xs
xsm
sm
md
lg

นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 7

เทวัญพาเมขลามาที่สถานบันเทิงของเขา ให้เธอนอนที่โซฟา ครู่หนึ่งเมขลาก็สะดุ้งตื่นทะลึ่งตัวขึ้น

“ราม”
เทวัญเข้ามา
“คุณเม”
“คุณเทวัญ! ฉันมานอนอยู่นี่ได้ไง”
“ผมพาคุณมาเอง คุณนอนหลับอยู่ในรถ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น”
เมขลาพยายามนึก แล้วนึกได้ว่า ขณะที่เธอขับรถมาแล้วมองเห็นรถบรรทุก รถของเธอทำท่าจะชนแต่เธอหักหลบทัน
“ฉันจำได้ว่า ฉันวูบหลับ...จนเกือบชนกับรถบรรทุก ฉันก็เลยตัดสินใจ ขับรถเข้าไปจอดข้างทาง แล้วก็นอน”
“แปลกมาก ปกติคุณหลับลึกแบบนี้เหรอครับ ขนาดผมอุ้มคุณออกจากรถ ขับมาที่นี่ คุณก็ยังไม่รู้สึกตัว จนผมนึกว่าคุณถูกวางยา”
เมขลานิ่งคิด
“ฉันก็งงเหมือนกัน ว่าทำไมถึงง่วงขนาดนี้ เมื่อคืนก็ไม่ได้อดนอนอะไร หรืออาจจะเป็นเพราะฉันเครียดมากก็ได้”
“ที่ผมโทรไป เพราะเห็นว่าสามีคุณเขากลับมาทำงานให้ลูกสาวนายผมอีก”
“ฉันอาจจะต้องจับเขาล่ามโซ่แล้วมั้งคะ”
เทวัญมองเมขลาอย่างพิจารณา
“ผู้ชายเรา...ยิ่งไล่ ก็จะยิ่งหนี ทำไมคุณไม่หยุดบ้างล่ะครับ คุณเองก็จะได้ไม่เครียดเกินไป”
เมขลายิ้มขมขื่น
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความรักหรอกค่ะ มันเกี่ยวกับบุญคุณและความกตัญญูมากกว่า ฉันเลยต้องตามรักตามล่าเขาอยู่อย่างนี้”
เทวัญสะท้อนใจ คิดถึงตัวเอง
“ผมเข้าใจ บางครั้งคนเราก็ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำเพราะคำว่ากตัญญูนี่ล่ะ”
เมขลามองหน้าเขาสบตากัน เทวัญแอบใจหวิว
“คุณก็ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำด้วยหรือคะ”
เทวัญนึกได้ รีบหาทางออก
“ก็...อย่างเรื่องที่คาราโอเกะไงครับ...จำได้มั้ย ที่คุณเคยถามว่าทำไมผมต้องมาทำงานนั่น”
ทันใดนั้นมือถือของเทวัญดังขึ้นเขากดรับสาย
“ครับพ่อ...อะไรนะครับ...ได้ครับ...ผมจะไปเดี๋ยวนี้ คุณเมครับ ผมมีงานด่วนต้องรีบไป”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะรอรามอยู่ที่นี่เผื่อเขาเข้ามา”
“เขาคงไม่มาหรอกครับ คุณกลับไปบ้านก่อนดีกว่า”
“คุณรู้เหรอคะ ว่าเค้าไปไหน”
เทวัญนิ่งไปนิดก่อนจะโกหก
“เปล่าครับ...แต่ว่า ปกติคุณเทเรซ่าจะไม่มาที่นี่ เอา...เป็นว่าถ้าผมได้ข่าวสามีคุณ ผมจะโทรไปทันที”
เทวัญบอกอย่างให้ความมั่นใจ เมขลาตัดสินใจทำตามที่เขาบอก...


รถตำรวจ รถนักข่าวจอดรอบบ้านเพื่อนของธิดา เทวัญขับรถมาจอดซุ่มดูอยู่แถวพงหญ้าไกลๆ แสงใส่หมวกใส่แว่นพรางตัวเดินมาจากทางบ้าน
“เป็นไง...ยัยน้องถูกจับมั้ย”
“เท่าที่มองพวกที่ถูกควบคุมตัวได้ จากไกลๆ ยังไม่เห็นคุณเทเรซ่าเลยครับ แต่รถจอดอยู่”
“รึว่าหนีไปได้ งั้นพี่แสงดูลาดเลาอยู่ที่นี่ ผมจะไปลองหายายน้องดูตามบ้านเพื่อน เผื่อจะหนีไปหลบ แล้วถ้าใครเจอยายน้องก่อนก็โทรบอกอีกฝ่ายแล้วกัน”
เทวัญกลับรถขับออกไป
พวกเพื่อนๆของธิดาถูกรวบตัว ปิดหน้า ปิดตาไม่ให้ถ่ายรูปโดยมีตำรวจคุมออกมาจากบ้าน ภาคภูมิที่ตามรามกับธิดาไม่พบ กลับมาร่วมกลุ่ม
“พาไปสน. เลย”
“แล้วคนที่หนีไป” ลูกน้องถาม
“ไม่เจอ...อาจจะออกถนนใหญ่ อีกด้านไปแล้ว ตอนนี้วอให้สายตรวจตามอยู่”
แสงเดินมาปะปนไทยมุงมามอง สังเกตการณ์ ขณะเดียวกันนั้นสัญญาณมือถือดังขึ้น แสงกดรับ
“ฮัลโหล...ไอ้เย็น...มีอะไร”

รามกับธิดาซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้า สูงท่วมหัว
“ไม่ไหวแล้ว ฉันคันไปหมดทั้งตัวเลย” ธิดาบ่นอุบ
“ทนเอาหน่อยนะคุณ รออีกพัก ให้แน่ใจว่า พวกตำรวจไปหมดแล้ว”
“ฉันไม่เห็นจะกลัว ลองจับฉันซิ จะให้พ่อสั่งย้ายให้ดู”
“คุณคิดว่ามันง่ายอย่างงั้นเหรอ คุณถูกจับเพราะเสพยา ส่วนพ่อคุณก็ถูกตำรวจสงสัยอยู่แล้วว่า อาจจะเกี่ยวพันเรื่องยาเสพติด คราวนี้เรื่องยาวแน่”
“นายรู้ได้ยังไงว่าตำรวจสงสัยพ่อฉัน”
รามชะงัก
“เอ่อ...ก็...พวกพี่แสงพูดให้ผมฟัง”
ทันใดนั้นเสียงย่ำสวบสาบเข้ามา รามกดธิดาให้หมอบราบลงไปอีก
“เงียบก่อน”
รามเอามือปิดปากธิดา แบบโอบชิดมาก เย็นเดินเข้ามาใกล้ รามเห็นแต่ขาไม่รู้ว่าใครชักปืนจากเอว เตรียมพร้อมคลายมือจากปาก ธิดามองเขาอย่างชื่นชอบมากยิ่งขึ้น ขาเย็นใกล้เข้ามาแสงไฟฉายส่องวูบวาบ จนอยู่ชิดหน้าทั้งสอง รามตัดสินใจลุกขึ้น ล็อกคอเย็นล้มลงไป แล้วจ่อปืน
“พี่เย็น!”
“ไอ้ราม!”
ทั้งคู่ชะงักกันไป

จักรเข้ามารายงานเรืองฤทธิ์
“คนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า มีคนมาพาเมขลาออกไปจากรถ ท่าทางเหมือนจะสลบ”
“คงพาส่งโรงพยาบาล”
“แต่รถเราไม่บุบสลายเลยนะครับ จอดนิ่งอยู่ข้างทางเฉยๆคิดว่าเมขลาไม่น่าเป็นอะไรมาก”
“อย่างน้อยมันก็คงไปตามไอ้รามไม่ได้”
“แล้วเราจะปล่อยอย่างงี้ต่อไปเหรอครับ ผมว่า เราจัดการกับคุณรามเลยน่าจะง่ายกว่า”
“ฉันกลัว ยัยทรงวาดจะบ้ายกทรัพย์สินให้มูลนิธิหมดน่ะซิ อย่างน้อยเลี้ยงมันไว้ ฉันก็ยังได้ดูแลกิจการแทนมัน”
“แต่ตอนนี้เท่ากับเรามีเมขลา เป็นภาระเพิ่มมาอีกนะครับ”
“เราต้องทำไม่ให้มันเป็นภาระ” เรืองฤทธิ์ครุ่นคิด “แต่ต้องมาเป็นทีมเดียวกับเรา”

ทรงวาดโทรหาเมขลา ขณะที่เมขลายืนอยู่ที่หน้าบ้าน ยังไม่กล้าเข้าไป
“หนูเม...หนูอยู่ไหนลูก อยู่กับรามรึเปล่า...”
“หนูรอ เขาอยู่ที่บริษัทค่ะ เขาออกไปประชุมข้างนอก”
“โล่งอกไปที เห็นเงียบกันไปหมด”
“อาจจะกลับดึกหน่อยค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณแม่”
เมขลากดวางสาย ถอนใจอย่างเหนื่อยใจ
“คนบ้า...รู้มั้ยว่าคุณทำให้ฉันต้องผิดศีลข้อมุสาทุกวัน ขอให้ชาติหน้าเกิดมาคุณปากเหม็น เป็นรำมะนาดเหงือกบวม หรือไม่ก็เป็นใบ้ไปเลย...เฮ้อ แล้วนี่พวกคุณไปอยู่ที่ไหนกัน คุณเทวัญก็เงียบไปเลย”
เมขลาชะเง้อชะแง้ ตบยุงรอจนสุดท้ายก็นั่งพิงรั้วหลับไป พักใหญ่รามที่กลับมา เข้ามานั่งลงมอง
“เป็นเอาขนาดนี้เลยเหรอ...” รามเขย่าตัว “คุณ...เมขลา”
เมขลาปัดมือเขาออก
“อย่ายุ่งคนจะนอน”
“แล้วมานอนอะไรตรงนี้เล่า”
เมขลายังปัดอีก
“ฮื้อ”
รามยื่นหน้าไปใกล้ตะโกนดังๆ
“ไฟไหม้”
เมขลาสะดุ้งลุกพรวด หัวโขกเข้ากับหน้าของเขา รามผงะหงาย
“โอย”
เมขลาคลำหัวป้อยๆ
“โอ๊ย...ไฟไหม้ เหรอ...ต้องหนีซิ ช่วยด้วย”
เมขลาตะเกียกตะกายลุกขึ้น เจ็บหัวก็เจ็บมองรอบตัว
“เอ๊ะ คุณ! นี่คุณหลอกฉันเหรอ”
รามเซ็งๆ
“ถ้าไฟไหม้จริง คุณตายไปแล้ว หลับน้ำลายยืดแบบนั้น”
“ทำไมถึงเพิ่งกลับมาป่านนี้”
“ก็ไปทำงานไง ไม่ไหวละร้อน ขออาบน้ำก่อน”
รามเดินเข้าบ้าน เมขลารีบตามเข้าไป
“เดี๋ยว...ที่บอกว่าไปทำงาน บอกมาซิ ไปทำที่ไหน”
“ถามอาฤทธิ์ดูซิ”
“ฉันถามคุณ”
ขณะเดียวกันนั้น ทรงวาดเดินเข้ามา
“ราม”
“แม่ดูซิฮะ ผมกลับบ้านช้าแค่นี้ลูกสะใภ้แม่ก็มาคาดคั้นหาเรื่องผมทำงานเหนื่อยๆกลับมา แทนที่จะเจอหน้าสวยๆ ยิ้มหวานๆ”
เมขลาอึ้งไปพูดไม่ออก
“หนูเม เค้าเป็นห่วงรามน่ะลูก” ทรงวาดเถียงแทน
“แต่ผมไม่ชอบ แบบนี้ผมไม่ไปแล้ว ทำงงทำงาน อยู่บ้านเฉยๆ ทั้งวันดีกว่า รำคาญ”
รามเดินขึ้นบันไดไป ทรงวาดตะโกนตามไป
“ราม กินข้าวมั้ยลูก แม่เตรียมของอร่อยๆไว้เยอะเลย”
“ไม่ครับ กินไม่ลง”
ทรงวาดเข้ามาจับมือเมขลาปลอบ
“ไม่ใช่ความผิดของหนู แม่คงระแวงรามมากไป ต่อไปเราคงต้องไว้ใจรามมากกว่านี้”
เมขลาพูดไม่ออก
“หนูไปเตรียมน้ำให้เขาอาบนะคะ”
เมขลารีบขึ้นไปจะไปเล่นงานรามต่อ

