นางฟ้ามาเฟีย ตอนที่ 5
เมขลาจัดอาหารใส่ถาดเตรียมไปให้ราม ขณะเดียวกันนั้นเสียงมือถือดังขึ้น เมขลารีบเปิดกระเป๋าสะพายหามือถือของตัวเองขึ้นมา
“ฮัลโหล...เอ๊ะ...ไม่ใช่นี่”
เธอนึกได้ ว่าไม่ใช่ริงโทนนี้ รีบวาง คุ้ยๆกระเป๋าเจอโทรศัพท์มือถือของราม หยิบขึ้นมามองหน้าจอ เห็นคำว่าคุณเทเรซ่า
“เทเรซ่า...แหม...หญิงเยอะนักนะ”
เมขลายิ้มเจ้าเล่ห์ขณะกดรับสาย พอมีคนกดรับธิดาพูดทันที...
“ฮัลโหล รามเหรอ นายอยู่ไ...”
เมขลาแกล้งทำเสียง เหมือนเครื่องตอบรับอัตโนมัติ
“หมายเลขนี้ได้ถูกยกเลิกการให้บริการแล้ว กรุณาตรวจสอบหมายเลขใหม่อีกครั้ง”
ธิดาอึ้งก่อนกดตัดสาย แล้วโทรใหม่
“ฮัลโหลๆ”
เสียงเมขลาดังแบบเดิมมาอีก
“หมายเลขนี้ได้ถูกยกเลิกการให้บริการแล้ว กรุณาตรวจสอบหมายเลขใหม่อีกครั้ง”
ธิดากดตัดสายอย่างหงุดหงิด
“บ้าที่สุด”
“เอาไว้...พี่จะหาคนรถให้น้องใหม่เอง”
เทวัญบอกแล้วเดินออกไป ธิดากรี๊ด ขว้างข้าวของด้วยความขัดใจ
รามอยู่ในห้องนอน ครุ่นคิดหาทางหนี มองไปที่ประตูเห็นเมขลาประคองถาดอาหารเข้ามา
“หิวหรือยัง คุณแม่เตรียมแต่ของโปรดไว้ให้คุณ”
รามพยายามข่มใจพูด
“คุณคิดจริงๆ หรือ ว่าคนที่ตกอยู่ในสภาพอย่างผมจะกินอะไรลง”
เมขลาทำเป็นคิดๆ แต่สายตามองเขาอย่างอาฆาต
“นั่นสินะ ตอนฉันถูกขังที่โรงพัก ฉันก็กินข้าวผัดกับโอเลี้ยงไม่ลงเหมือนกัน”
รามอึ้งๆ นึกถึงที่เคยแกล้งเมขลาขึ้นมา
“แล้วถ้าจำไม่ผิดคนที่ทำให้ฉันโดนขังแบบนั้นก็คือคุณ...คุณทำกับฉันขนาดนั้น แล้วยังกล้าขอให้ฉันปล่อยคุณอีกเหรอ”
เมขลายิ่งโมโห รามอ่อนลง
“เอาเป็นว่าผมขอโทษพอใจมั้ย”
เมขลาโมโห
“ขอโทษฉันคนเดียวไม่พอ คุณต้องไปขอโทษคุณแม่ด้วย”
รามอึ้งไป เมขลาจ้องหน้าตักเตือน
“ถึงคุณแม่จะเป็นแม่เลี้ยง แต่ท่านก็เลี้ยงคุณมานะ”
“พอๆ ไม่ต้องเทศน์แล้วนอกจากจะให้ผมขอโทษแล้วยังมีอะไรอีก”
“เลิกทำงานสกปรกพวกนั้น”
รามชะงักอึ้งไปนิดก่อนจะแกล้งรับปาก
“ได้”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงมือถือของเขาดังขึ้นพอดี รามชะงัก สงสัยว่าอยู่ไหน
“คุณรับปากฉันแล้วนะ”
เมขลายิ้มร้าย รามยังไม่เข้าใจ จนเธอหยิบมือถือจากกระเป๋าสะพายขึ้นมามองเห็นชื่อเย็น
“เฮ้ย คุณจะทำอะไรน่ะ เอามือถือผมมานี่นะ”
รามจะพุ่งมาแย่งอย่างลืมตัว แต่ติดกุญแจมือกระชากกลับไปร้องเจ็บปวด เมขลาทำหน้าตาสงสาร
“ใจเย็นๆ สิคะที่รัก” เมขลากดรับสาย “ฮัลโหล”
“ขอสายรามหน่อย”
“สามีฉันไม่ต้องการจะคุยกับพวกคุณแล้ว”
รามพยายามดึงดันจะแย่ง เมขลาแกล้งยืนใกล้ๆ ให้เจ็บใจเล่น
“เอามือถือผมมานะ ยายบ้าเอ๊ย...พี่เย็นๆ อย่าไปฟังยายนี่นะ”
เย็นงงๆ
“แปลว่าอะไร แล้วนั่นเสียงใคร รามใช่มั้ย ขอฉันพูดกับมันหน่อยสิ”
“รามไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้วเขาก็ฝากให้ฉันบอกว่า เขาจะไม่ไปทำงานสกปรกกับพวกคุณอีกแล้ว”
รามหน้าตื่นอ้าปากค้าง เมขลากดปิดมือถือสะใจ
เย็นอึ้งไป
“เดี๋ยว...ฮัลโหลๆ”
เย็นพยายามกดกลับไปแต่เมขลาปิดเครื่องไปแล้ว เย็นโมโหมาก
“ไอ้ราม ไอ้ชั่ว ไอ้บ้า ไอ้คนไม่รู้จักสั่งสอนเมีย”
แสงผ่านมามองๆ ได้ยินพอดี
“คนโปรดของแกมันก่อเรื่องอะไรอีก”
เย็นหันไปมองเครียดๆ
รามมองเมขลาอย่างแค้นๆ
“ไม่ต้องมองฉันอย่างซาบซึ้งใจขนาดนั้นหรอก...มากินข้าวกันดีกว่า”
รามกระชากแขนโชว์กุญแจมือ
“ผมจะกินได้ยังไง ในเมื่อถูกใส่กุญแจมืออยู่อย่างนี้”
เมขลายิ้ม ตักแกงราดข้าว
“ไม่ต้องห่วง ฉันเป็นคนใจดีกว่าที่คุณคิดเยอะ”
เมขลาจะป้อน รามเม้มปากแน่น เบือนหน้าไปทางอื่น
“ดูสิ น่าทานมากเลยเห็นมั้ย”
รามทำเป็นเงียบแต่จริงๆ หิวมาก ท้องรามร้องโครกดังออกมา เขาเม้มปากแน่น ทั้งโมโห ทั้งอาย เมขลาขำ แต่กลั้นยิ้ม
“กินสักคำก็ได้ รับรองฉันไม่บอกใครให้คุณเสียฟอร์มหรอกน่ะ”
รามเบือนหน้าหนี เมขลายิ่งแกล้งจ่อติด
“ดูสิเนื้อติดมันกำลังดีเลย แล้วคุณแม่ก็ใส่ยอดมะพร้าวแทนหน่อไม้ด้วยนะ น่ากิ๊น น่ากิน”
รามหลับตาไม่อยากเห็น กำมือแน่นระงับอารมณ์เพราะยิ่งเห็นก็ยิ่งหิว เมขลายิ่งมีความสุข สะใจที่ได้แกล้ง
“กลิ่นก็ห้อม หอม นี่ไงได้กลิ่นมั้ย”
เธอยกช้อนไปมาแถวจมูกของเขาให้สูดกลิ่นแกงให้เต็มที่ รามเผลอลืมตัวมองตาปรอย
“กินซะทีเถอะน่ะ อย่าเก๊กไปเลย”
รามนึกได้ตวาดออกมา
“ไปให้พ้น”
เมขลารอจังหวะอยู่แล้ว ยัดข้าวใส่ปากเขาทันที รามตาเหลือกตกใจ แต่เธอไม่สนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เขาจึงต้องจำใจต้องเคี้ยว
“เป็นไง อร่อยอย่างที่ฉันบอกมั้ย”
รามขึงตาใส่ไม่ยอมรับทั้งๆ ที่อร่อยจะตาย
“ไม่อร่อย แล้วไม่ต้องป้อนอีกนะ”
เขาพูดไม่ทันจบ เธอก็ยัดข้าวเข้าปากอีกรอบ รามสำลักพรวดออกมา
“เค้าห้ามพูดตอนทานข้าวไม่รู้หรือไง”
รามยิ่งโมโห แต่ทำอะไรไม่ได้ จำใจเคี้ยวข้าวกลืนลงไป เมขลาทำตาแป๋วแต่จริงๆ สะใจแทบตาย
“เคี้ยวเสร็จแล้วใช่มั้ย งั้นฉันป้อนคำต่อไปแล้วนะ”
“บอกให้ไปให้พ้น”
เมขลายัดข้าวสวนเข้าไปอีก รามอึ้งมองแค้นๆ
“ตายแล้วนี่คุณคงหิวมากเลยสิท่า ถึงได้กินเอาๆแบบนี้ใจเย็นๆ กินช้าๆ ไม่ต้องรีบ จะได้ไม่สำลักอย่างเมื่อกี้ไง”
รามพูดไม่ออก ไม่รู้จะด่ายังไง จำใจกินข้าวอย่างฝืนๆ ทรงวาดยืนแอบดูอยู่หน้าประตูยิ้มกริ่มพอใจมากที่ รามยอมกินข้าวที่เมขลาป้อน
“แม่เลือกคนไม่ผิดจริงๆ”
ทรงวาดเดินออกไปจากหน้าห้องราม
เมขลาวางจานข้าวที่หมดเกลี้ยงลง รามเสียหน้า เม้มปากแน่นไม่ยอมพูดยอมจา เมขลาทำไม่รู้ไม่ชี้
“กินข้าวเสร็จ ก็ถึงเวลาอาบน้ำเสียที”
รามหันขวับมาเห็นเธอเอื้อมมือมาจะปลดกระดุมเสื้อ เขารีบขยับตัวหลบ ไขว้ขาหนีบแน่น
“เฮ้ย...คุณจะทำอะไรน่ะ ออกไป”
“ไม่ต้องเขินหรอกน่ะ เราคนกันเอง”
รามตาเหลือก
“กันเองอะไรจะบ้าหรือ คุณเป็นผู้หญิงนะ ไม่อายหรือไง”
เมขลาขำที่เห็นเขารักนวลสงวนตัว เธอยิ่งแกล้ง
“อูย...อายเอิยอะไรกัน ฉันเรียนเรื่องเพศศึกษาตั้งแต่ตอนอยู่ ม.สองแล้ว มาเร็วๆ อย่าทำเหนียม เสียเวลา”
รามกระเถิบหนี
“อย่ามายุ่งกับผมนะ”
เมขลากลั้นหัวเราะ แกล้งจะปล้ำถอดเสื้อ แต่รามห่อตัวแน่น เธอเลยทนไม่ได้ถอยออกอย่างหมั่นไส้แกมขำ
“ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวไปได้ เนื้อคุณเป็นทองหรือไง”
“จะเป็นอะไรก็ช่าง แต่อย่างคุณ อย่าหวังจะได้เห็นขาอ่อนผมเลย”
เมขลาเบ้ปากหมั่นไส้
