xs
xsm
sm
md
lg

นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 9

ปองธรรมกอดธิดาอย่างรักใคร่ห่วงใย เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวสุดที่รัก

“พ่อขอโทษที่มัวแต่ทำงาน จนทำให้ลูกเกือบโดนไอ้พวกหมาบ้ามันไล่กัดเอา พ่อสัญญาจะล้างแค้นให้ลูกเอง”
“ดีที่รามช่วยลูกไว้ทันค่ะคุณพ่อ ไม่อย่างนั้นหนูคงตายไปแล้ว”
ปองธรรมมองรามแล้วตบบ่า
“ความกล้าของแกเหมือนฉันตอนหนุ่มๆไม่มีผิด คนกล้าได้กล้าเสียแบบนี้แหละที่ฉันต้องการ ให้ทุกคนดูเป็นตัวอย่างไว้”
ปองธรรมมองไปทางเทวัญ แสง และเย็น
“ส่วนไอ้พวกที่ไม่ได้เรื่อง ทำให้ฉันต้องสูญเงินไปฟรีๆ มันต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะแก”ปองธรรมชี้หน้าเทวัญ “แกทำให้ฉันผิดหวังมาก”
เทวัญพูดไม่ออก รามรีบชิงพูดก่อน
“ผมผิดเองครับ ที่คุ้มกันคุณเทเรซ่าไม่ดีพอ ผมคงไม่มีหน้ากลับไปเป็นบอดี้การ์ดได้อีก พ่อเลี้ยงย้ายผมให้ไปทำงานเป็นกุลีขนสินค้า หรือเป็นคนรับใช้พ่อเลี้ยงก็ได้ครับ”
รามหาทางชิ่งจากงานเดิม ธิดาไม่ยอม เขย่าแขนพ่ออ้อนวอน
“ไม่นะ รามเขาช่วยชีวิตลูก ควรจะได้รางวัลถึงจะถูก”
“พ่อเตรียมจะตอบแทนมันอยู่แล้ว...ฉันจะเลื่อนให้แกไปเป็นผู้ช่วยไอ้แสง” ปองธรรมหันไปพูดกับแสง “แกคอยสอนงานมันด้วย”
รามแอบพอใจ เย็นยกนิ้วให้ แสงหมั่นไส้
“ผมจะทำงานชดใช้ความผิดอย่างเต็มที่ครับ”
“แต่ฉันไม่อนุญาต...ลูกไม่ยอมนะคะคุณพ่อ”
ธิดาแย้ง ปองธรรมไม่อยากจะโต้เถียงอะไรอีก หันไปบอกราม
“ไปขอเขาเองแล้วกัน ถ้าลูกสาวฉันตกลง แกก็เริ่มงานได้”
ปองธรรมเดินออกไป รามหนักใจจะทำไงกับธิดาดี

เช้าวันใหม่...เรืองฤทธิ์เดินออกมาจากบ้าน เตรียมไปทำงาน โดยจักรหิ้วกระเป๋าตามหลัง เมขลาโผล่มาดักหน้าแล้วดึงเรืองฤทธิ์มาคุยด้วยกันตามลำพัง
“หนูรอต่อไปไม่ไหวแล้วค่ะคุณอา เรื่องคุณรามหนูจะจัดการให้เด็ดขาด”
เรืองฤทธิ์นิ่วหน้า
“หนูเมคิดจะทำอะไร ถ้าคิดจะบอกพี่วาด อย่าเชียวนะ”
เมขลามองไปรอบตัวกลัวคนได้ยิน แล้วกระซิบเบาๆบางอย่าง เรืองฤทธิ์ตะลึง
“ถ้าหนูโชคดี หนูจะกลับมาพร้อมกับคุณรามคนใหม่ค่ะ คุณอาอวยพรให้หนูด้วยนะคะ”
เรืองฤทฑิ์จำต้องเออออไปด้วย จับมือเมขลา...
“ดูแลตัวเองให้ดี อารู้สึกติดค้างหนูเมมากมายเหลือเกิน ไม่ต้องห่วงทางนี้ อาจะคอยรับหน้าพี่วาดให้เอง”
เมขลาพยักหน้ารับ แล้วเดินออกจากบ้านไป จักรรีบเดินไปหาเรืองฤทธิ์...
“สะกดรอยตามมันไป ถ้ามีโอกาสก็เก็บมันซะ”
เรืองฤทธิ์สั่ง จักรก้มหัวรับคำรีบตาม

รามพยายามพูดขอร้องธิดา เพื่อให้เขาได้ไปทำงานกับแสง แต่ธิดาไม่ยอม...
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่...ไม่อนุญาต”
“คุณเทเรซ่า อยากเห็นผมเป็นแค่บอดี้การ์ดไปตลอดชีวิตหรือครับ”
“แน่นอน” ธิดาเขี่ยแขนราม “เราจะได้อยู่ใกล้กันทุกนาทีไง”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ ห้ามหือห้ามอือ ทำตามคำสั่งฉันก็พอ”
รามเล่นบทงอน
“ผมคงมีความหมายแค่หมาเชื่องๆตัวหนึ่งของคุณเทเรซ่าเท่านั้นใช่มั้ยครับ ถ้าใช่ ผมจะทำตามที่เจ้าของสั่ง”
รามแกล้งหันหลังเดินหนี ธิดาหน้าเสีย
“นี่ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นสักหน่อย นายราม”
รามเดินพ้นหน้าร้าน เสียงมือถือรามดัง จึงหยิบขึ้นมาดู รามเห็นชื่อเมขลาตัดสินใจรับ
“ฮัลโหล”
เมขลายืนอยู่หน้าสำนักงานเขต ยิ้มออกเมื่อรามรับโทรศัพท์ รีบพูดตามแผนการที่นัดแนะกับรุจไว้ทันที
“ถ้าคุณต้องการใบหย่า ก็รีบมาหาฉันเดี๋ยวนี้”
“ต้องการให้ผมกลับบ้าน ถึงขนาดเอาเรื่องหย่ามาล่อกันเลยเหรอ แค่คุณอ้าปาก ผมก็เห็นไปถึงตับ ม้าม เซี่ยงจี๊ของคุณ ต่อให้อมพระมาพูด ผมก็ไม่เชื่อ”
รามย้อนกวนๆ ธิดาออกมาได้ยินเรื่องหย่าพอดี ชะงักฟัง
“ฉันพูดจริงนะ ตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต ถ้าไม่เชื่อก็ลองมาดูให้เห็นกับตาเลย”
“คุณจะอยู่สำนักงานเขต หรือสวรรค์ชั้นไหน ผมก็ไม่ไป”
ธิดารีบดึงมือถือรามมา แล้วเอามือปิดลำโพงไม่ให้เมขลาได้ยิน
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะยอมให้นายไปช่วยงานคุณพ่อก็ได้แต่มีข้อแม้ว่า...นายต้องเอาใบหย่ามาแลก”
ธิดายื่นมือถือคืนให้ รามลังเลเพราะลึกๆไม่อยากหย่ากับ แต่เมื่อธิดายื่นข้อเสนออย่างนี้ จำต้องรับไว้ เพราะจะได้ทำงานของตัวเองต่อสะดวกขึ้น
ธิดามาส่งรามที่รถ ยิ้มให้อย่างดีใจ
“รีบไปรีบมานะ ฉันจะรอฉลองอิสรภาพให้นาย อย่ามัวอ้อยอิ่งอยู่กับอดีตเมียเก่าล่ะ เพราะอาจทำให้ฉันรมณ์เสีย ลืมข้อตกลงกับนายเอาดื้อๆได้”
“คุณเทเรซ่าวางใจได้ ผมจะรีบเอาใบหย่ากลับมา”
รามยิ้มอย่างให้ความมั่นใจ แล้วขับรถออกไป

รามขับรถมาจอดรถด้านหลังสำนักงาน ยังไม่อยากลงจากรถ เพราะใจนั้นไม่รู้สึกอยากหย่าเลย ทันใดเสียงเมขลาร้องดังขึ้น...
“ช่วยด้วยๆ”
รามรีบลงจากรถ มองไปไกลๆ เห็นเมขลากำลังโดนผู้ชายแย่งกระเป๋าสะพาย เมขลาไม่ยอมพยายามยื้อไว้ รุจซึ่งปิดหน้าด้วยหน้ากากผ้าลายปากยิ้ม แกล้งทำเสียงโหด
“ถ้าไม่อยากตายก็เอามานี่”
“ฉันโดนพักงาน สามีก็ทอดทิ้ง ชีวิตรันทดขนาดนี้ ยังจะมาซ้ำเติมกันได้ลงคอ เอาเลยอยากฆ่าก็ฆ่าเลย ฉันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว”
รามตกใจโพล่งออกไปโดยไม่รู้ตัว
“หยุด ถ้าแกแตะต้องเมียฉัน แกได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มแน่”
เมขลาอึ้งกับคำว่าเมียฉัน มองรามตะลึง
‘…เมีย! นี่เขาห่วงฉันด้วยหรือ ไม่จริง เธอหูฝาดไปยัยเม’
เมขลามัวแต่เหม่อ รุจแย่งกระเป๋ามาได้ แล้วเงื้อมือตบหน้าเมขลาเต็มๆ
“โอ๊ย...นี่แกเล่นสมจริงไปหรือเปล่าไอ้ชำรุด” เมขลากระซิบ
“อ้าวก็แกไม่ยอมเบี่ยงหน้าไปก่อน ยืนเหม่ออยู่ทำไม”
เมขลาหันไปดู เห็นรามวิ่งมาถึง
“ทำตามแผนเลย เร็ว”
รุจชักมีดปลอมออกมาแกล้งแทงที่ท้อง เมขลากุมท้องตัวงอ ล้มลง รามปรี่เข้ามาหา
รุจกอดกระเป๋าเมขลาวิ่งหนี รามจะลุกตาม
“โอ๊ย ช่วยฉันด้วย”
เมขลาดึงมือรามไว้ไม่ให้ตาม เลือดปลอมเปื้อนมือ รามตกใจมองที่ท้องเมขลา เห็นมีเลือดทะลักออกมา รามตาเหลือก
“คุณเม อดทนไว้นะ”
รามห่วงเมขลามาก ถอดเสื้อคลุมออกกดที่แผล เพื่อหยุดเลือดไว้อย่างรวดเร็ว แคล่วคล่อง
“กดผ้าไว้แน่นๆอย่าปล่อยมือ เลือดจะได้ไม่ไหลออกมามาก”
เมขลาทำตาม จ้องหน้ารามรู้สึกซาบซึ้งใจจนบอกไม่ถูก ขณะรามจะช้อนร่างเมขลาขึ้น มีมือคนยื่นมาโปะยาสลบ รามไวมากจับข้อมือของรุจบิดจนผ้าหลุดมือ รุจเลยโถมตัวเข้ากอดรัดรามจากด้านหลังยังกับคีมเหล็ก รามสะบัด
“แกเป็นใครกันแน่ แก๊งไหนส่งส่งแกมา”
“เร็วซี่ยัยเม มาช่วยกันหน่อย”
รุจร้องบอก เพราะจะจับไม่อยู่แล้ว รามงง เมขลารีบหยิบผ้าที่พื้น
“นี่เธอพวกเดียวกันหรือ” รามยิ่งดิ้น
“ฉันขอโทษนะ ฉันจำเป็นต้องทำ”
เมขลาโปะผ้าที่จมูกรามเต็มๆ กดไว้แน่นๆ รามดิ้นรนสูดยาสลบเข้าไปเต็มๆ รามฮึดกระแทกศอกใส่รุจจนตัวงอ ยอมปล่อยมือจากราม
รามกระชากมือเมขลา จ้องด้วยความเกลียด
“เธอ นังผู้หญิงร้อย....เล (เล่ห์)”
รามสมองดับวูบเพราะฤทธิ์ยา ทรุดฮวบเมขลาเข้าไปกอดไว้ได้ทันก่อนล้ม รุจดึงหน้ากากผ้าออก
“เฮ้อ กว่าจะหมดฤทธิ์เล่นเอาฉันหัวใจแทบวาย”
“มัวแต่พูดอยู่ได้ ช่วยฉันหน่อยซิ อู๊ยย ตัวหนักเป็นบ้า”
รุจเข้ามาช่วยเมขลา หิ้วปีกรามไปที่รถของรุจ ขณะที่จักรซุ่มหลบอยู่ในรถ ติดตามดูเหตุการณ์ตลอด รถรุจขับออกไป จักรขับตามห่างๆ


รุจขับรถมาพาเมขลามาที่บ้านสวน ในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นบ้านของรุจที่ซื้อไว้ ทั้งสองคนช่วยกันประคองรามลงจากรถ
“ป้าที่คอยเฝ้าบ้านให้ฉันไปต่างจังหวัดหลายวัน แกอยู่ได้ตามสบาย” รุจบอก
“หมายความว่าแกจะไม่อยู่กับฉันหรือ”
“ฉันต้องรีบกลับก่อน เพราะพรุ่งนี้มีบินแต่เช้ามืด”
รุจส่งรามให้ เมขลาโวยวาย
“แล้วฉันจะรักษาเขายังไง ฉันไม่มีความรู้อะไรสักอย่าง”
“แล้วเวลาแกคิดแผนจับเขา ทำไมไม่คิดถึงเรื่องนี้ด้วย ดีนะที่ฉันรอบคอบเตรียมไว้ให้แกหมดแล้ว”
เมขลาสงสัยว่าเป็นอะไร


