เพลงรักบ้านนา ตอนที่ 17
เมินยิ้มกริ่ม เข้ามายั่วโทสะของทวน
“ตอนนี้แกรู้แล้วใช่มั้ย ว่าร่องรอยที่ฉันต้องรักษาความสดไว้ตลอดกาลนี่มันเป็นรอยอะไร เหมือนรอยที่แกเคย...เคย...”
ทวนทำตาขุ่นใส่เมิน
“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ”
“มิน่า...ตอนนั้นแกถึงได้ล้างๆๆๆ ถูๆๆๆ เอากลิ่นสาปสาวของศรีไพรออกนี่เอง แกคงจะรังเกียจศรีไพร เอายังงี้...งั้นฉันจีบทั้งพี่ทั้งน้องเลย”
“เห็นด้วย เสน่ห์พี่เมินไม่ต้องปรับปรุงยังงี้ มีสิทธิ์” ทอกเข้าข้างเมินออกหน้าออกตา “มันเรื่องแปลกซะที่ไหนล่ะ ถ้าผู้ชายจะมี...มี...มีผู้หญิงสองคน โอย...อิจฉาอาฆาตพี่ข้าซะไม่มี จริงมั้ยวะไอ้ทอก” หมอกพูดยั่วทวน
ทวนหันขวับ ตาขุ่น หึงศรีไพร
“อย่านะ”
เมินยิ้มกวนๆ
“ทำไม หึง หรือว่าหวง...”
ทวนอึกอักพูดไม่ออก
“เอ้อ...”
“แกหึงศรีแพร แล้วก็หวง...ศรีไพร”
“นี่ ฉันไม่ใช่ผู้ชายมักมากอย่างแกหรอก ฉันรักเดียวใจเดียว” ทวนโวยใส่
เมินยิ้มๆ
“แต่ใจแกเปลี่ยนไปแล้ว รอยจูบของฉันไม่ได้ทำให้แกคลั่ง หมายความว่าเดี๋ยวนี้แกไม่ได้รักศรีแพรแล้ว แต่แกรัก...”
ทันใดนั้น แสนวิ่งพรวดพราดเข้ามาส่งข่าวเมิน
“พี่เมิน มีข่าว...”
“ข่าวอะไรแสนแสบน้องรักของพี่”
“นี่ ต้องกระซิบ”
แสนดึงเมินออกไปกระซิบ ทุกคนมองตามด้วยความอยากรู้
“จริงหรือ...” เมินตาโต ตื่นเต้นยินดีเมื่อรู้ว่าพรอนุญาตให้ไปสู่ขอศรีแพร
สดกระวีกระวาดเปิดหีบเก่าเก็บเครื่องทอง หยิบเครื่องประดับที่สะสมออกมาจากหีบ ศรีแพรคลานเข้ามานั่งพับเพียบใกล้ๆอย่างประจบ
“แม่ พี่เมินเขาจะหาเงินหาทองหานาคมาจากที่ไหน แม่ก็รู้ว่าเขาเป็นแค่เด็กวัด”
“ก็เพราะยังงี้น่ะซี แม่ถึงได้เปิดหีบสมบัติ ข้าวของทองหยองพวกนี้เก็บสะสมมาตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตาทวด เห็นจะต้องเอาออกมาใช้เป็น...”
ศรีไพรนึกออก
“เป็นอัฐยาย ซื้อขนมยายใช่มั้ยแม่”
“รู้มาก” สดมองค้อนลูกสาวคนเล็ก
ศรีแพรดีใจโผเข้ากอดแม่
“ฉันรักแม่จ้ะ”
“ก็เพราะแม่รักเอ็งน่ะซี ถึงต้องเอาทองหยองออกมา ให้เจ้าเมินมันใช้เป็นสินสอด แม่อยากให้ลูกมีความสุข”
สดและศรีแพรกอดกันด้วยความรัก
วันต่อมาศรีไพรนั่งอยู่หน้าเนินดินที่ฝังไฉไลเฉิด พูดขึ้นมาอย่างเศร้าๆ
“ถ้าชาติหน้ามีจริง เกิดมาเป็นคน แล้วเป็นพี่น้องกันอีกนะไฉไลเฉิด พี่จะเป็นพี่...พี่จะปกป้องไม่ให้ใครทำร้ายเอ็งได้”
ขณะเดียวกันนั้น ทวนก้าวเข้ามา
“ศรีไพร จริงหรือที่พ่อยอมให้ไอ้เมินมันไปขอศรีแพรแล้ว”
ศรีไพรมองหน้าทวน
“พี่ทวนเสียใจซีนะ”
“ก็สมควรจะเสียใจ แต่แปลก...พี่กลับดีใจที่ศรีแพรจะมีความสุข พี่รู้ว่าศรีแพรไม่ได้รักพี่ ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่”
“ไม่เป็นไร...”
