xs
xsm
sm
md
lg

เพลงรักบ้านนา ตอนที่ 21

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพลงรักบ้านนา ตอนที่ 21

ศรีแพรนั่งร้องไห้พับผ้าอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ศรีไพรเปิดประตูเข้ามา นั่งลงใกล้ๆ มองพี่สาวอย่างเป็นห่วงความรู้สึก
“พี่ศรีแพร พี่จะเลิกกับพี่เมินจริงๆ หรือ”
ศรีแพรสะอื้นไม่ตอบ
“ฉันอยากให้พี่คิดให้ดีๆ ถึงฉันจะไม่...”
“ช่างเถอะ ก็แค่เลิก...”
“มันไม่ใช่แค่นั้น ถึงผู้ชายในโลกนี้จะไม่มีดีเท่าพ่อ แต่พี่ก็แต่งงานกับพี่เมินแล้วนะ ถึงฉันจะเสียใจเพราะผู้ชาย แต่ฉันก็ไม่อยากให้พี่สาวของฉันเป็นม่าย”
ศรีแพรเงยหน้าขึ้นมองสบสายตา เอื้อมมือมาจับมือน้องสาวไว้
“พี่จะเลิกกับพี่เมิน!” ศรีแพรบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ

เมินเสียใจที่ศรีแพรขอเลิก มหาเฉื่อยและหมอกพยายามปลอบโยน
“เลิก...เลิกๆๆๆๆ เลิก แต่งงานยังไม่ได้เข้าหอเลย เลิก...เลิกๆๆ เลิกแล้ว”
มหาเฉื่อยถอนหายใจ
“ไอ้เมิน เสียอกเสียใจให้มันพอดีโว้ย ข้าก็ไม่รู้จะทำยังไง จะว่าศรีแพรมันก็ไม่ได้ ในเมื่อมัน...”
เมินหน้าเครียด
“โธ่ ลุงมหา มันไม่ได้เป็นอย่างที่ศรีแพรคิดนะ”
“แล้วไอ้ที่ศรีแพรมันเห็น เอ็งกับเมียเศรษฐีบุญช่วยครั้งแล้วครั้งเล่าล่ะ”
เมินหนักใจ
“นั่นแหละ...ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น”
หมอกกลุ้มใจแทน
“เฮ้อ หนักใจ ฟังข้อกล่าวหา กับฟังคำแก้ตัวแล้ว...ฟังไม่ขึ้น”
“หรือว่า...นี่เป็นแผนของเศรษฐีบุญช่วย” มหาเฉื่อยขมวดคิ้วสงสัย

บุญช่วยยิ้มอย่างพอใจ เมื่อรู้ว่าศรีแพรกับเมินเลิกกัน
“ดี มันเลิกกันได้ก็ดีน่ะซิ เราจะได้ดึงตัวไอ้เมินมาเป็นพวกง่ายขึ้น”
ทวนที่ฟังอยู่เครียดไปทันที สไบยิ้มเยาะ ขณะที่ชาริณีมองอย่างชิงชัง
“ไปทำยังไงเข้าล่ะ ถึงได้ทำให้ผัวเมียเขาแตกกัน”
“คุณทำยังไง ฉันก็ทำยังงั้น ว่าแต่...ถ้าฉันทำสำเร็จ ฉันจะได้อะไร”
“ไอ้ที่แกได้ไปจากพ่อฉันน่ะ มันยังไม่พออีกหรือ”
ทวนผลุนผลันออกไป
“ไอ้ทวนมันจะไปไหน” ทุกคนมองตาม

เช้าวันใหม่ สดกับศรีแพรรอตักบาตร หลวงตาเดินนำหน้าเมินและหมอก ซึ่งทำหน้าที่เด็กวัดตามหลังหลวงตา ศรีแพรหน้ามึนตึงเมื่อเห็นเมิน
“นิมนต์หลวงพ่อ”
“สบายดีนะโยมสด ศรีไพรกับไอ้แสนมันไปไหนเสียล่ะ”
“ออกไปนาแต่เช้า ตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นเลยพระคุณเจ้า”
สดใส่บาตรหลวงตา เมินพยายามยิ้มประจบ ศรีแพรหันไปเห็นพอดีก็มองค้อน เผลอตัวกระแทกของใส่บาตร หลวงตาสะดุ้งเบาๆ
“ศรีแพร...!” สดกระซิบดุ
ศรีแพรหันไปค้อนเมินอีกรอบ หลวงตาชำเลืองมอง ส่ายหน้าก่อนให้พร เมินหันไปกระซิบศรีแพร
“ศรีแพรจ๋า หายโกรธพี่หรือยัง”
“ไปที่ชอบๆ ไป๊”
ศรีแพรตาเขียวขุ่น หลวงตาส่งเสียงกระแอมเตือน เมินสะดุ้งก่อนเดินตามหลวงตาออกไป