“ฉันอยากเห็นตายล่ะ”
“งั้นก็เลิกยุ่งกับผมเสียที จะไปไหนก็ไป”
“ไปก็ได้ แหม...ฉันคิดจะไขกุญแจพาคุณไปอาบน้ำอยู่พอดี”
เมขลาแกล้งเขย่ากุญแจดังกุ๊งกิ๊งในกระเป๋าสะพายก่อนเดินออกไป รามตาเหลือกรีบตะโกนเรียก
“เดี๋ยวสิคุณ กลับมาก่อน “
เมขลาไม่ฟัง
“คุณไล่ฉันเองนะ”
เมขลาฉวยถาดอาหารไป รามตะโกนไล่หลังก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาวัสดุอุปกรณ์ใกล้มือจะสะเดาะกุญแจ แต่ไม่มัอะไรเลย
“ยายบ้าเอ๊ย...กระทั่งส้อมสักอันยังไม่ทิ้งไว้ให้ แล้วแบบนี้ฉันจะออกไปได้ยังไงวะ”
รามเขย่ามือที่ถูกล็อก แล้วหันไปมองภาพถ่ายของเขาที่ถ่ายคู่กัน กับลักษณ์
“บอกฉันทีสิ ว่าฉันควรทำยังไงกับเรื่องบ้าๆ นี่ดี”
วันต่อมา...ก้องภพปลอมตัวเป็นคนตาบอด ขายล็อตเตอรี่นั่งจิบน้ำชาอยู่ในร้านน้ำชา
“หมู่นี้ หาลูกค้าไม่ได้เลย” ก้องภพทำเป็นบ่นๆ
อาโกเจ้าของร้านถอนใจ
“คนมันไปเล่นใต้ดินกันหมดน่ะซิ เมียอั๊วยังเล่นเลย”
“ไม่รู้เหรอมันผิดกฎหมาย”
“ผิดยังไงวะ เมียตำรวจอีเดินโพยเอง”
ก้องภพสำลัก
“เออ...โกเห็นบ้างหรือเปล่าล่ะ ไอ้คนที่มันชอบช่วยซื้อล็อตเตอรี่ฉันอยู่เรื่อยๆน่ะ”
อาโกคิดๆนิดนึง
“พักนี้ไม่เห็นอีเลย หายหัวไปไหนไม่รู้เหมือนกัน”
อาโกเอาขนมใส่จานเดินมาให้ก้องภพ แต่สะดุด พื้น ขนมตกพื้น อาโกรีบหยิบขนมขึ้น เช็ดๆกางเกงแล้วใส่จานเหมือนเดิม มาให้ ก้องภพเห็นเต็มสองตาแต่ทำอะไรไม่ได้
“เอ้า...ขนมเพิ่งมาส่ง ใหม่ๆเลย อั๊วให้ลื้อชิมฟรีๆ”
“ขอบใจ”
อาโกหยิบส่งให้
“เจี๊ยะเลย ไม่ต้องเกรงใจ”
ก้องภพต้องรับมากัดกินแบบฝืนๆ
เช้าวันใหม่...แสงแดดส่งเข้ามาแยงตา รามค่อยๆ รู้สึกตัวตื่น แล้วพบว่ายังคงถูกล่ามอยู่ เขาพยายามกระชากข้อมืออีกครั้ง หวังว่ามันจะหลุดออกมาจากที่ล็อก แต่ก็ไม่หลุด รามเซ็งๆ ขณะเดียวกันนั้น เรืองฤทธิ์เข้าห้องมามองด้วยท่าทีสงสาร
“อาฤทธิ์ !”
เรืองฤทธิ์ถอนใจมองรามอย่างเห็นใจ
“อาขอโทษนะ ที่ช่วยรามไม่ได้เลย”
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ แม่ไม่ใช่คนที่จะยอมฟังใครง่ายๆ”
เรืองฤทธิ์ทำหน้าเศร้าแล้วเติมเชื้อไฟ
“นั่นสิ...ถ้าพี่วาดยอมอ่อนลงสักหน่อย ลักษณ์ก็คงไม่อายุสั้นแบบนั้นหรอก”
รามกำมือแน่นแค้นขึ้น มองรูปพี่ชายอย่างคิดถึง เรืองฤทธิ์เห็นปฏิกิริยารามพอใจ แต่แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้รีบเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วนี่รามเป็นไงบ้าง อยากเข้าห้องน้ำห้องท่าบ้างหรือเปล่า ให้อาพาไปมั้ย”
เรืองฤทธิ์หยิบกุญแจออก จะไขให้
“ผมอยากคุยกับแม่มากกว่า”
เรืองฤทธิ์พยักหน้า
“งั้นอาจะรีบไปตามให้นะ”
เรืองฤทธิ์ออกไปทิ้งกุญแจไว้บนเตียงใกล้ๆ ขาของราม คิดว่ารามคงเห็นแล้วหาทางหยิบกุญแจไขหนีออกไปเอง ขณะเดียวกัน จักรเดินยกถาดอาหารเช้าเข้ามา
“ถ้าเป็นของราม แกเอาไปกินเองเถอะ”
จักรตาวาว
“นี่คุณรามหนีไปแล้วหรือครับ...ค่อยยังชั่วหน่อย ผมกำลังวิตกอยู่พอดี เพราะถ้าคุณรามกลับมาจริงๆ ต้องสอบบัญชีเจอเรื่องเราใช้บริษัทเป็นที่ฟอกเงินแน่ๆ”
“แกคิดว่าฉันจะปล่อยให้ถึงวันนั้นเหรอ” เรืองฤทธิ์ยิ้มย่อง คิดว่ายังไงรามก็ต้องหนีไปได้แน่ๆ
รามพลิกตัวกระสับกระส่าย ว่าทำไมเรืองฤทธิ์ถึงยังไม่มาเสียทีแล้วเขาก็อึ้งไปเมื่อเห็นกุญแจวางอยู่บนเตียงข้างๆ ขา เขารีบเอาเท้าคีบกุญแจแล้วเหวี่ยงไปในอากาศ กุญแจลอยมาตกในมือของเขา
รามจัดการกับกุญแจมือเรียบร้อย แล้วย่องออกมาจากห้องนอน อย่างระวัง จักรเฝ้ามองอยู่ยิ้มพอใจ รีบหันหลังให้ ทำไม่รู้ไม่ชี้ที่เห็นรามก่อนอ้าปากค้าง เมื่อเห็นเมขลากำลังเข้ามาในบ้าน จักรรีบหยิบมือถือโทรหาเรืองฤทธิ์
“คุณฤทธิ์ครับ...แย่แล้วครับ คุณผู้หญิงคนเมื่อวานมาอีกแล้ว”
“ไม่เป็นไร ฉันจัดการเอง แกคอยดูไอ้รามไว้ก็แล้วกัน”
เรืองฤทธิ์ปิดมือถือ แล้วรีบเดินไปดักเมขลาไม่อยากให้เจอราม
“อาว่าหนูไปนั่งเล่นในสวนก่อนดีกว่า”
เมขลามองๆ
“มีอะไรเหรอคะคุณอา”
“พอดีเมื่อคืนยุงเยอะ อาเลยให้เด็กฉีดยาฉีดยุงอบบ้านทั้งหลังไว้น่ะ”
เมขลาพยักหน้าเข้าใจ เดินอ้อมไปอีกทาง เรืองฤทธิ์โล่งใจรีบตามประกบ
รามลงบันไดมาชั้นล่างไม่เห็นใคร เห็นประตูหน้าบ้านโล่ง ไม่มีคนเฝ้าก็มองอย่างพอใจ ขณะที่เมขลานึกได้ หันขวับมา เรืองฤทธิ์ชะงักมอง
“เมื่อกี้คุณอาบอกว่าฉีดยากันยุง อบบ้านไว้ทั้งหลังหรือคะ”
เรืองฤทธิ์พยักหน้า เมขลาหน้าตื่น
“แล้วแบบนี้คุณรามไม่แย่หรือคะ เค้าโดนใส่กุญแจมือเอาไว้ด้วย”
มขลานึกได้วิ่งไปที่ตัวบ้านจะไปดูราม เรืองฤทธิ์รีบตาม
“เดี๋ยว...หนู”
เมขลาไม่ฟังรีบวิ่งไป...รามกำลังปีนประตูรั้วอยู่อีกนิดเดียวจะปีนออกไปได้แล้ว เสียงเรืองฤทธิ์ดังมา
“หนูเม เดี๋ยวก่อน”
รามตาเหลือก หันไปมองเห็นเมขลาเข้า ทั้งสองสบตากันพอดี รามสะดุ้ง
“เฮ้ย!”
เมขลาพุ่งไปหา
“อย่าหนีนะ”
รามรีบตะกายขึ้นไปบนคานรั้วเห็นถนนอยู่แค่เอื้อม จะกระโดดลง แต่กระโดดไม่สำเร็จ
“เฮ้ย"
เมขลากอดขาของเขาไว้แน่น ยื้อยุดฉุดไว้เต็มที่ รามพยายามสะบัดเตะขา
“ปล่อยผมนะ”
“ไม่มีทาง ฉันไม่ปล่อยให้คุณหนีรอดไปได้หรอก”
เมขลากอดไม่ปล่อย เรืองฤทธิ์อึ้ง ขณะที่รามดิ้นไม่หลุด
“บอกให้ปล่อยไง ยายต๊องเอ๊ย”
“ฝันไปเถอะ”
เมขลาหลับหูหลับตาดึงขากางเกงของเขาไว้ รามคิดๆ แล้วก้มลง ปลดซิบออก
“ไม่ปล่อยดีนักใช่มั้ย เดี๋ยวก็รู้ ว่าคุณจะจับผมได้มั้ย”
เมขลาดึงขากางเกงสุดแรงเกิดล้มก้นจ้ำเบ้าลง กางเกงของรามทั้งตัวติดมือมา
“ในที่สุดก็จับตัวได้แล้ว” เมขลานึกได้ ตาเหลือก เห็นแต่กางเกง “ว้าย!”
เมขลาเงยหน้าขึ้นมอง เห็นรามอยู่ในกางเกงบ็อกเซอร์ยิ้มเย้ย
“เป็นไงล่ะยายตัวแสบ”
เมขลารีบปิดตากลัวเป็นกุ้งยิง
“คนบ้า คนทะลึ่ง ลงมานะไอ้ชีเปลือย”
ทรงวาดได้ยินเสียง เข้ามาตกใจ
“อะไรกันน่ะ...ราม...หนูเม!”
รามชะงัก ที่เห็นทรงวาด กับเรืองฤทธิ์
“ราม อาว่าเราลงมาคุยกันก่อนดีกว่า รามหนีแบบนี้มันแก้ปัญหาไม่ได้หรอก” เรืองฤทธิ์รีบบอก
รามมองประสานตากับทรงวาดอึ้งๆ
ทรงวาดเดินนำหน้ารามเข้ามาในบ้าน เรืองฤทธิ์กับเมขลาประกบ
“ขอผมคุยกับคุณแม่ตามลำพังได้มั้ย”
รามหันไปบอก เรืองฤทธิ์พยักหน้าแล้วไป แต่เมขลาลังเล ห่วงกลัวรามทำร้ายจิตใจทรงวาดอีก แต่ทรงวาดพยักหน้าให้ไป เธอจึงยอมเดินออกไป เมื่ออยู่กันตามลำพัง รามต่อว่าทันที...