ศรีไพรมองหน้าทวนด้วยความแปลกใจ ทวนยิ้มๆขยับเข้ามานั่งจนชิด ท่าทางกรุ้มกริ่ม กะล่อน
“เพราะตอนนี้พี่กำลังอกหัก ต้องมีคนรักษาใจให้ จะมีใครใจดีมีเมตตารักษาใจให้พี่มั้ยน้ออออ”
ศรีไพรชะงัก
“พี่ทวน”
ศรีไพรมองสบสายตา ก่อนหลบสายตาของเขา
ชิงชัยเตะข้าวของกระจายเมื่อรู้ว่าเมินสู่ขอศรีแพร สไบถอยหนีอย่างตกใจ
“ขันหมากเหรอ”
หลิมพยักหน้า
“ชาวบ้านพูดกันแซด ตาพรยอมให้ไอ้เมินมันส่งผู้ใหญ่ไปขอลูกสาว นังศรีแพร แล้วแต่งเลยครับ”
“แต่งเชียวหรือวะ ฉันไม่ยอมให้ศรีแพรแต่งงานเด็ดขาด” ชิงชัยพูดเสียงกร้าว
สไบไม่พอใจเดินเข้ามาหา
“ทำไม...นังศรีแพรมันมีอะไรไม่เหมาะกับคนขี้คุกอย่างเจ้าเมิน ตาพรโก่งเงินค่าสินสอดซะแพงแสนแพง” สไบเยาะๆ “เฮ้อ...แล้วคนอย่างเจ้าเมินมันจะไปเอามาจากไหน”
ทวน ทอก หมอก ต่างกลุ้มกังวลเรื่องสินสอดที่พรเรียกร้อง แต่เมินกลับยิ้มๆ
“นั่นน่ะซี แกจะหาสินสอดทองหมั้นที่เป็นทอง...เงิน...นาคมาจากไหน อย่า...ไอ้ทอกไอ้หมอก ไม่ต้องเลย ไอ้อุบายใช้ใบเงินใบทองใบนาคน่ะพ่อตารู้แกวหมดแล้ว ต้องทองจริงๆ เงินจริงๆ แล้วก็นาคจริงๆ” ทวนบ่นอย่างกลุ้มใจแทนเพื่อน
ทอกถอนใจ
“วันๆ กินแต่ข้าวก้นบาตร ฉันละหนักใจแทน”
หมอกหน้าเครียด
“นั่นน่ะซี ไปหาที่ไหน เอาทองเปลวพลวงพ่อพระประธานแทนก็ไม่ได้ ผิดวัตถุประสงค์ของญาติโยม”
ทวนหันไปมองหน้าเมิน
“ไอ้เมิน ยังทำทองไม่รู้ร้อนอีก แกจะไปหาเงินทองกับนาคที่ไหนเป็นสินสอดศรีแพร”
ขณะเดียวกันนั้น ศรีไพรหิ้วถุงผ้าเดินนำหน้าแสนเข้ามา
“ไม่ต้องไปหาที่ไหนหรอก นี่...แม่ให้เอามาให้ ให้ยืมนะ เสร็จพิธีแล้วส่งคืนครบจำนวน เพราะ...” ศรีไพรเหนียมๆ เก้อๆ “อาจจะต้องใช้อีกงาน”
“แม่นับทองไว้ทุกข้อเลยจ้ะพี่เมิน” แสนบอก
เมินยิ้มให้ศรีไพร
“ศรีไพร น้องพี่ น่ารักจริงๆ มา...หอมหน่อย”
ทวนเข้าขวางทันที
“เฮ้ย ไม่ได้ แค่ขอบใจก็พอ ทำไมต้อง...เอ้อ...หอมแก้ม”
“โธ่ นี่ฉันเอ็นดูศรีไพรนะโว้ย เดี๋ยวพอฉันกับศรีแพรแต่งงานกันแล้ว เราก็ เป็นคนครอบครัวเดียวกันใช่มั้ยจ๊ะ ศรีไพรจ๋า”
เมินแกล้งยั่ว ทวนเริ่มหึง
“ก็บอกว่าไม่ได้...ไม่ได้ไง เป็นคนในครอบครัวก็ไม่เห็นจะต้องจูบกันเลยจริงมั้ยจ๊ะ ศรีไพรจ๋า”
ศรีไพรชักหงุดหงิด
“นี่ แม่หวังดีกับพี่เมิน จะรับหรือไม่รับ”
“ไม่รับ”
“ฮ้า...”