เมินเดินลงมาจากศาลา อย่างหงุดหงิดกังวลเรื่องที่ศรีแพรขอเลิก เมินชะงัก เมื่อเห็นทวนรออยู่
“ไอ้ทวน...”
“จริงหรือที่แกกับศรีแพรเลิกกัน”
“แกสนอะไรล่ะ นี่เรื่องของผัวเมีย ไม่ใช่เรื่องของเพื่อน...อ้อ...ไม่ใช่ซินะ ตอนนี้แกกับฉันไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้ว”
“แกต้องอยู่กับศรีแพร แกแต่งงานกับศรีแพรแล้ว แกกับศรีแพรรักกัน รอกันมาเป็นสิบๆ ปี แล้วจะมาเลิกกันง่ายๆ ยังงี้หรือ”
“แล้วแกยุ่งอะไรด้วย”
“แกเลิกกับศรีแพรไม่ได้นะ”
“ก็ไม่แน่ “ เมินประชด “ฉันอาจจะอยากใส่เสื้อผ้าดีๆ แพงๆ มีรถโก้ๆ ขับ นอนบนกองเงินกองทองอย่างแกก็ได้”
“เมิน...”
“แกยังทิ้งอุดมการณ์ได้ ทำไมฉันจะทิ้งเมียไม่ได้ เงินมันคงจะสำคัญนะ มันถึงได้ทำให้แกทิ้ง...แม้กระทั่ง...ตัวเอง”
เมินมองทวนอย่างชิงชังผิดหวัง เสียใจ หลายความรู้สึกในความเป็นเพื่อนก่อนผละออกไป ทวนสลดลง ขยับจะก้าวตาม
“ไอ้ทวน...” เสียง หลวงตาดังขึ้น
ทวนชะงัก หันกลับมามองหลวงตาที่ยืนอยู่บนศาลา
 
ศรีไพรและแสนเดินตรวจดูต้นข้าวตามคันนา ศรีแพรเอาข้าวมาส่งทั้งสอง ศรีแพรพกปืนที่เอว แสนมองอย่างแปลกใจ
“พี่ศรีแพรเอาข้าวมาส่งแล้ว โห...วันนี้พี่ศรีแพรพกปืนด้วย”
ศรีไพรมองศรีแพรด้วยความแปลกใจ ท่าทีศรีแพรเข้มแข็งเหมือนผู้ชาย แตกต่างไปจากที่เคยเป็น
“พี่ศรีแพร พี่พกปืนทำไมน่ะ” ศรีไพรถามอย่างสงสัย
“พี่ไม่มีพ่อ แล้วก็ไม่มี...เอ้อ...”
ศรีแพรพูดไม่ออก แสนต่อให้
“ไม่มีผัว...”
ศรีไพรส่งสายตาดุแสน
“แสนแสบ เดี๋ยวเถอะ ผู้ใหญ่เขาพูดกันสอดกลางปล้องขึ้นมาได้ยังไง เดี๋ยวๆๆๆ”
แสนสลดลง ศรีแพรฝืนยิ้มเข้มแข็ง
“น้องพูดถูก แสนแสบ ไม่มีพ่อ ไม่มีผัว ก็ต้องดูแลตัวเอง ต่อไปนี้...” ศรีแพรฮึดสู้แกร่งกร้าวขึ้น “พี่จะดูแลน้องกับแม่เอง”

มหาเฉื่อยและหมอกค่อยๆ ย่องเข้ามาสอดแนมไปยังศาลา
“ไอ้ทวนมาหาหลวงพ่อจริงๆหรือวะ ไอ้หมอก”
“จริงๆ ลุงมหา พอเห็นหน้าพี่ทวน หลวงตาท่านก็เรียกขึ้นไปบนศาลา แล้วไล่ฉันลงมา เหมือนหลวงตาท่านมีความลับยังไงก็ไม่รู้”
“หลวงพ่อท่านมีความลับอะไรวะ หลบเร็ว...ไอ้ทวนลงมาแล้ว”
ทวนเดินลงมาจากศาลา ผ่านมหาเฉื่อยและหมอกไปทั้งสองออกมาจากมุมที่แอบอยู่มองตามไปด้วยความสงสัยก่อนหันมาสบสายตากัน
“หลวงตาท่านมีอะไรกับพี่ทวนฮึ ลุงมหา”
หมอกครุ่นคิดอย่างสงสัย

หลวงตารินน้ำชา ส่งเสียงกระแอมเตือน
“มีอะไร ไม่ต้องมาทำลับๆ ล่อๆ ข้าหูตึงเว้ย ไม่ได้ตาบอด”
มหาเฉื่อยกับหมอก ยิ้มแหยๆ รีบคลานออกมากราบลง
“อ้า เมื่อกี้นี้ ไอ้ทวน...”
“ไอ้ทวน แล้วไงล่ะ”
“พี่ทวนเขามาหาหลวงตาทำไมขอรับ ในเมื่อเขาย้ายสังกัดไปเป็นพวกของเศรษฐีบุญช่วยแล้ว” หมอกถามอย่างสงสัย
“ใช่ครับหลวงพ่อ ไอ้พวกนั้นมันไม่มีศีลธรรมมันย่อมไม่มีพระ ไปเป็นพวกมันก็ไม่ต้องมาเป็นพวกของพระ”
“ใครจะเป็นพวกของใคร ศาสนาไม่เกี่ยวด้วยหรอกท่านมหา พระมีหน้าที่ชี้ทางสงบเป็นสุขให้แก่คน ก็แล้วแต่มันจะเอาไปปรับใช้กับชีวิต คนน่ะ...จริตมันเหมือนกันเสียที่ไหนล่ะ”
หลวงตาจิบน้ำชาอย่างสบายอารมณ์ ท่าทีเนิบนาบไม่เป็นทุกข์ มหาเฉื่อยและหมอกยิ่งร้อนใจ
“แต่ชาวบ้านกำลังเกลียดไอ้ทวน ทำไมหลวงพ่อถึงได้รักมันล่ะขอรับ”
หลวงตาถอนหายใจ ท่าทีเงียบขรึม
“ข้ามีเหตุผลของข้า”
มหาเฉื่อยกับหมอก หันมาสบสายตากันด้วยความแปลกใจ

