xs
xsm
sm
md
lg

หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 8

พาณิชย์นำตัวชลิตที่อยู่ในสภาพถูกจับมัดมืออย่างแน่นหนา มีกาซูและลูกน้องคุมตัวไว้เข้ามา ดาหวันยืนอยู่กับพวกแจ๋ กิมจิ และบุญทิ้ง แอบมองชลิตอย่างห่วงใย

ไม่นานนัก ศิริ ธานี ธนวัติ ก็พาฉวีวรรณเดินเข้ามาสมทบ มีสุภาพและอาหลู่ตามติด และลูกน้องธานีซึ่งคุมตัวดนัยที่โดนจับมัดมือไว้ ดนัยยังมีผ้าพันตรงแผลที่ถูกธนวัติยิง อุ๊บอิ๊บห่วงดนัยคอยแต่จะโผเข้าไปหา แต่โดนธานีดึงรั้งไว้
“พี่ดนัย!”
ศิริ ฉวีวรรณ ดาหวัน ดนัย ชลิต แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งเจอหน้ากันต่างก็ดีใจ
“ยายหวัน!” ศิริดีใจ
“พ่อ! พี่หวี! พี่ดนัย!” ดาหวันเองก็ดีใจระคนตกใจ
“หวัน!” ฉวีวรรณดีใจเห็นน้องสาวปลอดภัย
ศิริ ฉวีวรรณและดาหวันวิ่งมากอดกัน สามพ่อลูกดีใจที่ได้พบกัน
ศิริมองดู ดาหวัน “ไหนดูสิ ใครทำอะไรหวันรึเปล่า โธ่ ผอมซูบเลยลูกเอ๊ย”
“หวันไม่เป็นไรค่ะพ่อ หวันปลอดภัย”
ศิริจูบที่ผมของฉวีวรรณและดาหวันด้วยความคิดถึงลูก
ดนัยและชลิตมองตากันอย่างรู้กัน อาศัยจังหวะทุกคนเผลอ ดนัยถีบลูกน้องที่คุมตัวอยู่ ชลิตใช้หัวโขกลูกน้องอีกคน ล้มทับกันเป็นทิวแถวโกลาหล แล้วทั้งสองรีบหนีออกเฟรมไป
“ดนัย!” ฉวีวรรณเรียกขึ้น
“พี่ชลิต!” ดาหวันเรียกออกมา
“จับพวกมันไว้ อย่าให้หนีไปได้!”
ธนวัติสั่งลูกน้อง พวกลูกน้องกรูกันไปตามจับตัวดนัยกับชลิต ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง อุ๊บอิ๊บต่างเป็นห่วงดนัยและชลิต

ดนัยและชลิตวิ่งหนีเข้ามาที่มุมหนึ่งคุยพอได้ยินกันแค่สองคน ชลิตบอกกับดนัย
“ฉันดีใจนะ ที่แกรอดมาได้”
“ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอกถ้ายังไม่จับพวกไม้เถื่อนนั่นก่อน”
“อะไรนะ”
“แกได้ยินไม่ผิดหรอก ...ไอ้ธนวัติ กับพวกของมัน ค้าไม้เถื่อน”
ชลิตฟังแล้วเก็ททันที “นึกว่าใคร ที่แท้พวกมันนี่เองที่ เป็นนายทุนตัดไม้ในดงผีฟ้า”
พวกลูกน้องตามมาขัดจังหวะคุย ดนัยและชลิตสู้กับพวกลูกน้องทั้งๆ ที่ถูกมัดมืออยู่ทั้งคู่ ดนัยถีบพวกลูกน้องล้มลง
แต่แล้วดนัยก็โดนลูกน้องคนหนึ่ง เข้ามาล็อกคอจากด้านหลัง ดนัยดันตัวลูกน้องคนนั้น ไปกระแทกต้นไม้อย่างแรงหลายครั้งจนมันล้มลง
ชลิตวิ่งหนีหลอกล่อไปมา หลบหลังต้นไม้ อาศัยความไวทำให้พวกลูกน้องงง พอลูกน้องคนหนึ่งจะจับตัว ชลิตใช้นิ้วจิ้มตาลูกน้อง แล้วรีบหนีไป
ลูกน้องสองคนวิ่งเข้ามาจับตัวชลิต ชลิตหลบทัน แล้วซัดทั้งคู่ล้มไปกอง ทุกคนตามเข้ามาลุ้น ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง อุ๊บอิ๊บต่างห่วงดนัยและชลิต
“ระวัง!”
สุภาพและอาหลู่ช่วยกันจับตัวฉวีวรรณกับดาหวันไว้
“อย่าครับคุณหนู อย่าเข้าไป”
“ปล่อย”
เลาซาเดินเข้ามา พึ่งกลับเข้ามาจากป่า พร้อมท่อนไม้ในมือฟาดดนัย ทว่าดนัยหลบได้สองสามครั้ง แต่พลาดครั้งหนึ่ง ถูกทุบตรงที่มีแผลถูกยิง ดนัยเจ็บมาก ล้มลง
“โอ๊ย”
ฉวีวรรณตกใจร้องขึ้นมาอย่างลืมตัว
“ดนัย”
ชลิตหันไปมองดนัย ห่วงดนัย จนเสียสมาธิ ถูกลูกน้องคนหนึ่งถีบล้มลงไปอยู่ใกล้ๆ ดนัย ขณะที่
ดนัยจะลุกขึ้นสู้ต่อ แต่มีกระสุนปืนยิงเปรี้ยงลงมาที่พื้นตรงหน้าดนัยกับชลิต ทั้งสองชะงัก ธนวัติถือปืน เล็งที่ดนัยและชลิต
“นัดนี้โดนพื้น แต่นัดต่อไปตัดขั้วหัวใจแกสองคนแน่นอน”
ดนัยและชลิตชะงัก เลยโดนพวกลูกน้องเข้ามารุมทำร้ายและจับตัวไว้ได้ ฉวีวรรณและดาหวันทนไม่ได้ ฉวีวรรณศอกใส่สุภาพ ดาหวันกัดมืออาหลู่
สุภาพจุก ล้มลงไปกองกับพื้น ส่วนอาหลู่ร้องลั่น รีบปล่อยดาหวัน ธนวัติเล็งปืน ตาวาว จะยิงดนัยและชลิต ฉวีวรรณและดาหวันรีบวิ่งไปขวางดนัยและชลิตไว้ ฉวีวรรณปกป้องดนัย ดาหวันป้องกันชลิต
“อย่านะ อย่ายิง” ดาหวันร้องบอก
“ห้ามทำอะไรเขาสองคนนะ” ฉวีวรรณก็ไม่ยอม
เสียงอุ๊บอิ๊บกรี๊ดขึ้นมา
“อย่าทำพี่ดนัยนะ”
พาณิชย์ดึงอุ๊บอิ๊บออกไป
“หวี หวัน หลบไป มันอันตราย”
“ไม่!” ฉวีวรรณและดาหวันพูดปฏิเสธพร้อมกัน
ศิริเห็นท่าไม่ดี
“เก็บปืนเดี๋ยวนี้!”
ธานีเตือนสติลูกชาย “วัติ”
ธนวัติหงุดหงิด จำต้องลดปืนลง
“อย่าใช้ความรุนแรงสิ” ศิริย้ำอีก
“ผมแค่ขู่เท่านั้นแหละครับ” ธนวัติรีบแก้ตัว
“แค่ขู่ก็แล้วไป เราแค่จับตัวไว้ก็พอ ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ” ศิริว่า
“แกติดคุกหัวโตแน่” พาณิชย์รีบเยาะเย้ย
“หึ ดีเหมือนกัน อยากเจอตำรวจแทบแย่แล้ว จะได้บอกความจริงว่ามีไอ้พวกลักลอบตัดไม้เถื่อนในดงผีฟ้า” ดนัยสบโอกาสแฉพวกวายร้ายทำลายป่า
ธานี ธนวัติ พาณิชย์ กาซูและเลาซาตกใจ ร้อนตัว
“ไม้เถื่อน?” ศิริสงสัย
“ถ้าอยากรู้รายละเอียดก็ถามนายธานี เพื่อนรักของคุณลุงดูสิครับ”
ศิริหันไปมองหน้าธานี แต่ธานีรู้ตัวรีบทำหน้าเนียนๆ ไม่รู้เรื่อง
“แกพูดเรื่องอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง กล่าวหากันแบบนี้ได้ไง”
“คนเราทำอะไรไว้ย่อมรู้อยู่แก่ใจ” ชลิตเยาะ
“แกสองคนอย่าเปลี่ยนเรื่องดีกว่า ถึงยังไงพวกแกก็ต้องรับโทษในสิ่งที่ทำไว้” ธนวัติพยายามวางมาด
“ก็ให้มันรู้ไปว่าระหว่างลักพาตัวกับลักลอบตัดไม้เถื่อน อย่างไหนจะโทษหนักกว่ากัน”
พาณิชย์โกรธจัดจะเข้าไปชกชลิต
“หยุดพูดพล่อยๆ ใส่ความกันได้แล้ว”
ธนวัติรีบห้ามแล้วพูดขึ้น
“อย่าใจร้อนสิ แค่เรื่องโกหก คุณลุงศิริไม่เชื่อเรื่องพวกนี้หรอก ใช่มั้ยครับ”
“เธอสองคนมีหลักฐานรึเปล่า” ศิริหันไปถามดนัยและชลิต
ธานี ธนวัติ พาณิชย์ กาซูและเลาซาต่างออกอาการร้อนรน ลุ้นตัวโก่งกลัวดนัยจะมีหลักฐานมาแฉ
แต่แล้วดนัยพูดด้วยอาการเจ็บใจ
“ไม่มีครับ”
ธานี ธนวัติ พาณิชย์ กาซูและเลาซาโล่งอก
“ไม่มีหลักฐานก็อย่าปรักปรำกัน ฉันรู้จักธานีมานานฐานะอย่างเขา ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องทำเรื่องผิดกฏหมายแบบนี้”
“ขอบคุณครับพี่ศิริ ที่ไม่หูเบาเข้าข้างคนผิด” ธานีหันมาเยาะเย้ยดนัยกับชลิต “ถ้าพวกแกจะหาเรื่องทำลายชื่อเสียงฉัน เรื่องไหนก็ว่าไป แต่อย่าเอาฉันไปเกลือกกลั้วกับพวกค้าไม้เถื่อนแบบนี้ เพราะฉันรังเกียจแล้วก็ต่อต้านคนแบบนี้มาตลอด”
ธนวัติยิ้มเยาะผสมโรงกลบเกลื่อน
“เปลี่ยนวิธีหาเรื่องพวกฉันใหม่ซะ เพราะวิธีสกปรกแบบนี้มันไม่ได้ผล แล้วก็ ไม่แมนเอาซะเลย”
ธนวัติ ธานี พาณิชย์ กาซู และเลาซา มองอย่างสะใจ ดนัยและชลิตเจ็บใจที่จำนนเพราะไม่มีหลักฐาน
“เอาล่ะ ใกล้ค่ำแล้ว คืนนี้พักกันที่นี่ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางแต่เช้า”
ฉวีวรรณลืมตัว เข้าลูบใบหน้าดนัยที่มีรอยฟกช้ำด้วยความห่วงใย
“โธ่ ดนัย”
ดาหวันเองกลับหันไปถามทางฝ่ายชลิต
“พี่ชลิตเป็นไรรึเปล่า”
“พี่ไม่เป็นไร”
คนอื่นๆ ไม่ทันเห็นความผิดปกติ ทว่ามีแจ๋ที่มองฉวีวรรณห่วงดนัย และดาหวันดูแลชลิตแล้วงงมาก พยายามขยี้ตาว่าตัวเองตาฝาดรึเปล่า เสียงศิริสั่งสุภาพกับอาหลู่ดังขึ้น
“พาหวีกับหวันไปพักผ่อน”
สุภาพกับอาหลู่กล้าๆ กลัวๆ แต่ต้องทำตามคำสั่งนาย รีบพาตัวฉวีวรรณกับดาหวันตามศิริไป ระหว่างนั้นทั้งสองสาวยังมองดนัยและชลิตไม่วางตาด้วยความเป็นห่วง ก๊วนของ ธานี ธนวัติ พาณิชย์ กาซู เลาซา ตามออกไปด้วย กิมจิและบุญทิ้งต่างพากันโล่งอก
“นึกว่าจะมีการนองเลือดซะแล้ว”
บุญทิ้งบอกในขณะที่แจ๋เอาแต่ขยี้ตาไม่หยุด จนกิมจิสังเกตเห็น
“แกเป็นอะไรของแก”
“เมื่อกี้ฉันตาฝาดไปรึเปล่า ฉันเห็นหวีกับดนัย…แล้วก็…หวันกับชลิต อันที่จริงหวีต้องคู่กับชลิตแล้วหวันต้องคู่กับดนัยสิ โอ๊ย สับสนไปหมดแล้ว”
กิมจิฟังแล้วงงๆ ไม่เข้าใจ “อะไรของแก บ่นอะไรไม่รู้เรื่อง”

ที่หลังแค้มป์ พาณิชย์เดินเข้ามาถามธานีด้วยท่าทีร้อนรน
“ไอ้ดนัยกับชลิตมันไม่ธรรมดาจริงๆ คุณอาจะให้ทำยังไงต่อไปครับ”
เลาซาโพล่งออกมาอย่างเลือดร้อน
“ข้าจะจัดการเอง!”
“จะปล่อยไอ้อสุรกายของพวกแกออกมาเพ่นพ่านให้คนจับได้ แบบคราวที่แล้วน่ะเหรอ
กาซูไม่พอใจ เลาซาชี้หน้าธนวัติ
“เจ้าหยามข้า ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้!”
ธนวัติกับพาณิชย์จ้องเลาซาอย่างเอาเรื่อง อย่างไม่มีใครยอมแพ้ ธานีพยายามไกล่เกลี่ย
“หยุดๆๆ ไม่ใช่เวลามาแตกคอกันเอง” ธานีหันมาพูดกับกาซูและเลาซา “ขอบใจที่อยากช่วย แต่ถ้ามีใครสงสัยมันจะยุ่งกันไปใหญ่ พวกแกกลับไปที่ดงผีฟ้าก่อน ทางนี้เราจะจัดการกันเอง ถ้ามีอะไรฉันจะติดต่อไป”
กาซูและเลาซาไม่พอใจ แต่ยอมอ่อนให้ธานี
“ครั้งนี้ข้าเห็นแก่เสี่ย” กาซูบอกอย่างฉุนๆ
-กาซูและเลาซาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วหายไปทันที
ธานีพูดกับธนวัติและพาณิชย์ “จะพูดจะจาอะไรก็ระวังหน่อย เดี๋ยวพวกมันก็เสกหนังควายเข้าท้องหรอก
พ่อลูกคู่นี้ยังทำประโยชน์ให้เราได้ เก็บมันไว้ใช้ก็ไม่เสียหาย”
ธานีอบรมอย่างมีหลักการ ธนวัติและพาณิชย์ยอมอ่อนลง
“แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงครับ ถึงไม่มีหลักฐาน แต่ถ้าตำรวจสงสัยขึ้นมา เราจะเดือดร้อน”
ธานีนิ่งคิดก่อนจะพูดออก
“ไม่เห็นยาก ก็ทำให้มันบอกตำรวจไม่ได้สิ

