xs
xsm
sm
md
lg

ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 24 อวสาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 24 อวสาน

ตอนเช้าของวันใหม่ เท่งแวะมารับบุญเลื่องเพื่อไปลีลาศตามที่นัดกันเอาไว้ โดยมียี่หวา ข้าวตู ไข่ตุ๋น เดินมาส่งเท่งกับบุญเลื่องที่รถ

“ปู่เท่งขับรถดีๆ นะคะ อย่าซิ่งให้มากล่ะ เดี๋ยวคุณยายหวาดเสียว” ไข่ตุ๋นตะโกนบอก
“แหม ไอ้ตัวนี้ พอค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อยล่ะก็ สั่งงานปู่เชียวนะ”
“พูดก็พูด ยัยหยียังอยู่โรงพยาบาล แม่ไม่อยากไปเลยงานลีล่งลีลาศอะไรเนี่ย” บุญเลื่องดูกังวล
ยี่หวาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ไปเถอะค่า แม่อดหลับอดนอนเฝ้ายัยหยีมาเป็นอาทิตย์ๆ ตอนนี้ยัยหยีไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว หนูอยากให้แม่ไปพักผ่อนเปิดสมองกับเพื่อนๆบ้าง สนุกให้เต็มที่เลยนะคะ”
“ปูนนี้แล้ว จะไปทำอะไรได้มากมาย แค่เต้นลีลาศกับซื้อของฝากก็หมดแรงแล้ว”
“นั่นมันคุณ ผมยังลั้นลาได้อีกเยอะ” เท่งพูดแล้วยักคิ้วให้ “ชิวๆ”
“ปู่เท่งเก่งที่สุดเลยครับ ฟิตกว่าลุงนนท์กับอายอดอีก” ข้าวตูบอก
เป็นที่ถูกใจเท่งสุดๆ เลยหันตบมือไฮไฟว์แล้วบั้มพ์สะโพกกับข้าวตู ยี่หวากับไข่ตุ๋นหัวเราะคิกๆ ชอบอกชอบใจ เท่งถูกบุญเลื่องทิ้งค้อนให้หนึ่งวง
“พวกลืมแก่ เอ้า ไปได้แล้วคุณ เดี๋ยวรถติด”
เท่ง กับบุญเลื่องขึ้นรถ ก่อนที่เท่งจะขับรถพาบุญเลื่องออกจากบ้านไป โดยมีไข่ตุ๋น ข้าวตูโบกมือบ๊ายบาย
“ไข่ตุ๋นไปเล่นกับข้าวตูก่อนนะจ้ะ น้าไปทำอาหารก่อน พอพ่อเค้ามา เราจะได้กินข้าวด้วยกัน แล้วค่อยไปเยี่ยมน้าหยี”
“ครับ / ค่ะ” ข้าวตูกับไข่ตุ๋นรับคำพร้อมกัน
แล้วไข่ตุ๋นก็ออกวิ่งนำไปที่สนามหญ้า โดยมีข้าวตูวิ่งตามไป ยี่หวามองตามเด็กๆ ด้วยความเอ็นดู

เวลาต่อมาในขณะที่ณนนท์กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ สักพักหนึ่งเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ณนนท์ดูเบอร์ด้วยใบหน้ายิ้มๆ แล้วกดรับ
“ว่าไงครับ”
เป็นยี่หวานั่นเอง กำลังยืนคุยโทรศัพท์มือถือกับณนนท์อยู่ในห้องครัว
“ยุ่งอยู่รึเปล่าคะนนท์”
“เปล่าจ้ะ พอดีลูกค้าผมเค้าออกไปคุยโทรศัพท์น่ะ คุณมีอะไรรึเปล่า”
“ฉันทำอาหารไว้เยอะแยะเลย อยากให้คุณรีบกลับมาทานเร็วๆ น่ะค่ะ”
ณนนท์ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมาอีก
“แหม แค่พูดก็หิวแล้ว มีอะไรบ้างครับเนี่ย
“หลายอย่าง มี ‘เซอร์ไพรส์’ ให้คุณด้วยนะ”
ณนนท์ระบายยิ้มทั่วใบหน้า
“อย่างงี้ต้องรีบโดยด่วน เดี๋ยวผมคุยงานเสร็จจะรีบกลับไปทันทีเลยครับ แล้วเจอกันจ้ะ”
ณนนท์กดวางสาย สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความสุข ที่ได้เจอสิ่งที่ใฝ่หามานานจากชีวิตครอบครัว