วันต่อมา ศรีแพรนั่งกอดเข่าเศร้าหมองอยู่ที่บันได เมินค่อยๆย่องเข้ามาพร้อมกับปลาพวงใหญ่ ยื่นปลา มาตรงหน้าศรีแพรด้วยท่าทีประจบ ง้องอน ตีหน้ายิ้มทะเล้น
“ศรีแพรจ๋า พี่เมินคนขยันประจำตำบล ออกไปหาปลามาให้ศรีแพรจ้ะ”
ศรีแพรดึงปืนออกมาจากเอว จ่อที่หน้าผากของเมิน
“เอากลับไป รู้นะ...คิดอะไร คิดจะเอาปลาซิวปลาสร้อย มาแลกปลาสลิดใช่มั้ยล่ะ”
เมินอึ้ง
“โห ทำไมรู้”
“ฝันไปเถอะ เดี๋ยวแม่ก็ยิงสมองทะลุซะหรอก”
ศรีไพรกับแสนกำลังจะออกไปท้องนา รีบหลบวูบต่างตกใจกับท่าทีที่กร้าวแกร่งของศรีแพร...เมินหน้าเสีย
“ศรีแพร ทำไมโหดยังงี้ ศรีแพรไม่เคย...เอ้อ...ไม่เคย...”
ศรีแพรจ้องหน้าเมินด้วยสายตาจริงจัง
“ผู้หญิงม่าย มีแม่มีน้องต้องรับผิดชอบ ไหนจะต้องสู้กับอิทธิพลเถื่อน ไม่ลุกขึ้นมาสู้จะให้ทำยังไง”
“โถๆๆๆ ศรีแพร ก็คืนดีกับพี่ พี่จะดูแลทั้งครอบครัวเลย”
“ฝันไปเถอะ ผู้ชายหลายรัก จะกลับไปดีๆ หรือว่าจะไปแบบ...แบบ...ซิกแซก!”
เมินงงๆ
“ซะ...ซิกแซกยังไง”
“ก็ยังงี้ไงล่ะ”
ศรีแพรยิงกระสุนลงพื้น เมินตกใจวิ่งหลบลูกปืนไปมา ศรีไพรกับแสน นัยน์ตาเบิกโพลงไปด้วยความตื่นตระหนก

ทวนนั่งอยู่บนเกวียน กำลังทำความสะอาดปืนพกประจำตัว ชิงชัยเดินนำหน้าหลิมและเลิศลงมาจากเรือน ต่างจ้องมองมายังทวน ชิงชัยหันไปพูดกับหลิม
“ข้ารู้วิธีที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของไอ้ทวนแล้ว”
หลิมแปลกใจ
“ทำยังไงครับ คุณชิงชัย”
ชิงชัยกลับไปที่เรือน แล้วบอกแผนการให้บุญช่วยรู้ บุญช่วยจึงเรียกทวนมาพบ และบอกให้รู้ว่าต้องการให้ทำอะไร
ทวนหันกลับมาช้าๆ มองสบสายตาบุญช่วยและชิงชัง ที่จ้องมองทวนเขม็งอย่างจับผิด แววตาของทวนท้าทาย
“ผมไม่ทำ...”
“ทำไม่ได้ หรือว่า...ไม่ทำเพราะแกกับไอ้เมินเป็นพวกเดียวกันเอง” ชิงชัยโวย
“แกมีเหตุผลอะไรที่ไม่ทำตามคำสั่งของฉัน” บุญช่วยถามอย่างไม่พอใจ
“สั่งโง่ๆ” ทวนพูดนิ่งๆ
บุญช่วย โกรธ
“ไอ้ทวน...”
ชาริณีร้อนใจ เข้ามาเกาะแขนของทวน
“คุณทวน บอกพ่อไปซิคะว่าทำไมคุณถึงได้หาว่าคำสั่งของพ่อฉัน...โง่”
“พี่ชายคุณทำโง่ตอนที่ฆ่านายพร ชาวบ้านนาถึงได้รวมหัวกันต่อต้านเศรษฐีบุญช่วย ถ้ายิงไอ้เมินทิ้งอีกคน สุนัขทั้งตำบลบ้านนา คงไม่อ้าปากหอนรับพวกเศรษฐีบุญช่วยแน่”
บุญช่วยกับชิงชัย หันมาสบสายตากันอย่างร้อนใจ สไบรีบเห็นด้วยกับทวน
“จริงๆ ด้วย ทำอะไรไม่คิด ปุ๋ยกับยาถึงเหลือเบอะบะ ไม่มีคนซื้อ”
บุญช่วยหันมามองหน้าชิงชัย ด้วยสายตาตำหนิ สไบยิ้มหยัน
“แทนที่จะยิงนายเมินทิ้ง หาทางเอานายเมินเข้ามาเป็นพวกดีกว่า”
ทวนร้อนใจ แต่ไม่แสดงท่าที สไบหันมายิ้มให้ทวน
“เราจะได้ประโยชน์เต็มๆ จริงมั้ยคะ...คุณทวน”
ทวนลังเล พูดอะไรไม่ออก