“แม่ทำแบบนี้ทำไม ต้องการอะไรกันแน่”
“แม่อยากให้รามกลับบ้าน มาอยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน”
“ด้วยการจับผมใส่กุญแจมือ และขังไว้ในห้องนอนเนี่ยนะ”
“รามจะได้อิสรภาพทุกอย่างคืน ทันทีที่รับปากแม่”
รามรับปากให้พ้นๆไป
“ตกลง ผมจะกลับมาอยู่บ้าน”
“และรามต้องสัญญากับแม่ด้วย ว่ารามจะเลิกทำงานพวกนั้น แล้วกลับมาช่วยแม่กับอาฤทธิ์ดูแลงานที่บริษัท”
“โอเค”
รามจะไป ทรงวาดเรียกไว้
“เดี๋ยว”
รามชะงัก
“แม่อยากให้รามแต่งงานกับหนูเมด้วย”
“ไม่มีปัญหา” รามรับปากทันควันแต่พอนึกได้ก็ตาเหลือก “เดี๋ยว...แม่ว่าอะไรนะ”
“แต่งงานกับหนูเมซะ”
รามหน้าตื่นตกใจ
“แต่งงาน!”
ทรงวาดพยักหน้า รามส่ายหน้า
“ผมไม่แต่งงานกับยายจอมจุ้นนั่นหรอก ไม่มีทางเด็ดขาด”
“ถ้าอย่างนั้น เป็นอันว่าข้อตกลงระหว่างเราทุกข้อยกเลิก”
รามอึ้ง มองทรงวาดไม่เข้าใจ
“ทำไมผมถึงต้องแต่งงานกับยายนั่นด้วย”
“เพราะหนูเมเหมาะสมกับราม”
รามทำหน้าเหยียดหยาม
“เหมาะสมหรือว่าเพราะยายนั่นเป็นนางนกต่อ ที่แม่คิดมาใช้เป็นเหยื่อล่อเพื่อหวังฮุบมรดกของผมกันแน่”
ทรงวาดอึ้ง รามยิ่งซ้ำ
“ถามจริงๆ เถอะ แค่ที่พ่อแบ่งให้แม่ใช้ไม่พอหรือไง จะโลภไปถึงไหน ลักษณ์ก็ตายไปคนนึงแล้ว แม่ต้องให้ผมตายไปอีกคนใช่มั้ย แม่ถึงจะพอใจ”
ทรงวาดมองหน้าลูกชายอย่างปวดร้าว
“ไม่เคยมีสักวันที่แม่จะเลิกเสียใจ กับการตายของลักษณ์ และไม่เคยมีวันไหนที่แม่ไม่คิดถึงราม ตั้งแต่รามหนีออกจากบ้านไป” ทรงวาดเข้าไปจับแขนลูก “แม่ไม่มีความสุขเลยสักนิด เฝ้าคิดแต่ว่าลูกจะนอนไหน จะอยู่จะกินยังไง”
รามทำใจแข็งดึงมือแม่ออก
“ไม่ต้องมาทำเป็นหน้าไหว้หลังหลอก คนที่ผลักไสให้ผมอยากไปจากที่นี่ ก็คือแม่ แต่ผมก็ต้องขอบคุณแม่นะครับที่ทำให้ผมได้พบกับชีวิตใหม่ ได้พบกับคนที่ดีกับผมจริง”
“คนที่ทำให้ลูกมีสภาพอย่างทุกวันนี้นะหรือ คือคนดีของลูกเขาเป็นใครล่ะ หัวหน้ามาเฟีย หรือนักเลงหัวไม้ที่ไหน”
รามโมโห
“แม่ไม่ต้องรู้หรอก แม่รู้แค่ว่าเขาดีกว่าแม่เป็นร้อยเท่าก็พอ”
รามนึกถึงอดีตที่เขาหนีออกจากบ้านไปที่อเมริกา ในอดเตนั้น...ก้องภพก้มหน้าก้มตาเดินจะกลับบ้านอยู่ในตรอกแคบๆ มืดๆ เขาเดินผ่านไป โดยไม่เห็นรามที่นอนเอาหนังสือพิมพ์คลุมตัวอยู่ ก้องภพชะงักเมื่อเห็นฝรั่งถือปืนออกมาปล้นเขา
“Give me your money” (เอาเงินมาให้หมด)
ก้องภพจะไม่ให้ ฝรั่งโมโห ยิงปืนที่บริเวณพื้นขู่ รามสะดุ้งตื่น มองไปที่ฝรั่ง
“come on” (เร็วๆ)
ก้องภพตัดสินใจส่งกระเป๋าเงินให้ แต่ก่อนที่กระเป๋าจะถึงมือฝรั่ง รามลุกพรวดมาเตะฝรั่งตัวงอ แย่งปืนมาได้ และคว้ากระเป๋าคืนให้ ก้องภพอึ้งและทึ่งไป
“Thank you” ก้องภพจะไปแล้วนึกได้เห็นเป็นคนเอเชียเหมือนกัน “what’s your name”
รามซึ่งจะกลับไปนอนริมถนนต่อ ชะงักมองก้องภพอย่างครุ่นคิด
หลายวันต่อมา...รามกระชากกระเป๋าตังค์จากมือนักเรียนไทย แล้วผลักล้มไป ก้องภพกระชากกระเป๋าจากมือราม
“นายเป็นคนไทย รังแกคนไทยด้วยกันได้ยังไง”
รามท่าทางกวนประสาทเต็มที่
“ฉันพอใจทำก็ทำ ไม่เคยคิดจะนับญาติกับใคร แล้วคุณล่ะคอยตามฉันบ่อยๆทำไมนัก น่ารำคาญ เอามานี่”
ก้องภพชักมือหลบ รามคว้าได้แต่อากาศ
“ถ้าอยากได้ก็ใช้ฝีมือแย่งไปให้ได้สิ ถ้าแย่งได้ ฉันจะเลิกตามนายไอ้หนู”
รามหน้าตาเอาเรื่องไม่ยอมง่ายๆ ก้องภพโยนกระเป๋าตังค์ลอยสูงลิ่ว รามพยายามแย่งรับ แต่ก้องภพก็คว้าไปได้ก่อนแล้วโยนอีกเหมือนเล่นมายากล รามแย่งไม่สำเร็จ ก้องภพหักข้อมือราม กระเป๋าลอยละลิ่วไปตกลงบนมือของนักเรียนไทยพอดิบพอดี นักเรียนไทยรีบวิ่งหนีไป
“โอ๊ยยย...ยอมแล้ว กระดูกผมจะหักเป็นสองท่อนแล้ว” รามร้องลั่น
“ฝีมือมีอยู่แค่นี้ คิดจะเป็นนักเลงหรือ สักวันไม่พ้นต้องนอนตายเหมือนหมาข้างถนน”
รามสะบัดหลุด
“ทุกวันนี้ผมก็ไม่ต่างอะไรจากหมาจรจัดตัวหนึ่งอยู่แล้ว ผมไม่มีบ้าน ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีความรู้ ไม่มีแม้แต่ประเทศของตัวเอง แล้วผมจะทำอะไรได้ถ้าไม่ไถเงินเขากินไปวันๆ”
ก้องภพสะเทือนใจแทน
“แล้วถ้านายมีทางเลือกที่ดีกว่าล่ะ จะยอมเดินออกจากทางสกปรกที่เดินอยู่นี่มั้ย”
รามแทบไม่เชื่อหูตัวเอง อาการแข็งกร้าวอ่อนลง
ก้องภพพารามมาพบบาทหลวงที่โบสถ์
“ผมฝากด้วยนะครับท่าน มันกินอยู่ง่าย เว้นแต่ปากเสียแล้วก็ดื้อด้านไปหน่อย แต่ผมมั่นใจว่าท่านเอาอยู่แน่”
บาทหลวงยิ้มให้ราม
“นี่หรือทางเลือกที่ว่า เป็นนักบวชเนี่ยนะ ตลกแล้ว”
รามจะไป ก้องภพรีบดึงแขนไว้
“ฟังฉันก่อน ฉันได้รับข่าวมาว่า ทางตำรวจสากลกำลังต้องการคนที่สามารถเป็นสายลับในแถบเอเชียได้ นายเป็นคนไทยมีคุณสมบัติเหมาะสม ถ้านายกล้าพอก็ลองปล่อยของในตัวให้เห็นหน่อยเป็นไง”
“เป็นสายลับมันต้องฝึกหนัก แบบในหนังฮอลีวูดหรือเปล่า” รามถามอย่างตื่นเต้น
หลังจากนั้นไม่นาน รามได้เข้าฝึกเป็นตำรวจ และเข้ารับราชการเป็นตำรวจสากล
ทรงวาดอยู่ในห้องนั่งเล่นนึกถึงคำพูดราม...
“แม่ไม่ต้องรู้หรอก แม่รู้แค่ว่าเขาดีกว่าแม่เป็นร้อยเท่าก็พอ”
ทรงวาดน้ำตาไหล แล้วรีบปาดทิ้ง
“ไม่ว่ารามจะพูดยังไง แม่ก็จะทำในสิ่งที่คนเป็นแม่ต้องทำต่อไป”
ทรงวาดเดินไปหาเมขลาที่รออยู่อย่างกังวล กลัวว่ารามจะพูดอะไรให้เจ็บช้ำน้ำใจอีก
“มีอะไรให้หนูช่วยมั้ยคะคุณแม่”
ทรงวาดมองเมขลาขรึมๆ
อ่านต่อหน้า 2
นางฟ้ามาเฟีย ตอนที่ 5 (ต่อ)
เมขลาเดินกลับเข้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอย่างเครียดๆ คิดเรื่องที่ทรงวาดขอให้แต่งงานกับราม เสียงเด็กร้องไห้แว่วเข้ามา เธอหันไปมองเห็นเด็กวัยรุ่นนั่งกอดกันร้องไห้อยู่ 2-3 คน ก็นิ่วหน้าสงสัย ละมุนเข้ามาพอดี มองพวกเด็กๆอย่างห่วง เมขลาเลยหันไปหา
“น้องๆ เค้าเป็นอะไรหรือคะน้าละมุน”
ละมุนถอนใจยาว
“เอ็นท์ติด แต่ไม่รู้ว่าจะมีเงินค่าหน่วยกิตเรียนกันหรือเปล่าน่ะสิ แถมขอกู้เงินเรียนก็ไม่ได้ น้าก็ไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกัน”
“แล้วพ่อ-แม่อุปถัมภ์ของพวกเขาล่ะคะ”
“สมัยนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี พ่อ แม่อุปถัมภ์ของพวกแก เลิกส่งเสียมาเป็นปีแล้ว ทุกวันที่ไปเรียนนี่ น้าก็เจียดเงินค่านมน้องเล็กๆ ให้ไป”
เมขลาสงสารน้อง ละมุนมองๆ
“เมน่ะโชคดีมากที่มีคุณทรงวาดคอยสนับสนุน ดังนั้นเมต้องกตัญญูกับคุณทรงวาดให้มากๆ รู้มั้ย ถ้าไม่มีเขา เราก็คงไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย แล้วไปเป็นแอร์ฯ แบบนี้”
“จริงของน้า ถ้าไม่มีคุณแม่ เมก็คงไม่มีวันนี้” เมขลาเงยหน้าบีบมือละมุน “หนูตัดสินใจได้แล้วค่ะ”
ละมุนงง
“ตัดสินใจอะไรจ๊ะ”
เมขลาคิดถึงที่ทรงวาดขอร้อง ก่อนที่จะกลับมาที่นี่ เมขลาหน้าตื่นมองทรงวาดอย่างตกใจ
“แต่งงาน!”