ทวน ทอก หมอกต่างแปลกใจ ที่เมินไม่รับ
“แล้วแกมีปัญญาหาสินสอดไปแต่งศรีแพรหรือ” ทวนถามอย่างสงสัย
“มีแค่หัวใจรักก็พอแล้ว เอาน่ะ...ถึงเวลาก็รู้เองว่ามีปัญญาหรือไม่มี” เมินยิ้มๆ
เมื่อวันแต่งงานของเมินกับศรีไพรมาถึง เฉื่อยและเจ๊กตงนำขบวนขันหมาก ทวนทำหน้าที่ถือพานขันหมาก ต่างโห่ร้องรำฟ้อนตามหลังขบวนกลองยาวอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางชาวบ้านที่มาร่วมงานมากมาย
ชิงชัย หลิม เลิศกับพวกสมุนดักอยู่ที่สะพานไม้ข้ามคลอง สักครู่ขบวนขันหมากเดินขึ้นสะพานไม้ข้ามคลองมา ชิงชัยมองแค้นๆ
“ไอ้เมิน มันยกขบวนขันหมาก ไปแต่งศรีแพรจริงๆด้วย”
“เอายังไงดีครับคุณชิงชัย” หลิมถาม
“ตีขบวนขันหมากของมัน”
ชิงชัยกับพวก ลุยเข้าตีขบวนขันหมากบนสะพานไม้ข้ามคลอง มหาเฉื่อยตกใจ
“เฮ้ย ใครตีขบวนขันหมากวะ ขออนุโมทนาบุญให้ขบวนผ่านไปก่อน แล้วค่อยมากั้นประตูเงินประตูทอง”
เจ๊กตงมองหวาดๆ
“สงสัยมันจะไม่กั้นประตูเงินประตูทองหรอก มันจะปิดประตูตีพวกเรา”
“งั้นจะช้าอยู่ทำไมวะ เอาเลย...สู้มัน” มหาเฉื่อยตะโกนลั่น
ทั้งสองฝ่ายลุยเข้าตีกันบนสะพาน อย่างชุลมุน
ที่เรือนไทย ชาวบ้านยกสำรับอาหารออกมาจัดวางมากมาย พรเดินไปมานัยน์ตาขุ่นเขียวส่งเสียงตวาด
“เฮ้ย นี่จะเอาอาหารหวานคาว ออกมาทำไมมากมายยังงี้ ต้องเจรจาสู่ขอก่อนโว้ย หนอย...ไม่รู้จะได้แต่งหรือเปล่า ถ้าสินสอดไม่เข้าเป้าละก็...ฮึๆๆๆ ไล่เฒ่าแก่ลงจากเรือน ไม่ต้องให้ใครกิน”
สดส่ายหน้าหน่ายๆ
“ตาพร แกจะทำหน้าให้มันดีๆ กว่านี้หน่อยได้มั้ย ครีมหน้าเด้งน่ะหัดซื้อมาทาซะบ้าง ยิ้มเข้าไว้ วันนี้เราจะได้ลูกเขยนะ”
“พ่อ ยิ้มหน่อย ฤกษ์งามจะได้ยามดีด้วย นะ...พ่อนะ” ศรีไพรขอร้อง
“ยิ้มก็ได้วะ ฮึ่ม...จนป่านนี้ขบวนยังไม่โผล่มาอีก ไอ้เมินมันจะมีเงินมีทองมีนาคได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นแค่...”
ศรีแพร ศรีไพรและสดมองหน้ากัน ทันใดนั้นแสนวิ่งพรวดพราดส่งเสียงมาแต่ไกล
“พี่ศรีไพร พ่อ...ขบวนขันหมากถูกโจมตี”
ชิงชัยกับสมุนเข้าโจมตีขบวนขันหมาก ต่างต่อสู้กันบนสะพาน ร่างของสมุนชิงชัยถูกเหวี่ยงลงจากสะพาน
ทันใดนั้นศรีไพรวิ่งนำหน้าแสนเข้ามาพร้อมไม้หน้าสามในมือ ทวนชะงักอึ้ง
“ศรีไพร”
“ไอ้ชิงชัย แก...แกฆ่าไฉไลเฉิด ฉันจะล้างแค้นให้ควายของฉัน”
“งั้นก็เข้ามาซี ฉันจะส่งแกไปอยู่กับไอ้ไฉไลเฉิด ในเมืองควาย” ชิงชัยท้าทาย
ศรีไพรกระโดดเหยียบไหล่ของทวน เมิน ทอกและหมอกเข้าไปตีหัว ชิงชัยร้องลั่นทรุดฮวบลง ฝ่ายของชิงชัยเสียเปรียบถูกเนี้ยวและเจ๊กตงซ้ำ ก่อนที่มหาเฉื่อยจะจับเหวี่ยงลงคลองทีละคน ทวนรีบเข้ามาหาศรีไพรอย่างเป็นห่วง
“ศรีไพร เป็นอะไรหรือเปล่า”
เมินยิ้มให้
“ขอบใจมากนะน้องพี่”
“รีบตั้งขบวนเร็ว เดี๋ยวพ่อเปลี่ยนใจ” ศรีไพรสั่งอย่างร้อนใจ
มหาเฉื่อยหันไปตะโกนบอกชาวบ้าน
“เร็วโว้ยพวกเรา รีบตั้งขบวน ทิ้งไอ้พวกนี้ไว้ในคลองก่อน เดี๋ยวตาพรอ้างเสียฤกษ์ไม่ยอมให้แต่ง ไอ้เมินของข้าจะขึ้นคาน เร็วๆ โว้ย”
ทุกคนวุ่นวายจัดข้าวของ เสื้อผ้า เตรียมตั้งขบวน
หลิม เลิศและสมุน ช่วยกันประคองชิงชัยเข้ามาในบ้าน ชิงชัยถูกศรีไพรตีที่ศีรษะเลือดอาบใบหน้า สไบยืนท้าวเอว โดยมีแหว่งยืนอยู่ข้างหลัง
“สมน้ำหน้า ไปตีขบวนขันหมาก เลือดซ่กกลับมาเชียวนะ”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าขบวนนั่นมันมีอาวุธเพียบ ไอ้ศรีไพร มัน...มันตีหัวฉัน แก้แค้นแทนควาย”
