xs
xsm
sm
md
lg

เพลงรักบ้านนา ตอนที่ 25

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพลงรักบ้านนา ตอนที่ 25

ทวนเหลียวซ้ายแลขวาอย่างระมัดระวัง ก่อนเดินลงมาจากบ้านอย่างรีบเร่ง เพื่อส่งข่าวเรื่องเบาะแสยาเสพติดให้หน่วยเหนือ หมอกแอบซุ่มอยู่ เข้ามาขวางหน้า ทวนสะดุ้งยิ้มแหยๆ
 

“ไอ้หมอก”
“ฉันเอง ไป...กลับ”
หมอกเข้ามายื้อยุด ทวนขืนตัวไว้
“เฮ้ย กลับไปไหน ยังกลับไม่ได้”
“ทำไมล่ะ ฉันไม่ยอมให้พี่ทวนทำยังงี้ กลับไปอยู่วัดกินข้าวก้นบาตร อย่าลืมว่าพี่โตมาได้เพราะข้าวก้นบาตรนะ”
ทวนแกะมือหมอก
“แต่พี่ยังกลับไม่ได้”
“เพราะอะไร เพราะพี่จะเป็นลูกเขยเศรษฐีบุญช่วยหรือ เมื่อก่อนพี่เคยรักศรีแพร พอศรีแพรแต่งงานกับพี่เมิน พี่ก็หันมารักศรีไพร ตอนนี้ความรักของพี่หายไปไหน”
ทวนสลดลง
“หมอก พี่...พี่กลับไปไม่ได้จริงๆ”
“กลับเถอะ กลับไปตอนนี้ยังมีคนให้อภัยพี่นะ พี่หายไปเป็นสิบๆ ปี เขาลือกันว่าพี่ไปติดคุก พอพี่กลับมาคนบ้านนาก็ยังต้อนรับพื่ ขอแค่พี่กลับตัวกลับใจ”
ทวนเครียดไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
“เอ้อ...หมอก...”
“พี่ทวน”
ทวนแกะมือหมอกออก ถอยก้าว แววตาของทวนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“เอ็งกลับไปเถอะ ดูแลหลวงตาท่านดีๆ นะ เอ็งกับไอ้ทอกย้ายไปนอนหน้ากุฏิหลวงตา พี่กลับไปกับเอ็งไม่ได้จริงๆ”
“พี่ทวน ฉันผิดหวังในตัวพี่จริงๆ นะ” หมอก เสียงสั่นเครือ
ทวนตัดสินใจไล่
“ไป...”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงชาริณีดังขึ้น
“คุณทวน อยู่นี่เอง...”
ทวนตกใจรีบไล่หมอก
“ไปซิ...”
หมอกโกรธมองทวนอย่างเจ็บแค้น
“ฮึ พี่ทวน ฉันไม่เป็นพี่เป็นน้องกับพี่อีกแล้ว ไอ้พี่เห็นแก่เงิน...”
หมอกผลุนผลันออกไปด้วยความโกรธ ชาริณีวิ่งลงมาเกาะแขนทวน มองตามหมอกไปอย่างมึนตึง
“พวกเด็กวัดมาตามคุณกลับวัดหรือ อย่าไปนะ...ไอ้ศรีไพรมันคงไม่มีคนช่วยทำนาน่ะซิมันถึงได้อยากได้ตัวคุณกลับไป มันจะเอาคุณไป...หลอกใช้”
“ศรีไพรคงไม่คิดยังงั้นหรอก”
“แล้วมันคิดยังไง ก่อนน้ำท่วมยังทำเป็นไม่ญาติดีกับคุณ แต่พอหลังน้ำลด ก็ให้ไอ้หมอกมาตามคุณกลับไป ฉันไม่ให้คุณกลับไปหรอก”
“ถ้าไม่ให้ผมกลับไป คุณต้องเลิกมันให้ได้นะ” ทวนจ้องหน้าชาริณีอย่างคาดคั้น “คุณทำได้มั๊ย”
ชาริณีหน้าสลดลง

เมินถอยก้าว ชะเง้อมองไปรอบๆตัว แต่ไม่ได้ระวังหลังชนเข้ากับทอก ที่ยืนหน้าบึ้งรออยู่ เมินหันมา ดีใจที่พบทอก
“ไอ้ทอก...”
“ไป กลับ”
ทอกหน้าบึ้งตึงกระชากแขนของเมิน
“กลับไปไหน”
“กลับไปกินข้าววัด เสื้อผ้านี่ หมวกนี่ กางเกงนี่ถอดคืนเศรษฐีบุญช่วยไป กลับไปใส่ยูนิฟอร์มเด็กวัด เดินหิ้วปิ่นโตตามหลวงตาดีกว่า”
เมินฝืนตัวไว้
“เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อน ทอก พี่ยังกลับตอนนี้ไม่ได้”
“ทำไม เขาเลี้ยงพี่เอร็ดอร่อยนักหรือยังไง มันก็เงินที่ได้มาจากเลือดเนื้อของชาวนาทั้งนั้น เงินสกปรกนั่นพี่กินลงหรือ”
“เอ้อ...” เมินกระซิบท่าทีลำบากใจ “พี่ยังพูดอะไรตอนนี้ไม่ได้ รักพี่...เอ็งต้องปล่อยพี่ไปก่อน”
ทอกร้องไห้
“ฉันน่ะรักพี่ยิ่งกว่าเมียพี่อีกนะ ฉันถึงได้ห่วงพี่ มาตามพี่กลับวัดยังไงล่ะ”
เมินอึ้งไป
“พี่...”
ทันใดนั้น สไบก้าวเข้ามา น้ำเสียงเย้ยหยัน
“คุณเมินเขาไม่ไปหรอก เขาเบื่อข้าวก้นบาตร กับมุ้งกลิ่นเหม็นสาบของเอ็งไอ้ทอก หนอย...วันก่อนพวกแกตะเพิดฉันออกมาจากวัด แต่วันนี้บังอาจ...” สไบตะโกนเรียก “ไอ้เลิศ ไอ้หลิม”
เมินรีบห้าม
“อย่าครับคุณสไบ...ไปเสียเถอะ ทอก”
“ฮึ ฉันเพิ่งรู้ว่าเศษอาหารของเศรษฐีบุญช่วย ที่เอร็ดอร่อยนักหนาน่ะ...มันเป็นอะไร”
ทอกสะบัดหน้าออกไปอย่างโกรธแค้น เมินมองตามอย่างร้อนใจ ขยับตาม
“ทอก...”
สไบเข้ามาเกาะไหล่ของเมินไว้
“อย่าไปสนใจไอ้ทอกเลยค่ะคุณเมิน มันเดือดร้อนเพราะชาวนากำลังลำบาก ข้าวไม่มีจะกิน นาไม่มีคนทำ มันถึงได้พยายามจะดึงคุณกลับไป”
เมินจำต้องนิ่งไป แม้ว่าจะไม่สบายใจ