ทรงวาดพยักหน้า เมขลาทวนซ้ำ
“กับคุณรามเนี่ยนะคะ”
ทรงวาดพยักหน้าอีก เมขลาพูดไม่ออก หน้าตาเหลือรับ สุดบรรยาย กลืนไม่เข้าคายไม่ออก คิดไม่ถึง
“แม่รู้ ว่าแม่เห็นแก่ตัวที่ขอหนูแบบนี้ แต่แม่ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใครจริงๆ” ทรงวาดบีบมือเมขลา
“ให้หนูช่วยอย่างอื่นไม่ดีหรือคะ เพราะหนูกับลูกชายคุณแม่แทบไม่รู้จักกันเลย แถมเขายังเกลียดขี้หน้าหนูยังกับอะไร”
“แม่เข้าใจ แต่หนูเป็นคนเดียวที่จะช่วยดึงราม ขึ้นจากปลักโคลนพวกนั้นได้”
เมขลาพูดไม่ออก
“ช่วยแม่สักครั้งเถอะนะเม แล้วแม่จะไม่ขออะไรจากหนูอีกแล้ว”
“หนูขอเวลาคิดหน่อยได้มั้ยคะ” เมขลามองหน้าทรงวาดอย่างหนักใจ
เช้าวันใหม่...รามยืนกอดอกมองไปที่นอกหน้าต่างอย่างเครียดๆ เห็นคนของเรืองฤทธิ์เฝ้ารอบๆ บ้านเป็นจุดๆอย่างเข้มงวด
“ขืนเป็นอย่างงี้ ต้องเสียงานหมดแน่”
รามถอนใจ หยิบรูปถ่ายคู่กับลักษณ์ขึ้น
“นี่ฉันไม่มีทางเลือกอื่นเหลือแล้วใช่มั้ย”
ขณะเดียวกัน มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น รามวางรูปลงหันไปมอง เห็นทรงวาดเดินเข้ามา
“รามจะให้คำตอบแม่ได้หรือยัง”
รามพยักหน้า
“แต่แม่ก็ต้องทำตามเงื่อนไขของผมด้วย”
“รามอยากให้แม่ทำอะไร”
ทรงวาดถามอย่างกระตือรือล้น
เรืองฤทธิ์อึ้งมองทรงวาดแปลกใจ เมื่อรู้ว่าเขาต้องการจะให้เธอถามอะไร จึงถามย้ำ
“จะให้ผมไปเชิญเจ้าหน้าที่อำเภอมาที่นี่...เชิญมาทำไมครับ”
“รามเค้าอยากให้พี่จัดงานแต่งครั้งนี้ให้เงียบที่สุดน่ะ พี่เลยคิดว่าเราน่าจะเชิญเจ้าหน้าที่ที่อำเภอมาจดทะเบียนสมรสของราม กับหนูเมที่นี่เสียเลย”
เรืองฤทธิ์ตาค้าง
“พี่วาดว่าใครแต่งกับใครนะครับ”
ทรงวาดยิ้มอย่างสบายใจ
“ก็รามกับหนูเมไง”
“รามกับหนูเมขลา?”
“ใช่ พี่คิดว่าถ้ารามได้มีครอบครัว ก็น่าจะมีความรับผิดชอบมากขึ้น และคงไม่กล้าทิ้งบ้านไปไหนอีกแล้ว”
“แต่เด็กเมขลาเป็นใคร มาจากไหนก็ไม่รู้นะครับพี่”
“ถึงยายเมจะเป็นเด็กกำพร้า แต่พี่เชื่อว่าพี่มองคนไม่ผิด”
“แต่ถ้าถึงขนาดบังคับให้รามแต่งงานกับหนูเมเนี่ย ผมว่ามันเกินไปนะครับ”
“แต่งงานกับเมน่ะ ดีกว่าถูกใส่กุญแจมือล่ามไว้กับเตียงเป็นไหนๆนะฤทธิ์ แล้วฤทธิ์ก็เป็นคนบอกพี่เองนะ ว่าต้องใจแข็งกับนายรามเสียบ้าง”
เรืองฤทธิ์พูดไม่ออก บอกไม่ถูก จำต้องเลยตามเลยทำตามที่ทรงวาดสั่ง
วันต่อมา...รุจขับรถขนข้าวของของเมขลามาเต็มคัน ขับมาจอดหน้าบ้านแล้วบีบแตรรอ รุจมองๆไปที่ในบ้านอย่างตื่นตา
“โอ้โห บ้านคนหรือวังเนี่ย แกแน่ใจนะว่าไม่ผิดหลัง”
เมขลาพยักหน้ารับแบบอึกอัก พอดีประตูเปิดออก รุจขับเข้าไป พลางถาม
“แล้วนี่แกคิดจะมาอยู่นานสักแค่ไหนฮึ ถึงได้ขนของมาซะเยอะซะแยะแบบนี้”
“ยังไม่รู้เลย ฉันก็เอามาเผื่อๆ ไว้ก่อน”
ทันใดนั้นรุจก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่ามีซุ้มดอกไม้จัดไว้อย่างสวยงาม เตรียมต้อนรับเจ้าสาวอยู่หน้าประตูบ้านทรงวาด
“ว้าย! คุณพระ แล้วนั่นเค้าจัดงานอะไรกันน่ะ เหมือนงานแต่งงานเลย...งานใครแกรู้มั้ย”
เมขลายิ้มแหยๆพูดไม่ออก เมื่อช่วยเมขลาหิ้วกระเป๋าเข้าไป รุจหันไปมองที่ซุ้มโค้งดอกไม้ สำหรับเจ้าสาวเจ้าบ่าว มีป้ายเขียนชื่อ ราม กับเมขลาคู่กัน รุจอ้าปากค้าง หันขวับไปมองทันที เมขลาหลบตาพูดไม่ออก รุจกระซิบเบาๆ
“ทำไมแกไม่บอกฉันสักคำว่า ที่แกให้ฉันไปช่วยย้ายของออกจากบ้านน้าละมุนวันนี้ ก็เพราะแกจะแต่งงาน”
“ก็ฉันตั้งใจจะเซอร์ไพรส์แกน่ะสิ”
“ย่ะ เซอร์ไพรส์มาก เซอร์ไพรส์ซะฉันหัวใจแทบวาย”
รุจมองท้องเมขลาอย่างสงสัย
“หรือว่า...”
เมขลาขึงตาใส่
“บ้า...ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่แกคิดหรอกน่ะ”
“แล้วมันยังไงกันแน่ฮึ”
“ฉันอยากตอบแทนพระคุณคุณแม่น่ะ” เมขลาพูดเสียงอ่อย
“คุณพระ! ตอบแทนด้วยการแต่งงานกับลูกชายสุดแสบของเค้าเนี่ยนะ แกบ้ารึเปล่า นี่มันชีวิตทั้งชีวิตเชียวนะเม”
“มันเป็นทางเดียวที่ฉันจะช่วยท่านได้”
รุจตั้งท่าจะด่าต่อ พอดีทรงวาดเดินมาหาเมขลาอย่างดีใจ
“หนูเมมาก็ดีแล้ว แม่กำลังอยากจะเจอตัวอยู่เลย”
เมขลารีบพยักหน้ารับ อยากจะปลีกตัวจากรุจเต็มแก่
“งั้นเดี๋ยวเจอกันนะรุจ คุณแม่มีอะไรหรือคะ”
เมขลาเดินตามทรงวาดไป รุจมองอย่างเซ็งๆส่ายหน้า
“นี่ตกลงแกโง่หรือบ้ากันแน่ ฮึ”
ทรงวาดพาเมขลามาที่ห้องนอน ซึ่งมีชุดแต่งงานสีขาว เป็นชุดไทยแบบเรียบๆ แขวนไว้ เมขลาอึ้ง
“ลองดูสิ ชุดของแม่เอง ให้ช่างเขาไปแก้นิดหน่อย แต่คิดว่าหนูน่าจะพอใส่ได้”
เมขลายกมือไหว้
“ขอบพระคุณค่ะ”
ทรงวาดรับไหว้ แล้วหยิบกล่องแหวนส่งให้ เมขลางงๆ
“อะไรคะ”
“ลองเปิดดูสิจ๊ะ”
เมขลารับมาเปิดออก มองแหวนทองเกลี้ยงอย้างอึ้งๆ
“สำหรับให้หนูแลกกับตาราม หลังจดทะเบียนไงจ๊ะ”
เมขลาร้องไห้ออกมา ซึ้งใจในความใจดีของทรงวาด
“อ้าว...แล้วกัน ร้องไห้ทำไมลูก”
“คุณแม่ให้หนูมากเกินไปแล้วค่ะ ที่จริง แค่จดทะเบียนเฉยๆ ก็พอแล้ว”
ทรงวาดกอดปลอบ
“ไม่มีอะไรมากเกินไปสำหรับลูกสาวของแม่หรอก เช็ดน้ำตาเสีย อย่าร้องไห้วันแต่งงาน โบราณเค้าถือ”
เมขลาระงับอารมณ์เช็ดน้ำตาป้อยๆ ทรงวาดมองอย่างเอ็นดู
ทรงวาดจูงเมขลาเข้ามาในห้องโถง ทุกคนหันไปชื่นชมเจ้าสาว เรืองฤทธิ์ยืนแอบดูแขกอยู่ หันไปส่งเงินให้จักร
“แกเอาเงินนี่ไป ให้เด็กๆ มันไปซื้ออะไรมากินซะ บอกว่าคุณวาดให้ไปฉลองที่หลังบ้าน”
“ครับ”
จักรรับเงินมารู้ว่าเรืองฤทธิ์จะจัดการอะไร เรืองฤทธิ์ยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนเดินเข้าไปหารามในห้อง รามนั้นโกนหนวดเคราเรียบร้อยดูสะอาดสะอ้านกว่าทุกวันนั่งหน้าเครียดอยู่
“ถ้ารามยังไม่พร้อมก็บอกนะ อาจะลงไปถ่วงเวลาให้สักพัก หรือถ้ารามอยากออกไปขับรถเล่นแก้เครียดก็เอากุญแจรถนี่ไป”
เรืองฤทธิ์โยนกุญแจรถให้ รามรับไปอึ้งๆ
“อาไม่กลัวผมหนีหรือครับ”
“ถ้ารามหนี อาก็ไม่ตำหนิรามหรอก ใครจะไปอยากแต่งงานกับผู้หญิงที่เราไม่รู้จัก พี่วาดก็เหลือเกินแค่สั่งให้อาพาคนไปโปะยาสลบรามกลับมาก็มากไปแล้ว นี่ใจคอจะล่ามโซ่รามไว้ทั้งชีวิตเลยหรือไง”
รามบีบมือเรืองฤทธิ์
“ขอบคุณมากครับอาที่เข้าใจผม แต่ผมไม่อยากให้อาเดือดร้อนไปด้วย แล้วผมก็อยากทำอย่างที่อาบอก คนเราเผชิญหน้าเพื่อแก้ปัญหาไม่ใช่วิ่งหนีปัญหาเพราะมันคงไม่จบง่ายๆ”
เรืองฤทธิ์เซ็ง ผิดหวัง
“อาดีใจที่รามคิดได้แบบนี้ แต่กุญแจรถนั่น รามเก็บไว้ก่อนก็แล้วกัน ถือว่าอายกให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน”
รามยิ้มขอบคุณเรืองฤทธิ์ โดยไม่สงสัยเลยว่าการกระทำของฝ่ายตรงข้ามนั้นเสแสร้ง
เมื่อถึงฤกษ์หมั้น เมขลานั่งพับเพียบเรียบร้อย รอรามอยู่ รุจอยู่ด้านหลังทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาว คอยจัดชุดให้ดูเรียบร้อย อยู่ๆรุจแอบยัดกุญแจรถใส่มือ เมขลางงๆกระซิบถาม
“แกให้กุญแจรถฉันทำไม”
“ก็เผื่อแกเปลี่ยนใจ จะได้รีบขับรถฉันหนีไปเลยไง”
เมขลาอึ้งคิด ก่อนคว้ามือรุจมาวางกุญแจคืน
“ขอบใจแกมากที่เป็นห่วงฉัน แต่ฉันตัดสินใจไปแล้ว”
รุจอึ้ง
“แต่ว่า...”
