xs
xsm
sm
md
lg

นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 12

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 12

เช้าวันใหม่...แสงประคองเย็นเข้าห้อง เย็นตัวเปียกปอนทั้งร่างเพราะไปดำน้ำงมหารามจนถึงเช้า เย็นจามไม่หยุดอยู่ในสภาพหมดเรี่ยวหมดแรง แสงผลักให้นอนบนเตียง แล้วถอดเสื้อให้ เย็นเริ่มเป็นไข้หลับตาเพ้อกอดคอแสง

“น้องโรสจ๋า น้องโรสแม่ยอดขมองอิ่มของพี่เย็น มามะมาให้พี่เย็นจุ๊บที พี่เย็นคิดถึ้งคิดถึง”
เย็นจะจุ๊บแสง โดนแสงผลักหัว
“เฮ้ยข้าจะอ้วก นอนดีๆสิโว้ยเดี๋ยวจะหายาให้กิน”
แสงโยนเสื้อเย็นเห็นหน้ากากแลบๆออกมา แสงหยิบกางดู
“นี่มันหน้ากากนี่หว่า ทำไมมันเหมือนผิวหนังคนขนาดนี้วะ” แสงรีบหันไปถามเย็น “แกเอาไอ้นี่มาจากไหนไอ้เย็น”
เย็นปรือตามอง
“ของไอ้รามมัน มันไม่ไห้บอกใคร เอาคืนมานี่”
เย็นคว้ามือไปแต่หมดแรงเพราะพิษไข้มือตก หลับไป แสงตาลุกวาวมองหน้ากาก

ธิดาร้องห่มร้องไห้เขย่าแขนปองธรรม
“คุณพ่อต้องช่วยลูกตามหารามให้เจอนะคะ ลูกหมดหนทางแล้ว ถ้าสูบน้ำให้หมดแม่น้ำได้ ลูกคงทำไปแล้ว”
ปองธรรมยังไม่ทันพูดกับธิดา ลูกน้องปองธรรมวิ่งเข้ามารายงานอย่างเร่งร้อน
“พ่อเลี้ยงครับเรื่องใหญ่แล้ว สายของเราส่งข่าวมาว่า เสี่ยชิตมันยังไม่ตาย ตอนนี้นอนไม่ได้สติอยู่ในห้องไอซียูให้ผมไปจัดการมันเลยดีมั้ยครับ”
ปองธรรมหันไปด่า
“ตำรวจมันจับตาอยู่จะไปให้ติดกับมันหรือไง รอดูไปก่อนมันยังพูดไม่ได้ เราก็อย่าเพิ่งร้อนตัวไป”
“ช่างหัวไอ้เสี่ยชิตมันเถอะค่ะ ตอนนี้คุณพ่อต้องช่วยรามก่อนนะคะ ไม่งั้นหนูจะกลั้นหายใจให้ตายไปต่อหน้าคุณพ่อเลย”
ธิดาเอามือบีบจมูกตนเอง ปองธรรมรีบดึงมือออก
“โอ๋ๆอย่าทำอย่างนี้นะลูก พ่อก็กำลังจะช่วยอยู่นี่ไง” ปองธรรมหันไปสั่งลูกน้อง “กระจายข่าวไปให้ทั่วทั้งพรรคพวกของเราและพันธมิตรทุกแก๊ง ใครหารามเจอฉันมีรางวัลให้ 1 ล้าน”
ลูกน้องตาโตรีบไป สวนกับแสงพอดี
“พ่อเลี้ยงครับ อย่าไปช่วยไอ้คนทรยศเด็ดขาด ผมมีหลักฐานว่ามันเกี่ยวข้องกับพวกสายลับตำรวจ”
ธิดาจ้องแสงจะกินเลือดกินเนื้อ ปองธรรมล็อกสองแขนลูกสาวไว้ ธิดาไม่ยอมพยายามยกขาเตะแสงให้ได้ แสงถอยหลบ
“แกกล้าดียังไงถึงหาเรื่องใส่ร้ายรามอย่างนี้ แกอิจฉาเขาแกกลัวเขาจะได้ดีกว่า ไอ้เลว ไอ้โสโครก”
“แกมีหลักฐานอะไรเอาออกมาดู ถ้ารามมันเป็นอย่างที่แกว่าถึงมันเป็นศพฉันก็จะสับมันให้แหลกเป็นชิ้นๆ” ปองธรรมสั่ง
ธิดามองหน้าแสง
“ใช่...ไหนล่ะหลักฐานที่แกว่า แน่จริงเอาออกมาเลย”
“หลักฐานที่ผมเจอมารับรองว่าคุณเทเรซ่าต้องตะลึงแน่”
แสงล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แต่ล้วงไม่ออกเพราะหน้ากากหลังจากโดนน้ำได้ละลายติดกระเป๋าแสงเป็นที่เรียบร้อย แสงดึงยังไงก็ดึงไม่ออกเพราะเหนียว ปองธรรมจ้องแบมือขอ
“เอ้า...ไหนล่ะ เอาออกมาสิ”
แสงหน้าเริ่มเสียพยายามออกแรงดึงสุดฤทธิ์เห็นเป็นกาวเหนียวๆสีน้ำตาลยาวยืดติดมือออกมาเป็นก้อนๆ แสงเอาอีกมือแกะกาวเลยทำให้มือติดกัน
“เฮ้ยทำไมหน้ากากมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้วะ”
ธิดาไม่พอใจ
“หน้ากากอะไรของแกฉันเห็นแต่กาวเหนียวๆ อี๊ สกปรก”
แสงจ๋อยๆ
“คือมันเป็นหน้ากากที่เหมือนหนังคนมาก ผมเคยเห็นในหนังสายลับ007 พอใส่หน้าใครก็จะกลายเป็นอีกคนไปเลย แต่นี่มันคงโดนน้ำก็เลยละลายอย่างที่เห็น”
ปองธรรมโมโหตะเพิดไล่
“เหลวไหลสิ้นดี ไป...ไปตามหารามให้เจอ ไม่งั้นจะเป่าหัวพวกแกให้แบะ มันสมองทื่อๆจะได้ไหลออกมาเสียบ้าง”
“เป่าพวกมันเลยค่ะคุณพ่อ”
ธิดาส่งปืนยาวให้ ปองธรรมรับมายิงใส่ทันที ทั้งหมดวิ่งหนีกระเจิง ส่วนแสงวิ่งออกไปทั้งที่มือยังติดกาวหนึบ

เช้าวันต่อมา...แผลบนขารามถูกพันผ้าไว้อย่างเรียบร้อย เมขลาซบหลับอยู่ที่ขอบเตียง รู้สึกตื่นขึ้นมายังเห็นรามนอนนิ่งเงียบ เธอลุกไปเขย่าแขนเบาๆ
“คุณราม”
รามนิ่งเฉยไม่รู้สึกตัว เมขลารีบอังหน้าผากถึงกับสะดุ้งรีบหยิบยาแก้ไข้จับคอเขาให้กินยา
“คุณกินยาก่อนนะตัวคุณร้อนยังกับไฟ ไข้คงขึ้นสูงมาก”
ขณะเดียวกันนั้น มือถือของเมขลาซึ่งตกอยู่ที่พื้นข้างหัวเตียงไฟกะพริบมีสายเข้า เทวัญยืนอยู่ที่ระเบียงโรงพยาบาลรอรับสายจากเมขลา แต่เธอไม่รับเสียที
“ทำไมไม่ยอมรับสายนะคุณเม”
เทวัญกดมือถือหาโรส
“ฮัลโหลคุณโรสหรือครับ ผมเทวัญนะ คุณเมอยู่กับคุณหรือเปล่า เขาหายไปสองวันแล้วยังไม่ติดต่อกลับมาเลย ฮัลโหล”
โรสถือกระปุกครีมมือถือแนบที่หู แต่ไม่ได้ฟังเทวัญเลยเพราะด่าอยู่กับลูกค้า
“อะไรกันซื้อไปใช้ตั้งหลายวันแล้ว เพิ่งจะเอามาคืน ทำไมไม่คืนปีหน้ามันเสียเลยล่ะ”
“หลายวันที่ไหนกัน ฉันเพิ่งซื้อไปเมื่อวานนี้เองนะ” ลูกค้าเถียง
โรสยื่นให้ดูข้างในกระปุก
“ควักใช้จนเกือบหมดกระปุก ยังจะหน้าด้านบอกว่าเพิ่งซื้ออีก”
“อะไรนะ แกว่าฉันหน้าด้านหรือ”
ลูกค้าจิกผม โรสไม่ยอมจิกกลับ ต่างคนต่างร้องกรี๊ดๆ เทวัญหูชารีบดึงมือถือออกห่าง เริ่มกังวลที่เมขลาเงียบหายไป
ขณะเดียวกันที่หน้าห้อง จักรยืนที่ประตูห้องทรงวาดกวาดตาซ้ายขวาระวังคนเห็น เตรียมจะผลักประตูตั้งใจเข้าไปจัดการทรงวาด เทวัญกำลังเดินตรงมาแต่ไกลหันไปทักกับพยาบาลเลยไม่ทันเห็นจักร พอหันมาทางห้องอีกที จักรหายไปแล้ว เทวัญเข้าห้องไป จักรแอบหลบอยู่แถวนั้นกดมือถือหาเรืองฤทธิ์
“ผมหาจังหวะลงมือไม่ได้เลยครับคุณฤทธิ์...จะใครเสียอีกก็ไอ้เทวัญเพื่อนนังเมสิครับ มันเกาะติดนังแก่ไม่ห่างเลย”
จักรบอกด้วยความเซ็ง