เช้าวันใหม่...รามซุกหน้ากับหมอนหนีแสงแดด แต่ไม่ถนัด ติดโซ่ที่ขาหนักๆ
“อะไรวะ”
รามลืมตาง่วงๆ งงๆ เห็นแขนถูกมัดไพล่หลังไว้ ส่วนขาก็โดนโซ่มัดพันเอาไว้ติดกัน
“ยายตัวแสบ!...” รามร้องลั่น
เมขลากำลังต้มยาที้ใส่ในหม้อดิน ในครัวซึ่งเป็นแบบครัวไทย โล่งๆ
“ผมรู้นะว่าคุณอยู่ที่นี่ ออกมานะ”
เสียงรามดังขึ้นอีก เมขลาหันหลังไปเปิดวิทยุฟังเพลง ไม่อยากได้ยินเสียงราม อยากตั้งสมาธิกับการเริ่มต้มยา
“เมขลา !” รามตะเบ็งดังกว่าเดิม
เมหันไปเร่งเสียงวิทยุให้ดังขึ้น แล้วหันไปคนยาในหม้อไม่ขาดมือ เธอไม่รู้เลยว่ามีจุดแสงสีแดงจากปืนเลเซอร์ของจักร อยู่ที่หน้าผาก
จักรยืนอยู่ใต้ต้นมะพร้าว เห็นเมขลายืนคนยาในหมออย่างตั้งใจ
“ลาก่อนคุณเมขลา”
จักรจะกดไกปืน ทันใด ทางมะพร้าวแก่ๆตกลงมาพร้อมลูกมะพร้าว ใส่หัวจักรพอดี
“อ๊ากส์!”
จักรสลบเหมือด เมขลาได้ยืนเสียง ชะงักมองๆออกไปที่นอกบ้าน เห็นทางมะพร้าวตกกระจายที่พื้น แต่ไม่เห็นจักรที่ถูกทับอยู่ เธอจึงหันไปสนใจในหม่อต่อ
“เมขลา! ผมสั่งให้ออกมาไง”
เมขลาหันไปสนใจกับหม้อยาต่อ ใช้ทัพพีตักยาขึ้นดูอย่างพอใจ แล้วปิดวิทยุ
“จะไปเดี๋ยวนี้แล้วค่ะคุณชาย”
เมขลาตักยาใส่กระติกเก็บความร้อน ยิ้มอย่างพอใจ มั่นใจว่าจะช่วยรามให้หายจากอาการติดยาเสพติดได้แน่

รามพยายามดิ้นแก้มัด มองไปเห็นเมขลาถือกระติกรักษาอุณหภูมิเข้ามา ก็โวยใส่
“ผู้หญิงบ้า ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ คุณทำแบบนี้กับผมได้ยังไง ผมไม่ใช่นักโทษของคุณได้ยินมั้ย”
“ได้ยินแต่ถ้าคุณอยากให้ฉันปล่อยคุณไป ข้อแรกคุณต้องเลิกเรียกฉันว่ายายตัวแสบ กับผู้หญิงบ้าเสียที”
“ ผมจะเรียกคุณว่าแม่นางฟ้าพอใจหรือยัง” รามประชด
เมขลารินยาใส่ฝากระติก
“แล้วนั่นอะไร”
“ข้อสอง...คุณต้องดื่มของในกระติกนี่ให้หมด”
เมขลาส่งยาให้ รามเห็นยาข้นคลั่ก มีพรายฟองเดือดปุดๆ มีไอลอยขึ้นมาดูเหมือนยาแม่มด
“คุณเอาอะไรมาให้ผมกินเนี่ย” รามสยอง
เมขลายิ้ม นึกถึงตอนที่รุจยื่นห่อยาสมุนไพรห่อโตให้
‘มันเป็นยาสมุนไพรโบราณ มีสรรพคุณในการถอนพิษยาเสพติดชะงัดนัก’
‘คุณสมบัติสุดยอด แล้วเขาเรียกว่าอะไรเหรอ’
เธอถามรุจ และบอกสิ่งที่รุจบอกมาให้รามรู้ รามสะดุ้งตาเหลือก ทวนชื่อยา...
“ยาถอนราก ถอนโคน!”
“รู้แล้วก็รีบๆ ดื่มซะ”
เมขลาส่งยาให้ รามมองยาแล้วยิ่งคลื่นไส้ เบ้หน้าหนี
“ผมไม่ดื่ม ทำมาจากอะไรบ้างก็ไม่รู้”
“ที่ฉันจำชื่อได้ก็มีแก่นลั่นทม ลูกมะเขือบ้า รากตำแย ลิ้นงูเห่า เกลือเยี่ยว ขี้หมาข้างรั้ว ..”
รามมองยา ด้วยความรู้สึกเต็มกลืน
“เกลือเยี่ยว กับขี้หมาข้างรั้ว! เนี่ยนะคุณคิดจะฆ่าผมหรือไง”
“มันเป็นชื่อสมุนไพรโบราณ ผู้เฒ่าผู้แก่เค้าเรียกกันมาอย่างนี้”
“ไม่อ่ะ ผมไม่เชื่อ ไม่กินเด็ดขาด ผมไม่ได้ติดยา”
“แต่ผลตรวจฉี่คุณเป็นสีม่วง แถมวันนั้นคุณยังเสี้ยนยาจนแทบฆ่าฉัน คุณจะอธิบายว่ายังไง”
“เรื่องผลตรวจน่ะต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ส่วนเรื่องเสี้ยนยาน่ะ...ผมแกล้งคุณเอง” รามจำใจรับ “ทีนี้ก็ปล่อยผมได้แล้ว”
“คุณเล่นละครได้เนียนมาก น่าเสียดายที่ฉันไม่เชื่อ”
เมขลาจ่อยาไปที่ปาก รามทำท่าเหมือนจะกิน แต่เขากลับใช้หัวขวิดถ้วยยาจนหกหมด
“ทีนี้จะปล่อยผมได้หรือ...”
เมขลาคว้ากระติกยาพุ่งเข้าหา บีบจมูกราม
“เฮ้ย คุณทำอะไร ผมหายใจไม่...” รามตาเหลือก พยายามดิ้น
เมขลาได้ทียกกระติกยากรอก รามส่ายหน้าหนี จะสู้ก็ไม่ถนัดมือไพล่หลัง ยาไหลเปื้อนมุมปาก
“ดื่มให้หมด ไม่งั้นสำลักยาตายฉันไม่รู้ด้วยนะ”
รามจำใจกิน อย่างแค้นๆจนหมด
“พอคุณเริ่มคลื่นไส้ เรียกฉันนะ”
รามเค้นเสียง
“ไปให้พ้น ผมเกลียดคุณ ยายแม่มด!”
เมขลาอึ้งหน้าซีด รามเองก็อึ้งแบบพลั้งปากไปแล้ว ต่างคนต่างเมินไม่มองหน้ากัน

เมขลาก้าวออกมาจากห้องท่าทางเข้มแข็ง แต่พองับประตูปิด ล็อคกุญแจคล้องด้านนอก เธอก็ทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง
“ฉันรู้ว่าคุณเกลียดฉัน แต่นี่เป็นทางเดียวที่ฉันจะช่วยคุณได้”
เสียงรามอ้วกดังขึ้น เมขลายกมือไหว้ท่วมหัว
“คุณพระคุณเจ้า ช่วยให้คุณรามรอดวันนี้ไปได้ด้วยเถอะค่ะ”
เสียงรามอ้วกดังขึ้นอีก ดังกว่าเก่า เมขลาสะดุ้งเฮือก
“สู้ๆ นะคุณราม”
“คอยดูนะ ผมออกไปได้เมื่อไหร่ผมจะฆ่าคุ...”
รามด่าไม่จบ อ้วกพุ่งอีก ตามมาด้วยเสียงตึงเพราะตกเตียง
“คุณราม!”
เมขลาไขกุญแจ เปิดประตูผัวะเข้าไปอย่างตกใจ

รามนอนคว่ำหน้าที่พื้น อ้วกจนหมดแรงจนตกเตียง นอนกลิ้งอยู่ข้างๆกระโถนใบใหญ่มากที่ปลายเตียง เมขลาเข้าไปประคองให้ลุกขึ้นนั่ง
“คุณราม คุณเป็นยังไงบ้าง”
รามหลับตาส่ายหน้าไม่ตอบ เมขลาหันไปคว้ากรรไกรมาตัดเชือกที่มัดข้อมือรามออก
“ทีนี้คุณกอดเอวฉันไว้นะ ฉันจะพาคุณขึ้นไปนอนบนเตียง”
รามยกมือขึ้นจะบีบคอ
“ไม่ต้องมาช่วยผม ผมจะฆ่าคุ..อุ๊บ..”
รามจะอ้วกอีก เมขลามองอย่างเข้าใจ ไม่โกรธ รีบเลื่อนกระโถนให้ รามก้มหน้าก้มตาอ้วก เมขลาลูบหลัง
“ดีค่ะ...อ้วกออกมาอีก คุณมาถูกทางแล้ว”
รามเหลือทน เงยหน้าขึ้นปัดมือเธอออก
“ไปให้พ้น อย่ามายุ่งกับผม”
เมขลาฝืนทำใจเย็นทั้งๆ ที่เสียใจส่งขวดน้ำให้
“กลั้วปากเสียสิคะ แล้วก็ดื่มน้ำตามเข้าไปเยอะๆ”
รามมอง ก่อนปัดขวดน้ำตก หกกระจาย
“ผมไม่มีวันกินหรือดื่มอะไรจากคุณอีกแล้ว”
“แต่...ตามตำราเขาบอกว่าน้ำจะช่วยขับยาพวกนั้นออก...”
รามยิ่งเดือด
“ผมไม่สนใจตำราบ้าบอของคุณ ออกไป ก่อนที่ผมจะฆ่า”
เมขลาใจเย็นมาก
“ถ้าคุณต้องการแบบนั้น ฉันก็จะรออยู่แถวหน้าห้อง คุณมีอะไรอยากให้ช่วยก็เรียกฉันได้เลย”
“ออกไป!”
รามตะคอก เมขลารีบแจ้นออกไป รามคลื่นไส้ขึ้นมาอีก ก้มหน้าก้มตาอ้วกจนหมดแรง พับลงไปนอนกองที่พื้น

ธิดาในชุดราตรีสวยงาม นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารสำหรับสองที่ ในห้องอาหารของโรงแรมหรู บรรยากาศเต็มไปด้วยความโรแมนติก เธอจิบพันช์อย่างมีความสุข ก่อนจะหยิบมือถือออกมากดส่งข้อความถึงราม
“ฉันมาถึงแล้วนะคะ รีบๆ มาล่ะ”
ขณะเดียวกันที่ด้านหน้า เทวัญเดินโซซัดโซเซ เพราะดื่มเหล้ามาเยอะแล้ว และจะมาดื่มต่อที่ร้านอาหาร เพราะเสียใจที่ถูกพ่อด่า เย็นตามประคอง เสื้อของเทวัญนั้นยับ และเปื้อนอ้วก แขกของโรงแรมที่สวนมาเบ้หน้า แต่เทวัญไม่สน แต่เย็นเริ่มทนไม่ไหว
“หือ กลิ่นยิ่งกว่าอ้วกหมาอีก คุณเทวัญกลับกันเถอะครับ”
“ไม่กลับโว้ย อยากดื่มอีก พาไปต่อหน่อย วันนี้จะฉลองถึงเช้า”
“ ถ้าอยากเมา ก็กินอยู่บ้านเถอะครับ กินไป อ้วกไปสะดวกดี”
“เฮ้ย ถ้าคออ่อน ก็ไปไกลๆ รำคาญ”
เทวัญสะบัด หัวซุนไป เย็นเซ็ง ยืนเกาหัว
“ตัวเอง คอแข็งมากเลย เฮ้อ”
เทวัญ จะผลักประตูเข้าไปในห้องอาหาร แต่บริกรรีบออกมากันไว้
“เสียใจครับ วันนี้ห้องอาหารของเราปิดบริการ”
เทวัญมองๆ เห็นแต่หลังธิดา ไม่รู้ว่าเป็นน้อง
“ปิดยังไง ก็ผมเห็นๆ อยู่ว่ามีคนนั่งอยู่ในนั้น”
“คุณผู้หญิงคนนั้น เหมาห้องอาหารเราแล้วครับ”
ธิดาได้ยินเสียงแว่วๆ นึกว่ารามรีบหันมา แล้วเห็นเป็นเทวัญ ธิดาแปลกใจ
“พี่เทพ!”
“นี่น้องเองเหรอ ที่เหมาห้องอาหารนี่”
“ค่ะ น้องอยากฉลองให้ราม”
เทวัญขมขื่น
“ฉลองอะไร ที่คุณพ่อจะเลื่อนตำแหน่งให้รามน่ะหรือ”
“เปล่าค่ะ น้องจะฉลองที่รามไปหย่ากับเมียมาต่างหาก พี่เทพจะฉลองกับพวกเราก็ได้นะ”
เทวัญอึ้ง คาดไม่ถึง
“แล้วนี่รามอยู่ไหน”

เมขลาเปิดประตูเข้ามาแอบดูราม เห็นรามอ้วกจนหมดแรงหลับไป จึงเข้าไปประคองรามให้นอนท่าสบายๆ
เสียงมือถือรามดังขึ้น เมขลาหันไปมอง เห็นมือถือรามหล่นอยู่ที่พื้น จึงเข้าไปหยิบมาดู เห็นชื่อเทเรซ่าโชว์ที่หน้าจอ
“ยายทะเลทรายอีกแล้ว ทั้งส่งแมซเซจ ทั้งโทรตาม จะจิกกันไปถึงไหน ยายโรคจิต”
เมขลากดสายทิ้ง กดปิดมือถือ แล้ววางไว้แถวๆนั้น
ทางด้านธิดาที่พยายามโทร แต่สัญญาณติดต่อไม่ได้ ก็หน้าตึง กระแทกมือถือลงกับโต๊ะ
“บ้าที่สุด ทำไมถึงติดต่อไม่ได้นะ”
เย็นลองเดา
“หรือไอ้ราม มันจะไปเจอกับคนของเสี่ยชิต”
ธิดาฟังแล้วใจไม่ดี
“แล้วแกมัวยืนบื้อหาอะไรอยู่ฮึ รีบเกณฑ์คนไปช่วยรามสิ”
เย็นอึกอัก เพราะแค่คิด เทวัญขัด...
“ใจเย็นๆ ยายน้อง เย็นแค่สันนิษฐาน”
“แต่น้องว่าต้องใช่แน่ๆ เพราะไม่อย่างนั้น รามก็ต้องรีบมาฉลองกับน้องแล้ว...ยังไม่รีบไปอีก”
เย็นรีบวิ่งออกไป อย่างไม่รู้ว่าจะไปไหน แต่ขอเผ่นออกไปก่อนจะถูกด่า