รุจเห็นรามคลานเข่าเข้ามาในห้องมีเรืองฤทธิ์ตามพอดี รุจเหวอตะลึงในความหล่อ
“ฉันยอมเสียสละร่างกาย และหัวใจของฉันแทนแกได้จริงๆนะ”
เมขลางง
“แกพูดอะไรของแก”
รุจไม่ตอบตาลอยไปมองราม
“ก็ดูสิ ผู้ชายอะไรไม่รู้น่ากินชะมัด แบบนี้ต่อให้ต้องแต่งงานใช้หนี้ หรือทดแทนบุญคุณสักร้อยสักพันครั้ง ฉันก็ยอม”
เมขลามองตามสายตารุจ ทั้งสองสบตากัน เมขลาทึ่งคิดไม่ถึงว่าเขาจะหล่อขนาดนี้ รามก็อึ้งไปเหมือนกันที่เห็นเธอสวยสุดๆ ทรงวาดกระแอม
“ในเมื่อเจ้าบ่าว เจ้าสาวก็พร้อมแล้ว เราเริ่มพิธีกันเลยนะคะ”
รามคลานมานั่งข้างๆเมขลา หน้าตาบึ้งตึงขณะที่เมขลาสับสน ทั้งสองร่วมกันเซ็นชื่อในทะเบียนสมรสต่อหน้าเจ้าหน้าที่จากอำเภอ จากนั้นรามสวมแหวนให้ เมขลารู้สึกแปลกๆ และตื้นตันไปพร้อมๆ กัน รุจเคลิ้ม อยากเป็นคนถูกสวมแหวนบ้าง
เมขลาเขินขณะที่สวมแหวนให้ รามก็อึ้งเพราะรู้สึกว่ามีพันธะขึ้นมาเป็นครั้งแรก ทรงวาดกับละมุนน้ำตาซึม บีบมือกันปิติที่เห็นเมขลากับรามเป็นฝั่งเป็นฝา เรืองฤทธิ์สบตาจักรอย่างเซ็งๆ
มุมหนึ่งของบริเวณบ้านมีการจัดเลี้ยงเล็กๆ แบบบุฟเฟ่ต์ รามมองทรงวาดกับเรืองฤทธิ์กำลังขอบคุณนายทะเบียน ส่วนเมขลากับรุจกำลังคุยกับละมุนอยู่ รามอมยิ้มอย่างพอใจที่ทุกคนกำลังง่วน ค่อยๆถอยหลังออกจากงาน ย่องหนีออกไปที่ประตูบ้านอย่างโล่งใจสุดๆ อีกนิดเดียวก็จะก้าวพ้นตัวบ้านแล้ว ทันใดนั้นเสียงเมขลาก็ดังขึ้น
“จะไปไหนคะที่รัก”
รามชะงัก มือเกร็งจับกรอบประตูแน่นอึ้งจัด หันมามองเห็นเมขลาที่สะพายกระเป๋าสะพายมายืนมองอยู่ เมขลาเอามือไขว้หลัง ซ่อนกุญแจมือไว้ รามอึกอัก
“ห้องน้ำ”
เมขลาชี้ไปอีกทาง
“ห้องน้ำมันอยู่ทางโน้น”
“ผมชอบให้ปุ๋ยต้นไม้” รามตอบกวนๆ
เมขลาทำหน้ายี้
“สกปรก”
“ก็ผมชอบของผมแบบนี้ ถ้าคุณไม่เชื่อก็ตามมาดูสิ”
“อย่าท้านะ”
“ไม่ได้ท้า คุณมันใจกล้า บ้าบิ่น ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วไม่ใช่รึ”
“โอเค ฉันไปแน่ แต่คุณห้ามเปลี่ยนใจนะ”
ทันใดนั้นเมขลาที่ใส่กุญแจมืออยู่ที่ข้อมือขวาอยู่แล้ว ก็รีบฉวยมือซ้ายของเขามาสับกุญแจมือเข้าอย่างรวดเร็ว รามยกแขนขึ้นมองอย่างไม่เชื่อสายตา
“เฮ้ย...นี่คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ จะทำอะไรน่ะ ไขออกเดี๋ยวนี้”
“ไม่ได้หรอก นี่มันเป็นกำไลคู่รัก เป็นตัวแทนบอกว่าเราจะอยู่ด้วยกันชั่วฟ้าดินสลาย”
เมขลาพูดจากวนประสาท รามชักฉุน
“คุณอยากอยู่กับผมนักใช่มั้ย”
“แน่นอนไม่อย่างนั้น ฉันจะแต่งงานกับคุณทำไม”
รามคิดๆ ล้วงกุญแจรถในกระเป๋าตามองเมขลา
“จำคำที่คุณพูดไว้ให้ดีๆนะ”
เมขลาโดนเขาดึงแกมลากไปด้วยจนต้องวิ่งตาม
“เดี๋ยวๆ คุณจะไปไหน”
รามตรงไปที่รถเรืองฤทธิ์ที่จอดอยู่ เมขลาอึ้ง แต่ฝืนยิ้มทำใจดีสู้เสือ
“อ๋อ จะพาฉันไปฮันนีมูนเหรอ ขอบคุณนะคะที่รัก”
รามขบฟันแน่น เปิดประตูรถด้านคนขับออก เมขลาทำไม่รู้ไม่ชี้ ก้าวขึ้นไป รามยืนนิ่ง เมขลาจำต้องข้ามเบาะคนขับไปด้านคนนั่งคู่กับคนขับ แต่ข้ามไปไม่ได้ เพราะติดกุญแจมือที่มือของเขา เมขลากระชากข้อมือกระตุ้นราม
“เอ้า...เร็วเข้าสิคะ ฉันอยากไปเที่ยวกับคุณสองต่อสองจะแย่อยู่แล้ว”
รามมองเมขลาอย่างแค้นๆ
ทรงวาดคุยกับละมุนอยู่มุมหนึ่งของบ้าน
“ดิฉันขอบพระคุณ คุณทรงวาดกับลูกชายจริงๆ ที่ไม่รังเกียจยายเม ทั้งๆ ที่แกเป็นเด็กกำพร้าแท้ๆ” ละมุนบอก
“เมเป็นคนดี แค่ลูกชายฉันได้แต่งงานกับเม เขาก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว จะมารังเกียจอะไรกัน”
ละมุนยิ้ม แล้วมองไปเห็นรถของรามกับเมขลา กำลังจะแล่นออกจากโรงรถ
“คุณรามคงรักยายเมมากจริงๆด้วยดูสิคะ เพิ่งแต่งงานกันแท้ๆ แอบพาเจ้าสาวหนีไปฮันนีมูนกันสองคนเสียแล้ว”
ทรงวาดมองตาม แล้วอึ้งรีบวิ่งพรวดออกไปขวางหน้ารถไว้ เมขลากรี๊ดตกใจ รามเหยียบเบรกแทบไม่ทัน เมขลาค่อยลืมตา รีบเปิดประตูลงไปหาทรงวาดแต่ติดกุญแจมือที่ราม กระชากรามติดมาด้วยแต่ลงจากรถกันไม่ได้ ติดเกียร์
“ว้าย/โอ๊ย”
รามมองเมขลาตาเขียว
“ทำอะไรของคุณฮึ ผมเจ็บนะ”
“ก็ฉันจะไปดูคุณแม่ ไม่รู้คุณเฉี่ยวท่านหรือเปล่า”
ทรงวาดเดินมาที่ประตูรถมองๆ มา
“แม่ไม่เป็นอะไรหรอกจ้ะ แล้วนี่จะไปไหนกัน โบราณเค้าถือนะ คนเพิ่งแต่งงานห้ามออกนอกบ้าน”
รามหงุดหงิด
“ไอ้โน่นก็ทำไม่ได้ ไอ้นี่ก็ทำไม่ได้ ตกลงผมเป็นลูกชายแม่หรือเป็นนักโทษกันแน่ ฮึ”
“แม่ไม่เคยเห็นรามเป็นนักโทษ แต่นี่มันวันแต่งงานของรามนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ หนูรับรองว่าคุณรามออกไปทำธุระแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
ทรงวาดยังลังเล เมขลายิ้มแล้วชูมือข้างขวาที่ล็อกกุญแจมือไว้กับมือรามขึ้น รามกระชากลง อย่างเสียหน้า
“ทีนี้ผมจะไปได้หรือยัง”
ทรงวาดพยักหน้า รามออกรถแรงอย่างเซ็งๆ
ทรงวาดเดินกลับเข้ามาในบ้าน เรืองฤทธิ์รีบไปดักหน้า
“ปล่อยให้นายรามออกไปแบบนั้นจะดีหรือครับพี่วาด”
“ไม่เป็นไร มีหนูเมไปด้วย ฤทธิ์ไม่ต้องห่วงหลานหรอก”
“พี่วาดเชื่อใจหนูเมจังเลยนะครับ”
“เมเป็นคนเดียวที่จะจัดการกับรามได้ เชื่อพี่สิ”
ทรงวาดเดินเข้าบ้านไป เรืองฤทธิ์นิ่งคิด จักรเข้ามา
“จะให้ตามไปมั้ยครับ”
“ไม่ต้อง รถคันเดียวคุ้มจะตาย ถ้าแลกกับการที่มันไม่กลับมาที่นี่อีก”
จักรเห็นด้วย
รามขับรถมาอย่างโล่งใจ ที่ออกจากบ้านมาได้ เมขลาแกล้งต่อ
“รู้มั้ย ฉันมีของขวัญแต่งงานให้คุณด้วยนะ”
“ไม่ต้องหรอก ผมไม่อยากได้”
เมขลาแกล้งถอนใจยาว หยิบมือถือของเขาขึ้นมา
“ว้า...น่าเสียดายจัง ฉันกะจะให้มือถืออันเก่าคืนคุณอยู่พอดี แต่คุณไม่อยากได้ก็ไม่เป็นไร ลาก่อนนะหนูน้อย นายแกเค้าไม่ต้องการแกแล้ว บ๊ายบาย”
เมขลาแกล้งกดกระจกลง ทำท่าจะเขวี้ยงออกไป รามหันมาตาเหลือก
“เฮ้ย...ทำอะไรน่ะ”
“ก็คุณบอกว่าไม่อยากได้ ฉันก็จะทิ้งน่ะสิ”
“เอามานี่”
“ไม่เป็นไร ไม่อยากได้ก็ไม่ต้องฝืนใจ ฉันไม่โกรธคุณหรอก”
รามเซ็งๆเลี้ยวรถเข้าจอดรถข้างถนน หันมองหน้าเมขลา
“เอามา”
เมขลาชูมือถือออกไปนอกหน้าต่างรถ
“ฉันเคยบอกคุณหรือยัง ว่าฉันไม่ชอบคนพูดไม่เพราะ”
“คืนมือถือให้ผมเถอะ”
“ปกติเวลาอ้อนวอนคนอื่นเนี่ย เขาต้องพูดคำว่าได้โปรดกับครับกันไม่ใช่เหรอ”
รามขบฟัน ข่มใจ
“คุณเมครับ ได้โปรดคืนมือถือให้ผมเถอะครับ”
เมขลาตบแก้มเขาเบาๆ ก่อนส่งให้
“ว่าง่ายจังเลย ขอให้ว่าง่ายแบบนี้ตลอดไปนะจ๊ะ คุณสามี”
รามกัดฟันกรอด เมขลายิ้มยั่ว รามอยากบีบคอแทบตาย แต่เมขลาบุ้ยใบ้ไปที่มือถือ
“จะไม่ดูของขวัญที่ฉันให้คุณหน่อยเหรอ”
รามนึกได้ รีบกดเช็กแมซเซจแล้วอึ้ง เมื่อกล่องข้อความของเขาหายเกลี้ยง
“เฮ้ย”