ศรีไพรสอนศรีแพรยิงปืนอยู่ที่ป่าละเมาะ เมินกับหมอกที่แอบอยู่ในพุ่มไม้ค่อยๆ โผล่ศีรษะออกมา กระสุนเฉี่ยวศีรษะ ทั้งสองรีบหลบ หมอกตัวสั่นหวาดกลัว
“กึ๋ยยยย พี่เมิน ไอ้ที่เขาตายกันก็เพราะมือใหม่ยังงี้แหละ คับขันยังงี้พี่ชวนฉันมาทำไม ทำไมไม่ชวนไอ้ทอก”
“ก็ไอ้ทอกมันขึ้นไปพัดให้หลวงตานี่หว่า เลยชวนเอ็งมาน่ะซี มือใหม่ยังงี้ข้าก็กลัวว่ะ”
ศรีไพรพยายามสอนให้ศรีแพร ยิงปืนให้แม่น
“นี่ พี่ต้องเล็งที่หมายให้ถูกที่ มือนิ่งๆ ตั้งใจ อย่าหายใจแรงนะ กระสุนมันแพง อย่ายิงสะเปะสะปะ เหมือนยิง...พี่เมิน”
“ฮึ พี่เมิน!”
ศรีแพรแค้นใจ รัวยิงเข้าไปยังพุ่มไม้ เมินกับหมอกส่งเสียงร้องลั่นก่อนวิ่งหนีไป
“นั่นพี่เมินนี่” แสนร้องขึ้นอย่างตกใจ
ศรีแพรมองตามไปด้วยความแค้นใจ ขยับจะยิงซ้ำแต่ศรีไพรรั้งไว้

มหาเฉื่อยเดินสวดมนต์อยู่หน้าโบสถ์อย่างเคร่งศีล เมินและหมอกวิ่งเข้ามาหลบอยู่หลังมหาเฉื่อย
“เฮ้ย นี่มันเรื่องอะไรกันวะ ปล่อยข้า เดี๋ยวศีลข้าขาด”
“ลุงมหา ช่วยด้วย” เมินบอกอย่างตื่นกลัว
“ช่วยเรื่องอะไร ใครทำอะไรเอ็ง”
“ฉัน...ฉันถูกยิง”
มหาเฉื่อยโกรธจัด
“หา พวกเศรษฐีบุญช่วยนี่มันใหญ่โตคับฟ้ามากไปแล้ว ไป...ไปเอาหม้อน้ำมนต์มา”
“เอามาทำอะไรลุงมหา” หมอกถามอย่างไม่เข้าใจ
“ข้าจะเอาน้ำมนต์ไปปัดรังควาญปีศาจของเศรษฐีบุญช่วย”
เมินเซ็งเลย
“โอย ไม่ต้องหรอกลุงมหา ฉันไม่ได้ถูกพวกนั้นไล่ยิงมาหรอก ตะ...แต่...แต่ว่า...ถูก...ถูก...ศรีแพรไล่ยิงมา”
มหาเฉื่อยตกใจ
“หา เดี๋ยวนี้ศรีแพรมันใช้ปืนเป็นแล้วเรอะ”
หมอกกลัวๆ
“แถมยิงไม่แม่น แม่เล่นกราดทั้งลูกโม่เลยลุงมหา”
เมินร้อนใจ
“ลุงมหา ทำยังไงดีล่ะ ศรีแพรไม่ยอมดีกับผม แถมเจอหน้าทีไรไล่ยิงทุกที”
มหาเฉื่อยแปลกใจ
“อะไร ทำให้ศรีแพรมันดุยังงี้วะ”

ค่ำคืนนั้น ศรีแพรกำลังตักน้ำตาลทรายใส่ลงในแก้วเครื่องดื่ม ศรีไพรส่งเสียงเตือน
“พี่ศรีแพร อย่ากินน้ำตาลมากนะ”
ศรีแพรชะงักก้มลงมองช้อนน้ำตาล
“ทำไม”
สดมองค้อน ไม่พอใจที่ศรีแพรเลิกกับเมิน เพราะรักใคร่เอ็นดูเมิน
“ดุน่ะซิ กินน้ำตาลมากๆ น่ะดุ”
ศรีแพรงงๆ ศรีไพรยิ้มแหยๆ
“แม่หมายถึงไอ้ตัวที่เอาไว้เฝ้าสวนน่ะ เขาไม่ให้มันกินน้ำตาลมาก กินแล้วมันดุ”
“หมา...!” แสนโพล่งขึ้น
ศรีแพรกระแทกช้อนน้ำตาล เริ่มมีอาการหึงเมื่อคิดถึงเมิน
“ผู้ชายอย่างพี่เมิน มันต้องทั้งดุทั้ง...กัด!”

