!”
ดาหวันฟังแล้วอึ้งไปเลย ชลิตเข้าไปแล้วหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็ก หันโยนให้ดาหวันถือ เป็นกระเป๋าที่เอามาจากบ้านทองอิน ใบเล็กกว่าของดาหวัน ซึ่งใบนี้กันน้ำและลอยน้ำได้ ส่วนตัวชลิตเองหยิบกระเป๋าสะพายไหล่ แล้วยกกระเป๋าเดินทางของดาหวัน จะไป
ดาหวันยังยืนนิ่งหน้างออยู่ เลยโดนชลิตเอ็ด
“ยืนรอให้มันมาฉุดอีกเหรอ ยายเบื้อก!”
ชลิตรีบเดินออกไปเลย ดาหวันขัดใจ แต่จำต้องตามไป
“ไอ้พี่ชลิต ไอ้บ้า!” ดาหวันเดินกระแทกเท้าตามไป “รอก่อนซี้”

ส่วนดนัยฉุดฉวีวรรณวิ่งมา แล้วชนเข้ากับอุ๊บอิ๊บที่วิ่งตัดหน้าออกมาจากพุ่มไม้ตรงมุมหนึ่งพอดี
“ว้าย...” อุ๊บอิ๊บร้อง
“อุ๊บอิ๊บ!” ดนัยตกใจ
“พี่ดนัย!” อุ๊บอิ๊บดีใจ
อุ๊บอิ๊บวิ่งเข้ามาเบียดผลักฉวีวรรณจนเซไป แล้วเข้าไปเกาะแขนดนัยกอดอย่างดีใจสุดขีด
ฉวีวรรณเบ้ปากใส่ “เสื่อม!”
ฉวีวรรณจะไป ดนัยรีบเรียก
“หวี!”
“อยู่กับกิ๊กนายไปเถอะ!”
ฉวีวรรณรีบวิ่งออกไปเลย ดนัยเป็นห่วงจะตาม แต่อุ๊บอิ๊บดึงไว้ แล้วกอดเกาะเป็นปลิง
“จะไปไหน พี่ดนัยไม่ต้องไปสน ยายนกเงือกนั่นหรอก...อุ๊บอิ๊บเป็นห่วงพี่ดนัย คิดถึงพี่ดนัยทุกลมหายใจเลยนะคะ” อุ๊บอิ๊บพร่ำเพ้อ
“อุ๊บอิ๊บ ปล่อยพี่ได้แล้ว” ดนัยแกะแขนอุ๊บอิ๊บสะบัดออก
“ไม่เอา เค้าจะกอด”
อุ๊บอิ๊บโผเข้ามาจะกอดดนัยอีก ดนัยก้มหลบอุ๊บอิ๊บถลาออกไปกอดบุญทิ้งที่วิ่งเข้ามาพอดี
บุญทิ้งตาโตหน้าตาตื่น ขณะที่อุ๊บอิ๊บกรี๊ดลั่น
“ฝากด้วยนะ บุญทิ้ง”
ว่าแล้วดนัยรีบวิ่งออกไป ตามฉวีวรรรณ อุ๊บอิ๊บกอดบุญทิ้งแน่น แต่โวยวายลั่น โดยไม่รู้ว่าบุญทิ้งกำลังหอบขึ้น
“ปล่อยฉันนะ ไอ้คนบ้าตัณหา ไอ้ลามก อย่ามาลวนลามฉันนะ ปล่อยๆๆๆ”
“คุณอุ๊บอิ๊บเสียสติหรือครับ คุณอุ๊บอิ๊บกอดผมเองนะครับ” บุญทิ้งพูดทั้งที่ยังหอบๆ อยู่
อุ๊บอิ๊บชะงักแล้วมองที่มือตัวเอง เห็นจริงว่าตัวเองเป็นคนกอดบุญทิ้งอยู่ รู้สึกหน้าแตกจึงรีบปล่อยมือออก
“บ้า! แล้วก็ไม่บอก...”
บุญทิ้งหยิบยาพ่นโรคหอบออกมาฉีดใส่อุ๊บอิ๊บ
“อย่ามาใกล้ผม...”
“อ๊าย ฉันไม่ใช่เชื้อโรคนะยะ”

อุ๊บอิ๊บพูดแล้วก็ผลักบุญทิ้งล้มลงรีบวิ่งออกไป ทิ้งบุญทิ้งพ่นยาแก้อาการหอบให้ตัวเองอยู่ลำพัง

อ่านต่อหน้า 2







หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 5 (ต่อ)

ชลิตกับดาหวันหอบหิ้วกระเป๋า มาตามทางขรุขระ ทางเป็นกรวดเป็นหิน ทั้งสองคนหน้าตาตื่นพากันเดินอย่างเร่งรีบ แต่จู่ๆ พาณิชย์ก็โผล่มาจากอีกทาง ดักหน้าเอาไว้

“ไอ้ชลิต!”
ชลิตเห็นจวนตัว จึงยกกระเป๋าเดินใบของดาหวัน ที่สามารถกันน้ำและลอยน้ำได้ ทุ่มไปที่พาณิชย์ จนพาณิชย์ผงะ ล้มทับลูกน้องที่ตามหลัง พวกลูกน้องจับกระเป๋าเดินทางเหวี่ยงลงไปในลำธาร
ชลิตรีบฉวยโอกาสดึงดาหวันวิ่งไปอีกทาง
“หวัน กลับมา อย่าไปกับมัน”
ลูกน้องพาณิชย์คนหนึ่ง วิ่งสวนขึ้นไปตามหลังชลิต

ดาหวันกับชลิตวิ่งหนีมา แล้วลูกน้องพาณิชย์คนนั้นที่ตามหลังมา ก็เข้ามาดึงไหล่ชลิตหันไปต่อยจนชลิตกระเด็นไป ดาหวันเอากระเป๋าเล็กในมือฟาดใส่ลูกน้องพาณิชย์ตีแบบไม่ยั้งมือ
ลูกน้องพาณิชย์คนนั้นพยายามปัดกระเป๋า จนกระเป๋าลอยกระเด็นลงไปในลำธารเหมือนกันชลิตตั้งตัวได้เข้ามาจัดการต่อยลูกน้องพาณิชย์โดยซัดจนหมอบ แล้วรีบดึงดาหวันวิ่งหนีออกไปทางหนึ่ง

ชลิตกับดาหวันวิ่งข้ามลำธารบริเวณที่น้ำตื้นๆ มาจะถึงฝั่งที่เป็นดินโคลน ชลิตรู้สึกึงบางอย่างยกมือห้ามดาหวันให้หยุด
“เดี๋ยว”
ชลิตก้าวเดินถอยหลังขึ้นฝั่ง แล้วบอกให้ดาหวันทำตาม พาณิชย์ กับลูกน้อง ลุยน้ำตามเข้ามาจากอีกด้าน ชลิตกับดาหวันรีบวิ่งไปหลบที่พงหญ้าข้างลำธาร
“นายมาดูนี่” ลูกน้องคนหนึ่งเจอรอยเท้าที่เป็นรอยโคลน
พาณิชย์เดินเข้ามาดู รอยเท้าทั้งสองคนที่โคลน เห็นเป็นเหมือนว่า ทั้งสองเดินลงไปในลำธาร
“รอยยังใหม่ๆ อยู่เลย มันคงลุยน้ำไปทางโน้น”
ลูกน้องคนนั้นชี้ไปทางตรงข้ามกับที่ชลิตอยู่ พาณิชย์เหลียวซ้ายแลขวา แล้ว สั่งลูกน้องกร้าว
“หาตัวให้พบ จับตัวดาหวันมาให้ได้ ส่วนไอ้ชลิต ไม่ต้องเอาไว้!”
พาณิชย์ กับลูกน้องหันหลังกลับลุยน้ำตามหา ขณะที่ชลิตกับดาหวันกระหยิ่ม ยกมือตีกัน ดีใจ ที่หลอกพาณิชย์สำเร็จ

