ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 น.
ตอนที่ 7
รวิภาสเดินออกมาจากร้านกาแฟ หยุดมองไปที่ร้านขายผลิตผลของโครงการเทพสุธา พิมพ์นฤมลกำลังยกลังผักผลไม้เมืองหนาวเข้ามาตั้งที่หน้าร้าน
พิมพ์นฤมลยกลังผักผลไม้ลังแล้วลังเล่ามาวางไว้ที่หน้าร้าน เธอหยุดพักปาดเหงื่อ หันไปเห็นรวิภาสยืนจิบน้ำปั่นอย่างสบายอารมณ์
รวิภาสชูแก้วน้ำปั่นให้ทำท่าเชิญชวนให้ดื่ม พิมพ์นฤมลสะบัดหน้าหนีหันไปทำงานต่อ
รวิภาสมองพิมพ์นฤมลอย่างนิ่งคิด
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
พิมพ์นฤมลจัดเรียงลังผักผลไม้อยู่ในห้องเย็นขนาดใหญ่ในร้านขายผลิตผลของโครงการเทพสุธา
ทำงานไปขยับขาซอยเท้าอยู่กับที่เรียกความอบอุ่นให้ร่างกาย
เธอยกลังหนักอึ้งลังสุดท้ายเก็บเข้าที่อย่างหมดแรงและเดินออกมาจากห้องเย็นยังคงถูมือไปมาให้หายเย็น
พิมพ์นฤมลชะงักเห็นรวิภาสยืนรออยู่แล้ว รวิภาสมองมือเธอที่แดงเถือกไปหมดแต่ทำเป็นไม่ใส่ใจ
“จะให้ทำอะไรอีกล่ะ นมลยกลังผักผลไม้เข้ามาหมดแล้ว แล้วก็จัดเรียงสินค้าใหม่ตามที่สั่ง เก็บของหมดอายุออกไป ทำความสะอาดร้านทุกซอกทุกมุม จะให้นมลไปทำงานที่ไร่ต่อมั้ยล่ะ จะให้ไปพรวนดินถางหญ้าขนปุ๋ยกี่ตัน ก็บอกมาเลย”
“ฉันไม่มีงานอะไรให้เธอทำแล้ว กลับบ้านไปได้”
“เดี๋ยวซิ อย่าเพิ่งไป” พิมพ์นฤมลทัก
รวิภาสเดินออก พิมพ์นฤมลรีบเดินตามไปขวางทางไว้
“พี่ภาสตกลงยอมช่วยพี่นอมแล้วใช่มั้ย”
“ขอคิดดูก่อน”
“ทำอย่างนี้ได้ไง นมลก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นมลต้องการช่วยพี่นอมจริงๆ นมลทำงานเหนื่อยแทบตาย พี่ภาสให้คำตอบได้แค่นี้เหรอ นมลไม่ยอมหรอกนะ ยังไงพี่ภาสก็ต้องช่วยพูดกับคุณชายธัชให้พี่นอม พี่ภาสต้อง..”
“ขอบใจที่มาช่วยงานนะ” รวิภาสขัด
“พี่ภาส !!”
รวิภาสเดินออกไปอย่างไม่สนใจ ทิ้งพิมพ์นฤมลให้ยืนโกรธ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณ บ้านสรณาลัย ณิชมนเดินอย่างหมดหวังเข้ามานั่งหน้าหงอยอยู่หน้าบ้าน พิมพ์นฤมลเดินเข้ามาท่าทางเซ็งไม่แพ้กัน
“ไม่สำเร็จใช่มั้ยคะ พี่นอม”
ณิชมนพยักหน้ารับอย่างเซ็งๆ
“แล้วคุณภาสล่ะคะ ยอมช่วยมั้ยคะ”
พิมพ์นฤมลส่ายหน้าอย่างเซ็งไม่แพ้กัน
“คุณนมลลองไปขอร้องคุณภาสอีกครั้งได้มั้ยคะ คุณภาสดูเป็นคนจิตใจดี ถ้าหากรู้ว่าเราต้องการความช่วยเหลือมากแค่ไหน เค้าอาจจะยอมเปลี่ยนใจก็ได้”
“พี่ภาสเหรอคะเป็นคนจิตใจดี พี่ภาสเป็นคนใจร้ายใจดำที่สุด อย่าไปหวังพึ่งคนแบบนั้นเลยค่ะ พี่นอม เราคงต้องหาทางแก้ปัญหาของเราเอง”
พรพรรณเดินเข้ามา ชัยวัฒน์เดินตามหลังมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ไปพบคุณชายธัชมาแล้วใช่มั้ย ประนอม คุณชายว่ายังไงบ้างล่ะ” พรพรรณซัก
“ไม่ต้องถามเลยครับ คุณพรพรรณ หน้าซีดกลับมาอย่างนี้ แสดงว่า ถูกคุณชายธัชปฏิเสธมาแน่ๆ ใช่มั้ยล่ะครับ คุณแม่บ้าน” ชัยวัฒน์กระแหนะกระแหน
“ว่ายังไงล่ะ ประนอม” พรพรรณย้ำ
“ค่ะ คุณชายธัชยังไม่ยอมตอบรับเข้าร่วมโครงการกับเรา แต่นอมยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกนะคะ รับรองได้เลยค่ะ นอมจะทำให้คุณชายธัชตอบตกลงให้ได้ ขอเวลานอมอีกซักนิดนะคะ”
“นะคะ น้าพร ขอเวลาอีกซักอาทิตย์นึง รับรองพี่นอมจะต้องทำให้คุณชายธัชเปลี่ยนใจได้แน่ๆ” พิมพ์นฤมลพูดอย่างมั่นใจ
“ก็ได้ ฉันจะให้เวลาเธอ”
ณิชมนกับพิมพ์นฤมลโล่งใจขึ้นมาหน่อย
“ฉันจะให้เวลาเธอพรุ่งนี้อีกวัน”
“อีกหนึ่งวัน ! ให้เวลาแค่วันเดียวเท่านั้นเหรอคะ”
“ใช่ เธอเหลือเวลาแค่วันเดียวเท่านั้น ถ้าหากเธอทำให้คุณชายธัชตอบตกลงไม่ได้ เธอก็ต้องพิจาณาตัวเองได้แล้ว”
พรพรรณเดินออกไป ณิชมนกับพิมพ์นฤมลนิ่งเหวอ ใจแฟบลงทันที
“คงเข้าใจนะว่า คุณพรพรรณหมายความว่ายังไง พิจารณาตัวเองก็คือให้คุณแม่บ้านลาออกไปซะ !” ชัยวัฒน์เยาะเย้ยแล้วเดินออกไป ณิชมนกับพิมพ์นฤมลมองหน้ากันอย่างหนักใจ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชมนกับพิมพ์นฤมลช่วยกันค้นหาข้อมูลโครงการร่วมใจพัฒนาพลิกอ่านแฟ้มโครงการจนหมดทุกหน้า พิมพ์นฤมลช่วยคลิกดูข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตไปด้วย
“คุณชายธัชไม่เชื่อถือโครงการนี้ หาว่าเป็นโครงการสร้างภาพ เราต้องหาข้อมูลไปยืนยันว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีจริงๆ นี่ไงคะ โครงการครั้งนี้มีหน่วยงานที่จะคอยติดตามผลหลังจากสร้างฝายเสร็จแล้ว...”
ณิชมนอ่านแฟ้มโครงการอย่างมุ่งมั่น พิมพ์นฤมลหยุดคลิกข้อมูลในทันทีและนึกได้
“ยังไงก็ไม่ได้ผลหรอกค่ะ พี่นอม”
“อย่าเพิ่งท้อใจซิคะ คุณนมล ถ้าคุณชายธัชเห็นความตั้งใจจริงของเรา เค้าอาจจะลองทบทวนเรื่องนี้ดูใหม่ก็ได้”
“ยังไงคุณชายธัชก็ไม่ให้ความร่วมมือกับเราหรอกค่ะ คุณชายธัชเกลียดคนบ้านสรณาลัย เกลียดจนเข้ากระดูกดำเลยล่ะ มีทางเดียวที่คุณชายจะยอมตกลงร่วมมือด้วย คือทางเราถอนตัวออกจากโครงการนี้ซะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับนอมทำงานล้มเหลว นอมก็ต้องลาออกจากที่นี่ไปเหมือนกัน ไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ เหรอคะ”
“เราไปขอให้อาจารย์ดาวเรืองช่วยพูดให้ดีมั้ยคะ อาจารย์เป็นผู้ใหญ่ที่ทุกคนนับถือ คุณชายน่าจะเกรงใจ..”