รามเข้ามาในห้องถอดสูทออกพาด แคปซูนยาไอซ์ร่วงลงพื้น เมขลาเดินไปดักหน้าต่อว่าทันที
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกโกหกพวกเราซะที”
รามอึ้ง แต่ยังไม่ยอมรับ
“โกหกเรื่องอะไรไม่ทราบ”
“นึกว่าฉันไม่รู้หรือว่าวันนี้ คุณไปขับรถให้ยายทะเลทราย”
“ไหนล่ะ หลักฐาน”
“ไม่มี...แต่ฉันมีพยาน”
“นี่ลงทุนจ้างนักสืบเลยเหรอ”
“เขาไม่ได้เงินฉันซักบาท แต่เขาเป็นคนมีคุณธรรม เขาสงสารเห็นใจแม่ที่รักลูก เป็นห่วงลูก”
“ใคร” รามถามเสียงแข็งอยากรู้จริงๆ
“เรื่องอะไรฉันจะบอก”
“งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องบอกอะไรคุณเหมือนกัน”
รามถอดเสื้อโยนลงตะกร้า เมขลาตาไวเห็นรอย ลิปสติค จึงหยิบเสื้อมาดู ยิ่งปรี๊ดหึงไม่รู้ตัว
“คุณไปทำงานอะไรกันแน่ ทำไมมีแต่รอยจูบเต็มเสื้อ”
รามมองหยัน
“แหม...เล่นบทเมียขี้หึงเลยเหรอ”
“หึงบ้าบอน่ะสิ”
“ไม่เป็นไร...เดี๋ยวผมจะมาชดเชยให้คุณอย่างเต็มที่ ให้ผมอาบน้ำอาบท่าก่อน อย่าลืมนะ ว่าสงครามระหว่างคุณกับผมน่ะยังไม่จบ”
เมขลาชะงักสงสัย
“สงครามอะไร”
รามทำหน้าหื่นมองเรือนร่างของเธอแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป เมขลามองตามนึกได้ก็รู้สึกกลัว
“ไม่มีทางได้แอ้มฉันหรอก”
เมขลาค้นกระเป๋าควักที่ช็อตออกมา แต่ไฟอ่อนแรงเหมือนถ่านหมดถ่านหมด
“เฮ้ย...ไม่นะ...ทำไมทรยศกันแบบนี้เนี่ย”
เมขลาหันไปหยิบสเปรย์พริกไทยออกมา ลองกดๆ แต่ไม่มีอะไรออกมา
“ไอ้นี่ก็เสียอีก...เอาไงดีเนี่ย”
เมขลาหน้าเครียดคิดๆ ก่อนยิ้มออกหยิบตลับยาออกมา
“สงสัยต้องพึ่งยานอนหลับนี่ซะแล้ว”
เมเปิดตลับยาแรงไปทำให้ยานอนหลับหล่นลงพื้นไป
“ว้าย...ยิ่งมีแค่เม็ดเดียวด้วย...อยู่ไหนนะ”
เมขลามองแคปซูนยาไอซ์อยู่ที่หน้าตู้ก็คิดว่าเป็นยานอนหลับเพราะ แคปซูลยานอนหลับสีเดียวกับแคปซูลยาไอซ์ เมขลายิ้มออก เอื้อมมือไปเก็บ

เมขลาเดินเข้ามาในครัว หยิบกล่องน้ำส้มในตู้เย็นมาเปิดแล้วรินน้ำส้มใส่แก้วไว้สองใบ เธอหยิบแคปซูลยาไอซ์ออกมาคิดว่าเป็นยานอนหลับแกะใส่ลงไปในแก้วด้านขวามือแล้วคนๆๆ อย่างเร็ว ก่อนยกจิบชิมนิดนึง
“ไม่ขม ไม่เฝื่อน ไม่มีพิรุธ ใช้ได้”
เมขลาจะหยิบกล่องน้ำส้มไปเก็บ แล้วนึกได้ กลับมามองแก้วน้ำส้มใหม่
“ขวาของเค้า ซ้ายของเราๆ”
เมขลามั่นใจว่าจำได้ แล้วเลยเอากล่องน้ำส้มไปเก็บ ทรงวาดเข้ามามองๆ เห็นน้ำส้มวางบนเคาน์เตอร์ สองแก้ว เดินมายกดู แก้วนึงเลอะๆที่ก้นเพราะรินไม่ดี น้ำส้มไหลเปื้อน ทรงวาดวางลง สลับที่โดยไม่รู้ตัวคือสลับขวา มาซ้ายแล้วคว้าทิชชู่มาเช็ดแก้วให้ เมขลาหันมาเห็นทรงวาดแต่ไม่ทันเห็นว่าทำอะไรเลยไม่ฉุกคิด
“คุณแม่ยังไม่นอนหรือคะ”
“ยังหรอกจ้ะ แล้วนี่เมลงมาเอาน้ำส้มไปให้ตารามหรือ”
“ค่ะ เห็นบ่นว่าคอแห้ง เมเลยรินไปเผื่อด้วยเลย”
ทรงวาดมองเมขลาอย่างเปลื้มใจ
“ขอบใจหนูมากนะ ที่ไม่โกรธลูกชายแม่ ทั้งๆที่เขาชอบทำไม่ดีกับหนูบ่อยๆ”
เมขลายิ้มชักกระดาก
“ก็เมสัญญากับคุณแม่แล้วนี่คะ ว่าจะดูแลคุณรามให้ดีที่สุด”
“ขอบคุณนะ หนู แม่จะไม่ลืมบุญคุณของหนูเลย”
“คุณแม่อย่าพูดอย่างงั้นซิคะ นอนหลับให้สบายเถอะค่ะ เรื่องคุณรามปล่อยเป็นหน้าที่หนูเอง”
ทรงวาดพยักหน้า
“งั้นแม่ไม่กวนหนูแล้วล่ะ”
ทงวาดเดินออกไป
“กู้ดไนต์ค่ะ” เมขลาหันมาหยิบแก้วน้ำส้มแล้วคิดๆ “ซ้ายของเค้า ขวาของเรา เอ๊ย...ไม่ใช่ๆ ขวาของเค้า ซ้ายของเรา ๆ”
เมขลาท่องเบาๆ แล้วเดินถือแก้วน้ำส้มไป

รามกำลังยืนแต่งชุดนอนอยู่ เมขลาถือแก้วน้ำส้มเปิดประตูเข้าไป ยื่นแก้วน้ำส้มให้ รามมองแปลกใจว่ามาไม้ไหน
“อะไร”
“สงบศึก...ฉันจะไม่เซ้าซี้คุณอีก”
“ไม่ล่ะ ขอบใจ ผมชอบที่ช็อตไฟฟ้าหรือสเปรย์พริกไทยมากกว่า”
เมขลาชักโมโห
“งั้นก็ตามใจ”
เมขลาวางแก้วน้ำส้มของรามไว้ แล้วยกของตัวเองขึ้นจิบ รามมองๆ เมขลายิ่งยั่ว กินเข้าไปครึ่งแก้ว
“รสชาติอมเปรี้ยวอมหวานกำลังดี ชื่นใจจัง” เมขลาสะกิด “ไม่กินแล้วจะเสียใจนะคะ คุณสามี”
รามหมั่นไส้
“คุณอยากให้ผมกินนักใช่มั้ย”
เมขลารีบหยิบแก้วที่เตรียมไว้ยื่นให้ รามยิ้มร้าย
“ขอบใจ”
รามคว้าแก้วของเมขลามากินแทน เมขลาตาค้าง
“ทำอะไรน่ะ”
“ก็ดื่มน้ำร่วมสาบานไง”
เมขลาโมโหจะด่า รามรีบชี้หน้า
“คุณบอกเองนะ ว่าถ้าดื่มน้ำนี่แล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะไม่โกรธกัน”
“ฉันหมายถึง ฉันดื่มของฉัน คุณดื่มของคุณ”
“แล้วมันไม่เหมือนกันเหรอ”
เมชะงักนึกได้ว่าหลุดปาก
“ทำไม คุณใส่อะไรลงไป”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น อย่ามาหาเรื่องน่ะ ฉันง่วงแล้ว”
เมขลาล้มตัวลงนอน รามมองงงๆ

ธิดานั่งแปรงผมอยู่ในห้องนอน ตาลอยคิดถึงภาพที่จูบราม...เขาแบกเธอขึ้นหลัง...เขาโอบเธอในพงหญ้า ขณะเดียวกัน เทวัญเปิดประตูเข้ามา
“ธิดา”
“อะไรอีกล่ะพี่เทพ นี่มันดึกแล้วนะ”
“สัญญาได้มั้ย ว่าจะไม่ไปปาร์ตี้ยาอย่างวันนี้อีก”
“ทำไมต้องสัญญา”
“ยานรกพรรค์นี้ ใครเสพก็เสียคนทั้งนั้น ทำไปเพื่ออะไร”
ธิดายิ้มกวนๆ
“มันสนุก คึกคัก สดชื่น ลืมเรื่องหงุดหงิด เหตุผลพอมั้ย”
“แล้วถ้าตำรวจจับน้องได้ อะไรจะเกิดขึ้น”
“แต่มันก็จับไม่ได้ เพราะน้องมีบอดี้การ์ดที่เก่งสุดๆ”
“เรื่องรามก็เหมือนกัน เขามีเมียแล้ว น้องไม่ควร...”
เทวัญยังพูดไม่จบ ธิดาสวนทันควัน
“น้องไม่สน...ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรกับราม หรือถ้า พี่เทพกังวลนัก น้องก็จะทำให้รามเลิกกับเมียซะ”
เทวัญตกใจ
“อย่านะ ผู้หญิงคนนั้นไม่มีความผิดอะไร เขาเป็นคนดี”
ธิดามองหน้าพี่ชาย
“พูดเหมือน พี่รู้จักเขาดีอย่างงั้น เอ๊ะๆ หรือพี่เทพชอบนังนั่น”
เทวัญหลบตา
“เหลวไหล...พี่แค่ไม่อยากให้เธอต้องเสียใจทีหลัง”
“ไม่มีทาง คนอย่างน้อง อยากได้อะไรก็ต้องได้ คนที่เสียใจไม่ใช่น้องแน่”
ธิดาบอกอย่างมุ่งมั่น ตั้งใจจะแย่งรามมาให้ได้