อ่านต่อ หน้า 2










เพลงรักบ้านนา ตอนที่ 21 (ต่อ)

เช้าวันใหม่ ตลาดนัดท้องถิ่นจอแจไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าและผู้คน ศรีแพรและแสนมาซื้อของ เมินและหมอกค่อยๆ ย่องตามศรีแพร แต่ไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะกลัวลูกปืนที่ศรีแพรคาดไว้ที่เอว

“เข้าไปงอนง้อขอคืนดีกับศรีแพรซิพี่เมิน โอกาสนี้แหละเหมาะ พอถึงตัวปุ๊บ...จับปั๊บ...” หมอกแนะ
เมินมองหน้าหมอก
“จับ...ปั๊บเลยเรอะ”
“จับมือ นี่...จับให้มันถูกที่ถูกเวลา ถูกกาลเทศะ ผู้หญิงน่ะ...ร้อยทั้งร้อย...ไม่ต้องทอน เสร็จ”
เมินตาโต
“เสร็จเลยหรือ”
หมอกยิ้มกริ่ม
“เรียบ...ร้อย...”
เมินค่อยๆ ย่อง เกือบจะถึงตัวศรีแพร ขณะเดียวกันนั้น แหว่งเห็นเมินพอดี
“คุณสไบของบ่าวขา นั่นคุณเมินนี่”
“คุณเมิน” สไบแทรกเข้ามาพร้อมแหว่ง “คุณเมินนี่เอง มาเดินตลาดแต่เช้าซื้ออะไรเอ่ย”
ศรีแพรและแสนต่างชะงัก ศรีแพรพยายามจะไม่หันไปมองเมินกับสไบ สไบยิ่งแกล้งยั่วโทสะของศรีแพร
“ถ้าจะซื้อหัวใจสดๆ เต็มๆ ละก็ไม่ต้อง ฉันมีให้คุณเพียบ อยากจะลิ้มชิมรสเมื่อไหร่ละก็...บอก”
“อ้า กำลังถือศีลไม่กินของสดของคาวครับ คุณสไบ”
“พี่ศรีแพร ไปเถอะ” แสนชวน
“เดี๋ยว...”
“พี่...พี่เลิกกับพี่เมินแล้วนะ” แสนเตือน
แหว่งยื่นหน้าเข้ามาสอด
“ผะ...เอ๊ย...ฝาละมี เลิกแล้วก็เป็นคนอื่น จริงมั้ยคะคุณสไบของบ่าวขา”
ศรีแพรพยายามอดกลั้นอารมณ์หึงแตะปืนที่เอว เมินรีบห้าม
“อย่า อย่าจ้ะ...คนเยอะ มือไม่แม่นเดี๋ยวประชาชนผู้บริสุทธิ์มีงานเข้า”
สไบยิ้มเยาะ
“เชอะ...ทำตัวเป็นผู้หญิงแกร่งเหมือนไอ้ศรีไพร จ้างให้...ใครจะกล้ายิงปืนกลางตลาด ก็ยิงซี คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่จะได้...ตาย”
แม่ค้าพ่อค้าต่างหวีดร้อง วิ่งหลบกันชุลมุน ศรีแพรกวาดสายตาไปรอบๆ อย่างลังเล
“แสน...”
แสนกลัวๆ
“จะ...จะ...จ๋า พี่ศรีแพร”
ศรีแพรส่งปืนให้
“เอาปืนนี่ไป”
หมอกถอนใจโล่งอก
“โฮ่ย ค่อยยังชั่ว”
แหว่งมองหยัน
“นั่นไง คุณสไบของบ่าวขา มันไม่กล้ายิงหรอกมันกลัวติดคุก ฮิๆๆๆ”
“ไม่ยิง แต่ใช้ไอ้นี่แทน...”
ศรีแพรกำหมัด ต่อยเปรี้ยงเข้าใบหน้า สไบหงายผึ่ง

หลิมกับเลิศหิ้วปีกสไบ ซึ่งถูกศรีแพรต่อยจนเลือดโกรกจมูกโดยมีแหว่งวิ่งตามมาติดๆ
“คุณสไบของบ่าวขาคุณสไบของบ่าวขาเป็นยังไงบ้างคะ เจอจัดมาแบบเต็มๆ ยังงี้ หงายผึ่งเลยค่ะ”
สไบสะบัดหลิมกับเลิศออกไป
“ปล่อย...ปล่อยฉัน ฉันจะกลับไปเล่นงานนังศรีแพร”
ทวนเดินลงมา ยืนมองสไบด้วยความสงสัย แหว่งเข้าห้าม
“ตั้งหลักก่อนดีกว่าค่ะคุณสไบของบ่าวขา กลับไปสภาพไม่สมบูรณ์เต็มร้อย ยังงี้มีหวังน็อคกลางอากาศ เดี๋ยวนี้นังศรีแพรมันเล่นคิวบู๊เหมือนน้องสาวมันแล้วนะคะ คุณสไบของบ่าวขา”
“ฉันจะไม่ยอมแพ้มัน ฉันจะต้องแย่งคุณเมินมาเป็นของฉัน...ให้ได้”
สไบน้ำเสียงมุ่งมั่นมาก ขณะที่ทวนมองอย่างครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