 

ศรีแพร ศรีไพร แสน ก้าวเข้ามาในร้านเจ๊กตง เนี้ยวรีบวิ่งออกมารับหน้าด้วยความดีใจ
“ศรีไพร พี่ศรีแพร ธกส.เขาว่ายังไงบ้าง”
“เขาให้รวบรวมรายชื่อ กับเอกสารสำคัญส่งให้ครบ พวกเราจะได้มีเงินทุนเอาไว้ลงแทนที่จะไปกู้เงินนอกระบบ”
“เดี๋ยวต้องไปป่าวประกาศกับชาวบ้าน ให้เตรียมเอกสารให้พร้อม” ศรีแพรบอก
ทอก และหมอกเข้ามาคนละทาง ต่างยังโกรธแค้นเสียใจกับเมินและทวน
“เสียแรงเสียเวลา เสียความรู้สึก มันเสียไปหมด เสียหมาด้วย” หมอกบ่นอย่างหัวเสีย “ไม่น่าไปเลย รู้ว่ามีแต่เสีย...เสีย...เสียยังงี้ ข้าไม่ไปหรอก!” ทอกบ่นอย่างเจ็บใจ
ศรีไพรกับศรีแพร หันมามองหน้าทอกและหมอก เจ๊กตงถอนใจ
“อั๊วบอกแล้วว่าตอนนี้อาทวนกับอาเมิน อีไปเป็นพวกของเศรษฐีบุญช่วยแล้ว ป่วยการไปงอนง้อให้อีกลับมาเป็นพวกเรา”
เนี้ยวเบ้หน้าชิงชัง
“เกลียด...เกลี๊ยด...เกลียด...เกลียดคนหลายใจ”
ศรีไพรกับศรีแพรหันมาสบสายตากัน แววตาเงียบๆ นิ่งๆ ขณะเดียวกันนั้น สุมิตรส่งเสียงร้องเพลงผ่านเครื่องเสียงมาแต่ไกล แล้วขับรถเข้ามาจอดหน้าร้าน ทุกคนหันไปมอง
“อีนี้นมัสเตท่านผู้ประกอบการ รวมทั้งท่านผู้บริโภค แขกมียาดียาดัง ยาขนานนี้แก้ความเครียด...เอ๊ย...ความเกลียดได้ คนบ้านนามีความจำเป็นต้องรักกันให้มากนะจ๊ะม่วยเนี้ยวจ๋า”
เจ๊กตงจ้องหน้าสุมิตรอย่างหมั่นไส้
“ไอ้แขก หนอยแน่ะ พัฒนาไม่หยุดยั้ง เดี๋ยวนี้ริอ่านใช้หมากอะโหลประชาสัมพันธ์ศูนย์การค้าเคลื่อนที่แล้วหรือวะ”
สุมิตรหันไปหาศรีแพรกับศรีไพร
“อีนี้อาศรีไพร อาศรีแพรจ๋า อีนี้แขกมีบริการสินค้าทุกประเภท”
“ไม่มีอารมณ์จะซื้อ ไป...กลับ”
ศรีแพรกระชากมือของศรีไพรและแสนออกไป ทุกคนมองตามไป
“อีนี้ศรีแพร ศรีไพรเป็นอะไรจ๊ะ”
“จะเป็นอะไรก็แค้นพี่ทวนน่ะซี” ทอกบอก
“พี่เมินด้วย” หมอกเสริม
สุมิตรส่ายหน้า
“อีนี้แค้นทำไม ทำไมไม่มีใครสงสัยว่าพี่เมินพี่ทวนเข้าไปทำอะไร...ทำมะไหร๋ในบ้านเศรษฐีบุญช่วย”
ทุกคนหันมาจ้องหน้าสุมิตรด้วยความสงสัย

 

ค่ำคืนนั้น เมินและทวน ย่องเข้ามาสอดแนมที่กระท่อมผลิตยาเสพติด ทั้งสองคลานซุ่มเข้ามาจนใบหน้าเกือบจะชนกัน ต่างคนต่างอึ้ง
“ไอ้เมิน”
“แกอีกหรือ นี่แกตามสะกดรอยฉันมาใช่มั๊ย”
“แกต่างหากล่ะที่ตามแกะรอยฉัน”
ทันใดนั้น คนเร่ร่อนโผล่พรวดเข้ามาระหว่างทั้งสอง
“ไม่ต้องทะเลาะกัน หลีก...อย่าเกะกะการทำงานของเจ้าหน้าที่”
“เจ้าหน้าที่!”
เมินกับทวนอุทานเบาๆแล้วจ้องหน้า คนเร่ร่อนหยิบบัตรประจำตัวชูขึ้น เมินกับทวนตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่า คนเร่ร่อนคือ พ.ต.อ.รฤก ซึ่งเป็นตำรวจกองปราบปลอมตัวมา
“จะถอยไปดีๆ หรือว่า...”
เมินกับทวน หันมาสบสายตากันก่อนที่จะพยักหน้า พ.ต.อ.รฤก โบกมือให้สัญญานตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาอีกด้านหนึ่ง บุกเข้าไปเพื่อจับคนร้ายที่กำลังผลิตยาเสพติด ทันใด ส่างลองและยาม ยิงต่อสู้กับตำรวจ