รามโทรม อ่อนแรง และหมดสภาพจากการอ้วกหมดไส้หมดพุง เมื่อลืมตาตื่น รีบมองรอบๆ ไม่เห็นเมขลา เขาเริ่มหายจากอาการพะอืดพะอมแล้ว รีบพลิกข้อมือ เห็นไม่ถูกมัด และนาฬิกาอยู่ รามโล่งใจ รีบกดปุ่มจะพูดกับนาฬิกา
“ท่านครับ...”
ทันใดเสียงเมขลาดังขึ้น...
“ตื่นแล้วหรือคะ”
รามสะดุ้งรีบปิดการสื่อสาร แล้วทำเป็นนอนเปลี้ยอยู่ เมขลาเปิดประตูห้องเข้ามายกกะละมังน้ำสำหรับเช็ดตัวเข้ามาให้
“อดทนหน่อยนะคะ ถ้าคุณผ่านวันนี้ไปได้ อีกสี่วันที่เหลือคุณก็สบายแล้ว”
“สี่วัน”
“ค่ะ เหลืออีกแค่สี่วันเอง เราต้องสู้ด้วยกันนะคุณราม”
รามคิดเครียดก่อนจะเอื้อมมือไป บีบต้นแขนเมขลาไว้
“สู้แน่ แต่ตอนนี้ผมอยากทำอย่างอื่นมากกว่า”
เมขลามองไม่ไว้ใจ ควานมือไปในกระเป๋ากระโปรง เตรียมที่ช็อร์ตไฟฟ้าไว้ป้องกันตัว แต่ฝืนทำใจดีสู้เสือ
“คุณอยากทำอะไร”
“ผมอยากเข้าห้องน้ำ คุณพาผมไปห้องน้ำทีสิ”
เมขลาโล่งใจ ปล่อยมือจากที่ช็อร์ตที่ซ่อนไว้

เมื่อรามเข้าไปในห้องน้ำ เขากดปุ่มติดต่อผ่านนาฬิกากับก้องภพทันที
“ท่าน!”
ก้องภพกำลังออกกำลังกายตอบรับ...
“ทำไมเมื่อกี้สัญญาณมันหายไปล่ะ เครื่องมือมีปัญหาหรือ”
“ไม่ใช่เครื่องมือหรอกครับที่มีปัญหา”
“งั้นอะไรวะ”
“ผมถูกยายตัวแสบจับมาถอนยา”
“อือม์...แสบจริงๆ ด้วย คิดเสียว่าเขาหวังดีกับนายก็แล้วกัน อุตส่าห์ช่วยล้างพิษให้ ร่างกายจะได้แข็งแรง”
รามเคือง
“แข็งแรงแบบนี้ไม่ไหวหรอกครับ เหลืออีกตั้งสี่วัน ผมคงตายเสียก่อน”
“แล้วนายจะให้ฉันช่วยยังไง”
“ไม่ยากหรอกครับ แต่รับรองว่างานนี้เขาจะเกลียดผมไปจนวันตาย”
รามบอกแผนการแค้นๆ ตั้งใจเล่นงานเมขลาเต็มที่

จักรแอบมอง เห็นเมขลากำลังก้มหน้าก้มตาเก็บใบกระเพราะควายที่ริมรั้ว ตามที่รุจบอกไว้ว่า...
‘…พอถึงวันที่สอง แกต้องเด็ดใบกระเพราควายที่ริมรั้วไปเพิ่มในหม้อยา...’
จักรยกปืนขึ้นจะยิง
“ดูซิ ว่าแกจะดวงแข็งไปถึงไหน”
จักรยิงปืนออกไป แต่เมขลาก้มลงพอดี ทำให้กระสุนพลาดเป้า ไปถูกลูกมะม่วงตกทั้งช่อ เมขลาได้ยินเสียงช่อมะม่วงตก เงยหน้าขึ้นมองแปลกใจ ก่อนชะงักเมื่อเห็นเงาคน
“นั่นใครน่ะ” เมขลาเดินไปหา
จักรสะดุ้งรีบหลบ นึกว่าเมขลาเห็น เตรียมขึ้นไกปืน แต่หันไปอีกที เธอหายไปแล้ว จักรตัดสินใจแอบขึ้นไปที่ชั้นบน
“อยากรู้นัก ว่าผัวแกมันจะดวงแข็งเหมือนแกมั้ย”

จักรตั้งใจจะเล่นงานรามก่อน!

อ่านต่อหน้า 2 วันพรุ่งนี้





นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 9 (ต่อ)

ก้องภพนั้นได้ส่งตำรวจมาช่วยราม 2 คน โดยปลอมตัวเป็นเสือโหย กับเสือเผ่น ตามแผนการณ์ที่รามวางไว้ สองเสือวิ่งลับๆล่อๆจะเข้าไปในบ้าน เมขลาตามไปคว้าแขนเสือเผ่นไว้ได้ทัน

“พวกคุณเป็นใคร เข้ามาได้ยังไง”
เมขลาอึ้งเมื่อเห็นว่าคนที่เธอมาดักไว้ ดูดุดัน น่ากลัว ทั้งสองหันมาแสยะยิ้ม เมขลาถอยกรูด กลัวสุดๆ
“พวกคุณต้องการอะไร”
“รามอยู่ไหน” เสือโหยถาม
เมขลาซีด นึกว่าทั้งคู่เป็นศัตรูราม
“ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณพูดเรื่องอะไร”
“หึๆ เดี๋ยวน้องก็รู้เองแหละ ไปโว้ย ไอ้เสือบุก”
เสือเผ่นกับเสือโหย ตรงเข้าจับตัวเมขลา
“อ๊าย ปล่อยฉันนะ บอกให้ปล่อยไง”
เมขลาพยายามดิ้น ให้หลุดจากการถูกจับกุมตัวไว้

ชั้นบน...จักรเดินไปที่หน้าประตูอย่างระวัง พร้อมปืนในมือและพร้อมจะฆ่าราม จักรเอาเท้าถีบประตูห้องทีละห้อง
รามกำลังพยายามหาอะไรมาไขโซ่ที่ล่ามเท้าออก ได้ยินเสียงที่จักรถีบประตูรีบเงี่ยหูฟัง ก่อนยิ้มดีใจ
“ฉันอยู่ในนี้ได้ยินมั้ย”
รามพยายามวิ่งไปที่ประตูทั้งๆ ที่ขาถูกล่ามโซ่ แล้วเอามือเขย่าประตู จักรมองไปที่ประตูห้องที่รามอยู่ แล้วยกปืนขึ้นพร้อมยิง
“ขอโทษนะคุณฤทธิ์ ที่ผมต้องขัดคำสั่งคุณ แต่คนอย่างไอ้รามอยู่ไปก็เกะกะเปล่าๆ”
จักรจะยิงแต่เสียงเมขลาดังขึ้นเสียก่อน
“เชื่อฉันสิ ว่าที่นี่ไม่มีคนชื่อราม”
จักรชะงัก รีบหาที่ซ่อน เข้าไปซ่อนในห้องว่างแล้วแอบดู เห็นเมขลาถูกสองเสือลากขึ้นบันไดมา พลางร้อง
“ราม...รามโว้ย...”
“ช่วยด้วย ฉันอยู่ในนี้”
เมขลาตาค้าง คิดไม่ถึงว่าเป็นพวกเดียวกับราม
“เอากุญแจมา” เสือโหยหันมาถามเมขลา
“ฉันทำหายไปแล้ว”
สองเสือมองตากัน แล้วหันไปถีบประตูเข้าไปช่วยราม เมขลาเข้าไปในห้องอย่างงงๆ เรื่องที่สองเสือมาช่วยราม แทนจะมาจับไปซ้อม เมขลาเห็นสองเสือเข้าไปพยุงรามให้ลุกขึ้น และไขกุญแจออกจากโซ่ล่ามเท้าให้
“ฉันนึกว่าสองคนนี่ เป็นศัตรูของคุณเสียอีก”
“เขาเป็นลูกน้องผม คนที่เป็นศัตรูน่ะคุณต่างหาก” รามพูดกวนๆ
เมขลามองหน้ารามอย่างเสียใจ
“คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง ฉันพยายามช่วยคุณนะ”
“พยายามช่วยหรือคิดจะฆ่าผมเอามรดกกันแน่...ก่อนไป พวกแกเอายายนี่ไปจัดการแทนฉันด้วย”
เมขลาอึ้งตาค้าง สองเสือถูมือตาวาว เสือเผ่นรีบถาม
“จัดการยังไงพี่”
เมขลาส่ายหน้ามองรามอย่างอ้อนวอน รามฝืนใจแข็ง
“ยังไงก็ได้ ตามใจพวกแก”
“พี่พูดจริงนะ” เสือโหยแกล้งถาม
“ก็จริงสิวะ”
เมขลาตะลึง เสือเผ่นแสยะยิ้ม
“งั้นมาเป็นเมียพี่เผ่นนะจ๊ะน้องสาว”
“เป็นเมียพี่โหยดีกว่าจ้ะ”
เมขลามองรามจะให้ช่วย
“ราม นี่คุณบ้าไปแล้วหรือไง คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ”
“ทำไมจะไม่ได้ จำโซ่กับยาบ้าๆ พวกนี้ไม่ได้หรือ”
รามชูโซ่ แล้วชี้ไปที่กระโถนอย่างแค้น
“ถ้าคุณเลิกยาพวกนั้นดีๆ ฉันก็ไม่ทำแบบนี้กับคุณหรอก”
“ไม่ต้องพูดผมไม่อยากฟัง...จัดการ”
สองเสือพยักหน้ารับ ทั้งๆที่แอบสงสารเมขลา แต่ต้องทำตามบทบาท เดินเข้าหาเธอจะเข้าไปเล่นงาน เมขลารู้สึกผิดหวังสุดๆจนน้ำตาคลอ ก่อนจะกลั้นใจวิ่งหนีออกไป ทำให้สองเสือหัวโหม่งกันเอง ล้มเห็นดาว
“อ๋อย”
รามส่ายหน้า
“ยังไม่รีบตามไปอีก”
สองเสือรีบวิ่งตามเมไป รามเก็บมือถือ ที่เมขลาวางไว้มาพกติดตัวเหมือนเดิม แล้วตามออกไป จักรที่ซ่อนอยู่มองตามอย่างคิดไม่ถึง
“นี่เล่นกันขนาดนี้เชียวหรือวะ”
จักรรีบโทรไปรายงานเรืองฤทธิ์...
“นี่มันเลวถึงกับให้ลูกน้อง มารุมโทรมยายเมเชียวหรือ” เรืองฤทธิ์เองก็ตกใจไม่น้อย
“ครับ แล้วคุณฤทธิ์จะให้ผมทำยังไงต่อไปครับ”
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น รีบออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุด อย่าให้เรื่องพวกนี้พัวพันมาถึงแก”
ทรงวาดเข้ามาได้ยินพอดี ถามทันที...
“มีใครเป็นอะไรหรือเปล่าฤทธิ์”
เรืองฤทธิ์สะดุ้ง ก่อนรีบตีหน้าตาย
“อ้อ..พอดีเพื่อนผมโทรมาบอกว่า ลูกสาวเขาเกือบตกเป็นเหยื่อโจรใจโฉดน่ะครับ เลยอยากให้ผมมาเตือนญาติผู้หญิงในบ้านไว้”
“พี่ก็กำลังเป็นห่วงเมอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าหายไปไหน”
เรืองฤทธิ์หยั่งเชิง
“พี่วาดห่วงแต่ลูกสะใภ้ ไม่ห่วงลูกชายเลยนะครับ”
ทรงวาดยิ้มเศร้า
“ห่วงไปก็เท่านั้น ฤทธิ์ก็รู้ รามไม่เคยเข้าใจพี่เลยสักครั้ง”
เรืองฤทธิ์แกล้งปลอบ
“เรื่องบางเรื่อง เราต้องปล่อยให้เวลาช่วยจัดการ”
“กว่าจะถึงตอนนั้น พี่คงตายเสียก่อน”
“พี่วาดอย่าพูดแบบนี้อีกนะครับ ผมไม่ชอบเลย”
“คงมีแต่ฤทธิ์กับหนูเมเท่านั้นล่ะที่เป็นห่วงพี่” ทรงวาดมองเรืองฤทธิ์ซาบซึ้ง