พร้อมกันนั้นเสี่ยธานีระบายยิ้มเหี้ยมทั่วใบหน้า

ภายในเต็นท์ของศิริ ขณะนั้นฉวีวรรณกับดาหวันก้มลงกราบขอขมาศิริผู้เป็นพ่อ
“หวีขอโทษที่ทำให้พ่อเป็นห่วงค่ะ”
“หวันคิดถึงพ่อที่สุดเลยค่ะ”
สามคนพ่อลูกกอดกัน ศิริเอ่ยขึ้น
“เรื่องที่แล้วมาก็ให้มันแล้วไป ลูกทั้งสองปลอดภัย พ่อก็ดีใจแล้ว”
แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งดีใจพลอยซึ้งไปด้วย
“พ่อคะ ดนัยกับชลิตไม่ผิด พ่ออย่าแจ้งความจับพวกเขาเลยนะคะ”
“ใช่ค่ะ หวันขอให้พี่ๆ เขาพาหนี เพราะหวันไม่อยากแต่งงานกับไอ้พาณิชย์”
“ทำไมไปเรียกพี่พาณิชย์เขาแบบนั้นล่ะลูก”
“หวันพูดถูกแล้วค่ะ ธนวัติกับพาณิชย์ไม่ใช่คนดีนะคะพ่อ” ฉวีวรรณช่วยพูด
“แต่พวกเขามีน้ำใจช่วยพ่อตามหาหวีกับหวัน”
“ถึงยังไงหวันก็ไม่แต่งกับนายพาณิชย์เด็ดขาด หวันมีคนรักแล้ว”
ดาหวันโวยวาย จนศิริเครียด
“ใคร ไอ้ดนัยน่ะรึ คนไม่รู้จักคิดแบบนั้นจะดูแลลูกพ่อได้ยังไง ดูสิ สู้เขาไม่ได้ก็รวมหัวกันสร้างเรื่องใส่ความคนอื่น ทำแบบนี้พ่อรับไม่ได้จริงๆ มันไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้ว
“แต่ว่า…” ฉวีวรรณจะอธิบายแต่ศิริตัดบทขึ้นมา
“ไม่ต้องมาเถียง พ่อไม่ยอมให้ลูกแต่งงานกับเจ้าหนุ่มสองคนนั้นเด็ดขาด ยังไงก็ไม่ยอม!”
ศิริโกรธ เดินหนีไปเลย
“พ่อ พ่อฟังหวันก่อน”
ดาหวันลุกจะตามอธิบาย ฉวีวรรณรีบดึงตัวน้องสาวไว้
“หวัน ถ้าเราไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าพวกนั้นเป็นคนไม่ดีพูดไปก็เหนื่อยเปล่า”
แจ๋ตาโต เข้ามาถามอย่างสนใจใคร่รู้เต็มที่
“ตกลงเรื่องราวมันเป็นยังไง ฮ้า หวี” แจ๋อยากรู้เต็มทน
“เธอรู้เรื่องอะไรก็บอกพวกเรามาเถอะ” กิมจิไม่ต่างจากแจ๋
“พวกเราพร้อมจะช่วยคุณหวีคุณหวันนะครับ” บุญทิ้งปิดสวยๆ
ฉวีวรรณมองเพื่อนทุกคนด้วยความตื้นตันใจ
“ขอบใจทุกคนมากนะ..แต่ถ้าฉันเล่าแล้ว สัญญานะว่าจะเก็บเป็นความลับ เพราะฉันไม่อยากให้ทุกคนเดือดร้อน แล้วก็กลัวว่าพวกมันจะไหวตัวด้วย”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พวกเราเนียนอยู่แล้ว หวีเล่ามาเลย” แจ๋พูดจริงจัง

ที่หมู่บ้านชาลันในยามค่ำคืน วินยาหยิบผ้าพันแผลออกมาจากกระเป๋า วินยามองผ้าพันแผลแล้วนึกถึงดนัย
“ฉันหนีไปคนเดียวไม่เป็น ถ้าจะรอดก็ต้องรอดด้วยกัน”
วินยาเผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงคำพูดนี้ รู้สึกดีๆ กับดนัย
“ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ”
วินยานึกได้ แปลกใจตัวเอง
“ทำไมเราต้องนึกถึงเขา ทั้งๆ ที่เจอกันแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ทำไมนะวินยา”
วินยาไม่เข้าใจตัวเอง แต่ก็อดห่วงดนัยไม่ได้ วินยาวางผ้าพันแผลไว้ แล้วเดินไปที่หน้าต่าง เหม่อมองดวงจันทร์ นึกถึงดนัย
“ดนัย…”
วินยายืนมองพระจันทร์สวยงามบนฟ้า

บรรยากาศยามค่ำในป่าเงียบสงัด พระจันทร์ส่องลงมาที่เต็นท์ ของฉวีวรรณ ภายในเตนท์ แจ๋หลับสนิท กรนเสียงดัง ฉวีวรรณนอนไม่หลับ ลืมตาโพลงมองแสงจันทร์ที่ทะลุส่องเข้ามา เป็นห่วงดนัย
ดาหวันที่นอนอยู่ข้างๆ นอนนิ่ง ตะแคงอีกด้าน ก็นอนไม่หลับ เป็นห่วงชลิตเช่นกัน ในที่สุดฉวีวรรณทนไม่ไหว ลุกขึ้นนั่ง แล้วแอบย่องออกจากเต็นท์ไป ดาหวันหลิ่วตามอง ฉวีวรรณออกมาจากเต็นท์ จะไปหาดนัย ดาหวันตามมา
“พี่หวีจะไปไหน”
ฉวีวรรณตกใจ
“พี่ เอ่อ พี่นอนไม่หลับ เลยออกมาเดินเล่น แล้วหวันล่ะ ยังไม่นอนอีกรึ
“หวัน เอ่อ หวันจะเข้าห้องน้ำน่ะพี่” ดาหวันอึกอัก
ดาหวันกับฉวีวรรณต่างมีพิรุธทั้งคู่ ต่างทำเดินหนีไปคนละทาง

ฉวีวรรณหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง โดยเอากล่องปฐมพยาบาลซึ่งใส่ผ้าพันแผลและยาต่างๆ ติดมาด้วย ฉวีวรรณแอบมองดนัยกับชลิต มีลูกน้องของธานีสองคนเฝ้าอยู่
ดนัยและชลิตถูกจับอยู่ในคอกสี่เหลี่ยมที่สร้างโดยใช้ผ้าใบขึงกับต้นไม้ ตรงกลางมีเสาไม้ปัก ดนัยและชลิตถูกจับมัดมือเท้าผูกติดกับเสาไม้ในลักษณะหันหลังให้กัน ที่ตั้งของคอกนี้อยู่ห่างไกลจากเต็นท์ที่พัก เพื่อกันไม่ให้ศิริรู้เรื่องที่เกิดขึ้นบริเวณนี้
“จะเข้าไปยังไงละ” ฉวีวรรณบ่นกับตัวเอง
จังหวะนั้นมือของใครคนหนึ่งมาจับหัวไหล่ ฉวีวรรณตกใจ แต่พอหันมากลายเป็นแจ๋ กิมจิและบุญทิ้ง ฉวีวรรณโล่งอก “โธ่ ตกใจหมด”
“รู้นะว่าจะทำอะไร คิดการใหญ่อย่างนี้ลืมเพื่อนได้ไง”
แจ๋ยิ้มออกมาอย่างมีแผน

ลูกน้องของธานีสองคนเฝ้าดนัยและชลิต อย่างขันแข็ง กิมจิซึ่งหลบอยู่มุมหนึ่งเริ่มทำเสียงหมาหอน
ลูกน้องทั้งสองคนแปลกใจ อีกมุมหนึ่งแจ๋ห่มผ้าคลุมสีขาว ปล่อยผมยาวสยาย ทาแป้งพอกหน้าจนขาววอก ปรากฏตัวขึ้นโดยมีบุญทิ้งคอยส่องไฟฉายใต้คาง
ลูกน้องทั้งสองตกใจเห็นแจ๋ ที่แปลงร่างเป็นผี ขยี้ตาดู
“ผะ ผะ ผี!” ลูกน้องคนหนึ่งอุทาน
แต่จังหวะนั้นไฟฉายดันถ่านหมด อยู่ในอาการดับๆ ติดๆ แจ๋กับบุญทิ้งตกใจ
“ส่องไฟสิ ส่องไฟ” แจ๋กระซิบบอก
“ถ่านหมด”บุญทิ้งกระซิบตอบ
ลูกน้องทั้งสองเห็นแจ๋กับบุญทิ้งยุกยิกก็รู้ทันว่าโดนหลอก
“ผีปลอมนี่หว่า!”
ลูกน้องทั้งสองจะเข้าไปจับตัวแจ๋กับบุญทิ้ง และเกือบโดนจับตัวได้ แต่กิมจิกับฉวีวรรณย่องเข้ามาด้านหลัง ใช้ท่อนไม้ทุบหัวลูกน้องทั้งสองสลบไป แจ๋กับบุญทิ้งโล่งอก
“ใช้วิธีนี้แต่แรกก็สิ้นเรื่อง เกือบไปแล้วมั้ยละ” ฉวีวรรณฉุน

ดนัยและชลิตช่วยกันแก้เชือกที่มัดมือทั้งคู่อยู่ ชลิตกระทืบเท้า โวยวาย
“โอ๊ย ไอ้ยุงบ้า จะตามจองล้างจองผลาญฉันไปถึงไหน หมดกัน ขาลาย หมดหล่อกันพอดี”
ฉวีวรรณก้าวเท้าเข้ามาเหยียบใบไม้แห้งเสียงดัง ดนัยได้ยินเสียงฝีเท้า หันไปส่งสัญญาณให้ชลิตเงียบ
“ชู่ว์”
ชลิตหยุดโวย ระวังตัว ดนัยแก้เชือกได้แล้ว รีบย่องไปยืนหลบอยู่ตรงทางเข้า ชลิตรีบแก้เชือกที่มัดเท้าออก
ฉวีวรรณย่องเข้ามา พร้อมกล่องปฐมพยาบาล ดนัยไม่ทันมอง ล็อกคอฉวีวรรณและดึงมากอดแน่น
“ว้าย ฉันเอง”
ดนัยและฉวีวรรณลืมตัว สบตากันนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ชลิตร้องออกมาอย่างดีใจ
“หวี!”
เสียงชลิตปลุกให้ทั้งสองรู้สึกตัว ดนัยรีบปล่อยมือ ฉวีวรรณผละจากดนัย ทั้งสองต่างทำตัวไม่ถูก
“ยายป้าหวี…เธอมาทำอะไร”
“ฉัน เอ่อ”
ฉวีวรรณหันไปมองชลิต ไม่กล้าบอกว่าห่วงดนัย
“ฉัน….”
ดนัยมองชลิตกับฉวีวรรณแล้วเข้าใจไปเอง ดนัยพูดออกมาอย่างเศร้าๆ
“มาหาชลิตใช่มั้ย”
ฉวีวรรณอึ้ง ดนัยหึง แต่ทำปากเสียกลบเกลื่อน
“เธอคงจะห่วงแฟนมาก กลัวชลิตเป็นอะไรไปแล้วจะขึ้นคานล่ะสิ รถด่วนขบวนสุดท้ายแล้วนี่”
ฉวีวรรณโกรธเลยประชดออกมา “ปากเสีย... ใช่ ฉันมาหาแฟนฉัน!”
ดนัยเจ็บปวดใจ ฉวีวรรณสะบัดไปหาชลิต
“ชลิตจ๋า ฉันเอายากับผ้าพันแผลมาให้”
ฉวีวรรณแกล้งพูดเสียงหวานกับชลิต แต่หันไปค้อนดนัย
“มีทั้งยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ มามะ หวีจะทำแผลให้”
ชลิตงง
“ทำแผล? ฉันไม่ได้เป็นอะไรเลยนะหวี มีแค่แผลถลอกนิดหน่อย โน่น ดนัยต่างหากที่ต้องทำแผล”
ฉวีวรรณหน้าเจื่อน เพิ่งนึกได้ แต่กลัวเสียหน้า เลยแถต่อ
“แผลถลอกก็ต้องทำ เอ้า กินยาซะ”
ฉวีวรรณเทยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบให้ชลิต
“แต่ว่า…”
“กินเข้าไปเถอะน่า”
ฉวีวรรณดุ แล้วเอายายัดปากชลิตเลย ชลิตงง ส่วนดนัยหงุดหงิด หึงหวงเพราะเข้าใจผิดคิดว่าฉวีวรรณห่วงชลิตมาก
“ฮึ แผลถลอกนิดเดียว ทำเป็นเรื่องใหญ่โต”
“ฉันดูแลแฟนฉัน เกี่ยวอะไรกับนายด้วย”
“หวี ทำแผลให้ดนัยเถอะ” ชลิตขอร้อง
“ช่างเขา” ฉวีวรรณเน้นคำ ประชดดนัย “เขาไม่ใช่แฟนฉัน จะเป็นจะตายก็เรื่องของเขา”
ฉวีวรรณทายาให้ชลิต ทั้งๆ ที่เป็นแค่แผลถลอกนิดเดียว
“ขอบใจนะหวี” ชลิตขอบคุณ
“ขอบใจทำไมกัน ฉันต้องดูแลเธออยู่แล้ว” ฉวีวรรณย้ำชัดๆ เพื่อประชดดนัยอีก “ก็เธอเป็นแฟนฉันนี่”
ดนัยยิ่งหึง ไม่พอใจ ไปนั่งหลบมุมอยู่ตรงมุมหนึ่ง เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจ

จังหวะนั้นดาหวันก็แอบย่องเข้ามา ถือขวดโลชั่นทากันยุงมาด้วย
“พี่ชลิตจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ ป่านนี้โดนยุงกัดเลือดหมดตัวแล้วมั้ง”
ดาหวันห่วงชลิต แอบยิ้มอย่างดีใจที่จะได้เจอชลิต รีบเข้ามาในคอก ดีใจสุดๆ
“พี่ชลิต…”
ดาหวันเห็นฉวีวรรณกำลังทายาให้ชลิต ทั้งสองหัวเราะคิกคักสนิทสนม ดาหวันหุบยิ้มทันที เจ็บแปลบในใจ หันหลังจะกลับ แต่ชลิตเห็นดาหวันก็ร้องทักอย่างดีใจ
“หวัน!”
ดาหวันชะงัก
“อ้าว หวัน ไหนว่าไปห้องน้ำ แล้วมาทำอะไร”
“หวัน เอ่อ หวัน เอายากันยุงมาให้...” ดาหวันเฉไฉ “ให้พี่ดนัย พี่ดนัยเขาแพ้ยุง”
“พี่เนี่ยนะแพ้ยุง” ดนัยงง
“ใช่ พี่แพ้ยุง ลืมแล้วเหรอคะ มาค่ะ หวันทาให้”
ดาหวันทายากันยุงที่แขนให้ดนัย ดาหวันพูดหวานประชด
“ทาเยอะๆ นะคะพี่ดนัย ต้องป้องกันไว้ เดี๋ยวยุงกัดแล้วจะไม่สบาย หวันเป็นห่วงพี่ดนัยนะ”
ดนัยประชดฉวีวรรณขึ้นมาบ้าง “แหม หวันทั้งน่ารัก ทั้งใจดี แบบนี้พี่รักตายเลย”
ชลิตหึงที่ดาหวันใกล้ชิดดนัย แตะเนื้อต้องตัวกัน ฉวีวรรณหึงดนัยเลยประชดบ้าง
“โถ เจ็บมั้ยจ๊ะชลิต ขอบใจนะที่เธอเสี่ยงชีวิตปกป้องฉัน เธอเป็นผู้ชายที่เท่ที่สุด ฉันภูมิใจในตัวเธอจริงๆ”
ชลิตประชดกับเขาบ้าง “ที่ฉันทำไปทั้งหมดก็เพราะรักเธอนะจ๊ะหวี เธอคือชีวิตของฉัน”
ชลิตและฉวีวรรณมัวแต่มองดนัยกับดาหวัน ฉวีรรณลืมตัวเอาสำลีชุบเบตาดีนจิ้มๆๆ อย่างแรงตรงแผลถลอกที่แขนชลิต จนชลิตร้องอย่างเจ็บ
“โอ๊ย!”
“ตายแล้ว!”
ฉวีวรรณตกใจ ก้มมองแผล ชลิตก็ก้มมองแผลเช่นกัน หัวฉวีวรรณเลยโขกเบ้าตาชลิต
“โอ๊ย!”
“ว้าย ฉันขอโทษ ไหนดูสิ เป็นอะไรรึเปล่า”
ฉวีวรรณมองตาชลิต ดนัยและดาหวันยิ่งหึงหนัก ดาหวันทนเก็บอารมณ์ไม่ได้ ทิ้งยากันยุงแล้ววิ่งหนีออกไปเลย
“อ้าว หวัน!”
ชลิตมองตามดาหวัน ดนัยและฉวีวรรณหันมาสบตากันพอดี ต่างคนต่างสะบัดหน้าหนี