“ไม่ดีหรอกค่ะ นอมรบกวนให้ท่านฝากงานที่นี่ให้ นอมไม่กล้าไปรบกวนท่านอีกหรอกค่ะ” ณิชมนรีบอ้าง
“งั้นก็เราไปหาคุณหญิงย่ากัน คุณหญิงนวลแขไงล่ะคะ คุณชายธัชยอมฟังคุณหญิงย่าอยู่คนเดียว”
“นั่นยิ่งไม่ได้ใหญ่ นอมเพิ่งไปก่อเรื่องวุ่นวายที่บ้านท่านมา ตอนนี้นอมไม่กล้าแม้แต่จะพบหน้าท่านเลยล่ะค่ะ ไม่มีคนอื่นอีกแล้วหรือคะ”
“งั้นก็เหลืออยู่คนเดียวที่คุณชายธัชอาจจะยอมฟังเธอบ้าง”
ณิชมนมองพิมพ์นฤมลอย่างมีความหวังขึ้นมา
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณ บ้านบุริศราวัณ บุรธัชนั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน อาจถือแฟ้มเอกสารมาวางไว้ให้ บุรธัชเอื้อมมือจะไปหยิบ รวิภาสโผล่เข้ามาหยิบแฟ้มเอกสารไปพลิกอ่านดูก่อน
“โครงการร่วมใจพัฒนา..โครงการนี้ล้มเลิกไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ” รวิภาสถาม
รวิภาสมองบุรธัชอย่างรู้ทันแต่ยังทำเป็นไม่รู้เรื่องอยู่
“ยังไม่ได้ล้มเลิกครับ แค่พักโครงการไว้ก่อนเท่านั้น” อาจตอบ
“เพราะว่าทางเราไม่ให้ความร่วมมือ แล้วนี่พี่ธัชเปลี่ยนใจยอมให้ทางโครงการมาสร้างฝายบนที่ดินของเราแล้วหรือครับ”
“ไม่ได้เปลี่ยนใจ”บุรธัชรีบปฏิเสธ
“ไม่ได้เปลี่ยนใจแล้วให้ลุงอาจเอาแฟ้มโครงการมาทำไมล่ะ นี่คงอยากทบทวนดูใหม่ใช่มั้ยล่ะครับ คนประสานงานคนใหม่นี่เก่งไม่เบา ทำให้คนที่หนักแน่นอย่างพี่ธัชสั่นคลอนได้”
“แกพูดอะไรของแก ไม่รู้อะไรก็อย่าพูดดีกว่า”
“ทำไมผมจะไม่รู้อะไร คุณพรพรรณส่งประนอมมาเจรจาขอความร่วมมือจากพี่ธัช แต่ไม่รู้ประนอมมาเจรจาอีท่าไหนนะครับ พี่ธัชถึงได้ใจอ่อนได้”
“ฉันไม่ได้ใจอ่อน ! ฉันอยากจะอ่านโครงการนี้ให้ละเอียดอีกครั้ง เพื่อที่จะหาทางไม่ให้ทางบ้านสรณาลัยมาวุ่นวายกับชีวิตฉันอีก”
“พี่ธัชอย่าเล่นตัวเลยน่า ตอบตกลงไปเถอะครับ พี่ธัชยังสงสัยประนอมอยู่ไม่ใช่เหรอ ถ้าได้ร่วมงานกับประนอมครั้งนี้ รับรองพี่ธัชจะต้องได้รู้จักตัวตนจริงๆของประนอมแน่”
รวิภาสวางแฟ้มเอกสารแล้วเดินออกไป
“เคยได้ยินมั้ยครับ คุณชาย เก็บมิตรไว้ใกล้ตัว แต่จงเก็บศัตรูไว้ให้ใกล้กว่า” อาจพูด
บุรธัชนิ่งคิด
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชมนนั่งจิบกาแฟอย่างกระวนกระวายใจในร้านกาแฟ ณิชาภัทรเปิดประตูร้านเข้ามามองหาณิชมน
ณิชมนลุกขึ้นโบกมือให้อย่างดีใจ ณิชาภัทรเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ
“ขอโทษนะคะที่มาช้าไปหน่อย คุณประนอมนัดณิชาออกมานี่มีธุระอะไรหรือคะ”
“คุณณิชาให้เกียรตินอมมากไปแล้วล่ะค่ะ เรียกนอมเฉยๆ ดีกว่านะคะ นอมเป็นแค่แม่บ้าน คุณณิชาเป็นถึงหลานสาวของคุณหญิงนวลแข...”
“ถึงณิชาจะเป็นหลานใคร ณิชาก็ทำงานกินเงินเดือนเหมือนคุณประนอมนั่นแหละค่ะ ถ้าจะให้เรียกนอมเฉยๆ คุณประนอมก็ต้องเรียกณิชาเฉยๆเหมือนกัน”
“งั้นก็ตามใจคุณณิชาเถอะค่ะ จะเรียกนอมว่ายังไงก็ได้”
“แล้วนี่คุณประนอม...เรียกคุณนอมแล้วกันนะคะ เอ..ชื่อประนอมนี่ไม่เหมาะกับคุณยังไงไม่รู้ แล้วคุณนอมก็หน้าตาดูคุ้นๆ...”
ณิชาภัทรมองณิชมนอย่างพิจารณา
“นอมขอเข้าเรื่องเลยดีกว่านะคะ นอมมีเรื่องรบกวนให้คุณณิชาช่วยค่ะ”ณิชมนตัดบท
“จะให้ณิชาช่วยอะไรหรือคะ”
ณิชมนมองณิชาภัทรที่เป็นความหวังสุดท้ายของเธอ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รถบุรธัชแล่นมาจอดหน้าร้านกาแฟโครงการเทพสุธา บุรธัชลงจากรถไปเปิดประตูแล้วรับนวลแขลงจากรถ
“ย่าบอกแล้วว่า ทุกอย่างคุณชายตัดสินใจไปได้เลย ไม่ต้องมารอฟังความเห็นของย่าหรอก ถ้าย่าไม่เชื่อในความสามารถของคุณชาย ย่าก็คงไม่ให้บริหารที่นี่หรอก”
“ก็คุณหญิงย่าไม่ได้มาที่นี่นานแล้วนี่ครับ ผมก็อยากให้มาดูว่า เราขยับขยายไปถึงไหนแล้ว ที่จริงผมอยากจะขยายโครงการเราออกไปอีก แต่ติดอยู่ที่หุ้นส่วนคนสำคัญของคุณหญิงย่าที่คอยคัดค้านอยู่เรื่อย”
“ที่คุณชายคะยั้นคะยอให้ย่ามาที่นี่ก็เพื่อจะล็อบบี้ย่านี่เอง” นวลแขพูดดัก
“ผมพาคุณหญิงย่ามาดูที่นี่เพื่อช่วยในการตัดสินใจต่างหากล่ะครับ ประชุมเรื่องขยายโครงการทีไร เป็นได้ติดเรื่องงบประมาณ ไม่ก็อ้างเรื่องเศรษฐกิจไม่ดี เทพสุธาของเราถึงได้ย่ำอยู่กับที่อย่างนี้”
“คุณพรพรรณก็มีเหตุผลของเธอนะ คุณชาย แต่เอาเถอะ รอประชุมคราวหน้าเราค่อยมาปรึกษากันอีกที คุณชายนี่เหมือนท่านชายบริพัตรจริงๆทุ่มเทกับงานเหลือเกิน แต่อย่าทุ่มหมดตัวจนไม่คิดหน้าคิดหลัง..”
นวลแขชะงักเพราะคิดได้ว่าไม่พูดถึงท่านพ่อของบุรธัชในทางไม่ดีจะดีกว่า
“เออ..ย่าจะพูดไปทำไมก็ไม่รู้ สอนหนังสือสังฆราชเสียเปล่าๆ ไหนคุณชายจะให้ย่าดูอะไร”
“ทางนี้เลยครับ ไปดูร้านทางโน้นกันก่อน แล้วคุณหญิงย่าจะเห็นว่า ร้านที่มีอยู่ตอนนี้ไม่พอที่จะรองรับผลิตผลของเราแล้ว ยังไงปีหน้าเราควรจะขยายโครงการได้แล้ว”
บุรธัชพานวลแขเดินออกไป เดินผ่านหน้าร้านกาแฟไป
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ในร้านกาแฟโครงการเทพสุธา ณิชาภัทรรับรู้เรื่องโครงการสร้างฝายจากณิชมนแล้ว
“ณิชาก็พอจะรู้เรื่องโครงการร่วมใจพัฒนานี้เหมือนกัน ณิชาจะลองพูดกับธัชให้นะคะ แต่ไม่รู้ว่าธัชจะฟังหรือเปล่า ธัชหัวดื้อจะตาย ลงคิดว่าตัวเองทำถูกแล้ว ก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจง่ายๆ”
“ถ้าอย่างนั้นสงสัยนอมคงจะไม่มีหวังซะแล้ว”
“อย่าเพิ่งหมดหวังค่ะ ถ้าธัชไม่ยอมเปลี่ยนใจจริงๆ ณิชามีไม้ตายค่ะ ณิชาจะขอร้องให้คุณย่าบังคับธัชให้เอง”
“แล้วคุณหญิงจะยอมช่วยหรือคะ”
“ณิชาอ้อนนิดเดียว คุณย่าก็ใจอ่อนยอมช่วยแล้วล่ะค่ะ”
“คุณหญิงคงรักคุณณิชามากเลยนะคะ”
ณิชมนมองณิชาภัทรแล้วอดสะท้อนใจไม่ได้
เสียงกระดิ่งที่แขวนประตูดังขึ้น ณิชมนเงยหน้าขึ้นมองว่าใครเข้ามาในร้าน
บุรธัชพานวลแขเปิดประตูเข้ามา ณิชาภัทรหันไปมองตาม
“คุณย่ามาได้ยังไง” ณิชาภัทรพูดขึ้น
ณิชมนมุดหลบลงใต้โต๊ะทันทีเพราะยังไม่พร้อมจะพบยายในตอนนี้
“ธัชมากับคุณย่าด้วย ดีเลยค่ะ คุณนอม จะได้คุยกันให้รู้เรื่องวันนี้เลย”
ณิชาภัทรหันหน้ากลับมาก็ไม่เห็นณิชมนแล้ว
“อ้าว หายไปไหนแล้ว”
ณิชมนหลบลัดเลาะไปตามหลังโต๊ะจนมุดเข้าไปหลังเคาท์เตอร์ชงกาแฟ
บุรธัชกับนวลแขเดินตรงมาหาณิชาภัทร
“ณิชา ย่านึกว่าไปดูงานที่รีสอร์ตซะอีก” นวลแขทัก
“ณิชาแวะมาคุยธุระที่นี่ก่อนน่ะค่ะ”
“คุยธุระกับใครหรือครับ”บุรธัชถาม
“กับแม่บ้านประนอมค่ะ”
“แม่บ้านประนอม? แล้วเค้าอยู่ไหนล่ะ” บุรธัชสงสัย
บุรธัชมองหาณิชมนแต่ณิชมนพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่บุรธัชจะเห็น
เสียงกระดิ่งที่แขวนประตูดังสนั่น
ทุกคนหันไปมองที่ประตู แต่ไม่เห็นใคร เหลือแต่กระดิ่งที่สั่นไหวไปมา
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณ ชมรมค่ายอาสา รวิภาสนั่งอยู่หัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม กันต์ มีนและกลุ่มนักศึกษา 4-5 คนร่วมประชุมด้วย
“อาทิตย์หน้าเราจะไปเซอร์เวย์ที่โรงเรียนเวียงดอยกันอีกครั้ง” รวิภาสกล่าว “คราวนี้คงจะสรุปได้ว่าเราช่วยอะไรได้อีกบ้าง นอกจากซ่อมแซมห้องเรียนกับสร้างห้องสมุดให้...”