สไบแปลกใจสงสัย
“ไอ้ศรีไพรอีกแล้วหรือ นี่มันลุกขึ้นมาเก่งตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ไหนว่า...มันเพิ่งถูกยิง”
“เก่งไม่เก่ง มันตีหัวคุณชิงชัยแตกเลยครับ” หลิมบอกเสียงอ่อย
สไบใจอ่อน รีบวิ่งลงมาประคองชิงชัย
“คุณชิงชัย เลือดไหลโกรกเลย ยืนอยู่ทำไมนังแหว่ง ไปเอายาเอาผ้ามา ฉันจะทำแผลให้คุณชิงชัย”
“ค่ะ คุณสไบของบ่าวขา”
“ไอ้ศรีไพร เจ็บใจนัก จ้างให้มันก็ไม่มีวันได้...แต่ง”
ชิงชัยประกาศอย่างแค้น
ทุกคนนั่งตามตำแหน่ง เมื่อเริ่มพิธีการสู่ขอระหว่างศรีแพรกับเมิน พรมองพานใส่สินสอดทองหมั้นที่คลุมผ้าแพรสีทองไว้ แล้วหัวเราะเย้ยหยัน
“ใช่...ไม่รู้จะได้แต่งหรือไม่ได้แต่ง มันขึ้นอยู่กับสินสอดทองหมั้น มีเงินมีทองมีนาคครบตามเงื่อนไขมั้ย ไม่ได้...งก แต่ต้องปฏิบัติตามหลักการของพ่อตา”
ศรีแพรหน้าสลดลง สดค้อนพร
“เอ้อ ท่านมหาเฉื่อยมาเป็นเฒ่าแก่ เจ๊กตงก็ให้เกียรติมาเป็นผู้ใหญ่ ลดลาวาศอกความงกลงบ้างเถอะ เปิดสินสอดดูทีรึ”
“เปิดเลยเตี่ยจ๋า อยากดู” เนี้ยวบอกอย่างตื่นเต้น
“ในนามของท่านมหาเฉื่อย พุทธบริษัทจำกัดมหาชน เปิดให้เป็นที่ประจักษ์ว่านี่คือสินสอดทองหมั้น”
ทุกคนตั้งใจจ้องมอง มหาเฉื่อยเปิดพานขันหมากออก มีธนบัตร-เงิน สร้อย แหวน กำไล-ทองและเข็มขัดนาค ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก
“โอย โล่งอก...มีเงินเป็นปึกๆ สร้อยแหวนกำไลทอง แล้วก็มีเข็มขัดนาคเส้นเบ้อเริ่มเลยแม่จ๋า พ่อจ๋า” ศรีไพรบอกอย่างโล่งใจ
ศรีแพรหันไปหาพร
“แต่งได้หรือยังพ่อ”
พรหน้าเครียด คนอื่นๆปรบมือกันเฮ
“ได้เบียดแล้วเจ้าเมินเพื่อนฉัน" ทวนแหย่
“เดี๋ยว...ยังเบียดไม่ได้โว้ย” พรโวยขึ้น
เจ๊กตงชะงักแปลกใจ
“ทำไมล่ะ ก็อาเมินอีมีสินสอดทองหมั้นตามข้อเรียกร้องของลื้อแล้ว ทำไมถึงยังแต่งไม่ได้”
พรยิ้มเหี้ยม
“ต้องให้กูรูด้านทองแท้เงินแท้อัญมณีของแท้ ดูเสียก่อนว่านี่ไม่ใช่ของปลอม”
เถ้าแก่ร้านทองตรวจดูสินสอดทองหมั้นก่อนฟันธง
“ของจริง”
ทุกคนที่ลุ้นอยู่ต่างดีใจ ยกเว้นพร
“เฮ้ๆๆๆๆ”
มหาเฉื่อยมองหน้าพรยิ้มๆ
“ของจริงตามเงื่อนไข ทีนี้...มีอะไรอีกมั้ย ตาพร แต่งได้หรือยัง”
ศรีแพรร้อนใจรีบพูดขึ้น
“แต่งเลยจ้ะลุงมหา แต่งช้ากว่านี้ละก็...ฉันจะหนีตามพี่เมินไปอยู่ในป่าช้า”
ทุกคนพากันเฮพร้อมๆกัน
“เฮ้ๆๆๆ”
สดยิ้มหน้าบาน
“แต่งเลย แต่งเดี๋ยวนี้ ข้าอยากได้ลูกเขยเร็วๆ”
ทุกคนเฮพร้อมกันอีก
“เฮ้ๆๆๆ”
ทุกคนต่างมีความสุข
“เอ้า แต่งก็แต่งวะ”พรเบะหน้าร้องไห้ด้วยความเสียดายลูกสาว
(อ่านต่อหน้า 2)
เพลงรักบ้านนา ตอนที่ 17 (ต่อ)
ค่ำคืนนั้นชิงชัยนั่งกินเหล้าเพราะความแค้นใจ ที่ศรีแพรแต่งงานไปกับเมิน สไบเข้ามายั่วยวน
“นังศรีแพรแต่งงานไปแล้ว จะมานั่งเสียดายมันทำไม ผู้หญิงมีออกเกลื่อน หนาวๆ ยังงี้ไม่นึกอยากจะเข้าห้องเหรอ”
“ไป๊ ฉันไม่มีอารมณ์กับเธอ” ชิงชัย เสือกไสอย่างไม่มีเยื่อใย
“คุณชิงชัย ฉันซื่อสัตย์ต่อคุณนะ ที่ฉันต้องทนมีผัวแก่คราวพ่อก็เพราะคุณ”
“ใครขอให้เธอทำยังงั้นล่ะ ฉันก็แค่สนุก ถึงพ่อตายแล้วฉันก็ไม่เอากากีอย่างเธอ ขึ้นมานั่งแท่นเมียฉันหรอก ลูกสาวตาพร ยายสดมีผัวแล้วก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย”
สไบตะลึง
“นี่ คุณคิดจะทำอะไรน่ะ”
ชิงชัยแสยะยิ้ม
“ฉุด...ฉุดนังศรีแพร แก้แค้นไอ้ศรีไพรที่มันทำฉันเลือดตก ไหนจะหยามหน้า ไอ้เมินอีก” ชิงชัยคำรามเสียงดัง “ฉุด...”