ทางด้านฉวีวรรณที่หลงกับดนัย เอาแต่วิ่งตามหาดาหวันกับพ่ออยู่
“ยายหวัน! ...พ่อ! อยู่ไหน”
ฉวีวรรณไม่ระวัง สะดุดรากไม้จะล้ม เสื้อถูกกิ่งไม้เกี่ยวขาด ดนัยเข้ามาทางข้างหลัง แล้วรวบเอวฉวีวรรณดึงตัวกันไว้ไม่ให้ล้ม กลายเป็นดนัยกอดฉวีวรรณไว้จากข้างหลัง
“ป้าหวี โก๊ะอีกแล้ว” ดนัยยิ้มๆ
“นี่นาย ยังไม่ตายอีกเหรอ”
“หึ นี่เป็นคำขอบคุณของเธอใช่มั้ยย”
“เอ้า ก็ยายอุ๊บอิ๊บอ้อล้อซะขนาดนั้น นายน่าจะสำลักความดัดจริตตายไปแล้ว”
“คำก็ตาย สองคำก็ตาย เธออยากให้ฉันตายขนาดนี้เลยเหรอ ฉวีวรรณ”
ได้ฟังคำพูดตัดพ้อ ฉวีวรรณสบตาดนัยอึ้งไป แต่ยังไม่ทันตอบอะไร ก็มีเสียงธนวัติดังใกล้เข้ามา
“ค้นให้ทั่ว”

ดนัยรีบดึงฉวีวรรณ วิ่งไปหลบเข้าหลังพุ่มไม้ใกล้ๆ ธนวัติตามมามองเห็นเศษผ้าติดอยู่ที่กิ่งไม้ ก็นึกรู้
“หวี!...” ธนวัติมองออกไป แล้วตะโกนเสียงดัง “ไอ้ดนัย แกอยู่แถวนี้ใช่มั้ยปล่อยตัวหวีมาซะ!”
หลังพุ่มไม้นั้นเอง ดนัยกับฉวีวรรณหลบอยู่ ฉวีวรรณดิ้นจะออกไป
“ปล่อยฉัน ฉันจะไปหาพ่อ”
ดนัยดึงตัวไว้ “ออกไปตอนนี้ ได้กินกระสุนแน่”
“พ่อฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก นะ...ดนัย ไปคุยกับพ่อฉันดีๆ เรื่องทุกอย่างจะได้จบเสียที” ฉวีวรรณพูดไม่ทันจบคำเสียงปืนก็ดังแทรกเข้ามา “ว้าย!
ฉวีวรรณตกใจ โผเข้าไปซุกกับอกดนัย

ธนวัติเดินเลาะมาตามม่านต้นไทร ยิงใส่ต้นไม้ปังๆ เป็นขู่ และข่มขวัญทั้งคู่
“ถ้าไม่อยากตายก็ออกมา!”

หลังพุ่มไม้ ดนัยมองฉวีวรรณประชดๆ
“หึ พ่อเธออาจจะไม่ แต่ไอ้ธนวัติยิงแน่!”
“ดะ...” เสียงฉวีวรรณขาดหายไปในลำคอ
“เธอไม่ต้องพูดหรอก ฉันรู้ว่าทุกอย่างมันผิดพลาด แต่ในความเลวร้ายก็ยังมีสิ่งดีๆ เหลืออยู่”
“นายพูดเรื่องอะไร” ฉวีวรรณสงสัย
“หน้าที่กามเทพ พาตัวเธอไปส่งให้ชลิตไงละ”
ฉวีวรรณอึ้งไป
“นายมันบ้า!”
“จะว่าบ้าก็บ้าวะ....สัญญาลูกผู้ชาย พูดแล้วต้องทำไม่มีวันคืนคำเด็ดขาด!”
ธนวัติยิงไล่ตามต้นไม้ ผ่านม่านไทรมาอีก ปังปังปัง
ดนัยดึงฉวีวรรณหลบไปหลังแนวต้นไม้อีกต้น แล้วดนัยค่อยว่าต่อ
“เพราะฉะนั้น เธอต้องอยู่กับฉัน ห้ามไปไหนทั้งนั้น”
ดนัยพูดพร้อมกับจับมือฉวีวรรณ แต่ถูกฉวีวรรณสะบัด
“ไม่ ฉันไม่อยากอยู่กับคนบ้า”
ดนัยดึงไม่ยอมปล่อย
“อย่าดื้อได้ไหม”
“นายสิเอาแต่ใจตัวเอง เผด็จการ บ้าอำนาจ....”
จังหวะนั้นเสียงปืนดังใกล้เข้ามาอีก
“ปังๆๆๆ”
ฉวีวรรณมัวแต่เถียง ได้ยินเสียงปืนใกล้ตัวก็ตกใจ เผลอร้องกรี๊ดดังลั่น
“กรี๊ด...อ๊าย...”
ดนัยตะปบปากฉวีวรรณแต่ไม่ทัน
“ยายบ้าเอ๊ย”
ธนวัติหันขวับไปมองตามเสียง

อีกมุมในป่าใกล้ๆ กัน ศิริ กับธานี ก็ได้ยินเสียงนั้น ศิริรีบวิ่งตามเสียงไปทันที
“ยายหวี!”

ธนวัติวิ่งเข้ามาแถวด้านหน้าต้นไม้ที่ ดนัยกับฉวีวรรณหลบอยู่
“ไอ้ดนัยแกอยู่ตรงนี้ใช่มั้ย ฉันจะนับหนึ่งถึงสามถ้าแกไม่ออกมา ฉันยิงแน่”
ฉวีวรรณหน้าตื่น มองมาทางดนัย
“ยอมแพ้ซะเถอะ นายหนีไม่พ้นแล้วละ”
ดนัยเครียดหนัก ไม่รู้จะทำยังไง แล้วเหลือบเห็นก้อนดินเหนียว ที่พื้นข้างๆ ตัว ดนัยตาเป็นประกาย เก็ทไอเดีย รีบกำก้อนดินมาไว้ในมือ โดยตั้งใจจะไปหลอกว่าเป็นระเบิด
“ฉันไม่ชอบให้ใครท้าด้วยสิ”
ดนัยกำก้อนดิน ยิ้มเอาเรื่อง ส่วนฉวีวรรณงง
“นายจะทำอะไร... ฮ้า”