พิมพ์นฤมลแทรกตัวเข้ามานั่งข้างมีน
“ทำไมเพิ่งมา” มีนกระซิบ
“รถน้ำมันหมด แวะเติมน้ำมัน..” พิมพ์นฤมลกระซิบตอบ
“ถ้าจะคุยก็ไปคุยกันที่อื่น” รวิภาสดุ
“ขอโทษค่ะ”
“ทุกคนคงจะรู้แล้วว่า โครงการโรงเรียนเวียงดอยเป็นโครงการใหญ่ของเราในปีนี้ แต่ระหว่างที่เตรียมโครงการ ทางเรายังมีโครงการใหญ่อีกโครงการนั่นคือ โครงการร่วมใจพัฒนา..”
พิมพ์นฤมลมองรวิภาสอย่างตื่นเต้นดีใจ
“ทางจังหวัดพับโครงการนี้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ เพราะติดปัญหาที่พี่ชายแก..” กันต์พูดแล้วชะงักไม่กล้าพูดต่อ
“อีกไม่นานพี่ชายฉันจะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป โครงการนี้ได้เกิดขึ้นแน่”รวิภาสพูดอย่างมั่นใจ
พิมพ์นฤมลมองรวิภาสอย่างไม่อยากเชื่อ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รวิภาสกับกันต์เดินออกมาจากชมรมค่ายอาสา
“แกนึกยังไงวะที่จะไปช่วยโครงการของจังหวัด ตอนนี้เราต้องเริ่มเตรียมตัวออกค่ายแล้วนะโว้ย เอาเวลาไปทำงานของเราไม่ดีกว่าเหรอ” กันต์พูด
“โครงการนี้ใช้เวลาแค่ไม่กี่วันเอง แกไประดมคนจากชมรมอื่นๆมาร่วมด้วย มากคนก็ยิ่งมากแรง ดีไม่ดีวันสองวันก็สร้างฝายเสร็จแล้ว”
“เออ..ฉันจะไปคุยกับชมรมอนุรักษ์ดู น่าจะสนใจร่วมกับเราด้วย แล้วอย่าไปรับงานจากใครอีกล่ะ ขอเวลาไปเที่ยวบ้างอะไรบ้าง”
กันต์เดินออกไป พิมพ์นฤมลเดินมาหารวิภาสอย่างดีใจ
“พี่ภาสคะ ตกลงคุณชายธัชยอมร่วมมือกับโครงการเราแล้วใช่มั้ย อย่างนี้พี่นอมก็ไม่ถูกไล่ออกแล้ว ขอบคุณพี่ภาสมากๆเลยนะคะ”
“พี่ธัชยังไม่ยอมตกลงด้วย”
“อ้าว แล้วทำไม..”
“แต่ถ้าถูกบีบจากหลายๆฝ่าย อีกไม่นานก็คงจะต้องยอม เธอไปบอกให้ประนอมทำเรื่องขออาสาสมัครจากหลายๆองค์กร ถ้าทุกฝ่ายพร้อมจะให้ความร่วมมือ พี่ธัชไม่ยอมอยู่คนเดียวก็ให้มันรู้ไป ถ้าขอดีๆไม่ให้ก็ต้องหักคออย่างนี้แหละ”
“พี่ภาสเก่งจังเลย ขอบคุณนะคะที่ช่วยนมล... “
“ฉันไม่ได้ช่วยเธอ ฉันช่วยประนอมต่างหากล่ะ”
รวิภาสเดินไป แต่พิมพ์นฤมลยังยิ้มมีความสุข
มีนเดินเข้ามายืนมองพิมพ์นฤมลอย่างวิเคราะห์
“เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆ นี่แกชอบพี่ภาสตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่อยู่อนุบาลเลยหรือเปล่า หรือว่าเพิ่งมาชอบตอนที่พี่ภาสทำตัวเป็นพระเอกแบดบอยอย่าบอกนะว่า เป็นพี่เป็นน้องกัน ฉันอ้วกใส่หน้าแกจริงๆด้วย”
“ฉัน..ฉันไม่รู้ว่า ฉันชอบพี่ภาสตั้งแต่เมื่อไหร่..รู้แต่ว่า ฉันชอบเค้า” พิมพ์นฤมลเขิน
“แล้วพี่ภาสล่ะ ชอบแกหรือเปล่า”
“แค่เค้าไม่เกลียดฉัน ก็พอแล้วล่ะ..”
พิมพ์นฤมลนิ่งรับสภาพ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ภายในร้านกาแฟบุรธัชกับนวลแขนั่งดื่มกาแฟด้วยกันที่โต๊ะอาหาร ณิชาภัทรเดินมานั่งด้วย
“คุณนอมไม่รู้หายไปไหนแล้วล่ะค่ะ”ณิชาภัทรเอ่ย
“ดวงย่าคงจะไม่สมพงศ์กับแม่ประนอมคนนี้นะ คลาดกันได้ทุกที”
“ไม่เกี่ยวกับดวงหรอกครับ ผมว่า เค้าตั้งใจหลบหน้าคุณหญิงย่ามากกว่า”
“ย่าไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไรกับเค้า รู้จักก็ไม่รู้จักด้วยซ้ำแล้วเค้าจะหลบหน้าย่าทำไม”
“ผมถึงบอกไงครับว่า แม่บ้านคนนี้น่าสงสัยทำตัวลับๆล่อๆยังไงไม่รู้”
“คุณได้คุยกับเค้าแล้วนี่” บุรธัชพูดกับณิชาภัทร “เห็นแล้วใช่มั้ยว่า เค้าไม่ใช่แม่บ้านธรรมดา”
“ค่ะ คุณนอมดูดีกว่าที่ณิชาคิดไว้ แล้วก็ดูเป็นคนตรงไปตรงมาดี ไม่ได้ดูเป็นคนโกหกปลิ้นปล้อนอย่างที่ธัชกล่าวหาเลย”
“คุณยังไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ดี แค่คุยกันไม่กี่คำคุณก็ยกย่องเรียกเค้าเป็นคุณนอมไปซะแล้ว เห็นมั้ยล่ะครับ คุณหญิงย่า แม่บ้านประนอมคนนี้เก่งแค่ไหน ขนาดผู้หญิงฉลาดๆอย่างณิชายังหลงเชื่อได้”
“ธัชอคติเกินไปแล้วล่ะ ธัชระดับไหนแล้ว ไม่ควรจะเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงาน ธัชรู้มั้ยว่า ถ้าหากธัชไม่ยอมตกลงเข้าร่วมโครงการสร้างฝาย คุณพรพรรณจะไล่คุณนอมออกนะคะ ไม่เห็นใจเค้าบ้างหรือยังไงคะ”
“นั่นมันปัญหาของเค้า ไม่ใช่ปัญหาของผม”
“ไม่เป็นไรหรอก ณิชา อย่างมากแม่ประนอมก็ไปหางานใหม่ ก็หวังว่า ถ้าใครมารู้เข้า คงไม่เข้าใจผิดคิดว่า คุณชายรังแกคนทำงานตัวเล็กๆ แต่ไม่เป็นไรล่ะมั้ง คุณชายไม่เคยสนใจภาพลักษณ์ตัวเองอยู่แล้ว”
บุรธัชนิ่งอึ้งไปเพราะรู้ว่านวลแขสั่งสอนแบบอ้อมๆ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณ ไร่บุริศราวัณ รถของบุรธัชแล่นมาจอดเทียบข้างรถบ้านสรณาลัย บุรธัชก้าวลงจากรถ ณิชมนที่ยืนรออยู่แล้วรีบปราดเข้าไปหา
“คุณชายธัชค่ะ กรุณาพิจารณาโครงการร่วมใจพัฒนาอีกครั้งได้มั้ยคะ”
“เธอมีข้อเสนออะไรที่ดีกว่าเมื่อวานเหรอ” บุรธัชยิ้มหยัน
ณิชมนมองบุรธัชอย่างโกรธๆ แต่อดกลั้นไว้
“เมื่อวานเป็นเรื่องเข้าใจผิด ถึงโครงการนี้จะมีความสำคัญต่อฉัน ฉันก็ไม่มีวันเอาตัวเข้าแลก ฉันเป็นแค่ลูกจ้างกระจอกๆก็จริง แต่ฉันก็มีศักดิ์ศรีเท่าๆกับคุณนั่นแหละ”
“แล้วที่เธอบอกว่า เธอชอบฉัน โกหกตามเคยล่ะซิ”
“ตอนนี้ฉันไม่มีเวลามาพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้หรอกนะคะ เข้าเรื่องงานเลยดีกว่า ฉันสามารถไขข้อข้องใจของคุณได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องการดูแลฝายหลังจบโครงการ และประโยชน์ที่ทางไร่ของคุณจะได้รับ...”