บ้านเรือนไทย ในบรรยากาศการฉลองแต่งงานของศรีแพรกับเมิน ทุกคนต่างมีความสุขกับคู่บ่าว-สาวสดยิ้มแย้มแจ่มใสรับรองชาวบ้านที่มาร่วมงาน ส่วนพรยังหน้าเคร่งเครียดเพราะเสียดายลูกสาว ขณะที่ทวน ทอก และหมอก เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว นั่งอยู่ไม่ห่างเมิน
“นี่ ไม่ต้องยิ้มจนแก้มปริยังงั้นหรอกเจ้าเมิน ทีใครทีมัน” ทวนแซว
เมินยิ้มเย้ย
“ฉันจะรอดูว่าทีแกมีมั้ย เมื่อไหร่”
“พี่จ๋า ใกล้จะถึงเวลาส่งตัวแล้วนะ ส่งตัวคราวนี้เข้าทางประตู ไม่ต้องปีนหน้าต่างนะพี่นะ” ทอกเย้าแหย่
“ป่านนี้ไอ้ศรีไพร คงจะปูที่หลับปัดที่นอนเอาไว้รับพี่เขย ส่วนแม่ศรีแพรก็ประแป้งรอแล้ว” หมอกหยอกล้อขำๆ
ขณะเดียวกันนั้น ชิงชัย เลิศ หลิมโผล่หน้าออกมาจากหลังพุ่มไม้ แล้วมองขึ้นไปยังหน้าต่างห้องหอ
ศรีไพรจูงมือศรีแพรเข้ามานั่งบนที่นอนที่ปูด้วยกลีบดอกไม้ ต่างกอดกันและกันด้วยความรัก
“พี่ศรีแพร ฉันรู้ว่าพี่รอวันนี้มานานแล้ว ฉันขอให้พี่มีความสุขจ้ะ”
“ขอบใจมากนะศรีไพร นี่ถ้าไม่ได้น้อง พี่กับพี่เมินคงไม่ได้แต่งงานกันหรอก”
“พี่ศรีแพร ไม่สงสัยบ้างหรือว่าพี่เมินเขาไปเอาสินสอดทองหมั้น มาจากไหนมากมายยังงั้น ก็เขา...”
ศรีแพรมองหน้าน้องสาว
“คนจะเป็นผัวเมียกันน่ะ เขาให้เลิกตั้งข้อสังเกตเรื่องสงสัย พี่รักพี่เมิน ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงพี่ก็จะรักเขา”
“จะได้เวลาส่งตัวแล้ว ฉันจะออกไปดูพ่อกับแม่”
ศรีไพรออกไปจากห้องหอ ศรีแพรหันมามองตนเองในกระจกเงา ยิ้มอย่างมีความสุข ทันใดนั้นมือของชิงชัยยื่นมาเกาะที่ขอบหน้าต่าง ศรีแพรเห็นชิงชัยในกระจกเงาหันไป นัยน์ตาของเธอตื่นตระหนก มือของชิงชัยปิดปากของศรีแพรไว้ได้ก่อนที่เธอจะร้องออกมา
สดและพรยืนรออยู่ที่หัวบันได มหาเฉื่อยจูงมือของเมินมาส่งให้พรและสด
“ได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว เราเข้าไปส่งตัวเจ้าบ่าวให้เจ้าสาวกันที่ห้องหอเถอะ จะได้เสร็จพิธี ปล่อยให้ไอ้พวกนี้รออยู่ข้างนอก”
“ไหนๆ ก็ถึงเวลาสำคัญแล้ว เข้าไปส่งข้างในไม่ได้หรือลุงมหาเฉื่อย” ทวนบอก
พรตวาดทันที
“ไม่ได้โว้ย เสียลูกสาวไปคนนึง ข้าก็เสียใจพอแล้ว จะให้ข้าเสียลูกสาวให้เอ็งอีกคนหรือยังไง ไอ้ทวน”
“ตาพร นี่วันแต่งงานของลูกนะ อย่าทำเสียฤกษ์” สดปราม
ศรีไพรรีบตัดบท
“พาพี่เมินไปที่ห้องหอเถอะ พ่อ แม่”
ศรีไพรเดินนำทั้งหมด ขึ้นเรือนไป
มหาเฉื่อยจูงมือเมิน เดินตามพร สดและศรีไพรเข้ามายังห้องหอ ทวนเข้ามากระซิบล้อเลียนเมิน
“เอาละ ได้เวลาส่งแกเข้าคุกแล้ว เขาว่าแต่งงานนี่ติดคุกโดยไม่มีวันออกเลยนะโว้ย เพื่อน”
“ฉันรู้นะ...ว่าแกเองก็อยากติดคุกไม่มีวันออกเหมือนฉัน”
มหาเฉื่อยหันไปสั่งศรีไพร
“เอ้า ได้ฤกษ์ส่งตัวคู่บ่าวสาวแล้ว เปิดประตูซีวะไอ้ศรีไพร เดี๋ยวผู้ใหญ่จะได้ให้คำอวยพรแก่คู่บ่าวสาว”
พรถอนใจอย่างใจหายที่ต้องเสียลูกไป
“เฮ้อ...ลูกข้า”
สดจ้องหน้าปราม
“ตาพร”
ศรีไพรเปิดประตู ภายในห้องว่างเปล่าไม่มีศรีแพร
“พี่ศรีแพร...เอ๊ะ พ่อ พี่เมิน พี่ศรีแพรไม่อยู่นี่ เจ้าสาวไปไหน ก็...”