เมขลาถอยหนีแล้วสะดุดรากไม้ล้มลง สองเสือเข้ามาใกล้ ท่าทางคุกคาม
“อย่านะ อย่าทำฉันเลย ขอร้องล่ะ” เมขลายกมือไหว้ ร้องไห้
สองเสืออึ้งๆว่าจะเอาไงดี เสือโหยเลยเริ่มก่อน กระชากแขนเสือเพ่นออกมา
“ดูท่าน้องเขาจะไม่ชอบเอ็งว่ะ งั้นขอข้าก่อนละกัน”
เสือเผ่นผลักอกเสือโหย
“ชอบหรือไม่ชอบ ข้าก็ต้องได้สมรักกับน้องเขาก่อน”
สองเสือผลักอกกันไปมา
“ข้าต่างหากโว้ยที่ต้องได้ก่อน”
“ข้าก่อนโว้ย”
เสือเผ่นเข้าไปหาก่อน เมขลาตกใจสุดขีดเห็นท่อนไม้ข้างตัว รีบคว้าขึ้นมาหลับหูหลับตาฟาดใส่ เสือเผ่นปัดป้องไม่กล้าตอบโต้
“ช่วยด้วยๆ ช่วยฉันด้วย”
เสือโหยเข้าไปจะช่วยดึงเพื่อนออกมา แต่โดนเมขลาฟาดๆแบบมั่วๆใส่ เมขลาหลับตาปี๋ฟาดซ้ายฟาดขวาไม่หยุด ปากหันไปทางอื่น ตะโกนให้คนช่วย
“ช่วยด้วยค่ะ ผู้ร้ายมันจะข่มขืนฉัน”
“ยัง ยังไม่ได้ข่มขืน โอ๊ย เจ็บ อู๊ยยย”
“ช่วยด้วยๆๆ” เมขลาร้องลั่น
“ใครต้องช่วยใครวะเนี่ย อู๊ย โอ๊ย โอ๊ย ยอมแล้วยอม”
เมขลาลืมตา เห็นเสือสองตัวนอนกองที่พื้นบิดไปบิดมา ด้วยความตกใจรีบทิ้งไม้วิ่งหนีไป รามตามมาเห็น ส่ายหน้าทนดูสภาพเสือไม่ได้
“นี่หรือเสือเผ่นกับเสือโหย สภาพนายสองคนเนี่ยดูไม่จืด”
สองเสือช่วยกันพยุงตัวขึ้นมา
“ก็ยัยเนี่ยตีๆลูกเดียว ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ บ้าดีเดือด” เสือเผ่นบ่น
“จะให้พวกผมตามต่อมั้ยครับ” เสือโหยถาม
รามโบกมือ
“ไม่ต้องแล้ว กลับไปกินน้ำบัวบกแก้ช้ำในที่สน.จะดีกว่า”
สองเสือยิ้มแหยๆ แล้วงง
“ผู้กองไม่ให้พวกผมตาม แล้วนั่นผู้กองจะไปไหนอ่ะ ผู้กองครับ ผู้กอง อู๊ยยยย” เสือโหยเจ็บแผล
ทางด้านเมขลาวิ่งเตลิดด้วยความกลัว หกล้มหกลุก รามสะกดรอยตามมา รามมองอย่างสงสาร
เมขลาพยายามลุกแต่ลุกไม่ขึ้นเท้าแพลง
“โอ๊ย”
รามเกือบจะเผลอตัวออกไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้น แต่ก็เปลี่ยนใจ ยับยั้งใจไว้ ได้แต่มองเมขลาที่พยายามลุกขึ้น แล้ววิ่งต่อ

ริมถนนในสวน...ก้องภพปลอมเป็นลุงชาวสวนแก่ๆ โทรมๆยืนดูเหตุการณ์อยู่ เห็นเมขลาวิ่งออกมาหน้าตาตื่น จึงเดินเข้าไปตะปบบ่าไว้
“กรี๊ด ออกไปนะ ไปให้พ้น” เมขลาหลับหูหลับตาผลัก ปัด “อย่ามายุ่งกับฉัน”
ก้องภพแกล้งโวยวายดุใส่ แบบคนบ้านนอก
“จะให้ไปไหนเล่าอีนังหนู ก็แถวนี้มันบ้านข้า เอ๊อนังนี่มันแปลกคน อยู่ดีๆมาเที่ยวไล่คนแก่ เด็กสมัยนี้ไม่ได้เรื่อง”
ก้องภพแกล้งจะไป เมขลารีบคว้ามือไว้
“ลุงจ๋าลุง อย่าเพิ่งไป ลุงช่วยฉันด้วยนะ อย่าทิ้งฉันไว้ตรงนี้ ฉันขอโทษ ฉันนึกว่าลุงเป็นไอ้พวกบ้ากาม”
“เฮ้ย แถวนี้มันมีไอ้พวกบ้ากามด้วยหรือวะ ไหนวะไหน มันอยู่ไหน หน็อยๆไม่รู้จักไอ้เสือเก่าซะแล้ว”
เมขลาตาเหลือก หนีเสือปะจระเข้
“เสืออีกแล้วหรือ ทำไมมีแต่เสือเพ่นพ่านไปหมด อยู่ไม่ได้แล้ว”
เมขลาจะหนี ก้องภพคว้ามือไว้
“นั่นมันอดีต เดี๋ยวนี้ข้าล้างมือในอ่างปลากัดไปเรียบร้อย นั่นเสียงอะไร...”
ก้องภพหลอก เมขลารีบมาหลบข้างหลังเขา
“พวกมันจะตามมาหรือเปล่า ทำไงดีละลุง”
ก้องภพท่าทางฮึดมากเหมือนจะลุย แต่...
“หนีซิวะถามได้”
ก้องภพรีบพาเมขลาวิ่งไปที่รถกระบะ แล้วขับพาเข้ามาตามเส้นทางกลับกรุงเทพ
“จะให้พาไปสถานีตำรวจมั้ย ยังเปลี่ยนใจทันนะ”
ก้องภพถาม เมื่อเห็นเมขลานั่งซึม
“ตำรวจคงเปลี่ยนเขาไม่ได้หรอก ยานรกมันทำให้เขาไม่เหลือความเป็นมนุษย์อยู่แล้ว เขาถึงกล้าทำกับหนูได้ลงคอ”
“โชคดีแล้วที่รอดมาได้ อย่าได้ใจอ่อนคิดกลับไปหามันอีกล่ะ ข้าเคยเห็นไอ้เด็กข้างบ้านที่มันติดยานะอีหนูเอ๊ย มันฆ่าหั่นศพเมียมันเป็นชิ้นๆ แล้วสับๆๆๆ เฉาะๆ โอ๊ยยย เละเป็นหมูบะช่อ แหลกเหลวไม่เหลือชิ้นดี”
ก้องภพใส่อารมณ์ทำมือสับๆ เมขลาหน้าแหยสยองพองขนจนพะอืดพะอมอยากจะอ้วก
“หยุด หยุดพูด หนู หนูอยากจะ...แหวะ”
เมขลารีบเอามือปิดปากไว้ ก้องภพรีบหันมา
“เฮ้ยอีหนู เอ็งๆๆอย่ามาปล่อยอ้วกใส่รถข้านะเว้ยเฮ้ย กลั้นไว้ๆ”
เมขลาพยายามกลั้น ก้องภพลุ้นๆ
“กลืนมันลงไปก่อน กลืนซิกลืน”
เมขลาทำตามกลั้นได้ปล่อยมือจากปาก ตบอกตัวเองให้อาหารถอยลงท้องไป ก้องภพถอนใจโล่งอก
แต่ทันใดนั้นลมในท้องเมขลา ดันพุ่งขึ้นมาอีกรอบคราวนี้เหมือนพายุใต้ฝุ่น เมขลาตาปูดโปนทนไม่ไหวหันมาทางก้องภพที่ร้องลั่น
“อย่า”
ก้องภพรีบยกมืออีกข้างป้องหน้า อีกมือจับพวงมาลัย

ที่ข้างรถกระบะ...เมขลาหน้าแหย ยกมือไหว้
“ขอโทษนะคะลุง หนูไม่ได้ตั้งใจ”
เสื้อก้องภพเปียกแฉะไปแถบหนึ่ง ก้องภพนั้นอยู่ในอาการมึนงง พูดไม่ออกบอกไม่ถูกกับความซวยที่เจอ เมขลาคิดว่าก้องภพไม่ให้อภัยรีบควานหาเงิน
“งั้นหนูให้เงินลุงไปซื้อเสื้อใหม่นะคะ แล้วก็เป็นค่าน้ำมันรถลุงด้วย”
เมขลาล้วงมือออกมาจากกระเป๋า ไม่มีสักบาท
“กระเป๋าเงินหนู หล่นหายไปไหนเนี่ย”
ก้องภพอยากเผ่นเต็มที่
“ช่างเถอะๆ ถือว่าวันนี้เราดวงไม่ดีทั้งคู่แล้วกัน ข้าคงต้องรีบเอาผลไม้ไปส่งให้ลูกค้าล่ะ เดี๋ยวจะสาย”
เมขลามองไปที่ท้ายรถ เห็นผลไม้เต็มหลัง
“เออลุงจ๊ะ ลุงจ๊ะ ลุงจะเอาไปส่งที่ไหนคะ หนูจะไปช่วย”
“เอ่อ...ไม่ต้องหรอก คือ..ข้าจะเอาไปเร่ขายตามหมู่บ้านน่ะ”
“งั้นดีเลยค่ะ หนูเสียงดี คิดเลขก็ไว ยังไงก็ช่วยคุณลุงได้แน่”
ก้องภพจะอ้าปากห้าม แต่ไม่ทันเมขลาพูด
“พอขายผลไม้หมดแล้ว หนูไถ่โทษด้วยการล้างรถให้ลุงด้วย”
เมขลาก้าวกลับขึ้นรถปิดประตูฉับ
“เราจะเริ่มที่หมู่บ้านนั้นดีมั้ยคะ”เมขลาชี้ป้ายหมู่บ้านใกล้ๆ
ก้องภพเหวอไม่รู้จะไหลยังไงต่อ

รามเดินไปเดินมา รอว่าเมื่อไหร่ก้องภพจะกลับมา ในที่สุด ก้องภพกลับมาในสภาพเหงื่อโทรมหน้า เสื้อก็ยังเปื้อนเป็นดวงๆ แถมมีกลิ่น
รามกับยงยุทธที่อยู่ด้วยกัน ทำความเคารพ
“ท่านไปสืบคดีไหนต่อหรือครับ ถึงได้กลับเอาป่านนี้”
ก้องภพพูดแต่เสียงไม่ออกมาเสียงแหบมาก
“อะไรนะครับ” รามไม่ได้ยิน
ก้องภพกระดิกนิ้ว ให้รามเอียงหูมาใกล้ๆ
“ก็ไปส่งเมียนายกลับบ้านไง”ก้องภพตะโกนใส่ แบบแหบๆ ต่ำๆ
รามสะดุ้ง ยงยุทธงง
“แล้วทำไมท่านถึงมาในสภาพนี้ละครับ แถมตัวก็มีกลิ่นตุๆ”
รามกับยงยุทธ รีบปิดจมูก
“ก็มันความคิดใคร ที่ให้ฉันปลอมตัวเป็นชาวสวน เพื่อไปดักรับเมขลากลับเข้ากรุงเทพฯ แล้วเห็นมั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน”
รามเก๊กพูดเป็นทางการ กลั้นขำไว้
“เท่าที่ผมจำได้ เป็นท่านคิดและอาสาเองครับ”
ก้องภพเซ็งพูดไม่ออก ยงยุทธชี้...
“คราบที่เสื้อท่านไปโดนอะไรมาครับ สีเขียวๆเนี่ยหน้าตามันคล้ายผักชี แล้วตรงนี้ มันก็เหมือนเศษข้าว”
ก้องภพตีหน้าตาย
“อ้วกเมขลา”
รามกับยงยุทธพากันกลั้นขำ
“แล้วเสียงท่านที่แหบๆนี่ละครับ”
“ก็ไปตะโกนขายส้มโอ ตามหมู่บ้านน่ะสิเพราะเมียแกนั่นแหละ ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณอะไรกันนักกันหนา บอกว่าไม่ต้องๆก็ไม่ยอม แถมยังล้างรถให้ฉันสะใหม่เอี่ยมอ่อง คนแบบนี้ก็มีด้วย”
“ทีนี้ท่านเชื่อผมแล้วใช่มั้ยครับ ว่ายายนี่สาระแนกับเขาไปทั่ว ดีแต่ก่อเรื่องเดือดร้อนให้คนอื่น แล้วยังตีหน้าซื่อว่าตัวเองเป็นคนดีเสียเต็มประดา”
“ถ้ายกเว้นเรื่องอ้วก เขาก็ดูไม่ใช่ตัวอันตรายขนาดนั้นมั้ง”
“เสแสร้งแกล้งทำเป็นมีน้ำใจล่ะไม่ว่า”
“เอาน่า สรุปว่าเมขลาจะไม่มาล่อแก้วรามสูรอีกต่อไปก็แล้วกั นฉันเอาหัวเป็นประกัน”
รามอึ้งปวดหนึบๆในใจโดยไม่รู้สาเหตุ ก้องภพดมเสื้อเหม็นจนทนไม่ได้

เมขลามายืนอยู่ที่หน้ารั้วบ่านทรงวาด มองอย่างเศร้าๆ
“คุณแม่คะ หนูขอโทษด้วยนะคะที่หนูทำให้คุณรามกลับเนื้อกลับตัวไม่ได้ หนูโง่เองที่คิดว่าความดีจะเอาชนะทุกอย่างได้”
เมขลาเดินจากไปอย่างหงอยๆ ทรงวาดขับรถจะเข้าบ้าน แล้วชะงักเพราะเห็นหลังเมขลาไวๆ
“หนูเม!”
ทรงวาดขับรถ แล้วมองหาเมขลาไปด้วย แต่ไม่เห็น จึงชะลอรถ ชะเง้อดู เสียงบีบแตรรถดังขึ้น ทรงวาดสะดุ้ง มองไปที่กระจกส่องหลัง เห็นรถติดตามหลังมา เธอจึงเร่งรถออกไป ไม่เห็นว่าเมขลานั่งรอรถเมล์ที่นั่งอยู่อย่างคิดไม่ตก ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