ดาหวันวิ่งหนีมาหยุดที่มุมหนึ่งใกล้ๆ เต็นท์ น้ำตาคลอ ดาหวันบอกกับตัวเอง
“อย่าลืมสิดาหวัน…ว่าพี่ชลิตกับพี่หวีรักกันมาตั้งนานแล้ว พี่ชลิตเป็นคนรักของพี่หวี…พี่สาวเรา ท่องไว้สิ แฟนพี่หวีๆๆๆ”
ยิ่งท่องยิ่งเศร้า ดาหวันทนไม่ไหว ร้องไห้โฮออกมา
“ฮือ...ๆๆๆ”

ทางด้านดนัยและฉวีวรรณอึดอัดสุดๆ ขณะที่ชลิตก็คอยชะเง้อมองหา ห่วงดาหวัน
“หวันทำไมหายไปนานจัง” ชลิตพึมพำ
ฉวีวรรณพยายามทำเป็นไม่สนใจดนัย ก้มหน้าก้มตาทายาให้ชลิตต่อ
“พอเถอะหวี ทายาจนแผลจะเปื่อยแล้ว เอาไปให้ดนัยเถอะ”
ชลิตบอกย้ำ ฉวีวรรณลังเล “เออ...”
“ไปเถอะ เดี๋ยวฉัน ...ฉันไปยิงกระต่ายก่อนนะ”
ชลิตรีบวิ่งออกไปเลย ฉวีวรรณลุกขึ้นร้องตาม
“ชลิต ระวังตัวด้วยนะ”
ฉวีวรรณค่อยหันมามองดนัย สบตาดนัยที่มองจ้องอยู่แล้ว แต่ต่างคนต่างฟอร์ม ดนัยเสดูแผลตัวเอง
ฉวีวรรณตัดสินใจเดินเข้ามานั่งข้างๆ ยื่นผ้าพันแผลและยาทั้งหมดให้ดนัยอย่างไม่เต็มใจ
“เอ้า มันเหลือ เอาไปสิ”
ดนัยหมั่นไส้ แต่ก็รับมา ทำแผลเองแบบไม่ค่อยถนัด ฉวีวรรณทำเป็นไม่สนใจ แต่แอบมอง แอบห่วง
ดนัยพยายามทำแผลแต่ไม่ถนัด ฉวีวรรณทนดูไม่ได้พูดเสียงแข็ง
“มานี่ ฉันทำให้”
ฉวีวรรณเปิดดูแผล เห็นว่าดีขึ้นมากแล้วก็ใจชื้น
“ไม่น่าเชื่อ แผลนายแทบจะหายเป็นปลิดทิ้งแล้วนะเนี่ย ยาสมุนไพรของยายวินยานี่ ได้ผลจริงๆ”
ดนัยพูดโดยไม่ได้คิดอะไร
“ใช่ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก น่าเสียดายที่เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน ฉันเลยยังไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ทำอะไร”
ฉวีวรรณปั้นปึ่งขึ้นมาอีก ทั้งหึงทั้งงอนที่ดนัยพูดถึงวินยา
“อยากตามเขามาทำแผลให้ใช่มั้ย ฉันจะได้ไม่ต้องทำ”
ฉวีวรรณทำท่าจะไป ดนัยรีบจับมือฉวีวรรณไว้
“อย่าไปนะ”
ฉวีวรรณชะงักกึก มองสบตายิ่งใจอ่อน เป็นเทียนลน
“ฉันแค่รู้สึกว่ายังไม่ได้ขอบคุณวินยาเท่านั้น ส่วนเรื่องทำแผล ฉันไม่เคยอยากให้ใครทำแผลให้ เท่ากับเธอ”
ฉวีวรรณฟังแล้วเขิน รีบดึงมือออก
“อย่าพูดมากเลย เวลามีน้อย เดี๋ยวใครมาเจอจะยุ่ง”
ฉวีวรรณค่อยลงมือ ทำแผลให้อย่างอ่อนโยน ดนัยแอบมองฉวีวรรณ เพลิน จังหวะที่ฉวีวรรณทำแผลให้เสร็จ เงยหน้าขึ้น สบตาดนัยที่จ้องอยู่พอดี
ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง ต่างคนต่างมีใจต่อกัน ฉวีวรรณหลบตา ทำหน้าไม่ถูกเสไป หยิบยาแก้ปวดและแก้อักเสบให้ดนัยกิน พร้อมเทน้ำให้
“ขอบใจนะ”
ดนัยซาบซึ้งใจ ฉวีวรรณไม่ตอบอะไร รู้สึกเขินๆ แปลกๆ จนไม่กล้าสบตาดนัย

ส่วนชลิตมาเดินมองหาดาหวันอย่างเป็นห่วง
“ยายเด็กแก่แดด หายไปไหนของเขานะ ไม่รู้หรือไงว่าเป็นห่วงแค่ไหน” พอพูดจบแล้ว อึ้งนึกได้เอามือแตะปากตัวเอง “เฮ้ยย ...พูดอย่างนี้ได้ยังไง”
ชลิตยิ่งคิดแล้วไม่อยากยอมรับ จับที่หัวใจตัวเองเหมือนตรวจสภาพ แล้วค่อยพูดขึ้นแบบสั่งตัวเอง
“หัวใจนี้ยังเป็นของหวีอยู่ เราแค่เคยชินกับยายหวัน เราแค่เคยเดินทางไปด้วยกันมันก็เลยเป็นห่วงกันเป็นธรรมดา ไม่มีทางที่เราจะตกหลุมรักยายเด็กแก่แดดนั่นเด็ดขาด”

อุ๊บอิ๊บแอบย่องมาหาดนัย เห็นดาหวันยืนอยู่ก็ของขึ้น โกรธ
“นั่นมันยายหวัน แอบย่องมาหาพี่ดนัยของฉันแน่ๆ อ๊าย!”
อุ๊บอิ๊บจะกรี๊ด แต่บุญทิ้งมาด้านหลัง ปิดปากไว้ แล้วลากออกไป
บุญทิ้งลากอุ๊บอิ๊บออกมาจนพ้นบริเวณคอกกันกัน
“เงียบๆ นะ ฉันจะปล่อยเธอ”
อุ๊บอิ๊บพยักหน้าอย่างว่าง่าย แต่พอบุญทิ้งปล่อย อุ๊บอิ๊บโวยวาย
“ช่วยด้วย!”
บุญทิ้งตกใจ รีบปิดปาก ลูกน้องของธานีผ่านมา
“เสียงอะไร”
ลูกน้องมองหา
อุ๊บอิ๊บดิ้นรนขัดขืน บุญทิ้งกอดไว้แน่น ลูกน้องธานีเดินหนีไปทางอื่นเพราะคิดว่าตัวเองหูแว่ว
อุ๊บอิ๊บศอกใส่บุญทิ้ง จะหนีไป แต่บุญทิ้งคว้าตัวไว้
“ปล่อยฉัน ปล่อย”
อุ๊บอิ๊บกับบุญทิ้งยื้ดยุดไปมา เสียหลักล้มลง อุ๊บอิ๊บล้มไปทับบุญทิ้ง จูบแก้มบุญทิ้งพอดี บุญทิ้งตาโตตกใจ แต่อุ๊บอิ๊บกรี๊ด ตบหน้าบุญทิ้ง
“ไอ้บ้ากาม! ฉวยโอกาส!”
อุ๊บอิ๊บวิ่งหนีไป โดยไม่สนใจบุญทิ้งที่หอบขึ้น พูดไม่ออก รีบพ่นยาให้ตัวเองพัลวัน

อุ๊บอิ๊บวิ่งกลับไปล้มตัวนอนในเต็นท์ พยายามเช็ดปากที่จูบโดนแก้มของบุญทิ้ง กรี๊ดอยู่คนเดียวอย่างไม่พอใจ
“อ๊าย... ทำไมต้องมาเสียจูบให้ ไอ้มหาไก่อ่อนอย่างนั้นด้วยนะ อุบาทว์ ทุเรศ อี๋ อุ๊บอิ๊บอยากตาย ฮือๆๆ”
อุ๊บอิ๊บถูปากตัวเองไปมา

จังหวะที่มีลูกน้องคนอื่นๆ ผ่านมา กิมจิทำมือส่งสัญญาณว่าโอเค ลูกน้องก็ผ่านไป ไม่สงสัยอะไร แจ๋กับกิมจิโล่งอก จู่ๆ บุญทิ้งก็เดินเอ๋อ เหม่อลอยออกมาจากมุมหนึ่ง
“บุญทิ้ง”
แจ๋เรียกแต่บุญทิ้งไม่รู้สึกตัว กิมจิโบกไม้โบกมือตรงหน้าบุญทิ้ง แต่บุญทิ้งตาลอย บุญทิ้งเดินไปชนต้นไม้ แจ๋กับกิมจิงงมาก
“เป็นอะไรของมัน ดูท่าทางจะจิตหลุดยังไงไม่รู้นะ แจ๋”
“ช่างเถอะ ไม่มีเวลาแล้ว”
แจ๋และกิมจิตัดสินใจรีบลากบุญทิ้งออกไปอีกทางหนึ่ง

ชลิตวิ่งกลับเข้ามาในคอกหน้าตาตื่น ฉวีวรรณกับดนัยหันมอง
“หวันล่ะ ยายหวันกลับเข้ามาที่นี่อีกมั้ย”
“หวันคงกลับไปนอนแล้วมั้ง ชลิต” ฉวีวรรณส่ายหน้า
แจ๋และกิมจิดึงบุญทิ้งเข้ามา แจ๋กับกิมจิท่าทางระวังตัว แต่บุญทิ้งมัวแต่เอ๋อ สติหลุดลอย
“รีบไปจากที่นี่เถอะ พวกนายรู้ความลับของพวกมันมันไม่ปล่อยไว้แน่” กิมจิเตือน
ดนัยคิดหนัก ห่วงฉวีวรรณ
“ยายป้าหวี เธอกลับไปกับพ่อเถอะ ในป่าอันตราย”
“แล้วนายละ”
“ฉันจะไม่ยอมออกไปจากป่านี่ จนกว่าจะได้หลักฐานว่า ไอ้ธนวัติกับไอ้พาณิชย์ค้าไม้เถื่อน”
“มันอันตราย ฉันทิ้งนายไม่ได้”
ฉวีวรรณลืมตัว แจ๋ กิมจิและชลิตตกใจ หันไปมองเป็นตาเดียว ฉวีวรรณนึกขึ้นได้ก็รีบแก้ตัวพัลวัน
“เอ่อ ฉันหมายถึง กลับไปฉันก็ต้องแต่งงานกับนายธนวัติ ฉันจะอยู่หาหลักฐานด้วยกัน พ่อจะได้ตาสว่างซะทีว่าครอบครัวนี้ไม่ใช่คนดี”
“ฉันก็เหมือนกัน ถ้ายังลากคอคนชั่วพวกนี้เข้าคุกไม่ได้ ฉันก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“เอาล่ะ ผู้ร่วมอุดมการณ์ทุกท่าน ไปกันได้แล้ว” กิมจิบอก
“แล้วหวันล่ะ” ชลิตนึกได้
เสียงดาหวันดังขึ้นมา “อ๊าย!”
“หวัน!” ฉวีวรรณกับชลิตพูดขึ้นพร้อมกัน แล้วรีบออกไป

ทุกคนรีบออกมาอย่างร้อนรน เจอธนวัติและพาณิชย์พร้อมลูกน้องที่มีอาวุธครบ พาณิชย์จับตัวดาหวัน ปิดปากไว้ ดาหวันดิ้นรน ร้องอู้อี้ ชลิตโกรธมาก
“ปล่อยหวันเดี๋ยวนี้!”
“จับพวกมันไว้!”
สิ้นเสียงธนวัติ พวกลูกน้องกรูเข้ามาจับตัวดนัย ฉวีวรรณ ชลิต แจ๋ กิมจิและบุญทิ้ง ทุกคนไม่กล้าขัดขืนเพราะพวกธนวัติมีอาวุธกันครบมือ
“คนอื่นไม่เกี่ยว ปล่อยพวกเขาซะ”
“แกไม่มีสิทธิ์ต่อรอง”
ธนวัติว่าแล้วใช้ด้ามปืนตบปากดนัย
“ดนัย!”
“ไอ้พวกชั่ว ไอ้พวกหมาหมู่!” ชลิตสุดจะทนไหว
พาณิชย์โกรธ ยกปืนขึ้นจะยิงชลิต แต่ธนวัติห้ามไว้
“เดี๋ยว ไม่ใช่ที่นี่”

ธนวัติผุดยิ้มร้ายออกมา พาณิชย์เข้าใจทันทีว่าหมายถึงอะไร

อ่านต่อหน้า 2





หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 8 (ต่อ)

แม้ว่าจะได้ตัวฉวีวรรณและดาหวันคืนมาแล้ว ทว่าศิริยังรู้สึกเป็นกังวลเรื่องลูกสาวทั้งสองคน จึงมาหาที่เต็นท์ ลังเลอยู่นิดหนึ่ง แล้วจึงเรียกชื่อลูกออกมา

“หวี…หวัน…นอนรึยังลูก”
ไม่มีเสียงจากในเต็นท์ ตัดสินใจเรียกอีกก็ยังไม่มีเสียงตอบเช่นเคย ศิริแปลกใจ จึงเปิดเต็นท์เข้าไปดู กวาดตามองพบว่าในเต็นท์ว่างเปล่า ฉวีวรรณและดาหวันหายไป
“หวี! หวัน!” ศิริตกใจเป็นห่วงลูกสาวทั้งสองคน

เวลาเดียวกันนั้นรถของธนวัติแล่นมาจอดในป่าลึก ซึ่งไกลออกไปจากบริเวณแคมป์เป็นอย่างมาก ธนวัติและพาณิชย์ลงจากรถ จับตัวฉวีวรรณและดาหวันไว้ ทั้งสองขัดขืน พวกลูกน้องก็ลากดนัย ชลิต แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งตามลงมา
“ที่นี่จะเป็นหลุมฝังศพของพวกแก!”
พาณิชย์พูดเสียงเหี้ยมพร้อมทำท่าจะยิง แต่ธนวัติยกมือขวางไว้
“เดี๋ยว ฉันนึกอะไรสนุกๆ ได้แล้ว อย่าให้พวกมันสบายเกินไป ต้องลงโทษให้สาสมกับที่มันทำให้เราเดือดร้อน”
พาณิชย์แปลกใจ
ธนวัติหันไปทางดนัยและชลิต
“แกสองคนสู้กัน ใครชนะ ผู้หญิงของคนนั้นรอด” ธนวัติบอกอย่างจริงจัง
“คิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดแกเรอะ” ดนัยบอก
แทนคำตอบธนวัติหันปากกระบอกปืนไปทางฉวีวรรณและดาหวัน
“อยากลองดูมั้ยละ”
ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งต่างตกใจ บรรยากาศอันตึงเครียดนั้น ธนวัติยิงเปรี้ยงที่พื้นเฉียดขาฉวีวรรณและดาหวัน ทั้งสองกรี๊ดกร๊าด
“นัดต่อไปจะเป็นใครดี น้องหวี หรือน้องหวัน”
ดนัยและชลิตเครียด ทั้งสองมองหน้ากัน
“ขอโทษนะชลิต ฉันไม่อยากทำแบบนี้เลย แต่มันจำเป็น”
ดนัยชกชลิตล้มลงทันที ฉวีวรรณและดาหวันร้องกรี๊ด แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งก็ห่วงเพื่อน
ขณะที่ธนวัติ และพาณิชย์หัวเราะสนุก ด้วยความสะใจ