ต่างไปจากยี่หวาที่พอกดวางสาย สีหน้ากลับเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ที่แท้มีภูมิชายถือปืนยืนจ่ออยู่ข้างหลังข้าวตู กับไข่ตุ๋น ซึ่งกอดกันร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความหวาดกลัว
“ฉันเรียกเค้ามาแล้ว อย่าทำอะไรเด็กๆ นะ” ยี่หวาพูดหน้าเครียด
ภูมิชายยิ้มเหี้ยม คิดในใจว่าอีกไม่นานก็จะได้ล้างแค้นณนนท์สมใจแล้ว

ยาหยีกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงคนไข้ พร้อมกับกดโทรศัพท์มือถือหาสุดยอด แต่สุดยอดก็ไม่รับสายสักที ในขณะที่วุ้นกับก้อยกำลังช่วยกันปอกผลไม้ ยาหยีถอนใจหน้าจ๋อยๆ ที่สุดยอดไม่ได้รับสายตน
“ถอนใจอะไรยะ ทีเค้ามาง้อแกก็ไล่เค้าไป ทีงี้มาทำถอนใจ” ก้อยเยาะ
“ฉันก็แค่อยากจะขอบคุณเค้า ที่เค้าช่วยฉันไว้ต่างหาก ไม่มีอะไรซะหน่อย” ยาหยีปฏิเสธ
“มีก็ได้นะแก ฉันไม่ว่า” วุ้นว่า
ยาหยีขี้เกียจเถียงด้วย กดโทรศัพท์มือถือหาสุดยอดต่อ

เวลาเดียวกันนั้นที่หน้าห้องของยาหยีนั่นเอง ที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นเห็นสายเรียกเข้า ขึ้นรูปหน้ายาหยี เป็นสุดยอดนั่นเองที่ยืนมองหน้าจอมือถือของตน ตอนที่ยาหยีโทรเข้ามา
ก่อนจะกดตัดสายแล้วปิดเครื่องไปเลย
สุดยอดหันไปมองที่ประตูห้องอีกครั้ง และตัดใจไม่เปิดเข้าไป เพราะไม่อยากสร้างปัญหาให้ยาหยีมากไปกว่านี้ แค่ยาหยีปลอดภัยก็มีความสุขแล้ว
จังหวะนั้นสุดยอดมองไปที่ประตูด้วยสีหน้าเศร้าๆ มองผ่านกระจกเข้าไปเห็นยาหยี กำลังพูดคุยกับวุ้นก้อย ก่อนจะเดินเลี่ยงไป