บุญช่วยวิ่งนำหน้าชิงชัย หลิมและเลิศ พร้อมปืนลงมาจากบ้านเพราะได้ยินเสียงปืน
“เสียงปืน ไปดูซิว่ามีอะไร”
ชิงชัยหันไปสั่งสมุน
“ไปโว้ย”
ชาริณีเข้ามาเกาะแขนบุญช่วยอย่างหวั่นๆ
“ตำรวจใช่มั้ยพ่อ”
“ยังกล้าถามนะ จะใครล่ะ” สไบกระแทกเสียง
บุญช่วย กวาดตามองหา
“นี่ไอ้ทวนไปไหน”
ทวนวิ่งลงมา อ้าปากหาว แสร้งทำหน้าง่วงๆ
“คุณทวน”
“แล้วไอ้เมินล่ะ” บุญช่วยถามเสียงเข้ม
เมินส่งเสียงทะเล้น รื่นเริง ก่อนเดินบิดขี้เกียจเข้ามา
“อยู่นี่ครับ นอนกอดหมอนอยู่ดีๆ ไม่รู้ใครจุดประทัดไหว้เจ้าเลยตื่นครับ เอ๊ะ...หรือใครซ้อมยิงปืนกลางดึกยังงี้ครับ”
บุญช่วยมองหน้าทวนกับเมิน
“แกกับไอ้เมิน...”
“นอนอยู่ในห้อง ไม่ได้ไปไหนเลยจริงๆ ครับ” ทวนยืนยัน
เมินยิ้มกวนๆ
“ไม่ใช่แมวเมี๊ยวๆๆๆ นะ”
“แกสองคนโอบไปทางด้านหลัง เก็บคนทุกคนที่รอดลูกปืนชิงชัยออกมา” บุญช่วยสั่งเสียงเหี้ยม
ทวนหน้าตื่น
“ฮ้า เก็บหมดทุกคนเลยหรือครับ”
“ใช่ เพราะฉันถือว่ามันเป็นผู้บุกรุก”
ทวนและเมินหันมาสบสายตากัน เป็นเชิงถามว่าจะเอายังไงดี

ส่างลองและยามยิงต่อสู้กับตำรวจ ยามถูกยิงตาย ส่างลองหันหลังกลับ หนีตำรวจ ทวนยืนรออยู่
“จะไปไหน”
“ไอ้ทวน แก...”
“ทำไม ฉันเป็นอะไรวะ เศรษฐีบุญช่วยสั่งให้ฉันมาช่วยแก เอายังงี้...ฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้แกมีที่อยู่สบายๆ มีข้าวกินแล้วก็มีผู้คุ้มกัน...ดีมั้ย”
ส่างลองหน้าตื่น
“แก...แกเป็น...”
ทันใดนั้น พ.ต.อ.รฤก ก้าวเข้ามา ยกปืนขึ้น ท่าทีเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด
“หยุด...”
ทวนหันกลับมา มองปืนในมือพ.ต.อ.รฤก ที่เบนมายังเขา ทวนสะดุ้งรีบยกมือขึ้น
“จับไอ้ส่างลองมัด...เดี๋ยวนี้”
ทวนงงๆ
“มัด”
“เดี๋ยวนี้ ไม่ยังงั้น...ฉันเจาะหัวแกแน่”
ทวนมองสบสายตาพ.ต.อ.รฤก อย่างมีพิรุธ แล้วหันไปหาส่างลอง
“เฮ้ย...ขอโทษด้วยนะโว้ย ฉันต้องมัดแกว่ะ เพื่อความอยู่รอด อย่าคิดเยอะนะ...นะ...นะ...”
ทวนเก็บปืน เดินเข้ามาหาส่างลองรวบมือจะมัด ส่างลองรอจังหวะใช้ศีรษะกระแทกใบหน้าของทวนก่อนพุ่งตัวหนี พ.ต.อ.รฤก ยิงตาม กระสุนถูกไหล่ของส่างลอง แต่ก็ยังวิ่งต่อ พ.ต.อ.รฤกวิ่งตามไป ทวนยังนอนอยู่กับพื้น สะบัดศีรษะอย่างงงๆ

 
ส่างลองวิ่งหนีมาปะทะกับเมินซึ่งวิ่งขึ้นสะพาน ร่างของส่างลองชนเมินกระเด็นไป
“ไอ้ส่างลอง...!”
พ.ต.อ.รฤก วิ่งไล่ยิงตามมา ส่างลองหันซ้ายขวา ก่อนกระโดดลงมาจากสะพาน ร่างของส่างลองร่วงลงสู่พื้นน้ำในความมืด เมินรีบถลันเข้ามาชะโงกดู แต่ก็ไม่พบส่องลางแล้ว
ตำรวจจับทวนและเมินมายืนด้วยกัน ตรงหน้าพ.ต.อ.รฤกที่แกล้งพูดเสียงดัง
“ฉันต้องจับเป็นแกสองคน ถ้าแกให้การที่เป็นประโยชน์กับตำรวจ เราจะกันแกไว้เป็นพยาน แต่ถ้า...แก...ไม่ให้ความร่วมมือกับฉัน...ฉันจะส่งแกเข้า...คุก”
ทวนและเมินหันมาสบสายตากัน
“เนียน...เนียนมาก เนียนไม่มีที่ติ” ทวนกระซิบ
“ถ้ารู้ว่าไม่ใช่ขอทานอาชีพยังงี้ จ้างให้ก็ไม่แบ่งความวัดให้กิน” เมินบ่น
พ.ต.อ.รฤก แกล้งเสียงดังดุ
“ในนามเจ้าหน้าที่กองปราบ ฉัน...ขอจับแกสองคนใส่กุญแจมือ...”
เจ้าหน้าที่กองปราบใส่กุญแจมือทวนและเมิน หลิม เลิศและชิงชัยซุ่มอยู่ทางหนึ่ง จ้องมองมายังทวนและเมินที่ถูกจับ