ศรีไพรตรวจต้นข้าวในท้องนา ทวนรออยู่ เธอรีบหันหลังกลับซ่อนความอ่อนแอไว้ในแววตา ไม่ให้เขาเห็น
“ฉันบอกแล้วใช่มั้ย ห้ามไม่ให้คุณเข้ามาในเขตที่นาของฉัน”
“ศรีไพร”
“ไปเสียเถอะ ฉันเบื่อที่จะไล่คุณ คุณเลือกฝ่ายไปแล้ว ก็ไม่ต้องกลับมาทำให้ฉันลำบากใจอีก”
ท่าทีของศรีไพรเป็นผู้ใหญ่ สุขุมลุ่มลึกขึ้น ทวนหนักใจ
“ศรีไพร เราจะพูดกันดีๆ ไม่ได้เลยหรือ”
“ฉันไม่มีอะไรจะพูด ฉันลืมไปหมดแล้วว่าคุณเคยทำอะไรดีๆ ให้กับเรา ถ้าอยากจะช่วยละก็...ช่วยหายไปจากชีวิตฉันเสียที ฉันจะต่อสู้ร่วมกับชาวบ้านนา คุณ...ก็ต่อสู้เคียงข้างนายทุน...พ่อตาของคุณ”
ศรีไพรเดินเชิดหน้าผ่านทวนไป ด้วยท่าทีเข้มแข็ง ไม่หวั่นไหว ทวนหันไปมองด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
ศรีไพรเดินจากทวนมา พยายามเข้มแข็งทั้งที่เจ็บปวด หยุดเดินหลับตาลง เตือนตนเอง
“อย่า...อย่าหันกลับไป เข้มแข็งไว้ ผู้ชาย...ไม่ใช่ปัจจัยเดียวในชีวิตของผู้หญิงหรอก เราต้องอยู่ให้ได้...ต้องอยู่...ให้ได้”
ศรีไพรผ่อนลมหายใจ ลืมตาขึ้น ความเข้มแข็งกลับมาเต็มร้อย ยิ้ม ก่อนที่จะก้าวต่อไป ทวนก้าวเข้ามาแทนที่ มองตามไป

ชาริณีตามเข้ามาเกาะแขนบุญช่วยไว้ พยายามอ้อนวอน บุญช่วยลำบากใจ
“นะ...นะพ่อนะ หนูจะแต่งงานกับคุณทวน ให้หนูแต่งงานกับเขาเถอะ”
“ไม่ได้ พ่อยังไม่ไว้ใจไอ้ทวน ให้มันไปยิงไอ้เมินทิ้งมันยังไม่ทำ”
“คุณทวนเขามีเหตุผล ถ้ายิงนายเมินทิ้งพ่อจะเสียชาวบ้านนาทั้งตำบล”
บุญช่วยหันกลับมาตั้งข้อสงสัยกับชาริณี
“หรือว่า...มันไม่ฆ่าเพื่อน”
“คุณทวนเขาไม่มีเพื่อนตั้งแต่เขาตัดสินใจมาอยู่กับเรา ถ้าเขาเป็นลูกเขยเศรษฐี เขาจะไม่มีใครเลย ป้องกันเขาไม่ให้ทรยศต่อพ่อไงล่ะ”
บุญช่วยเริ่มเห็นด้วยอย่างที่ลูกสาวบอก

ค่ำคืนนั้น ทวนเดินสำรวจพื้นที่เพื่อสืบหาหลักฐานจับกุมบุญช่วย ส่างลองเดินสวนทางกับทวน ต่างจ้องมองกันด้วยความหวาดระแวง
ทางด้านชาริณีวิ่งลงมาจากบ้าน จะไปหาทวน ชะงักเมื่อเห็นจ่าสินยืนหันหลังให้
“แก...”
จ่าสินหันกลับมาช้าๆ แววตาน่ากลัว
“ผมเอง ไม่ใช่ไอ้ทวนหรอก”
ชาริณีมองไปรอบๆ เริ่มหวาดกลัวจ่าสิน
“ไปพบผมที่เดิม”
“ฉันไม่ไป...”
“ไม่ไป...ไม่รู้หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ทวนก้าวเข้ามา ท่าทียิ้มๆ
“ในเมื่อคุณชาริณีไม่อยากไป ก็ไม่เห็นต้องไปเลย คุณขึ้นไปนอนได้แล้ว คำสั่งผมในนามผู้คุ้มกันคุณ”
ชาริณีลังเลเป็นกังวลใจ
“เอ้อ...”
“ไปซิครับ” ทวนย้ำคำ
ชาริณีมองหน้าทวน แววตาอ่อนลง เริ่มมีความผูกพันกับทวน
“ค่ะ...”
ชาริณีขึ้นเรือนไป จ่าสินหันมาจ้องหน้าทวนนัยน์ตาวาวโรจน์ขึ้นด้วยความโกรธ
“แก...”
“เลวให้มันแค่พอหอมปากหอมคอหน่อยนะจ่า ไอ้เลวสมบูรณ์แบบ ประเภทที่ขุนเท่าไหร่ไม่เชื่องยังงี้ ถ้าเศรษฐีบุญช่วยรู้เข้า จ่า...ตายแน่”
ทวนชี้หน้าจ่าสินเยาะๆ ก่อนเดินแยกไป จ่าสินมองตามด้วยความโกรธ