ทางด้านณนนท์ขณะนั้น กำลังเดินยิ้มกริ่มเข้ามาในบ้าน โดยไม่มีทีท่าสังหรณ์ใจว่ากำลังจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น ณนนท์เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“ยี่หวา ผมมาแล้วครับ ยี่หวา”
ณนนท์เห็นบ้านทั้งหลังเงียบเชียบ เลยกวาดสายตาหันไปมองรอบๆ สักพัก ยี่หวา ข้าวตู และไข่ตุ๋น ก็เดินออกมาจากข้างใน ณนนท์ยิ้มออกมาที่เห็นสามคน
“อ้าว อยู่กันพร้อมเลย...”
จังหวะนั้นภูมิชายก็เดินตามหลังยี่หวาออกมา ณนนท์ตกใจสุดๆ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา ภูมิชายก็ชักปืนออกมายิงใส่ณนนท์ ร่างณนนท์ถูกยิงล้มไปทันที
“นนท์... / พ่อ....”
ยี่หวา กับไข่ตุ๋น เห็นณนนท์ถูกยิงต่อหน้า ร้องออกมาพร้อมกัน ช็อกสุดๆ
จังหวะนั้นยี่หวา ข้าวตู และไข่ตุ๋น รีบวิ่งเข้าไปหาณนนท์ที่นอนอยู่ที่พื้น ยี่หวาเข้าไปกอดณนนท์ ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจสุดๆ
“นนท์ๆ”
“ลุงนนท์ๆ ฟื้นสิครับลุงนนท์” ข้าวตูร้องไห้ เขย่าตัวณนนท์
“พ่อๆ อย่าเป็นอะไรนะ พ่อ” ไข่ตุ๋น ร้องไห้ เขย่าตัวณนนท์ด้วย
ภูมิชายยิ้มอย่างสะใจ
“แกนี่มันโชคดีจริงๆนะไอ้ณนนท์ ความจริง ฉันไม่ควรให้แกตายสบาย อย่างงี้เลย ฉันควรจะให้แกเห็นลูกแกตายต่อหน้าก่อน แล้วส่งแกไปอยู่กับลูก ถึงจะสมกับที่แกทำกับฉัน”
ไข่ตุ๋นร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร พลางยกมือไหว้
“อย่าทำอะไรพ่อของไข่ตุ๋นเลยนะคะ ไข่ตุ๋นไหว้”
ภูมิชายรำคาญ เลยผลักไข่ตุ๋นออก ยี่หวารีบเข้าไปคว้าไข่ตุ๋นไว้กันไม่ให้ล้ม
“ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนอย่างนี้”

“ใช่ ฉันมันเลว ฉันอุตส่าห์จริงใจกับเธอ แต่เธอก็ไม่เคยเห็นค่า แถมยังไปมั่วกับไอ้ณนนท์อีก รู้งี้ฉันยิงเธอทิ้งไปตั้งนานแล้ว”
ภูมิชายจ่อปืนมาทางยี่หวา ข้าวตูเห็นรีบวิ่งมายืนบังแม่ทันที
“อย่าทำแม่นะ”
“อย่า ข้าวตู”
ยี่หวาดึงตัวข้าวตูมาไว้ด้านหลังตัวเองอีกคน พร้อมกับกางแขนปกป้องไข่ตุ๋นและข้าวตูไว้อย่างเด็ดเดี่ยว ไข่ตุ๋นกับข้าวตูกอดเอวยี่หวาแน่นด้วยความกลัว ยี่หวาจ้องหน้าภูมิชายตาไม่กระพริบ
“รักกันดีเหลือเกินนะ ดี จะได้ไปลงนรกพร้อมๆ กันซะเลย” ภูมิชายยิ้มเหี้ยมออกมา
ภูมิชายเล็งปืนไปที่ทั้งสามคน แต่ทันใดนั้น ณนนท์ที่นอนจมกองเลือดอยู่ ก็ยันกายลุกขึ้น จับข้อมือภูมิชายบิดจนปืนหลุดจากมือ ภูมิชายตกใจคิดไม่ถึง ไม่ทันระวังตัวจึงโดนณนนท์ต่อยเข้าไปอีกที
ไวเท่าความคิดยี่หวาวิ่งเข้าไปหยิบปืนมาไว้ในมือ แต่ไม่กล้ายิงเพราะกลัวจะไปถูกณนนท์
ณนนท์ลุกขึ้นยืน แล้วตามเตะต่อยภูมิชายซ้ำทันที ภูมิชายกัดฟันต่อยสวน ทั้งคู่สู้กันอุตลุด จังหวะหนึ่งณนนท์โดนต่อยล้มลงไปที่พื้น ภูมิชายขึ้นคร่อมแล้วชกหน้าณนนท์ด้วยความแค้น ณนนท์เลือดกลบปาก ยี่หวามองซ้ายมองขวา ข้าวตูยื่นไม้เบสบอลส่งมาให้ ยี่หวาคว้าไปแล้วฟาดที่หลังภูมิชายเต็มแรง
“โอ๊ย!!!”
ณนนท์ได้โอกาส ยันภูมิชายออกสุดแรง แล้วเข้าล็อกตัวภูมิชายกดลงกับพื้น ก่อนจะต่อยเข้าที่หน้าภูมิชายหลายหมัด ณนนท์จับภูมิชายกดไว้กับพื้นอย่างนั้น
ภูมิชายดิ้นไม่หลุด ตะโกนลั่น
“เฮ้ย ทำอะไรอยู่วะ รีบเข้ามาฆ่ามันซิโว้ย”
ขาดคำ ตำรวจก็เดิมคุมตัวลูกน้องภูมิชายเข้ามา โดยสารวัตรธนินตามเข้ามา ภูมิชายตกใจ
“ตกใจใช่มั้ยครับ คุณภูมิชาย” สารวัตรเอ่ยขึ้น
ภูมิชายตกใจสุดๆ หันไปมองณนนท์
“แก นี่แผนของพวกแกเหรอ”
ณนนท์ ยิ้มรับอย่างใจเย็นพร้อมกับภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ผุดขึ้นมาในห้วงคำนึง