ที่บริเวณด้านนอก ธนวัติยกปืนแล้วเล็งไปที่ต้นไม้ นับเสียงเข้ม
“หนึ่ง... สอง....”
ดนัยดึงฉวีวรรณออกมามืออีกข้างกำก้อนดินไว้ ทำท่าเหมือนกับว่ากำระเบิด
ดนัยออกมา ประจันหน้ากับ ธนวัติ
“ฉันอยู่นี่”
ธนวัติยกปืนเล็ง
“หึหึ ...ยอมแพ้แล้วเหรอ”
ระหว่างนั้น สุภาพ อาหลู่ แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง อุ๊บอิ๊บ เข้ามาอีกทางหนึ่ง ในขณะที่ศิริ ธานีเข้าเฟรมมามาจากอีกทาง
“พี่ดนัย!” อุ๊บอิ๊บร้อง
“หวี!”
“พ่อ!”
ฉวีวรรณดิ้นจะไปหาศิริ ดนัยล็อกตัวไว้
“ปล่อยน้องหวีซะ”
ธนวัติพูดทำท่าทางขยับจะเข้าไป ดนัยยกมือข้างที่กำก้อนดินไว้เหมือนกำระเบิดน้อยหน่า
“อย่าเข้ามา! ไม่งั้นระเบิดแน่!”
ศิริมองตามที่มือของดนัยอีกข้างที่ชูขึ้นเหนือหัวอย่างตกใจ ทุกคนฮือฮาตกใจตามๆ กัน ศิริรีบห้ามธนวัติ และทุกคนไม่ให้ยิง
“เฮ้ยย! ระเบิด” บอกธนวัติ กับทุกคน “อย่ายิงนะ ทุกคน ลดอาวุธ ฉันจะเจรจาเอง”
ศิริหันมาพูดกับดนัย อย่างใจเย็น “หลานชายใจเย็นๆ นะ หลานชายอยากได้อะไร อยากทำอะไรก็ว่ามาเลย”
“ผมต้องการตัวลูกสาวคุณลุง ถอยไปซะ”
“แต่นี่มันยายหวีนะโว้ย ไม่ใช่ยายหวัน!”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ผมกับชลิตนัดกันไว้แล้ว”
“ปล่อยหลานฉันซะ ลูกผู้ชายเขาไม่ทำกันอย่างนี้หรอก” ศิริสอดขึ้นระหว่างการเจรจา
“ผมยอมเลว! ผมทนเห็นหวีแต่งงานกับผู้ชายชั่วๆ ไม่ได้จริงๆ” ดนัยหมายถึงธนวัติ
“ไอ้ดนัย แกว่าใคร ฮ้า ใครชั่ว”
ธนวัติกำหมัด จะพุ่งไปต่อยดนัย สุภาพกับอาหลู่รีบดึงตัวธนวัติไว้
“อย่าครับๆ ใจเย็น”
“พี่ดนัยเท๊เท่ อุ๊บอิ๊บอยากเป็นตัวประกัน”
ไม่เพ้อเปล่าๆ อุ๊บอิ๊บเอาจริงทำท่าจะวิ่งเข้าไป กิมจิกับแจ๋รีบจับอุ๊บอิ๊บดึงไว้
“อย่าเจ๋อๆ” แจ๋บอก
ฉวีวรรณพยายามดึงตัวเอง หันไปมองทางดนัย
“จัดหนักไปเปล่า ปล่อยฉันได้แล้ว”
“อยู่เฉยๆ เถอะน่า”
ดนัยชักสีหน้า รู้สึกคัน เหมือนมีอะไรยุกยิกๆ อยู่ที่ขากางเกง ปรากฏว่าเป็นมดไต่ตามตัว เพราะดันยืนบนรังมด
ศิริขยับพูด พยายามพูดจาโน้มน้าวดนัย
“หลานชาย ยังหนุ่มยังแน่น อย่างมาเสียอนาคตแบบนี้เลยนะ มา ส่งระเบิดมาให้ลุงเถอะนะ เกิดตูมตามขึ้นมาจะลำบาก”
ศิริพยายามจะก้าวเข้าไปหา จู่ๆ ดนัยก็กระทืบเท้าเสียงดังปึ้งๆๆๆ เพราะต้องการไล่มด ศิริรีบถอยหนี เพราะคิดว่าดนัยโกรธ
“ทนไม่ไหวแล้วนะโว้ย!”
ดนัยพูดกับมดแต่ทำท่าเหมือนจะขว้างระเบิด
ทุกคนร้อง เอะอะ กรี๊ดกร๊าด หลบกันโกลาหล
“เฮ้ยๆ ใครอย่าทำอะไรนะ มันกำลังเครียด”
ดนัยดิ้นไปดิ้นมาอย่างทรมาน เท้าเริ่มสะเปะสะปะ เพราะความคัน ฉวีวรรณไม่รู้เรื่องดนัยถูกมดกัน หมั่นไส้จึงพูดใส่หน้าดนัย
“จะเว่อร์ไปไหน อินเหลือเกินนะ บทจี้ตัวประกันเนี่ย”
“หลานชายใจเย็นๆ ควบคุมสติไว้”
ในขณะที่ศิริกล่อมอยู่นั้น ดนัยทนคันไม่ไหว เผลอผลักฉวีวรรณออก แล้วล้วงเข้าไปเกากางเกง
“โอ๊ย อะไรวะ !
ดนัยเกายิก หลุดปากออกมา “มดกัด!”
จังหวะนั้นเองธนวัติมองไปที่มืออีกข้างของดนัย เห็นดินเหนียวปลิ้นออกมา
“เฮ้ย ระเบิดนั่น ระเบิดปลอม!”
ศิริผงะ ธนวัติกับพวกลูกน้องเล็งปืนทันที ดนัยรีบเอาดินเหนียวในมือขว้างใส่กลุ่มศิริ แล้วฉุดฉวีวรรณหนี มีเสียงปืนไล่ตาม
“ปังๆๆๆ”
ทุกคนต่างวิ่งไล่ตามดนัยและฉวีวรรณ ธานี ธนวัติ พวกลูกน้องไล่ยิงวุ่นวายไปหมด
“หยุดๆ อย่ายิง เดี๋ยวโดนยายหวี”
ธานีและสุภาพไม่กล้ายิง ธนวัติโมโห ไม่ยอมให้ดนัยหนีไปได้ เล็งปืนไปที่ดนัย เหนี่ยวไกยิง
“ปัง”
กระสุนนัดนั้นเฉี่ยวต้นแขนดนัย เลือดกระฉูด ร่างของดนัยซวนเซ แล้วทรุดลงไป ฉวีวรรณตกใจมาก กรี๊ดลั่น
“ดนัย!”
ธนวัติจะยิงซ้ำ ฉวีวรรณลืมตัวยืนขวางดนัยไว้ เพราะเป็นห่วงดนัย
“อย่ายิงนะ เขาไม่มีปืนไม่เห็นเหรอ!”
ทุกคนอึ้ง จังหวะนั้นดนัยลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าป่าไป ด้วยคิดว่าคงไม่สามารถรั้งฉวีวรรณได้อีกแล้ว ทว่า... ฉวีวรรณกลับรีบวิ่งตาม
“ดนัย”
“หวี!”
ศิริและทุกคนต่างตกใจ
“นาย นาย ลูกสาวนายหนีตามไอ้หนุ่มไปแล้ว”
ศิริหน้าตึง สุภาพรีบแก้หันไปเอ็ดอาหลู่
“อาหลู่ หุบปากซะ นาย เอาไงครับ”
“โธ่เว้ย ก็ตามสิวะ” ศิริหันบอกทุกคนที่ยังอึ้งๆ อยู่ “อ้าวเฉยอยู่ทำไม ไปสิ ตามไป”
ทุกคนตามไป ธนวัติขยับตัวจะไป ศิริขยับมาขวาง แล้วชี้หน้าสั่งธนวัติอย่างจริงจัง
“ลุงขอสั่งห้ามเลยนะวัติ! ห้ามยิงเด็ดขาด!!”
ธนวัติอึ้ง ศิริหันหน้าเดินออกไป ธนวัติโกรธจัด กำมือแน่น ธานีตบไหล่ธนวัติให้สงบแล้วหลิ่วตาให้ตามไป