เมินและหมอกนอนอยู่ในมุ้งเดียวกัน เมินนอนไม่หลับกระสับกระส่ายพลิกซ้ายพลิกขวาจนหมอกรำคาญ
“พี่ นอนไม่หลับยังงี้ ออกไปนอนนอกมุ้งดีมั้ย หุ้นส่วนลำบากใจ”
“โธ่ ก็จะหลับตาทีไร เห็นแต่หน้าศรีแพรทุกที”
“นั่นแหละ...ยิ่งอันตรายสำหรับเดี๊ยนเลย เกิดพี่เห็นหน้าไอ้หมอกเป็นเมีย หมอกศรีจะมีอะไรเหลือ”
เมินเปิดมุ้งออกมา
“โฮ้ย กลุ้มใจ”
“กลุ้มก็ไปเดินจงกลมในป่าช้า...ไป๊”
เมินหันไปมองหมอกก่อนผลุนผลันออกไป

คนเร่ร่อน แอบเข้ามาซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ในป่าช้า ขณะที่เมินเดินเข้ามา พลางบ่น...
“โธ่ ไม่อยากนอนไม่หลับเลย อยู่ในป่าช้า นอนไม่หลับทีไร ต้องมาเดินจงกลมแถวนี้ทุกที ศรีแพรจ๋า...เมื่อไหร่จะยอมให้พี่เข้าไปนอนในห้องหอซะทีล่ะจ๊ะ ศรีแพร...ศรีแพรจ๋า”
เมินมองขึ้นไปบนต้นไม้ ชะงักเห็นเปลบนต้นไม้แกว่งไกวเบาๆ
“ผะ...ผี ไม่ใช่...ต้องไม่ใช่ หรือถึงใช่...ผีกับคนก็อยู่ร่วมกันได้นี่” เมินท่าทีหวั่นๆ เริ่มสงสัย “เอ แล้วถ้าไม่ใช่ผีแต่เป็นคนล่ะ ใคร...นั่นใครน่ะ ผีหรือคน”
“เอ็งว่าข้าเป็นผีหรือคนล่ะ”
“ลุง...ลุงขอทาน นี่ลุงเองหรือ ผมนึกว่าลุงออกไปจากหมู่บ้านแล้ว ลุงยังอยู่อีกหรือ”
ขอทานกระโดดลงมาหยุดยืนตรงหน้าเมิน แสยะยิ้มน่ากลัว

เช้าวันใหม่ ศรีไพรพาชาวนามาขอกู้เงิน ธนาคาร ธกส.กำลังบอกกับชาวนา
“เราต้องกลับไปจัดเตรียมเอกสารมาให้พร้อม ทั้งสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านแล้วก็ใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ ธนาคารมีโครงการให้ชาวนากู้เงินไปลงทุนทำการเกษตร พวกเราทุกคนอยู่ในข่ายมีสิทธิ์”
ชาริณีเดินนำหน้าทวนเข้ามา มองเย้ยหยัน
“คิดว่าไม่พึ่งเงินกู้นอกระบบของพ่อฉันแล้ว ชาวนาจะร่ำรวย ที่ไหนได้...ที่แท้ก็ซมซานมากู้เงินธนาคารนี่เอง”
“ก็คงจะดีกว่าทนให้เศรษฐีบุญช่วยขูดรีดละมั้ง เสียดอกให้ธนาคารยังดีกว่าเสียดอกทบต้น...ต้นทบดอกให้พ่อของคุณ” ศรีไพรหันไปหาชาวนา “ไป...พวกเรา ไม่ต้องไปฟังเสียงใครทั้งนั้น เรามีสิทธิ์ทำอะไร เราต้องใช้สิทธิ์ของเรา”
ศรีไพรพาชาวนากลับออกไป ทุกคนมองหน้าทวน แสดงความรังเกียจ
“ขืนอยู่เดี๋ยวเปรี้ยวปาก ต้องถุยน้ำลายใส่หน้าคนว่ะ” ชาวนาคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเกลียดชัง
ทั้งหมดแยกออกไป ทวนมองตามด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ชาริณีไม่พอใจ
“ก็ลองมาถุยน้ำลายรดหน้าฉันซิ ฉันจะจับพวกแกเข้าคุกให้หมด เห็นมั้ยคะคุณทวน ไม่มีคุณแล้วไอ้ศรีไพรมันก็ยังยโสโอหัง...เหมือนเดิม”
ทวนมองตามศรีไพรไปอย่างเงียบๆ

สดตำหนิศรีแพร เรื่องที่เลิกกับเมิน
“ผัวเมียกันก็เหมือนลิ้นกับฟัน ต้องกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นธรรมดา ดูอย่างพ่อกับแม่ซิ ทะเลาะกันทุกวันแต่ไม่เคยคิดจะเลิกกัน ถ้าคิดสั้นๆ ง่ายๆ ป่านนี้ลูกก็ไม่มีพ่อแล้ว”
ศรีแพรฟังนิ่งเฉย แววตาอ่อนลง ศรีไพรและแสนกลับมาจากธนาคาร ธกส. เข้ามายืนฟังเงียบๆ
“แม่อยากให้เอ็งคิดให้ดีๆ แต่งงานกับไอ้เมินได้ชื่อว่าเป็นผัวเมียกันแล้ว ต้องให้อภัยกันไว้ ผัวไม่ให้อภัยเมีย...เมียไม่ยกโทษให้ผัว แล้วใครจะ...ให้…”
“ฉันเห็นด้วยกับแม่นะพี่ศรีแพร ฉันขอโทษที่เคยยุให้พี่เลิกกับพี่เมิน เพราะ...”
ศรีไพรนิ่งไปอย่างเจ็บปวดใจ แสนมองหน้าพี่สาว
“เพราะพี่ทวนใช่มั้ย”
“ยุ่งน่ะ” สดดุแสน
“ฉันไม่ควรเอาผู้ชายเลวๆ คนเดียวไปตัดสินผู้ชายทั้งโลก ให้อภัยพี่เมินเถอะนะพี่นะ”
“ฮื่อ...จะคิดดู”
ศรีแพรถอนหายใจ ยิ้มน้อยๆในแววตา