เวลาเดียวกันนั้นที่หน้าเต็นท์แคมป์กลางป่า สุภาพวิ่งเข้ามารายงานธานีและศิริ ที่ใจจดจ่ออยู่อย่างร้อนรน
“ว่าไง เจอหวีกับหวันไหมมั้ย” ศิริถามทันที
“ไม่เจอเลยครับ”
อุ๊บอิ๊บโผล่ออกมาจากเต็นท์พอดีโดยที่ยังไม่รู้เรื่องราว
“เอะอะอะไรกันคะ”
“หนูอุ๊บอิ๊บเห็นยายหวีกับยายหวันบ้างมั้ย” ศิริรีบถามอุ๊บอิ๊บร้อนใจ
“เห็นสิคะ เกาะติดพี่ดนัยพี่ชลิตแน่นเลยคะ” อุ๊บอิ๊บตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ว่าไงนะ”
ขณะที่ศิริสงสัยคำพูดอุ๊บอิ๊บ จังหวะนั้นอาหลู่วิ่งหน้าตื่นเข้ามาจากอีกทาง
“แย่แล้วๆ ไอ้หน้าหล่อสองคนหายไป”
“ใครคือไอ้หน้าหล่อ” ธานีเป็นงง
“ดนัยกับชลิตไง แล้วไอ้หน้าไม่หล่อสองคนก็หายไปเหมือนกัน”
คำตอบของอาหลู่ ทำให้ธานีงงต่ออีก
“แล้วใครคือไอ้หน้าไม่หล่อ”
“ก็ลูกกับหลานคุณไง มันก็หน้าเหมือนคุณนั่นแหละ”
ธานีลืมตัวอ๋อตาม แต่พอนึกได้ก็ด่าออกมา “อ้าว ไอ้นี่ ปากเสีย”
ธานีจะถีบอาหลู่ แต่อาหลู่ไวกว่ารีบมาหลบหลังศิริทันที ศิริห้ามธานี
“พอๆๆ ไม่ใช่เวลามาต่อปากต่อคำกัน เรื่องมันชักไม่ชอบมาพากล แล้วรู้มั้ยว่าหายไปไหนกัน” ท้ายประโยคศิริถามกับอาหลู่
“มีรอยล้อรถไปทางป่าด้านปู๊น...”
“สุภาพเอารถออก!” ศิริสั่งเสียงเข้มออกมาทันที

ด้านดนัยและชลิตกำลังสู้กันอย่างหนัก ทั้งสองผลัดกันชก จนเจ็บหนักทั้งคู่ ปาก คิ้วแตก ยืนแทบไม่ไหว แต่เพื่อคนรักก็ต้องสู้ ธนวัติและพาณิชย์มองภาพนั้นพร้อมกับหัวเราะอย่างสะใจ โดยมีพวกลูกน้องคอยเชียร์ข้างกันอย่างสนุกราวกับเชียร์มวยคู่เอก กระทั่งกิมจิก็ยังลืมตัวเผลอเชียร์
“เข่าๆ ศอกๆ ชลิตออกซ้าย ดนัยสวนขวา”
บุญทิ้งไหว้กิมจิทีหนึ่งก่อนจะเขกหัวดังโป๊ก
“โอ๊ย อะไรวะไอ้ทิ้ง”
“สองคนนั่นน่ะเพื่อนคุณนะครับ” บุญทิ้งเตือนนายผักดอง
“โทษที ลืมตัว” กิมจินึกได้
กิมจิ บุญทิ้ง แจ๋ ฉวีรรณและดาหวันห่วงดนัยและชลิต โดยเฉพาะดาหวันทนไม่ได้
“พอได้แล้ว! หยุดซะที!”
ฉวีวรรณพูดกับธนวัติและพาณิชย์
“บอกให้พวกเขาหยุดสิ!”
“เรื่องอะไร กำลังสนุก ฮ่าๆๆๆ” พาณิชย์ไม่สนใจคำขอสองสาว
“ไอ้พวกเลว!” แจ๋ด่าเบาๆ
“ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!”
กิมจิทำเป็นฮึดสู้ ขัดขืน จะไปห้ามดนัยและชลิต แต่โดนพวกลูกน้องจับตัวไว้ แถมโดนทุบด้วยด้ามปืน
“อยู่เฉยๆ ถ้าไม่อยากตาย!” ลูกน้องสองวายร้ายบอกกิมจิ
ดนัยชกชลิต จนชลิตเจ็บหนัก ทรุดตัวล้มลง ท่าทางจะลุกไม่ไหว
“ท่าทางจะรู้ผลแล้ว”
ธนวัติแกล้งทำท่าจะยิงฉวีวรรณ
“เสียใจด้วยนะน้องหวี แต่แฟนเธอมันไม่เอาไหน”
ดนัยเห็นฉวีวรรณอยู่ในอันตรายก็เป็นห่วง ทนไม่ได้ แกล้งพูดจาดูถูกชลิตเพื่อให้ฮึดสู้
“ไอ้ชลิต แกมันไม่เอาไหน! ไอ้ขี้แพ้!”
ได้ผล ชลิตโมโห ยันตัวลุกขึ้นมา กำหมัดชกดนัย ซึ่งดนัยยืนนิ่งยอมให้ชลิตชก เพื่อฉวีวรรณจะได้ปลอดภัย ดนัยล้มลง แน่นิ่งไป ธนวัติกับพาณิชย์แปลกใจ
“อ้าว พลิกล็อกแฮะ”
พาณิชย์ว่า ขณะที่ชลิตตกใจ ไม่คิดว่าดนัยจะล้มจริง มองที่หมัดตัวเองแล้วนึกได้ รีบหันมองดาหวันด้วยความเป็นห่วง ธนวัติหันไปเล็งปืนที่ดาหวันแล้ว
“งั้นก็ช่วยไม่ได้นะจ๊ะน้องหวัน”
“เอาจริงรึพี่วัติ น่าเสียดายออกนะ” พาณิชย์ถามย้ำธนวัติ
“หวัน!” ชลิตเป็นห่วงดาหวันมากๆ
ดาหวันสบตาชลิตนิดหนึ่ง นึกน้อยใจ คิดว่าชลิตสู้เพื่อปกป้องฉวีวรรณ
“พี่หวี หวันลาก่อน ขอให้พี่หวีกับพี่ชลิตรักกัน ดูแลกันให้ดีนะคะ” ดาหวันพูดด้วยน้ำสียงน้อยเนื้อต่ำใจ
“หวัน ไม่นะ ปล่อยน้องฉันนะ อย่าทำอะไรน้องฉัน!”
ธนวัติแกล้งทำท่าจะยิง ดาหวันหลับตาอย่างยอมรับชะตากรรม แต่ทว่าธนวัติกลับหันปืนไปเล็งที่ชลิตแทน
“แกนั่นแหละที่ต้องโดน ขอบใจมากที่ช่วยกำจัดไอ้ดนัย โดยที่พวกฉันไม่ต้องเหนื่อย”
ดาหวันตกใจ
“ไอ้เลว ไอ้คนสับปรับ!”
ชลิตด่าธนวัติ เป็นจังหวะเดียวกับที่ดนัยผุดลุกขึ้นนั่ง เอามือปาดเลือดที่มุมปากออก
“คิดแล้วว่าต้องลงเอยแบบนี้ หมัดหนักชะมัด” ดนัยหันไปแซวชลิต
แล้วชลิตก็จับมือช่วยฉุดดนัยลุกขึ้น ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างรู้กัน ธนวัติกับพาณิชย์ตกใจ
“พวกแกหลอกฉัน” พาณิชย์โวยวาย
“ก็เหมือนที่แกหลอกพวกฉันไง” ดนัยบอกกวนๆ
“งั้นก็ตายทั้งหมดนั่นแหละ”
ธนวัติจะยิงดนัยและชลิต ดนัยพุ่งเข้าไปแย่งปืนจากธนวัติ กระสุนลั่นไปทางอื่น ดนัยกระหน่ำชกๆๆๆ ธนวัติแบบไม่ยั้งด้วยความโกรธ
“ฉันไม่ยอมให้แกทำร้ายคนที่ฉันรักหรอกเว้ย!” ดนัยพูดเสียงเคร่ง
จังหวะนั้นฉวีวรรณและดาหวันกัดมือพาณิชย์ สะบัดหนี พาณิชย์ตามมาจะจับตัว ถูกชลิตมาขวางไว้
“เลิกรังแกผู้หญิงซะที อย่างแกต้องเจอฉันนี่”
ดนัยชกต่อยธนวัติใส่แบบไม่ยั้งมือ ส่วนชลิตก็ต่อยแลกหมัดกับพาณิชย์ สู้จนมันส์หยดทั้งสองคู่
แจ๋ กิมจิ บุญทิ้ง ฉวีวรรณและดาหวันช่วยกันแยกย้ายไปรุมเล่นงานพวกลูกน้องราวกับนัดหมาย แจ๋กระโดดเกาะหลัง กัดหูลูกน้องคนหนึ่ง
ส่วนฉวีวรรณและดาหวันช่วยกันรุมทุบตีหยิกข่วนอีกคน กิมจิโชว์พาวสู้แลกหมัดกับลูกน้อง ส่วนบุญทิ้งไม่สู้ เอาแต่หลบไปมากับสมุนอีกคน
“การใช้กำลังเป็นสิ่งไม่ดีนะครับ”
บุญทิ้งหลบ ลูกน้องชกโดนต้นไม้ เจ็บมือ
“กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมสนอง”
บุญทิ้งพูดจบก็รีบเผ่นหนีจากตรงนั้นไป

การต่อสู้ดำเนินต่อไปจังหวะหนึ่งดนัยชกธนวัติล้มลง ธนวัติคว้าท่อนไม้มาฟาดใส่ดนัย โดนแผลที่ยังไม่หายดี ดนัยจึงถูกฟาดจนทรุดล้มลง
“โอ๊ย!”
ธนวัติจะฟาดซ้ำ แต่ดนัยใช้มือจับท่อนไม้ไว้ ทั้งสองออกแรงยื้อยุดกันไปมา อย่างสูสีกัน
ส่วนเวทีการต่อสู้ในอีกมุม ชลิตโหนกิ่งไม้ถีบพาณิชย์ล้มลง ชลิตจะตามไปซ้ำ แต่พาณิชย์กลิ้งหลบ
แล้วถีบชลิตกเซถลาล้มลง พาณิชย์ตามไปคร่อมและชกชลิต แต่ชลิตฮึดสู้ใช้เท้ายันพาณิชย์จนล้มไป แล้วเป็นฝ่ายคร่อมและชกพาณิชย์บ้าง

ช่วงชุลมุนนั้นเองรถของศิริแล่นเข้ามา แสงไฟหน้ารถส่องสว่าง ศิริร้องตะโกนสียงดังลั่น
“หยุดนะ หยุด!”
พอธนวัติเห็นศิริมา ก็แกล้งทำเป็นไม่สู้ ปล่อยท่อนไม้ให้ดนัยแย่งไปถือ แล้วตัวเองลงไปดิ้นพล่านร้องลั่นทั้งๆ ที่ดนัยยังไม่ได้ฟาดสักนิด
“โอ๊ยย!”
พาณิชย์เองก็คว้าก้อนหินที่กำลังจะทุบหัวชลิต แต่พอเห็นศิริมา แกล้งทุบหัวตัวเอง ให้พอมีแผลแล้วร้องลั่นขึ้นเช่นกัน
“โอ๊ย เจ็บ ช่วยด้วย!”
ศิริ ธานี สุภาพและอาหลู่รีบมาห้าม คนของศิริจับตัวดนัยและชลิตไว้ เพราะภาพที่เห็นคือดนัยถือไม้ ส่วนชลิตคร่อมทับพาณิชย์อยู่
“หยุดนะ!” ศิริสั่งเสียงเฉียบขาด
ธานีรีบเข้าไปประคองธนวัติ ในขณะที่ลูกน้องไปช่วยประคองพาณิชย์ ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งตามเข้ามาดู
พออุ๊บอิ๊บเห็นหน้าบุญทิ้งก็หงุดหงิด เป็นห่วงดนัย รีบพุ่งไปหาดนัย
“อ๊าย พี่ดนัยขา เจ็บรึเปล่าคะ ใครทำพี่ดนัยแบบนี้”
“พ่อ!” ฉวีวรรณดีใจ
“พ่อ ช่วยหวันด้วย!”
ดาหวันวิ่งไปกอดพ่อ ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว สองวายร้ายรีบแก้ตัวสร้างคะแนน
“คุณอา ต้องจัดการให้ผมนะ ไอ้ชลิตมันจะฆ่าผม” พาณิชย์บอกความเท็จ
“ไอ้ดนัยด้วย ป๊า มันสองคนรวมหัวกันจะฆ่าพวกเรา” ธนวัติตอแหล
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
ธนวัติรีบชิงพูดยึดพื้นที่อีกครั้ง
“ไอ้สองคนนี้มันจับตัวน้องหวีกับน้องหวันมา ดีที่เราสองคนตามมาทัน”
“ไอ้โกหก!”
ชลิตโมโห และโกรธมากจะเข้าไปเล่นงานธนวัติอีก ศิริเห็นเข้าก็ยิ่งโกรธจัดตวาดขึ้น
“หยุดนะ อย่ามาทำอันธพาลต่อหน้าฉัน!”
ดนัยกับชลิตชะงัก
“ไม่ใช่อย่างที่พ่อคิดนะคะ ธนวัติกับพาณิชย์ต่างหากเป็นคนไม่ดีพวกเขาจะทำร้ายพวกเรา” ฉวีวรรณพยายามจะอธิบายเรื่องราว แต่ธานีรีบสอดขึ้นมา
“หนูหวียังเข้าข้างคนผิดอีกเหรอ อากับพ่อของหนูเห็นอยู่เต็มสองตาแล้วนะ”
“พ่อคะ…พี่...”
ดาหวันเองก็พยายามจะอธิบายแต่ถูกศิริตัดบท
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว จับไอ้หนุ่มสองคนนี้ไว้”
พวกลูกน้องกรูกันมาจับตัวดนัยและชลิต
“คุณลุงไม่เชื่อผมไม่เป็นไร แต่คุณลุงไม่คิดจะฟังลูกสาวตัวเองบ้างเลยหรือครับ”
ศิริโกรธมากที่ถูกดนัยสอน ต่อยหน้าดนัยอย่างแรงจนหน้าหัน
“ฉันอุตส่าห์ปราณีนายสองคน อย่าทำให้ฉันหมดความอดทน!”
ฉวีวรรณและดาหวันพยายามอธิบายความจริงกับพ่ออีกครั้ง
“พ่อคะ พวกเขาไม่ผิด”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น พ่อไม่อยากฟัง ทุกคนกลับ พรุ่งนี้จะออกเดินทางแต่เช้า ฉันจะจับไอ้สองคนนี้ไปส่งตำรวจข้อหาลักพาตัว กักขังหน่วงเหนี่ยวแล้วยังทำร้ายร่างกายผู้อื่นอีกด้วย”
ศิริสั่งแล้วพาฉวีวรรณและดาหวันไปขึ้นรถ พวกลูกน้องจับตัวดนัยและชลิต
“ก็ยังดีกว่าข้อหาลักลอบตัดไม้”
ดนัยเย้ยขึ้นมา ธนวัติกับพาณิชย์ไม่พอใจ ขณะที่ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งห่วงความปลอดภัยของดนัยกับชลิต