ดนัยหนีการตามล่าวิ่งลัดเลาะตามโขดหินมา ต้นแขนที่โดนยิงเลือดชุ่ม ฉวีวรรณวิ่งตาม
“ดนัย เป็นไงบ้าง”
“โดนยิง จะให้เป็นไง”
ดนัยเข้าไปยืนหยุดพิงโขดหินตรงหนึ่ง หอบเหนื่อย ซี้ดปากเจ็บแผล ฉวีวรรณตามเข้ามา
“รออยู่ที่นี่แหละ ยังไงพ่อเธอก็ต้องตามมา...กลับบ้านไปซะ”
ฉวีวรรณอึ้งในคำพูดนั้น อยู่ในอาการใจหาย แต่ทำปากเก่ง เถียงคำไม่ตกฟาก
“ไม่ใช่พ่อฉันสักหน่อย มีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน
“หึ ..ไหนไม่อยากอยู่กับคนบ้าไงล่ะ”
ฉวีวรรณโดนไปอีกดอก
เสียงศิริกับพรรคพวกดังเข้ามา
“หวี อยู่ไหนลูก หวี!”
“นั่นไง พ่อเธอมาตามแล้ว ..ไปเถอะ ฉันไม่มีแรงรั้งเธอไว้แล้ว”
ฉวีวรรณหันกลับมองดนัย
“ฉันไม่มีวันทิ้งนาย เราจะไปด้วยกัน”
ฟังแล้วชวนซึ้ง สีหน้าหน้าดนัยอึ้งไป จังหวะนั้น ฉวีวรรณก็จับมือดนัย แล้วฉุดให้วิ่งออกไปด้วยกันโดยพากันวิ่งนำ ลัดเลาะมาตามทาง ดนัยแอบมองฉวีวรรณอย่างนึกไม่ถึง

ส่วนอีกมุมในป่ากลุ่มของศิริ พากันวิ่งตามหา อาหลู่มองเห็นรีบชี้
“นาย นั่นลูกสาวนาย ลูกสาวนายอยู่ปู้น”
ศิริพร้อมกับทุกคนมองตามอาหลู่ไป เห็นฉวีวรรณจูงมือดนัยวิ่งไป ลิบๆ ข้างหน้า
“ยายหวี!”

เวลาต่อมาฉวีวรรณจูงมือดนัยวิ่งหนีเข้ามาที่ สะพานเชือกซึ่งอยู่ในสภาพเก่าๆ นอกจากนี้ยังตีแผ่นไม้ผุๆเป็นพื้น ขึงข้ามลำธารอยู่ เป็นสะพานไม่สูงมากนัก น้ำอยู่ระดับใต้อก
ระหว่างที่งทั้งคู่วิ่งไป ก็มีไม้สะพานผุๆ หล่นลงน้ำ ตามหลัง อย่างน่าหวาดเสียว เป็นระยะ
กลุ่มของศิริวิ่งตามหลังมาเข้าใกล้ ฉวีวรรณดึงมือดนัยวิ่งข้ามสะพานไป
“ยายหวี หยุด กลับมา”
ศิริตะโกนเรียกลูกสาว ฉวีวรรณพาดนัยวิ่งมาถึงกลางสะพาน แล้วดนัยเหยียบไม้หัก ขาติดคาร่องอยู่
“ดนัย..”
“กลับไป”
ดนัยบอกแต่ฉวีวรรณกลับปฏิเสธ
“ฉันไม่กลับ”
ศิริทำท่าจะวิ่งเข้ามา ฉวีวรรณรีบร้องห้าม
“อย่าเข้ามา พ่อ ปล่อยเราไปเถอะ”
“ยายหวี” ศิริยิ่งอึ้งในการกระทำของลูกหนักเข้าไปอีก
ธนวัติอดใจไม่ไหว ยกปืนขึ้นเล็ง ฉวีวรรณเห็นรีบก้าวเอาตัวเองเข้ามาบังขวางดนัย ชี้หน้าด่าธนวัติ
“หยุดนะ ใครยิงเป็นหมา!”
ธนวัติลดปืนลงแต่ฮึดฮัด
“ไม่ยิงก็ได้” ธนวัติหันไปสั่งการลูกน้อง “ไปเว้ย จับมันให้ได้”
ธนวัตินำขบวนโดดลงไปในลำธาร พร้อมกับลูกน้อง สุภาพ อาหลู่ที่ตามลงไปช่วยกัน ลุยน้ำเข้าไปที่ดนัยกับฉวีวรรณอยู่
ธานีตะโกนอย่างสะใจ
“แกหนีไม่รอดหรอกไอ้ดนัย จับมันเลยวัติ”
ฉวีวรรณลุ้นดึงขาดนัย
“ดนัย มันมาแล้ว เร็ว”
แจ๋ กิมจิ และบุญทิ้ง ต่างออกโรงเชียร์ให้สองคนหนี
“หวี รีบไปสิ เร็ว” พอเห็นศิริกับธานีมองเขม่น แจ๋รีบเปลี่ยนบททันที “...รีบไปให้ไกลไอ้ดนัยน้า”
จังหวะนั้นธนวัติก็ลุยเข้าไป จนใกล้จะถึงดนัย สุภาพมองเห็น ฟองอากาศปุดๆ ที่กลางท้องน้ำ
พร้อมกับที่หัวจระเข้โผล่ปริ่มน้ำขึ้นมา สุภาพตกใจร้องลั่น
“เฮ้ยย ไอ้เข้!”
ทุกคนตะลึง ฉวีวรรณหันมองเห็น จระเข้กำลังโผเข้ามาจะกัดขาดนัย ฉวีวรรณกรี๊ดลั่น ดนัยฮึดดึงขาตัวเองขึ้นทันเวลาอย่างเฉียดฉิว
หลังจากนั้นดนัยกับฉวีวรรณก็รีบวิ่งหนีออกไป จระเข้รอดใต้สะพานผ่ากลางวง ธนวัติ ลูกน้องแตกกระเจิงหนี ศิริมองเห็นฉวีวรรณกับดนัยวิ่งไปถึงอีกฝั่งแล้วตะโกนตามไล่หลังมา
“หวี อย่าไป กลับมา”
ศิริ ธานี บุญทิ้ง อุ๊บอิ๊บ แจ๋ และกิมจิ จะข้ามสะพานตามไป แต่จระเข้ตวัดกลับมา ยกหางตีไปที่สะพาน สะพานซึ่งมีสภาพผุๆ อยู่แล้ว ขาดลงไปตรงหน้า บุญทิ้งสะดุดจะหล่นลงตลิ่ง กิมจิ ศิริ และแจ๋ ช่วยกันดึงแขนไว้คนละข้าง ทั้งหมดโวยวาย ดึงตัวกันกลับเข้าฝั่งไปอย่างโกลาหล