ที่บ้านทรงวาด...เรืองฤทธิ์เพิ่งลงจากรถ โดยจักรที่ขับรถให้ ถือกระเป๋าจะตามเข้าบ้าน แล้วทั้งสองคนก็ชะงักอย่างแปลกใจที่เห็นทรงวาดขับรถเข้ามา
เรืองฤทธิ์เดินไปรับ เปิดประตูให้
“พี่วาดไปไหนมาครับ ทำไมถึงกลับเอาป่านนี้”
“พอดีพี่เห็นหนูเมน่ะ เลยขับรถตามไปแต่ไม่เจอ”
เรืองฤทธิ์กับจักรแอบมองตากัน
“พี่วาดคงคิดถึงหนูเมจนตาฝาด”
“แล้วมันไม่น่าห่วงหรือฤทธิ์ หนูเมไม่เคยหายไปเฉยๆแบบนี้ นี่พี่โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย เป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“หนูเมเพิ่งไม่อยู่ไม่กี่วันเอง ผมว่าเรารอดูอีกสักพักดีกว่า”
ทรงวาดพยักหน้ารับแบบหมดทางเลือก เรืองฤทธิ์ลอบยิ้มกับจักรลอบยิ้มอย่างสมใจ ที่กำจัเมขลาไปจากบ้านได้

เมขลากดกริ่งหน้าคอนโดรุจนาน แต่ไม่มีคนมาเปิดรับ เธอจึงหยิบมือถือออกมากดโทรหารุจ เสียงกริ่งรอสายเข้า ก่อนตัดเข้า voice mail
“ยู้ฮู...“ตอนนี้นางฟ้ากำลังออกไปท่องโลกกว้างอยู่นะจ๊ะ มีอะไรฝากเสียงหวานๆ ไว้นะ จุ๊บๆ”
เมขลาเซ็ง ฝากข้อความแบบหงอยๆ
“ถ้าแกกลับมาแล้วก็โทรหาฉันด้วยแล้วกัน”
เมขลาตัดสาย เสียงมือถือดังขึ้น เธอรีบกดรับโดยไม่ทันดูเบอร์
“ตกลงแกอยู่บ้านใช่มั้ยเนี่ย ช่วยมาเปิดประตูให้ฉันเข้าไปหน่อยสิ”
“เม..นี่ฉันนะ”
“โรส!”
เมขลาอึ้งๆไป เมื่อรู้ว่าใครโทรมา

เมขลาไปที่ร้านกาแฟที่นัดกับโรสไว้ ขณะที่จะก้าวเข้าร้าน แต่ไม่ทันได้เข้าไป เธอถูกมือตะปบปิดปาก ลากไปด้านข้างร้านเสียก่อน
“ปล่อยนะ ฉันเลิกยุ่งกับคุณแล้ว ทำไมคุณถึงยังไม่เลิกยุ่งกับฉันอีก”
เมขลานึกว่ารามตามมาเล่นงาน แต่เสียงโรสดังขึ้น...
“เม! นี่ฉันเอง”
เมหายตกใจ มองโรสแปลกใจแทน
“โรส!”
โรสปลอมตัวมาใส่ทั้งแว่นกันแดด วิก กับหมวกปิดหน้าปิดตา โรสรีบชูว์ปาก กลัวคนได้ยิน“แกทำอะไรของแก แล้วนี่แกแต่งตัวแบบนี้ทำไม”
“เรื่องมันยาวน่ะ แบบว่า...เอ่อ..คือ...” โรสกระดาก
“แกหนีหนี้อีกล่ะสิ” เมขลาดักคอ
“แกนี่ฉลาดสมเป็นเพื่อนรักฉันจริงๆ” โรสเขินๆ
เมขลาส่ายหน้า
“คราวนี้เท่าไหร่อีกล่ะ”
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก...แค่สามหมื่นน่ะ แกพอมีให้ฉันยืมมั้ย”
“ฉันก็ถังแตกเหมือนกัน”
โรสอึ้งก่อนชะงัก เห็นแหวนแต่งงานที่มือเมขลา รีบคว้ามือไปดู
“แต่แกมีแหวนนี่”
เมขลาอึ้ง เพราะเป็นแหวนแต่งงาน โรสรีบรูดแหวนออกจากนิ้วลองกัดดู
“ว้าว แหวนทองจริงซะด้วย แบบนี้คงขายได้พอส่งดอกได้ ขอฉันยืมก่อนแล้วกันนะ”
เมขลาตาค้างนึกได้
“เดี๋ยว! โรส เดี๋ยวก่อน”
เมขลาวิ่งตามโรสทันแย่งแหวนคืนมาได้ โรสงง
“อะไรของแกเนี่ย ฉันบอกว่าขอยืมไง”
“ฉันให้แกยืมแหวนวงนี้ไม่ได้หรอก”
“นี่แกเห็นแหวนนี่สำคัญกว่ามิตรภาพของเราหรือ”
เมขลาเงียบ กำมือแน่น โรสชักสงสัย
“หรือมีใครให้แก...จริงด้วย แกสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายด้วยนี่ นี่เป็นแหวนหมั้นของแกใช่มั้ย”
“มันไม่ใช่อย่างที่แกคิดหรอกนะ”
“งั้นทำไมแกจะช่วยฉันไม่ได้”
เมขลาฮึด เพราะผิดหวังเรื่องช่วยราม
“ฉันไม่อยากทำให้แกเสียนิสัยอีกแล้ว ฉันทำผิดมาตลอดที่ช่วยแก จนแกลืมช่วยตัวเอง แต่ต่อไปนี้ฉันจะสอนแกจับปลา แทนหาปลาให้แกกิน”
โรสงง
“นี่แกเลิกเป็นแอร์ แล้วไปทำประมงหรือ”
“มันเป็นคำพูดเชิงเปรียบเทียบน่ะ เอาเป็นว่าเราไปคุยกันต่อที่บ้านแกก็แล้วกัน”
เมขลาฉวยมือโรสไป
“เดี๋ยวๆ แกอย่าลากฉันแรงนักสิ เดี๋ยววิกหลุด” โรสโวยวาย

ที่บ้านปองธรรม...เย็นกับลูกน้อง ยืนจับคู่หันหน้าเข้าหากันเป็นคู่ๆ ประมาณ 5 คู่ เย็นหลับตาปี๋ ชกไปที่ท้องลูกน้อง ขณะที่ลูกน้องคู่อื่นๆ ที่ยืนฝั่งเย็นชกไปที่เพื่อน ฝั่งตรงข้ามพร้อมๆที่เย็นชก
ธิดายืนมองพวกเย็นหน้าเครียด
“ยังแรงไม่พอ แรงกว่านี้อีก”
เย็นทำท่าง้างหมัดจะชกซ้ำ อีกทางเห็นเทวัญมองมา ตกใจ ที่เห็นพวกเย็นชกกันเองตามที่ธิดาสั่ง จะรีบเข้ามาห้าม แต่เสียงรามดังขึ้นเสียก่อน เทวัญเลยหยุดดู
“หยุดนะ นี่มันอะไรกัน”
ธิดาหันไป ดีใจ เห็นเป็นราม รีบโผเข้าหา
“ราม! ในที่สุดนายก็หนีพวกเสี่ยชิตมาจนได้”
รามดันธิดาออก
“เสี่ยชิตมาเกี่ยวอะไรด้วย”
“นายโดนพวกเสี่ยชิตจับตัวไปไม่ใช่หรือ”
“ไม่ใช่หรอกครับ พอดีเป็นโจทก์เก่าน่ะ” รามอ้อมแอ้ม
เย็นโล่งใจ
“มิน่าล่ะ พวกข้าไปสืบเท่าไหร่ก็ไม่ได้เรื่องสักที...ถ้าอย่างนั้นพวกผมไปแล้วนะครับ”
ธิดาพยักหน้า แต่มองคาดโทษ
“ครั้งนี้ถือว่าพวกแกโชคดีที่รามกลับมาเสียก่อน ไม่งั้นฉันจะให้พวกแกชกกันจนไส้แตกตายเลย จำไว้”
รามแอบอ่อนใจกับความใจร้ายของธิดา ขณะที่ธิดาไม่สนใจอะไรอีก จับมือรามจูงเดินคุยกันไป
“ไหนล่ะของฝากของฉัน”
รามงงๆ
“ก็ใบหย่าไง ไม่มีใบหย่าก็ไม่มีข้อตกลงนะ”
รามอึ้งๆ รีบคิดแก้ตัว
“พอดีมันวุ่นๆ ตอนที่หนีโจทก์เก่า ผมเลยทำหายไปแล้ว”
ธิดาโมโห
“หายหรือไม่ได้หย่ากันแน่”
“ผมไม่กล้าโกหกคุณหรอกครับ”
ธิดาเห็นแหวนที่นิ้วราม
“ในเมื่อหย่ากันแล้วก็ถอดแหวนนั่นออกด้วยสิ” ธิดาจับมือรามมารูดแหวนจากนิ้ว “มาฉันถอดให้เอง”
“เอ่อ...เดี๋ยวครับ”
รามห้ามแต่ไม่ทัน ธิดาเขวี้ยงทิ้งไปแล้ว รามมองตามใจหาย
“ทำไมเสียดายหรือ” ธิดาหันมาจ้องหน้า
“ครับ” ธิดางอน
“ผมกำลังจะเอาไปขาย เอาเงินมาฉลองกับคุณอยู่พอดี”
รามแก้ตัว ธิดายิ้มออก
เทวัญเดินมาได้ยินพอดี จึงเดินไปเก็บแหวนของรามที่ธิดาเขวี้ยงทิ้งไปได้ ไว้ในมือ ก่อนกดโทรศัพท์หาเมขลา แต่สัญญาณติดต่อไม่ได้เข้า
“คุณเม...คุณอยู่ที่ไหนเนี่ย” เทวัญมองแหวนในมือเครียดๆ

เมขลาบอกกับโรสว่าต้องทำมาหากิน ถึงจะมีเงินใช้ จึงลงทุนซื้อเครื่องสำอางค์ และตั้งใจจะไปขายกับโรสด้วย เพราะเธอก็ไม่มีงานทำพอดี โรสจึงพาเมขลาขึ้นแท็กซี่ไปหาที่ขาย เมื่อไปถึงเมขลายืนอึ้ง คิดไม่ถึงว่าโรสพามาที่คาราโอเกะของปองธรรม
โรสขนเครื่องสำอางลงจากแท็กซี่ เมขลาหันหลังหนีเอาดื้อๆไม่อยากเจอราม โรสส่งของให้ “แกถืออันนี้ละกัน ฉันถืออันนี้เอง”
โรสนึกว่าเมขลาจะรับ แต่เธอเผ่นไปแล้ว ทำให้ของโรสตกทั้งถุง
“ตาเถร!”
โรสรีบหันไปมองเห็นเมขลาเดินหนีไปหน้าตาเฉย รีบวิ่งไปตามจับแขนไว้
“แกจะไปไหน”
เมขลาเจื่อน อึกอัก
“ก็ไปช่วยแกขายของไง”
โรสค้อน
“นั่นมันทางไปค่ายมวย แกจะให้ฉันไปขายใครฮึ ที่ฉันจะมาน่ะ คาราโอเกะนี่ต่างหาก...ไปเร็ว”
เมขลาพูดไม่ออก โดนโรสฉุดลากเข้าไปจนได้

สาวๆในคาราโอเกะ มานั่งฟังโรสโม้เม้าธ์สรรพคุณ เรื่องเครื่องสำอางอย่างสนใจ
“กระปุกนี้เพื่อนพี่” โรสผายมือไปที่เมขลา “หิ้วมาจากปารีสกับมือ”
เมขลากำลังเหม่อๆ กลัวรามมาเจอ ได้ยินโรสโม้เลยทำท่าชี้อกตัวเองตกใจว่าฉันหิ้วมาเมื่อไหร่ โรสขึงตาใส่ แถมเหยียบเท้าไม่ให้พูด แต่ปากฉีกยิ้มให้สาวๆ
“ใช้สำหรับนวดหน้าก่อนนอน ทาแล้วหน้าเด้งดึ๋งยิ่งกว่าไม้ตีปิงปองของน้องแพนอีกนะคะ”
สาวๆ วี้ดว้ายตื่นเต้นกันใหญ่ ขอลองทา เมขลาส่ายหน้าอ่อนใจ แล้วหยุดกึก เมื่อเห็นรามเดินออกมาจากข้างในพอดี
เมขลาอึ้ง หันซ้ายหันขวา รีบดึงกระปุกครีมจากโรสมาป้ายหน้าตัวเองอย่างไวจนหมดกระปุก
โรสตกใจ
“แกทำอะไรน่ะ”
เมหน้าพอกครีมไว้เต็ม หน้าขาววอก
“ก็ทดลองเครื่องสำอางให้น้องๆดูไง”
รามชะงัก ได้ยินเสียงเมขลาแว่วๆ หันมอง
“เม”
เมขลากลัวถูกจับได้ รีบทำก้มหาของ แต่รามยังชะเง้อเพ่งตามอง ไม่ยอมไปซะที
โรสจับมือเมขลาไว้
“แกจะหาอะไรฮึ ทำแบบนี้ข้าวของฉันก็ยุ่งเหยิงหมดสิ”
“จะหาครีมมาสาธิตให้น้องเขาดูต่อน่ะ”เมขลากระซิบ
เมขลาเห็นรามยังมองอยู่ หลับหูหลับตาคว้ากระปุกครีมกระปุกใหม่มาเปิดออกทา ละเลงเต็มคอ แล้วดัดเสียงไปด้วย
“ส่วนกระปุกนี้เอาไว้ทาลำคอค่ะ แก้คอเหี่ยวได้ผลชะงัดนัก”
โรสรีบคว้าไป อ่านแล้วบอกเสียงเขียว
“นี่มันครีมทาส้นเท้าแตกย่ะ”
เมขลาจ๋อย สาวๆ อึ้ง รามมองๆ แล้วส่ายหน้าว่าคงไม่ใช่เมขลา
“ผู้หญิงเจ้าเล่ห์ อยากรวยทางลัดอย่างคุณ คงไม่นั่งลำบากลำบน ทนขายเครื่องสำอางที่นี่หรอก”
รามเดินไปอีกทาง โดยไม่ได้สนใจอะไรอีก
โรสรีบโกยเครื่องสำอางทั้งหมดมากอดไว้อย่างงกๆ หวงๆ กลัวเมขลาทำเสียของ
“ฉันว่าแกไปล้างหน้าล้างตาก่อนดีกว่า ไปสิยะ”
เมขลาจ๋อยๆ ลุกไปตามที่โรสบอก แต่ไม่วายแอบมองราม เห็นรามไปแล้ว เมขลาเศร้าๆ