เช้าวันใหม่ แสนวิ่งเข้ามาส่งเสียงตะโกน
“พี่ศรีแพร...แม่...พี่ศรีไพร มีข่าว”
ศรีไพรวิ่งนำหน้าศรีแพรและสดลงมาจากเรือน
“เสียงปืนเมื่อคืนนี้ใช่มั้ย ข่าวอะไร” ศรีไพรถามอย่างร้อนใจ
สดเสียขวัญ สะดุ้งกลัวเสียงปืนตั้งแต่ครั้งที่สามีถูกยิงตาย
“เมื่อคืนแม่นอนคลุมโปงฟังเสียงปืน เนื้อตัวสั่นไปหมด”
“แม่ ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เสียงปืนน่ะ” ศรีแพรปลอบ
“พี่ถามว่ามีอะไร” ศรีไพรถามเสียงเข้ม
“พี่ทวนกับพี่เมินถูกจับ...” แสนโพล่งออกมา
ศรีไพรกับศรีแพร ต่างตื่นตระหนก

ชาริณีพยายามอ้อนวอนบุญช่วย ขณะที่บุญช่วยและชิงชัยเครียดหนัก เพราะโรงงานผลิตยาเสพติดถูกตำรวจบุกทำลาย
“พ่อ...พ่อต้องประกันตัวคุณทวนออกมานะ เขาถูกจับก็เพราะพ่อ”
“ขืนยื่นหน้าเข้าไปประกันตัว ไอ้ทวน ไอ้เมินตอนนี้มีหวังตำรวจต้องสงสัยแน่ว่าโรงงานผลิตยานั่นเป็นของเรา” ชิงชัยตวาดเสียงดัง
บุญช่วยครุ่นคิด
“ทำไมจ่าสินไม่ส่งข่าวเรา เรื่องตำรวจจากกองปราบ”
“จ่าสินคงไม่รู้ครับนาย เพราะไอ้แก่ขอทานนี่ มันเร่ร่อนขออยู่ในหมู่บ้านตั้งนานแล้ว ที่แท้ก็มาสืบคดีนี่เอง” หลิมบอกแค้นๆ
สไบร้อนใจ เพราะส่างลองเป็นญาติของเธอ
“ส่างลองก็ถูกยิงตกน้ำ ตายหรือเปล่าก็ไม่รู้ ให้จ่าสินออกหาตัวส่างลองเถอะ”
“ไอ้เมิน...ไอ้ทวน มันไปทำอีท่าไหนถึงได้ถูกตำรวจจับ” ชิงชัยบ่นอย่างหงุดหงิด
“คุณเมินเขาไม่รู้ไม่เห็นเรื่องอะไรนะ เขาเพิ่งมาอยู่ใหม่” สไบรีบบอก
“พ่อเป็นคนใช้คุณทวนไปดูพี่ชิงชัยน่ะซิเขาถึงได้ถูกจับ พ่อต้องประกันตัวคุณทวน” ชาริณีเสียงแข็ง
ชิงชัยโมโห
“ไม่ต้องประกัน!”
“ประกัน!” ชาริณีเถียงไม่ยอม
บุญช่วยชักหงุดหงิด
“เฮ้ย หยุดเถียงกันซะที ประกันหรือไม่ประกัน ก็ไม่ต้องกลัวไอ้ทวน ไอ้เมินมันติดคุกหรอก มีจ่าสินอยู่ทั้งคน มันขึ้นอยู่กับจ่าสิน”
ชาริณีเริ่มหวั่นกลัวจ่าสิน บุญช่วยครุ่นคิด
“ข้าสงสัยว่าใครเป็นสายให้ตำรวจ...”

 

ทวนและเมินนั่งกอดเข่าหลับอยู่ในห้องขัง จ่าสินเดินเข้ามา เมินและทวนรีบลุกขึ้นยืน ต่างยังไว้ท่าที มองกันและกัน จ่าสินมองหยัน
“ตำรวจส่วนกลางสอบปากคำแกแล้ว เชื่อว่าแกสองคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แกโชคดีที่เขาเชื่อยังงั้น แกถึงได้ถูกปล่อยตัว”
ทวนยิ้มกวนๆ
“ก็แน่ละ ผมมีหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดคุณชาริณี เหล้าไม่กินบุหรี่ไม่สูบ ลูบแต่หน้าแข้ง จะมีความผิดได้ยังไง”
“ผมก็เหมือนกัน มีหน้าที่เป็นไม้ประดับบารมีเมียท่านเศรษฐี ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่แล้ว”
จ่าสินจ้องหน้า
“แกอย่าโอหังนักนะไอ้ทวน ไอ้เมิน ที่กองปราบเขาไม่เอาเรื่องแกมันแปลก”
ทวน สบสายตาจ่าสินอย่างท้าทายก่อนกระซิบตอบ
“จ่า...ก็เพราะสมุนของเศรษฐีบุญช่วยตายเรียบ ไม่มีใครอยู่เป็นพยานให้ตำรวจเอาเศรษฐีบุญช่วยกับลูกชายเข้าคุก ยกเว้น...”
จ่าสินชะงักไป
“แกหมายถึง...”
“ส่างลอง...ไอ้ส่างลอง...ถ้ามันรอด” เมินตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ร่างของส่างลองนอนคว่ำหน้าอยู่ในคลอง เริ่มรู้สึกตัว ส่างลองกระเสือกกระสนปีนขึ้นมาจากตลิ่งริมคลองด้วยความเจ็บปวดล้มฟุบลง จ่าสินก้าวเข้ามา ส่างลองเงยหน้าขึ้นเห็นแววตาเยาะหยันของจ่าสิน ส่างลองพยายามหนีตายเพราะรู้ว่าจะถูกเก็บ จ่าสินดึงปืนพกจากเอวยิ้มเหี้ยม ยกปืนขึ้นเล็ง ก่อนจะเหนี่ยวไกรฆ่าปิดปากส่างลอง!
 