ทุกคนแล่นถลาเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก ที่นอนเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้กระจัดกระจาย เมินทรุดตัวลงหยิบกลีบดอกไม้ขึ้นมา น้ำเสียงตื่นตระหนก
“ศรีแพร...”
ชิงชัยฉุดกระชากศรีแพรมากลางทุ่ง โดยมีหลิมและเลิศคอยระวังหลัง ศรีแพรดิ้นรนส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
“ปล่อยนะ...ปล่อยฉัน ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...แกจับตัวฉันมาทำไมไอ้ชิงชัย”
“ไม่ต้องถาม อย่าร้องนะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวอย่าร้อง”
“ช่วยด้วย...”
“ไอ้เมินมันไม่ได้ยินหรอก ป่านนี้มันเมาฉลองแต่งงานอยู่ใต้ถุนเรือนตาพรแล้วละ ไอ้ศรีไพรก็อีกคน มันเพิ่งถูกยิงมันจะช่วยใครได้ล่ะ”
“แก ทำไมไม่เลิกก่อกรรมทำเข็ญกับพวกเราเสียทีนะ ที่แกร่ำรวยน่ะยังไม่พอหรือยังไง”
“ไอ้เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับความรวยหรอก แต่มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี คุณชิงชัยลูกชายเศรษฐีบุญช่วยไม่เอา แต่ไปเอาไอ้เมินคนขี้คุก”
“พี่เมินเขาไม่ใช่คนขี้คุก”
“แล้วมันหายหัวไปไหนมา อย่าดิ้นนะ เดี๋ยวเจ็บตัว”
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
ศรีแพรพยายามดิ้นรนต่อสู้ ชิงชัยลากตัวศรีแพรไป
ศรีไพรวิ่งลงมาจากเรือน พรมีปืนยาว วิ่งตามลงมาพร้อมกับคนอื่นๆ
“แยกย้ายกันไป มันคงฉุดพี่ศรีแพรไปไม่ได้ไกลหรอก พ่อ...ฉันไปด้วย”
“ไม่ต้อง กูจะตามไปฆ่ามัน”
“ให้ศรีไพรไปกับพ่อ ผมกับไอ้ทอกจะไปอีกทาง” เมินหันไปสั่งทวน “แก...กับไอ้หมอกลัดทุ่งไปทางหนองน้ำ”
“เจ๊กตงกับข้าจะไปเกณฑ์ชาวบ้าน ไป...” มหาเฉื่อย บอก
ทั้งหมดต่างแตกย้ายกันไปอย่างเร่งรีบ
ศรีไพรถือปืนสั้นวิ่งนำหน้าพรที่ถือปืนยาว ศรีไพรก้มลงมองร่องรอยที่พื้นนา
“พ่อ ฉันเจอรอยมันแล้ว”
“กี่คน”
“สี่ ต้องเป็นไอ้ชิงชัย ไอ้เลิศ ไอ้หลิมแน่”
“ไป เร็วๆ เดี๋ยวช่วยพี่เอ็งไม่ทัน”
ศรีไพรวิ่งตามพรออกไป ทางด้านทวนกับหมอกวิ่งมาทางหนองน้ำ ทวนตรวจดูร่องรอยไม่พบ
“ไปทางนี้ ไป...”
“พี่รู้ได้ยังไงน่ะ พี่ทวน”
“ไปเถอะ มันไม่ได้ฉุดศรีแพรมาทางนี้แน่”
ทวนวิ่งย้อนกลับไป หมอกรีบตามออกไป
ชิงชัยฉุดลากศรีแพรไปอย่างทุลักทุเล ศรีแพรพยายามต่อสู้ เตะต่อยชิงชัยปากร้องตะโกน
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...”