เวลาต่อมาธนวัติและพาณิชย์ทำแผลเรียบร้อยแล้ว ก็เดินเข้ามาหาธานี ที่ยืนเอามือเท้าต้นไม้อยู่
ครุ่นคิดหาทางแก้ไขสถาการณ์อยู่
“ป๊าทำไมไม่ห้ามไอ้แก่ศิริไว้ ปล่อยมาเพ่นพ่าน เสียแผนหมด”
“จะห้ามได้ไง ลูกสาวหายไปตั้งสองคน ไอ้ศิริมันก็พล่านไปทั่ว”
“ดีนะที่ซ้อนแผนทัน ไม่งั้นจบข่าวไปแล้ว” ธนวัติอวดฉลาด
“ลูกป๊าฉลาดมาก อย่างนี้เขาเรียกลูกไม้ใต้ต้น ฉลาดเหมือนป๊าไม่มีผิด”
ธานีอวยลูกชายอีก ในขณะที่พาณิชย์ดูจะไม่สบายใจนัก
“แล้วเราจะทำยังไงกันดี ตอนนี้ไอ้ศิริจัดเวรยามเฝ้าไอ้สองคนนั้นแน่นหนา พรุ่งนี้จะออกเดินทางแล้ว ขืนพวกมันบอกตำรวจ พวกเราแย่แน่”
ธนวัติและพาณิชย์เครียด แต่ธานีกลับยิ้มหยัน เพราะมีแผนแล้วในใจ
“หึ มันอยากไปหาตำรวจก็ให้มันไปสิ”
“อะไรนะ คุณอาเพี้ยนไปแล้วหรือครับ” พาณิชย์งงไม่เก็ท
“ฟังให้จบก่อนสิวะ ฉันให้มันไปพบตำรวจได้ แต่มันต้องอยู่ในสภาพเป็นศพแล้วเท่านั้น”
ธานีหัวเราะชอบใจออกมา ธนวัติ กับ พาณิชย์ก็เริ่มเก็ท ค่อยมีสีหน้าชื่นมื่นขึ้น หัวเราะตามออกมา
“เป๊ะเลยป๊า มีแต่ศพเท่านั้นที่ให้ปากคำไม่ได้ ป๊ามีแผนอะไรบอกมาเลย
ธานีไม่ตอบแต่ผุดยิ้มร้ายกาจออกมาทางใบหน้า

เวลาเดียวกันนั้นเอง สุภาพกำลังปิดฝากระโปรงรถกระบะคันหนึ่งตรวจเช็คสภาพ เตรียมความพร้อมสำหรับพรุ่งนี้
“เช็ครถเรียบร้อย พรุ่งนี้พร้อมออกเดินทางได้”
อาหลู่นั่งหาวหวอด อย่างเบื่อและง่วง
“งั้นรีบไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้า”
สองสหายจอมโก๊ะ สุภาพกับอาหลู่กอดคอกันร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีออกไปจากตรงนั้น โดยไม่รู้ว่าธนวัติ กับพาณิชย์และลูกน้องคนหนึ่งย่องตรงมาที่รถกระบะ ที่จอดอยู่คนนั้น
ครู่ต่อมาธนวัติและพาณิชย์เหลียวซ้ายแลขวาอย่างระวังตัว ส่วนลูกน้องมุดเข้าไปใต้ท้องรถเพื่อตัดสายเบรก มีเสียงเหี้ยมๆ ของธานีผุดขึ้นมาในความคิดของธนวัติและพาณิชย์
“ตัดสายเบรกรถคันที่ไอ้พวกนั้นนั่ง เท่านี้มันก็ไปบอกตำรวจไม่ได้แล้ว พรุ่งนี้เมื่อถึงเวลาออกเดินทาง จะเป็นเวลาลงนรกของพวกมัน”

คืนเดียวกันนั้นสามสาวฉวีวรรณ ดาหวันและแจ๋ลืมตาโพลง ต่างนอนไม่หลับ ดาหวันทนไม่ไหว ลุกพรวดขึ้น
“ทนไม่ไหวแล้ว หวันจะไปหาพี่ดนัยกับพี่ชลิต ไม่รู้ป่านนี้เป็นไงบ้าง”
ฉวีวรรณกับแจ๋รีบดึงไว้
“ไม่ได้นะหวัน ขืนออกไป สองคนนั้นจะยิ่งเดือดร้อน” แจ๋เตือน
“แล้วจะทำยังไง” ดาหวันมีอาการหงุดหงิด
“คืนนี้พี่ว่าดนัยกับชลิตคงปลอดภัยเพราะพ่อให้คนเฝ้าไว้แน่นหนา แต่พรุ่งนี้น่ะสิ สามพ่อลูกนั่นคงไม่ปล่อยให้ดนัยกับชลิตไปบอกตำรวจได้แน่”
ฉวีวรรณ ดาหวันและแจ๋ต่างเป็นกังวลขึ้นมา

บรรยากาศยามเช้ารอบภูเขาบริเวณแค้มป์แห่งนั้นสวยงามไม่แพ้วันอื่นๆ ในป่าแห่งนี้ ทั้งที่เกิดเกิดเรื่องร้อนร้ายมากมาย
ครู่ต่อมาลูกน้องของธานีคุมตัวดนัยและชลิตไปขึ้นรถกระบะที่โดนตัดสายเบรกเมื่อคืน ฉวีวรรณและดาหวันมากับศิริ สองสาวมองดนัยและชลิตอย่างห่วงใย แต่ถูกศิริดึงไปขึ้นรถอีกคัน อุ๊บอิ๊บรีบแถจะเข้าไปหาดนัย
“อุ๊บอิ๊บจะไปนั่งกับพี่ดนัย”
ธานี ธนวัติและพาณิชย์ตกใจ รีบกระชากอุ๊บอิ๊บมา
“ไม่ได้!”
ธานีตกใจมากตวาดลูกสาวเสียงดังกว่าที่เคยเป็น อุ๊บอิ๊บงง
“ทำไมต้องเสียงดังขนาดนั้นด้วยล่ะป๊า แค่ไปนั่งรถคันเดียวกับพี่ดนัยเอง ยังไงก็ไปทางเดียวกันไม่ใช่เหรอ”
ธานี ธนวัติและพาณิชย์ดูมีพิรุธ
“ป๊าบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ มานั่งด้วยกัน ห้ามนั่งรถคันนั้นเด็ดขาด!”
เห็นอาการที่ธานีลากอุ๊บอิ๊บไปขึ้นรถ โดยอุ๊บอิ๊บอยู่ในอาการงงๆ ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋และกิมจิสงสัย
“ท่าทางน่าสงสัย คิดทำอะไรชั่วๆ อีกล่ะสิ”
ตั้งแต่ออกมาบุญทิ้งเอาแต่หลบหลังกิมจิ เพราะไม่กล้าเจอหน้าอุ๊บอิ๊บ
“แกเป็นอะไรไอ้ทิ้ง หลบหลังฉันอยู่ได้ ฉันชักจะหวั่นไหวแล้วนะ คิดอะไรกับฉันรึเปล่าเนี่ย” กิมจิโวย
“คิดครับ”
บุญทิ้งพูดออกมาอย่างลืมตัว เพราะมัวแต่มองอุ๊บอิ๊บ กิมจิตกใจ
“ห๊า!”
บุญทิ้งนึกขึ้นได้
“เอ้ย ไม่คิดครับ”
กิมจิค่อยมีอาการโล่งอก

ระหว่างนั้น ลูกน้องของธานีใช้เชือกเส้นใหญ่มัดตัวดนัยและชลิตติดกับรถไว้อย่างแน่นหนา ที่ท้ายรถกระบะ
“ทำไมต้องมัดแน่นขนาดนี้ หายใจไม่ออกตายก่อนเข้าเมืองพอดี” ชลิตเริ่มสงสัย
ธนวัติเดินเข้ามากำชับ มองทั้งสองด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
“มัดให้แน่นๆ อย่าให้หนีไปได้”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่หนีหรอก ฉันจะรอเจอตำรวจ จะได้แจ้งความให้ตำรวจลากคอพวกค้าไม้เถื่อนเข้าปิ้งไปซะเลย”
ธนวัติโมโห ทุบมือลงที่ขอบรถ ยื่นหน้าตะคอกใส่ดนัย
“มีชีวิตรอดไปหาตำรวจให้ได้ซะก่อนเถอะ”
ธนวัติมองเอาเรื่องแล้ว หันเดินกลับออกไป ดนัยและชลิตพากันมองตามอย่างสงสัย

ครู่ต่อมาสุภาพและลูกน้องทุกคน สตาร์ทรถทุกคัน พร้อมจะออกเดินทางแล้ว แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งจะไปขึ้นรถคันเดียวกับฉวีวรรณและดาหวัน แต่พาณิชย์รีบเข้ามาห้าม
“คันนี้เต็มแล้ว ไปๆ ไปนั่งคันเดียวกับไอ้สองคนนั้นสิ เพื่อนรักกันไม่ใช่เหรอ”
ทั้งสามเลยต้องเดินออกมาอย่างงงๆ แจ๋ กิมจิและบุญทิ้งจึงเดินไปที่รถกระบะ ที่ดนัยกับชลิตโดนมัดนั่งอยู่
“อะไรวะ อยู่ๆ มาไล่กันเฉยเลย” แจ๋บ่น
“พวกมันทำตัวมีพิรุธ ฉันว่าพวกมันวางแผนทำอะไรสักอย่างแน่” ดนัยกระซิบกับเพื่อนๆ
“ใช่ พวกมันไม่เดือดร้อนสักนิด ทั้งๆ ที่เรากำลังจะไปหาตำรวจ” ชลิตเห็นด้วย
“ตาขวาฉันกระตุกไม่หยุดเลย ทำไงดี” แจ๋บอก
“ออกรถ!” ศิริสั่งเสียงดังฟังชัด
ธานี ธนวัติและพาณิชย์ นั่งอยู่ในรถอีกคัน หันไปมองดนัยกับชลิต และยิ้มออกมาอย่างสะใจ
แจ๋กับกิมจิหลิ่วตาให้กัน เริ่มใช้ไม้ตาย
แจ๋แกล้งกุมท้อง ร้องโวยวายลั่น กิมจิรีบตะโกนเสียงดัง
“โอ๊ยๆๆๆ”
“อย่าเพิ่งออกรถครับ มีคนป่วย” กิมจิรับไม้ต่อจากแจ๋
ศิริ ธานี ธนวัติและพาณิชย์ที่กำลังจะออกรถต่างตกใจ ฉวีวรรณและดาหวันเป็นห่วงรีบลงจากรถ ไปดูต่างคนต่างถามอาการแจ๋
“แจ๋ เป็นอะไร”
“พี่แจ๋ ไหวมั้ย”
จังหวะหนึ่งแจ๋แอบขยิบตาให้ฉวีวรรณและดาหวัน แล้วใส่แอ๊คติ้งเกินร้อย
“ฉันปวดท้อง ไม่ไหวแล้ว ฉันตายแน่ ช่วยฉันด้วย”
กิมจิผสมโรงอย่างเป็นงานแต่ออกแนวโอเวอร์แอ๊คติ้ง
“แจ๋ แกอย่าตายนะ โธ่ แจ๋ ไม่น่าอายุสั้นเลย”
ธานี ธนวัติ และพาณิชย์ต่างมองดู และเฝ้าสังเกตการณ์อย่างสงสัย
“ ท่าทางยายนั่นแปลกๆ หาเรื่องเตะถ่วงแน่ๆ ป๊า” ธนวัติเปิดประเด็นขึ้นมา
ศิริ สุภาพและอาหลู่ต่างเป็นห่วง รีบมาดูอาการ
“หนูแจ๋ ปวดท้องตรงไหน บอกลุงสิ”
“ปวดตรงนี้ ตรงนี้ๆๆ แล้วก็ตรงนี้”
แจ๋ชี้มั่วไปหมด ชี้ที่ศีรษะด้วย สุภาพเห็นแล้วพาลงง
“ตกลงปวดท้องหรือปวดหัวครับ”
แจ๋นึกขึ้นมาได้
“เอ่อ คือ ปวดท้องแล้วเลยลามไปปวดหัวด้วย โอ๊ย หนูปวดท้องมาก เดินทางไม่ไหว พักก่อนเถอะค่ะ คุณลุงขา”
ธนวัติไม่พอใจเอามากๆ
“ผมว่ารีบไปเถอะครับ อาการหนักอย่างนี้ ยิ่งต้องรีบพาไปหาหมอ”
“นั่นสินะ ของแบบนี้ประมาทไม่ได้ สุภาพ อาหลู่ อุ้มคุณแจ๋ขึ้นรถเร็ว!” ศิริสั่งสองโก๊ะ
“ครับนาย!”
สุภาพกับอาหลู่หิ้วปีกแจ๋ตัวลอยไปขึ้นรถ
“ไม่ไป ปล่อยนะ ปล่อย” แจ๋ลืมตัวโวยวาย
“อ้าว หายปวดแล้วรึครับ” สุภาพงงอีก
“เอ่อ โอ๊ย ปวดๆ”
แจ๋นึกได้ หน้าเสีย ผิดแผน หันมามองเพื่อนๆ ธานี ธนวัติและพาณิชย์ยิ้มสะใจ ฉวีวรรณ ดาหวัน กิมจิและบุญทิ้งคิดหนัก เพราะสถานการณ์พลิก ผิดแผน
“ไม่มีทางเลือกแล้ว”
กิมจิพึมพำกับตัวเอง พอขาดคำกิมจิก็แกล้งทำตัวสั่น ตาเหลือก ลงไปชักดิ้นชักงอ สุภาพกับอาหลู่งง ชะงักหันมามอง
“อ้าว เป็นอะไรไปอีกคน”
“กิมจิ เป็นอะไรน่ะ กิมจิ” ฉวีวรรณร้องอย่างห่วงใย
จู่ๆ กิมจิก็กระเด้งตัวขึ้นมานั่งหน้าเครียด ตาขวาง ทำเสียงแหบต่ำน่ากลัว
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
“พี่กิมจิเล่นอะไรน่ะ ไม่ขำนะ”
ฉวีวรรณและดาหวันรับมุกกิมจิไม่ทัน จนกิมจิขยิบตาส่งสัญญาณ ดาหวันยังไม่เก็ทอีก“ตาเป็นอะไร”
กิมจิต้องรีบทำปากมุบมิบไม่มีเสียงอ่านได้ความว่า “ผีเข้าไง ผีเข้า”
ฉวีวรรณนึกรู้ รับมุกทันท่วงที ฉวีวรรณแกล้งกลัวกิมจิขึ้นมา
“แกไม่ใช่กิมจิ แกเป็นใครน่ะ”
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ รู้แค่ว่าข้าดูแลที่แห่งนี้”
ดาหวันยังงงอีก จนฉวีวรรณต้องแอบหยิกดาหวันถึงรับมุก
“ห๊า! ผีเข้าพี่กิมจิ!”
ดาหวันร้องลั่น ให้ได้ยินไปทั่วบริเวณ สุภาพกับอาหลู่ตกใจกลัว กอดกันกลม ปล่อยแจ๋ล้มลงไปกองกับพื้น
“ผะ ผะ ผี!”
ฉวีวรรณ ดาหวันและบุญทิ้งรีบพนมมือไหว้กิมจิ
“ละ แล้วท่านจะให้พวกเราทำอะไรหรือเจ้าคะ ท่านขา”
กิมจิชี้หน้าศิริ
“เจ้า!”
สุภาพและอาหลู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ศิริ รีบถอยห่างเพราะกลัว ศิริตกใจ มองซ้ายมองขวา
“เจ้านั่นแหละไอ้แก่!”
ฉวีวรรณสะกิดกิมจิ พูดกระซิบกระซาบ
“น้อยๆ หน่อย พ่อฉันนะ”
“เจ้าต้องทำพิธีบูชาข้า จัดอาหารคาวหวาน เหล้ายาปลาปิ้งมากที่สุดเท่าที่จะหาได้ แล้วข้าจะยกโทษให้”
“พ่อคะ ทำตามที่ท่านสั่งเถอะค่ะ” ฉวีวรรณสบโอกาสเหมาะ
“แต่เราต้องรีบพาหนูแจ๋ไปหาหมอ ไม่มีเวลามาเล่นไร้สาระนะ”
“ไร้สาระรึ! ข้าจะแผลงฤทธิ์ให้ดู”
กิมจิทำกริ้วบริกรรมคาถาแล้วเป่า ไปตรงที่แจ๋กองอยู่ แจ๋รับมุก ลุกขึ้นยิ้มดีใจ
“หายแล้ว หายเป็นปลิดทิ้งเลย ไม่น่าเชื่อ” สุภาพ อาหลู่และพวกลูกน้องต่างฮือฮา แต่ธานี ธนวัติและพาณิชย์สงสัย
“พวกมันรู้กันแน่ๆ” พาณิชย์ฉุนๆ
“เดี๋ยวก็รู้ว่าตัวจริงหรือตัวปลอม”
ธนวัติยกปืนขู่ จะยิงกิมจิ แต่ศิริเห็นก่อน
“วัติจะทำอะไร”
“ถ้าเป็นผีจริง ก็ต้องไม่กลัวลูกปืนสิ”
กิมจิตกใจ แต่ต้องแสดงต่อ
“พวกเจ้าลบหลู่ข้า พวกเจ้าต้องตาย!”
ธนวัติขึ้นลำปืน เตรียมยิง ดนัยและชลิตมองอย่างเป็นห่วงกิมจิแต่ถูกมัดแน่นหนา จึงไปช่วยไม่ได้
“ไอ้ธนวัติ!”
กิมจิหน้าเสีย เริ่มทำอะไรไม่ถูก อุ๊บอิ๊บกำลังมองกิมจิอย่างไม่ค่อยเชื่อ แต่แล้วจู่ๆ จิ้งจกตัวหนึ่ง ก็หล่นจากต้นไม้ลงมาเกาะไหล่อุ๊บอิ๊บ อุ๊บอิ๊บกริ๊ดลั่น
“อ๊าย”
ทุกคนต่างตกใจเสียงอุ๊บอิ๊บ จังหวะที่อุ๊บอิ๊บกำลังวิ่งหนี ก็เกิดสะดุดรากไม้ จนล้มลงในอ้อมกอดของบุญทิ้งพอดี
บุญทิ้งเห็นอุ๊บอิ๊บระยะประชิด นึกไปถึงตอนที่อุ๊บอิ๊บจูบแก้มตัวเองเพราะอุบัติเหตุ
บุญทิ้งก็หอบรับประทานขึ้นมาทันที หายใจไม่ออก ตาเหลือก อุ๊บอิ๊บผลักบุญทิ้ง
“อ๊าย ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ”
บุญทิ้งทรุดล้มลง หอบขึ้น หายใจไม่ออก อยู่ในอาการทรมานสุดๆ ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ ดนัยและชลิตต่างตกใจ
“บุญทิ้ง!”
ดนัยนึกได้ รีบแก้สถานการณ์ตะโกนขึ้นมา
“บุญทิ้งแย่แล้ว รีบดูบุญทิ้งก่อนเร็ว!”
ทุกคนเลยหันไปประคองบุญทิ้ง กิมจิได้โอกาส ทำตัวสั่นแล้วแกล้งเป็นลมหมดสติไป ธนวัติหงุดหงิดจับผิดไม่ได้ ศิริมองงงๆ
“มันอะไรกันนักกันหนาเนี่ย”
“เรารีบไปเถอะครับคุณลุง คนพวกนี้คิดจะถ่วงเวลาช่วยเพื่อน”
ศิริฟังธนวัติอย่างคิดหนัก ก่อนจะตัดสินใจบางอย่าง
“แต่คนไม่สบายนะวัติ พักที่นี่ก่อน รอให้สองคนนี้ฟื้นแล้วค่อยออกเดินทาง”
ประโยคหลังศิริหันไปสั่งสุภาพ
“คุณลุงพวกนี้มันเล่นละคร”
พาณิชย์โวยวายลั่น ธานีประเมินสถานการณ์แล้วรีบปรามสองหนุ่ม
“พาณิชย์! วัติ! ทำตามที่ลุงศิริสั่ง”
โดยไม่มีใครทันสังเกต ธานีจิกตามองสองหนุ่มให้หยวนยอมไปก่อน ธนวัติและพาณิชย์จำต้องยอม
ฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋และชลิตโล่งอก ดนัยและธนวัติจ้องหน้ากันไม่ลดละ ธนวัติเจ็บใจที่เสียแผน