เมื่อยาเริ่มออกฤทธิ์ เมขลามึนๆ เคลิ้มๆ ร้อนกระสับกระส่าย รามก็เริ่มหน้าร้อน คึกเหมือนกันทั้งคู่ลุกขึ้นพร้อมกัน จะเข้าห้องน้ำ
“ฉันเข้าก่อนนะ”
“แต่ผมถึงก่อน”
รามแย่งเข้ารีบปิดประตู ตรงไปที่อ่างล้างหน้าวักน้ำลูบหน้า
“เป็นบ้าอะไรวะเรา”
เมขลาพิงประตูหอบหายใจ
“ออกมาเร็วๆซิ ฉันร้อนนะ”
รามพิงประตูหายใจถี่สลัดหน้า ให้หายมึนแล้วเปิดประตูออกมาแต่ไม่เห็นเมขลาก็โล่งอก เมขลาแอบอยู่ ข้างประตู กระโดดใส่
“จ๊ะเอ๋”
รามผงะ รีบถอยห่าง
“เฮ้ย! อย่าเข้ามานะ”
รามหนี เมขลายิ่งทำก๋ากั่น ไล่ตามจับ
“ทำไม คุณกลัวอะไร”
รามเริ่มตาเบลอๆ เห็นเป็นเมขลาสองคน ท่าทางคุกคามทั้งเซ็กซี่สุดๆ และน่ากลัวสุดๆ
“ผมบอกว่าอย่าเข้ามา ไม่งั้น...ผมจะถอดกางเกงนี่จริงๆ ด้วย”
“นึกว่าฉันกลัวหรือไง”
“ผมถอดจริงๆ นะ”
รามถอดกางเกงกองที่พื้น
“งั้นฉันถอดด้วย”
เมขลาเหวี่ยงเสื้อตัวนอกออกไปอีกทาง เหลือแต่เสือสายเดี่ยวบางๆ
“ที่นี้ก็กางเกง”
รามตาเหลือก รีบพุ่งเข้ารวบตัวจับมือเธอไว้
“คุณจะบ้าเหรอ...”
รามรีบมากไป ขาพันกันล้มลง ทั้งคู่
“เฮ้ย/ว้าย”
รามนอนทับด้านบน ทั้งสองอึ้งกันไปสบตากัน ด้วยอารมณ์เต็มที่เพราะฤทธิ์ยา รามก้มลงจูบ เมขลาโอบคอ ทั้งสองจูบกันอย่างเร่าร้อน แต่เพียงอึดใจเดียว มือเมขลาก็ร่วง รามก็ฟุบหลับป๊อกไปทั้งคู่

เช้าวันใหม่...รามนอนอยู่ท่าเดิมหน้าฟุบไปข้างไหล่ เมขลาขยับตื่น แล้วก็กอดเขาเหมือนกอดหมอนข้าง รามก็ขยับตื่นกอดเธอไว้ ก่ายกัน แต่ก็เอะใจลืมตาพร้อมกัน
“เฮ้ย/ว้าย”
ทั้งสองคนก้มมองตัวเอง แล้วร้องลั่นเมื่อเห็นว่าโป๊ทั้งคู่ชี้หน้ากันและกัน
“คุณทำอะไรผม/ คุณทำอะไรฉัน”
รามโมโห
“ผมต่างหากที่ต้องถามคำนี้ ผมเป็นฝ่ายเสียหายนะ”
เมขลาโกรธ
“ฉันต่างหากที่เสียหาย คนบ้า คนทุเรศ อ๊าย”
เมขลาดึงผ้าห่มคลุมตัว วิ่งหายเข้าห้องน้ำไป รามทั้งแค้นทั้งสับสน
“ไม่ต้องมาทำฟอร์ม อย่างคุณน่ะไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ยายไก่แก่แม่ปลาช่อนเอ๊ย บอกมานะ ว่าคุณเอาอะไรใส่ในน้ำส้มนั่น”

รามลุกไปเขย่าประตูห้องน้ำด้วยความโมโห แต่เมขลาไม่ยอมเปิดออกมา

อ่านต่อหน้า 2





นางฟ้ามาเฟีย ตอนที่ 7 (ต่อ)

เมขลาปิดประตูห้องน้ำอย่างตกใจ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มือสั่นตกใจสุดๆ พยายามตั้งสติ

“ตั้งสติไว้เมขลา นึกถึงบทเรียนเรื่องการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินบนเครื่องเข้าไว้...แล้วสูดลมหายใจลึกๆ...”
เมขลาสูดลมหายใจลึกยาว มือไม้เริ่มหายสั่นอาการดีขึ้น เสียงรามทุบประตูโครม เมขลาสะดุ้ง
“ว้าย !”
“ออกมานะคุณ ออกมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน”
เมขลาพูดกับตัวเอง
“อย่าไปสนใจ ห้ามสนใจอะไรทั้งนั้น กัปตันเคยสอนว่าให้พยายามควบคุมสติให้ดีๆ แล้วพิสูจน์ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องจริงหรือเข้าใจผิด” เธอมองผ้าห่มที่คลุมตัว “ใช่ ไม่มีทางที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว”
เมขลาเปิดผ้าห่มที่คลุมตัวออกมองท่อนล่างของตนเอง ที่เปลือยเปล่าก็ตาเหลือกลาน
“อ๊าย...ไม่จริง!” เมขลากุมหัวเครียด “ทำไมทฤษฎีของกัปตันใช้ไม่ได้เนี่ย หรือว่าเราจะฝันไป” เธอเอามือหยิกแก้มตัวเอง “ตื่นสิ เมขลาตื่นเร็วๆ เข้า ตื่นจากฝันบ้าๆ นี่ได้แล้ว”
เมขลาหยิกหน้าตนเองแล้วร้องลั่น
“โอ๊ย...” เธอหยุดหยิกมองตัวเองในกระจกอย่างเจ็บใจ “ถ้าฝันทำไมมัน ถึงได้เจ็บขนาดนี้เนี่ย”
เมขลาแค้นใจ เสียดายพรหมจารี ร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจ


รามยืนนุ่งผ้าเช็ดตัวเครียดรอเมขลาอย่างกระวนกระวาย เห็นไม่ออกมาก็ครุ่นคิด
“ใช่...มันต้องเป็นความฝันแน่ๆ ไม่มีทางที่เราจะจำอะไรไม่ได้ขนาดนี้”
รามบอกตัวเองอย่างมุ่งมั่น แล้วเดินไปจะเปิดตู้แต่งตัว ขาของเขาสะดุดขากางเกงตัวเองกับเมขลาที่ถอดไว้ เซถลาร้องลั่น
“เฮ้ย!”
รามตีลังกานอนหงายเก๋งกับพื้น ทำหน้าทำตารังเกียจเอานิ้วค่อยๆ คีบกางเกงตัวเองที่ถอดไว้ขึ้น ส่วนมืออีกข้างก็คีบกางเกงเมขลาที่ถอดไว้ขึ้นมา ทันใดนั้นภาพที่เมขลาไล่ปล้ำเขาเมื่อคืนก็แวบเข้ามา รามทั้งโกรธ ทั้งไม่อยากเชื่อขว้างกางเกงลงที่พื้นอย่างโมโห มองไปเห็นแก้วน้ำส้มก็ไปหยิบดู เห็นคราบยาวาวๆ ที่ก้นแก้วยิ่งโมโห ชัวร์ว่าโดนวางยา
“ถ้ามันจะเกิดขึ้นก็เพราะโดนยายนี่วางยานี่ล่ะ ยายบ้าเอ๊ย”
รามไปเคาะประตูเรียก
“ฟังนะเมขลา ถ้าคุณอยากเป็นเมียผมนัก ไม่ต้องวางยาปลุกผมแบบนี้หรอก ผมจัดให้เอง รับรองว่าคุณจะประทับใจไม่รู้ลืมเลยล่ะ”
เมขลาเปิดประตูห้องน้ำออกมาเช็ดน้ำ โกรธมาก
“ฉันไม่ได้วางยาบ้าบออะไรอย่างที่คุณพูดนะ นั่นมันยานอนหลับต่างหาก”
รามมองหยัน
“ในที่สุดก็สารภาพแล้วนะว่าคุณวางยาผมจริงๆ”
เมขลาอึ้งไปที่ทำความลับแตก
“คุณทำแบบนี้ทำไมฮึ ต้องการอะไรกันแน่ รถ เครื่องเพชร บ้านหุ้นในบริษัทหรือเงินในธนาคาร”
เมขลาชักโมโห
“ที่คุณพูดมาก็น่าสนใจอยู่หรอกนะ แต่ตอนนี้ฉันแค่อยากให้คุณกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีก่อน”
รามไม่เชื่อ
“คุณเลยคิดช่วยผมด้วยการเอาตัวเข้าแลกเนี่ยนะ”
เมขลาเจ็บใจ
“ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ถ้าคุณไม่ร่วมมือด้วย”
“คุณยังกล้าโทษผมอีกหรือ ให้ตายสิ คุณนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ”
“คุณเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันหรอก”
สองคนประสานตากันอย่างโมโห ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูดังเข้า ทั้งคู่สะดุ้ง
“ราม...ราม...” เรืองฤทธิ์เรียกอยู่หน้าห้อง
เมขลากับรามอึ้ง เมขลาสะบัดหน้าไปเข้าห้องน้ำ รามมองแค้นๆก่อนไปเปิดประตูห้อง
“ครับอา”
เรืองฤทธิ์มองๆเข้ามา
“วันนี้รามจะไปทำงานกับอาหรือเปล่า”
รามอึ้งหันขวับไปมองนาฬิกา แล้วสะดุ้ง เห็นอีกสิบห้านาทีแปดโมง
“ไปครับไป ขอผมแต่งตัวแป๊บเดียว”
เรืองฤทธิ์พยักหน้า รามปิดประตู รีบพุ่งไปหยิบเสื้อกางเกงมาใส่ แล้วหันหาสูทตัวเดิมมาสวม เขาชะงักนิดหนึ่งมองไปที่ชุดนอนที่ตกร่วงในห้อง กับสภาพเตียงยับย่นอย่างเครียดๆแกมไม่สบายใจก่อนออกไป เมขลาแง้มประตูห้องน้ำมองตามหลังเขาไปทั้งเศร้า ทั้งแค้น
“คุณคิดหรือว่าฉันอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”

เมขลาน้ำตาไหลด้วยความเสียใจ และตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ให้ห่างๆ รามเลยหอบเสื้อผ้าออกมาย้ายไปอีกห้อง ทรงวาดขึ้นบันไดมาเห็นพอดี
“หนูเม เห็นแจ่มบอกว่าหนูจะย้ายไปนอนที่ห้องนอนแขกหรือ”
เมรีบเช็ดน้ำตาอ้อมแอ้มตอบ
“ค่ะ”
“นั่นหนูร้องไห้หรือ”
“เปล่าค่ะ” เมขลาฝืนยิ้ม “หนู...หนูแค่รู้สึกคัดจมูก น้ำมูกจะไหลน่ะค่ะ”
ทรงวาดมองไม่เชื่อ เมขลารีบโกหกต่อ
“พอดีหนูเป็นหวัดค่ะ ถึงได้อยากแยกห้องนอนกับคุณรามไงคะ”
“แน่ใจนะ ว่าที่หนูทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะฝีมือราม”
เมขลาอึ้งไป นึกถึงภาพที่กอดกับเขาขึ้นมา หน้าจ๋อยลงทันที ทรงวาดยิ่งมั่นใจ
“ลูกชายแม่รังแกหนู ใช่มั้ย”
เมขลาอึกอัก ลังเล จริงๆแล้วเธอก็อยากปรึกษาทรงวาดเรื่องเสียตัวหรือไม่เสีย แต่ไม่รู้จะพูด จะบอกยังไง
“ไม่ใช่ค่ะ คุณแม่ เขาไม่ได้ทำอะไร”
เมขลาน้ำตาปริ่มตา ทรงวาดมองไม่เชื่อ
“ถ้ารามไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมหนูต้องร้องไห้”
“หนูก็แค่... แค่ปลื้มใจที่เด็กกำพร้าอย่างหนู ได้มาเป็นลูกสะใภ้คุณแม่”
ทรงวาดกอดปลอบอย่างสงสาร
“โธ่ หนูเม แม่ต่างหากที่ ทั้งปลื้มใจ ดีใจที่ได้หนูเป็นลูกสะใภ้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เพราะฉะนั้น มีอะไรหนูบอกแม่ได้ทุกอย่าง อยากจะทำอะไร อยากจะไปไหน ได้ทั้งนั้น จริงซิ ถ้าหนูเบื่อก็ออกไปช็อปปิ้ง พบปะเพื่อนฝูงบ้างแม่อนุญาต”
เมขลาคิดๆ เริ่มนึกถึงรุจขึ้นมา
“เพื่อน...จริงซิ...ขอบคุณนะคะ คุณแม่”