รามฉุนจัดกดเช็กมิสคอลอย่างรวดเร็วแต่ถูกเมขลาลบทุกอย่างทิ้งหมด รามหันขวับหา
“คุณทำอะไรกับมือถือผมเนี่ย”
“ทำความสะอาดให้ไง...เห็นมั้ย หมดจดเกลี้ยงเกลาเหมือนใหม่เลย”
“ทำความสะอาดภาษาอะไร ทำไมเบอร์ที่ผมเมมไว้กับแมซเซจหายเกลี้ยงแล้วแบบนี้ผมจะโทรหาเพื่อน หานายได้ยังไง”
“ก็คุณไม่ได้ทำงานพวกนั้นแล้ว จะอยากติดต่อพวกเขาไปทำไม เนี่ยต้องขอบใจฉันรู้มั้ยที่เสียเวลานั่งลบให้”
รามกัดฟันกรอด เหยียบคันเร่งกระชากรถออกไปราวกับลูกธนู รามขับรถเร็วมากซิกแซก ฉวัดเฉวียนไปทั่วอย่างจงใจแกล้ง
“เป็นไงบ้าง สนุกมั้ย”
เมขลากัดฟันข่มความกลัว
“สนุกมาก แต่ถ้าขับช้ากว่านี้ฉันจะสนุกกว่านี้”
เมขลาเกาะกระจกหน้าตาผะอืดผะอมอยากอ้วกเต็มแก่ รามชำเลืองมอง สะใจ
“ผมเคยบอกคุณหรือยัง ว่าผมไม่ชอบคนพูดไม่เพราะ”
เมขลาเม้มปาก มองเขาตาเขียวที่โดนย้อน
“ว่าไง”
“คุณรามขา ได้โปรดขับช้าๆ หน่อยได้มั้ย”
“เสียใจครับที่รัก นี่ช้าที่สุดของผมแล้ว”
เมขลาคลื่นไส้สุดๆ
“โกหก คุณกำลังแกล้งฉันต่างหาก”
“แกล้งอะไร”
“ก็แกล้งขับรถบ้าๆ บอๆ แบบนี้ คุณตั้งใจจะทำให้ฉันทนไม่ได้ แล้วปล่อยคุณไปใช่มั้ย แต่รู้ไว้เลยนะ ว่าไม่สำเร็จ...” เมขลาจะอ้วก “อ๊อก”
“ผมไม่ได้แกล้งนะแต่คุณเล่นใส่กุญแจข้อมือผมแบบนี้ แล้วผมจะขับถนัดได้ไง”
เมขลาเจ็บใจ คลื่นไส้จะอ้วก รามชูมือข้างที่โดนล็อกกุญแจ เมขลาจำยอมถอดกุญแจมือให้เขา รามขับรถไปฮัมเพลงไปอย่างสบายใจเมื่อมือทั้งสองข้างเป็นอิสระ เมขลามองตาเขียว
“อย่านึกนะ ว่าไม่มีกุญแจมือแล้วคุณจะหนีไปจากฉันได้”
“ผมก็ไม่เคยคิดจะหนีคุณอยู่แล้ว”
รามขับรถมาเห็นด้านหน้าเป็นสี่แยกไฟแดง เขาชั่งใจคิดก่อนกลั้นใจขับผ่านหน้าตาเฉย ขณะที่รถที่ผ่านไฟเขียวมาบีบแตรด่าดังลั่น เมขลาหันมาแว้ดใส่
“คุณฝ่าไฟแดงได้ยังไง”
“ผมตาบอดสี” รามโกหก
เมขลาจะด่าต่อ แล้วเซ็งขี้เกียจพูด หันมาด้านกระจกข้างกะดูวิวแทนขี้เกียจจะเถียงกับเขา แต่แล้วเธอก็อ้าปากค้าง เมื่อเห็นตำรวจจราจรขี่มอเตอร์ไซด์ตามมาประกบข้างมาทางด้านที่เธอนั่ง
“ฉันว่าคุณต้องอธิบายกับตำรวจเรื่องตาบอดสีแล้วล่ะ”
รามเหลือบมาดูเห็นตำรวจทำสัญญาณมือให้จอด รามนิ่งคิด ก่อนจะไม่จอดแถมขับรถเบียดตำรวจแล้วเร่งเครื่องหนี เมขลาตาเหลือกหันไปมองเห็นรถมอเตอร์ไซด์ตำรวจล้มลง ตำรวจที่ถูกเฉี่ยวหยิบวอ.ขึ้นมามองตามรถรามไปอย่างโมโห แล้ววิทยุให้สกัดจับรถของราม
รามขับหนีตำรวจมาเห็นมีเครื่องกีดขวางถนนที่เตือนให้รู้ว่าทางกำลังซ่อมอยู่ เขาไม่สนใจขับชนแหลก ตำรวจไล่ล่าไม่หยุด รามขับรถย้อนศรเกือบชนกับรถคันอื่น เมขลาร้องลั่นตลอดทาง
“หยุดเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้หยุด”
รามยิ้มกวนๆ
“โอเค คุณขอร้องผมเองนะ ผมจัดให้”
รามจอดรถเข้าข้างทางทันที พร้อมกับโยนกุญแจรถลงบนตัก เมขลางงๆ หยิบกุญแจรถขึ้นมา
“อะไรเนี่ย”
“ยอมมอบตัวกับตำรวจดีๆ นะที่รัก แล้วก็รับสารภาพซะโทษจะได้ลดลงครึ่งหนึ่ง”
รามพรวดลงจากรถข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่งทันที เมขลาอ้าปากค้าง รีบเปิดรถจะตาม
“เดี๋ยวสิ ราม...นายราม...ไอ้บ้าราม กลับมานะ”
รามโบกมือบ๊ายบายแถมส่งจูบให้ด้วย ขณะข้ามถนนไป เมขลาจะข้ามตามก็ไม่ทันมีรถแล่นผ่านมา เธอมองรามที่ขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซด์รับจ้างไปอย่างแค้นใจ
“คิดหรือว่าฉันจะปล่อยให้คุณหนีไปได้ง่ายๆ”
เมขลาหันขวับมาเปิดประตูรถจะขึ้นขับไป แต่ตำรวจจราจรสองคน ขี่รถมาประกบเสียก่อน
“ขอดูใบขับขี่ด้วยครับ”
“ฉันไม่ได้เอาติดตัวมาด้วยน่ะค่ะ”
เมขลาอึ้งยิ้มแหยๆ
อ่านต่อหน้า 3
นางฟ้ามาเฟีย ตอนที่ 5 (ต่อ)
บนสถานีตำรวจ...เวลานั้นภาคภูมิเดินคุยมากับสารวัตรประจำโรงพัก
“ผมฝากสารวัตร ช่วยจับตาดูร้านขายยาร้านนี้ด้วยนะครับ เพราะทางสายของเรารายงานมาว่า ที่นี่แอบขายยาไอซ์ให้ นักเรียนในรูปยาแก้ปวดหัว”
ภาคภูมิเห็นเมขลานั่งเซ็งๆกำลังให้ปากคำอยู่
“ก็บอกแล้วไงคะ ว่าฉันไม่ได้ขับๆ ไม่เชื่อกันจ่าไปดูภาพจากกล้องวงจรปิดก็ได้”
ภาคภูมินิ่วหน้า พยักหน้าลาสารวัตร แล้วเดินตรงไปที่โต๊ะ
“มีเรื่องอะไรกันเหรอครับจ่า”
เมขลาหันมาเห็นภาคภูมิก็ตกใจ
“นี่คุณอีกแล้วเหรอ”
“ผมควรเป็นคนพูดคำนั้นมากกว่านะ” ภาคภูมิหันไปหาจ่า “คุณเมขลาโดนข้อหาอะไรครับ”
“เธอหนีตำรวจ ฝ่าไฟแดง แล้วก็เฉี่ยวจราจรครับ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ทำ สามีฉันต่างหากที่เป็นคนทำ”
“ฟังดูน่าสงสัยนะ”
“ค่ะ เขาชอบทำตัวพิลึกๆ แบบนี้ล่ะ”
ภาคภูมิส่ายหน้า
“ผมไม่ได้หมายถึงเขา แต่หมายถึงคุณต่างหาก...แล้วนี่จ่าลองค้นรถดูหรือยัง ตรวจให้ละเอียดเลยนะว่า มีสารเสพติดหรือของผิดกฎหมายอะไรบ้างถึงต้องซิ่งหนีตำรวจ”
จ่ารับคำสั่งรีบลุก เมขลารีบห้าม ชักโมโห
“เดี๋ยวๆ พวกคุณมีหมายรึเปล่าจะมาค้นรถฉันเนี่ย”
ภาคภูมิยิ้มหยัน
“หมายนะออกไม่ยากหรอก แต่คนเข้าคุกแล้วไม่ได้ออกมาง่ายๆ สารภาพมาตรงๆ ดีกว่าว่าคุณขนอะไรมาในรถคันนั้น”
“ฉันไม่ได้ขนอะไรทั้งนั้น”
“ยังจะปากแข็งอีก...จ่าพาผู้หญิงคนนี้ไปที่ห้องสอบสวน”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอใช้สิทธิ์ขั้นพื้นฐานก่อน”
เมขลาหยิบมือถือขึ้นมา ภาคภูมิมองหมั่นไส้ เมขลาสบตาไม่หลบ ไม่ชอบขี้หน้า ก่อนจะโทรหาทรงวาด ที่รับสายหน้าตาสดใส
“หนูเมหรือจ๊ะ เป็นยังไงบ้าง นายรามพาไปเที่ยวสนุกมั้ย”
ทรงวาดเปลี่ยนหน้าตาจากสดใสเป็นอึ้ง เมื่อรู้ว่าเมขลาโดนจับ
เรืองฤทธิ์มารับเมขลาลงจากโรงพัก เมขลายกมือไหว้
“หนูขอโทษจริงๆ นะคะคุณอา ที่ทำให้รถของคุณอาถูกตำรวจยึดเอาไว้”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวอาให้จักรมาจัดการ แต่ทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไหนพี่วาดบอกว่าหนูออกมาเที่ยวฉลองแต่งงานกับนายรามไง”
“พอดีมีอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“แต่อุบัติเหตุนิดหน่อยของหนู ทำให้พี่วาดเครียดมากเลยรู้มั้ย”
เมขลาจ๋อยไปยกมือไหว้เรืองฤทธิ์อีกครั้ง
“หนูขอโทษค่ะ รับรองว่าหนูจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว”
“ไว้หนูไปอธิบายกับพี่วาดเองดีกว่า”
“หนูยังไปไม่ได้หรอกค่ะ เพราะต้องไปตามหาคุณรามก่อน”
“หนูจะไปหานายรามที่ไหน”
“หนูก็ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ไม่ว่ายังไงวันนี้ หนูก็จะพาตัวเขากลับไปทานข้าวเย็นกับคุณแม่ให้ได้”
เรืองฤทธิ์อึ้งที่เห็นเมขลามุ่งมั่นผิดมนุษย์
ภาคภูมิจับตาดูอยู่บนโรงพัก เห็นเมขลาโบกมือลาเรืองฤทธิ์ แล้วแยกกันไปคนละทาง ภาคภูมิหยิบมือถือขึ้นมากด โทรหายงยุทธที่หน่วยงานพิเศษป.ป.ส.