ด้านสุภาพ กับอาหลู่จะหนี แต่ดันเอาแขนเกี่ยวกันไว้ ร้องโวยวาย จะไปก็ไปไม่ได้ ทั้งคู่ยืนหันหลังให้กัน แล้วเอาแขนเกี่ยวกันไว้ ต่างคนต่างดึงจะไปตามทางตัวเอง เลยไปไม่ได้ จังหวะนั้นจระเข้พุ่งเข้ามาหา สุภาพ กับอาหลู่ร้องจะเป็นจะตาย แล้วปล่อยมือออกได้ฉิวเฉียด หนีไปทันเวลาพอดี
จระเข้ตัวนั้นตวัดตัวหันมาจะงับธนวัติ ธนวัติกระโดดขึ้นฝั่งได้ทันเวลา แล้วหันมายิงใส่จระเข้ ตูมๆๆ
ศิริรีบวิ่งเข้ามาดึงมือห้าม
“พอแล้วนายวัติ”
“มันจะฆ่าผมนะครับ” ธนวัติโวยกลับ
“แต่นี่มันในป่า เราบุกรุกบ้านของเขานะ”
ธนวัติอึ้ง ศิริพูดต่อ
“เราแค่ป้องกันตัวก็พอ อย่าทำลายชีวิตอื่นโดยไม่จำเป็น”
ธนวัติขุ่นใจสุดๆ แต่อดกลั้นกักเก็บความไม่พอใจเอาไว้

ชลิตเดินนำดาหวันที่บ่นกระปอดกระแปดมาในป่ามุมหนึ่ง
“ไปตรงไหน ก็ป่า ป่า ป่า แล้วก็ป่า หวันเดินขาจะลากแล้วนะ”
“ทีไปช้อปเสื้อผ้ารองเท้า เดินน่องปูดอยู่ในห้างทั้งวัน ไม่เห็นบ่นสักคำ”
ดาหวันงอนยกมือจะตีชลิต
ยอกย้อนเหรอพี่ชลิต เดี๋ยวปัด ...ฮึ!”
จังหวะนั้น ดาหวันมองเลยออกไปข้างหลังชลิต เห็นพาณิชย์กับลูกน้องเดินอยู่ไม่ไกลนัก
ดาหวันตกใจรีบผลักชลิตหงายหลังลงไป ดาหวันคร่อมอยู่ข้างบน หน้าห่างกันแค่คืบ

หนุ่มสาวทั้งสองจ้องตากันระทึก ใจเต้นโครมคราม

อ่านต่อหน้า 3







หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 5 (ต่อ)

พาณิชย์กับลูกน้องเดินเข้ามา อยู่เหนือศีรษะทั้งสอง แต่มีพงหญ้าพุ่มไม้บังไว้ทำให้มองไม่เห็น

“ไป! แยกย้ายกันไป ถ้าวันนี้หาไม่เจอก็ไม่ต้องกลับ”
พาณิชย์กับพวก เดินห่างออกไป ในขณะที่ดาหวันกับชลิตยังจ้องตากันอยู่ มีประกายปิ๊งขึ้นมา ดาหวันเขินหลุบตาลง แล้วสบตาเขินกับชลิตอีกครั้ง ...จะดึงตัวออก ชลิตกลับดึงดาหวันให้เข้ามาปะทะแนบอกอีกครั้ง ดาหวันตกใจ มองชลิต ตื่น เขิน ...
“พี่ชลิต ...อย่ามา..”
“มา..อะไร”
“ชีกอแล้วยังมาถาม อย่ามาแต๊ะอั๋งหวันนะ”
“ฉันไม่โรคจิต มีอะไรกับไม้กระดานหรอกน่า”
“อี๋ ไอ้คนปากหนอน ว่าหวันเป็นไม้กระดานเหรอ”
ดาหวันโมโหยกมือจะทุบชลิตรู้ทันร้องห้าม
“หยุด อยู่เฉยๆ”
ดาหวันชะงัก มองหน้าชลิตตาโต จังหวะนั้นชลิตยกนิ้วไปแตะที่แก้มดาหวัน ...แตะขนตาดาหวันออกมา
“ขนตาเธอร่วง...ฉันแค่เก็บให้”
ชลิตยิ้ม ..ดาหวันมองอึ้ง ยิ่งเขินกว่าเดิม ดาหวันผละออก ปัดเศษหญ้าใส่ชลิต แก้เขิน
“ชิส์!”
ดาหวันรีบวิ่งออกไปก่อนจะหลุดยิ้ม ขณะที่ชลิตเองก็มองตามดาหวันยิ้มๆ อย่างเอ็นดู
ดาหวันวิ่งมาที่ตรงหนึ่ง หยุดแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ แล้วมองไปทางหนึ่ง เห็นพาณิชย์ ยืนหันหลังให้อยู่ข้างหน้า ดาหวันหน้าตื่น ชลิตตามเข้ามา ดาหวันรีบจุ๊ปากให้เงียบ
“ดา...”
ทั้งสองมองหน้ากัน ขยิบตาส่งสัญญาณมีแผน ชลิตกับดาหวันย่องเข้าไปข้างหลังพาณิชย์ ดาหวันเอานิ้วมือทำเป็นปืน จี้หลังพาณิชย์
พาณิชย์ดูมือถืออยู่ บ่นพึมพำ “อะไรวะ แถวนี้มันจะไม่มีสัญญาณบ้างเลยหรือวะ”
“ยกมือขึ้น!” ดาหวันสั่ง
“เฮ้ย ดาหวัน” พาณิชย์ตกใจ
ดาหวันกดมือทำเป็นจะยิง
“ยกมือ! ไม่งั้นฉันเป่าแกตับแตกแน่”
พาณิชย์สะดุ้งรีบยกมือขึ้น กลัวลนลาน ชลิตรีบเข้าไปค้นตัวพาณิชย์ หยิบมีด กับ ปืนที่พาณิชย์พกไว้ออกมา ชลิตเก็บมีดเข้ากระเป๋า แล้วเล็งปืนไปที่พาณิชย์
“ขอบใจในความโง่ของแกนะ ไอ้พาณิชย์”
ดาหวันยกมือทำเป็นปืน เดินมาเคียงข้างชลิตวางมาดอย่างเท่
“แอคติ้งหวัน ตุ๊กตาทองมั้ย"
ดาหวันถามแต่ถูกชลิตแขวะกลับ
“เอาไป สิบแปดมงกุฎเลยน้อง”
พาณิชย์โมโหหันมาทางชลิตอย่างยัวะ “แก...กล้าหลอกฉันเหรอ”
พาณิชย์ขยับจะเข้ามาเอาเรื่อง โดนชลิตเตะป้าบหยึ่ง แล้วเอาปืนตบ พาณิชย์ล้มตึง ชลิตยกปืนเล็งพาณิชย์เอาจริง
“อย่าเชียวนะ คราวนี้ ปืนจริง ตายจริง!”
พาณิชย์ชะงัก หน้าเจื่อน
“อย่า..อย่าทำอะไรฉันนะ”