เมขลาเดินหน้าขาววอก จะไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นธิดากอดเอวราม สอดมือเข้าไปในเสื้อ ลวนลาม ยั่วๆ
“ชุดนี้หรือ ที่นายจะใส่ไปฉลองกับฉัน ไม่เห็นหล่อเลย”
“งั้นคุณก็พาผมไปเปลี่ยนชุดใหม่ก็ได้ แต่อย่าหึงก็แล้วกันถ้าความหล่อของผมไปทะลุหัวใจสาวๆเข้า แล้วผมก็เป็นคนหวั่นไหวง่ายเสียด้วยสิ”
รามจับมือธิดาไว้ไม่ให้ยุ่มย่าม แต่เมขลาที่แอบมองอยู่ เข้าใจผิดคิดว่ารามกุมมือธิดาด้วยความรัก
“ก็ลองดูสิ ถ้านายไปยุ่งกับใคร ฉันจะควักหัวใจนังนั่นออกมา”
“โธ่ ผมล้อเล่นน่า สายตาผมมีไว้มองคุณเทเรซ่าแค่คนเดียวเท่านั้น ไม่งั้นผมจะยอมไปหย่าเมียมาฉลองกับคุณหรือ”
รามกระซิบริมหู ธิดาคิกคัก ชอบใจ เมขลากลั้นน้ำตาวิ่งเซซังออกไปทางประตูหลังคาราโอเกะ ไม่อยากฟังสองคนฉอเลาะกัน

ด้านนอกคาราโอเกะ เทวัญเดินเซไปเซมาจากอาการเมา เพราะน้อยใจพ่อและผิดหวังในชีวิต ขณะเดียวกัน กุ๊ย 2-3 คนมองมาเห็นเทวัญก็คิดจะเล่นงาน เพราะแค้นปองธรรม เทวัญไม่ทันสังเกต มัวแต่พยายามกดมือถือ โทรหาเมขลา
ขณะเดียวกัน เมขลาวิ่งออกมาทำใจข้างนอกคาราโอเกะ
“เข้มแข็งไว้เมขลา ไม่ต้องเสียใจ คนค้ายาอย่างเขา ก็สมกับลูกสาวเจ้าพ่ออย่างยายทะเลทรายแล้วล่ะ”
เมขลาบอกตัวเองเชื่อมั่น จะเข้าไปข้างในต่อ
เสียงมือถือดัง เมขลาชะงักหยิบมือถือมากดมองเห็นชื่อเทวัญ จึงรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“ผมเพิ่งรู้เรื่องคุณกับราม”
“ฉันยังไม่อยากคุยเรื่องนี้ขอโทษนะคะ”
“เดี๋ยวครับ...อย่าเพิ่งวางสาย ผม....ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ”
“เรื่องอะไรคะ”
เทวัญอึกอัก เขินๆ อยากขอเมขลาเป็นแฟนแทน ขณะที่เดินไปจนสุดตรอก
“คือ...ในเมื่อคุณ...เอ่อ...เลิกกับ..รามแล้ว...ผม...”
“อะไรนะคะ ฉันไม่ค่อยได้ยินเลย”
พวกกุ๊ยที่ตามมา เข้าเล่นงานเทวัญ คนหนึ่งล็อกคอจากทางด้านหลัง เทวัญตกใจ ทำมือถือหลุดมือ
“พวกแกเป็นใคร ทำแบบนี้ทำไม”
เทวัญดิ้น จะสู้แต่ไม่ไหว เมขลาตกใจ...
“ไม่ต้องมาถามพวกข้า ไปถามพ่อเอ็งเถอะไป๊”
เทวัญถูกชกท้อง
“อ๊ากส์!”
เมขลาหน้าซีด
“คุณเทวัญ! คุณอยู่ที่ไหนน่ะ”

เมขลาตกใจ วิ่งหาสัญญาณเสียง หูก็ฟังเสียงในมือถือไปด้วย

อ่านต่อหน้า 3





นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 9 (ต่อ)

กุ๊ยคนที่สองเข้ามากระชากคอเสื้อเทวัญ พลางตะคอกใส่

“ส่วนนี่สำหรับพ่อเอ็ง ที่ขยันเก็บส่วยหน้าเลือดจากพวกข้า”
เมขลาวิ่งเข้ามาด้านนี้พอดี เห็นกุ๊ยอัดเข่าเข้าที่ลำตัวเทวัญจนทรุดลงไปกองกับพื้น
“หยุดนะ” เมขลาลืมตายวิ่งเข้าไป กุ๊ยหันมองตาเหลือก เพราะเธอหน้าตาน่ากลัวมาก หน้าขาวลอยมา กุ๊ยแขนขาอ่อน ปล่อยเทวัญ
“ผ...ผี..ผีหลอก”
พวกกุ๊ยวิ่งหนีแกมคลานจากไป เทวัญหันมองเมขลาแล้วขยี้ตา มึนๆ งงๆ ก่อนจำได้
“คุณเม...”
ทั้งคู่พากันไปนั่งที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เมขลาที่ล้างหน้าออกแล้ว ช่วยซับหน้า ซับตาให้เทวัญที่ถูกชก เขาจับมือเธอมองอย่างซาบซึ้ง
“ถ้าไม่ได้คุณมาช่วยผมคงแย่”
“ฉันไม่ได้ช่วยอะไรเลย พวกเขาตกใจหนีไปเองคุณก็เห็น”
เทวัญมองเมขลาตาปรอย
“เพราะพวกเขาโง่จนมองไม่เห็นนางฟ้าคนนี้ต่างหาก”
เมขลาเขินรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“แล้วคุณไปทำท่าไหนเข้าเนี่ย ถึงได้โดนพวกนั้นเล่นงานเอา”
เทวัญยิ้มขมขื่น
“ไม่ต้องทำก็โดนได้ครับ มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนที่อยู่ในโลกมืดอย่างผม ถ้าเราไม่ทำเขาก่อน เขาก็ทำเรา”
“ฟังดูแย่จังเลยนะคะ ฉันไม่เข้าใจว่าคุณทนอยู่ได้ยังไง ถ้าเป็นฉัน ฉันจะทิ้งทุกอย่างไปตั้งต้นใหม่ ต่อให้ต้องลำบากเลือดตาแทบกระเด็น ฉันก็จะลองสู้สักตั้ง”
“เพราะแบบนี้ใช่มั้ย คุณถึงได้เลิกกับราม”
“คุณรู้ได้ยังไง”
เมขลาแปลกใจ เทวัญอึกอักรีบโกหก
“ผมได้ยินเด็กที่คาราโอเกะเขาพูดกัน หรือผมเข้าใจผิด”
“ไม่ผิดหรอกค่ะ เราเลิกกันแล้วจริงๆ”
“ผมถามเหตุผลได้มั้ย”
“เอาเป็นว่าฉันไม่ชอบโลกที่เขาอยู่ก็แล้วกันค่ะ”
เทวัญคิดก่อนรวบรวมกำลังใจถาม
“แล้วถ้ามีผู้ชายคนหนึ่งยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อคุณ แม้แต่โลกที่เขาคุ้นเคย คุณจะยอมรับรักเขามั้ย”
“ไม่มีใครยอมทำเพื่อฉันขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ก็ผมไง”
ระหว่างที่เทวัญพูดมีเสียงเสียงบีบแตรของเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาดังขึ้นเสียก่อน ทำให้เธอไม่ได้ยิน
“คุณว่าอะไรนะคะ”
เทวัญถอนใจพูดไม่ออก เสียจังหวะบอกรักไปแล้ว

รามกับธิดานั่งดินเนอร์กันอยู่ แต่ธิดากินไม่ลง เขี่ยข้าวไปมา รามมองๆ
“ผมคิดว่าเราจะมาฉลองกันเสียอีก”
“ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้น แต่พอนึกถึงพรุ่งนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะฉลองไปทำไม”
“ก็ฉลองสำหรับอิสรภาพ และตำแหน่งใหม่ของผมไงครับ”
“นายไม่ต้องไปทำงานให้คุณพ่อไม่ได้หรือไง”
“ขืนผมกลับคำกะทันหัน พ่อเลี้ยงฆ่าผมแน่”
ธิดาหยิบมือถือขึ้นมาจะกดหาพ่อ
“ฉันจะบอกท่านให้นายเอง นะราม อยู่กับฉันต่อเถอะนะ”
รามอึ้ง รีบกุมจับมือธิดาเอาไว้
“แต่ถ้าทำแบบนั้นแล้วเมื่อไหร่บอดี้การ์ดกระจอกๆ อย่างผมจะคู่ควรกับดอกฟ้าอย่างคุณเสียทีล่ะครับ”
ธิดาลังเล
“แล้วฉันจะรู้ได้ยังไง ว่านายจะไม่ทำงานจนลืมฉันเหมือนคุณพ่อ”
รามยกมือธิดาจูบ
“ใครจะลืมคนสวยอย่างคุณได้ลงล่ะครับ”
ธิดาทำอาย แต่จริงๆ พอใจ รามรีบเอามือถือธิดามาเก็บไว้เอง โล่งใจ ที่โน้มน้าวธิดาได้

ที่บ้านเด็กกำพร้า...ทรงวาดยืนมองหน้าอาคาร นึกถึงอดีตที่เจอเมขลาครั้งแรก เมื่อหลายปีก่อน...แบงก์ห้าร้อยของทรงวาดตกอยู่ที่พื้น ทรงวาดออกมามองๆ หาแล้วเห็นเมขลากำลังจะเก็บ แต่โรสแย่งไปก่อน
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราแบ่งให้ตัวร้อยนึง” โรสบอก
“แต่มันไม่ใช่เงินของตัว เราต้องเอาไปคืนเจ้าของ”
เมขลาบอก แล้วกระชากเงินคืนจากมือโรส
“นี่ เอาคืนมานะ เราเห็นมันก็น่าจะเป็นของเราสิ”
เมขลาไม่ฟังหันไปชนทรงวาดเข้าพอดี จึงยื่นเงินให้
“เงินของคุณใช่มั้ยคะ พอดีหนูกับโรสเก็บได้ค่ะ”
ทรงวาดรับเงินไป มองเมขลาอย่างถูกชะตา…เมื่อนึกถึงอดีต ทรงวาดอดจะยิ้มออกมาไม่ได้ ขณะเดียวกัน ละมุนเดินออกมาเห็นทรงวาดพอดี...

เมื่อแยกจากละมุน ทรงวาดเดินเข้าไปที่บริษัท พนักงานหน้าห้องรีบลุกต้อนรับ ขณะเดียวกันในห้องทำงานของเรืองฤทธิ์ มีแผนผังที่ดินกางอยู่บนโต๊ะ จักรอธิบาย...
“ที่ตรงนี้สวยมากนะครับ ที่สำคัญอยู่บนเนินเขา คุณฤทธิ์สามารถสร้างคฤหาสน์ไว้พักผ่อน และสร้างห้องลับเจาะเป็นโพรงลงไปใต้ดินให้เป็นคลังสินค้าของเราในอนาคตได้”
เรืองฤทธิ์หัวเราะชอบใจ
“แกนี่มันหัวดีจริงๆ แต่ราคาที่ดินบวกกับค่าก่อสร้างมันต้องใช้เงินไม่น้อย”
“ถ้าคุณฤทธิ์กลัวเงินจะไม่พอ เราก็หันมาผลิตยามันซะเองกำไรดีกว่าเป็นแค่เอเย่นต์นะครับ”
“มันไม่ได้ผลิตกันง่ายๆแกก็รู้”
จักรก้มไปหาเรือง กระซิบเบา
“ผมได้ข่าวว่าพ่อเลี้ยงปองธรรมกำลังมี Project ยักษ์ ถ้าเราเข้าไปร่วมลงทุนด้วย เราก็สบาย”
ทรงวาดผลักประตูเข้ามาพอดี เล่นเอาสองคนสะดุ้งผละห่างกัน เรืองฤทธิ์รีบพับแผนผังที่ดิน
“ปรึกษางานกันอยู่หรือจ๊ะ” ทรงวาดมองอย่างแปลกใจ
“เออใช่ๆครับ เป็นโครงการสร้างคอนโดแห่งใหม่ของบริษัท”
เรืองฤทธิ์ส่งให้จักรรีบรับ แล้วเดินออกไป
“ทำไมวันนี้พี่วาดถึงเข้ามาที่บริษัทล่ะครับ มีอะไรหรือเปล่า”
ทรงวาดบอกให้รู้ถึงจุดประสงค์ที่เธอมา เรืองฤทธิ์ตกใจสุดขีด
“อะไรนะครับ พี่วาดจะยกหุ้นบริษัทในส่วนของพี่ ให้หนูเมทั้ง 60% นี่ผมหูฝาดไปหรือเปล่า”
“ฤทธิ์ได้ยินไม่ผิดหรอก”
“แต่เมขลาเป็นคนอื่น พี่จะเอาหุ้นที่พี่โรจน์ยกให้ ไปให้เขาหมด มันไม่เหมาะนะครับ”
“หนูเมไม่ใช่คนอื่น พี่ส่งเสียเขามาตั้งแต่เล็ก ไม่ใช่ลูกก็เหมือนลูก หนำซ้ำเขายังยอมเสียสละมาแต่งงานกับรามเพื่อช่วยพี่ตอบแทนเขา มันก็สมควร”
เรืองฤทธิ์ร้อนรน
“ตะ...แต่...รามเป็นลูกพี่ ถ้าเขารู้เขาจะคิดยังไง”
ทรงวาดอดน้อยใจไม่ได้
“รามเขาเคยแยแสบริษัทนี้ด้วยหรือ ในเมื่อเขาไม่เคยสนใจความรู้สึกของพ่อเขา หรือแม้แต่พวกเรา พี่ก็จะยกให้หนูไปซะ”
เรืองฤทธิ์จะพูด ทรงวาดยกมือห้าม
“ฤทธิ์ช่วยบอกทนาย ให้เตรียมเอกสารการโอนหุ้นให้พร้อมด้วยก็แล้วกัน”
เรืองฤทธิ์แทบอยากจะบีบคอทรงวาด แต่พยายามอดกลั้นเต็มที่