หลายวันก่อนหน้านั้น ณนนท์และยี่หวาเดินทางไปที่โรงพัก ขณะนั้นเขาและเธออยู่ในห้องทำงานสารวัตรธนิน กำลังคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“จากสภาพรถที่ถูกตัดสายเบรก ผมว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับนายภูมิชายแน่ๆ ครับ แต่เรามีหลักฐานไม่มากพอที่จะเอาผิดเค้าได้” สารวัตรธนินพูดด้วยสีหน้าเครียดๆ
“ผมเองก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนอกจากไอ้หมอนี่ เค้าคงแค้นผมมาก ที่ผมเป็นสายให้ตำรวจก็เลยคิดจะฆ่าผม
ยี่หวาได้ฟังก็ยิ่งห่วงณนนท์
“แล้วเราจะทำไงดีล่ะคะ เมื่อไหร่ศาลถึงจะตัดสินจำคุกเค้าซะที พวกเราจะได้หมดห่วง”
“ผมมั่นใจในหลักฐานนะครับ ว่าเค้าไม่รอดแน่ แต่นายคนนี้มันเขี้ยวลากดิน กว่าคดีจะถึงที่สุด ก็คงอีกหลายปีเหมือนกันล่ะครับ”
ณนนท์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดกับยี่หวา
“ยี่หวา เราสองคนคงต้องระวังตัวกันมากหน่อยแล้วล่ะ เราน่าจะหาคำพูดอะไรซักคำ เป็นโค้ดของเราสองคนดีมั้ย ถ้าเกิดอะไรขึ้นเราจะได้รู้กัน”
ยี่หวาฟังแล้วนิ่งคิดอยู่ครู่นึง “เอาคำว่า “เซอร์ไพร้ส์” มั้ยคะ ไม่ดูพิรุธดี”
ณนนท์คิดตาม ก่อนจะพยักหน้ารับ

พอภูมิชายรู้ว่าตัวเองโดนหลอก ก็หันไปมองยี่หวาซึ่งกำลังกอดข้าวตู ไข่ตุ๋นอยู่ ด้วยสายตาอาฆาต
“นี่เธอวางแผนหลอกฉันเหรอ”
“นนท์คิดไว้ไม่ผิดจริงๆ คนอย่างคุณ ไม่มีทางปล่อยเราไปง่ายๆ แน่”

ยี่หวาพูดแค่นั้นก็นึกไปถึงเหตุการณ์ตอนที่ตัวเองคุยโทรศัพท์กับณนนท์
“หลายอย่างค่ะ มีเซอร์ไพร้ส์ให้คุณด้วยนะ”
“พอคุณณนนท์รู้ว่าคุณยี่หวาตกอยู่ในอันตราย เค้าก็โทรแจ้งผม” สารวัตรธนินเอ่ยขึ้นเป็นคนต่อมา พร้อมกับภาพเหตุการณ์ที่ทุกคนวางแผนกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
เป็นภาพที่ณนนท์กำลังใส่เสื้อเกราะกันกระสุน พร้อมกับคุยกับสารวัตรธนินไปด้วย
“คุณณนนท์พยายามถ่วงเวลาไว้นะครับ ระหว่างนั้น ผมกับลูกน้องจะรีบเคลียร์พื้นที่ เผื่อนายภูมิชายจะเอาคนมาซุ่มไว้ แล้วก็นี่ครับเสื้อเกราะใส่กันไว้ก่อน”