ครู่ต่อมาชลิตโยนเสื้อผ้าของพาณิชย์ลงพื้น แล้วกระทืบๆ เลอะเทอะ ดาหวันยืนดูอยู่ข้างๆ
พาณิชย์ส่งเสียงร้องอู้อี้ โดนถุงเท้ายัดปาก
“เอาเสื้อผ้าฉันคืนมา...อย่า...”
ดาหวันหันไปว่าพาณิชย์
“นี่ ไม่ต้องหอนได้ไหม ฟังไม่รู้เรื่อง”
พาณิชย์ถูกดาหวันกับชลิตจับมัดกับต้นไม้ด้วยเถาวัลย์ มีถุงเท้ายัดปาก เนื้อตัวเปล่าเปลือยเหลือแต่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว พาณิชย์พยายามดิ้น ขลุกขลัก ฮึดฮัด ก่อนจะโวยวาย
“ฉันไม่ใช่หมา ปล่อยฉันนะเว้ย”
“ทำคนอื่นไว้นัก ...มันต้องโดนซะบ้าง”
ดาหวันเข้าไปชี้หน้าพาณิชย์
“แล้วจำใส่กะลาหัวพี่ไว้เลยนะ หวันไม่มีทางแต่งงานกับผู้ชายเลวๆ อย่างพี่ อย่ามายุ่งกับหวันอีก ไม่งั้นจะโดนกว่านี้”
ชลิตหยิบด้วงตัวหนึ่งขึ้นมาจากพื้น วางบนอกพาณิชย์
“อะ จัดให้ เบาๆ เอาไว้คุยแก้เหงานะ ไอ้ชั่ว”
พาณิชย์ร้องจ้า ทั้งแค้นทั้งกลัว
“อ๊าก... ช่วยด้วย... ฉันเกลียดด้วง”
ชลิตกับดาหวัน ตีมือกันหัวเราะสะใจ แล้วพากันวิ่งออกไป

หลังจากหนีรอดมาได้ ส่วนดนัยถึงกับทรุดฮวบลงไปอย่างหมดแรง ฉวีวรรณหันมามอง รีบเข้ามาหา
“ดนัย!”
“ไม่เป็นไร”
ดนัยพยายามยันตัวลุกขึ้นแต่แล้วก็ล้มลงไปอีก
“ฉันว่าแล้ว นายมันอวดเก่งไม่เข้าเรื่อง”
ฉวีวรรณเข้าไปพยุงดนัยลุกขึ้น
“อะ มา ฉันช่วย...รีบไป จะมืดค่ำแล้วนะ”
“จะไปไหน”
“ก็หาที่พักน่ะสิ ท่าทางนายจะไม่ไหวแล้วละ” ฉวีวรรณเหลียวมองหา “แถวนี้ไม่มีบ้านคนเลยเหรอ”
ฉวีวรรณมองไปที่ริมน้ำฝั่งหนึ่ง แล้วตาโตดีใจ เพราะบังเอิญมีเรือนแพร้างอยู่ริมน้ำหลังหนึ่ง ลักษณะเป็นแพกระท่อมไม้ไผ่
“ดนัย นั่น ...มีเรือนแพอยู่ตรงโน้นแน่ะ ไป รีบไปเถอะ”
ฉวีวรรณประคองดนัยลุกขึ้น แล้วพากันออกเดินไปที่แพ