รามเข้ามาในบ้านปองธรรม แล้วเดินไปเคาะประตูห้องของธิดา...
“ใคร”
“รามครับ”
ธิดากำลังแต่งหน้า แต่งตัวสวยอยู่ก็ตาโต รีบลบหน้าอย่างรวดเร็วแล้วกระโดดขึ้นไปทำนอนซมบนเตียง
“เข้ามา”
รามเข้าไปเห็นธิดานอนซมอยู่ก็อึ้งไป
“คุณไม่สบายเหรอ”
ธิดาพยักหน้าเนือยๆ
“ฉันครั่นเนื้อครั่นตัวนิดหน่อย”
“ผมขอโทษที่ไม่ได้ดูแลคุณอย่างที่รับปากไว้”
ธิดามองซึ้งๆ เอื้อมมือไปแตะปลายนิ้วของเขา
“ไม่ต้องขอโทษ ฉันคิดไว้แล้ว ว่าจะลงโทษนายยังไง”
รามหลบตามองมือของเธอที่แตะมือตัวเองอย่างไม่สบายใจ พอดีมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น รามรีบชักมือกลับ อย่างโล่งใจ แต่ธิดาเซ็งถามเสียงขุ่น
“ใครน่ะ”
แสงโผล่หน้าที่ประตู
“ผมเองครับ พ่อเลี้ยงให้ผมมาตามรามไปหา”
“คุณพ่อให้แกมาตามรามเรื่องอะไร”
แสงอึกอัก
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
รามออกไปจากห้อง ธิดามองคิดๆ ไม่สบายใจ

รามเดินตามแสงมาที่ห้องทำงาน ปองธรรมธิดามองรามเคร่งขรึม
“เมื่อวาน...แกเป็นคนพาลูกสาวฉันไปที่บ้านหลังนั้นใช่มั้ย”
รามหน้าเครียดคิดว่าปองธรรมโกรธ
“ครับ ผมขอโทษพ่อเลี้ยงด้วย ที่พาคุณเทเรซ่าไปเสี่ยงอันตราย”
“แต่ยายเทเรซ่าบอกฉันว่าแกยอมเป็นเป้าให้ตำรวจพวกนั่นไล่ล่า ให้เขาได้กลับมาที่นี่”
รามอึ้ง โล่งใจ
“แกทำได้ดีมาก...อยากได้อะไรก็บอกมา”
“แค่ผมได้ทำงานกับพ่อเลี้ยงผมก็ดีใจแล้วครับ”
ปองธรรมมองรามคิดๆ
“แกอยากทำอะไรล่ะ”
“ผม...”
รามยังไม่ทันบอก ธิดาก็เปิดประตูพรวดเข้ามา
“ไม่ได้นะคะคุณพ่อ ลูกไม่ยอมให้คุณพ่อใช้รามไปทำอะไรทั้งนั้น รามต้องอยู่ดูแลลูกคนเดียว... ถ้าบอดี้การ์ดของลูกไม่ใช่ราม ลูกจะย้ายไปอยู่คอนโด” ธิดาเสียงแข็งเอาจริง
ปองธรรมเหลือบมองราม
“แกต้องขอรางวัลใหม่แล้วล่ะ...”
รามพูดไม่ออก ธิดาพอใจ

รามเดินมาเซ็งๆออกมามุมหนึ่งของบ้าน เย็นเข้ามาทักทาย
“เป็นไงวะ ตกลงเอ็งขออะไรพ่อเลี้ยง”
รามอึ้งไป เย็นยิ้มแย้มทาย
“เงิน รถ บ้าน หรือผู้หญิง”
รามนึกได้
“พี่พูดถึงผู้หญิงก็ดีแล้ว ผมมีอะไรจะปรึกษาพี่หน่อย”
เย็นทำฟอร์มโอ่ๆ
“เอ็งถามถูกคนแล้ว ว่ามาไอ้น้อง”
รามฉุดเย็นไปหลบมุมแล้วเล่า เย็นฟังแล้วคิดๆ
“แต่ถ้าเป็นยานอนหลับ เอ็งกินแล้วก็ต้องหลับสิวะ จะเกิดอะไรขึ้นได้ยังไง”
“ก็นั่นสิ ผมเลยคิดว่ามันต้องเป็นยาปลุกแน่ๆ ไม่งั้นผมกับเขาจะตื่นมาอยู่ในสภาพนั้นเหรอ แต่ถ้าเป็นยาปลุกจริง ทำไมผมถึงจำอะไรไม่ได้เลยล่ะ”
รามคิดๆแล้วกลุ้ม เย็นคิดตาม
“เว้นแต่จะเป็นยาอย่างอื่นที่ทำให้เอ็งกับเขาคึกจนลืมโลก”
รามนึกได้
“พี่หมายถึงยาพวกนั้นน่ะหรือ?”
เย็นพยักหน้ารับ ว่าแม่นแล้ว รามอึ้งนึกถึงตอนที่ธิดาให้เขากินยาไอซ์แต่เขาไม่กินแล้วแอบซ่อนยาไว้ในกระเป๋าเสื้อสูท เขารีบควักกระเป๋าเสื้อสูทพบว่าไม่มียา รามตาเหลือก แทบเต้น
“จริงด้วย! เมื่อวานผมได้มาเม็ดนึง เลยเก็บไว้ในสูทนี่ แต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว”
“งั้นข้าว่าเอ็งต้องเผลอกินเข้าไปแล้วล่ะ ถึงได้ไม่รู้ตัวทั้งๆ ที่ทำอะไรเขาไปแล้ว”
“ก็คงจะจริงของพี่...ว่าแต่พี่นี่สุดยอดเลยนะ เซียนจริงๆ ฟังแค่นี้ก็ช่วยผมฟันธงได้แล้ว”
แสงยืนอยู่ด้านหลังได้ยินพอดี ก็หัวเราะหึๆ เยาะๆ
“เซียนอะไร ไก่อ่อนน่ะไม่ว่า กลัวเอดส์จนหัวหด จะทำอะไรก็ไม่เคยสำเร็จ เพราะมัวแต่ย้อมใจอยู่นั่นแหละ”
เย็นยิ้มแห้งๆ รามมองหน้า
“หา จริงหรือ งั้นก็หมายความว่า...”
“พี่ยังซิง ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ะ ไอ้น้อง” เย็นพูดเขินๆ

เมขลานั่งคุยกับรุจอยู่ที่ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ทั้งสองนั่งกินข้าวไป ปรึกษากันไป เมขลากินไม่ค่อยลง
“เรื่องมันก็เป็นแบบที่เล่ามานี่ล่ะ ทีนี้แกช่วยฉันคิดทีได้มั้ยว่าตกลงฉันกับเขาเป็นอะไรกันไปหรือยัง”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ฉันไม่ใช่ซ้อแปดที่คอยแอบอยู่ใต้เตียงพวกแกนะ”
“เออ...รู้ว่าแกไม่ใช่ซ้อ แปด เก้า สิบ แต่ฉันเห็นแกทั้งเก่ง ทั้งฉลาด ก็น่าจะพอช่วยฉันได้บ้าง นะ รุจ แกต้องช่วยฉันนะ”
รุจคิดๆ มองๆ
“งั้นแกลองบอกฉันซิว่าตอนที่แกตื่นขึ้นมารู้สึกอะไรบ้างมั้ย...แบบปวดเมื่อยเนื้อตัว แก้มกับซอกคอแดงๆ หรือมีหลักฐานแบบคอนด้ง คอนด้อมอะไรแบบนี้ในถังขยะบ้างหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น ฉันไม่เจออะไรสักอย่าง”
“แหม...ทำอย่างกับเป็นนางเอกในละครเลยนะ นอนหลับเสียจนไม่รู้ว่าถูกปล้ำหรือไม่ถูกปล้ำ”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่า ฉันกับเขาอาจจะเผลอกินยานอนหลับเข้าไป” เมขลาเครียดจนบอกไม่ถูก
รุจมองหน้าเมขลา
“ถ้าแกไม่แน่ใจขนาดนี้ แต่อยากรู้จริงๆ ก็มีทางเดียว”
“ทางไหน”
“แกต้องไปให้หมอตรวจ”
เมขลายิ้มออก ลุกขึ้นฉวยกระเป๋า
“งั้นไปกันเลย”
รุจฉุดไว้
“เดี๋ยว!”
“อะไรอีกล่ะ”
“เอ่อ...คือคนที่จะไปให้หมอตรวจเรื่องนี้เนี่ยนะ เขาต้องไม่ทำลายหลักฐานอะไรทั้งนั้น แกทำไปหรือยัง”
“ก็บอกแล้วไง ว่ามันไม่มีหลักฐานอะไรเลย”
รุจขึงตาใส่
“มีสิยะ ถ้าเขาทำอะไรแกจริงๆ มันก็ต้องมี แต่แกต้องห้ามอาบน้ำล้างตัวเด็ดขาด เหมือนผู้หญิงถูกข่มขืนแล้วไปแจ้งความไง เขาห้ามล้างเนื้อล้างตัวนะแก ไม่งั้นพิสูจน์ไม่ได้”
เมขลาจ๋อย ทรุดนั่งหมดแรง
“เมื่อเช้าฉันอาบน้ำไป 4 รอบแล้ว”
รุจตาเหลือก ชู 4 นิ้ว เมขลาพยักหน้า รุจส่ายหน้า
“งั้นก็ยอมๆ เชื่อเขาไปเถอะว่าแกเป็นเมียเขาแล้ว”
“แต่ฉันไม่อยากเป็นเมียเขาจริงๆ นี่ ฉันแค่อยากให้เขากลับเนื้อกลับตัวเพื่อคุณแม่เท่านั้น แกต้องช่วยฉันนะรุจ”
เมขลาอ้อนวอน รุจมองครุ่นคิด

เย็นนั้น...รามสวมหมวกแก๊ปเดินเข้ามาในตรอกแคบๆทางไปร้านน้ำชา ขณะเดียวกันนั้น ก้องภพใช้ไม้เท้าคลำๆทางที่คอห้อยแผงขายล็อตเตอรี่แกล้งเดินแบบมองไม่เห็นทาง เขาชะงักนิดหนึ่ง รู้สึกได้ว่ามีคนเดินออกมาอีกมุมสะกดรอยตามเขา ก้องภพรีบซ่อนตัวหลบในซอกหลืบยกไม้เท้าขึ้นรอจังหวะ พอเห็นเงาคนจะเดินผ่าน เขาก็โผล่ออกมาฟาดไม้เท้าใส่เต็มแรง
รามที่ตามมาหลบซ้ายหลบขวา ไม่โต้ตอบ ก้องภพไม่ทันได้สังเกตหน้าตาเพราะรามใส่หมวกบังหน้า ก้องภพฟาดไม้ไปอีกหลายที รามจับไม้ไว้แน่น ก้องภพเห็นชัดๆว่าเป็นราม
“ผมเองครับ"
ก้องภพชะงักโล่งใจ
“ฉันนัดนายที่ร้านอาโกไม่ใช่หรือ แล้วมาทำอะไรอยู่ตรงนี้”
“คือผมมีเรื่องร้อนใจที่ต้องคุยกันยาว คุยที่นั่นคงไม่สะดวก ผมก็เลยมาดักรอท่านอยู่แถวนี้”
ก้องภพมองรามอย่างสงสัยว่าเรื่องอะไร