วินยากำลังซ้อมการต่อสู้อยู่กับสางโปที่ลานของหมู่บ้าน สางโปใช้ไม้เท้าคู่ใจแทนอาวุธ ส่วนวินยาสู้ด้วยมือเปล่า ทั้งสองต่อสู้กันอย่างเอาจริงเอาจัง วินยาท่าทางคล่องแคล่ว เข้มแข็งและมีมาดในการต่อสู้ที่เท่มากไม่แพ้ชายอกสามศอกคนใด
ในจังหวะสุดท้ายสางโปจะใช้ไม้เท้าฟาด แต่วินยาหลบทัน พร้อมกับใช้มือเปล่าฟาดไม้เท้าหลุดจากมือสางโปหล่นร่วงลงไปที่พื้น
วินยายื่นมือออกไปอย่างรวดเร็ว จะบีบคอสางโป แต่แล้ววินยากลับยั้งมือไว้แค่นั้น สางโปยิ้มออกปากชม
“นายน้อยเก่งมาก ฝีมือไม่ตกเลย ถ้าท่านหัวหน้ายังอยู่จะต้องภูมิใจในตัวท่านมาก”
“ชมกันเกินไป ข้ายังไม่ได้ครึ่งของพ่อเลย”
จังหวะนั้นเองที่ด้านหลังของวินยา เหมือนมีคนย่องเข้ามา วินยารับรู้ในการเคลื่อนไหวนั้น จึงรีบเตะไม้เท้าของสางโปลอยขึ้น และพุ่งตัวคว้าไม้เท้านั้น แล้วขว้างไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว ไม้เท้าพุ่งมาปักบนพื้นดินเฉียดขาทองอินไปนิดเดียว
“ฉะ ฉันเอง” ทองอินตกใจรีบบอก
“พี่ทองอิน!” วินยาร้องออกมาอย่างดีใจ
ที่แท้ทองอินกับวินยา รู้จักกันเป็นอย่างดี

ครู่ต่อมาทองอินยื่นกระเป๋าเป้ส่งให้วินยา ที่มุมหนึ่งในหมู่บ้านชาลัน โดยมีสางโปอยู่ตรงนั้นด้วย
“เอ้า ข้าวของทั้งหมดที่ฝากให้ซื้อ”
“ขอบคุณพี่ทองอินมาก ถ้าไม่ได้พี่ เผ่าชาลันของเราคงลำบาก”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก คนกันเอง อะไรช่วยได้ก็ช่วย”
สางโปรับกระเป๋าเป้ไปต่อ
“ได้เบาะแสเพิ่มเติมเรื่องไม้เถื่อนบ้างมั้ย”
“ฉันเห็นหน้าพวกนายทุนที่อยู่เบื้องหลังแล้ว”
“มันเป็นใคร” ทองอินถามอย่างสนใจ
“ฉันก็ไม่รู้”
“แล้วเธอไปเจอพวกมันได้ไง อย่าบอกนะว่าบุกเข้าไปในดงผีฟ้าคนเดียว”
“ฉันเจอพวกคนเมืองหลงป่าเข้ามา คนพวกนั้นคงไปรู้เรื่องไม้เถื่อนเข้าเลยถูกพวกนายทุนตามล่า เลาซาก็อยู่ด้วย”
“คนเมือง?” ทองอินชะงักสงสัยเรื่องที่วินยาเล่า

แต่ยังไม่ทันที่ทองอินจะถามต่อ ลูกดอกจากหน้าไม้ก็พุ่งตรงมาทางทองอินและวินยา
“ระวัง!” วินยารีบร้องบอกขึ้นพร้อมกับดึงทองอินหลบ ลูกดอกไปปักที่ต้นไม้ด้านหลังแทน ทั้งสามคนระวังตัวทันที ทันใดนั้นเองเลาซาก็ถือหน้าไม้ปรากฏตัวออกมา
“เลาซา!” วินยาตกใจ
“คราวก่อนยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ วันนี้มาสู้ให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลยดีกว่า” เลาซาเอ่ยท้าทาย
“ฮึ อย่ากลัวจนหัวหด วิ่งหนีไปก่อนก็แล้วกัน” วินยารับท้า
“แกจะต้องเสียใจที่ดูถูกข้า วินยา” เลาซาพูดออดมาอย่างโกรธๆ
“ไม่มีวัน!”
เลาซาเงื้อหน้าไม้ยิงใส่วินยา แต่วินยาไวกว่ารีบผลักทองอินหลบ แล้วกระโดดหนีทันท่วงที
“สางโป ฝากพี่ทองอินด้วย” วินยาบอก
เลาซาเจ็บใจที่พลาด รีบตามวินยาไปทันที สางโปและทองอินอดเป็นห่วงวินยาขึ้นมาไม่ได้

มีลูกดอกพุ่งเข้าใส่วินยาพร้อมกันสามดอก แต่ทว่าวินยากลิ้งตัวหลบ ปักลงพื้นเฉียดวินยาไปสองดอก แต่ดอกสุดท้ายปักชายเสื้อของวินยา วินยาชะงัก ขยับตัวไม่ได้ พยายามดึง แต่ดึงชายเสื้อไม่ออก ลูกดอกปักแน่น
เป็นเลาซาตามเข้ามาอย่างองอาจ
“แกหนีไม่พ้นหรอก!”
เลาซาง้างหน้าไม้ยิงลูกดอกใส่วินยาอีกครั้ง วินยากระชากชายเสื้อจนขาด แล้วกลิ้งตัวหลบ แต่ไม่ทัน ลูกดอกถากแขนวินยาไปจนเลือดออก วินยาเจ็บแปล๊บ เลาซาเฆ็นยิ้มสะใจ
สางโปและทองอินตามเข้ามา ห่วงวินยา
“วินยา!”
ทองอินจะเข้าไปช่วย แต่สางโปห้ามไว้
“อย่าเข้าไป อันตราย”
“เราต้องช่วยวินยา”
างโปห่วงไม่แพ้ทองอินเช่นกัน แต่ต้องทำใจแข็ง
“ถ้าแค่นี้ยังจัดการไม่ได้ นายน้อยก็ไม่มีคุณสมบัติจะเป็นผู้นำชาวชาลัน!”

แม้จะรู้สึกเจ็บแผล แต่วินยาก็สู้ยิบตา รีบกลิ้งตัวหายไปในพุ่มไม้ เลาซาถือหน้าไม้พร้อมยิง มองไปรอบตัว พยายามจับจังหวะการเคลื่อนไหวของวินยา วินยาเคลื่อนไหวรวดเร็วผ่านไปแวบหนึ่ง เลาซายิงหน้าไม้ แต่โดนต้นไม้ วินยาหลบได้ทัน จังหวะหนึ่งเลาซาเห็น วินยาวิ่งมาอย่างรวดเร็วเป็นเงาวูบไหวอยู่สองสามครั้งรอบตัวเอง
เลาซาหมุนไปมารอบตัว ไล่ยิง แต่พลาดทุกครั้ง จนเลาซาเจ็บใจ
“ขี้ขลาด! แน่จริงก็ออกมาสิ!”
ขาดคำวินยากระโจนออกมาเตะหน้าไม้หลุดจากมือเลาซาไป เลาซาสู้กับวินยาด้วยมือเปล่า ทั้งเตะต่อยอย่างคล่องแคล่ว สูสีกัน เลาซาชกวินยา แต่วินยาเอนตัวหลบในท่าสะพานโค้ง จังหวะต่อมาวินยาดีดขาขึ้นเตะเลาซาล้มลง เลือดกบปาก
“รู้ผลแล้ว ไสหัวไปจากที่นี่ซะ ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจฆ่าแก!”
ขณะที่วินยาหันหลังให้นั้น เลาซาชักมีดพกด้ามเล็กออกมา พุ่งเข้าจะแทงวินยาที่เผลอ
“วินยาระวัง!” ทองอินร้องบอก
วินยารู้ตัวอยู่แล้ว หันกลับมาวาดขาเตะในท่าจระเข้ฟาดหาง เตะมีดหลุดจากมือเลาซา และตวัดขาย้อนกลับเตะเลาซาเต็มแรงจนหน้าหัน ร่างกระเด็นตัวลอยล้มลงไป ดูท่าเลาซาทั้งจุกและเจ็บสุดๆ
จังหวะนั้นวินยาก็ใช้เท้าดีดมีดพกของเลาซาบนพื้นลอยขึ้นมาในมือ ย่างสามขุมเข้าไปหาเลาซา
“แกมันไม่ต่างจากพ่อของแก หมาลอบกัด!”
เลาซากลัว ลนลานคลานหนี
“วันนี้แกจะต้องตายด้วยอาวุธของแกเอง”
“ยะ อย่า ไว้ชีวิตข้าเถอะ” เลาซาร้องขอชีวิต
“น่าสมเพช ยังกล้าร้องขอชีวิตอีกรึ ทีตอนที่แม่กับน้องของข้าร้องขอชีวิต พ่อของแกเคยเห็นใจมั้ย!”