สารวัตรธนินกับลูกน้อง กำลังคุมตัวภูมิชาย พร้อมลูกสมุนพร้อมออกจากบ้าน ณนนท์ ยี่หวา ข้าวตู ไข่ตุ๋น ตามออกมา ภูมิชายหันมาจ้องณนนท์ด้วยสายตาอาฆาต
“มันไม่จบแค่นี้แน่ไอ้ณนนท์ ฉันออกมาเมื่อไหร่แกตายเมื่อนั้นแหละ จำไว้!!”
“เอาไว้ออกมาให้ได้ก่อนเถอะ แค่ค้ายาเสพติดก็ถึงประหารแล้ว ไหนจะยังพยายามฆ่าอีก คุณก็รู้กฎหมายดีนี่ว่าจะโดนอะไรบ้าง” ณนนท์บอกอย่างใจเย็น
ภูมิชายหน้าเสีย พอคิดถึงความจริงที่ตนจะโดนขึ้นมาก็ชักกลัว ตำรวจเลยพาตัวภูมิชายไป
“พ่อไม่เป็นอะไรแน่นะคะ” ไข่ตุ๋นถามณนนท์
ณนนท์หันไปตอบลูกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ไม่เป็นอะไรหรอกลูก พ่อสบายดี” หอมแก้มไข่ตุ๋น “เห็นมั้ย ว่ายังมีแรงหอมแก้มไข่ตุ๋นอยู่เลย”
ข้าวตูเห็นแล้วอิจฉา
“ทำไมหอมไข่ตุ๋นคนเดียวล่ะครับ ไม่เห็นหอมแก้มข้าวตูบ้างเลย”
ณนนท์หัวเราะ ก่อนจะหอมแก้มข้าวตู แล้วเลยไปจะหอมแก้มยี่หวา แต่ถูกยี่หวาผลักออกไป
“พอๆ พอเลยคุณ ไม่ต้องมาทำเนียน อายลูกบ้าง”
ยี่หวาเบือนหน้าไปทางอื่น ณนนท์ยิ้มพลางโอบไหล่ยี่หวาไว้อย่างมีความสุข ในขณะที่ ข้าวตูกับไข่ตุ๋นหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้กัน ทั้งสองดีใจที่เห็นพ่อแม่ของพวกตัวเองรักกัน