“คำตอบของฉันยังคงเหมือนเดิม นั่นคือ ไม่ตกลง” บุรธัชเสียงแข็ง
“ถ้าหากโครงการสร้างฝายนี้สำเร็จ คุณจะได้ประโยชน์ตามมาไม่รู้เท่าไหร่แล้วยังช่วยส่งเสริมภาพพจน์ธุรกิจของคุณอีกต่างหาก”
“ฉันบอกแล้วไง ว่า “ไม่” ยังไงฉันก็ไม่มีวันร่วมมือกับทางสรณาลัยเป็นอันขาด”
“ที่จริงที่ดินที่เราจะไปสร้างฝายไม่ใช่เป็นของคุณด้วยซ้ำ เป็นป่าสัมปทานคุณเป็นเจ้าของแค่ชั่วคราว คุณไม่มีสิทธิ์จะมาหวงห้ามไม่ให้เราไปสร้างประโยชน์บนที่ดินของส่วนรวม”
“แต่ตอนนี้ฉันเป็นเจ้าของที่ดินตรงนั้น ฉันมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ รอให้หมดสัมปทานยี่สิบปีก่อน แล้วเธออยากจะทำอะไร ก็ตามสบายเลย”
บุรธัชจะเดินออก ณิชมนเดินไปขวางหน้าไว้
“แต่ยังไงวันนี้ฉันก็จะทำให้คุณตอบตกลงให้ได้ ฉันจะตามตื๊อคุณจนถึงที่สุด ฉันจะไม่มีวันยอมแพ้คุณ คุณชาย
บุรธัช !”
บุรธัชไม่สนใจเดินออกไป ณิชมนเดินตามไปติดๆ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
บุรธัชเดินไปในแปลงทดลองของไร่บุริศราวัณ และหยิบแฟ้มรายงานที่แขวนอยู่มาอ่าน ณิชมนเดินตามมาติดๆ มองแปลงทดลองอย่างสนใจ บุรธัชคว้าหมวกที่แขวนอยู่เดินออกไป ณิชมนรีบเดินตามไปทันที
บุรธัชใส่หมวกเดินตรวจไร่กลางแดดเปรี้ยงพร้อมกับเดินคุยงานกับคนงานไป ณิชมนเดินตามกลางแดดเหงื่อแตกพลั่กๆ บุรธัชหันกลับมามองณิชมน ณิชมนมองตาเขาอย่างมีความหวัง แต่เขาหันกลับไปเดินตรวจไร่ต่อ ณิชมนเดินตามไม่ลดละ
บุรธัชหยุดเดินกะทันหัน ณิชมนก้มหน้าก้มตาเดินชนเขาอย่างจัง เธอเซเกือบล้มหงายหลังแต่ทรงตัวไว้ได้ บุรธัชมองมาอย่างรำคาญใจ เขาเดินตรวจไร่ต่อไป เธอเดินตามต่ออย่างไม่สนใจสายตาของบุรธัช
บุรธัชเดินกลับมาขึ้นรถ ณิชมนตามมาติดๆ เขากับเธอมองหน้ากันอย่างลองเชิง บุรธัชขึ้นรถไป
ณิชมนกระโดดขึ้นรถของตัวเอง ขับตามไปทันที
บุรธัชเดินตรวจคนงานที่กำลังจัดแต่งสวนหย่อมหน้าโครงการเทพสุธา ณิชมนเลิกลั่กวิ่งตามมา บุรธัชหยุดยืนสั่งงานคนงาน ณิชมนถือโอกาสพักเหนื่อย เงยหน้าขึ้นมองบุรธัชอีกที เห็นว่าเขาขึ้นรถกอล์ฟไฟฟ้าออกไปแล้ว
“คุณชายธัช !” ณิชมนตะโกน
ณิชมนวิ่งตามไล่ล่าบุรธัชต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
บุรธัชขับรถกอล์ฟเข้ามาจอดหน้าร้านค้าหน้าโครงการเทพสุธา ณิชมนวิ่งตามมาอย่างสุดแรงเกิด เขาจอดรถกอล์ฟแล้วลงจากรถเดินไปที่รถของตัวเอง ณิชมนพุ่งตัวมาขวางประตูรถ
“คุณชายธัช ฉันมีข้อเสนอใหม่ ถ้าคุณยอมตกลงเข้าร่วมกับโครงการนี้ ฉันจะยอมตอบคำถามคุณทุกข้อเลย !” ณิชมนหอบเหนื่อย
“ฉันไม่ต้องการฟังคำโกหกของเธออีกแล้ว”
“คุณอยากฟังความจริงใช่มั้ย ได้ ฉันจะบอกความจริงให้คุณฟัง ฉันไม่ได้ชอบคุณ ฉันเกลียดคุณด้วยซ้ำ ฉันเกลียดขี้หน้าคุณที่สุด ยิ่งเจอหน้าคุณ ฉันก็เกลียดคุณมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ต้องทนฝืนตามตื๊อคุณอยู่นี่เพราะฉันกลัวตกงาน ฉันจะไม่ยุ่งกับคุณแล้ว ขอให้คุณมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นต่อไป”
ณิชมนทำท่าจะเดินไป
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป”บุรธัชร้องดัก
“คุณไม่ต้องมาซ้ำเติมฉันหรอก ฉันรู้ว่า ฉันน่าสมเพชแค่ไหน ฉันเกลียดตัวเองที่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ คุณไม่มีวันเข้าใจหรอก คุณเกิดมาก็มีทุกอย่างแล้ว ไม่รู้หรอกว่า คนที่เกิดมาไม่มีเงินไม่มีบ้าน ทำงานเลี้ยงตัวไปวันๆ มันลำบากขนาดไหน...”
“พูดพอหรือยัง ถ้าพอ ก็ฟังฉัน ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียว”
ณิชมนนิ่งรอฟัง
“ถ้าเธออยากจะให้ฉันตอบตกลงเข้าร่วมโครงการของเธอ เย็นนี้ไปพบฉันที่บ้าน และต้องไปคนเดียว”
“อะไรนะคะ?”