แววตาของวินยาเจ็บปวดขึ้นมาทุกครั้งเมื่อนึกถึงอดีตเมื่อ 10 ปี ก่อน

อ่านต่อหน้า 3





หอบรักมาห่มป่า ตอนที่ 8 (ต่อ)

สิบปีก่อนในบ้านของลีซันหัวหน้าเผ่าชาลัน จู่ๆ ลีซันก็เกิดกระอักเลือดขึ้นมาคาวงอาหาร ลีซันดิ้นรนจนปัดสำรับกับข้าวกระจาย ลีซันคือพ่อของวินยาเป็นผู้นำเผ่าชาลัน นาลาแม่วินยาอุ้มลีชาลูกชายคนเล็กอยู่ในวัยแบเบาะ หันมามองอย่างตกใจ
 
วินยาในวัย 10 ขวบก็ตกใจมากเหมือนกันกับนาลา
นาลาเป็นแม่ของวินยา และลีช่า เป็นชื่อเดิมของ ดาเนา ก่อนที่จะพลัดพรากจาครอบครัว

“ท่านพี่!” นาลาตกใจ
“พ่อ!” วินยาก็ยิ่งตกใจ
“อะ อาหารมีพิษ!”
จังหวะนั้นกาซูวัยหนุ่มก็เดินเข้ามา เปล่งเสียงหัวเราะอย่างสะใจ
“ฮ่าๆๆ”
“กาซู! เป็นฝีมือของแก ไอ้คนทรยศ!”
จังหวะนั้นเองกาซูก็เงื้อดาบจะแทงลีซัน แต่ลีซันคว้าดาบมารับไว้ตะโกนบอกเมียรัก
“นาลา…พาลูกหนีไป!”
กาซูถีบลีซันล้มลงแล้วแทงลีซัน นาลาและวินยาเสียใจมาก
“ท่านพี่!”
“พ่อ...!”
นาลาตัดใจทั้งน้ำตา รีบอุ้มลูกและพาวินยาหนีออกจากบ้านไป ลีซันกระอักเลือดขาดใจตาย
กาซูหัวเราะออกมาอย่างสะใจ

นาลาอุ้มลูกจูงวินยา วิ่งหนีหน้าตาตื่นมาตามทางแถวหน้าผา กาซูซึ่งตามมากระโดดตัวลอยมายืนจังก้าดักหน้า เอาไว้
“ผู้นำเผ่าชาลันคนต่อไปคือข้า ไม่ใช่ไอ้เด็กอมมือคนนี้”
นาลาตกใจ หันจะวิ่งหนีไปอีกทาง แต่กาซูดึงดาบออกมาจากฝัก ฟันไปในอากาศดักหน้า นาลากับวินยาร้องกรี๊ดลั่น ถอยหลังกรู
“ไอ้ชั่ว ข้าไม่มีวันยอมให้แกมาทำร้ายลีชาลูกข้า! ลีชาจะต้องเป็นผู้นำเผ่าคนต่อไป”
ถูกด่า กาซูโกรธมาก ตบนาลาล้มลง
“งั้นก็ตายทั้งแม่ทั้งลูก!”
กาซูเงื้อดาบจะฆ่าทั้งนาลาและเด็กทารก วินยาเข้าไปทุบตีกาซู ปกป้องแม่และน้อง
“อย่าทำแม่กับน้องข้านะ ไอ้คนเลว!”
กาซูผลักวินยาล้มลงไป วินยาเจ็บ
“วินยา!” นาลาห่วงลูก
กาซูย่างสามขุมเข้าไปหานาลา นาลากระเสือกกระสนหนี พลางร้องขอชีวิต
“ยะ อย่า อย่าทำอะไรลูกข้าเลย ลูกข้ายังเด็ก ปล่อยลูกข้าไปเถอะ”
กาซูไม่สนใจ หัวเราะเหี้ยมออกมาพร้อมกับเงื้อดาบจะแทงร่างของเด็กทารกที่สวมสร้อยเขี้ยวเสือที่คอ ซึ่งเวลานี้ร้องไห้จ้าราวกับรับรู้ว่าอันตรายกำลังมาถึงตัว
ทันใดนั้นเองก็เกิดคลื่นพลังประหลาด ทำให้กาซูปวดศีรษะอย่างรุนแรง
“อ๊าก”
กาซูล้มลงดิ้นพล่านด้วยความเจ็บปวด
“นี่มัน…นี่มันพลังอะไรกัน”
นาลาเห็นทางรอด รีบอุ้มลูกหนี ดึงวินยาไปด้วย
“ข้าไม่ยอมให้พวกแกรอดไปได้”
กาซูแข็งใจขว้างมีดไปแทงทะลุด้านหลังของนาลา นาลาชะงักกระอักเลือด
“แม่!”
วินยาตกใจนาลาซวนเซจวนจะล้ม และทำเด็กทารกหลุดมือ เด็กลอยออกไปตกหน้าผา หล่นลงไปในแม่น้ำตูม
“ลีชา…ลูกแม่…”
“ลีชา!”
กาซูยังปวดศีรษะไร้เรี่ยวแรง พยายามยันตัวลุกขึ้น เดินโซเซ จะมาฆ่าวินยา
“ลีซันต้องหมดสิ้นเชื้อสาย ข้าจะเป็นผู้นำเผ่าชาลัน!”
แต่จังหวะนั้นเองสางโปก็พาพวกชาวเผ่าชาลันมาช่วยไว้ทัน
“ไอ้กาซู”
สางโปขว้างมีดสั้นในมือไป มีดปักที่แขนกาซู มันร้องอย่างเจ็บปวด เลือดไหลออกมา กาซูเอามือกุมแขน มองเห็น สางโปกับพวกชาวเผ่าอาวุธหอก ดาบครบมือแล้ว เห็นท่าไม่ดีสู้ไม่ได้
“นังวินยา วันนี้แกโชคดี แต่ข้าจะกลับมาเอาชีวิตแกแน่นอน แล้ววันนั้นเผ่าชาลันจะเป็นของข้าเพียงผู้เดียว”
กาซูขู่แล้วรีบวิ่งหนีหายไป สางโปมองไปที่นาลาซึ่งนอนจมกองเลือดอยู่กับวินยาที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ท่านนาลา!”
วินยาประคองกอดแม่ร้องไห้
“แม่ แม่จ๋า”
“วินยา”
นาลาเช็ดน้ำตาให้วินยา
“อย่าร้องไห้ ต่อไปนี้ลูกต้องเข้มแข็ง”
นาลาพูดพลางจับสร้อยเขี้ยวเสือที่วินยาห้อยคออยู่
“สร้อยเขี้ยวเสือเส้นนี้ ลูกกับลีชามีคนละเส้น ใส่ติดตัวไว้เป็นตัวแทนของพ่อกับแม่นะ... แม่ฝากน้องด้วยนะลูก ตามหาน้องให้พบ รับปากแม่สิวินยา ตามหาลีชาให้พบ ดูแลน้องแทนแม่ด้วย”
วินยาพยักหน้าแทนคำตอบ ร้องไห้สะอึกสะอื้น นาลาสิ้นลม สางโปและชาวบ้านต่างสะเทือนใจ
“แม่!” วินยาร้องไห้ด้วยความเสียใจ เป็นที่เวทนาของชาวเผ่าที่อยู่ตรงนั้น

นึกมาถึงตรงนี้วินยาน้ำตาคลอ เจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงอดีตสมัยตัวเองยังเล็กๆ สางโปกับทองอินพลอยสะเทือนใจไปด้วย
“ตอนที่แม่ของข้าร้องของชีวิต พ่อของแกไม่เคยแม้แต่จะลังเลแม้แต่เด็กทารกที่ไม่มีความผิด ก็ไม่เว้น
ชีวิตของแกชีวิตเดียว ยังไม่พอชดใช้ชีวิตของผู้บริสุทธิ์ที่ตายด้วยน้ำมือพวกแก!”
วินยาเงื้อมีดจะแทง เลาซาลนลานขอชีวิตอย่างกลัวสุดขีด “อย่า!”
จังหวะนั้นกาซูก็ปรากฏตัวออกมา มันวาดมือใช้พลังเวทมนต์ จนทำให้วินยาบังคับตัวเองไม่ได้ เงื้อมีดค้าง พูดไม่ออก
สางโปชี้ไม้เท้าวิ่งเข้ามาจะจัดการ กาซู พร้อมๆกับทองอิน
“ไอ้กาซู”
“พ่อช่วยด้วย”
เลาซาตะโกนบอกผู้เป็นพ่อ กาซูเห็นท่าไม่ดี หยิบลูกดินปืนจากย่ามออกมา ขว้างออกไปทำให้เกิดระเบิดควันขึ้น ครั้นพอควันจางลง กาซูและเลาซาก็หนีไปแล้ว
วินยาเจ็บใจมาก สางโปและทองอินรีบมาประคองวินยา
“วินยา เป็นยังไงบ้าง” ทองอินเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เป็นไร”

เวลาต่อมากาซูประคองเลาซาที่บาดเจ็บให้นั่งลงมุมหนึ่งในอาศรมที่ดงผีฟ้า กาซูหยิบลูกประคบสมุนไพร
ขึ้นมาแล้วบริกรรมคาถา ก่อนจะประคบแผลของเลาซา ทำเอาเลาซาสะดุ้ง
“โอ๊ย พ่อ เจ็บ เบาๆ หน่อย”
เลาซาบ่น เลยถูกกาซูตวาดให้
“เจ็บสิดี จะได้จำไว้ ต่อไปอย่าวู่วามอีก”
“แล้วพ่อจะให้ข้าทำยังไง ปล่อยมันเป็นเสี้ยนหนามต่อไปรึ”
“อย่าลืมสิว่าขนาดพ่อของมัน ข้ายังกำจัดมาแล้วนับประสาอะไรกับเด็กเมื่อวานซืนอย่างนังวินยา
ขอแค่รอเวลาที่เหมาะสมและวางแผนให้รอบคอบ รับรองมันไม่รอดแน่!”
จังหวะนั้นเสียงวิทยุสื่อสารก็ดังขึ้น เป็นเสียงธานี
“กาซู”
“ว่าไงเสี่ย” กาซูรับสาย
กาซูคุยกับธานีผ่านวิทยุสื่อสาร
“เตรียมตัวให้พร้อม ฉันมีงานให้แกทำ!” ธานีสั่งการ
“งานส่งคนไปเกิดใหม่ใช่มั้ย ...หึ เสี่ยจะเก็บใครละ”กาซูโต้ตอบวิทยุกลับมา
แทนคำตอบธานียิ้มร้าย โดยมีธนวัติกับพาณิชย์อยู่ใกล้ๆมองด้วยความสะใจด้วยเหมือนกัน
“คืนนี้จะต้องเป็นคืนสุดท้ายของไอ้ดนัยกับชลิตอย่าให้รอดไปได้อีกเด็ดขาด”

ส่วนบุญทิ้งรู้สึกตัว ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น เห็นหน้าฉวีวรรณ ดาหวัน แจ๋ กิมจิ กำลังมุงดู ทุกคนดีใจที่บุญทิ้งฟื้น
“ฟื้นแล้ว!” ฉวีวรรณบอกทุกคน
บุญทิ้งลุกขึ้นนั่ง แจ๋กระโดดกอดรัดแน่นพร้อมเขย่าตัว จนบุญทิ้งหายใจไม่ออก
“ถามจริงบุญทิ้ง คิดได้ไงอะ ฉลาดมากเลยนะที่แกล้งเป็นหอบแถมยังทำตาเหลือกซะเหมือนจริงเลย” ฉวีวรรณชื่นชมยกใหญ่
“เจริญพรครับ…แต่ผมไม่ได้แสดง ผมเป็นหอบจริงๆ ครับที่ตาเหลือกนั่น หายใจไม่ออกเกือบสิ้นชีพแล้วครับ”
“ไม่เชื่อหรอก อย่ามาอำ เลิกเล่นละครได้แล้ว” ดาหวันยิ้มพราย
“ผมเปล่าอำ”
บุญทิ้งพยายามอธิบาย แต่ถูกแจ๋ล้อเลียน
“ไหนทำท่าตาเหลือกให้ดูอีกรอบสิ”
บุญทิ้งเถียงไม่ทัน กลุ้มที่ไม่มีใครเชื่อ

วินยามีผ้าพันแผลที่แขน หลังจากทำแผลให้ตัวเองเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวชาวป่าก็มายืนมองแม่น้ำสายหนึ่ง เศร้าสร้อย นึกถึงอดีตเมื่อ 10 ปีก่อน เวลานั้นเธอยังเป็นเด็ก มีน้องชายคนหนึ่งชื่อ ลีชา

สางโปกับพวกชาวบ้านชาวชาลันช่วยกันงมหาทารกน้อยลีชาที่ตกจากหน้าเผาร่างหล่นลงในแม่น้ำแต่ไม่มีวี่แวว
“ยังไม่พบนายเล็กลีชาเลย น้ำเชี่ยวไหลแรง บางที นายเล็กลีชาอาจจะ...”
วินยาฟังที่สาวโปบอก ก็ร้องไห้ออกมาเพราะไม่อยากเชื่อ
“ไม่จริง ลีชาต้องไม่ตาย ฉันจะไปตามลีชาเอง”
วินยาจะกระโดดน้ำ สางโปดึงไว้
“ไม่ได้นะ นายน้อย นายน้อยต้องเข้มแข็ง”
สางโปและชาวบ้านคุกเข่า
“ต่อไปนี้นายน้อยคือผู้นำชาวชาลัน นายน้อยต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อชาวชาลัน”
เสียใจมากแค่ไหน วินยาก็ต้องเข้มแข็ง เวลานั้นวินยาจับสร้อยเขี้ยวเสือที่ห้อยคออยู่

เช่นเดียวกับเวลานี้ วินยาก็จับเขี้ยวเสือที่ห้อยคอเอ่ยออกมา
“ลีชา…พี่เชื่อว่าน้องยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง พี่จะต้องตามหาน้องให้พบ”
วินยาทอดสายตามองออกไปไกลลิบ ด้วยความเป็นห่วงลีชา

ขณะที่แจ๋ กับ กิมจิ กำลังย่อง อย่างระวังตัว จะไปหาดนัยกับชลิต จู่ๆ ฉวีวรรณโผล่พรวดออกมาจากมุม
“แจ๋”
ฉวีวรรณเรียก แจ๋ กิมจิ สะดุ้ง
“ยายหวี อยากให้เพื่อนหัวใจวายตายหรือไงเนี่ย” กิมจิบ่นอุบ
“โธ่ นั่นสิ ตกใจหมด แล้วนี่หวีมีอะไรหรือเปล่า” แจ๋ถามออกมา
ฉวีวรรณอึกอัก
“กำลังไปจะหาดนัยใช่มั้ย....ฝากข้าวห่อไปให้…นายดนัยหน่อยสิ”
“ให้ดนัย? ทำไมให้ดนัยล่ะ
แจ๋แปลกใจ แจ๋กับกิมจิหันไปมองหน้ากัน...งง
“งงไปรุย”
แจ๋กับกิมจิงงเป็นภาษาใต้ออกมาพร้อมกัน ฉวีวรรณรีบแก้ตัวพัลวัน
“ไม่ใช่ของฉันหรอก เอ่อ คือ ยายหวันฝากให้”
“อ๋อ....” แจ๋ กิมจิอ๋อพร้อมกัน
“นั่นนะสิ ...เธอจะฝากให้ดนัยทำไม เธอเกลียดขี้หน้าดนัยจะตาย” แจ๋ดักคอ
“ใช่สิ ฉันเกลียดหมอนั่นจะตาย ไม่มีทางฝากของไปให้หรอก”
แจ๋รับห่อข้าวแล้วจะไป ฉวีวรรณรีบดึงไว้
“เดี๋ยว ฝากบอกเขาด้วยว่า…ให้กินเยอะๆ เขาไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว ผลไม้ก็กินไม่ได้ ให้เขาดูแลตัวเองดีๆ ด้วย” ฉวีวรรณพูดด้วยน้ำเสียงห่วงเอามากๆ
“แหม หวันนี่ฝากยาวจัง เธอเก่งเนอะ จำแม่นจริงๆ”
แจ๋ กับ กิมจิ เดินออกไปแล้ว ฉวีวรรณพยายามเตือนตัวเองดึงตัวเองกลับสู่โลกความจริง
“นั่นสินะ มันเป็นหน้าที่ของหวัน ไม่ใช่หน้าที่ของเธอที่จะห่วงนายดนัย ซะหน่อย ฉวีวรรณเอ๊ย”
ปากพูดไปอย่างนั้น แต่ฉวีวรรณอดห่วงดนัยไม่ได้