เมขลาก้มหยิบกางเกงรามที่กองบนพื้นไปซักล้วงของออกจากกระเป๋ากางเกง เจอซองพลาสติกใส่บัตรเอทีเอ็มหล่นจากกระเป๋าเมขลาแกะดูเห็นเป็นสลิปโอนเงินพับอยู่ในนั้น เห็นชื่อที่รามโอนเงินให้เป็นชื่อเธอเอง เมขลาหันขวับไปหาเขาทันที
“คุณคือคนที่โอนเงินให้ฉันใช้หรือ”
เมขลาอึ้งเดินไปมองหน้ารามที่นอนหลับ เธอใจอ่อนยวบเกิดความสับสนไม่เข้าใจ
“คุณเคยคิดฆ่าฉัน แล้วคุณมาคอยช่วยฉันทำไม ฉันไม่เข้าใจ”
วันต่อมา...เมนั่งสัปหงกข้างเตียง ในขณะที่ยกขวดน้ำเกลือในระดับเหนือหัวแทนเสาแขวน รามรู้สึกตัวลืมตามองเมด้วยความซาบซึ้งน้ำใจ เอื้อมมือไปอยากจับมือของเธอ มือของเขาเกือบถึงมือของเธอ แต่เมขลาสัปหงกหัวเกือบทิ่ม รีบนั่งตัวตรงประคองขวดน้ำเกลือไว้ รามรีบชักมือกลับแล้วหลับตา
ผ่านมาอีกวัน...ยงยุทธพยายามติดตามรามจากระบบ GPS จากมือถือของราม แต่บนจอคอมพิวเตอร์ไม่มีจุดแดงๆ ของ GPS จากมือถือของรามอย่างควรจะเป็น
“ผมติดต่อผู้กองไม่ได้แล้วก็ไม่มีสัญญาณ GPS ของผู้กองเลยครับท่าน”
“แล้วคนที่เราส่งไปลงพื้นที่ที่ผู้กองปะทะกับผู้กองภาคภูมิครั้งสุดท้าย ได้เบาะแสอะไรบ้างไหม” ก้องภพถามอย่างกังวล

เย็นกับลูกน้องที่ออกตามหารามกลับมาที่บ้าน เย็นส่ายหน้าเครียดเพราะหารามไม่เจอ ธิดาโกรธจัดปรี๊ดขึ้นทันที
“พวกแกไม่ตั้งใจหาเขาล่ะสิ”
“พวกผมพยายามแล้วนะครับ แต่เราต้องแบ่งคนไปตามหาคุณเทวัญด้วย”
ธิดาโมโห
“ใครสั่งให้แกไปหาพี่เทพ ฮึ ไอ้โง่”
“พ่อเอง” ปองธรรมที่เดินเข้ามาพอดีบอก
ธิดามองพ่อไม่พอใจ
“ทำไมคุณพ่อทำแบบนั้น”
“เพราะเทพยังอยู่ ส่วนราม พ่อไม่แน่ใจ”
ธิดา อึ้งไป แสงรีบเสริม
“ไอ้รามทั้งถูกยิง ทั้งตกน้ำ ผมว่าคงรอดยากแล้วล่ะครับ”
ธิดาตวาดลั่น
“หุบปาก” ธิดาหันไปหาพ่อสายตามุ่งมั่น “แต่หนูไม่ยอมถอดใจง่ายๆ หรอกค่ะ หนูจะหารามให้ได้คอยดู”
ธิดาเดินออกไป แสงรีบเสนอตัวทันที
“ให้ผมตามคุณเทเรซ่าไปไหมครับ”
“ไม่ต้อง แกไปจัดการเรื่องคุณเทวัญต่อเถอะ”
ปองธรรมนิ่งเครียดคิดถึงลูกเหมือนกัน

เทวัญมาหาโรสที่ร้าน แล้วถามอย่างกังวล
“คุณไม่ได้ข่าวเมเลยหรือ จะเป็นไปได้ยังไง ก็เขาบอกว่าจะมาช่วยคุณขายของ”
โรสแปลกใจ
“เปล่านี่คะ ตั้งแต่แม่บุญธรรมมันเดี้ยง มันก็หายหัวไปเลย”
“แล้วเขาไปไหน ญาติก็ไม่มีแถมกำลังท้องกำลังไส้”
โรสตาโต
“เมท้อง!”
เทวัญอึ้ง ไม่อยากพูด ตัดบทไป
“ถ้าคุณเจอคุณเม รีบโทรบอกผมเลยนะครับ”
โรสพยักหน้างงๆ เทวัญออกไป
“ค่ะ...” โรสครุ่นคิด “เอ๊ะ แล้วนี่นังเมมันท้องกับใครคะ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย คุณเทวัญๆ อย่าเพิ่งไปกลับมาก่อน”
โรสรีบตามแต่ไม่ทัน
“แบบนี้ฉันก็ไม่รู้สิว่านังเมมันท้องกับใคร”
โรสยืนเซ็ง ขณะเดียวกันลูกน้องปองธรรมสะกดรอยตามมาแอบดูโรสอยู่

เช้าวันใหม่...รามฝื้นขึ้นมาอาการดีขึ้น เขยกไปที่หน้าห้องน้ำ เมขลารีบเข้ามา
“นี่คุณลุกขึ้นมาเองทำไม จะทำอะไรก็บอกฉันสิ”
“ผมจะไปฉี่ คุณฉี่แทนผมได้หรือเปล่าล่ะ” รามยังกวนประสาท
เมขลาไม่อยากถือสา จะปลดกระดุมกางเกงให้ รามสะดุ้งรีบจับขอบกางเกงไว้
“เฮ้ย คุณจะทำอะไรของคุณ”
“อ้าว...ก็คุณบอกว่าปวดฉี่ ฉันก็เลยจะถอดกางเกงให้”
“ผมก็ลืมไปว่าคุณอายผู้ชายไม่เป็น”
“กับคนนิสัยเถื่อนๆอย่างคุณฉันไม่จำเป็นต้องอายหรอก รูดซิบลงมาสิ หรืออยากจะให้ฉันทำให้”
“ไม่ต้องมาขู่ คุณถอยไปห่างๆเลย อย่ามาแตะโดนตัวผม”
“หนึ่ง...สอง...ถอดไม่ถอด ไม่งั้นฉันถอดนะ สาม”
รามแกล้งกลับทำเป็นจะถอด
“ได้...อยากเห็นนักเหรอ...มาดูเลย ดูให้เต็มตา...โอ๊ย”
รามเจ็บขาจนเซ เมขลาถลาเข้าไปจับสองแขนไว้ไม่ให้ล้ม จนปากรามจูบเข้าที่ปากเธอพอดิบพอดี ทั้งคู่ตัวแข็งจูบค้างอยู่อย่างนั้น เมขลาสะดุ้งก่อนรีบผละออก รามใจหวิวแต่แกล้งโวยวายห่ามๆ
“ผู้หญิงอะไรปากจืดชืด ไม่มีรสชาติเอาเสียเลย”
รามรีบกะเผลกเข้าห้องน้ำปิดประตู เมขลาฉุนตะโกนใส่ประตู
“แล้วนายล่ะ ไอ้คนปากเหม็น ไม่ได้แปรงฟันมากี่ชาติแล้วล่ะ”
เมขลาเขินจับปากตัวเอง...รามยืนพิงประตูในห้องน้ำ รีบเป่าลมใส่มือแล้วดมๆ
“ปากเหม็นจริงหรือวะ”
รามดมแล้วไม่เหม็น อมยิ้มเคลิ้มมีความสุขเมื่อนึกถึงตอนจูบกับเมขลา แต่แล้วก็หน้าเครียดเมื่อนึกถึงงาน