ยงยุทธรับรู้ข้อมูลแล้ว ปิดมือถือวางลง บ่นเบาๆ
“ทำไมใครๆ ก็อยากได้ประวัติผู้หญิงคนนี้กันนักนะ”
ก้องภพได้ยินพอดี
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าดาบ”
“พอดีผู้กองภาคภูมิให้ผมค้นประวัติผู้หญิงให้น่ะครับ เป็นคนเดียวกับที่ผู้กองรามให้ผมหาคราวที่แล้วเลย ผมเลยแปลกใจว่าทำไมทั้งสองคนนั่นถึงได้สนใจเธอนัก”
“รามติดต่อมาเมื่อไหร่”
ก้องภพตื่นเต้นได้ยินชื่อราม
“หลายวันแล้วครับ ท่านสงสัยอะไรหรือครับ”
“รามหายเงียบไปเลย ผมเลยไม่สบายใจเท่าไหร่ ถ้าดาบว่างก็ลองติดต่อรามให้ผมทีนะ”
“ได้ครับท่าน”
ก้องภพออกไป ทันใดนั้นมือถือยงยุทธดังขึ้น เขามองเบอร์แล้ววิ่งตามก้องภพไป
“ท่านครับ...เดี๋ยวครับ”
ก้องภพหันมา ยงยุทธรีบส่งมือถือให้ ก้องภพรับไปงงๆ
“สวัสดีครับท่าน พอดีผมโทรเข้าเครื่องท่านแล้วไม่มีคนรับสาย ผมเลยโทรหายุทธแทน”
“ไม่เป็นไร...แค่นายปลอดภัยก็ดีแล้ว”
“ขอบคุณนะครับ ที่ท่านเป็นห่วงผม ผมรับรองว่าจะไม่หาย เงียบไปแบบนี้อีกแล้ว”
“แล้วพอจะบอกฉันได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“พอดีผมมีปัญหาทางบ้านนิดหน่อยน่ะครับ แต่ตอนนี้เคลียร์เรียบร้อยแล้ว”
“อะไรนะ นายเจอกับคนที่บ้านแล้วหรือ เขาหานายเจอได้ยังไง แล้วทำไมถึงไม่บอกฉัน”
“ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ก็เลย...”
“เอาเถอะ ถ้ายังไม่พร้อมก็ไม่ต้องเล่า ลุยงานต่อไปให้เต็มที่ไว้มีอะไรคืบหน้าค่อยติดต่อมา อ้อ...แต่อย่าหายเงียบไปแบบนี้อีกล่ะ แล้วก็ห้ามปิดมือถืออย่างที่ผ่านมาด้วย”
ก้องภพตัดสายทิ้ง คืนโทรศัพท์ให้ยงยุทธที่มองๆอยู่
“ท่านสนิทกับรามมากนะครับ”
ก้องภพถอนใจยาวแล้วพยักหน้ารับ
“ถ้าลูกชายของฉันมีชีวิตอยู่เขาจะอายุเท่ารามพอดี”
ยงยุทธอึ้งไป
“ผมไม่ทราบว่าท่านมีลูกด้วย”
“เขาเสียไปตอนจะเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ตอนนั้นฉันทำใจไม่ได้อยู่พักใหญ่ เลยขออาสาไปเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานระหว่างอินเตอร์โปลของไทย กับอเมริกาอยู่ระยะหนึ่ง ฉันก็เลยเจอรามที่นั่น”
ก้องภพถอนใจเมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีต
รามกลับไปหาเย็น ขณะที่กำลังจะผลักประตูคาราโอเกะเข้าไป ลูกน้องเย็นสองคนเดินมากั้นไว้เสียก่อน
“นี่ฉันเองจำไม่ได้หรือ”
ลูกน้องเย็นมองหน้า
“จำได้ แต่พี่เย็นสั่งห้ามไม่ให้แกเข้าไป”
“พี่เย็นคงพูดเล่นมากกว่า ฉันจะไปถามพี่เย็นเอง”
รามจะไป แต่ลูกน้องเย็นชกทันที รามรับหมัดทันสวนกลับ
“พวกกันเองต้องเล่นแรงขนาดนี้ด้วยหรือ งั้นฉันก็ไม่ เกรงใจแล้ว”
สิ้นเสียงราม มีลูกน้องเย็นเดินออกมาเพิ่มอีกพร้อมไม้ในมือ ล้อมกรอบรามเป็นวงกลม รามลุยสู้ เตะ ถีบ แย่งไม้มาได้ตีลูกน้องเย็นกระเด็นกันไปคนละทิศคนละทาง เย็นวิ่งออกมาตะโกนลั่น
“พอแล้ว ทุกคนหยุดดด”
รามซัดเปรี้ยงเข้าหน้าลูกน้องคนหนึ่ง จนลูกน้องเซไป ไม้กระเด็นหลุดมือฟาดเปรี้ยงไปที่หน้าเย็นเต็มๆ เย็นสลบคาที่ รามตกใจวิ่งเข้าไปหา
“พี่เย็น”
รามเอาน้ำแข็งโป๊ะหน้าผากให้เย็น เย็นเจ็บลืมตากระเด้งนั่ง
“โอ๊ยยย เอ็งจะฆ่าข้าซ้ำหรือไง อู๊ยยย...”
“มันเป็นอุบัติเหตุ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆพี่”
“เอ็งโผล่มาทำไมอีก ข้าไม่คบเอ็งแล้ว รู้มั้ยว่าข้าถูกคุณเทเรซ่าด่าซะหูชา เรื่องที่เอ็งไปโกหกเค้า”
“ผมขอโทษพี่ คือผมมีธุระด่วน”
“โดนเมียจิกกบาล กลับบ้านไปน่ะซิ เขาบอกว่าเอ็งลาออกแล้ว หนอยแล้วบอกว่าจัดการได้...ไป...มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย”
“พี่อย่าไปสนใจคำพูดยัยบ้านั่นเลย ผมรับรองจะไม่ให้มาวุ่นวายอีก”
“เอ็งไปรับรองกับคุณเทเรซ่าเอง งานนี้บอกตามตรงข้าช่วยเอ็งไม่ได้จริงๆ ไอ้น้อง”
เย็นงอนเดินกุมหัวทิ้งรามไปเลย
ธิดาเดินไปที่รถ กดรีโมทเปิดรถ แต่แล้วเธอก็อึ้งไปเมื่อเห็นรามเดินตัดหน้าไปเปิดประตูหลังให้
“เชิญครับ”
ธิดาตบหน้ารามทันที
“ไปให้พ้นหน้าฉัน”
รามหน้าเสีย
“ผมขอโทษครับ”
ธิดาตบอีกที
“คุณจะตบกี่ครั้งเชิญ ถ้าจะทำให้คุณหายโกรธ”
ธิดาเงื้อจะตบอีก แต่ก็เปลี่ยนใจ ผลักเขาอย่างแรงแล้วขึ้นรถสตาร์ท รามวิ่งไปดักหน้า ธิดามองแล้วเหยียบคันเร่งพุ่งเต็มที่ แต่พอจะชนก็เบรกเอี๊ยด รามยืนไม่สะทกสะท้าน ธิดาเปิดประตูลงมา
“ทำไม ไม่หลบ”
“ถ้าโทษผมสมควรตาย ผมก็ยอมรับ”
ธิดาหายโกรธไปนิดหนึ่ง
“นายมีเมียแล้ว ทำไมไม่บอกฉัน”
“ผมเห็นว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับงาน”
“แล้วการที่นายทิ้งฉันไว้ในห้องน้ำ แล้วหายหัวไปกับเมียมันเกี่ยวกับงานมั้ย”
“แม่ผมไม่สบาย เมขลาเค้ามาตามผมไปโรงพยาบาล”
“ทำไมไม่บอกฉันตรงๆ”
“เมียผมอารมณ์ร้าย ไม่ค่อยเต็มบาท ผมไม่อยากให้เค้าเจอกับคุณ”
“อ๋อ ขี้หึง งั้นซิ”
รามเงียบไป
“แล้ว...แม่นายดีขึ้นแล้วเหรอถึงกลับมาได้”
“ครับ...แต่ก็ต้องใช้เงินรักษามากพอสมควร ผมอยากขอร้องให้คุณเทเรซ่าให้โอกาสผมอีกซักครั้ง”
ธิดาคิดแล้วก็เดินไปนั่งด้านหลัง รามมองๆ
“รีบมาขับซิ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว”
รามดีใจ
“ครับๆ”
รามกระวีกระวาดไปขับรถ ขณะที่ขับไปเรื่อยๆ รามหันมาถาม
“ไปทางไหนครับ”
ธิดาคิดๆ
“เลี้ยวซ้ายข้างหน้า”
รามเลี้ยวตามที่ธิดาบอก
“เลี้ยวขวาอีกสองครั้ง แล้วก็เลี้ยวซ้ายอีกที”
รถเข้ามาติดอยู่ในซอยตัน รามหันมองธิดาอย่างใจเย็น รู้ว่าโดนแกล้ง
“ร้านอาหารคงไม่ได้อยู่ในซอยนี้หรอกครับ”
“ฉันคงหิวข้าวจนเบลอน่ะ แวะปั๊มซื้ออะไรกินหน่อยได้มั้ย”
รามจอดรถหน้าร้านสะดวกซื้อในปั๊ม
“ฉันอยากได้แซนด์วิชแฮมชีส แล้วก็ไส้กรอกพริกไทยดำกับน้ำส้มแบบผสมเกล็ดส้ม อ้อ โดนัทอีกหกชิ้น มอคค่าปั่นใส่วิปครีมแก้วนึง”
รามมองไปเห็นต้องซื้อของหลายร้าน
“คุณจะกินหมดเหรอ”
“ก็ฉันหิว”
รามพยักหน้า แล้วเดินออกไป ธิดามองหมั่นไส้อย่างมีแผน
รามเดินหิ้วของมาที่รถ แต่ธิดาไม่อยู่แล้วประตูรถอ้าไว้ เห็นรองเท้าธิดาหลุดอยู่ข้างหนึ่ง
“เฮ้ย”
รามโยนของไว้ในรถ หยิบรองเท้าขึ้นดู ธิดาที่แอบดูอยู่หลังรถอีกคันอย่างสะใจที่เห็นรามพล่าน รามวิ่งไปถามเด็กปั๊มแล้วกลับมา ขึ้นรถ ขับออกไปเลย ธิดาตกใจวิ่งไป
“นายราม จะไปไหนน่ะ”
รามขับรถแล่นหายไป ธิดาวิ่งไปหน้าปั๊ม ถือรองเท้าไว้ข้างหนึ่ง ธิดาขว้างรองเท้าไป
“ไอ้บ้า เอ๊ย”
ธิดาเดินเท้าเปล่า ไปมา ไม่รู้จะทำไง ตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในปั๊ม ไปหาเด็กปั๊ม
“นี่แก...เอามือถือมาให้ฉันยืมหน่อย”
เด็กมองงงๆ ธิดาหงุดหงิด ตวาดลั่น
“เร็วซิ...หูหนวกเหรอ”
เด็กยื่นให้ ธิดาจะกดแล้วนึกไม่ออก
“เบอร์นายรามเบอร์อะไรนะ...โอ๊ย”
ธิดาโมโหจะขว้างโทรศัพท์ทิ้ง เด็กตกใจ
“เฮ้ย อย่า...”