อ่านต่อ หน้า 2
 










เพลงรักบ้านนา ตอนที่ 25 (ต่อ)

ศรีไพร ศรีแพร และสด ช่วยกันทำงานอยู่ที่ลานหน้าบ้านทุกคนเงียบ กังวล เพราะต่างคิดถึงเรื่องที่ทวนและเมินถูกจับ ต่างมีอารมณ์ห่วงใยแต่พยายามปกปิดความรู้สึกที่แท้จริง

“เป็นอะไรกันไปหมด ตั้งแต่เช้ามานี่ไม่มีใครพูดอะไรเลยหรือ” สดถามอย่างสงสัย “จะให้พูดอะไรล่ะแม่ ไม่เห็นจะมีเรื่องน่าพูดถึง” ศรีไพรตอบนิ่งๆ
“เดี๋ยวฉันจะออกไปหาปลากับแสนแสบนะ” ศรีแพร บอก
ขณะเดียวกันนั้น แสนวิ่งเข้ามาส่งข่าวเรื่องทวนและเมิน
“พี่ศรีแพร พี่ศรีไพร ตำรวจเขาปล่อยตัวพี่ทวน กับพี่เมินแล้วนะ”
ศรีไพรและศรีแพรต่างเมินหน้า สดดีใจวูบหนึ่งเมื่อเห็นลูกหน้ามึนตึงจึงชะงัก
“เมื่อไหร่ ใครเป็นคนไปประกันตัว”
“แม่จะสนใจไปทำไมฮึ ไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อย” ศรีแพรทำเป็นไม่สนใจหันไปสั่งแสนไป “แสนแสบ ไปเอาเบ็ดเอาข้องปลามา อ้อ...เอาปืนไปด้วย”
“พี่ศรีแพรจะไปไหน” ศรีไพรถามอย่างแปลกใจ
“ไปหาปลา ไป...แสน”
ศรีแพรสะพายปืนกับข้องแล้วโยนเบ็ดให้ แสนรับไว้งงๆก่อนวิ่งตามศรีแพรออกไป สดและศรีไพรมองตาม
“แม่ พี่ศรีแพรเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ฉันเดาไม่ถูกเลยว่าตอนนี้พี่ศรีแพรคิดอะไรอยู่”
“แม่ก็เหมือนกัน แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ศรีแพรมันตัดใจจากไอ้เมินได้ คนโลเลอย่างไอ้เมินไอ้ทวน เชื่อมันรอมันก็เสียเวลาเปล่า”
ศรีไพรสลดลง เพราะยังตัดใจจากทวนไม่ได้ เดินกลับไปที่ห้องนอน ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ฉันจะทำให้ได้อย่างพี่สาวฉัน ฉันจะตัดใจจากนาย...ให้ได้”

 

ทวน กับเมินกลับมาที่บ้านบุญช่วย สไบวิ่งนำหน้าแหว่งมาหา...
“คุณสไบของบ่าวขา คุณเมินกลับมาแล้ว”
ทันใด ชาริณีวิ่งตัดหน้าสไบ ไปเกาะแขนทวนด้วยความดีใจ
“เอ๊ะ พ่อยังไม่ได้ส่งคนไปประกันตัวคุณเลย แล้วคุณออกมาได้ยังไงคะคุณทวน”
สไบยิ้มแย้มให้เมิน
“กลับมาก็ดีแล้วละค่ะคุณเมิน คุณคงเหนื่อยคงหิวนะ ไปนอนอยู่ในห้องขังตั้งสองคืน เขาคงเอาผิดคุณไมได้ใช่มั้ยเขาถึงได้ปล่อยตัวคุณออกมา”
“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ครับ”
“คุณสไบของบ่าวขา ขึ้นไปเตรียมอาหารหวานคาวเอาไว้รับรองคุณเมินนะคะ” แหว่งบอกอย่างกระตือรือร้น
ชาริณีหันไปค้อน
“คุณเมินเขากินเป็นคนเดียวเมื่อไหร่ คุณทวนด้วย ดีใจจังเลยค่ะที่คุณกลับมา”
“ต้องกลับมาซิครับ ในเมื่อตำรวจเขาไม่มีหลักฐานอะไรจะจับผม หรือแม้แต่จะสงสัย...” ขณะที่พูด ทวนและเมินมองสบตากันอย่างระแวงว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่!

 

ศพของส่างลองนอนหงาย เลือดเต็มศีรษะและร่างกายอยู่ริมคลอง ขณะเดียวกัน ศรีแพรและแสนคุยกันมาตามทางเดิน
“พี่ศรีแพรไม่สงสัยหรือว่าตำรวจเขาปล่อยตัวพี่ทวนกับพี่เมินออกมาได้ยังไงในเมื่อกระท่อมนั่นใครๆ ก็รู้ว่าเป็นของเศรษฐีบุญช่วย ตำรวจเขาได้ของกลาง ได้เครื่องมือที่ใช้ปั๊มยา ได้เครื่องไม้เครื่องมือครบชิ้นเลยพี่”
ศรีแพรหน้ามึนตึง
“เศรษฐีบุญช่วยคงใหญ่โต คุ้มกะลาหัวสองคนนั่นละมั้งถึงได้ไม่ติดคุก”
“แล้วพี่ว่าตำรวจจะจับเศรษฐีบุญช่วยกับลูกชายมั้ย”
ทันใดนั้น ศรีแพรมองเห็นศพของส่างลอง ชะงักก้าว แววตาตื่นตระหนก
“แสน ดูนั่น...!”
ทั้งสองมองศพของส่างลองหน้าตื่น
 