ชิงชัยลากศรีแพรผ่านทุงนามาจนถึงป่าละเมาะ ศรีแพรพยายามดื้นรนต่อสู้ กัดที่ข้อมือ ชิงชัยร้องลั่น โกรธ
“ช่วยด้วย...แก...ปล่อยฉันนะ แกก่อกรรมทำเข็ญกับคนอื่น ไม่นึกหรือว่ากรรมจะตามสนองพี่น้องของตัวเอง”
“ใคร...ใครมันจะกล้าทำ ใหญ่ล้นฟ้ายังงี้มีแต่ไอ้ศรีไพรน้องเอ็งเท่านั้นแหละที่กล้าเหยียบหน้าฉัน”
“ไอ้เดนนรก ไอ้สารเลว นี่...”
“อยากเจ็บตัวนักใช่มั้ย พูดดีๆ ไม่ชอบมันต้องนี่”
ชิงชัยตบหน้าศรีแพร แล้วกระชากเข้ามาชิดตัว เลิศหันไปเห็นแสงไฟไล่หลังมาก็ตกใจ
“ทำยังไงดีล่ะ คุณชิงชัย มีแสงไฟฉายไล่มาข้างหลัง”
“ไปที่กระท่อม ไป...ไปต่อ”
ศรีแพรดิ้นรน
“ปล่อยนะ ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...พ่อ พี่เมิน ช่วยด้วย”
ชิงชัยกระชากศรีแพร วิ่งนำหน้าเลิศและหลิมออกไป ศรีไพรกับพรวิ่งมาถึงที่
“เสียงพี่ศรีแพรนี่ เรามาถูกทางแล้วละ พ่อระวังตัวนะ”
“กูจะฆ่ามัน”
พรวิ่งออกหน้า ศรีไพรรีบตามไป
ขณะที่ชิงชัยกระชากศรีแพรวิ่งไปตามทาง โดยหลิมและเลิศระวังหลัง ศรีไพรและพรตามมาทัน ชิงชัยหันมายิงยิงพรล้มลง
“พ่อ...” ศรีไพรตกใจ
“พ่อ...”
ศรีแพรสะบัดมือจากการจับกุมของชิงชัยจนหลุด ถลาเข้ามาประคอง พรถูกยิงที่ทรวงอก
“พ่อ...พ่อถูกยิง ช่วยด้วย...พ่อถูกยิง แก...แกฆ่าพ่อฉัน” ศรีไพรตะโกนลั่น
“หนีโว้ย”
ชิงชัยยิงกราดใส่ศรีไพรและศรีแพร ทวนและหมอกเข้ามาอีกทางหนึ่ง เมินและทอกเข้ามาอีกทาง เมินเห็นพรก็ตกใจ
“พ่อ...”
“พ่อถูกยิง ไม่ต้องตามพวกมันไปหรอกดูพ่อก่อน พี่เมิน พี่ทวนช่วยพ่อด้วย” ศรีไพรร้องไห้ฟูมฟาย
ศรีแพรสะอึกสะอื้น
“พ่อ...”
พรสิ้นใจอยู่ในอ้อมแขนของศรีไพร เลือดเปรอะไปทั่วเนื้อตัวของศรีแพรและศรีไพรสีแดงฉาด ทั้งสองกอดพรร่ำไห้ เมินหันไปบอกทวน
“แกตามมันไป ฉันจะอยู่ดูทางนี้”
ทวนพยักหน้า วิ่งออกไป ทอกและหมอกวิ่งตามไป ศรีแพรกับศรีไพรกอดพรไว้ ร่ำไห้
เช้าวันใหม่ ร่างของพรนอนเหยียดยาวอยู่บนแคร่ เต็มไปด้วยเลือด ศรีไพร ศรีแพรและสดต่างกอดศพของพรร่ำไห้ ทุกคนรุมล้อมอยู่เต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าหมองกับการตายของพร
“พ่อ...พ่อจ๋า...นี่เป็นเพราะฉันคนเดียวพ่อถึงต้องมาตายเพราะฉัน ฉันควรจะเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อ ตอนนี้ถึงฉันจะสำนึกยังไง พ่อก็ไม่อยู่กับฉันแล้ว” ศรีแพรร้องไห้คร่ำครวญ
ศรีไพรกุมมือพร
“พ่อยังอยู่ จะอยู่ในหัวใจลูกตลอดไป มือของพ่อ...มือนี้ มือที่พ่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับลูก มือที่ไม่เคยเปื้อนเลือด แต่พ่อก็ต้องมาตายเพราะคนชั่ว”
ศรีแพรกอดศพพ่อน้ำตาไหลพราก
“พ่อ...พ่อจ๋า...ฉันรักพ่อ ฉันรู้ว่าพ่อรักฉัน ถ้าฉันต้องแลกลมหายใจของฉันเพื่อพ่อ ฉันจะแลกเพื่อให้พ่อฟื้นขึ้นมา”
ศรีไพรสะอื้น
“พ่อ...”