ขณะที่เมขลาอยู่ในครัว รามมองหาอะไรสักอย่างแล้วตะโกนถาม
“คุณเม คุณเอาเสื้อผ้าผมไปไว้ไหน”
“ฉันซักให้แล้วอยู่ในตะกร้า แต่คุณยังใส่ไม่ได้หรอกนะต้องรีดก่อน”
รามกะเผลกไปที่ตะกร้าเสื้อผ้าใกล้ตัว หยิบกางเกงขึ้นมาค้นๆหานาฬิกาสื่อสารเพื่อติดต่อกับก้องภพ แต่ไม่เจอ”
“นาฬิกาสื่อสารหายไปไหนวะ”
เมขลาถือชามโจ๊กออกมา เห็นรามพยายามประคองตัวเดินตรงไปทางประตูก็ตกใจรีบวางชามโจ๊กวิ่งถลาไปหา
“คุณจะไปไหน ฉันบอกกี่หนแล้วว่าอย่าเดินเอง หัดฟังกันบ้างได้มั้ย”
รามดันเธอให้หลบทาง
“คุณมาทำดีกับผม คิดหรือว่าผมจะโง่เชื่อว่าคุณทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีวัน ถอยไป ผมจะออกไปข้างนอก”
เมขลาเท้าเอวเหมือนไล่
“เอาสิ...เก่งนักก็ไปเลย”
เมขลาฉุนๆเดินกลับเข้าไปในห้องนอน รามหันไปมองสงสารเธอเหมือนกัน แต่กะเผลกต่อไปที่ประตู
ได้ยินเสียงเรียกไว้
“เดี๋ยว”
รามชะงักหันไป เห็นเมขลาเดินกลับเข้ามาพร้อมไม้เทนนิสของรุจ หน้าตาเอาเรื่อง รามมองไม้เทนนิส แกล้งยั่ว
“โอ้โห นี่คุณจะชวนผมเล่นเทนนิสแต่เช้าเลยหรือจ๊ะ”
เมขลาเดินเข้าไปหา
“ถ้าคุณเดินไปอีกก้าว ฉันจะตีขาคุณให้หักเป็นท่อนๆเลย เอาให้มันพิกลพิการไปตลอดชีวิตไม่เชื่อก็ลองดู”
เมขลาเงื้อไม้เทนนิสตั้งท่าขู่ รามกลืนน้ำลาย
“คุณเป็นโรคลมบ้าหมูหรือไง ถึงคิดจะทำอะไรบ้าๆ”
เมขลาโพล่งออกมาด้วยความโมโห
“ใช่ฉันบ้า ฉันบอกแล้วไง ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อคุ...”
รามฟังไม่ชัด
“เพื่ออะไรนะ”
เมขลาไม่กล้าพูดความในใจ อึกอักๆ
“เพื่อลูก”
คำว่าลูกทำให้รามชะงักไปอ่อนลง
“โอเค...ผมจะยอมฟังคุณสักครั้งเพื่อลูก แต่คุณต้องไปหาซื้อหนังสือพิมพ์มาให้ผมที”
“อยากได้แค่หนังสือพิมพ์ก็ไม่ยอมบอก”
เมขลาโล่งใจเข้าไปประคองเขามานั่งที่โต๊ะอาหาร แล้วเดินไปที่ประตูก่อนจะหันมาชี้หน้าขู่
“คุณนั่งอยู่ตรงนี้นะ ถ้าลุกไปไหนอีกที ฉันเอาจริง”
เมขลาออกไปปิดประตูปัง รามค่อยๆลุกมองประตู แน่ใจว่าเมไปแล้วแน่ กะเผลกๆไปด้านในเพื่อหานาฬิกา...เขาค้นที่โต๊ะและใต้โต๊ะ ดึงลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งออกมา รื้อๆจนเจอนาฬิกาสื่อสารวางอยู่ หยิบมาอย่างดีใจพยายามโทรออก
“เมย์เดย์ๆ”
เงียบไม่มีเสียงใดๆเพราะนาฬิกาพังเสียแล้ว รามเซ็งมากโยนนาฬิกาทิ้งถังขยะหันไปหาโทรศัพท์บ้าน

ก้องภพหยิบมือถือขึ้นมา จะโทรหาตาลแล้วลังเล
“ถ้าโทรไปบอกตาลว่ามาถึงกรุงเทพฯ จะโดนด่าหรือโดนยิงวะ”
ก้องภพคิดๆ ทันใดนั้นมีเสียงมือถือเข้า ก้องภพสะดุ้ง
“คิดถึงเมีย...เมียก็โทรหาเลยหรือวะเนี่ย” ก้องภพกดรับสาย “ฮัลโหลๆ”
“ผมเองครับท่าน”
ก้องภพงง เล็กน้อยยังมึนอยู่
“ผม...ผมไหน นี่คุณเกลียดผมจนหนีไปแปลงเพศเลยหรือตาล”
รามอึ้งบ้าง
“ผมรามไงครับท่าน...รามสูร”
ก้องภพดีใจ นึกได้
“ราม! นั่นนายหรือ เป็นยังไงบ้าง”
“ดีขึ้นมากแล้วครับ แล้วนี่เรื่องเสี่ยชิตไปถึงไหนแล้ว ผมดูข่าวแต่จับความอะไรไม่ค่อยได้”
“มันรอดตายแล้วแต่ยังไม่ยอมคายอะไรออกมา เราเลยต้องปิดข่าวเงียบ บอกว่ามันโคม่าไปก่อน แล้วนี่นายอยู่ที่ไหน ให้ฉันส่งคนไปรับมั้ย”
รามอึกอักอยากอยู่กับเมขลาต่อ
“ไม่เป็นไรครับ ผมยังอยากพักต่ออีกสักสอง-สามวัน พอหายดีแล้วผมจะรีบไปหาท่าน”
ก้องภพรู้สึกแปลกๆ หันไปหายงยุทธ
“ดาบ แกะเบอร์นี้ให้ผมที ว่ารามโทรมาจากที่ไหน”

ภาคภูมิเดินสวนกับสายตำรวจท่าทางผอมโซติดยา ทั้งคู่หยุดเดิน คุยกันไม่มองหน้า กระซิบกันแบบเบาๆ
“มีข่าวอะไรบ้าง”
“จะมีการปล่อยยาล็อตใหญ่เร็วนี้ๆ แต่ยังไม่รู้ว่าที่ไหน เพราะตั้งแต่ไอ้เสี่ยชิตถูกซิว ทุกแก๊งก็ระวังตัวแจ หาข่าวโคตรยาก”
ภาคภูมิยัดเงินใส่มือสายตำรวจ แล้วเดินสวนกันไป ชณะเดียวกันนั้น เมขลาวิ่งข้ามถนนไปฝั่งภาคภูมิเพื่อไปที่ร้านหนังสือพิมพ์ไม่ทันระวัง เสียงรถเบรกอย่างแรง เมขลาหันไปผงกหัวขอโทษก่อนข้ามถนนไป ภาคภูมิได้ยินเสียงเบรกรถหันไปมอง เห็นเมขลาวิ่งผ่านไปที่ร้านหนังสือพิมพ์
“ผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว...”
ภาคภูมิมองตามเมขลาไปอย่างสงสัย

เมขลาถือหนังสือพิมพ์เดินออกจากลิฟต์ แล้วชะงักเมื่อเห็นรามเดินออกมาจากห้อง
“นี่คุณฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเลยใช่มั้ย บอกว่าอย่าเดิน อย่าเดินถ้ามันเกิดอักเสบขึ้นมาอีก ฉันไม่มานั่งดูแลคุณแล้วนะ”
“ผมเห็นคุณหายไปนาน ก็เลยออกมาดู ทำโวยวายไปได้”
เมขลานึกว่ารามห่วง
“คนใจดำอย่างคุณก็ห่วงคนอื่นเป็นเหมือนกันเหรอ”
รามปากแข็ง
“อย่าสำคัญตัวผิด คนที่ผมห่วง นี่ อยู่ในท้องคุณต่างหาก ไหนล่ะหนังสือพิมพ์”
เมขลาส่งให้อย่างกระแทกกระทั้น
“แล้วทีหน้าทีหลัง ทำอารมณ์ให้มันสดใสหน่อย ฉุนเฉียวง่ายอย่างนี้ จะพลอยทำให้ลูกผมเป็นคนอารมณ์ร้ายไปด้วย” รามก้มไปพูดกับท้องเมขลา “จริงมั้ยจ๊ะลูกพ่อ”
เมขลาหน้าเสีย รามแกล้งกางแขนให้ประคอง เมขลางงๆ
“ทำอะไร”
รามเชิดๆสั่งเหมือนเป็นเจ้านาย
“ก็คุณไม่ให้ผมเดินมาก คุณก็คอยช่วยประคองผมสิ”
เมขลาหมั่นไส้ แกล้งกระชากแขนรามมาพาดคอตัวเอง แล้วโอบเอวพาเดิน รามอมยิ้มโอบเอวตอบ สองคนมองหน้ากันใจหวิว ภาคภูมิ ที่แอบสะกดรอยตามมาห่างๆเห็นรามกับเมขลาเต็มๆ ตา