 

บุญช่วยยิ้มอ่อนโยน แต่ซ่อนความเหี้ยมโหดไว้ในแววตา พ.ต.อ.รฤกนั่งหน้าเครียด สอบปากคำ บุญช่วยตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน ขณะที่จ่าสินยืนฟังอยู่ด้วย

“ผมจะไปรู้ได้ยังไงครับท่านว่ามันเป็นใคร รู้แต่ว่ามันชื่อส่างลอง มาจากไหนก็ไม่รู้มาเช่าที่ทำกินของผม ไอ้ผมมันคนมีที่นาเยอะแยะครับท่านผู้การ ก็อดเมตตากรุณาไม่ได้ บ้านนาเราน่ะ...ใครไปใครมาโดยเสรีครับ ผมจะไปรู้หรือว่ามันเป็นพ่อค้ายา”
พ.ต.อ.รฤก มองบุญช่วยอย่างไม่ค่อยเชื่อในคำพูด
“คุณแน่ใจนะ ว่าคุณรู้จักผู้ตายแค่นั้น”
“เศรษฐีอย่างผม ไม่รู้จะไปรู้จักมักจี่คนเร่ร่อนทำไม ในบ้านนาเรานี่...มีคนเร่ร่อน” บุญช่วยประชดพ.ต.อ.รฤก “เยอะแยะ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร”
“ถ้าคุณยืนยันว่าคุณไม่เกี่ยวข้องกับนายส่างลอง เป็นแค่ผู้ให้เช่าที่ดินผืนนั้น ผมก็จะปล่อยตัวคุณไป คุณเป็นคนเก่าแก่ในบ้านนา ต้องให้เกียรติกันตามสมควรแก่ฐานะ” พ.ต.อ.รฤก หันไปหาจ่าสิน “จ่า...”
“ครับ...”
“ปล่อยตัวเศรษฐีบุญช่วยไป”
บุญช่วยชำเลืองมอง พ.ต.อ.รฤก ยิ้มเหยียดทั้งที่แค้นใจ จ่าสินพาบุญช่วยออกไป พ.ต.อ.รฤก มองตามไปด้วยแววตายิ้มๆ มีเลศนัย
 
 

ศรีไพรวิ่งตามศรีแพรลงมาจากเรือน
“พี่ศรีแพร ฉันว่ามันยังไงอยู่นะ ตำรวจปล่อยตัวพวกของเศรษฐีบุญช่วยทุกคน ทั้งที่หลักฐานก็ชี้ชัดว่าพวกมันใช้กระท่อมนั่นผลิตยาเสพติด”
ศรีแพรเหนื่อยใจ
“หรือว่าบ้านนี้เมืองนี้ จำนนแก่ผู้มีอิทธิพลจริงๆ”
“ไม่จริงหรอกพี่ โลกจะมีแต่คนเลวหรือยังไง มันต้องมีคนดีๆบ้างซีน่ะ”
“คนดีหรือ คนดี...คนที่เราคิดว่าเขาดี แต่เขาก็ทำให้เราผิดหวัง เลิกพูดเรื่องคนดีคนเลวเสียทีเถอะ ถ้าเศรษฐีบุญช่วยจะลอยนวลอยู่นอกคุก พวกเรานี่แหละ...จะเป็นคนจับมันเอง”
ศรีไพรตกใจ
“พี่ศรีแพร พี่จะทำอะไรน่ะ”
“จำเวลาที่น้ำมาได้มั้ย พวกเราช่วยกันสร้างคันกั้นน้ำ จะเอาอยู่หรือไม่อยู่...เราก็ลงแรงช่วยกันทำกำแพงกั้น ยาพวกนี้ก็เหมือนกัน...มันผลิตได้ เราก็ทำลายมันได้...”
ศรีแพรบอกอย่างมีแผนการ

 

หลิมกับเลิศก้าวเข้ามาขวางหน้าวัยรุ่น ที่เคยติดยาเสพติดแต่ได้รับการบำบัดจากหลวงตาแล้ว
“ไม่ซื้อ!” วัยรุ่นเสียงแข็งใส่
หลิมมองกวนๆ
“ไม่ซื้อ...พูดพลาดพูดอีกที พูดผิดพูดใหม่ได้นะไอ้เป้ เจ้าประจำกันมาตั้งหลายปี จู่ๆ จะมาบอกว่าไม่ซื้อ”
“ไม่ได้...ไม่ได้ ไม่ซื้อไม่ได้เดี๋ยวลงแดงไม่รู้ด้วยนะ จะซื้อหรือไม่ซื้อ”
เลิศกระชากคอเสื้อวัยรุ่น ส่งเสียงดุเข้ม วัยรุ่นแผดเสียงใส่หน้าเลิศ
“ไม่ซื้อ!”

 

หมอกและทอกหิ้วปีกของหลิม เจ๊กตงและมหาเฉื่อยหิ้วปีกของเลิศ เหวี่ยงโยนออกไปนอกร้าน แล้วตะคอกพร้อมกัน
“ไม่ซื้อ...”
“ร้านอั๊วไม่ใช่เขตการค้าเสรีของพวกลื้อ ออกไปให้พ้นจากร้านของอั๊ว!” เจ๊กตงส่งเสียงไล่
“ไอ้เจ๊กตง นี่มันเป็นธุรกิจนะโว้ย ธุรกิจ...ต้องมีการซื้อการขาย มีผู้ผลิตก็ต้องมีผู้เสพซิวะ” หลิมเถียง
“ไม่มีใครเขาโง่เสพของเดนตายพวกนี้แล้ว ทุกคนที่เคยตกเป็นทาสของพวกเอ็ง ไปบำบัดที่วัดของหลวงตาฉุนกันหมดแล้ว” มหาเฉื่อยบอกเสียงแข็ง
หมอกมองหน้าหลิมกับเลิศ
“ไม่ซื้อ...ขอบอก!”
ทอกส่ายหน้า
“ไม่ซื้อจริงๆ!”
“ฮึ ไม่ซื้อก็ไม่ขายโว้ย ไปทำธุรกิจที่อื่นก็ได้” เลิศไม่ง้อ
เนี้ยวมองหยัน
“ไม่มีใครในบ้านนาอยากทำธุรกิจกับพวกแกหรอก”
“มีซิวะ...ต้องมี...!”
หลิมบอกอย่างมุ่งมั่น