เมื่อทรงวาดกลับไปแล้ว เรืองฤทธิ์อาละวาด ปัดของบนโต๊ะกระจาย ผลักเก้าอี้ล้มจนตัวเองหอบด้วยความโกรธ จักรต้องเข้าไปจับไว้
“ใจเย็นครับคุณฤทธิ์”
เรืองตวาดลั่นห้อง
“ฉันอุตส่าห์เฝ้าดูแลเอาใจแกมาตั้งหลายปี แกไม่เคยเห็นความดีของฉันแม้แต่น้อย...ได้...ฉันจะตอบแทนแกให้กระอักเลือดเชียว”
เรืองฤทธิ์แค้นทรงวาดมาก หันไปทางจักร
“แกรีบถ่ายเทเงินจากบริษัท เข้าบัญชีฉันที่สิงคโปร์ให้มากที่ สุดก่อนที่บริษัทนี้จะตกเป็นของนังเม”
“ครับคุณฤทธิ์”
จักรรีบออกไป เรืองฤทธิ์ทุบโต๊ะอย่างแค้นจัด

รถของทรงวาดวิ่งเข้ามาจอดหน้าตึก ทรงวาดลงจากรถ มีอาการเซ รามซุ่มแอบดูอยู่แถวมุมตึก เป็นห่วงเผลอตัวจะออกไปหา แต่ป้าแจ่มวิ่งเข้ามาประคองไว้ก่อน
ทรงวาดตั้งสติทรงตัวไว้
“ฉันไม่เป็นอะไร แค่เหนื่อยนิดหน่อย เออ มีใครมาหาฉัน หรือโทรมาบ้างมั้ย”
“ไม่มีนี่ค่ะ คุณท่านหมายถึงคุณรามหรือเปล่าคะ”
ทรงวาดคิดถึงราม แต่ปากแข็ง
“ฮึ เขาไม่เคยเห็นหัวแม่เลี้ยงอย่างฉันมานานแล้ว แล้วฉันจะไปสนใจเขาทำไมกัน”
ทรงวาดเดินเข้าตึก รามหน้าเสียได้แต่มองตามด้วยความรู้สึกน้อยใจไม่แพ้กัน รามนึกไปถึงเหตุการณ์ในอดีต เมื่อครั้งที่ยังอยู่ต่างประเทศ ขณะที่กำลังซ้อม สถานการณ์เหมือนจริง...
รามอยู่ในชุดดำใส่หมวกคลุมหน้าเหมือนเป็นผู้ร้าย ไล่ยิงก้องภพในชุดตำรวจ ก้องภพวิ่งหลบตามรถผุๆ ก้องภพหลบอยู่ท้ายรถมองหาราม รามโผล่มาบนหลังคารถ
ก้องภพเงยหน้าขึ้นไปเจอ รามไวมากวิ่งไต่ลงมาท้ายรถพร้อมเล็งปืนไปที่อกก้องภพ แต่กลับยั้งมือไว้
‘…คนเป็นสายลับต้องใจเด็ด ไม่มีญาติ ไม่มีหัวหน้า ไม่มีเพื่อน ไม่มีคนรัก นายพร้อมที่จะเสียสละหรือเปล่า’
รามยิงปืนใส่อกก้องภพแทนคำตอบ ก้องภพเซล้มไปด้านหลัง ลูกน้องฝรั่งสองคนรีบวิ่งเข้ามาประคองก้องภพลุกยืน มองอย่างพอใจ
‘ดีมาก ฉันคิดว่านายพร้อมแล้ว’
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต รามทอดถอนใจ พูดกับตัวเองเบาๆ
“แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีผม แม่ก็ยังอยู่มาได้ ผมมันก็แค่ภาระที่พ่อโยนให้แม่ ขอโทษด้วยนะครับที่ผมจำเป็นต้องเลือกหน้าที่”
รามตัดใจวิ่งไปทางรั้ว ปีนออกไปอย่างว่องไว

คนใช้ที่กำลังเช็ดตู้อยู่ ทำกรอบรูปแม่ธิดาตกแตกที่พื้น
เพล้ง!
ธิดาปรี่เข้าตบหน้าคนใช้หน้าหัน
“แกจะลาออกไปเอง หรือให้ฉันส่งแกไปให้คุณพ่อ”
คนใช้กลัวมากปล่อยโฮวิ่งหนีออกจากห้อง ชนรามที่เดินเข้ามา รามมองไปที่รูปกับเศษกระจก
“มาก็ดีแล้ว ช่วยเอาไปทิ้งให้ไกลๆทีสิ”
รามหยิบรูปขึ้นมาเห็นหน้าเหมือนธิดา
“ใครหรือครับ หน้าตาคล้ายคุณเทเรซ่ามาก”
“แม่ฉันเอง”
“แล้วคุณจะทิ้งทำไม”
“ฉันมีพ่อคนเดียวก็พอ ผู้หญิงคนนี้ฉันอยากลืมๆไปซะ”
“คุณไม่มีทางลืมได้หรอก ไม่ว่าเขาจะจากเป็นหรือจากตาย”
ธิดาอารมณ์เสีย
“นายจะรู้อะไร นายได้อยู่กับแม่ แต่แม่ฉันทิ้งฉันให้อยู่อย่างคนผิด ฉันเกลียดเขา”
รามพูดเหมือนเพ้อกับตัวเอง
“ถึงผมจะเคยอยู่กับแม่ แต่กลับเหมือนคนไม่รู้จักกันเลย”
ธิดางง
“นายพูดอะไรของนาย ฉันเห็นนายบอกว่าไปดูแลแม่ที่ป่วยอยู่บ่อยๆ แล้วจะมีปัญหากันได้ยังไง”
รามสะดุ้ง อึกอักที่เผลอหลุดไป
“เออ คือ ผมก็แค่อยากพูดให้คุณเทเรซ่าสบายใจขึ้นเท่านั้น แม่ลูกหลายๆคู่ก็มักมีปากเสียงกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา”
รามรีบเปลี่ยนเรื่อง จับมือธิดา แล้ววางรูปให้ ธิดาหวิวใจมองมือราม ถือโอกาสกอดรามซะแน่น
“ไม่รู้ทำไม เวลานายพูดอะไรฉันก็รู้สึกสบายใจไปหมด”
รามอึดอัด แต่จำใจกอดตอบ ทันใดเขาหูแว่ว ได้ยินเสียงเมขลา...
‘รู้มั้ยว่าคุณกำลังจะผิดศีลข้อกาเม ตายไปต้องปีนต้นงิ้ว โดนหอกแหลมแทงทุกวันๆ’
รามหูแว่ว สะดุ้ง ผลักธิดาออกอย่างแรงด้วยความกลัว
“เฮ้ย ผมเปล่านะ”
ธิดางง
“โอ๊ย นายผลักฉันทำไมเนี่ย ฉันเจ็บนะ”
“เออ ผมกลัวคุณเหยียบเศษแก้ว ผมจะไปตามคนมาทำความสะอาดให้นะครับ ระวังด้วยนะครับ”
รามร้อนรนออกไป
“แม่ได้ยินแล้วใช่มั้ยคะ รามเขาห่วงหนูมากกว่าแม่ซะอีก” ธิดาพูดกับรูปแม่...

รามถอนหายใจโล่งอก รีบดึงพระที่ก้องภพให้ออกมาพนมมือไหว้ท่วมหัว
“ขอให้หลวงพ่อเผ่น วัดหน้าตั้ง ช่วยให้ยัยตัวแสบเมขลา เลิกตามหลอกหลอนลูกช้างด้วยเถอะ เจ้าประคู้น อย่าได้จองเวรจองกรรมกันอีกเลย”
พูดแล้ว รามก็อดห่วงเมขลาไม่ได้อีก
“ไม่รู้ป่านนี้ไปสิงสถิตอยู่ที่ไหน” รามรีบสลัดความคิด “เฮ้ย ช่างเขาปะไร ต่างคนต่างอยู่ ไม่เกี่ยวกัน”
ขณะเดียวกัน แสงเข้ามา รามรีบทำตัวนอบน้อม
“เก็บเสื้อผ้าของแกให้พร้อม พรุ่งนี้เราต้องเดินทางไปกับพ่อเลี้ยง”
“ไปไหนหรือครับ” รามถามอย่างสงสัย

เมื่อเมขลามาช่วยโรวขายของนั้น...เธอค่อยๆโผล่หน้าออกมาจากมุมร้าน กวาดตาระแวดระวังให้โรส
“ทางสะดวกแล้วโรส แกเสร็จหรือยัง”
เมขลามองเข้าไปในร้าน โรสมีผ้าคลุมผมกับใส่แว่นดำบังหน้าตา หอบหิ้วถุงใส่เครื่องสำอางออกมา
โรสเลิ่กลั่กมองซ้ายมองขวาตลอด
“เรียบร้อย ขายที่นี่ไม่ได้ ก็เอาไปเร่ขายตามออฟฟิศก็ได้วะคนอย่างโรสไม่มีวันอับจนปัญญา”
เมขลาช่วยหิ้วของถุงใหญ่
“ถ้าขายหมดนี่ พอจะใช้หนี้ได้หรือเปล่า”
“โอ๊ยแก เรื่องหนี้พักไว้ก่อนเถอะ เอาแค่ให้มีชีวิตอยู่รอดไปวันๆก่อน ไปเร็ว”
โรสรีบไป เมขลาดึงกลับมา
“เดี๋ยวซิโรส แต่แกเป็นหนี้ก็ต้องใช้เขานะ”
เสียงหัวหน้านักเลงดังขึ้น
“ฉันเห็นด้วย”
โรสหันไปแว้ดใส่โดยยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
“แกมายุ่งอะไรด้วยยะ”
หัวหน้ายืนหน้ายักษ์ใส่ ลูกน้องยืนเรียงด้านหลัง
“ว้าย!” โรสยกมือไหว้ “ขอโทษนะคะ หนีเร็วยัยเม”
โรสวิ่งหนี
“จับมันให้ได้” หัวหน้าสั่ง
โรสวิ่งหน้าเริ่ด เมขลาวิ่งตาม โดนหัวหน้านักเลงคว้าถุงจนขาด เครื่องสำอางร่วงพรู เมขลารีบก้มคว้าน้ำหอมพ่นใส่ หัวหน้าป้องหน้าไว้ทัน
จู่ๆโรสโผล่กลับมาดึงน้ำหอมไป
“นี่มันชาแนลของแท้นะแก รู้มั้ยว่าหยดละเท่าไหร่” โรสส่งโคโลญให้ “กระจอกอย่างไอ้กุ๊ยพวกนี้ แค่โคโลญถูกๆก็พอ ฉันไปก่อนนะ แกช่วยขวางมันให้ที ฉันรักแกนะเม”
โรสวิ่งไปเลย เมขลารับมางงๆ นักเลงตั้งตัวได้จะตามโรสอีก เมขลารีบฉีดโคโลญใส่หน้า แต่ฉีดไม่ออก
หัวหน้างกระชากโคโลญไปเหวี่ยงทิ้ง เมขลาถอยหลัง
หัวหน้าเดินกรุ้มกริ่มเข้าหา...
“นังโรสมันมีเพื่อน สวยหยาดเยิ้มเหมือนนางฟ้าก็ไม่ยักบอกน้องคนสวยอยากเอาตัวมาขัดดอกให้เพื่อนสักคืนมั้ยจ๊ะ”
หัวหน้ากับลูกน้องหัวเราะชอบใจ
“เอาไอ้นี่ไปทำความสะอาดปากเหม็นๆของแกก่อนแล้วกัน”
เมขลายัดแปรงปัดหน้าที่มีพู่ใหญ่มาก เข้าปากหัวหน้าเต็มๆจนพูดไม่ได้ แล้วหันหลังจะวิ่ง แต่หัวหน้าดึงแปรงปัดหน้าออกจากปากอย่างโกรธจัด กระชากไหล่เมขลาให้หันกลับมา เงื้อมือจะตบ
เทวัญเข้ามาจับข้อมือนักเลงไว้ แล้วชกใส่ หัวหน้ายังไม่ทันมองว่าเป็นใครชกกลับ เทวัญหลบหมัดซ้ายขวา แล้วชกหัวหน้าเซไป หัวหน้าสั่งลูกน้อง
“สั่งสอนมัน”
ลูกน้องพากันวิ่งเข้าใส่ เทวัญเตะต่อยฝีมือดีกว่าลูกน้องกระจอกมาก ล้มกันไปคนละทิศละทาง
เทวัญบิดแขนลูกน้องอีกคนพับไปด้านหลังจนร้องโอดโอย แล้วผลักไปชนหัวหน้าซึ่งกำลังจะวิ่งเข้าหาเทวัญ จนล้มเซไปทับพวกลูกน้องที่นอนกองกันอยู่ หัวหน้าชักปืนจากข้างหลังจ่อ
“ระวังคุณเทวัญ” เมขลาร้อง
“เอาซิ ถ้าแกกล้ายิงมือขวาพ่อเลี้ยงปองธรรม”
“ฮะ มือขวาพ่อเลี้ยง”
ทุกคนเลิ่กลั่ก
“เสียดาย ฉันไม่มีนามบัตร ถ้าไม่เชื่อ เดี๋ยวฉันโทรหาพ่อเลี้ยง แล้วแกถามเอง”
เทวัญควักโทรศัพท์
“อย่าๆๆ ไม่ต้องครับ”
หัวหน้าและลูกน้องรีบคลานๆไปคุกเข่าต่อหน้าเทวัญและเมขลา แล้วตบหน้าตัวเองไม่หยุด
“พวกเรามีแต่ลูกกะตา แต่ไร้แวว ได้โปรดไว้ชีวิตเราด้วย”
เมขลางงๆ เทวัญยิ้มเจื่อนๆกลัวเมขลาจะรู้ความจริงว่าตนเองเป็นลูกปองธรรม ไม่ใช่ลูกน้องอย่างที่เคยบอกไว้
โรสแอบดูอยู่ยังไม่กล้าออกไป มองเทวัญ
“หรือว่าไอ้หมอนี่เป็นแฟนยัยเม เจ้าของแหวนหมั้นวงนั้นขนาดไอ้พวกนี้ยังตัวสั่นเป็นลูกหมา ต้องไม่ใช่คนธรรมดา”