ทั้งสองมานั่งคุยกันในโบสถ์ ก้องภพหันมามองหน้ารามอย่างไม่เชื่อหู
“นี่หูฉันไม่ได้ฝาดไปใช่มั้ย นายแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น เพราะอยากให้คนที่บ้านเลิกตามนาย ฉันว่ามันจะยิ่งยุ่งยากมากขึ้นไหนจะแม่ ไหนจะเมีย”
“แต่มันมีทางนี้ทางเดียว ที่จะทำให้แม่หยุดตามผม”
“มันไม่ใช่แค่คนที่บ้านนายเท่านั้น ตอนนี้เพิ่มผู้กองภาคภูมิมาอีกหนึ่ง”
รามชะงักแปลกใจ
“ผู้กองภาคภูมิ!”
ก้องภพพยักหน้า บอกให้รามรู้ว่าขณะนี้ ภาคภูมิกำลังสืบหาประวัติของเขา และติดตามตัวเพื่อจับกุม รามฟังแล้วถอนใจ
“ผมก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าสักวันผู้กองภาคภูมิเขาต้องหันมาสงสัยผม เพราะเราปะทะกันมาสองครั้งแล้ว”
“ฉันบอกไปว่า จะให้ยุทธสืบเรื่องของนายให้ละเอียด ระหว่างนี้เราต้องเร่งมือหน่อย”
“ครับ”
“แล้วเรื่องเมียนาย แน่ใจนะว่าจะไม่เอามาเป็นงูพันคอตัวเอง จนหายใจไม่ออก ระวังเขาจะจับเอาได้ว่านายเป็นใคร”
“ท่านวางใจได้ พวกเขาจะเห็นผมเป็นแค่ไอ้ราม ลูกอตัญญู กับผัวเลวๆคนหนึ่งเท่านั้น”
“ก็ดีถ้าคิดว่าเอาตัวรอดได้ ฉันจะคอยดูฝีมือนาย”
“ผมรับรองครับท่าน ว่าจะไม่ให้มากระทบกับงานเด็ดขาด”
“ระวังด้วย เพราะถ้าฐานะนายถูกเปิดเผยคนที่ต้องเสี่ยงคือ นาย” ก้องภพเปิดแผงล็อตเตอรี่ หยิบกล่องแบนๆใบหนึ่งออกมา “เอากลับไปด้วย”
ก้องภพเดินเป็นคนตาบอดออกไป รามล้วงของออกมาดู เห็นเป็นกล่องนาฬิกาข้อมือเรือนใหม่ ซึ่งเป็นเครื่องมือสื่อสารแทนมือถือ เขายิ้มพอใจ ถอดเรือนเก่าออก ใส่เรือนใหม่คาดทันที แต่พอมองในกล่องยังมีของห่ออยู่ รีบแกะ คราวนี้เขาถึงกับอึ้งทึ่งไป มันคือตุ๊กแกหน้าตาน่าเกลียด ความยาวเท่าฝ่ามืออ้าปาแดงแจ๋ ซึ่งที่ตาของตุ๊กแกเป็นกล้องวงจรปิดซ่อนอยู่ สามารถเป็นเครื่องดักฟังและกล้องวีดีโอตัวจิ๋ว

ค่ำนั้น...รามเดินเข้าบ้านมาขึ้นบันได ไปถึงหน้าห้องจะผลักประตูเข้าไปแล้วชะงัก อึ้งๆ เขินๆ ไม่รู้จะสู้หน้าเมขลายังไงดี เขาวิ่งลงบันไดกลับมาที่ข้างล่างอีกครั้ง
“เอาไงดีวะ”
รามเดินไปเดินมาเครียดๆ ขณะเดียวกันที่ด้านนอก เมขลาเดินมาถึงหน้าบ้านมองไปที่ห้องนอนเห็นปิดไฟมืด เธอเดินไปที่ประตูรั้วอย่างสับสน คิดถึงคำพูดของรุจ
‘ถ้าแกยังคิดจะเป็นเมียเขาต่อ ก็มีแต่ยาคุมฯ นี่แหละ ที่จะช่วยแกได้...เพราะถ้าเรื่องเมื่อคืนมันเกิดขึ้นแล้วแกก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะ แต่สำหรับคืนต่อๆ ไป แกยังใช้ยานี่ป้องกันได้’
เมขลาเปิดกระเป๋าหยิบแผงยาคุมขึ้นมา
“ได้รุจ...ไม่ว่าฉันจะเป็นเมียเขาไปแล้วหรือยังไม่ได้เป็น ฉันก็จะเชื่อแก ฉันจะไม่ปล่อยให้มีเด็กที่พ่อแม่ ไม่ต้องการเกิดมาเหมือนที่ฉันเกิดอีกแล้ว”
เมขลาแกะยาคุม 1 เม็ด ออกจากแผง

รามเดินกระสับกระส่ายไปมา จะขึ้นบันไดก็ไม่กล้าขึ้น ทรงวาดอยู่ในห้องอาหารยกกับข้าวอย่างสุดท้ายเข้ามาวางบนโต๊ะแล้วเห็นเงาคน ยืนอยู่ด้านนอกก็เดินออกมาชะเง้อมองอย่างดีใจ ก่อนจะอึ้ง สบตากับรามพอดี
“อ้าว! รามหรอกหรือ แม่นึกว่าเม”
รามนิ่วหน้า
“นี่ยายจอมจุ้นไม่อยู่บ้านหรือครับ”
ทรงวาดพยักหน้า
“หนูเมขอออกไปหาเพื่อนที่ข้างนอก”
“มิน่า วันนี้ถึงไม่โทรเข้าสักกริ๊งเดียว” รามบ่นเบาๆ
“แล้วเขาก็ขอแยกห้องนอนกับราม”
รามพอใจ แต่รู้สึกโหวงๆ แปลกๆด้วย
“เขาบอกแม่ว่าเป็นหวัด แต่แม่ไม่เชื่อ...เราไปทำอะไรเขาหรือเปล่า”
รามเซ็งแม่
“ทำไมแม่ถึงชอบคิดแบบนี้เรื่อยเลยนะ เกิดอะไรขึ้นก็หาว่าผมทำๆ”
“ก็เมื่อวานก่อนขึ้นไปนอน แม่เจอหนูเมเขาก็ยังดีๆ อยู่เลย แต่พอเช้ามากลับมาเกิดเรื่องแบบนี้ แถมยังร้องไห้เป็นเผาเต่าด้วย”
รามอึ้งรู้สึกผิด
“ร้องไห้?”
“ใช่...ทีนี้บอกแม่ได้หรือยังว่ารามไปทำอะไรหนูเมเข้า เขาถึงได้ร้องห่มร้องไห้แบบนั้น”
“ผม...เอ่อ...”
ภาพเขานอนกอดเมขลาเข้ามา รามนึกได้ รีบปฏิเสธเสียงแข็ง
“ผมจะไปทำอะไรเขาได้ แล้วถึงทำจริงทำไมผมต้องบอกแม่ด้วย ในเมื่อเขาเป็นเมียผม ผมจะทำอะไรเขาก็ต้องทน”
ทรงวาดไม่ชอบใจนัก
“ทำไมราม พูดแบบนั้น เมียนะ ไม่ใช่ทาส หรือสัตว์เลี้ยง”
“ก็ผมคิดของผมแบบนี้ แต่เขาทนไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้”
ทรงวาดอึ้งมองหน้าลูกชายอย่างไม่พอใจ
“แม่ผิดหวังในตัวรามจริงๆ”
“ผมก็ไม่ได้ขอให้แม่ตั้งความหวังกับผมแต่แรกแล้ว”
ทรงวาดมองรามเสียใจ ก่อนเดินขึ้นบ้านไป รามถอนใจ เซ็งที่ทะเลาะกับแม่อีกแล้ว ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นโต๊ะอาหารเย็นจัดไว้สำหรับสามที่ แต่ไม่มีใครสักคนนั่งอยู่เลย ดูเหงาๆ

เมขลาเดินเข้ามาในบริเวณบ้านอย่างเครียดๆ หงอยๆ รามกำลังเดินอย่างหงุดหงิดมาที่โรงรถ เมขลาเห็นรีบหลบที่เงามืด
“เป็นหวัด! ป่วยการเมืองหรือเปล่าเนี่ย ทำไมป่านนี้ยังไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่อง ทีกับผมล่ะก็โทรจิกเอาจิกเอา คอยดูนะ ผมจะจิกคุณบ้าง”
รามบ่นเบาๆ แล้วไปหยิบมือถือออกมาจะกดหาเบอร์เมขลา แต่มีสายเข้าเสียก่อน รามชะงัก เห็นเป็นเย็นโทรมา รามมองรอบๆ แน่ใจว่าไม่มีใครแล้วรีบกดรับ เมขลาตามมาแอบฟัง
เย็นแอบอยู่ที่มุมหนึ่งข้างๆคาราโอเกะคุยมือถือไปด้วยมองแสงที่เกณฑ์คนไปขึ้นรถไปด้วย
“ไอ้ราม...เอ็งยังอยากมาร่วมงานช้างที่ถามข้ามั้ย”
“อยากสิ...ฮะ...ให้ผมออกไปเจอตอนนี้เลยหรือ...ที่ไหน...โอเค...งั้นเดี๋ยวเจอกัน”
เมขลาเห็นรามเดินไปที่รถที่จอดในโรงรถ เธอแอบอยู่หลังต้นไม้ก้มหยิบก้อนหินปาไปทางริมรั้วเสียงดังปึก! รามชะงัก เดินออกไปทางที่ได้ยินเสียงแล้วมองๆไม่ไว้ใจ
“ใครน่ะ”
รามมองไม่เห็นใคร จะเดินกลับไปที่รถแล้วชะงักนึกขึ้นได้ หยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก
“ถ้าอยากเห็นตุ๊กแกล้วงตับเสือ ให้รีบตามไปที่โกดังเก็บสินค้าของพ่อเสือ”
รามกดตัดสายก่อนขึ้นรถขับออกไป

คลังเก็บสินค้าปองธรรมเป็นอาคารเตี้ยๆ ชั้นเดียว รามเลี้ยวรถเข้าจอดที่ลานจอดรถ เย็นที่ซุ่มอยู่ออกมากวักมือเรียก รามรีบลงจากรถไปหา
“ทำไมมันเงียบอย่างนี้ล่ะ ที่นี่แน่นะพี่”
เย็นพยักหน้า
“แน่สิวะ ตามข้ามา อย่าโอ้เอ้”
เมขลาที่เอาผ้าคลุมตัวนอนแอบอยู่ที่นั่งตอนหลังรถ ค่อยๆโผล่ออกมามองเย็นกับรามที่เดินหายเข้าไปในอาคาร
“มีนัดกับไอ้หมอนี่ ในที่ลับหูลับตาแบบนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ”
เมขลารีบลงรถ แล้วเดินย่องตามรามกับเย็นไป

ภายในโกดังเป็นห้องกว้างๆมีประตูเข้าออกได้หลายทาง ด้านข้างมีกล่องกระดาษซ้อนๆ เรียงๆ กันเต็มเพราะเป็นโกดังเก็บสินค้าพวกเครื่องปั้นดินเผาจากลำปาง เทวัญยืนมองแสงพาลูกน้องเข็นศิลปวัตถุงานปั้นรูปไหทรงแปลกๆ ที่ตั้งอยู่บนแท่นโชว์สูงประมาณเท่าเอว ด้านในแท่นโชว์มีลักษณะกลวงเพื่อไว้บรรจุโคเคนลงไปในแท่น
“คุณเทวัญ จะเช็กของอีกครั้งก่อนส่งให้เสี่ยมั้ยครับ” แสงถาม
เทวัญพยักหน้า
“เอาสิ”
แสงจับไหบิดหมุนตามเข็มนาฬิกาไป 180 องศา ไหเลื่อนออกจากแท่นครึ่งนึง ตรงแท่นวางเผยให้เห็นเป็นโพรงเล็กๆ แสงล้วงมือลงไปที่ในแท่นหยิบถุงใส่ผงสีขาวสะอาดขึ้นส่งให้ เทวัญรับไปอย่างอึ้งๆก่อนจำใจ ฉีกมุม แล้วเทผงขาวออกดม
รามยืนซุ่มในเงามืดกับเย็น มองไปยังกลุ่มคนเหล่านั้น
“ที่แท้ก็อยู่ในนี่เองเหรอ” รามพูดเบาๆ
“เอ็งเพิ่งรู้เหรอ”
รามยิ้มๆ ไม่ตอบ แต่มองรอบๆ คิดๆ
“แล้วเขาจะส่งของกันที่นี่แน่เหรอพี่”
“ชัวร์”
รามคิดๆ ก่อนแอบมองรอบๆ สำรวจ เพื่อหาทำเลที่ดีที่สุดในการติดกล้องตุ๊กแก เขามองไปที่เย็น เห็นกำลังเดินเตร่ดูทางอื่น รีบล้วงมือเข้าไปที่อกเสื้อ แล้วแปะตุ๊กแกลงบนโต๊ะใกล้ตัว แล้วหยิบอุปกรณ์เสริมสำหรับฟังเสียงเป็นโลหะคล้ายกระดุมกลมๆสีดำ เสียบหูโดยจะมีสัญญาณเชื่อมต่อกับนาฬิกา เพราะนาฬิกาใช้พูด อย่างเดียว รามพูดเบาๆ
“ตุ๊กแก! ตุ๊กแกเรียกงูเขียว...เห็นตับเสือหรือยัง...ตุ๊กแกเรียกงูเขียว”