รามเปิดหนังสือพิมพ์ ดูข่าวพวกเสี่ยชิตกับปองธรรมแล้วพึมพำ
“ไม่เห็นมีข่าวอะไรคืบหน้า”
เมขลาสงสัย
“อยากรู้ข่าวอะไรหรือ”
“เรื่องของผม คุณกินไปเถอะน่า”
รามพูดทั้งที่ก้มหน้าดูหนังสือพิมพ์ เมขลาค้อนใส่พลางยกกาแฟจิบ รามเงยหน้าขึ้นพอดีรีบแย่งถ้วยกาแฟมา
“เอ๊ะ”
รามทำหน้ายักษ์ใส่
“คุณกำลังท้องกำลังไส้ กินกาแฟได้ยังไง นี่กินโจ๊กกับปาท่องโก๋นี่ลูกผมถึงจะได้สารอาหารครบ...เอ...ครบหรือยังหว่า เอาไข่ลวกใส่ลงไปอีกฟองไหม ผมลวกให้”
เมขลารู้สึกผิดที่โกหกเรื่องลูก
“ฉันไม่จำเป็นต้องบำรุงอะไรหรอก”
รามนึกว่าเมขลาดื้อ
“ถ้าไม่อยากกินไข่ก็ต้องกินโจ๊กชามนี้ให้หมด ลูกผมหิวแล้วรู้ไหม หรือทำเป็นเล่นตัวเพื่ออยากให้ผมป้อน”
รามทำท่าจะป้อน เมขลาจับมือเขาไม่ให้ป้อน ตาสบกัน
“คุณรามคะ...คือ” เมขลาอยากบอกว่าไม่ได้ท้อง “ถ้าฉันทำอะไรบางอย่างที่ไม่ดีกับคุณ คุณจะพออภัยให้ฉัน เพื่อแลกกับที่ฉันมาคอยปฐมพยาบาลคุณได้มั้ย”
รามโน้มหน้าเข้าหา
“ก็ต้องดูก่อนว่าเรื่องอะไร ว่ามาสิ”
เมขลากลั้นใจจะบอก
“คือฉันไม่ได้...”
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้อง พร้อมกับเสียงภาคภูมิดังแทรกเข้ามา
“เปิด นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
เมขลาเบิกตากว้าง รามก็ตกใจคาดไม่ถึง ที่ภาคภูมิมาที่นี่
“ถ้าไม่เปิด ฉันจะบุกเข้าไปละนะ”
ประตูห้องโดนถีบเปิดอ้าออก รามกระชากเมขลามากอดปกป้อง ภาคภูมิพุ่งเข้ามา
“แกคิดว่าจะหนีฉันพ้นหรือ”
ภาคภูมิหยิบปืนขึ้นจะเล็งขู่ รามหันขวับมองหน้าเมขลาคิดว่าเป็นคนเรียกตำรวจมา
“เมื่อกี้ที่คุณบอกว่าทำอะไรบางอย่างที่ไม่ดีกับผม ก็คือเรียกตำรวจมาจับผมเองหรือ”
เมขลาตกใจเงอะงะพูดไม่ถูก
“ไม่ใช่นะคุณเข้าใจผิดแล้ว”
เสียงภาคภูมิดังกลบเสียงเมขลา
“ไปโรงพักกันทั้งคู่นั่นแหละ ยกมือประสานไว้ที่หัวแล้วหมอบลง” รามถีบโต๊ะกินข้าวใส่ ภาคภูมิเสียหลัก ของแตกกระจาย ภาคภูมิตั้งหลักได้ ยิงรามหลายนัด แต่รามไวมากกลิ้งหลบ กระสุนไปโดนข้าวของที่ตั้งโชว์แตกกระจาย เมขลาก้มหลบหลังเก้าอี้ รามหนีรอดวิ่งออกไป ภาคภูมิตามเหตุการณ์ชุลมุน เมขลายังก้มหมอบอยู่เพราะกลัวโดนกระสุน

ธิดายังไม่ละความพยายาม ที่จะตามหารามเธอขับรถเข้ามาบริเวณคลองเตย อย่างคนเสียใจจนสติแตก
“ไม่ว่ายังไงฉันจะต้องเจอนายให้ได้” ธิดาเริ่มร้องไห้ “ถ้าไม่เห็นศพนายฉันจะไม่มีวันเชื่อว่านายทิ้งฉันไปแล้วจริงๆ ฮือๆนายราม ไอ้คนไม่มีความรับผิดชอบ นายจะทิ้งฉันไปแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันไม่ยอม ไม่ยอม ๆๆ”
ขณะเดียวกัน รามวิ่งหนีภาคภูมิลงไปทางบันไดหนีไฟ เปิดประตูผัวะออกไปด้านหลัง
“อย่าหนีนะโว้ย ฉันบอกอย่าหนีไง”
รามวิ่งหนีออกมาด้านหลังคอนซึ่งเป็นบริเวณคลองเตย เขาพักเหนื่อยเพราะเจ็บขาหันไปมองเห็นภาคภูมิตามมาใกล้
“ไอ้ผู้กองเดนตายมันอยากได้เหรียญกล้าหรือไงวะ เล่นกัดกันไม่ปล่อยเลย”
รามกัดฟันวิ่งต่อ...ขณะเดียวกันนั้น รถธิดาตรงมา รามมัวแต่หันไปมองภาคภูมิอยู่ พอหันกลับมาอีกทีก็โดนรถชนกลิ้งขึ้นมาบนฝากระโปรง ธิดาร้องกรี๊ด ยังไม่รู้ว่าคนที่เธอชนคือราม ภาคภูมิตามทัน
“หยุดนะนี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
ธิดาเปิดประตูออกไป ฟ้องภาคภูมิ
“จับมันเลยค่ะคุณตำรวจ มันตัดหน้ารถฉัน”
รามมองไปเห็นธิดา
“คุณเทเรซ่า !”
ธิดาหันไปมองรามแล้วชะงัก เห็นหน้าชัดก็พูดออกมาเบาๆ
“ราม!”
ภาคภูมิสั่งธิดาเสียงเข้ม
“คุณออกไป...ถอยไป” ภาคภูมิเล็งปืนไปที่ราม “เอามือวางบนหัว แล้วยอมมอบตัวกลับไปกับฉันเสียดีๆ”
ธิดาจำใจเลี่ยงออก รามไม่เห็นทางหนี จำใจยกมือขึ้นบนหัว ภาคภูมิแสยะยิ้ม มั่นใจว่าจับรามได้แน่ ธิดากลั้นใจก้มลง คว้าก้อนหินแถวๆ นั้นปาหัวภาคภูมิ โดนเต็มๆ
“โอ๊ย!” ภาคภูมิหน้าหงายไปหัวแตก “นี่มันอะไรกันวะ”
รามอ้าปากค้าง มองธิดาคาดไม่ถึง
“ขึ้นรถเร็วราม”
ทั้งสองพุ่งขึ้นรถ ภาคภูมิมองแล้วอึ้ง
“เฮ้ย! เดี๋ยว...กลับมาก่อน อย่าหนีนะโว้ย ไอ้สารเลว”
รถธิดาพุ่งออกไป ภาคภูมิวิ่งตามแต่ไม่ทัน มองแค้นๆ
“บ้าเอ๊ย! ทำไมมันดวงดีอย่างนี้วะ”

ภาคภูมิจับเมขลาใส่กุญแจมือ พาเดินเข้ามาในตึกสอบสวนพิเศษของปปส.
“นี่มันอะไรกัน คุณมีสิทธิ์อะไรมาจับฉัน...ฉันทำอะไรผิด”
“มีสิทธิ์ของเจ้าพนักงานไงล่ะ ส่วนเธอ...ก็ทำความผิดฐานให้ที่หลบซ่อนคนร้ายคดียาเสพติด แถมยังช่วยมันหนีไปเสียอีก”
เมขลาใจชื้นโล่งอก
“นี่รามหนีไปได้แล้วเหรอ”
“ไม่ต้องดีใจไปหรอก ผัวเธอน่ะ ยังไงก็ต้องถูกฉันจับได้สักวันแน่ๆ ส่วนเธอ ก็ต้องเข้าไปกินข้าวแดงในคุกเหมือนกันโทษฐานสมรู้ร่วมคิดกันดีนัก”
เมขลาอึ้งไป เริ่มกลัว เดินตามภาคภูมิไป ยงยุทธผ่านมาเห็นพอดีตกใจตาเหลือกรีบไปรายงานก้องภพ
“อะไรนะ ผู้กองภาคภูมิจับเมขลามาที่นี่หรือ” ก้องภพถามอย่างตกใจ
“ครับ...เห็นว่าไปเจอผู้กองรามโดยบังเอิญ แต่จับไม่ได้ เลยจับคุณเมขลามาแทน”
ก้องภพหน้าเครียดหนักใจ
“เมขลารู้เรื่องรามเยอะเสียด้วยสิ”
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีครับท่าน”
ก้องภพคิดๆ