เวลาต่อมาฉวีวรรณประคองดนัยเข้าไปในเรือนแพ แล้ววางดนัยลงที่มุมหนึ่ง
“ท่าทางที่นี่จะไม่มีคนอยู่ นายรอตรงนี้ก่อนนะ”
ฉวีวรรณวิ่งไปค้นข้าวของที่ชั้นวางของเก่าๆ อีกมุมหนึ่งของห้อง สภาพคล้ายกับเป็นเรือนร้างที่เจ้าของทิ้งไปกะทันหัน เพราะยังมีข้าวของต่างๆ รกๆ ระเกะระกะอยู่
ฉวีวรรณรื้อไปมาไม่เจออะไร แล้วนิ่วหน้า สายตามองไปเห็นถังสังฆทานใบหนึ่งซุกอยู่ที่มุม
ฉวีวรรณรีบวิ่งเข้าไปค้นดู เจอกล่องยาสามัญประจำบ้าน พร้อมสำลี ผ้าพันแผล ฉวีวรรณดีใจมาก
“โชคดีจริงๆ มีสำลีกับยาด้วย”
ฉวีวรรณรีบเอากล่องยา สำลี,ผ้าพันแผล วิ่งกลับมาที่ดนัย ที่กัดปากข่มความเจ็บอยู่
“มะ ฉันทำแผลให้”
ฉวีวรรณฉีกแขนเสื้อดนัยข้างที่โดนยิงออก แล้วฉีกอีกข้างออกด้วย ฉวีวรรณจะแตะแผล ดนัยทำเป็นร้องขึ้น
“จะปล้ำฉันเหรอ”
ฉวีวรรณชักมือหันมาเอ็ด
“ไม่ขำ! ฉันรู้นะว่า นายเจ็บ ไม่ต้องมาตลกกลบเกลื่อน”
“โดนจับได้เลยเรา” ดนัยหัวเราะ แผ่วๆ “ทำไมเธอถึงได้รู้ใจฉันนัก เราไม่น่าเป็นศัตรูกันเลยนะ”
จังหวะนั้นดนัยมองสบตาปรอยๆ ฉวีวรรณอึ้ง แล้วรีบตัดบท
“หุบปากนายได้แล้ว ฉันจะทำแผล”
“ฉันไม่ได้เป็นแผลที่ปากนี่”
ฉวีวรรณง้างหมัดขึ้นมา
“จะเอาอีกสักแผลไหมล่ะ จะช่วย!”
ดนัยพูดด้วยสีหน้าขำๆ
“หน้าเธอเวลาโมโหตลกดีแฮะ ฉันมองแล้วลืมเจ็บไปเลย”
ฉวีวรรณเขินเหมือนกัน
“อีตาบ้า...ไม่ต้องมากวนประสาทเลยนะ”
ฉวีวรรณหลบตา มาก้มดูแผล
“โอ้วว.. ไม่เบาเลยอ่ะ ดีนะที่แค่ถาก กระสุนไม่ได้ฝังใน”
แล้วฉวีวรรณก็หันไปหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์ มาเช็ดที่แผล
“แสบนิดนึงนะ”
ฉวีวรรณแตะแอลกอฮอล์ลงไป ดนัยเจ็บเจียนตายจนร้องลั่นขึ้นมา ฉวีวรรณตกใจ
“โอ้ยยยยยย ไม่นิดแล้ว มากเลยละ”
“โอ๋ๆ อดทนนะ...ฉันจะทำให้เบาที่สุด สัญญา”
ฉวีวรรณปลอบพลางมองสบตากับดนัยยิ้มอย่างจริงใจ ดนัยมองอึ้งสงบไปเลย ฉวีวรรณค่อยๆ เช็ดแผลให้ดนัย เอาใจใส่ และอ่อนโยน ดนัยมองเพลินมีความรู้สึกดีๆ พอฉวีวรรณเอาทิงเจอร์แตะใส่ ดนัยสะดุ้ง ฉวีวรรณรีบเป่าแผลให้หายแสบ ดนัยยิ่งซึ้ง
ต่อมาฉวีวรรณเอาผ้าก๊อซพันแผลให้ ดนัยแอบมองฉวีวรรณ ลึกซึ้งในใจ แต่พอฉวีวรรณเงยหน้าขึ้นมามอง ดนัยก็หลบตาหันไปทางอื่น
ในที่สุดฉวีวรรณก็พันแผลให้ดนัยเสร็จเรียบร้อย หันเก็บของไปพูดไป
“เรียบร้อยแล้วล่ะ แต่ยังไงพรุ่งนี้ เราต้องหาทางออกจากป่าให้ได้ นายจะได้ไปหาหมอ”
ดนัยครางปวดแผลขึ้นมา ฉวีวรรณหันมามองเป็นห่วง
“เป็นอะไร ปวดแผลเหรอ”
ดนัยไม่ตอบเอาแต่ครางอยู่อย่างนั้น ฉวีวรรณเข้ามาแตะตัวดนัยแล้วเอะใจ เอามืออังหน้าผากดนัยมือหนึ่ง อังหน้าผากตัวเองมือนึง
“ตัวนายร้อนนะเนี่ย ไข้ขึ้นแล้วละ”
ฉวีวรรณรีบเอาผ้าห่มที่กองอยู่มุมห้องมาห่มให้ดนัย
“นอนพักให้มากๆ ฉันจะไปหาดูว่ามีอะไรกินได้บ้าง แล้วนายจะได้กินยา”
ฉวีวรรณทำท่าจะลุกเดินจากไป ดนัยพูดขึ้นเบาๆ
“อย่าพยายามเลย ฉันอาจไม่รอดคืนนี้ก็ได้”
ฉวีวรรณใจหาย น้ำตาคลอหน่วย
“ไม่นะ อย่ามาพูดแบบนี้
“เธอน่าจะดีใจนะ หวี คนที่เธอเหม็นขี้หน้า คนที่เธอชอบไล่ให้ไปตายทุกครั้ง
...กำลังจะตายสมใจเธอแล้วว”
ฉวีวรรณยิ่งใจหายมากขึ้น เถียงทั้งน้ำตาไหล
“ไม่จริง นายต้องไม่ตาย นายต้องหาย นายต้องอยู่ต่อไปนะ ดนัย”
“จะร้องทำไม เป็นห่วงฉันด้วยเหรอ”
“เปล่า ...ฉันไม่ได้ห่วง”
“ไม่ห่วง แล้ว มาช่วยฉันทำไม ...
ฉวีวรรณอึ้ง นาทีนั้นดนัยวางมือลงบนมือฉวีวรรณเบาๆ
“เธอไม่ได้เกลียดฉันใช่มั้ย...”
ฉวีวรรณมองหน้าดนัยอย่างอึ้งๆ พยายามปิดบังความรู้สึก ดนัยมองลุ้นรอคำตอบ ฉวีวรรณหลุบตาหลบ ดึงมือตัวเองออกจากมือดนัย แล้วฝืนใจตอบอะไรที่ตรงข้ามกับใจ
“เกลียดสิ ฉันเกลียดนาย”
สีหน้าดนัยเจื่อนไป...ไม่คาดคิดว่า ฉวีจะตอบอย่างนี้
“ที่ฉันช่วยนาย ก็เพราะ...ยายหวัน นายต้องอยู่ต่อไปเพื่อคนที่นายรัก นายต้องอยู่ต่อไปเพื่อยายหวัน”
ดนัยอึ้ง เจ็บแปลบขึ้นมาทันที ที่ฉวีวรรณบอกให้อยู่เพื่อคนอื่น
“ก็จริง เธอพูดถูก..” ดนัยพูดพร้อมกับมองจ้องฉวีวรรณอย่างลึกซึ้ง “..ฉันต้องอยู่ต่อไปเพื่อคนที่ฉันรัก”
ฉวีวรรณเข้าใจผิดคิดว่าดนัยยอมรับว่าจะอยู่เพื่อดาหวัน
“ถ้ายายหวันได้ยินคงดีใจมาก...นายต้องรีบหาย ห้ามตายเด็ดขาด เข้าใจมั้ย!”
ฉวีวรรณทำเป็นขึงขัง แล้วลุกเดินออกไปสองสามก้าว ดนัยเรียกไว้
“เดี๋ยว...”
ฉวีวรรณหันมามอง
“สำหรับทุกอย่างที่เธอทำให้คนที่เธอเกลียด ฉันขอบใจมาก...แล้วจะไม่มีวันลืมเลย”
ฉวีวรรณอึ้งแต่ทำเป็นเหมือนไม่แคร์ แล้วรีบหันเดินออกไปอย่างเร็ว
ดนัยมองตามอย่างไม่เข้าใจความคิดของฉวีวรรณ

ฉวีวรรณวิ่งมาหยุดยืนตรงมุมหนึ่งของแพแล้วร้องไห้ๆ ออกมา ด้วยอารมณ์ไม่เข้าใจตัวเอง
ที่ต้องฝืนทนเก็บสิ่งความรู้สึกตรงข้ามกับหัวใจ จนต้องระบายออกมาเป็นน้ำตา
“นี่เราเป็นอะไรไป ทำไมไม่เข้มแข็ง ทำไมต้องแคร์ ทำไมต้องร้องไห้เพราะ ผู้ชายบ้าๆ อย่างนั้นด้วย...ฉันเกลียดนายที่สุดเลยดนัย เกลียดที่สุด...ที่นายทำให้ใจของฉันวุ่นวายไปหมดแล้ว”