เย็นหันมาเจอพอดี มองรามอย่างแปลกใจ

อ่านต่อหน้า 3





นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 7 (ต่อ)

รถตู้ของก้องภพจอดอยู่อีกด้านหนึ่งของลานจอดรถ ก้องภพเฝ้าอยู่ที่จอคอมฯรับภาพถ่ายทอดผ่านตาตุ๊กแก ก้องภพจับหูฟังที่ติดหูอยู่นิ่วหน้า มองภาพผ่านไม่ชัด หันมอง ยงยุทธส่ายหน้าว่าไม่เห็นเหมือนกัน

ทั้งสองคนไม่เห็นงานปั้นที่ตั้งกลางห้อง เห็นแต่ห้องว่างๆ กล้องโฟกัสไม่ถูกที่ ก้องภพรีบติดต่อราม
“ไม่เห็นอะไรเลย ลองขยับใหม่สิ”
รามรีบขยับตุ๊กแกใหม่ พูดกับนาฬิกาไปด้วย
“ตุ๊กแกเรียกงูเขียว โอเคหรือยัง”
เย็นเข้าประชิดด้านหลัง
“ทำอะไรวะ”
รามอึ้งตัวแข็ง แกล้งยิ้มแล้วชูข้อมือให้ดู
“ดูเวลาน่ะพี่ สงสัยว่าทำไมยังไม่เห็นมีอะไรเลย”
“ไม่ต้องดูหรอก เชื่อข้าสิ คืนนี้งานช้างแน่”
รามพยักหน้าเจื่อนๆ ก่อนลดข้อมือลงทำมองโน่นนี่ เดินเลี่ยงออกไป พอได้จังหวะที่เย็นหันไปทางอื่นก็รีบสื่อสารกับก้องภพผ่านนาฬิกาใหม่
ก้องภพกับยงยุทธ มองภาพในจอมอนิเตอร์เห็นงานปั้นแค่ซีกเดียว
“ไปทางขวาอีกหน่อยซิ” ก้องภพสั่งรามทางเครื่องติดต่อ
สักครู่ภาพในจอมอนิเตอร์ เห็นงานปั้นเต็มชิ้น แต่เห็นพวกเทวัญไม่ชัด เพราะตอนนี้ถอยออกไปยืนไกลเกินโฟกัสของกล้องแล้ว ก้องภพกับยงยุทธยิ้มพอใจ
“โอเค ตุ๊กแก”
“ตุ๊กแก” รามตอบรับเป็นเสียงตุ๊กแก
เย็นสะดุ้ง หันขวับมา หน้าตาเลิ่กลั่กกลัวตุ๊กแก
“เอ็งได้ยินเสียงอะไรมั้ย”
รามทำหน้าตาย
“ไม่นี่พี่”
“แต่ข้าได้ยินเสียงตุ๊กแก”
“เหรอ...แต่ผมไม่ยักได้ยิน”
“เออ...ไม่ใช่ก็ดี พี่หยะแหยง”
รามรีบก้าวไปบังตุ๊กแกไว้ แล้วรีบพยักหน้าไปทางพวกแสง เบี่ยงเบนความสนใจ
“แล้วนั่นพวกเขาจะไปไหนกันน่ะพี่”
“ก็ไปรับคนของเสี่ยชิตน่ะสิวะ...ไป”
รามกับเย็นออกไปจากตรงนั้น เหลือแต่ตุ๊กแกเกาะขอบโต๊ะอยู่

เย็นเดินนำรามมาด้านหลังโกดัง ตามพวกเทวัญไปห่างๆ เย็นจุ๊ปาก
“เบาๆ นะโว้ย เกิดพี่แสงเห็นเข้าล่ะก็ เอ็งกับข้าไส้แตกแน่”
รามนิ่วหน้า
“นี่พี่แสงไม่รู้เหรอว่าพี่กับผมมาที่นี่”
“ข้าตั้งใจจะชวนเอ็งมาสังเกตการณ์ไว้ก่อน เผื่อคราวหน้าเราได้มาบ้างจะได้ไม่ทำพลาด”
รามพยักหน้าเข้าใจ ก่อนสะดุ้ง เพราะริงโทนมือถือเย็นดังขึ้น เย็นตาเหลือกรีบปิดมือถือแทบไม่ทัน เทวัญได้ยินเสียงริงโทนหันมาทางที่เย็นกับรามซ่อนอยู่
“นั่นใคร”
เย็นสะดุ้งโหยงทำมือถือตก กลิ้งไปทำให้แสงเห็นได้ชัดว่ามีคนมาซุ่มอยู่ แสงเล็งปืนไปที่ทางเย็นกับรามยืนอยู่
“ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าแกยังไม่ออกมา ฉันจะยิงแกให้ไส้แตก หนึ่ง...สอง...”
เย็นตาเหลือก ชูมือขึ้น ขาสั่นพั่บๆ ก้าวออกมา
“ย...อย่ายิง พี่แสง ฉันเอง”
แสงอึ้ง เห็นเย็นแสดงตัว มีรามชูมือขึ้นตามเย็นออกมาด้วย เทวัญมองอย่างแปลกใจ
“พวกนายมาที่นี่ทำไม”
เย็นยิ้มแหยๆ
“พวกเราอยากมาช่วยคุณเทวัญน่ะครับ”
แสงมองหยัน
“หน้าอย่างพวกแกจะช่วยอะไรพวกฉันได้”
“ถ้าผมสามารถแย่งปืนจากตัวพี่แสงได้ ผมก็น่าจะมีประโยชน์พอจะเป็นมือเป็นเท้าช่วยงานพี่แสงได้บ้างใช่มั้ยครับ”
เทวัญไม่อยากให้รามมายุ่งรีบตัดบท
“ไร้สาระ นี่ไม่ใช่เวลาจะมาทดสอบอะไรกันทั้งนั้น”
แสงถือว่ารามท้าทาย
“แต่ผมขอเวลาแค่2-3นาที สั่งสอนไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม นี่สักหน่อยนะครับคุณเทวัญ”
แสงไม่รอเทวัญอนุญาตถีบรามเซไปนั่งที่พื้น รามลุกขึ้นมา แสงเดินเข้าหาทั้งสองเข้าสาวหมัดเข้าเตะต่อยกัน ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ ขณะเดียวกันรามก็พยายามจะดึงปืนจากเอวแสงตลอดเวลา แสงเลี่ยงหลบได้หลายครั้ง
รามยกขาเตะ แสงจับขาไว้ได้บิดขา รามม้วนตัวตามแรงบิด ล้มลงไปนอนคว่ำ แสงตามไปยกขาจะกระทืบใส่หลัง รามพลิกตัวกลับมาจ่อปืนของแสงไปหา แสงชะงักกึก มองที่เอวตัวเอง ปืนหายไปแล้ว
“ฝีมือผมพอจะทำให้คุณเทวัญ กับพี่แสงมั่นใจได้รึยัง”
แสงแย่งปืนคืนมาอย่างไม่ค่อยพอใจเพราะเสียหน้า


เมขลาเดินตามหารามกับเย็น มาที่มุมหนึ่งในโกดังแต่ไม่เจอ
“หายไปไหนของเขานะ ไวยังกะผีเลยตารามสูรบ้า”
เธอนั่งพักเหนื่อยลงบนโต๊ะเท้าแขนพักเหนื่อยนั่งทับบนตัวตุ๊กแกพอดี ทำให้ภาพหน้าจอมอนิเตอร์ดับสนิท ก้องภพตกใจ
“เฮ้ย! ทำไมจู่ๆ ก็มืดแบบนี้ล่ะ ดาบๆ ลองดูทีสิ”
ยงยุทธหันไปเช็คเครื่องวุ่นวาย
“ทุกอย่างปกติ ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ สงสัยเป็นที่กล้อง”
ก้องภพรีบขยับหูฟังติดต่อราม
“งูเขียวเรียกตุ๊กแกๆ งูเขียวตาบอดแล้ว ตุ๊กแกช่วยด้วย”
รามได้รับข้อความจากก้องภพ ชะงักหยุดเดินตามเทวัญกับแสง จะยกนาฬิกาพูด แสงหันขวับมามอง ชักปืนออกมาเล็งรามไม่ไว้ใจ
“แกจะทำอะไร”
เทวัญหันมามอง รามไม่สนใจปลายกระบอกปืนที่จ่อมาของแสง กุเรื่องขึ้น
“ผมรู้สึกว่ามีคนลอบเข้ามาในนี้”

เมขลานึกได้ว่านั่งทับอะไรบางอย่างค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเห็นตุ๊กแก เมขลาตกใจ ตาเบิกกว้าง อ้าปากแล้วกรีดร้อง
“อ๊าย!”
พวกเทวัญชะงัก แสงนิ่งฟังแปลกใจ
“เสียงเหมือนคนร้อง”
เทวัญมองหน้าราม
“นายรู้ได้ไงว่ามีคนเข้ามา”
“สัญชาตญาณครับ” รามตอบมั่วๆไป
“รีบไปดูสิโว้ย ไอ้โง่” แสงเอ็ดลูกน้อง
ลูกน้องรีบวิ่งไป
“เราช่วยกันตรวจดูให้ทั่วดีกว่า” เทวัญหันไปสั่งราม “นายกับเย็นไปทางโน้น”
เทวัญชักปืนแยกไป เย็นมองรามอย่างชื่นชม
“ยอดจริงๆว่ะ ไอ้น้อง”
เย็นนำไป รามงงๆ พึมพำ
“ใครวะมันดันเข้ามาตอนนี้ ฟลุ๊คจริงๆ”

เมขลาเห็นตัวแข็ง ยี้สุดๆ
“ไป ชิ้วๆ...ยังดื้อไม่ไปอีก แกจะลองดีกับฉันใช่มั้ย”
เมขลาหันรีหันขวาง เห็นไม้วางอยู่เธอหยิบขึ้นมาหน้าตาเหี้ยมเกรียม
“ฉันจะนับ 1 ถึง 3 ถ้าแกไม่ไปอย่าหาว่า ฉันใจร้ายนะ 1..2..3 ไป๊”
เมขลาเหวี่ยงไม้ปัดตุ๊กแกตกไปที่พื้น เมขลาโล่งอก รีบโยนไม้ทิ้งอย่างขยะแขยง ก่อนหันไปรอบๆ แล้วชะงักเมื่อเห็นงานปั้นที่กลางโกดัง เธอเดินเข้าไปมองๆ
“ไห...อะไรเนี่ย ทำไมมาอยู่ตรงนี้”
เมขลาเอื้อมมือไปลูบๆ คลำๆ เห็นขยับได้เลยชะงัก
“เอ๊ะ”
เมขลาลองบิดสุดแรง เห็นงานปั้นหมุนไปอีกทาง เผยให้เห็นปากโพรงที่อัดแน่นไปด้วยถุงใส่ผงขาวๆ เมขลามองอย่างสงสัย
“ถุงอะไรน่ะ”


รามกับเย็น วิ่งมาเจอกันที่อีกมุมในโกดัง
“เจอมั้ย”
เย็นส่ายหน้า
“ไม่เจอ แล้วเอ็งล่ะ”
รามส่ายหน้า แล้วมองไปยังที่เขาวางตุ๊กแกไว้ แต่มองไม่เห็นตุ๊กแกเพราะไกล
“งั้น ขอผมไปดูที่ตรงนั้นหน่อยแล้วกันนะพี่”
รามรีบเดินไป เย็นตาม