ภาคภูมิเดินมาที่ห้องสอบสวนอย่างมั่นใจ
“เธอกับผัวเธอเสร็จฉันแน่ เมขลา”
ภาคภูมิเปิดประตูห้องสอบสวน แล้วชะงักเห็นในห้องสอบสวนว่างเปล่า ภาคภูมิหันไปหาตำรวจที่เฝ้าหน้าห้อง
“ผู้ต้องสงสัยหายไปไหน”
“มีญาติมาประกันตัวเธอไปแล้วครับ”
“เป็นไปได้ยังไง”
ภาคภูมิจะวิ่งไปตามเมขลาไป เสียงยงยุทธเรียกดังขึ้นเสียก่อน
“ผู้กองครับ”
ภาคภูมิชะงัก หันไปมองเห็นยงยุทธที่เดินเข้ามา
“มีอะไร”

ก้องภพให้ยงยุทธไปตาม ภาคภูมิมาพบเขาที่ห้องทำงาน เมื่อ ภาคภูมิมาถึงก้องภพพูดขึ้นทันที
“ผมอยากให้คุณพักงานที่ทำอยู่ แล้วไปรีดข้อมูลจากเสี่ยชิตให้ได้มากที่สุด”
“ขอผมจับตัวลูกน้องของไอ้ปองธรรม กับเมียมันก่อนได้ไหมครับท่าน ผัวเมียคู่นี้ร้ายมาก รอดมือผมไปได้หลายครั้งแล้ว”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ผมจะโอนให้ทีมบีดูแล”
“แต่...”
“เชื่อผมเถอะ จับปลาฉลามให้ได้ แล้วปลาซิวปลาสร้อยจะตามมาเอง”
“ครับท่าน” ภาคภูมิจำใจรับคำ

ก้องภพลอบสบตายงยุทธโล่งอก ที่หางานให้ภาคภูมิได้ ไม่ต้องไปยุ่งกับเมขลาและรามอีกสักพัก

อ่านต่อหน้า 2








นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 12

เมขลาเดินตามป้าคนหนึ่งออกมาจากโรงพัก หลังจากได้รับประกันตัว ป้ากำลังโบกเรียกรถแท็กซี่

“เดี๋ยวค่ะคุณป้า...ทำไมคุณป้าถึงมาประกันตัวให้หนูล่ะคะ” เมขลาสงสัย
“ก็หนูเคยช่วยชีวิตป้าไว้ ลืมแล้วหรือ”
เมขลางงๆ
“เออ...หนูหรือคะเคยช่วยชีวิตป้า”
“ใช่วันนั้นไง บนเครื่องบินที่บินไปอินเดีย เกิดเหตุการณ์จี้จับคนในเครื่องบินเป็นตัวประกัน ป้าก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น แต่หนูเสี่ยงชีวิตเข้าช่วยป้า ถีบไอ้โจรกระจอกตกเครื่องบินไปเลย สะใจจริงๆ”
เมขลายิ่งงงหนัก
“หนูนะหรือคะถีบโจรตกเครื่องบิน ก็ตายสิคะ”
“จะเหลือหรือหนู อุ้ยป้าต้องรีบไปแล้ว จะบินไปซานฟานต่อ”
เมขลารั้งป้าไม่ทัน ป้าขึ้นแท็กซี่ไปเลย เมขลาตะโกนเรียก
“เดี๋ยวสิคะคุณป้า แน่ใจหรือคะว่าเป็นหนู...เอเราเพิ่งเคยขึ้นบินไปเกาหลีไฟร์ทแรกในชีวิต แล้วไปอินเดียตอนไหน”
เมขลามึนมาก

ธิดาขับรถพารามมาที่บ้าน เย็นพยุงรามไปที่เตียงในห้องนอนแขก ธิดาเดินตามมา
“เดี๋ยวพอเอ็งหายดีแล้ว ต้องบอกข้านะโว้ย ว่าเอ็งพกพระรุ่นไหน ถึงได้หนังเหนียวขนาดตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้แบบนี้ ข้าจะได้ไปเช่ามาบ้าง”
รามยิ้ม ไม่ตอบ ธิดามองๆดุเย็น
“เสร็จธุระแล้วก็ออกไปสิ หรืออยากกินลูกปืนก่อนไป”
“ไม่ล่ะครับ ผมอิ่มแล้ว”
เย็นรีบออกไป รามมองๆก่อนหันไปพูดกับธิดา
“ให้ผมกลับไปอยู่กับพี่เย็นไม่ดีหรือครับ”
“อยู่ที่นี่แหละ ปลอดภัยที่สุดแล้ว”
“แต่พ่อเลี้ยงจะคิดยังไง”
“พ่อไม่ว่าหรอก มีแต่จะดีใจด้วยซ้ำที่นายรอดกลับมาได้”
“แล้วนี่พ่อเลี้ยงอยู่ที่ไหนครับ”
“คุยงานกับหุ้นส่วนรายใหม่อยู่” ธิดามองรามเป็นห่วง “นายยังไม่ได้เล่าให้ฉันฟังเลย ว่านายรอดมาได้ยังไง”
ธิดาเข้าไปนั่งกระแซะ รามคิดๆ แต่ปากก็เล่าไป
“พอดีกระสุนมันไปโดนขา ผมเลยพอมีแรงดำน้ำหนีไปได้...อูย”
รามแกล้งคราง ธิดาหน้าตาตื่น
“เป็นอะไรน่ะ ปวดแผลหรือ”
รามพยักหน้า ธิดาตกใจ
“งั้นรอเดี๋ยวนะ ฉันจะไปเอายาแก้ปวดมาให้”
ธิดารีบออกไป รามรีบลุกขึ้น เลิกแกล้งเจ็บ คิดๆ
“หุ้นส่วนคนใหม่ ใครกันวะ”

จักรจับมือปองธรรม อย่างยิ้มย่อง
“ขอบคุณพ่อเลี้ยงมาก ที่ให้โอกาสผมร่วมงานกับพ่อเลี้ยง แล้วถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะครับ”
“ขอบใจ...แต่ปัญหาของผม ผมจัดการเองได้”
จักรพยักหน้า ขณะเดียวกันแสงเดินเข้ามา...
“พ่อเลี้ยงครับ”
ปองธรรมหันไปมองแสงอย่างเย็นชา
“แกไม่เห็นหรือว่าฉันกำลังมีแขก”
“ไม่เป็นไรครับ ผมกำลังจะไปอยู่แล้ว”
จักรพยักหน้าให้แสงก่อนไป แสงสบตาจักร รู้สึกดีที่จักรช่วยไม่ให้โดนด่า ปองธรรมมองหน้าแสง
“หวังว่าเรื่องของแกคงสำคัญพอนะ ถึงได้เข้ามาขัดจังหวะ”
“ผมได้เบาะแสคุณเทวัญแล้วครับ”
“เทวัญอยู่ที่ไหน” ปองธรรมถามน้ำเสียงตื่นเต้น
แสงอึกอัก
“เด็กบอกว่ากำลังไปติดแม่ค้าในตลาดนัดน่ะครับ”
ปองธรรมเดือดทันทีทุบกำปั้นลงกับโต๊ะ
“ไอ้ลูกไม่รักดี”
“พ่อเลี้ยงจะให้พวกผมทำยังไงต่อครับ”
ปองธรรมปัดของบนโต๊ะแตกกระจาย
“เรื่องแค่นี้แกไม่รู้หรือว่าต้องทำยังไง”
แสงหลบตา
“ไอ้โง่เอ๊ย นี่ถ้าไม่ติดว่าไอ้รามเจ็บอยู่ล่ะก็ ฉันจะให้มันเป็นคนไปสาธิตให้แกดูแล้ว”
แสงตกใจ
“นี่ไอ้รามยังไม่ตายหรือครับ”

รามแอบอยู่เห็นด้านหลังจักร มองไม่ชัด
“ใครวะ มองไม่ชัดเลย”
รามพยายามจะปีนดู ธิดาเข้ามาทางด้านหลัง
“ราม!”
รามสะดุ้ง จักรได้ยินชื่อรามหันมามองแต่ไม่เห็นราม
“สงสัยหูฝาด ลูกน้องปลายแถวอย่างไอ้รามมันจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
จักรขึ้นรถไป...รามรีบไปหาธิดา
“คุณเทเรซ่า”
“ไหนนายบอกว่าเจ็บแผล แล้วออกมาทำไมตรงนี้”
“ก็ผมเห็นคุณหายมาตั้งนาน เลยตามออกมาดูน่ะ แล้วไหนยาแก้ปวดของผม”
รามโอบธิดาไป แต่พยายามแอบมองไปทางจักรไม่เห็นจักร เห็นแต่รถแล่นออกไปก็เซ็งๆ
“ฉันเอาไว้ในห้อง จริงสิ เมื่อกี้นายยังเล่าไม่จบเลยว่าพอนายหนีตำรวจไปได้แล้วทำไมไม่รีบมาที่นี่”
“ผมไม่อยากให้คุณกับพ่อเลี้ยงเดือดร้อน เลยไปอยู่กับเพื่อนเก่า”
ธิดามองรามชื่นชมขณะที่รามขรึมลง คิดถึงเมขลา