สุมิตร ขับรถยนต์ขายสรรพสินค้า เปิดเพลงแขกแทนที่จะร้องเหมือนเมื่อก่อน หลิมกับเลิศก้าวเข้ามายืนขวางถนน สุมิตรรีบเบรครถยนต์
“อีนี่ไม่นมัสเตไอ้หลิม ไอ้เลิศ ไอ้คนเส็งเคร็งจ้ะนายจ๋า”
หลิมมองกวนๆ
“เดี๋ยวนี้พัฒนาขึ้นนะ ไอ้แขก แทนที่จะแหกปากร้องไปเต้นไป ขายไปเหมือนเมื่อก่อน นะ...หนอย...ใช้เครื่องช่วย”
“อีนี้แขกมีเครื่องเสียง มีทั้งเพลงของอบิตาบ บาจัน ของอาลี ข่าน มีปัญหาอะไรไม่ทราบจ๊ะ”
“มีซิวะ ไม่มีจะเรียกศูนย์การค้าเคลื่อนที่ของเอ็งหยุดทำไม สนใจจะมีธุรกิจแบบ...แบบ...” เลิศบอก
สุมิตรแปลกใจ
“แบบอะไรจ๊ะนายจ๋า”
“แบบ...ขายตรง” เลิศบอก
“ส่งถึงมือผู้เสพโดยผู้ค้า พัฒนาไปสู่การมีสาขาเพิ่มทั่วราชอาณาจักร อ้า..ขายคล่องเงินดี พ่อแม่มีเท่าไหร่ต้องเอามาประเคนซื้อให้ลูก คนเสพวอดวายคนขายติดคุก” หลิมนำเสนอ
สุมิตรส่ายหน้าโบกไม้โบกมือ
“อีนี้แขกไม่นมัสเตอีกแล้ว สินค้าเสนียดสังคมพวกนี้แขกไม่เอาด้วย...ไม่...ซื้อ...ไม่...ขาย”
เลิศไม่พอใจ
“ไอ้แขก เอ็งรู้มั้ยว่ากำลังปฏิเสธอะไร”
ศรีไพร ศรีแพรและแสนเดินเข้ามา ศรีแพรสะพายปืนยาวของพ่อมาด้วย แสนมีไม้หน้าสาม ศรีไพรมือเปล่า
“ก็ปฏิเสธไม่ขาย...ไม่ซื้อ...ไม่สนยาเสพติด ตามสโลแกนของชาวบ้านนาไง” ศรีไพรบอกเสียงแข็ง
“เอากลับไปให้เศรษฐีบุญช่วยนายของแกไว้ให้ลูกหลานเสพเอง...” นัยน์ตาของศรีแพรวาวโรจน์ไปด้วยความโกรธ “ไป๊...!”

สไบเดินไปมาด้วยท่าทีกระวนกระวาย แหว่งวิ่งขึ้นมากระซิบกระซาบกับสไบด้วยความร้อนใจ
“คุณสไบของบ่าวขา ใช่ไอ้ส่างลองจริงๆ ด้วย ไอ้ส่างลองถูกยิงตาย แต่ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือตำรวจหรือเปล่า”
สไบใจหายวาบรู้สึกเสียใจ
“ส่างลอง...นี่ฉันเรียกส่างลองมาตายถึงที่นี่เหรอ”
“แหว่งได้ยินพวกไอ้หลิมไอ้เลิศมันพูดกันว่า จ่าสินเป็นคนเก็บส่างลองเพื่อปิดปาก เพราะถ้าตำรวจจับเป็นไอ้ส่างลองได้ มันต้องซัดเศรษฐีบุญช่วยกับจ่าสินแน่”
สไบเจ็บแค้นสุดๆ
“ไอ้คนสารเลว!”
“คุณสไบของบ่าวขาจะทำอะไรก็ลงมือทำเถอะค่ะ ตอนนี้ตำรวจจับตาเศรษฐีบุญช่วย เกิดอะไรขึ้นคุณสไบของบ่าวขาจะได้ไม่ติดร่างแห”
“ฉันจะทยอยลำเลียงทองแท่ง ออกมาจากห้องไอ้แก่นั่น แต่ฉันต้องมีคนช่วย”
“คุณสไบของบ่าวขา...”
สไบแผ่วเสียงจริงจัง
“แกต้องเป็นคนดูต้นทางให้ฉัน”