นักเลงกุลีกุจอช่วยกันจัดวางสินค้า ในร้านโรสให้เปิดขายได้ตามปกติ เมขลายืนมองร้าน
“ทำไมพวกเขาถึงกลัวคุณมากมายขนาดนี้ ฉันงงไปหมดแล้ว”
“นักเลงพวกนี้ ต้องอาศัยบารมีของเจ้านายผมหากิน มันจะไม่กลัวได้ไงล่ะครับ”
“อย่างนี้นี่เอง แล้วใครบอกคุณคะว่าฉันอยู่ที่นี่”
“ผมแวะจะเอาไอ้นี่ไปคืนคุณที่บ้านคุณโรส แม่คุณโรสบอกว่าคุณมาที่นี่ ความจริงผมจะคืนให้ตั้งแต่วันก่อน แต่ก็ลืม”
เมมองกล่องแหวน เทวัญเปิดให้ดู
“นี่มันแหวนแต่งงานของสามีฉัน เออ อดีตสามี มันมาอยู่ที่คุณได้ไงคะ”
เทวัญอึกอักไม่อยากบอกว่ารามทิ้งกลัวเมขลาเสียใจ แต่เธอก็พอจะเข้าใจว่ารามคงไม่ต้องการมันแล้ว ก็โมโหขึ้นมาทันที
“ในเมื่อเขาไม่ต้องการมันแล้ว ก็ทิ้งไปเถอะค่ะ”
เมขลาโกรธราม ปากล่องแหวนลอยละลิ่วไปบนอากาศ โรสแอบดูอยู่ทนไม่ไหวเพราะเสียดาย
“เฮ้ย แกไม่เอาก็ให้ฉันซิ”
โรสถลาออกไปกระโจนขึ้นคว้า พร้อมๆกับเย็นที่ตามเทวัญมา กระโจนขึ้นคว้าเช่นกัน สองคนกระแทกกันจังๆหงายท้องไปทั้งคู่
“โอ๊ย”
เทวัญเห็นเย็นตามมาก็ตกใจมาก

โรสรีบคลานหาแหวนด้วยความโลภ
“แหวน แหวนอยู่ไหน”
เย็นเห็นกล่องแหวนตกอยู่ข้างตัว รีบคว้าหมับยัดใส่กระเป๋ากางเกงโดยโรสไม่เห็น เย็นก็ยังไม่เห็นหน้าโรสถนัดๆ โรสลุกขึ้นไปด่าเย็นฉอดๆ
“เพราะนายคนเดียว เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ถ้าฉันหาแหวนไม่เจอ ฉันจะแจ้งตำรวจให้จับนาย”
เย็นตะลึงเพิ่งได้เห็นหน้าโรส ซึ่งสวยถูกใจมาก เย็นเขินจนพูดผิดพูดถูก
“ข้า ข้า ผะ ผะ ผม เออ ห้องส้วมปะไปทางไหนครับ”
“ไอ้บ้า โผล่มาขัดลาภฉัน แล้วยังมีหน้ามาถามทางไปส้วม อุบาทว์ แหวะ จะอ้วก”
โรสเห็นเทวัญจูงเมขลาวิ่งหายไปแวบๆ
“เฮ้ยเม แกจะไปไหน”
เย็นได้สติเห็นหลังเทวัญรีบตาม
“คุณเทวัญ”
ทั้งคู่จะวิ่งเลยหัวชนกันล้มอีกรอบ
“โอ๊ย”
โรสโมโหจัด เจ็บหัวมาก
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว นายตั้งใจจะแกล้งฉันใช่มั้ย ไอ้หน้าส้วม”
โรสเงื้อหมัดชกใส่หน้าเย็นเต็มๆ เย็นมึน

เมขลา กับเทวัญที่วิ่งหนีมาได้ ยืนหอบ
“ทำไมคุณต้องวิ่งหนีด้วย หรือคุณทำผิดอะไรมา”
“เขาคงจะมาตามผมกลับไปทำงาน แต่หลังจากที่คุยกับคุณคืนนั้น ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าลองสู้ดูสักตั้ง”
เมขลาดีใจ
“คุณทำถูกแล้วค่ะ ฉันดีใจด้วยจริงๆที่คุณคิดได้”
“แต่ตอนนี้ผมเป็นคนตกงานแล้ว คุณเมจะเต็มใจคบผมเป็นเพื่อนหรือครับ”
“ฉันก็ตกงานเหมือนกัน คุณจะเลิกคบกับฉันหรือเปล่าละคะ”
เทวัญหัวเราะออกมา
“เราไปฉลองอิสรภาพของคุณดีมั้ย”
“ฉลองแบบไหนหรือครับ”
“ฉันจะพาคุณไปทำในสิ่งที่คุณอยากทำมากที่สุดแล้วยังไม่เคยได้ทำ คุณอยากทำอะไรล่ะ”
“ผมหรือ” เทวัญหน้าหมองลง “มันคงทำไม่ได้หรอกครับ”
เมขลามองเทวัญด้วยความอยากรู้

ปองธรรมฉุนเฉียว เมื่อรู้ว่าเทวัญหนีไป
“มันอยู่ที่ไหน”
“แถวตลาดนัดหลังการบินไทยครับ ไอ้พวกคุมตลาดมันเห็นคุณเทวัญ ผมก็เลยตามไปดู โอ้โห...ไม่เสียเที่ยว แถวนั้นแม่ค้าสวยเฉียบอย่าบอกใคร แต่หมัดหนักบรม”
เย็นมีผ้าก๊อซอันโตปิดดั้งจมูกเล่า แสงกระทุ้งศอกใส่เย็นให้หยุดพูด
“ไอ้ลูกไม่รักดี ออกเดินทางได้เลย ไม่ต้องรอมันแล้ว”
ปองธรรมประกาศ ทั้งหมดจะไป ธิดาหิ้วกระเป๋าเดินทางมายืนดักหน้าพ่อ เข้าไปกอดเอวออดอ้อน
“ขอหนูไปด้วยคนนะคะคุณพ่อ ให้หนูอยู่ทางนี้คนเดียวเหงาแย่”
ธิดาปรายตาไปทางราม แสดงให้เห็นว่าอยากอยู่ใกล้รามมก รามเซ็งไม่น้อย เพราะตั้งใจว่าตามปองธรรมไปเชียงรายครั้งนี้ เขาจะทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีธิดามาคอยวุ่นวาย

ที่วัดม่วง จังหวัดอ่างทอง เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ ซึ่งเป็นองค์พระทองคำขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความเชื่อกันว่าหากใครได้ไปยื่นมือแตะปลายพระหัตถ์ขององค์พระแล้วอธิษฐาน จะได้ยินถึงพระองค์และสมปรารถนา เทวัญมององค์พระทองคำขนาดใหญ่อยู่เบื้องหน้า แล้วยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ...
“นานมากแล้วที่ผมไม่เคยเข้าวัดทำบุญเลย นานจนนึกไม่ออกว่าครั้งสุดท้าย ผมเคยเข้าวัดเมื่อไหร่”
“ถ้างั้นวันนี้คุณอยากขออะไรท่าน ก็ขอเลยนะคะ ท่านศักดิ์สิทธิ์มากๆ คุณแค่แตะปลายนิ้วองค์พระแล้วก็หลับตาอธิษฐาน ลองขอให้ได้งานดีๆที่คุณอยากทำก็ได้นะคะ”
เทวัญมองไปยังมือขององค์พระ ซึ่งอยู่สูงเหนือหัว...
“ผมอยากขอล้างบาปที่เคยทำไว้ทั้งหมด ท่านจะยอมให้อย่างที่ผมขอหรือครับ”
เมขลาอึ้งไปนิด แล้วยิ้มอย่างเชื่อมั่น
“ฉันเคยขอแม่จากท่าน มันไม่มีทางจะเกิดขึ้นจริงได้เลยใช่มั้ยคะ แต่ท่านก็เมตตาส่งแม่อุปถัมภ์มาให้ฉันแทน”
เทวัญเปลี่ยนใจ จะเดินหนี
“ผมว่าอย่าดีกว่า คนที่อยู่ในโลกมืดอย่างผมแค่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่ถูกที่ถูกทางแล้ว กลับกันดีกว่าครับ”
เมขลารีบดึงไว้
“แค่คุณเชื่อมั่นในความดีที่ทำ บาปในใจคุณก็จะถูกล้างให้หมดไปนะคะ”
เทวัญลังเล ไม่กล้าแตะนิ้วกับองค์พระ เมขลาตัดสินใจจับมือเทวัญให้ยื่นขึ้นแตะ ปลายนิ้วเทวัญสัมผัสกับปลายนิ้วขององค์พระ เสมือนหนึ่งความชั่วความดีมาบรรจบกัน
เมขลาปล่อยมือจากมือเทวัญแล้วพยักหน้าให้อธิษฐาน เทวัญเงยหน้ามองปลายนิ้วแล้วหลับตาอธิษฐาน
เมขลายิ้มอย่างสุขใจที่เห็นเทวัญได้ทำในสิ่งที่ปรารถนาแล้ว แต่จู่ๆก็หน้าเจื่อนลงเมื่อนึกถึงรามขึ้นมา
“นายราม ถ้าคุณสำนึกได้บ้างสักนิดก็คงจะดี”
เมยังอดห่วงรามไม่ได้อยู่ดี

ที่ไร่ชา เชียงราย...รามมองสำรวจไร่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา พลางยกนาฬิกาข้อมือรายงานก้องภพ
“แผนสำเร็จไปอีกขั้นครับท่าน ตอนนี้ผมอยู่ที่ถ้ำเสือแล้ว เชื่อว่าที่นี่น่าจะเป็นแหล่งสต๊อคยาของพวกมัน”
ทันใด มีมือมาแย่งนาฬิกาไปจากมือราม
“นาฬิกาเรือนนี้มันมีอะไรดีวะ เห็นเอ็งดูเวลามันทั้งวัน”
รามตกใจที่เห็นเย็นพลิกหน้าพลิกหลังดู
“เออ ผมขอคืนเถอะพี่เย็น มันก็แค่นาฬิกาแถวคลองถมน่ะเรือนไม่กี่สตางค์หรอก”
เย็นเอามาทาบที่ข้อมือ แล้วยื่นคืน
“งั้นเอาคืนไป อย่างข้ามันต้องใส่ยี่ห้อโอเลี้ยงโว้ย”
รามโล่งอก
“โอเรียนท์พี่ ไม่ใช่โอเลี้ยง”
เย็นรีบดึงแขนรามมากระซิบ
“เฮ้ย มันก็สำเนียงคล้ายๆกันแหละ...เออนี่ข้ามีข่าวดีจะเล่าให้ฟัง เอ็งรู้มั้ยตอนข้าไปตามคุณเทวัญ ข้าเห็นเขาอยู่กับใคร ถ้าเอ็งรู้ต้องช็อกแน่ๆ”
รามคิดว่าเป็นพวกค้ายา
“ใครหรือพี่เย็น พวกมาเฟียค้ายาหรือเปล่า”
“เมียแกนั่นแหละ ดูสนิทกันมาก มีจับมือถือแขน ท่าทางสวีทหวานไม่ใช่เล่น”
รามลืมตัว เขย่าไหล่เย็นแรงๆ
“อะไรนะ ยัยนั่นคิดมีชู้หรือ”
เย็นสะบัดรามออก
“เฮ้ย ก็เอ็งบอกคุณเทเรซ่าว่าหย่ากันแล้ว จะเรียกมีชู้ได้ไงวะ”
รามได้สติ รีบอธิบาย
“ก็พี่ลองคิดดู พอเลิกกันปั๊บ ก็ไปมีคนใหม่ปุ๊บ มันน่าทุเรศ”
เย็นยื่นแหวนให้
“เออว่ะ ขนาดแหวนเนี่ยมันยังปาทิ้ง ของเอ็งหรือเปล่า”
รามรับมางงๆรามพึมพำ
“มันไปอยู่กับเมขลาได้ยังไง”
เย็นตบบ่า
“เอ็งสบายใจได้แล้ว เล่นปาแหวนทิ้งอย่างงี้ เรื่องจะกลับมาตื๊อเอ็งให้ปวดกบาลอีกไม่มีทาง ยินดีด้วยนะโว้ย”

เย็นจับมือรามเขย่า โดยไม่ได้สังเกตว่าหน้าตารามนั้นจ๋อยมากๆ

อ่านต่อตอนที่ 10




กำลังโหลดความคิดเห็น