เมขลาเปิดประตูห้องรุจเข้ามาอย่างหงอยๆ เห็นถาดยา ที่ทำแผลรามวางไว้ เธอหยิบมามองสะท้านใจแล้วเดินไปนั่งที่เตียงหยิบหมอนที่เขาหนุนมากอดไว้
“คุณหนีไปถึงไหนแล้วนะ”
เมขลาชะงักเห็นมือถือตกอยู่ข้างซอกหัวเตียง
“ว่าแล้ว ทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงเลย มาหล่นอยู่ตรงนี้เอง”
เมขลารีบหยิบเปิด เช็คสายโทรเข้าเห็น miss call เทวัญ เป็นร้อยครั้ง เมขลากดโทรกลับ หน้าจอดับไปเฉยๆ
“แบตหมดซะงั้น” เมขลาเซ็งแล้วชักกังวลใจ “คุณเทวัญโทรมาตั้งเยอะ แบบนี้ คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย”

ในห้องคนไข้...ทรงวาดลืมตาขึ้นช้าๆ มองรอบๆ
“เม...หนูเม”
เทวัญที่อ่านหนังสือเฝ้าอยู่ข้างเตียงรีบวิ่งลุกไปหา
“คุณแม่...คุณแม่ครับ”
ทรงวาดมองเทวัญไม่คุ้นหน้า
“คุณเป็นใคร แล้วหนูเมล่ะ”
“ผมเป็นเพื่อนเขาครับ คุณเมไปธุระ แต่เดี๋ยวผมโทรตามให้นะครับ”
เทวัญรีบคว้ามือถือมาโทรหาเมขลา สัญญาณติดต่อไม่ได้
“ติดต่อไม่ได้อีกแล้ว” เทวัญบ่นเบาๆ ก่อนหันมาหาทรงวาด “คุณแม่รอก่อนนะครับ”
ทรงวาดพยักหน้าเบาๆ แล้วหลับตาลง เทวัญออกไป...

เทวัญเดินออกมาจากตึก จักร แอบดูอยู่รีบโทรหาเรืองฤทธิ์
“ไอ้เทวัญมันออกไปแล้ว คุณฤทธิ์จะให้ผมทำยังไงต่อ...”
เมขลาเดินผ่านด้านหลังจักรไปไม่เห็นกัน...
“ไม่เป็นไร วันนี้ฉันเพิ่งได้ยาดีมา เขาว่าแค่หยดเดียวก็ทำให้มีอาการเหมือนหัวใจวายแล้ว”
เรืองฤทธิ์ซึ่งขับรถมาถึงลานจอดรถโรงพยาบาลแล้ว ปรายตามองไปที่ขวดใสๆ บนเบาะรถข้างตัว อย่างพอใจ
ทางด้านเมขลา เปิดประตูห้องทรงวาดเข้าไป ทรงวาดลืมตามามองอย่างดีใจ
“หนูเม”
เมขลาถลาเข้าไปกอดดีใจน้ำตาคลอ
“คุณแม่ คุณแม่ฟื้นแล้ว งั้นหนูจะไปบอกอาฤทธิ์นะคะ”
ทรงวาดรีบจับมือเมขลาไว้ ส่ายหน้า
“ไม่...อย่า”
เมขลางง
“ทำไมล่ะคะคุณแม่”
“ฤทธิ์จะฆ่าแม่” ทรงวาดพูดเบาๆ เสียงติดๆขัดๆ
เมขลาตกใจ
“คะ”
ขณะเดียวกันนั้น เสียงประตูเปิด เมขลาหันไปเห็นเรืองฤทธิ์เข้ามา เมขลากระซิบบอกทรงวาด
“อาฤทธิ์มา คุณแม่แกล้งหลับไปก่อนนะคะ”
เรืองฤทธิ์เห็นเมขลารีบกำขวดยาแน่นเซ็ง แต่ฝืนทัก
“อ้าว...หนูเม ไม่เจอกันเสียหลายวันนะ หายไปไหนมา”
“หนู...หนู เอ่อ ไปทำธุระนิดหน่อยน่ะค่ะ แล้วนี่คุณอามาเยี่ยมคุณแม่หรือคะ” เมขลาตอบตะกุกตะกัก
“อาจะมาเฝ้าพี่วาดคืนนี้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนู...หนูตั้งใจจะมาค้างกับคุณแม่อยู่แล้ว คุณ...คุณอากลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
เรืองฤทธิ์ไม่พอใจ
“งั้นก็อยู่ด้วยกันก็แล้วกัน เกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยกัน”
เมขลาอึ้ง ลอบมองทรงวาดหนักใจ เรืองฤทธิ์ทำไม่รู้ไม่ชี้ นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ เมขลาครุ่นคิดในใจ
‘คุณเทวัญ...เวลาสำคัญแบบนี้คุณอยู่ที่ไหนนะ’

แสนนำลูกน้องมาแอบดูที่แผงในตลาด เห็นโรสกำลังจัดร้านอยู่ แสงหันไปบอกเย็น
“นังนั่นไงที่คุณเทวัญมาก้อร่อก้อติกด้วย”
เย็นตาค้างเห็นเป็นโรส
“พ...พี่แน่ใจเหรอ ผิดคนแล้วมั้ง ไม่ใช่คนนี้หรอก”
“แกคิดว่าฉันชอบพูดเล่นหรือไง”
เย็นจ๋อยไป อกหัก แสงตวาด
“ยังไม่รีบไปจัดการอีก ไปสิวะ มัวแต่พิรี้พิไรอยู่ได้”
แสงถีบก้นเย็นออกไป เย็นถลาร้องโหวกเหวกชนแผงเครื่องสำอางของโรสล้ม
“ว้าย...อะไรกันเนี่ย” โรสหันมองเห็นหน้าเย็น “แกอีกแล้วเหรอเนี่ย คิดจะมาหาเรื่องฉันอีกหรือไงไอ้หน้าส้วม”
เย็นโบกไม้โบกมือ
“เปล่าจ้ะ...คือ ผมจะมาเตือนคุณ”
โรสงงๆ
“เตือนเรื่องอะไร”
“เลิกคบกับคุณเทวัญซะ”
โรสงงๆ
“คุณเทวัญ...มาเกี่ยวอะไรด้วย แล้วทำไมฉันต้องเชื่อแกฮึ”
“ถ้าคุณไม่เชื่อผมคุณเดือดร้อนแน่”
“โห...ช่างกล้า นี่แกขู่ฉันหรือ อย่าอยู่เลยไอ้หน้าส้วม”
โรสคว้าไม้ปัดขนไก่มาไล่ตี เย็นรับได้
“เดี๋ยวสิคุณ”
“ไม่ต้องพูดมาก”
โรสตี เย็นสะดุ้ง
“ไม่พูดก็ได้จ้ะ...แต่ ผมหวังดีกับคุณจริงๆ นะ”
เย็นรีบหนีไป
“เดี๋ยวไอ้หน้าส้วมจะหนีไปไหน กลับมาก่อน กลับมาจ่ายค่าทำของฉันเสียเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่ต้องมาทำเนียน” โรสตะโกนเรียกแล้วตามไป
แสงกับลูกน้องที่ซุ่มดูอยู่เห็นเย็นหายไปนานก็สงสัย
“ไอ้เย็นมันทำอะไรวะนั่น...พวกแกไปดูทีสิ”
ทันใดนั้นเสียงเทวัญก็ดังขึ้น
“พี่แสง นี่พี่มาทำไมที่นี่”
แสงอึ้ง หันไปเห็นเทวัญเดินมาจากทางด้านหลัง เย็นเข้ามา หน้าซีดๆ
“พี่...ผมเตือนน้องเขาแล้ว เราไปกันเถอะ”
เทวัญนิ่วหน้า เห็นโรสเข้ามาก็ฉุกคิดได้ โรสพุ่งหาเย็น
“อย่าหนีนะไอ้หน้าส้วม”
เย็นหลบหลังเทวัญ
“ช่วยผมด้วยครับ คุณเทวัญ”
โรสเพิ่งเห็นเทวัญ
“คุณรู้จักไอ้หมอนี่ด้วยหรือ”
เทวัญพยักหน้า
“พี่เย็นทำอะไรคุณ”
“เปล่านะครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเขาเลย”
โรสชี้หน้า
“ไอ้โกหก อย่าบอกนะว่าแกไม่ได้เพิ่งทำร้านฉันพัง แล้วยังขู่ฉันไม่ให้เจอคุณเทวัญน่ะ”
เทวัญโมโหมองพวกแสงกับเย็น
“ทำไมพวกพี่ต้องทำกับเพื่อนผมแบบนี้ด้วย”
“คุณกลับไปถามพ่อเลี้ยงเองเถอะ” แสงบอก
เทวัญนึกถึงพ่อ แล้วเครียด