 
ค่ำคืนนั้น สไบลักลอบนำทองแท่งจากใต้เตียง ออกมาผูกใส่ผ้าขาวม้าแล้วหย่อนลงทางหน้าต่าง แหว่งรับไว้ โดยไม่รู้ว่าเมินก้าวเข้ามายืนอยู่ข้างหลัง
“ส่งมาอีกค่ะคุณสไบของบ่าวขา ส่งลงมาเยอะๆ ตอนนี้กำลังปลอดคน โยนลงมาเลยค่ะคุณสไบของบ่าวขา ว้าย...”
“ทำอะไรจ๊ะ สาวใช้ของคุณสไบของบ่าวขา”
แหว่งอึกอัก
“เอ้อ...อ้า...คุณ...คุณเมิน”
“มา ผมช่วย หนักนะ นี่คงจะเป็นของส่วนตัวของคุณสไบของบ่าวขา จะให้เอาไปไว้ที่ไหน”
“ที่...ที่...ที่...”
แหว่งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เมินยิ้มกวนๆ
“ที่ไหนบอก ผมในนามสุภาพบุรุษ ยินดีช่วยผู้หญิงและเด็ก ไม่เว้นแม้แต่...สาวใช้คุณสไบของบ่าวขา”
แหว่งอึกอัก
“อ้า...เอ้อ...”
“แต่ถามหน่อย...ในห่อนี่...อะไรเอ่ย...”
เมินยื่นหน้าเข้ามาทำหน้าทะเล้น แหว่งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ขณะเดียวกันนั้นชิงชัยขับรถยนต์เข้ามาจอด บุญช่วย เลิศและหลิมก้าวลงมา หน้าตาบุญช่วยเครียดหนัก เมินรีบกระชากตัวแหว่งเข้าหลบ
“ไม่มีใครซื้อเลยหรือวะ ไอ้หลิม ไอ้เลิศ คนบ้านนามันอวดดีไม่ซื้อข้าวปลูกไม่ซื้อปุ๋ยเคมีของข้ายังไม่พอ มันยังไม่ซื้อ...”
บุญช่วยนิ่งเครียด หลิมรีบยุยง
“เพราะไอ้ศรีไพรกับนังศรีแพร มันจับคนติดยาไปบำบัดกับหลวงตาฉุนจน หายหมดทั้งหมู่บ้าน ไม่มีคนติดยาก็ไม่มีใครซื้อครับ”
ชิงชัยถอนหายใจอย่างหนักใจ
“รายได้เราตก ปุ๋ยก็ขายไม่ได้ ยาก็ขายไม่ได้ ไหนสาขาจะถูกยุบเพราะถูกตำรวจทลายอีกล่ะ”
บุญช่วยหน้าเครียดหนัก
“ขืนปล่อยให้เป็นยังงี้ต่อไป ฉันตายแน่”
“ข้อสำคัญ...นังศรีแพรมันสั่งให้มาบอกเศรษฐีบุญช่วยว่า...ให้เก็บยาเอาไว้ให้ลูกหลานเสพเอง...ไป๊!”เลิศถ่ายทอดคำพูดของศรีแพร
ชาริณีวิ่งออกมาส่งเสียงอาเจียนอย่างรุนแรงที่ระบียง บุญช่วย ชิงชัย หลิม เลิศจ้องมองไปยังชาริณีด้วยความสงสัย

 
เช้าวันใหม่ ศรีแพร สดและแสนช่วยกันตากข้าวปลูกบนลานดิน
“ตากไล่ความชื้นให้หมดแล้วค่อยเก็บ บ่ายๆ ค่อยขนข้าวปลูกขึ้นไปไว้บนเรือน แม่ไม่ไว้ใจพวกเศรษฐีบุญช่วย พ่อเอ็งยิ่งไม่อยู่”
“ก็ลองมันเข้ามาขโมยข้าวปลูกซิ ฉันจะยิงมันให้ขนหัวตั้งเลย” ศรีแพรบอกเสียงกร้าว
ศรีไพรลงมาจากเรือน
“แม่ ฉันไปอำเภอนะ จะไปประชุมเรื่องเตรียมที่นาตอนน้ำลด เผื่อเกษตรเขาจะมีคำแนะนำดีๆ ให้ชาวนา”
“ฉันไปด้วย”
“ไม่ต้องหรอกแสนแสบ อยู่ช่วยแม่ช่วยพี่ศรีแพรที่บ้านเถอะ พี่จะเอาปืนไปด้วย” ศรีไพรดึงปืนพกที่พกติดเอวขึ้นมาก่อนเก็บ “มั่นใจ๊...มั่นใจ!”
ศรีไพรยิ้มก่อนที่จะขับรถจักรยานยนต์ออกไป
“เมื่อไหร่บ้านนาถึงจะเป็นเขตปลอดคนชั่วนะ ลูกหลานคนบ้านเราจะได้ไม่ต้องพกปืน” สดมองตาม อย่างหวั่นกลัว

 
ศรีไพรขับรถจักรยานยนต์ไปตามถนนสายเล็กๆ ค่อนข้างเปลี่ยว จ่าสินยืนพิงรถจี๊ปรออยู่ ก้าวออกมาขวางทาง ศรีไพรรีบเบรครถจักรยานยนต์
“มีอะไร จ่า”
“มี”
“เรื่องตำรวจที่อื่น มาทลายแหล่งผลิตยา แล้วโบ้ยให้คนต่างถิ่นเป็นแพะแล้วไอ้แพะตัวนั้นมันก็ถูกเก็บ เลยไม่มีโอกาสร้องแม้แต่คำว่า...แบ๊ะๆๆ”
จ่าสินยิ้มมุมปาก
“รู้มั้ยอะไรที่ฉันเกลียดที่สุด”
“อะไร”
“คนรู้มากไงล่ะ”
จ่าสินจ้องหน้าศรีไพรด้วยแววตาเหี้ยม ศรีไพรแตะที่ปืนพก จ่าสินถีบรถจักรยานยนต์ที่ศรีไพรยังยืนคร่อมอยู่ล้มลงไป ปืนในมือของศรีไพร กระเด็นไปก่อนที่ศรีไพรจะกระโดดออกมา จากการถูกรถจักรยานยนต์ล้มทับ ศรีไพรและจ่าสินต่อสู้กัน จ่าสินชักปืนจ่อ ศรีไพรหยุดชะงัก
“นอกจากรู้มากแล้วยังเก่งอีก ไปเก่งที่อื่น อย่ามาเก่งในบ้านนานี่ รู้มั้ยฉันจะส่งเธอไปไหน...”
ศรีไพรตาเหลือก จ่าสินกำลังจะเหนี่ยวไกปืน ทันใดนั้น ร่างของทวนพุ่งลงมาจากต้นไม้เหนือศีรษะ ใช้ศอกคู่สับลงกลางศีรษะของจ่าสินเต็มแรง จ่าสินล้มสลบลงทันที

จบตอนที่ 25
 
อ่านต่อ ตอนที่ 26 วันพรุ่งนี้








กำลังโหลดความคิดเห็น