“ฉันบอกแล้วว่า ฉันจะพูดครั้งเดียว”
บุรธัชขึ้นรถไป ณิชมนนิ่งอึ้งตามไม่ทัน
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณ บ้านสรณาลัย ณิชมนกับพิมพ์นฤมลกำลังสุมหัวหาทางรับมือกับบุรธัชอยู่
“พี่นอมไม่ต้องกลัวไปค่ะ คุณชายธัชคงไม่คิดทำอะไรพี่นอมมั้งคะ”
“คุณนมลยังดูไม่มั่นใจเลย แล้วจะไม่ให้นอมกลัวได้ยังไงคะ ถ้าคุณชายธัชไม่ได้คิดแผนอะไรไว้ แล้วทำไมต้องให้นอมไปหาที่บ้าน แล้วที่สำคัญต้องไปคนเดียวด้วยนะคะ”
“งั้นพี่นอมก็ไม่ต้องไป ยังไงนมลก็ไม่ยอมให้น้าพรไล่พี่นอมออกหรอก”
“ยังไงนอมก็ต้องไปค่ะ นอมจะต้องทำงานครั้งนี้ให้สำเร็จ ไม่ว่าคุณชายธัชจะมาไม้ไหน นอมเชื่อว่า นอมรับมือได้ค่ะ”
“งั้นพี่นอมก็ต้องเตรียมตัวให้ดีเลยนะคะ นี่ค่ะ โทรศัพท์มือถือ”
พิมพ์นฤมลสวมหูฟังบลูทูธที่หูณิชมนพร้อมยัดโทรศัพท์มือถือใส่มือ
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นโทรหานมลทันทีเลยนะคะ นมลตั้งเป็นเบอร์โทรด่วนไว้ให้แล้ว แล้วนี่ค่ะ เอาไว้ป้องกันตัวนะคะ”
พิมพ์นฤมลหยิบสเปรย์พริกไทย เครื่องช็อตไฟฟ้า นกหวีดและมีดพกวางเรียงให้ดู
พันธ์นฤสรร์โผล่เข้ามาวางปืนลมสมทบไปอีกชิ้น
“เอานี่ไปด้วย ถ้ารอดกลับมาก็เอามาคืนด้วยล่ะ”
พันธ์นฤสรร์วิ่งออกไป ณิชมนมองตามไม่รู้พันธ์นฤสรร์ตั้งใจดีหรือข่มขวัญให้กลัวขึ้นไปอีก
“จากที่นอมแค่กลัวนิดๆ ตอนนี้เริ่มกลัวจับใจแล้วล่ะค่ะ”
ณิชมนมองอุปกรณ์ป้องกันตัวอย่างหวาดหวั่น
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รถพิมพ์นฤมลแล่นมาจอดหน้าบ้านบุริศราวัณ ณิชมนกับพิมพ์นฤมลมองหน้ากันใจเต้นตูมตามไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“พร้อมนะคะ พี่นอม”
“พร้อมค่ะ” ณิชมนตื่นเต้น
ณิชมนขยับหูฟังมือถือให้เข้าที่ เอาผมปิดหูฟังเอาไว้
“งั้นลุยกันเลยค่ะ”
พิมพ์นฤมลแปะมือให้กำลังใจณิชมนแล้วผลุบออกไปจากรถพร้อมๆกัน
ณิชมนโผล่เข้ามาในรถอีกครั้งเพราะลืมทิ้งกระเป๋าสะพายใบโตไว้ เธอหลับตาทำใจสองสามวินาทีแล้วคว้ากระเป๋าผลุบออกไปอีกครั้ง
อ่านตอนที่ 7 ต่อพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.
ตอนที่ 7 (ต่อ)
ณิชมนก้าวเข้ามาในบ้านบุริศราวัณ อาจเดินมาหยุดที่ด้านหลัง
“สวัสดีครับ” อาจพูด
ณิชมนสะดุ้งเฮือกหันขวับไปมองอาจ
“สะ-สวัสดีค่ะ”
ณิชมนรีบยกมือไหว้อาจทันที
“คุณประนอมใช่มั้ยครับ คุณชายรออยู่ห้องข้างบน เชิญครับ”
“ห้องข้างบน?”
“ครับ คุณชายให้คุณไปพบที่ห้องข้างบน กระเป๋าวางไว้ที่นี่ก่อนก็ได้ครับ”
ณิชมนกอดกระเป๋าไว้แน่นเพราะมีอุปกรณ์ป้องกันตัวมากมายอยู่ในนั้น
“เออ..คือว่า..ในกระเป๋ามีเอกสารที่จะต้องให้คุณชายอ่าน..”
“คุณชายมีธุระส่วนตัวคุยกับคุณก่อนน่ะครับ เชิญครับ อย่าให้คุณชายต้องรอนาน ผมเอากระเป๋าไปเก็บไว้ให้ก่อนนะครับ”
อาจดึงกระเป๋าจากมือณิชมนไป ณิชมนรั้งกระเป๋าไว้ในตอนแรกแต่ก็ต้องยอมปล่อยให้อาจไป
“เชิญครับ ห้องทางขวามือ ห้องแรก”
อาจเดินออกไป
“แล้วคุณ..คุณจะไม่ขึ้นไปด้วยกันหรือคะ คุณคะ”
ณิชมนยืนมองขึ้นไปชั้นบนอย่างไม่แน่ใจ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
พิมพ์นฤมลปีนกำแพงบ้านบุริศราวัณเข้ามาอย่างรู้ทางแอบลัดเลาะไปตามหลังต้นไม้พลางโทรศัพท์มือถือคุยกับณิชมนด้วยหูฟังเหมือนกัน
“พี่นอมใจเย็นๆ นะคะ เรามีเครื่องป้องกันตัวเพียบ จะกลัวอะไร”
ณิชมนคุยโทรศัพท์มือถือกับพิมพ์นฤมลพลางเดินขึ้นชั้นบนอย่างช้าๆ
“ตอนนี้นอมเหลือเครื่องป้องกันตัวแค่อย่างเดียว”
ณิชมนชูนกหวีดเล็กๆขึ้นมาดู
“คือ นกหวีดค่ะ แล้วนอมจะเอาอะไรไปสู้กับคุณชายธัชได้”
“เรามองในแง่ดีกันดีกว่านะคะ คุณชายธัชอาจจะกลัวเสียหน้าก็เลยอยากตกลงกับพี่นอมเงียบๆ สองต่อสอง”
“เงียบๆ สองต่อสอง !”ณิชมนทวนคำ
“คุณชายธัชอาจจะไม่ได้อยู่คนเดียวก็ได้นะคะ จะต้องมีลุงอาจอยู่ด้วย คุณชายธัชอยู่ไหน ลุงอาจต้องอยู่ด้วยเสมอ ใช่ค่ะ ผู้ชายมีอายุๆหน่อย หน้าตาใจดีๆ อ้าว หายไปแล้วเหรอคะ เออ พี่ภาสไงคะ พี่ภาสจะต้องอยู่ในห้องด้วยแน่ๆ” พิมพ์นฤมลรีบปลอบ
พิมพ์นฤมลมัวแต่พูดจนเดินชนเข้ากับรวิภาสที่ตั้งใจยืนขวางอยู่ เธอเงยหน้ามองรวิภาสแล้วอ้าปากค้าง
“พี่นอมคะ พี่นอมเก็บนกหวีดไว้ดีๆนะคะ อย่าได้ทำหายเด็ดขาด”
รวิภาสเอื้อมมือมาดึงหูฟังออก พิมพ์นฤมลมองรวิภาสยิ้มแหยๆ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
อีกด้านหนึ่งของบ้านสรณาลัย พรรณอรนั่งจิบน้ำชาอยู่ พรพรรณเดินมาทิ้งตัวนั่งข้างพี่สาว
“ดื่มชาด้วยกันมั้ย พร ชาดอกลาเวนเดอร์ ช่วยคลายเครียดได้”
“นี่พี่อรก็เครียดเหมือนพรใช่มั้ยคะ ไม่รู้ประนอมจะเจรจากับคุณชายธัชไปถึงไหน ไม่เห็นส่งข่าวมาเลย”
“พี่ไม่ได้เครียดเรื่องคุณชายธัช พี่กำลังกลุ้มใจที่เริ่มงานใหม่ไม่ได้ซักที นี่พี่คิดชื่อหนังสือใหม่ของพี่ได้แล้วนะ ชื่อเรื่อง ปราสาทรัตติกาล”
“นี่พี่อรห่วงงานตัวเอง ไม่คิดห่วงโครงการของเราเลยหรือคะ ถึงโครงการสร้างฝายจะเป็นโครงการของจังหวัด แต่เราเป็นหัวเรือใหญ่ ถ้าโครงการนี้ล้มเหลว ทางไร่สรณาลัยต้องเสียเครดิตไปเต็มๆ” พรพรรณขัด
“เธอก็ไม่หวังว่า โครงการนี้จะสำเร็จอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ เธอถึงได้ส่งประนอมไปเจรจากับคุณชายธัช เพื่อที่จะหาเรื่องไล่ประนอมออก”
“ก็ตอนนี้ดูเหมือนประนอมจะเจรจาสำเร็จไปครึ่งนึงแล้วนี่คะ ถ้าคุณชายธัชให้ไปคุยต่อที่บ้าน ก็แสดงว่าเรายังพอจะมีความหวัง พรลุ้นให้โครงการนี้ดำเนินต่อไปได้ ส่วนเรื่องไล่ประนอมออก จะไล่เมื่อไหร่ก็ไล่ได้”
“แต่ขอใช้งานให้คุ้มค่าก่อน เธอนี่เป็นนักธุรกิจเต็มตัวจริงๆ ใช้แต่สมองไม่เคยใช้หัวใจ...”พรรณอรแขวะ
“เพราะพรใช้แต่สมองตัดสินใจน่ะซิคะ ไร่สรณาลัยถึงอยู่มาได้จนทุกวันนี้พรดูแลธุรกิจให้พี่อรได้ แต่ครอบครัวของพี่อร พี่อรต้องดูแลเอง”
“เธอพูดอะไรของเธอ พี่ก็ดูแลลูกๆ อยู่ทุกวัน อุ๊ย นี่กี่โมงแล้ว พี่มีนัดแชทกับแฟนคลับของพี่ ขอตัวก่อนนะจ๊ะ”
พรรณอรลุกขึ้นเดินหนี พันธ์นฤสรร์ถือกระดาษข้อสอบวิ่งเข้ามาหา
“คุณแม่ครับ วันนี้ผมทำเลขได้คะแนนเต็ม ทำถูกหมดทุกข้อเลยครับ” พันธ์นฤสรร์บอกแล้วส่งกระดาษข้อสอบให้ดู พรรณอรรับมาดูผ่านๆแล้วส่งคืน
“เก่งมากเลยจ้ะ พันสร” พรรณอรพูดแล้วเดินไป
“ไหนขอน้าดูหน่อย ทำถูกทุกข้อจริงหรือเปล่า”
“ไม่ให้ดู !”