ในขณะที่แจ๋ถือห่อข้าวเดินมากับกิมจิ พร้อมกับพูดท่องประโยคคำพูดที่ฉวีวรรณฝากให้บอก จู่ๆ ดาหวันโผล่พรวดออกมาจากพุ่มไม้ ระยะประชิดอีกคน
“พี่ขา...!”
กิมจิตกใจ กรี๊ดสาวแตก แรงกว่าใคร จนแจ๋ซึ่งตอนแรกตกใจ แต่เห็นกิมจิออกตัวแรง เลยเท้าสะเอวมองดู แล้วซัดป้าบที่พุง
“อย่าเยอะ!”
กิมจิจุกตัวงอ ร้องโอ้ยแทน
“แจ๋อ่ะ เราไม่ใช่วัวใช่ควายนะ ตีได้ตีเอา”
“ยังมีปากเสียงอีก เดี๋ยวอีกชุดใหญ่”
แจ๋ทำท่าจะตบอีก กิมจิหงอไปเลย ดาหวันรีบแทรกขึ้นมา
“พี่แจ๋ขา หวันฝากผ้าห่มให้พี่ชลิตหน่อยสิคะ”
ดาหวันยกผ้าห่มสีหวานยื่นให้แจ๋ แต่กิมจิฉวยไปดูแทน
“ไหนๆดูซิ ....น่ารักอ่ะ แต่...ทำไมน้องหวันถึงเอามาให้ไอ้ชลิตล่ะ” กิมจิแปลกใจ
“เอ่อ ก็พี่หวีไง พี่หวีฝากมาให้ค่ะ”
ดาหวันแก้ตัว แจ๋กิมจิมองหน้ากันอย่างงงๆ
“งงไปรุย”
แจ๋กับกิมจิงงเป็นภาษาใต้ออกมาพร้อมกันอีก แจ๋หันมาหาดาหวันอีกที ยังงงๆ อยู่ เพราะเมื่อกี้ก็เจอฉวีวรรณฝากของมาแล้ว
“เอ หวีฝากเหรอ…ก็เมื่อกี้พี่ก็เจอ”
ดาหวันรีบตัดบท
“เอาเถอะน่า อย่าถามมากเลยนะคะ”
ดาหวันจะกลับไป แต่นึกได้
“ยังมีอีก พี่หวีฝากบอกพี่ชลิตด้วยว่าอากาศเย็น อย่าลืมห่มผ้า เดี๋ยวจะไม่สบาย”
แจ๋พยายามท่องจำคำฝากอีก
“อย่าลืมบอกพี่ชลิตด้วยนะ”
“ได้จ้าๆ”
ดาหวันดีใจ ยิ้มร่าออกไป แจ๋กับกิมจิมองตามงงๆ
“พี่น้องคู่นี้แปลกๆ แฮะ หวันฝากหวี ส่วนหวีก็ฝากหวัน ทำไมไม่บอกกันเอง” กิมจิว่า

ต่อมาไม่นานแจ๋ก็ยื่นห่อข้าวให้ดนัย พูดด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน
“เอ้า หวันฝากมาให้ เค้าบอกด้วยว่า ให้กินเยอะๆ เพราะนายกินผลไม้ไม่ได้ ไม่กินอะไรมาหลายวันแล้ว เดี๋ยวจะไม่มีแรง”
ดนัยรับมาเศร้าๆ ไม่อยากได้จากดาหวัน รับชลิตหึง ไม่พอใจ
“แล้วไม่มีของฉันเหรอ” ชลิตรีบทวงถาม
“มีสิ เอ้า”
แจ๋ยื่นผ้าห่มให้ ชลิตดีใจคิดว่าดาหวันฝากมาให้
“ยายหวันฝากผ้าห่มให้ฉันเหรอ” ชลิตถาม
“ไม่ใช่ หวีฝากมาให้”
ชลิตหุบยิ้ม ผิดหวัง แจ๋ยังทำเสียงอ่อนเสียงหวานต่อ
“หวียังบอกด้วยว่าให้นายห่มผ้าด้วย อากาศเย็น เดี๋ยวจะไม่สบาย รักนะ…จุ๊บๆ”
ดนัยกำลังยกขวดน้ำขึ้นดื่มพอดี สำลัก เพราะรับไม่ได้
“เป็นอะไร” กิมจิถามออกมา
“ปละ เปล่า แค่สงสัยว่ายายป้าหวีทำอะไรดีๆ แบบนี้เป็นด้วยรึ”

ชลิตที่อยู่ในโหมดงอนดาหวัน รีบพูดประชดออกมาทันที
“ฝากขอบใจหวีด้วยนะ ขอบใจที่เป็นห่วง หวีดีกับฉัน รู้ใจฉันเหลือเกิน ไม่เหมือนคนบางคน อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ไม่มีน้ำใจสักนิด”
“หมายถึงใคร” แจ๋สงสัย
“ก็ ใครก็ได้ ใครอยากรับก็รับไป” ชลิตอึกอัก
ดนัยประชดขึ้นมาบ้าง
“ฉันก็ฝากบอกหวันด้วยว่าข้าวห่อนี้อร่อยที่สุดในสามโลก ฉันซึ้งใจจริงๆ ที่มีคนดีๆ อย่างหวันคอยดูแล”
หลังจากนั้นชลิตกับดนัยต่างคนต่างมองเขม่นกัน ต่างอิจฉาอีกฝ่าย กิมจิกับแจ๋งง
“แกสองคนเป็นไรรึเปล่า” กิมจิถาม
“ไม่เป็นไร เอ้า ว่าเรื่องธุระของเราเถอะ” ดนัยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันว่าหวีกับหวันจะเป็นอันตราย ถ้าออกจากป่าเมื่อไรไอ้ธนวัติกับพาณิชย์ต้องไม่ปล่อยหวีกับหวันแน่”ชลิตออกความเห็น
“เราต้องพาสองคนนั้นหนี” ดนัยเสนอความเห็น
“จะหนียังไง พวกมันคุมเข้มอย่างนี้” แจ๋ว่า
“ฉันมีแผน”
ดนัยเรียกทุกคนมาสุมหัว เล่าแผนการให้ฟัง

แจ๋กับกิมจิเดินกลับมาจากคอกขังดนัยและชลิต ฉวีวรรณกับดาหวันรออย่างกระสับกระส่าย รีบไปรุมล้อมถามแจ๋
“เป็นไงบ้าง” ฉวีวรรณและดาหวันโพล่งออกมาพร้อมกัน
“ดนัยฝากขอบใจหวันด้วย ข้าวห่อฝีมือหวันอร่อยมาก อร่อยที่สุดในสามโลก”
“ข้าวห่อฝีมือหวัน?” ดาหวันงง
ฉวีวรรณตกใจ แจ๋หันมาทางฉวีวรรณ
“แฟนเธอก็ไม่น้อยหน้านะจ๊ะ ชลิตฝากขอบใจฉวีด้วยที่ฝากผ้าห่มไปให้ ชลิตชมไม่ขาดปากเลยว่าหวีรู้ใจจริงๆ”
“ผ้าห่ม? ฉันเนี่ยนะฝากผ้าห่มให้ชลิต”
ฉวีวรรณงง ดาหวันเองก็ตกใจ เพราะกลัวความแตก
“ทำไมเธอสองคนทำหน้าอย่างนั้นล่ะ” แจ๋ว่า
“นั่นดิ อย่าบอกว่าจำไม่ได้นะ ที่พวกเธอฝาก...” กิมจิตั้งข้อสงสัย
ฉวีวรรณกับดาหวันต่างกลัวความแตก เลยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ คุยเรื่องแผนดีกว่า”
ฉวีวรรณชวนเปลี่ยนเรื่องดาหวันรีบผสมโรง
“ใช่ๆๆๆ ตกลงว่าไง”
“อ้าว ยังคุยเรื่องข้าวห่อกับผ้าห่มไม่จบเลย” แจ๋งเซ็ง
“ช่างมันเถอะน่า มีแผนอะไรก็ว่ามา”
ฉวีวรรณตัดบท แจ๋กับกิมจิแปลกใจมาก แต่ก็ช่วยกันเล่าแผนให้ฟัง ฉวีวรรณและดาหวันฟังอย่างตั้งใจ
ส่วนภายในคอกที่ขังตัวดนัยและชลิต ดนัยกำลังกินข้าวห่อ โดยมีชลิตแอบมอง ขยับผ้ามาห่มสีหน้าไม่พอใจ ดนัยเห็นก็สงสัยในท่าที
“มองอะไร”
“อร่อยมั้ย”
“ก็ดี ทำไมเหรอ”
“แค่สงสัยว่าเด็กกะโปโลอย่างยายหวัน ทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอ”
“แล้วนายล่ะ อุ่นมั้ย”
“ผ้านี่เหรอ ทั้งอุ่นทั้งหอมเชียวล่ะ หอมกลิ่นความรักที่หวีเขามีให้ฉัน”
ชลิตสูดกลิ่นจากผ้าอวด ดนัยยิ่งเศร้า
“ก็ดี...ดีใจด้วยที่มีคนคอยเอาใจใส่”
“ทำไม อยากได้ผ้าห่มบ้างเหรอ”
ดนัยรีบทำเป็นไม่สนใจ
“ฉันไม่ได้อยากได้ของจากยายป้าหวีซะหน่อย แล้วนายล่ะ เห็นมองข้าวห่อของฉันตั้งนานแล้ว อยากกินรึไง”
“ข้าวห่อฝีมือยายเด็กกะโปโลนั่นน่ะนะ ไม่ล่ะ ฉันกลัวท้องเสีย”
ต่างคนต่างปากแข็ง แต่แอบมองกันด้วยความอิจฉา

อาหารคาวหวานและผลไม้หลากหลาย ถูกจัดเตรียมไว้พร้อมบนโต๊ะแบบพับเก็บได้สำหรับแค้มปิ้ง
ธานี ธนวัติและพาณิชย์พาศิริมาที่โต๊ะ อุ๊บอิ๊บตามมาด้วย
“โอ้โห โอกาสพิเศษอะไรเนี่ย” ศิริตื่นตา
“ฉลองที่น้องหวีกับน้องหวันกลับมาอย่างปลอดภัยไงครับคุณลุง” ธนวัติ
“ขอบใจทุกคนมาก แหม มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น”
ศิริตื่นตาตื่นใจ ธานี ธนวัติและพาณิชย์ยิ้มร้าย นึกถึงแผนที่วางไว้ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้

ขณะนั้นธานีชูขวดยาใบเล็กๆ ข้างในมีน้ำยาใสๆ
“อะไรฮะ ป๊า” ธนวัติถาม
“ยาสั่ง ป๊าได้มาจากไอ้กาซู ถ้าไอ้แก่ศิริกินยานี่เข้าไป มันจะตกอยู่ใต้อำนาจของเรา มันต้องทำตามที่เราสั่งทุกอย่าง”
“เหมือนลูกไก่ในกำมือ” ธนวัตินึกรู้
“จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด” พาณิชย์เสริมต่อให้
สามจอมวายร้าย ธานี ธนวัติและพาณิชย์ประสานเสียงหัวเราะสะใจ

ธานีลืมตัวหัวเราะลั่นอยู่กลางวงอาหาร
“ฮ่าๆๆๆ”
ศิริงง ธนวัติกับพาณิชย์หน้าเสีย รีบสะกิดธานี
“ป๊าๆ”
ธนวัติเรียกธานีชะงัก ศิริถามทันที
“เป็นอะไร อารมณ์ดีเป็นพิเศษนะ”
“ไม่มีอะไร กินเลยๆ กินเยอะๆ นะ เพราะมื้อนี้จะเป็นมื้อสุดท้ายของแก”
ธานีรีบแก้ตัว แต่ท้ายประโยคธานีดันหลุดออกมาอีก ธนวัติกับพาณิชย์ตกใจ
“ป๊า!”
ธานีสะดุ้งนึกได้
“แกหมายถึงฉัน หรือวะ ธานี ฉันเหรอจะตาย นี่อาหารมื้อสุดท้ายงั้นเหรอ”
ศิริท้วง ธานีรีบแก้ตัว
“ปะ เปล่าๆ ครับ โธ่ พี่ศิริครับ ผมจะไปว่าพี่ผมเคารพได้ยังไง ผมหมายถึงมื้อสุดท้ายในป่านี้ไงครับพี่ พรุ่งนี้เราจะออกจากป่ากันแล้ว”
“อ๋อ... ฮ่าๆๆ ใช่ๆ พูดถูกต้อง” ศิริเปลี่ยนเป็นหัวเราะชอบใจ
“ดีค่ะ อุ๊บอิ๊บเบื่อ อยากออกจากป่านี่เต็มทีละ”
พาณิชย์คดข้าวให้ ธนวัติตักกับข้าวให้ เอาใจ ธานี ธนวัติและพาณิชย์พากันออกอาการลุ้น ให้ศิริตักอาหารกิน

อีกมุมหนึ่งในบริเวณเดียวกัน กิมจิ แจ๋และบุญทิ้งแอบมองอยู่ ทั้งสามสงสัย
“ท่าทางพวกมันมีพิรุธ ทำไงดีแก”
เห็นแจ๋กังวล กิมจิล้วงกระเป๋า หยิบแมลงสาบยางออกมา
“ต้องเจอนี่…แมลงสาบยาง”

ที่วงอาหาร ศิริกำลังจะตักข้าวเข้าปาก ขณะนั้นธานี ธนวัติและพาณิชย์ยิ้มร้าย แต่จู่ๆ แจ๋กรี๊ดลั่น
“อ๊ายย แมลงสาบ!”
ศิริชะงัก หยุดกิน ทุกคนตกใจ หันไปมองแจ๋เป็นตาเดียว
“เฮ้ย มีแมลงสาบในข้าว แหวะ”
กิมจิช่วยโวยวาย แล้วชูแมลงสาบยางให้ดู อุ๊บอิ๊บกรี๊ดกร๊าด
“อ๊าย! อุ๊บอิ๊บกินไม่ลงแล้วอ่ะ”
บรรดาลูกน้องทุกคนเห็นพากันคลื่นไส้ จะอาเจียน ศิริรีบทิ้งช้อนทันที ผลักจานข้าวออกไปห่างๆ อย่างรังเกียจ ธานี ธนวัติและพาณิชย์ไม่พอใจที่เสียแผน
“เป็นไปไม่ได้ ไหนขอดูหน่อยสิ”
กิมจิตกใจที่ธนวัติจะมาดู เริ่มทำโวยวาย
“เฮ้ย มันดิ้นได้ มันยังไม่ตาย”
กิมจิแกล้งโยนแมลงสาบทิ้งไปไกลๆ ทำลายหลักฐาน
“พวกแกจงใจหาเรื่องชัดๆ
ศิริผะอืดผะอม
“เห็นตัวเป็นๆ อย่างนั้นไม่มีใครหาเรื่องแล้วล่ะ นายวัติ สุภาพ เอาไปเททิ้งซะ” ศิริหันมาสั่ง
“ครับ นาย”
สุภาพเดินไป ธานี ธนวัติและพาณิชย์เจ็บใจที่เสียแผน
“แล้วทีนี้จะกินอะไรกันล่ะ นาย หิวแล้วด้วย”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงค่ะ”
แจ๋ดีดนิ้ว พร้อมๆ กับที่ฉวีวรรณและดาหวัน เดินยิ้มสวยเข้ามา คนงานของศิริยกหม้อข้าวตามหลังมา
“หวีกับหวันทำกับข้าวไว้แล้วค่ะ มื้อนี้เราสองคนแสดงฝีมือเองเลย”
“ยายหวี ยายหวัน นึกยังไง” ศิริงง
“เพื่อเป็นการขอโทษที่ทำให้คุณพ่อเป็นห่วงและเป็นการตอบแทนทุกคนที่ช่วยกันตามหาพวกเราไงคะ”
ฉวีวรรณและดาหวันยิ้มให้กัน นึกถึงแผนที่วางไว้โดยได้อาหลู่เป็นตัวช่วย

โดยเมื่อตอนกลางวันที่ผ่านมา อาหลู่ชูใบไม้ให้สามสาวดูอย่างภาคภูมิใจ
“สมุนไพรต้นนี้มีชื่อว่า “ต้นเสือตาปรือ” คิดดูขนาดเสือกินเข้าไปยังตาปรือ แล้วคนจะไปเหลืออะไร้”
อาหลู่ทำท่าตาปรือให้ดู
“อาหลู่รับรองได้ คุณหนูกินแล้วจะหลับสบายไร้กังวลไปเลย”

ฉวีวรรณ ดาหวันและแจ๋ยิ้มอย่างรู้กัน

อ่านต่อตอนที่ 9




กำลังโหลดความคิดเห็น