เทวัญกลับมาที่บ้านเข้าไปหาปองธรรมในห้องทำงาน ปองธรรมมองลูกชายอย่างทั้งรักทั้งแค้น
“นี่ถ้าฉันไม่ให้แสงกับเย็นออกไปตามหาตัวแก ฉันก็คงไม่ได้เห็นหน้าแกอีกแล้วใช่มั้ย”
“คุณพ่อให้คนไปตามผม หรือให้คนไปหาเรื่องเพื่อนผมกันแน่”
“ถ้าแกไม่ริอ่านทำตัวนอกคอก ฉันก็คงไม่ต้องทำแบบนั้น”
“ผมไม่ได้ทำเพราะอยากทำแต่ทำเพราะไม่อยากทำงานสกปรกให้คุณพ่อต่างหาก”
ปองธรรมโมโห
“งานสกปรกที่แกพูดน่ะ เลี้ยงแกกับน้องมานะไอ้เทพ”
“แต่ตอนนี้ผมกับน้องโตแล้ว ดูแลตัวเองได้แล้ว คุณพ่อก็หยุดเสียทีสิครับ เงินทองเราก็มีมากมายจนใช้ไม่หมดไปทั้งชาติ แล้วทำไมคุณพ่อถึงยังไม่เลิกทำบาป”
ปองธรรมฉุนขาด
“นี่แกกล้าสอนฉันหรือ”
“ผมแค่อยากให้คุณพ่อเห็นบุญเห็นบาปตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ใช่ไปเห็นตอนตายไปแล้ว”
“หุบปาก ไม่ต้องมาแช่งชักหักกระดูกฉัน ถ้าแกอยากไปนัก ก็ไปเสียให้พ้น แล้วไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก”
เทวัญอึ้งไป มองพ่อเสียใจที่ไม่รู้สึกเสียที
“งั้นผมลานะครับ”
เทวัญก้มกราบกับพื้น ลาขาด ปองธรรมเมินหน้าหนี

เทวัญเดินไปที่รถ ปองธรรมเรียกไว้
“เดี๋ยว”
ทวัญชะงัก หันมา
“ถ้าแกบอกว่างานของฉันมันทั้งสกปรกทั้งบาป แกก็อย่ามาแตะต้องข้าวของเงินทองของฉัน แกจะได้ไม่ต้องพลอยแปดเปื้อนไปด้วย”
เทวัญตัดใจ คืนกุญแจรถ วางบัตรเครดิต ให้ปองธรรม ธิดาพารามฝึกเดินอยู่อ้าปากค้าง รีบเข้ามา รามหยุดยืนมองห่างๆ
“นี่มันอะไรกันคะคุณพ่อ”
ปองธรรมไม่ตอบ มองลูกชายอย่างผิดหวัง เทวัญก็เงียบไม่พูด ธิดาหันไปหาพี่ชาย
“พี่ทะเลาะกับคุณพ่ออีกแล้วใช่มั้ย ขอโทษท่านเร็วๆ เข้าสิ”
“พี่ไม่ได้ทำผิด ไม่มีอะไรจะขอโทษ”
ปองธรรมยิ่งฟังยิ่งแค้นใจลูก ชักปืนที่พกออกมา รามเห็น รีบเข้าไปจับปองธรรมไว้
“ใจเย็นครับพ่อเลี้ยง ยังไงคุณเทวัญก็เป็นลูกชายท่าน”
ธิดากรี๊ด กอดแขนพ่อแน่น
“อย่านะคะคุณพ่อ อย่ายิงพี่เทพ หนีไปสิพี่เทพ หนีไป”
เทวัญไม่หนี ยอมตาย ยืนหลับตานิ่ง วินาทีแห่งการวัดใจ ปองธรรมเหนี่ยวไก เสียงปืนดังเปรี้ยง ข้าวของที่เทวัญวางคืนไว้ถูกปองธรรมยิงกระจุยกระจาย ทุกคนมองอึ้ง ปองธรรมจ้องตาลูกชาย
“นับแต่วันนี้ไปฉันไม่มีลูกชายอีกแล้ว”
ปองธรรมเดินออกไป ธิดามองพี่ชายอย่างโมโห
“จำไว้นะ ถ้าคุณพ่อเป็นอะไรไป น้องจะไม่ให้อภัยพี่เลย...คุณพ่อขา รอหนูด้วย”
ธิดาวิ่งไปกอดเอวพ่อไว้ เทวัญมองตามแผ่นหลังพ่อไปเสียใจ
“คุณแน่ใจนะว่าคิดดีแล้วที่ทำแบบนี้” รามถามเสียงเครียด
เทวัญยิ้มมุมปากอย่างเยาะ มองหมิ่นราม
“ฉันคิดดีแล้ว แต่นายนั่นแหละคิดดีแล้วหรือ ถึงได้ทิ้งทุกอย่าง ทั้งแม่ เมีย ลูก กับสมบัติพัสถานทั้งหมดมารับใช้คุณพ่อฉันแบบนี้”
รามถอนใจ

เช้าวันใหม่...รามนึกถึงคำพูดของ เทวัญเมื้อวาน ก็นึกถึงแม่ที่นอนไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาล เขาผุดลุกขึ้นคว้าของไปเข้าห้องน้ำแต่งตัว ธิดาเปิดประตูเข้ามา
“จะไปไหนแต่เช้าน่ะ”
รามคิดๆ ก่อนแก้ตัวไป
“ผมได้ยินพี่เย็นบอกว่าเสี่ยชิตยังไม่ตาย เลยจะออกไปสืบดูสักหน่อยว่ามันปูดเรื่องพ่อเลี้ยงออกไปกับตำรวจบ้างหรือเปล่า”
“แต่นายยังไม่หายดีเลยนะ”
รามจูบหน้าผากธิดา
“ก็เพราะยังไม่หายดีน่ะสิ ผมถึงต้องรีบพิสูจน์ตัวเองให้พ่อเลี้ยงเห็นว่าผมคุ้มครองลูกสาวคนเดียวของเขาได้”
ธิดายิ่งกอดรามแน่น
“รู้มั้ย พี่เทพยังไม่เคยห่วงฉันกับคุณพ่อขนาดนี้เลย นายเป็นคนแรกนะ ที่ห่วงเราสองคนพ่อลูกอย่างจริงใจ”
รามพูดไม่ออก เพราะสิ่งที่เทวัญทำคือความห่วงจริงๆ แต่รามห่วงเพราะเล่นละคร

วันต่อมา...รามขับรถออกไปจากบ้านปองธรรม แสงมองตาม
“ไอ้รามมันหายดีแล้วเหรอ”
เย็นผ่านมาได้ยินเข้า ชะเง้อมองด้วย
“อูย มันมีพระดีพี่ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้”
“มันบอกแกแบบนั้นหรือ”
เย็นหัวเราะแห้งๆ
“ผมเดาเอาน่ะไม่งั้นคนอะไรถูกยิงตกน้ำตกท่าปางตายยังรอดมาได้ นี่ถ้าไม่พกพระดีก็ต้องเป็นพวกหน่วยพิเศษแล้วล่ะ แบบหน่วยอะไรนะที่ทีวีเขาเอามาฉายให้ดู ที่ฝึกกันขนาดมัดมือมัดเท้า ยังว่ายน้ำทะเลได้รอบเกาะ หน่วยอะไรวะ พี่รู้มั้ย”
แสงเข้าใจทันที ว่ารามต้องเป็นพวกหน่วยรบพิเศษแน่
“ไม่รู้...แต่อีกไม่นานนี้ฉันคงรู้ว่ามันเป็นใคร”
“มันไหนของเขาวะ ตกลงพูดเรื่องเดียวกันเปล่าวะเนี่ย”
เย็นเกาหัวงงๆ