พันธ์นฤสรร์เดินออกไปอย่างน้อยใจแม่ พรพรรณมองตามอย่างเข้าใจ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชมนเดินมาถึงชั้นบน เธอขยับหูฟัง หยิบมือถือขึ้นมากดหาใหม่
“ทำไมอยู่ๆ วางหูไป ..ทำไมคุณนมลไม่รับสาย..”
ณิชมนกดปิดมือถืออย่างไม่มีทางเลือก
“ห้องทางขวามือ.. ห้องแรก...”
ปากพึมพำว่าทางขวามือแต่ณิชมนกำลังเบลอเดินไปที่ห้องทางซ้ายมือ
“เป็นไงเป็นกัน คนอย่างณิชมนไม่เคยกลัวอะไร !”
ณิชมนตัดสินใจเคาะประตู
“เข้ามาได้” บุรธัชพูด
ณิชมนเปิดประตูเข้าไปชะงักยืนนิ่งตกใจ
บุรธัชที่กำลังใส่เสื้อเชิ้ตอยู่ตกใจไม่แพ้กัน ณิชมนเห็นเป็นว่าเขากำลังจะถอดเสื้อ
“เธอเข้ามาทำอะไร”
“คุณนั่นแหละกำลังจะทำอะไร คุณคิดจะทำอะไรฉัน ถึงได้เรียกฉันเข้ามาคุยในห้องนอนของคุณ”
บุรธัชรีบกลัดกระดุมเสื้ออย่างรวดเร็ว
“ฉันไม่ได้ให้เธอเข้ามาเจอในห้องนี้”
“ก็คนของคุณบอกว่า..”
“ลุงอาจบอกว่าอะไร...”
บุรธัชย่างเท้าเข้าหาณิชมนที่ถอยร่นไปจนติดฝาผนังใกล้ประตู
“ลุงอาจของคุณบอกว่า…”
“บอกว่าอะไร คิดดูให้ดีๆ ซิว่า ลุงอาจบอกว่าอะไร”
บุรธัชเอามือยันฝาผนังไว้ล็อคตัวณิชมนไม่ให้ไปไหนได้
“ให้ขึ้นมาพบคุณที่ห้องทางขวามือ..ห้องแรก นี่คุณจะทำอะไร อย่านะ คุณอย่ามาใช้วิธีสกปรกกับฉันนะ ฉันไม่ยอมคุณง่ายๆ หรอกนะ”
ณิชมนควักนกหวีดขึ้นมาจะเป่า บุรธัชเอื้อมมือไปเปิดประตูให้
ณิชมนรีบถอยออกไปจากห้องนอนของบุรธัชทันที
“ห้องแรกทางขวามือ ขวามือ” บุรธัชย้ำ
ณิชมนยกมือซ้ายมือขวาแล้วนึกขึ้นได้ว่าเลี้ยวผิดทาง
“ขวามือ..ซ้ายมือ” ณิชมนยิ้มแหย “ฉันขอโทษ ฉันมาผิดห้อง”
“ตามฉันมา”
บุรธัชเดินออกไปทางห้องขวามือของชั้นบน
“นี่คุณ แล้วเราคุยกันข้างล่างไม่ได้เหรอ ทำไมต้องให้ฉันขึ้นมาบนนี้ด้วยคุณชายธัช..ฟังฉันอยู่หรือเปล่า”
ณิชมนรีบตามบุรธัชไป
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
พิมพ์นฤมลมองรวิภาสอย่างเกรงๆ เสียงบุรธัชกับณิชมนเดินผ่านห้องไป
“คุณชายธัช เราคุยกันตรงนี้ไม่ได้หรือไงคะ”
พิมพ์นฤมลขยับตัวลุกขึ้นเพราะอยากไปดูณิชมน
“นั่งลง” รวิภาสสั่ง
“นมลก็ขอโทษแล้วไง นมลไม่ได้ตั้งใจจะบุกรุกเข้ามาในบ้านพี่ภาส นมลขอโทษๆ ขอโทษค่ะ ปล่อยนมลไปได้หรือยัง”
“ยัง รอให้พี่ธัชเจรจากับประนอมให้เสร็จก่อน”
“ถ้าคุณชายธัชไม่ได้คิดจะเจรจากับพี่นอมอย่างเดียวล่ะคะ”
“เธอคิดอะไรบ้าๆ คนอย่างพี่ธัชไม่มีวันแตะต้องประนอมแน่ เธอไม่รู้จักพี่ธัชหรือยังไง”
“นมลไม่รู้จักค่ะ คุณชายธัชในวันนี้ไม่ใช่พี่ชายธัชของนมลเหมือนเมื่อก่อนแล้ว พี่ภาสเองก็เหมือนกัน ถ้าไม่อยากนับพี่นับน้องกับนมล จะให้นมลเรียกเหมือนคุณชายธัชก็ได้นะ คุณชายภาส”
“อย่าเรียกเชียวนะ ไม่งั้นมีเรื่อง”รวิภาสขู่
“พี่ภาสยังเห็นนมลเป็นน้องอยู่ใช่มั้ยล่ะคะ”
พิมพ์นฤมลพูดไปตาก็เหลือบไปมองมือถือของตัวเองที่วางอยู่ใกล้มือรวิภาส
“ฉันไม่อยากเป็นเหมือนพี่ธัชต่างหาก ไม่อยากแบกรับหน้าที่ที่จะต้องรักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ไม่อยากให้ใครมาคาดหวังฉัน”
พิมพ์นฤมลพยักหน้าทำเออออไปนึกว่ารวิภาสกำลังเผลอ ลุกพรวดไปจะคว้ามือถือแต่รวิภาสคว้ามือถือไปได้อย่างสบายๆ
“นั่นมันมือถือของนมลนะ”
“แต่ตอนนี้เธออยู่ในบ้านฉัน”
“แล้วไง นมลอยู่ในบ้านพี่ภาส แล้วพี่ภาสจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ”
“ก็ใช่น่ะซิ ฉันจะทำอะไรเธอก็ได้ !”
รวิภาสก้าวเข้าไปหาทำหน้าเหี้ยมใส่ พิมพ์นฤมลกระเถิบตัวหนีไปจนมุมในห้อง
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
บุรธัชเดินมาถึงหน้าห้องทางขวามือและเปิดประตูห้อง ณิชมนเดินตามมาแต่หยุดมองดื้อแพ่งไม่ยอมเข้าไป
“เราไม่มีอะไรจะคุยกันแล้ว ฉันพูดทุกอย่างที่อยากจะพูดไปหมดแล้วคุณตัดสินใจยังไง บอกฉันมาเลยค่ะ”
“เข้าไปในห้องก่อน”
“ไม่ !” ณิชมนยืนกราน
“นี่เธอคิดว่า ฉันจะทำอะไรเธองั้นเหรอ ถ้าคิดอย่างนั้น เธอก็ไม่ควรจะมาที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว หรือว่าเธอไม่ได้กลัวว่าฉันจะทำอะไรเธอ เธอกลัวฉันจะไม่ทำมากกว่าล่ะมั้ง”
“ฉันไม่จำเป็นต้องมาฟังคำพูดทุเรศๆของคุณ ฉันไม่สนใจแล้วว่า คุณจะตัดสินใจยังไง”
ณิชมนเดินหนีแต่บุรธัชดึงเธอกลับมา
“เข้าไปในห้อง เรื่องจะได้จบๆไปซะที หลังจากวันนี้เธอจะได้ไม่ต้องมาตอแยอะไรฉันอีก”
“หมายความว่ายังไง !!” ณิชมนเริ่มโมโห
บุรธัชไม่ยอมอธิบายอะไรต่อผลักณิชมนเข้าไปในห้อง
ณิชมนดิ้นรนแต่ดิ้นไม่หลุด เธอรีบเอานกหวีดขึ้นมาเป่าแต่ได้ยินแค่เสียงฟู่ๆ
“ปล่อยฉัน !”
ณิชาภัทรออกมาจากด้านในห้องตกใจที่เห็นความวุ่นวายชุลมุน
“ธัชทำอะไรน่ะ” ณิชาภัทรตะโกนถาม
บุรธัชปล่อยมือจากณิชมน
“เอ้า ผมเอาตัวมาส่งให้แล้ว คุณจัดการต่อแล้วกัน”
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ” ณิชมนพูด
“นี่ธัชยังไม่ได้บอกคุณนอมเหรอคะ ธัชตอบตกลงเข้าร่วมโครงการสร้างฝายแล้วนะคะ แล้วเราก็ได้เชิญทุกฝ่ายมาประชุมกันที่นี่เย็นนี้”
“เราจะประชุมกันวันนี้เลยหรือคะ !” ณิชมนตกใจ
“ณิชาคาดการณ์ไว้แล้วว่า เธอจะต้องมาในสารรูปนี้”
บุรธัชมองณิชมนหัวจดเท้า เห็นว่าณิชมนใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์เก่าๆ มา
“ก็เลยเตรียมเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน ฉันถึงให้เธอมาพบณิชาบนนี้ไงล่ะ” บุรธัชชี้แจง
“แล้วทำไมคุณไม่พูดให้มันเคลียร์ๆ ล่ะ คุณแกล้งทำให้ฉันเข้าใจผิด สนุกมากนักใช่มั้ยที่ได้แกล้งปั่นหัวฉันเล่น”
“ก็สนุกดี เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ เราจะประชุมกันในอีกครึ่งชั่วโมง”
บุรธัชเดินออกไปจากห้อง ณิชมนมองตามอย่างโมโห
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
รวิภาสลากตัวพิมพ์นฤมลเข้ามาในครัวของบ้านบุริศราวัณ
“พี่ภาสไม่ต้องมาแกล้งขู่เลย นมลไม่กลัวหรอก ถ้าพี่ภาสทำอะไรนมล นมลจะเอาคืนเป็นสิบเท่าร้อยเท่า !”