รามจับมือธิดาไว้ แล้วดึงโทรศัพท์คืนให้เด็ก
“นี่นาย”
“โมโหยังไงก็ไม่ควรทำลายข้าวของคนอื่นนะครับ”
รามเดินมาที่รถซึ่งจอดใกล้ๆ ธิดาวิ่งตามมา
“นายขับรถออกไปได้ยังไง ไม่เป็นห่วงฉันรึไง”
“แต่คุณเทเรซ่าก็ปลอดภัยดีนี่ครับ”
“แล้วนายรู้ได้ยังว่าฉันไม่เป็นไร มีคนร้ายจะเข้ามาจับตัวฉัน ฉันดิ้นหนีไปได้ เลยไปแอบอยู่แถวห้องน้ำ นี่ถ้ามันย้อนมา ฉันคงถูกจับไปแล้ว ฉันไล่นายออก”
“แต่เท่าที่ผมเห็น คุณแอบอยู่หลังรถคันนั้นต่างหาก”
รามชี้ไปที่รถคันนั้นธิดายังเถียง
“นายเห็น ไม่จริง นายหันหลังจะเห็นได้ไง”
รามชี้ไปที่กระจกข้างรถ
“จากตรงนี้ไงครับ”
ธิดาอึ้งไป
“ขึ้นรถเถอะครับ เดินเท้าเปล่าอย่างนั้น เจ็บแย่”
ธิดากระฟัดกระเฟียดขึ้นรถ รามยิ้ม
หน้าร้านเสื้อของธิดาปิดป้ายหน้าร้านบอกว่า Closed เมขลาพยายามเคาะประตู และมองส่องเข้าไปในร้านเห็นปิดไฟมืด มีแค่ไฟส่องหุ่นเสื้อหน้าร้านเปิดอยู่เท่านั้น ทันใดนั้นเสียงเทวัญก็ดังขึ้น
“ลองปิดไฟมืดแบบนี้ ก็คงไปกันหมดแล้วครับ”
เมขลาหันขวับมา เห็นเทวัญก็ดีใจ
“คุณเทวัญ!”
เทวัญยิ้มให้
“ครับผมเอง...แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ครับ...อย่าบอกนะ ว่ามาตามแฟนอีกแล้ว”
เมขลาถอนใจ พยักหน้าหงอยๆ
“แย่จัง ที่คุณดันทายถูก”
เทวัญมองชุดสวยของเมขลายิ้มๆ
“วันนี้เป็นวันที่เรา เพิ่งแต่งงานกันอย่างถูกต้องน่ะค่ะ” เมขลาบอกเสียงอ่อย
“แล้วเขาก็หนีคุณออกมา ในวันแต่งงานเหรอครับ”
“ไม่น่าเชื่อใช่มั้ยคะ แต่มันก็เป็นไปแล้ว”
“แต่เขาไม่น่ากลับมาที่นี่นะครับ เพราะน้อง เอ่อ...เขาทำให้ลูกสาวเจ้านายผมโกรธมาก”
“ลูกสาวเจ้านาย อ๋อ...ที่โทรไปหารามน่ะเหรอคะ”
“ครับ รามเป็นบอดี้การ์ดให้คุณเทเรซ่า”
“แต่ถ้าเขาไม่กลับมาที่นี่ เขาจะไปไหนได้”
เทวัญเอากุญแจ ไขเข้าไปในร้าน
“เข้ามาข้างในก่อน ถ้าสามีคุณเค้ามาที่นี่จริงก็เช็กได้ไม่ยาก”
เมขลาเข้าไปนั่งรอเทวัญ ที่กำลังโทรศัพท์หาคนงานของธิดา พอเห็นว่าเขาวางสายก็ถามทันที
“ว่าไงคะ”
“เด็กที่นี่เห็นว่า นายรามออกไปกับคุณเทเรซ่า”
“ฉันไม่เข้าใจ...ทำไมเขาต้องดิ้นรนกลับ มาทำงานกับพวกคุณให้ได้ จะเพราะเงินก็ไม่น่าใช่”
เทวัญมองเมขลาอย่างสงสาร
“ท่าทางคุณคงเหนื่อยมาก”
“เหนื่อยยังไง ฉันก็ต้องเอาตัวเขากลับไปให้ได้ ฉันรับปากกับแม่เขาไว้แล้ว”
เทวัญเดินไปเลือกชุดผู้หญิงที่ราวมายื่นให้
“ถึงชุดแต่งงานของคุณจะสวย แต่มันก็ไม่เหมาะกับที่ที่เรากำลังจะไป”
“ที่ไหนคะ”
เมขลาถามอย่างแปลกใจ
ธิดาพารามมาที่ร้านเสื้อในโรงแรม รามก้าวออกมา ในชุดสูทหรู ธิดายืนกอดอกมอง
“นายมีสูท ตัวใหม่ ส่วนฉันก็ได้รองเท้าคู่ใหม่เรียบร้อยทีนี้เราก็พร้อมไปปาร์ตี้แล้ว”
รามแปลกใจ
“ปาร์ตี้?”
ธิดาพารามมางานปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนของเธอ ธิดาควงรามเข้าไป เพื่อนๆในงานพากันอึ้งกันหมด รามเขินแต่ทำเฉย จีน่าเพื่อนสนิทเจ้าของงานหันมามองแล้วปรี่เข้ามาทัก
“ทำไมยูมาช้าจัง แล้วนี่บอยเฟรนด์ใหม่เหรอ ไอไม่เคยเห็นเลย”
ธิดาเขินๆ
“บ้า บอยเฟรนด์อะไร บอดี้การ์ดของฉันต่างหาก”
จีน่าจิกตามอง
“อย่ามาอำ บอดี้การ์ดอะไรจะหล่อขนาดนี้...คุณชื่ออะไรคะ”
รามยิ้มตามมารยาทแบบอึ้งๆ
เมขลาในชุดสวยเดินมากับเทวัญ แต่งหน้า ผม ใหม่ เดินเข้ามาในโรงแรม
“คุณเทเรซ่ามาที่นี่เหรอคะ”
“วันนี้มีปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนสนิทเขา แต่คุณคงต้องเข้าไปคนเดียว เพราะ ถ้าเทเรซ่าเห็นว่าผมพาคุณมา ผมคง…”
“ฉันเข้าใจ คุณอาจจะเดือดร้อน แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ คุณเป็นคนดีจริงๆ”
“ผมจะรออยู่แถวนี้ มีอะไรโทรมานะครับ”
“ค่ะ”
เมขลาเดินไป เมื่อถึงห้องจัดงาน เมขลายืนชะเง้อมองหาธิดากับราม เพลงเต้นรำหวานๆ ขึ้น คนในห้องจัดงานแหวกเป็นวงกว้าง จีน่า กับแฟนลงไปเต้นรำกันก่อนเป็นคู่แรก จีน่ากอดแฟน แล้วโบกมือเรียกธิดาไปด้วย
“เทเรซ่าเร็ว มาเต้นเป็นเพื่อนไอหน่อย”
เพื่อนๆ ผลักธิดาออกไปกับรามที่กลางฟอร์ ธิดามองหน้ารามเขินๆ
“ผมเต้นไม่เป็นนะครับ”
ธิดาฝืนอยากเอาชนะ
“ไม่เป็นไร ฉันสอนนายเอง มาเอามือมา”
รามไม่อยากเต้น แกล้งปวดท้องตัวงอ
“อู๊ยยๆๆ”
ธิดาตกใจรีบประคอง
“เป็นอะไรราม”
รามพูดเบาๆหน้าตาบูดเบี้ยว
“สงสัยส้มตำปลาร้า ที่ผมกินไปเมื่อตอนบ่ายมันจะทำพิษเข้าให้แล้ว อู๊ยยย...ไม่ไหวแล้วครับมันดันขึ้นมาใกล้จะถึงปากอ่าวแล้ว”
“อี๊ อย่ามาทำให้ฉันขายหน้านะ รีบไปห้องน้ำเลยไป”
รามเดินเร็วๆไป ธิดายิ้มแหยๆบอกจีน่า
“เขามีเอ็กซิเด้นท์นิดหน่อยน่ะ”
เมลายืนอยู่มุมหนึ่งหมุนตัวมองหา รามเดินผ่านด้านหลังของเธอ แต่มีเด็กเสิร์ฟเครื่องดื่มยืนบังอยู่ ทำให้ไม่เห็นกัน
อ่านต่อพรุ่งนี้