เมินและหมอกกำลังปลดปิ่นโตออกจากเถา จัดวางให้คนเร่ร่อน
“กินซะลุง จะได้ไม่ต้องออกไปขอทาน อยู่วัดของเหลือฉันของหลวงตาเยอะแยะ แบ่งกันกินแบ่งกันอิ่ม”
“ฉันกับไอ้ทอก พี่เมินแล้วก็...” หมอกจะพูดถึงทวนแล้วชะงัก สบสายตาเมิน “เอ้อ...กินข้าวก้นบาตรกันมา โต๊...โต...โตวันโตคืนจ้ะ”
เมินแววตามึนตึง
“เสียแต่ข้าววัดไม่ค่อยมียาง”
หมอกถอนใจ
“โธ่ พี่เมิน ทุกข์เรื่องเมียทิ้งแล้ว ยังเก็บเรื่องเพื่อนมาทุกข์อีก มีเมียแล้วแต่เมียทิ้ง ตอนนี้เป็นม่าย”
ขณะเดียวกันนั้น แสนวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางดีอกดีใจ
“พี่เมิน...พี่เมิน...มีข่าวดี แม่ให้มาบอกว่าให้พี่เก็บข้าวเก็บของเข้าไปอยู่ที่เรือนหอ พี่ศรีแพรเขาให้อภัยพี่แล้วละ”
เมินกับหมอก ต่างกระโดดตัวลอย ตื่นเต้นดีใจ
“ฮ้า จริงหรือ พี่สาวแสนแสบยกโทษให้พี่แล้วหรือ”
หมอกมองหน้าแสนหวั่นๆ
“ไม่ใช่หลอกเอาพี่ชายข้าไปยิงทิ้งนะโว้ยไอ้แสนแสบ ข้ายิ่งมีพี่เหลืออยู่คนเดียวด้วย”
เมินดีใจมาก
“ไป...ไปก่อนนะลุง ฉันต้องไปเก็บข้าวของเข้าหอ คืนนี้แหละ...ไอ้หมอกเอ๋ย...”
“เอ๋ย...”
“พี่ไม่ต้องนอนเหม็นมุ้งไม่ซักของเอ็งแล้ว พี่จะไปนอนในมุ้งตาพริกไทย หอมระรวยระรินของศรีแพร จะนอนบนฟูก...ไปเก็บของก่อนละโว้ย”
ขณะเดียวกันนั้น เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้น ทุกคนชะงัก เมินดึงโทรศัพท์ออกมา มองที่หน้าปัด ก่อนมองหน้าหมอกและแสน คนเร่ร่อนเอียงหูฟัง อย่างสอดรู้
“ฮัลโหล...”
เมินรีบเลี่ยงออกไป ทั้งหมดมองตาม

เมินเดินเลี่ยงออกมาเพื่อรับโทรศัพท์จากหน่วยเหนือ
“ครับผม...ครับ...เอ้อ...”
แววตาของเมินเริ่มกังวล หมอกและแสนตามเข้ามาฟังด้วยความสนใจ
“รับ...รับทราบครับผม”
เมินปิดโทรศัพท์ หน้าตาว้าวุ่น กังวล
“พี่เมิน ใครโทร.หาพี่ ทำไมพี่ถึงได้ทำหน้ายังงั้นล่ะ” หมอกถามอย่างสงสัย
“ไปกันหรือยังล่ะ พี่ศรีแพรรอพี่อยู่นะ” แสนเร่ง
“เร็วๆ ไม่ต้องเก็บข้าวเก็บของหรอก รีบไปเข้าหอก่อนเถอะ แต่งมาตั้งสามเดือนแล้วยังไม่ได้แอ้มเลย...อ้า...อ้ำ...แอ้มชิ้นใหญ่ๆ เลยนะพี่นะ” หมอกแหย่
“ไปกันเถอะ”
แสนจับมือของเมิน ดึงให้ออกเดิน เมินฝืนไว้
“เอ้อ...”
“ทำไมล่ะ พี่เมิน” แสนแปลกใจ
เมินหน้าสลดลง
“พี่...พี่ไปไม่ได้”
หมอกกับแสนแปลกใจ อุทานขึ้นพร้อมๆ กัน
“ไปไม่ได้”
“ทำไม...!” หมอกถามอย่างสงสัย

จบตอนที่ 21
อ่านต่อ ตอนที่ 22 วันพรุ่งนี้









กำลังโหลดความคิดเห็น