เสียงโทรศัพท์มือถือของพิมพ์นฤมลดังขึ้นรวิภาสหยิบขึ้นมาดูหน้าจอ
“อย่ารับนะ !”
รวิภาสกดรับโทรศัพท์มือถือ
“คุณนอมเหรอครับ ครับๆ แล้วจะบอกนมลให้ครับ”
รวิภาสกดปิดโทรศัพท์มือถือ
“พี่นอมโทรมาเหรอ เค้าว่ายังไงบ้าง”
“ประนอมบอกว่า ทุกอย่างราบรื่นดี ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ขอให้เธออยู่เฉยๆ อย่าทำตัวให้มีปัญหานัก เดี๋ยวจะทำให้เสียเรื่องหมด”
“คำพูดหลังๆนี่พูดเองใช่มั้ย เอามือถือคืนมาได้แล้ว”
“หวงอะไรนักกับมือถือเครื่องนี้”
รวิภาสกดดูมือถือของพิมพ์นฤมลอีกครั้ง
“อย่า !” พิมพ์นฤมลร้องเสียงหลง
รวิภาสเพิ่งเห็นว่าจอมือถือของพิมพ์นฤมลเป็นรูปนมลที่ถ่ายคู่กับตัวเอง
“เอาคืนมานะ”
นมลโผเข้าไปตะครุบมือถือคืน รวิภาสชูมือถือให้ห่างขึ้น ส่วนอีกมือจับนมลไม่ให้แย่งได้ นมลตามคว้ามือถือไม่ลดละจนประชิดตัวเหมือนเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของรวิภาส
อาจเดินเข้ามาพอดี
“คุณภาส ! คุณนมล.. มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วคุณชายธัชทราบหรือเปล่าครับ”
บุรธัชเดินเข้ามา
“ลุงอาจอยู่นี่เอง” บุรธัชพูด
รวิภาสกับอาจรีบยืนบังตัวพิมพ์นฤมลไว้ทันที บุรธัชมองรวิภาสกับอาจที่มีท่าทีแปลกๆ
“ทำอะไรกันอยู่”
“ผมมาดูอาหารเย็นวันนี้น่ะครับ คุณชายคิดว่าจะประชุมถึงกี่โมงครับผมจะได้กะเวลาตั้งโต๊ะอาหารได้ถูก”
“วันนี้ไม่น่าจะประชุมเกินสองชั่วโมง เสร็จงานจากตรงนี้แล้ว ไปพบฉันที่ห้องทำงานด้วยนะ”
บุรธัชเดินออกไป อาจโล่งใจ รวิภาสยิ้มอย่างสนุก
“คุณภาสเล่นอะไรครับ”
“ตื่นเต้นดีออกครับ ลุงอาจ ชีวิตเราต้องมีอะไรอย่างนี้บ้าง” รวิภาสเย้า
“ตื่นเต้นจนหัวใจจะวายอย่างนี้ไม่ไหวหรอกครับ ถ้าคุยธุระกับคุณนมลเสร็จแล้ว ก็รีบส่งกลับบ้านเถอะนะครับ วันนี้แขกมากันเยอะ อย่าให้มีเรื่องกันเลยนะครับ”
อาจพูดแล้วเดินจากไป
“ได้ยินลุงอาจพูดแล้วใช่มั้ย ปล่อยนมลกลับบ้านได้แล้ว”
“ฉันจะปล่อยเธอไปง่ายๆ ได้ยังไง ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนกันหน่อย”
พิมพ์นฤมลมองรวิภาสอย่างเหนื่อยใจ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
อีกด้านหนึ่งของบ้านบุริศราวัณ ณิชมนเปลี่ยนชุดเป็นกระโปรงสูทยืนอยู่หน้ากระจก ณิชาภัทรเดินมาหยุดสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง
“ถึงวันนี้เราไม่ได้ประชุมกันอย่างเป็นทางการ แต่แต่งตัวให้ดูเป็นงานเป็นการไว้ดีกว่านะคะ จะได้ดูน่าเชื่อถือ”
“นอมคงดู..ดูกะโปโลมากเลยใช่มั้ย แม่ชอบว่านอมอย่างนั้นบ่อยๆ”
“คุณนอมดูเด็กกว่าอายุต่างหากล่ะคะ ธัชเคยบอกว่า คุณนอมอายุพอๆกับณิชา แต่ณิชาว่า คุณนอมดูเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยปีหนึ่งปีสองเอง”
ณิชาภัทรเข้ามายืนเทียบกับณิชมน
“เห็นมั้ยคะ เราเหมือนพี่สาวน้องสาวกันมากกว่า คุณนอมมีพี่น้องกี่คนคะ”
“นอมเป็นลูกคนเดียวค่ะ นอกจากพ่อแม่แล้ว นอมก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีกเลย”
“ไม่มีเลยหรือคะ”
“ครอบครัวของนอมย้ายที่อยู่บ่อยค่ะ เลยขาดการติดต่อกับญาติๆ ไม่ตัดขาดก็เหมือนตัดขาดกันไปแล้ว นอมก็เลยชินกับการใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว”
“แต่ตอนนี้คุณนอมรู้จักณิชาแล้วนะคะ ถ้าไม่รังเกียจ คิดซะว่า ณิชาเป็นพี่สาวก็ได้ค่ะ แต่ต้องทนพี่สาวคนนี้หน่อยนะคะ เพราะพี่สาวคนนี้ออกจะจุ้นจ้านพูดมากอยู่ซักหน่อย”
ณิชมนมองณิชาภัทรแล้วนิ่งเพราะพูดอะไรไม่ออก
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ในครัวบ้านบุริศราวัณ พิมพ์นฤมลตีไข่ในชามอย่างหนักมือด้วยอารมณ์หงุดหงิด รวิภาสนั่งกดโทรศัพท์มือถือของพิมพ์นฤมลดูอะไรเรื่อยเปื่อย
“นี่วันๆไม่ได้ทำอะไรเลยเหรอ นอกจากโพสเรื่องตัวเอง ไปกินข้าวที่ไหนดูหนังเรื่องอะไร ทำไมต้องไปเที่ยวบอกคนอื่นด้วย แล้วนี่อะไร เข้าแต่เวปชอปปิ้ง วันๆนอกจากชอปปิ้งแล้วเมาธ์กับเพื่อนนี่ เคยทำประโยชน์อะไรอย่างอื่นบ้างมั้ย”
พิมพ์นฤมลนิ่งไม่ตอบโต้ เดินไปเปิดตู้เย็นเห็นกล่องนม เธอนิ่งคิดแล้วรีบหยิบออกมาเทนมลงในชามไข่ไปแล้วตีไข่ให้ผสมกันอย่างรวดเร็ว
“จะได้กินวันนี้มั้ยเนี่ย” รวิภาสพูด
“จะเสร็จแล้ว ไม่ต้องบ่น ถ้าให้ทำข้าวไข่เจียวธรรมดา ก็เสร็จไปนานแล้วทำไมต้องเป็นข้าวห่อไข่ด้วย”
“ก็เธอทำอร่อย”
“ยังจำได้เหรอ”
“บางเรื่องอยากลืม แต่มันก็ลืมไม่ได้ง่ายๆ”
พิมพ์นฤมลมัวแต่หาทางแก้คืนรวิภาสโดยไม่สนใจว่ารวิภาสกำลังพูดจริงจังถึงความสัมพันธ์ของเธอและเขา
“ใช่ค่ะ พี่ภาสจะไม่มีวันลืมว่า นมลทำข้าวห่อไข่ได้อร่อยแค่ไหน”
พิมพ์นฤมลเทไข่ที่ผสมเรียบร้อยแล้วลงกระทะ ไข่แผ่เต็มกระทะร้อนฉ่าดูน่ากิน เธอหันไปมองรวิภาสแล้วแอบยิ้มอย่างสะใจเล็กๆ
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
บุรธัชนั่งอยู่หัวโต๊ะ อาจพากรรมการโครงการ 4 คนเข้ามาในห้องประชุม
“เชิญนั่งเลยครับ เชิญ”
ทุกคนนั่งลงพร้อมกับอาจที่ลงนั่งที่เก้าอี้ด้านหลังบุรธัช
ณิชาภัทรกับณิชมนเดินเข้ามานั่งร่วมประชุม บุรธัชมองณิชมนเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นมาก แต่เขาก็ทำแค่พยักหน้ารับรู้
“สวัสดีค่ะ นี่คุณชาญชัยค่ะ คุณบุญเกียรติ คุณวริษา แล้วก็คุณชัยยศ ทั้งสี่ท่านเป็นกรรมการคนสำคัญของโครงการ” ณิชาภัทรแนะนำ
ณิชมนยกมือไหว้ทุกคน
“สวัสดีค่ะ” ณิชมนกล่าว
“นี่คุณประนอมค่ะ เป็นตัวแทนของไร่สรณาลัย”
“คุณพรพรรณคงติดธุระสำคัญ แล้วคงหาใครไม่ได้จริงๆ ก็เลยให้คุณแม่บ้านประนอมมาประชุมแทน” บุรธัชพูดเย้ยๆ