เรืองฤทธิ์ออกมาจกห้องทรงวาด แอบโทรศัพท์มือถือหน้าห้องมองๆ เข้าไปในห้อง อย่างเครียดๆ
“แกมัวแต่ทำอะไรอยู่ฮึ รู้มั้ยว่านังเมมันเฝ้าอีแก่ตาไม่กะพริบจนฉันทำอะไรไม่ได้เลย”
จักรคุยโทรศัพท์อยู่ในรถที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล
“ผมมาถึงแล้วครับ คุณฤทธิ์ทำตามแผนได้เลย รับรองคราวนี้อีสองคนแม่ลูกนี่เสร็จเราแน่”
ขณะที่เรืองฤทธิ์ออกไปโทรศัพท์นั้น เมขลากับทรงวาดมองชะเง้อไปหน้าห้องมองหาเรืองฤทธิ์ แต่ไม่เห็น ทรงวาดหันมากระซิบ
“แม่ว่าฤทธิ์คงไปทำงานแล้วล่ะ หนูรีบโทรแจ้งตำรวจเลย”
เมขลาพยักหน้า กด 191 ทรงวาดลุ้น ก่อนได้ยินเสียงประตูห้องเปิดทรงวาดมองไปเห็นเรืองเข้ามา รีบสะกิด เมขลาเซ็ง รีบกดสายทิ้ง ลุกลี้ลุกลน
“หนูนึกว่าคุณอาไปทำงานแล้วซะอีก”
เมขลาฝืนยิ้มให้ เรืองฤทธิ์แกล้งทำหงุดหงิด
“ก็กำลังจะไปแล้ว แต่หมอศักดาดันโทรมาเรียกให้ไปดูฟิล์มเอ็กซเรย์ศีรษะพี่วาดด่วน อาเลยต้องมาขอให้หนูไปแทน”
เมขลาลังเล ไม่ไว้ใจ
“หนูจำได้ว่าหมอเคยดูแล้วและบอกว่าไม่มีอะไรนี่คะ”
เรืองฤทธิ์ทำหน้าลำบากใจ
“คุณหมอเพิ่งเห็นรอยร้าวที่กะโหลกน่ะ เลยอยากจะคุยกับญาติคนไข้ก่อน แต่ถ้าหนูไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร”
เรืองฤทธิทำเป้นหยิบมือถือมากด เมขลามองๆ เรืองฤทธิ์แกล้งพูดมือถือ
“หมอศักดาหรือครับ พอดีผมติดงานด่วน คุณหมอรอผมสัก2-3ชั่วโมงได้มั้ยครับ อะไรนะครับ...คุณหมอกลัวว่ามันจะช้าเกินไป...ตกลงพี่วาดเป็นอะไรกันครับเนี่ย”
เรืองฤทธิ์ทำหน้าเครียด เมขลาคิดๆ
“คุณอาคะ งั้นเดี๋ยวหนูไปเองค่ะ”
เรืองฤทธิ์พยักหน้ากับเมขลา
“เดี๋ยวครับหมอ หลานสาวผมจะไปพบหมอเอง” เรืองฤทธิ์ปิดมือถือหันมาพูดกับเมขลา “ขอบใจมากงั้นอาฝากด้วยนะ”
เรืองฤทธิ์ออกไป ทรงวาดลืมตา
“แม่ว่า ฤทธิ์ต้องเล่นลูกไม้อีกแน่ๆ หนูอย่าไปเลย”
“คุณแม่ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ หนูไม่ปล่อยให้เขาทำอะไรคุณแม่ได้ง่ายๆ หรอก”
ทรงวาดพยักหน้า
“งั้นหนูระวังตัวด้วยนะลูก”
เมขลาพยักหน้ารับ ก่อนออกไปอย่างเครียดๆ...เรืองเดินแกมวิ่งไปหาจักรที่แอบอยู่ จักรส่งถุงใส่ผ้าขาวที่รมยาสลบไว้ให้
“นี่ยาสลบที่คุณให้ผมเตรียมมา พอนังเมมันผ่านมาทางนี้ คุณฤทธิ์ก็จัดการได้เลย เสร็จแล้วอุ้มมันไปใส่รถผมนะครับ ผมจะทำให้มันกลายเป็นบุคคลสาบสูญให้เอง”
เรืองฤทธิ์พยักหน้า
“แกเองก็อย่าให้พลาดอีกล่ะ ไม่งั้นเราคงไม่มีโอกาสแล้ว เพราะดูท่าแล้ว อีแก่คงฟื้นเร็วๆ นี้แหละ”
จักรพยักหน้าก่อนจะเดินไป เรืองแอบคอยเมขลาอย่าง ใจจดจ่อ

เมขลายืนสั่งพยาบาลอยู่วอร์ดที่ทรงวาดรักษา
“เดี๋ยวฉันจะไปพบคุณหมอศักดาสักครู่ ถ้ายังไงช่วยแขวนป้ายห้ามเยี่ยมที่หน้าห้องคุณแม่ด้วยนะคะ
พยาบาลพยักหน้ารับ”
เมขลาเดินไปที่ลิฟต์แล้วชะงัก เห็นรามใส่หมวก ใส่แว่นดำออกจากลิฟต์มองๆ ไปที่ห้องทรงวาดท่าทางลังเล
“คุณราม!”
รามสะดุ้ง หันมาเห็นเมขลา รีบหันหลังให้ กดลิฟต์ แต่ลิฟต์ไม่เปิด
“คุณราม นั่นคุณใช่มั้ย”
รามไม่ตอบ ตัดสินใจวิ่งหนีไปทาง บันได เมขลารีบตาม...รามวิ่งหนีลงบันได
“นี่คุณฟังฉันก่อนนะ เรื่องตำรวจน่ะ”
รามไม่รอ กลัวความลับแตกที่ไม่ถูกจับ
“ฉันไม่รู้ไม่เห็นไม่รู้เรื่องด้วยเลย ที่ฉันอยากบอกกับคุณว่า ฉันทำไม่ดีกับคุณไว้ มันเป็นเรื่อง...”
เมขลารีบร้อน ก้าวพลาดลื่นลง
“ว้าย”
รามชะงัก หันมาเห็นเมขลาตกบันไดลงมา เขารีบพุ่งไปรับ
“เม!”
เมขลาตกบันไดมากองที่พื้น เจ็บจุก พูดไม่ออก รามหน้าซีด
“เม...พูดกับผมสิเม...เม...” รามเขย่าตัว “เม...อย่าเป็นอะไรนะ ผมขอโทษ ขอโทษจริงๆ ที่ลืมนึกถึงคุณกับลูกไปเสียสนิท”
เมขลาได้สติ ลืมตามอง
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก แค่จุกเท่านั้น คุณต้องฟังฉันอธิบายก่อนนะ รวมทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับการบาดเจ็บของแม่คุณด้วย”
“เรื่องคุณแม่เอาไว้ก่อน ตอนนี้ลูกของเราสำคัญที่สุด”
เมขลาอึ้งพูดไม่ออก รามยิ่งเครียดอุ้มเธอขึ้น รีบพาเมขลาไปหาหมอ

รามเดินกระสับกระส่าย รอฟังผลอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน หมอรูดม่านเตียงออกมา รามถลาไปหาหมอ เมขลามองอยู่ หลับตาแน่น พูดไม่ออก รู้สึกผิดเต็มที่
“เมียกับลูกผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ”
“ภรรยาคุณไม่เป็นอะไรมาก แต่เรื่องลูกผมคงตอบไม่ได้”
รามตกใจเขย่าหมอ
“ทำไมครับลูกผมเป็นอะไร”
เมขลาเอื้อมมาจับแขนของเขาไว้ ห้ามไม่ให้ทำร้ายหมอ
“คุณราม”
“ว่าไงครับหมอ ทำไมหมอถึงบอกไม่ได้ว่าลูกผมเป็นยังไง”
หมอเซ็งๆ
“ที่ผมตอบไม่ได้เพราะภรรยาของคุณไม่ได้ท้อง”
หมอเดินออกไป รามอึ้งหันมองเมขลาอย่าง ตกใจ เสียใจ และโกรธ เมขลาอึกอักจับแขนเขาไว้วิงวอน
“เอ่อ...คือ...ฉันจะบอกคุณหลายทีแล้ว แต่คุณไม่ฟังฉันเลย”
รามเสียใจ โกรธ แค้น ผลักเมขลาออก
“ไม่ต้องพูดแล้ว พอที ผมมันโง่ไปเองที่ไปเชื่อผู้หญิงเจ้าเล่ห์อย่างคุณ นังจิ้งจอก ก็คือนังจิ้งจอกวันยังค่ำ คุณมันเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจที่สุดเท่าที่ผมเคยพบเคยเจอมาในชีวิต”
รามเดินหนีไปเลย
“คุณราม เดี๋ยวสิคุณราม ฟังฉันก่อน”

เมขลารีบตามแต่สะดุดขาเตียงล้มลงไป รามไม่หันมาเพราะโกรธจัด เมขลาเสียใจพูดไม่ออก แต่พยายามตาม

อ่านต่อตอนที่ 13







กำลังโหลดความคิดเห็น