ทวนเข้ามาประคองศรีไพร
“ศรีไพร ถอยออกมาก่อน ให้ลุงมหาจัดการเรื่องอาบน้ำศพ แล้วค่อยไปตั้งศพพ่อที่วัด”
เมินประคองศรีแพร
“พาแม่ขึ้นไปข้างบนก่อน ศรีแพร”
สดน้ำตาอาบหน้า
“ไม่ ฉันจะไม่ไปไหน ฉันอยู่กับตาพรมาจนแก่ ทำไมจะล้างเลือดให้ไม่ได้ เราไม่ได้อยู่กันเพื่อมาตายจากกันแบบนี้นะ ตาพร โฮ”
ศรีแพรกับศรีไพร โอบกอดสดอย่างสงสารแม่จับใจ
“แม่...”
แสนร้องไห้สะอึกสะอื้น
“พ่อ...”
ศรีไพรสะบัดออกจากอ้อมกอดของศรีแพร แสนและสด คว้าปืนยาวที่วางอยู่ใกล้ๆ ศพของพร
“ฉันจะไปฆ่ามัน”
ศรีแพรรีบห้ามน้องไว้
“อย่า...อย่านะ อยากตายเหมือนพ่อหรือไง”
สดเข้าห้ามอีกคน
“อย่า แม่เสียใครไม่ได้อีกแล้วนะลูก เอ็งไปฆ่ามัน มันก็ต้องฆ่าลูกแม่”
“อย่าห้ามฉันเลยแม่ ถ้าบ้านนี้เมืองนี้กฎหมายใช้การไม่ได้ มันต้องใช้ไอ้นี่”
“ศรีไพร”
ทวนพยายามจะห้าม แต่ไม่ทันแล้วศรีไพรวิ่งออกไปอย่างเร็ว ทวนรีบวิ่งตามไป ศรีแพร แสน และสดผวาจะตามแต่เมินยกมือขึ้นห้ามไว้
บุญช่วยตบโต๊ะปัง ด่าชิงชัยด้วยความโกรธต่อหน้าจ่าสิน ชิงชัยและสมุนยังมีสภาพมอมแมม มีบาดแผลที่ศีรษะ
“ทำอะไรไม่คิด บุกเข้าไปฉุดนังศรีแพรออกมาจากเรือนหอ หนีไม่พ้นข้อหาบุกรุก แล้วไหนจะ...”
“เรื่องมันเลยตามเลย มันยั้งอะไรไม่ทันหรอกพ่อ ตาพรตายก็ไม่เห็นจะแปลกดีเสียอีก ชาวบ้านจะได้เห็นว่าใครคิดต่างกับพ่อ มันต้องตาย”
จ่าสินถอนใจหน้าเครียด
“ไม่น่าทำอะไรบุ่มบ่าม นี่ถ้าไอ้ศรีไพรมันตามมาล้างแค้นล่ะ...”
ทันใดนั้น ศรีไพรยิงปืนเปรี้ยง ก่อนก้าวเข้ามากลางลานบ้าน เศรษฐีบุญช่วยผุดลุกขึ้นยืน
ท่าทีตื่นตระหนก
“มึงฆ่าพ่อกู มึง...ตาย”
“อย่านะ นี่อะไร กล้าบุกเข้ามาคนเดียว คิดว่าจะรอดออกไปยังงั้นหรือ แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร”
ศรีไพรจ้องหน้าไม่กลัว
“รู้ว่าตัวเองเป็นใครทำไมไม่จับฆาตกร มันฆ่าพ่อฉัน”
“ใครเห็น ใครเป็นพยานได้” ชิงชัยโวย
ทวนก้าวเข้ามายืนเคียงศรีไพร ถามจ่าสินเยาะๆ
“รับแจ้งความไว้ก่อนไม่ดีหรือ ไหนๆ ก็มีเจ้าทุกข์กล่าวหานายชิงชัยแล้ว หรือว่า...ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร”
จ่าสินมองทวนแค้นๆ
“ไอ้ทวน...”
“ลูกข้าทำอะไรผิด มันไปฆ่าตาพรพ่อเอ็งตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อคืนนี้ลูกของข้าอยู่ที่นี่ ไม่ได้ออกไปฆ่าคน อย่ามากล่าวหากันนะ” บุญช่วยโวยวาย
ชิงชัยยิ้มหยัน
“ต้องมีพยานรู้เห็นด้วยใช่มั้ยครับจ่า ถึงจะอ้างได้ว่ามือนี้บริสุทธิ์”
ศรีไพรจ้องหน้า
“ไหนล่ะ พยาน ไอ้สองตัวนั่นหรือ หาพยานที่น่าเชื่อถือมา ไม่ยังงั้น...ตายเป็นตาย...”
บุญช่วย ชะงักไป
“พยาน...”
สไบก้าวออกมา เพราะความรักที่มีต่อชิงชัย แหว่งหลบอยู่ข้างหลังสไบด้วยความกลัว
“ฉันเอง ฉันเป็นพยานได้ เมื่อคืนนี้คุณชิงชัยอยู่กับฉัน...ในห้อง...ทั้งคืน”
บุญช่วยตะลึงหันไปจ้องหน้าสไบและชิงชัย มือสั่นปากสั่นด้วยความโกรธ
“แก...แกสองคน...”
จบตอนที่ 17
อ่านต่อ ตอนที่ 18 วันพรุ่งนี้