เมขลาพลิกดูถุงในมือแล้วเครียด
“ซ่อนซะมิดชิดแบบนี้ คงไม่ใช่ของถูกกฎหมายแน่...ใช่ ต้องเป็นผงขาว หรือโคเคน เฮโรอีนแน่ๆ...ทำไงดีๆ”
เมขลามองๆไป เห็นกล่องกระดาษซ้อนๆ กันอยู่ก็นิ่งคิด ขณะเดียวกันนั้นเสียงเย็นดังมา
“เดี๋ยวสิวะ รอข้าด้วยไอ้ราม”
เมขลาตกใจ รีบหมุนงานปั้นกลับมาที่เดิมแล้วมองหาที่ซ่อน รามกับเย็นเดินมาที่กลางโกดัง แต่ไม่เห็นใคร
“ไม่เห็นมีใครเลยว่ะ” เย็นบอก
รามมองไปที่จุดที่เคยวางตุ๊กแก แต่ไม่เห็น รามเครียดมองหาไปทั่ว
“นั่นสิ หายไปไหนนะ ขอผมหาต่ออีกหน่อยก็แล้วกัน”
เย็นพยักหน้า จะไป รามมองๆ เห็นตุ๊กแกตกที่พื้นก็ยิ้มออกจะตรงไปเก็บ พอดีแสงเดินเข้ามา
“เจอมั้ย”
รามชะงักไม่กล้าหยิบตุ๊กแกขึ้นกลัวพิรุธ
“ไม่ครับ สงสัยว่าเป็นแมวน่ะพี่ ที่นี่แมวจรจัดเยอะจะตาย แล้วของก็ยังอยู่ปกติเหมือนเดิมด้วย” เย็นรายงาน
แสงมองรามหมั่นไส้
“แล้วที่หลังไม่ต้องอวดเก่ง โม้เรื่องสัญชาตญาณบ้าบอของแกอีกล่ะ”
“ครับ”
แสงไปลูบๆ คลำๆ ไหสำรวจครั้งสุดท้าย ไม่เห็นอะไรผิดปกติ แสงพอใจ
“รีบไปกันได้แล้ว คนของเสี่ยโทรมาบอกว่าอีกห้านาทีจะมาถึงแล้ว”
เย็นหันมาเร่งราม
“ไปโว้ยไอ้ราม”
รามถอนสายตาจากตุ๊กแกอย่างเสียดาย ก่อนตามเย็นกับแสงไป เมขลาที่ซ่อนอยู่ในมุมมืด เธอถือกล่องกระดาษใบใหญ่บังตัวไว้ตาวาวโรจน์ขึ้น
“กะแล้วไม่มีผิด แต่ฉันรับรองว่าเสี่ยของพวกนายจะต้อง ชอบของล็อตนี้แน่”
เมขลามองไปที่งานปั้นกลางห้อง

เทวัญเดินเข้ามากับธนู ส่วนแสงตามประกบลูกน้องธนูที่ถือกระเป๋าเงิน รามกับเย็นเดินตามมาหลังสุด โดยไม่รู้ว่าเมขลาเข้าไปขโมยถุงโคเคนจากงานปั้น ใส่กล่องกระดาษใบใหญ่แล้วใช้ใช้เชือกลากกล่องออกมา หลบที่กองกล่องกระดาษใกล้ประตูทางออกอย่างหอบเหนื่อย เพราะโคเคนในกล่องหนักมาก เธอหมดแรง ทรุดนั่งลง ปาดเหงื่อ
“จะทำยังไงกับยานรก และพวกนายดีนะ”
เมขลาคิดๆ หยิบโทรศัพท์ออกมา จะกดแล้วปิด จะกดแล้วปิดอยู่ 2-3 รอบ ตัดสินใจไม่ได้สักที
“ไม่ได้ๆ ถ้าฉันแจ้งป.ป.ส นายรามสูรก็ต้องติดร่างแหไปด้วย แล้วคุณแม่ต้องเสียใจตายแน่ ทำไงดีนะ”
เมขลาคิดๆ แล้วมองไปรอบๆ เห็นไฟแช็กถูกวางทิ้งไว้ เธอหยิบมาลองจุดดู เห็นไฟติด ก็ยิ้มอย่างรู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี


ธนูมองงานปั้นอย่างพอใจ
“ของอยู่ในนั้นเหมือนเดิมใช่มั้ย”
“ครับ ครบตามที่เสี่ยสั่งไว้ทุกอย่าง” เทวัญบอก
ธนูพยักหน้าให้ลูกน้อง
“เอาเงินให้คุณเทวัญ”
ลูกน้องธนูส่งกระเป๋าเงินให้ แสงเปิดกระเป๋าให้ดู เทวัญมองเห็นเงินเป็นปึกๆก็พอใจพยักหน้ากับแสง
“เปิดให้คุณธนูเช็กของ”
แสงพยักหน้ารับ ส่งกระเป๋าเงินให้ลูกน้อง ลูกน้องส่งต่อๆ กันไป จนถึงรามที่ส่งให้เย็นซึ่งยืนเป็นคนสุดท้าย เย็นจึงถือไว้ แสงบิดงานปั้นเปิดโพรงออกสำเร็จ แล้วถอยออก เป็นเชิงให้ธนูก้าวเข้าไปหยิบโคเคนขึ้นมาตรวจเอง ธนูก้าวไป แล้วใช้มือขวาล้วงลงไปในโพรงที่ฐานตั้ง แล้วอึ้งควานหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ธนูล้วงจนสุดโคนแขนก็ยังไม่มี
“อยู่ไหนวะ” ธนูจะชักออกแต่ต้นแขนติด “เฮ้ย!”
แสงตกใจ
“เป็นอะไรครับคุณธนู”
“แขน...แขนเอาออกไม่ได้”
เทวัญหน้าตื่น
“มาครับผมช่วย”
เทวัญกอดเอวธนูจะช่วยดึงแขนออก แสงกับรามช่วยกันยกแท่นที่วางงานปั้นขึ้น ดึงไปอีกทาง พวกคนของเทวัญเห็น รีบมาต่อหางแถว ช่วยแสงกับรามด้วย ขณะที่คนของธนูก็ไปช่วยเทวัญ เหมือนชักคะเย่อ เย็นลังเลๆ กับกระเป๋าเงิน ก่อนตัดสินใจ ถอยไปวางกระเป๋าเงินไว้ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ตุ๊กแก แล้วพุ่งไปช่วยด้านแสง
“ให้ฉันเล่น เอ๊ย...ช่วยด้วยคนนะพี่”
เย็นจะช่วย แต่สะดุ้ง ตาเหลือกเมื่อเห็นควันไฟลอยคลุ้งเข้ามา
“เฮ้ย...ไฟ...ไฟไหม้...พี่ไฟไหม้”
ทุกคนตกใจ หันไปมอง เห็นควันไฟจำนวนมากลอยเข้ามาในโกดังจากทางด้านหลัง

เมขลาซุ่มแอบอยู่ที่ประตูโกดัง ถือลังกระดาษอันใหญ่ที่พับจนแบนแทนพัด โบกไล่ควันเข้าไปด้านในโกดังอย่างสะใจ แต่เธอก็เริ่มสำลักควันด้วยเริ่มไอ น้ำตาไหลควันเข้าตา แต่เธอไม่หยุดพัด เปลวไฟจากกระดาษกล่องไหม้ ลามกล่องอื่นๆที่กองสุมอยู่จนกลายเป็นกองไฟกองใหญ่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมขลาเริ่มตกใจ
เทวัญเห็นไฟลุกหันไปสั่งพวกแสงกับเย็น
“ไปดับไฟเร็ว”
เทวัญนำแสงกับเย็น และลูกน้องรีบสลายตัว ไปช่วยกันดับไฟกันหมด เหลือแต่พวกธนู มองหน้ากันตกใจ
“เอาไงดีพี่”
“หนีสิวะ แกจะอยู่ให้ถูกย่างสดหรือไง”
ธนูจะไป แต่แขนยังติดในไหไปไม่ได้หันไปสั่งลูกน้อง
“อุ้มไป”
ลูกน้องนึกว่าให้อุ้มธนู เข้ามาจะอุ้ม ธนูยิ่งเดือด
“ข้าให้อุ้มไหโว้ย ไอ้โง่”
พวกลูกน้องธนูช่วยกันอุ้มไห กับที่วางออกไป อย่างทุลักทุเล

ทุกคนช่วยกันดับไฟ แต่ควันมากเหลือเกิน รามสำลักควัน
“ไม่ไหวหรอกครับแบบนี้ ต้องโดนไฟคลอกตายกันหมดแน่”
ทุกคนมองหน้าเทวัญว่าจะให้ทำยังไงต่อ
“จริงของราม”
เทวัญเห็นด้วย จะเดินนำออกไป แล้วนึกได้ว่ากระเป๋าหาย
“แล้วกระเป๋าเงินอยู่ที่ใคร”
เทวัญมองแสง ที่หันไปมองรามทันที
“อยู่ที่แกหรือเปล่า”
รามส่ายหน้าหันไปหาลูกน้องอีกคน ลูกน้องส่ายหน้า มองๆ กันไปทุกคนส่ายหน้าพอถึงเย็น ก็หันไปมองเทวัญอย่างลืมไป
“อยู่ที่แกหรือเป...” เย็นนึกได้ยิ้มแหยๆ “แหะๆ ขอโทษครับคุณเทวัญ”
แสงโมโหตบหัว
“ไอ้กระบือ...แยกย้ายกันไปหาเดี๋ยวนี้”
ทุกคนแยกกันเข้าไปในโกดังกันอีกครั้ง

เย็นวิ่งฝ่าควันไฟเข้ามามองๆ เห็นกระเป๋าวางไว้ แต่ไฟลามไปใกล้กระเป๋าแล้ว เย็นดีใจกะจะพุ่งไปคว้าก่อนสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นตุ๊กแก
“อ๊าย...ต...ตุ...ตุ๊กแก...”
เย็นหงายหลังก้นจ้ำเบ้า ล้มลงอย่างกลัวๆ
“พ่อแก้วแม่แก้วจ๋าช่วยเย็นด้วย ฮื่อๆ เย็นค่อยๆ กระดึ๊บๆ ถอยห่าง”
เย็นเห็นไฟล้อมรอบกระเป๋าเงิน ก่อนค่อยๆ ไหม้ลามกระเป๋า ทางด้านเทวัญหากระเป๋าเงินอยู่ ก่อนจะสะดุดขาเมขลาล้มลง
“โอ๊ย”
เทวัญพยายามลุกขึ้น แล้วชะงักเมื่อเห็นเมขลานอนฟุบอยู่ที่พื้นเพราะหนีไฟไหม้ที่จุดไม่ทัน สำลักควันจนสลบ เขาปราดเข้าไปหา
“คุณเม...คุณเม”
เมขลาไม่ได้สติในอ้อมแขน

พวกรามวิ่งออกจากโกดังคนละทิศคนละทาง มารวมกันที่ลานจอดรถ ต่างคนต่างหอบกันแทบตาย
“เจอเงินกันบ้างมั้ย” รามถาม
ทุกคนส่ายหน้า เย็นออกมาท้ายสุด หน้าซีดจะร้องไห้
“กระเป๋าถูกไฟไหม้หมดแล้ว”
แสงหน้าตื่น
“แกแน่ใจ”
ทุกคนพูดไม่ออก เย็นหน้าเสีย
“เอาไงดีล่ะพี่ พ่อเลี้ยงฆ่าพวกเราแน่”
แสงเครียด หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเทวัญ
“ขอฉันปรึกษาคุณเทวัญก่อน”