กรรมการทุกคนหันมามองณิชมนอย่างแปลกใจ
“คุณประนอมทำหน้าที่เป็นแม่บ้านที่บ้านสรณาลัยก็จริงนะคะ แต่ก็ยังมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัว เออเหมือนเป็นเลขาฯของคุณพรพรรณด้วยน่ะค่ะ” ณิชาภัทรแก้แทน
“เรามาเริ่มกันเลยดีกว่านะครับ ที่เชิญให้มาประชุมวันนี้ เพราะอยากแจ้งให้ทราบว่า ผมยินดีที่จะร่วมมือกับโครงการนี้ โดยมีเงื่อนไขสองข้อ ขอให้การดำเนินการทุกอย่างต้องผ่านการเห็นชอบจากผมก่อน และคนที่จะติดต่อประสานงานกับผมขอให้เป็นคุณประนอมเพียงคนเดียว”
ณิชาภัทรมองบุรธัชอย่างรู้สึกตะหงิดใจ
“ผมไม่มีปัญหาครับ ผมเชื่อในการตัดสินใจของคุณชายอยู่แล้ว” ผู้ร่วมประชุมกล่าว
“ถ้าหากได้คุณชายเข้ามาช่วยเต็มตัวอย่างนี้ ทางเราก็ยินดีค่ะ”
“แล้วคุณประนอมล่ะครับ คิดยังไง” บุรธัชถาม
“ถ้าหากคุณชายตั้งใจดีจริงๆ คิดจะช่วยโครงการนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ดิฉันก็ไม่มีอะไรขัดข้องค่ะ”
บุรธัชมองณิชมน เขาคิดว่าณิชมนไม่ไว้ใจกันเลย
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
พิมพ์นฤมลวางจานข้าวห่อไข่ไว้ตรงหน้ารวิภาส
“ขอน้ำแก้วนึง” รวิภาสสั่ง
“นมลไม่ใช่คนรับใช้ส่วนตัวนะ”
“อยากกลับบ้านหรือเปล่า”
พิมพ์นฤมลเดินไปรินน้ำใส่แก้วกำลังจะถือกลับมา
“ไม่เอาน้ำเปล่านะ เอาน้ำองุ่น”
พิมพ์นฤมลเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบกล่องน้ำองุ่นออกมา
“เปลี่ยนเป็นน้ำกีวี่ดีกว่า”
พิมพ์นฤมลถอนหายใจดังๆ ให้รวิภาสรู้ตัว
“แต่น้ำสตอร์เบอรรี่น่าจะอร่อยกว่า”
พิมพ์นฤมลวางแก้วน้ำกีวี น้ำสตอร์เบอรี่ น้ำองุ่น น้ำทับทิมบนโต๊ะเรียงกัน
“เอ้า อยากกินน้ำอะไร ก็เลือกเอา” พิมพ์นฤมลเริ่มหงุดหงิด
รวิภาสกินข้าวห่อไข่อย่างอร่อย
“ฝีมือเธอไม่ตกเลยนะ ยังอร่อยเหมือนเดิม”
“อร่อยกว่าเดิมด้วย เพราะนมลได้สูตรมาใหม่ เติมน้ำผึ้งไปนิดแล้วก็เติมนมไปอีกหน่อย แค่นี้ก็อร่อยอย่าบอกใครเชียว”
รวิภาสรู้สึกว่าข้าวติดคอขึ้นมากระทันหัน
“เธอรู้หรือเปล่าว่า เธอทำอะไรลงไป”
“นมลรู้ค่ะ พี่ภาสแพ้นมวัว แตะแค่ปลายลิ้นก็ผื่นขึ้นเต็มตัวแล้ว นี่นมลยังปราณีนะ ใส่ลงไปแค่สองสามช้อนโต๊ะ อย่างมากก็คงแค่อาเจียนหมดท้องหรือไม่ก็ไข้ขึ้นไปสองสามวัน”
รวิภาสรู้สึกคันตัวขึ้นมาทันที แล้วเริ่มพะอืดพะอมวิ่งไปอาเจียนที่อ่างล้างจาน
พิมพ์นฤมลค่อยๆหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา
“นมลกลับก่อนนะ วันหลังอยากกินข้าวห่อไข่อีก ก็โทรไปบอกได้”
พิมพ์นฤมลเยาะเย้ยแล้วรีบเดินออกไป
“อย่าเพิ่งไป !” รวิภาสตะโกนไล่หลังแล้วกลับไปอาเจียนต่อจนโงหัวไม่ขึ้น
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ณิชมนกับณิชาภัทรเดินออกจากทางห้องที่จัดประชุม
“ห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือนะคะ เดี๋ยวณิชาขอไปช่วยลุงอาจจัดโต๊ะอาหารก่อน”
ณิชาภัทรเดินแยกไป ณิชมนจะเดินไปทางห้องน้ำแล้วนึกได้มองซ้ายมองขวาไม่เห็นมีใคร ลองเปิดประตูห้องทำงานดู ค่อยๆ ย่องเข้าไปในห้องทำงาน
“อีตาคุณชายสืบเรื่องของประนอมไปถึงไหนแล้ว” ณิชมนพึมพำ เธอค่อยๆ ค้นดูแฟ้มบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง
“ไม่เห็นมีแฟ้มประวัติอะไรเลย”
บุรธัชเดินเข้ามาหยุดมองณิชมนที่ยังยืนสำรวจข้าวของบนโต๊ะทำงานอย่างไม่รู้ตัว ณิชมนหยิบกรอบรูปถ่ายของบุรธัชบนโต๊ะทำงานขึ้นมาดู
“สมกับเป็นคุณชายแวมไพร์จริงๆ หน้าไร้ความรู้สึกสุดๆ”
“เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ” บุรธัชเสียงแข็ง
ณิชมนสะดุ้งตกใจทำกรอบรูปหลุดมือตกลงพื้นจนกระจกแตกกระจาย
“ขอโทษค่ะ ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“เรียกเต็มปากอย่างนั้น ยังจะกล้าบอกว่า ไม่ได้ตั้งใจ”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจทำรูปของคุณแตก เออ กรอบรูปยังใช้ได้อยู่ แค่เปลี่ยนกระจกก็ดูดีเหมือนเดิมแล้ว”
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง นี่ลับหลังฉัน เธอคงตั้งชื่อให้ฉันสารพัดเลยล่ะซิ”
“เปล่าซะหน่อย นอกจากคุณชายแวมไพร์แล้ว ฉันไม่เคยเรียกคุณชื่ออื่นเลยนะ”
ณิชมนรู้ตัวว่าพลาด เธอปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน
“ทำไมเหรอ ฉันดูเป็นยังไง”
ไหนๆก็ไหนๆแล้วณิชมนพูดความจริงพรั่งพรูออกไป
“ก็..คุณดูเย็นชาไม่มีหัวใจ ฉันไม่เคยเห็นคุณยิ้มหรือหัวเราะเลย คุณทำตัวเหมือนไม่มีชีวิตจิตใจ แล้วก็ชอบทำเป็นอยู่หน้าเดียว”
ณิชมนทำหน้านิ่งๆเฉยๆ เลียนแบบบุรธัช
“โกรธก็หน้านี้ เซ็งก็หน้านี้ เบื่อก็หน้านี้ ทำหน้าแบบ “ฉันเกิดมาทำไมในโลกนี้เนี่ย” คนอย่างคุณนี่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้”
“งั้นเหรอ” บุรธัชทำดุ
ณิชมนเริ่มรู้ตัวว่าพูดมากไป
“เออ..แต่การที่ฉันเรียกคุณว่า คุณชายแวมไพร์ ไม่ได้มองไปทางลบทั้งหมดหรอกนะ คุณคิดดูซิ แวมไพร์มีแต่หล่อๆแล้วก็มีเสน่ห์ทั้งนั้น นอกจากหล่อแล้วก็รวย มีอำนาจพิเศษต่างๆนานา แล้วก็ยังมีชีวิตเป็นอมตะอีก”
บุรธัชอดยิ้มขำไม่ได้
“อย่าแก้ตัวเลย ยิ่งพยายามแก้ตัว ก็ยิ่งดูปัญญาอ่อน เธอนี่ไร้สาระจริงๆนี่มันห้องทำงานส่วนตัวของฉัน เชิญออกไปได้แล้ว”
“ถึงฉันจะปัญญาอ่อน ไร้สาระ แต่เมื่อกี้ฉันก็ทำให้คุณยิ้มได้ล่ะน่า”
“ฉันไม่ได้.. พูดอะไรเพ้อเจ้อ !”
บุรธัชรีบปัดแล้วเดินดุ่มๆ ออกไปทันที ณิชมนมองตามเพิ่งเห็นอีกมุมของบุรธัชก็อดยิ้มขำไม่ได้
จบตอนที่ 7
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.