เสียงความคิดของฉวีวรรณดังขึ้นมาในภวังค์


ส่วนทางด้านดาหวันก็กำลังเดินอยู่ในอาการเหม่อ และใจลอย ไปชนหลังชลิตที่เดินนำอยู่ จนชลิตหน้าคะมำจะล้มเลยหันมาเอ็ด
“เฮ้ย..โอ้ย อะไรวะ ...นี่เธอเดินยังไง จะหาเรื่องกันเหรอ”
“เปล่านะ หวันไม่ได้ตั้งใจ หวันมัวแต่คิดถึงพี่ดนัย ไม่รู้ว่าพี่หวีรังแกอะไร พี่ดนัยหรือเปล่า หวันใจคอไม่ดีเลยนะเนี่ย”
“หวีจะไปทำอะไร ไอ้ดนัยนั่นแหละอย่าพูดจากวนน้ำโหหวีเขาก็แล้วกัน”
“นี่เลิกเถียงหวันซักครั้งได้ไหม เป็นพี่ก็หัดอยู่ในโอวาทมั่ง”
“เธอซิ เป็นน้องเป็นนุ่งฉันจริงๆ หน่อยไม่ได้ จะจับมาตีให้ก้นลายเชียว”
“แล้วไง ถ้าไม่ใช่น้องใช่นุ่ง พี่จะทำอะไรหวัน ฮ้า”
ชลิตจ้องหน้าดาหวัน แกล้งทำตัวเถื่อนๆ เพื่อขู่ให้กลัว
“หึหึหึ พูดจาอย่างนี้ อาต้องจัดให้แล้ว”
ชลิตพูดแล้วสาวเท้าเข้าไป ดาหวันตกใจถอยหลังไปชนต้นไม้โครม หัวกะโหลกหล่นจากต้นไม้ มาโขกหัวชลิตดังโป๊ก! แล้วกระเด้งเข้ามาอยู่ในมือชลิตถือเอาไว้โดยไม่ทันได้มอง
“โอ้ย อะไรกัน ล้อเล่นแค่นี้ ต้องเอาลูกบอลปาหัวฉันด้วยเหรอ”
ดาหวันเห็นหัวกะโหลกในมือชลิต แล้วตัวอ่อน ปากคอสั่นกลัวขึ้นมา
“จะ จะ บ้าหรือพี่ชลิต หนะ ในป่า... มีลูกบอลที่ไหน”
ชลิตยื่นให้ดาหวันดู แต่ตัวเองยังไม่ได้มอง
“ก็นี่ไง ทุ่มใส่หัวฉันเมื่อกี๊”
“ไม่ใช่..มันไม่ใช่ลูกบอล” ดาหวันส่ายหน้าจะร้องไห้
“อะไรก็เห็นๆ อยู่ ไม่ใช่ลูกบอลแล้วอะไร” ชลิตยกขึ้นดูจะจะ “กะโหลกผี..แค่นี้เอง..”แล้วพอนึกได้ ยกขึ้นมาดูอีกที ชลิตก็ออกอาการกลัวอย่างเว่อร์ออกมา “กะโหลกผี!! อ๊าก...”
ชลิตกลัวเวอร์ วิ่งถือหัวกะโหลกโวยวายว่า หัวกะโหลกไม่ปล่อย ดาหวันบอกให้ชลิตปล่อยมือ แต่ชลิตโยนหัวกะโหลกใส่ดาหวัน ดาหวันกริ๊ดโยนกลับคืน
ทั้งสองกรี๊ดแตก โยนกันไปมา จนหัวกะโหลกหล่นพื้น แล้วรีบวิ่งหนีออกไป โดยไม่รู้ว่าทั้งสองหลงป่าเข้ามาในอาณาเขตดงผีฟ้า แล้วในยามนี้

ชลิตกับดาหวันวิ่งมาหยุดเหนื่อยหอบที่ตรงพุ่มไม้แห่งหนึ่ง
“อ๊อยย ตับแทบแลบ ที่นี่มันที่ไหนอ่ะพี่ชลิต บรรยากาศวังเวง น่ากลัว นก หนูสักตัวก็ไม่เห็นร้องสักแอะ”
“ทำไมเธอไม่ถามไอ้หัวกะโหลกเมื่อกี้นี้ล่ะ”
ดาหวันฟาดแขนชลิต อีกฝ่ายร้องเจ็บ
“นี่แน่ะ ถามดีๆ ยังมากวน”
“อ๊อย... ก็มาด้วยกัน แล้วฉันจะรู้ไหมละ”
ดาหวันมองไปเห็นรอยลากไม้ที่พื้นดิน รีบชี้ให้ชลิตดู
“พี่ชลิต นั่น รอยอะไรก็ไม่รู้ เป็นทางเลยเห็นมั้ย”
ชลิตวิ่งเข้าไปดูกับดาหวัน แล้วเห็น เศษขี้ช้างที่ร่วงๆ กับพื้น
“มีเศษขี้ช้างด้วย” ชลิตคิดแล้วคิดอีก แล้วจึงพูดขึ้น “ฉันว่าแถวนี้ต้องมีการใช้ช้างลากไม้แน่!”

ไม่ไกลจากที่ชลิตกับดาหวันยืนอยู่ เป็นอาศรมของกาซู ซึ่งเป็นกระท่อมไม้ไผ่อยู่กลางป่าดงผีฟ้า เพื่อคอยดูแลการค้าไม้เถื่อนร่วมกับพวกธานี
ภายในอาศรมตบแต่งด้วย หนังเสือ เขาสัตว์ หัวเสือ หัวกะโหลก มีงูเหลือมพันที่เสา พร้อมโต๊ะบูชาผี และ หม้อเหล็กจุดไฟ สำหรับทำพิธีไสยศาสตร์
เวลลานั้นงูเหลือมที่พันเสาอยู่ เลื้อยเข้าไปหา กาซูที่นั่งหลับตาท่องมนตรารัวเร็วเข้ม และทรงพลัง ใบหน้ากาซูยาม ท่องมนต์น่ากลัวมาก
จู่ๆ กาซูก็ลืมตาโพลงขึ้นมาอ้าปากร้องก้อง ควันขาวๆ เป็นสายออกมาจากปากกาซูพวยพุ่งไปในอากาศ แล้วเกิดประกายไฟลุกพรึ่บขึ้นที่หม้อเหล็กทันที!
กาซู คนนี้เป็นหมอผีประจำเผ่า วัย 50 ปี เข้มโหด กักขฬะ มีอาคม ลอบฆ่าพ่อของวินยาเพื่อเป็นใหญ่แต่โดนจับได้ เลยถูกขับไล่,แล้วจึงมาเข้าพวกกับธานี คอยจัดการดูแลเรื่องการขนไม้เถื่อนเพื่อแลกกับเงิน อำนาจเพื่อกลับไปเป็นใหญ่อีกครั้ง
“มีคนบุกรุก! ดงผีฟ้า!!!”
เลาซาที่นั่งขัดหน้าไม้อยู่ ถัดออกไป หันขวับมามอง
เลาซาคนนี้เป็นลูกชายคนเดียวของกาซู อายุ 24 ปี หล่อพอประมาณ หยิ่งแต่หูเบาเชื่อคนง่าย มักถูกพวกธนวัติหลอกใช้ วางมาดดุ เข้ม บู๊เก่ง เลาซาทะเยอทะยานอยากเป็นใหญ่
“เลาซา..!!” กาซูเรียก
“พ่อไม่ต้องห่วง ข้าจะจัดการมันเอง....”
เลาซารับคำสั่ง แล้วลุกออกไปทันที งูเหลือมที่พันเสาอยู่ แลบลิ้นแผลบๆ
“คนที่เข้ามาในดงผีฟ้าไม่เคยมีใครรอด พวกแกวอนหาที่ตายแล้ว”

เวลานี้สายตาของกาซูฉายแววอำมหิตออกมา พร้อมกับแผดเสียงหัวเราะดังก้องผืนป่า

อ่านต่อวันพรุ่งนี้





กำลังโหลดความคิดเห็น