เทวัญขับรถแล่นออกจากโกดังกด รับสายฟังเรื่องกระเป๋าเงินไหม้จากแสง แล้วเครียดหนัก
“ถ้าพี่เย็นเห็นกับตา เราก็ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ”
“แล้วพ่อเลี้ยง...”
“ผมจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง พวกพี่ไม่ต้องห่วง”
เทวัญปิดมือถือ ชำเลืองมองเมขลาที่นอนฟุบหน้าตามอมแมมอยู่อย่างหนักใจ ขณะเดียวกันรถรามแล่นผ่านรถตู้ของก้องภพที่จอดรอฟังผลอยู่ รามชำเลืองมองเห็นยงยุทธกับก้องภพที่อยู่ด้านหน้า แล้วรายงานผ่านนาฬิกาอย่างผิดหวัง
“ไฟไหม้รังตุ๊กแก การแสดงยกเลิก...”
ก้องภพถอดหูฟังออก มองไปที่โกดังที่มีควันลอยขึ้นอย่างคิดๆ
“เราจะทำยังไงกันต่อดีครับท่าน” ยงยุทธถามขึ้น
“ตามดับเพลิง แจ้งส.น.ท้องที่ให้เข้าเคลียร์ที่เกิดเหตุ เผื่อจะมีของกลางเหลืออยู่”
ยงยุทธพยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนกดโทรศัพท์

เทวัญขับรถมาจอดที่ริมแม่น้ำ เขาเปิดกระจกรถลงทั้งหมด แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำเช็ดหน้าและซอกคอให้เมขลาอย่างอ่อนโยน ทำให้ เมขลาที่นอนสลบอยู่ ค่อยๆ รู้สึกตัวแล้วเริ่มไอขึ้นแบบแสบคอ สำลักควัน เทวัญรีบหยิบขวดน้ำยื่นให้เธอจิบ
“ดื่มน้ำก่อนครับ คอคุณคงแห้งมาก เจอควันเข้าไปเยอะ”
เมขลารับน้ำไปดื่มอย่างกระหาย ก่อนนึกได้
“คุณเทวัญ! คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
เทวัญอึ้ง ก่อนรีบแก้ตัว
“ผมรู้เรื่องไฟไหม้เลยแวะไปที่โกดัง เลยเจอคุณสลบอยู่พอดี”
เมขลารู้ทัน
“ไม่ใช่ว่าคุณไป เพราะต้องไปส่งยาพวกนั้นให้เสี่ยอะไรสักคนหรอกหรือ”
เทวัญชะงักแต่ทำไม่รู้ไม่ชี้
“คุณพูดเรื่องอะไร”
เมขลายิ่งโมโห
“ไม่ต้องมาไก๋ ฉันเห็นมากับตาว่าพวกคุณใช้โกดังนั่นเป็นที่ส่งยา แล้วยาก็อยู่ที่ในแท่นวางไหด้วย มันเป็นผงสีขาว”
เทวัญตกใจมาก ที่เมขลารู้ซะละเอียดยิบ ตัดสินใจรีบเอามือปิดปาก เมขลาตาเหลือก คิดว่าจะถูกฆ่าปิดปาก พยายามแกะออก
“จะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ!”
“ผมจะปล่อยคุณ แต่คุณต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่โวยวาย”
เมขลาพยักหน้า เทวัญปล่อย เมขลาหลับหูหลับตาร้องกรี๊ด
“อ๊าย!”
เทวัญตาเหลือก รีบตะครุบปิดปาก
“ผมบอกว่าอย่าโวยวายไง”
เมขลามองขอโทษ ทำไม้ทำมือให้ปล่อยอีกครั้ง เทวัญค่อยๆเอามือออก
“ขอโทษ แต่...ฉันตกใจจริงๆ”
เทวัญพยักหน้า
“ผมเข้าใจว่าคุณคงตกใจ แต่จำเอาไว้ว่าคุณจะต้องไม่พูดเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด”
“แต่...”
เมขลาจะแย้ง เทวัญยกมือห้ามเสียงเครียด
“ไม่มีคำว่าแต่อะไรทั้งนั้น เพราะถ้าเรื่องนี้รั่วออกไปเมื่อไหร่ สามีคุณอาจถูกฆ่าตัดตอนไปด้วยก็ได้”
เมขลาชะงักทันที เทวัญขับรถมาส่ง เมขลาเดินเข้าบ้านอย่างเครียดๆ รถเรืองฤทธิ์แล่นเข้ามา เมขลาหันไปมอง และหยุดยืนรอคิดๆ เรืองฤทธิ์ลงรถเห็นเมขลาก็อึ้งไปนิด เพราะดึกมาก และรถของรามก็ยังไม่กลับมา
“มารอตารามหรือหนู”
เมอึ้งคิดๆ ก่อนสบตาเรืองฤทธิ์
“เปล่าค่ะ”
“ดีแล้วล่ะวันนี้รามเอ่อ...รามติดรับรองลูกค้าแทนอา ก็เลย...”
“พอเถอะค่ะ คุณอาไม่ต้องโกหกแล้วล่ะ”
เรืองฤทธิ์ชะงัก
“นี่หนูพูดอะไร”
“หนูรู้หมดแล้วว่าคุณรามไม่ได้ไปทำงานที่บริษัทกับคุณอา เขาไปทำงานที่เก่าต่างหาก จริงมั้ยคะ”
เรืองฤทธิ์พูดไม่ออก
“คุณอาทำแบบนี้ทำไมคะ ช่วยคุณรามหลอกพวกเราทำไม” เมขลาน้อยใจ
“เพราะอาไม่อยากเห็นเขา มีจุดจบเหมือนลักษณ์ไงล่ะ รามเป็นคนแรงมากหนูก็รู้ และถ้าหนูอยากให้พี่วาดสบายใจ ก็อย่าพูดเรื่องนี้ออกไป ไม่อย่างนั้นอาการคงทรุดหนักกว่ารอบที่แล้ว”
“แล้วคุณอาจะปล่อยให้คุณราม ทำงานสกปรกพวกนั้นต่อไปหรือคะ”
เรืองฤทธิ์ทำตกใจ
“งานสกปรกอะไรกัน รามแค่ช่วยเพื่อนเหมือนเป็นผู้จัดการร้าน ไม่ใช่หรือ”
เมขลานิ่ง เรืองฤทธิ์ยิ่งแกล้งตื่นตระหนก
“หรือว่าหนูไปรู้อะไรมา”
เมขลากำลังจะบอกแต่ นึกถึงคำพูดของเทวัญ
‘ผมเข้าใจว่าคุณคงตกใจ แต่จำเอาไว้ว่าคุณจะต้องไม่พูดเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด’
เมขลาเปลี่ยนใจ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...จริงสิ...คุณรามเขาเคยมีประวัติเรื่องยาเสพติดบ้างมั้ยคะ”
เรืองฤทธิ์คิดนิดนึงก่อน ใส่ไฟราม
“คนอย่างรามเขาเอาทุกอย่างนั่นแหละหนู ทำไมหรือ”
เมขลาอึ้งไป เข่าอ่อน ทรุดลง
“หรือว่าหนูคิดว่าเขากำลังเล่นยา”
เมขลาหน้าเศร้า
“หนูก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ”
เรืองฤทธิ์ทำเป็นเครียดแต่ดวงตาวาวดีใจ

วันใหม่...ปองธรรมไล่ยิง เย็นกับแสงและพวกลูกน้องพากันวิ่งกระเจิงหนีตายกันออกมาอย่างอุตลุด
“ใครกล้าหนีลูกปืนฉัน จะยิงให้ตายให้หมด” ปองธรรมถือปืนหน้าตาโกรธจัด เดินตามออกมาชี้ปืนไปที่ทุกคน
เย็นนิ่งค้างอยู่ในท่าวิ่งไม่กล้าขยับ
“ถ้าไม่หนี พ่อเลี้ยงจะไม่ยิงใส่ใช่มั้ยครับ”
“ยิง”
ปองธรรมยิงเปรี้ยงใส่ขา เย็นกระโดดเหย็ง เทวัญรีบตามออกมาจับปืนพ่อไว้
“อย่าทำพวกเขาเลยครับพ่อ ผมเป็นหัวหน้าทีม เมื่องานพลาดผมขอรับผิดชอบเพียงคนเดียว”
ปองธรรมไม่พอใจหนักขึ้น
“แกจะรับผิดชอบยังไง โกดังฉันเหลือแต่ซาก เงินก็ไหม้ไม่มีเหลือ แถมยังโดนตำรวจเข้าตรวจค้น ดีนะที่ไม่เหลือหลักฐานให้มันจับได้”
“เงินเก็บที่ผมพอมี ผมจะชดใช้...”
ปองธรรมโมโหตวาดลั่น
“เงินแกมันก็เงินฉันนั่นแหละ แกอยากรับผิดชอบเองใช่มั้ย”
ปองธรรมยัดปืนใส่มือเทวัญ
“ถ้าแกทำงานพลาด 1 ครั้ง ฉันจะให้แกฆ่าลูกน้องแก 1คน”
ปองธรรมคว้าคอลูกน้องผลักไปหาเทวัญ เย็นตัวสั่นรีบหลบหลังแสง เทวัญยังยืนนิ่ง ปองธรรมจ้องหน้า
“ถ้าแกเลือดเย็นไม่พอ พ่อจะทำเป็นต้นแบบให้เอง”
เทวัญตัดสินใจยกปืนไปทางลูกน้อง...ลูกน้องยกมือไหว้ปองธรรม
“พ่อเลี้ยง ไว้ชีวิตผมด้วยเถอะครับ”
“ยิงเดี๋ยวนี้” ปองธรรมสั่งเสียงเข้ม
เทวัญตะโกนลั่น
“ผมทำไม่ได้...แต่ถ้าพ่อต้องการ เอาชีวิตผมไปแทนก็แล้วกัน”
เทวัญเบี่ยงปืนจ่อใส่ตัวเองยังไม่ทันได้ยิง ปองธรรมถลาเข้าไปตบหน้าแล้วกระชากปืนปาทิ้ง
“ฉันเลี้ยงแกมาให้เป็นลูกเจ้าพ่อ ไม่ใช่เป็นนักบวช”
ปองธรรมโกรธมากเดินเข้าบ้าน เทวัญกล้ำกลืนน้ำตาไว้ แล้วกลับเข้าไปในห้องนอน ยืนต่อหน้ารูปขนาดใหญ่ของแม่
“ผมรู้ว่าพ่อผิดหวังในตัวผม อยากให้ผมรับช่วงต่องานของพ่อ แต่แม่ครับ ผมไม่อยาก” เทวัญมองมือตัวเอง “ให้มือผมต้องเปื้อนเลือดเหมือนพ่อ ผมควรจะทำยังไงดี”
เทวัญเอื้อมมือไปสัมผัสรูปตรงใบหน้าของแม่ แววตาเจ็บปวด

รามมาพบก้องภพที่ร้านน้ำชา แกล้งเลือกล็อตเตอรี่อย่างสนใจ
“แนะนำเลขเด็ดให้ผมหน่อยสิลุง”
“งวดนี้มันต้องเลขเบิ้ล 11 ซื้อเลยรวยแน่”
“ผมขอโทษด้วยครับที่ทำงานพลาด เกือบจะได้หลักฐานมัด ตัวพวกมันอยู่แล้วเชียว” รามพูดเบาๆได้ยินกันสองคน
“แต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่ามันมีวิธีซุกซ่อนยายังไง หน้าที่ต่อไปของนายคือหาแหล่งผลิตกับเครือข่ายทั้งหมดของมันให้เจอ”
“ครับท่าน ถ้าทำลายเครือข่ายของมันไม่ได้ ผมจะไม่ยอมหยุดไล่ล่ามัน ให้รู้กันไปว่าฟ้าจะเข้าข้างไอ้นรกพวกนี้”
รามลุกยืนวางเงินให้ก้องภพ เสียงดังให้คนอื่นได้ยิน
“ตกลงผมซื้อใบนี้นะลุง”
“โชคดีนะพ่อหนุ่ม ขอให้ร่ำขอให้รวยเป็นเศรษฐีร้อยล้าน”
รามเดินออกไป สวนกับผู้หญิงเซ็กซี่เชฟบ๊ะ ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อเอวลอยเข้ามา
“โอเลี้ยงยกล้อถุงโก”
ก้องภพมองผู้หญิงอย่างลืมตัว ผู้หญิงเอะใจหันมามอง

ก้องภพรีบก้มลงดูดโอเลี้ยง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วก็อดแอบมองไม่ได้

อ่านต่อตอนที่ 8




กำลังโหลดความคิดเห็น