วันต่อมาที่สตูดิโอเพิร์ลลี่กำลังกินแหลก ขนม นมเนย ทองหยิบ ทองหยอด สารพัดขนมตรงหน้า ซัดแบบไม่ยั้ง โดยไม่สนว่าทีมงานจะแต่งหน้าทำผม ติดไมค์ยังไงก็ตาม เอาแต่กินลูกเดียว เพิร์ลลี่กินของหวาน แล้วก็เคลิ้มอย่างมีความสุข
ทันใดนั้นเอง ชม้อยก็เข้ามาแย่งขนมของเพิร์ลลี่ไปจากมือของเพิร์ลลี่
“คุณแม่ เอาคืนมานะคะ”
“ไม่คืน ตั้งแต่อกหักมาเนี่ย ลูกกินไม่หยุดเลยรู้มั้ย กำลังจะเปิดกล้องละครอยู่แล้วด้วย เดี๋ยวก็ได้เล่นเป็นตัวแม่หรอก”
เพิร์ลลี่แย่งขนมไปจากมือของชม้อย
“งั้นเพิร์ลลี่ก็ขอเม้นท์เลยนะคะ ว่าเพิร์ลลี่ไม่เลิกกินเด็ดขาด เพิร์ลลี่ทนมานานแล้ว อยากกินอะไรก็ไม่ได้กิน คราวนี้แหละ จะได้ทำตามใจตัวเองซะที ต่อให้ต้องไปเล่นตัวแม่ตัวน้าตัวป้าตัวยาย เพิร์ลลี่ก็จะกิน”
พูดจบเพิร์ลลี่ก็กินๆๆ และกินอย่างบ้าคลั่ง เป็นการประชดชม้อย เห็นดังนั้รชม้อยก็แค้นจัด แต่ไม่รู้จะทำยังไงดี เลยสะบัดหน้าเดินไปทางอื่น แต่เดินไปได้นิดเดียว ก็เจอสุดยอดที่เดินสวนเข้ามา
ชม้อยยิ่งแค้นหนัก พาลแหลก
“เพราะแกคนเดียว ไอ้สุดยอดซวย”
ชม้อยแยกเขี้ยวใส่สุดยอด ก่อนจะเดินเลี่ยงไป สุดยอดมองไปทางเพิร์ลลี่อย่างไม่สบายใจ ก่อนจะเดินเข้าไปหา สุดยอดอยู่ในอาการไม่สบายใจเรียกเพิร์ลลี่เบาๆ
“เพิร์ลลี่...”
เพิร์ลลี่เหล่ไปมองสุดยอดตาขวางๆ
“เราหย่ากันไปแล้วนะ ไม่ต้องมายุ่งอะไรกับเพิร์ลลี่อีกแล้ว”
“พี่ไม่อยากเห็นเพิร์ลลี่ทำร้ายตัวเองแบบนี้”
“ใครว่าเพิร์ลลี่ทำร้ายตัวเอง เพิร์ลลี่อยากจะกินอย่างงี้มาตั้งนานแล้ว แต่เมื่อก่อนเพิร์ลลี่กลัวว่าไม่สวยแล้วจะไม่มีคนชอบ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว”
“แต่...”
เพิร์ลลี่พูดสวนขึ้น
“จะไปไหนก็ไปไป๊ คนอย่างเพิร์ลลี่จบเป็นจบ ไม่มีวันอาลัยอาวรณ์คนตาถั่วที่ไม่เห็นค่าเพิร์ลลี่หรอก
เพิร์ลลี่พูดจบก็หันไปกินขนมต่อไม่สนใจสุดยอดอีก สุดยอดจ๋อยไม่รู้จะพูดอะไรเลยเดินเลี่ยงไป

เพิร์ลลี่ไม่สนใจหันไปกินต่อ แต่ขณะนั้นเอง ก็มีมือข้างหนึ่งมาจับมือเพิร์ลลี่ไว้ ไม่ให้กิน เพิร์ลลี่หันไปมอง เห็นพิมานหนุ่มหล่อไฮโซสุดเนี้ยบเป็นคนจับมือตนไว้
“แต่ผมว่าเค้าพูดถูกนะครับ คุณไม่ควรทำร้ายตัวเองแบบนี้”
เพิร์ลลี่ดึงมือออก “เรารู้จักกันเหรอ ยุ่งน่า”
จังหวะนั้นทีมงานคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหา
“คุณพิมานคะ ได้เวลาสัมภาษณ์แล้วค่ะ”
“ครับ”
พิมานหันมามองเพิร์ลลี่ด้วยความห่วงใย ก่อนจะเดินตามทีมงานไป
เพิร์ลลี่มองตามตาขวางๆ แล้วรวบขนมทั้งหมดมา พร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ เพราะกลัวว่าใครจะมาแย่งขนมอีก

ด้านวสันต์หลังจากได้เงินเป็นค่าออกไปจากชีวิตยี่หวาคราวนั้น ก็เอาเงินมาซื้อคอนโดราคาประมาณ 2-3 ล้าน อยู่กับแม่ ค่ำคืนนั้นวสันต์ดูตัวเลขในบัญชีธนาคาร แล้วก็โวยใส่วัลลภา
“สิบล้าน สิบล้านนะแม่ แม่ผลาญยังไงเนี่ย มันถึงได้หมดเร็วอย่างงี้”
ถูกวัลลภาตวาดแว้ด
“แกอย่ามาโทษฉันคนเดียวนะ ไอ้คอนโดเนี่ยเท่าไหร่ แล้วไหนจะที่แกเอาไปเที่ยวผู้หญิงอีก มันหมดน้อยซะเมื่อไหร่ล่ะยะ”
วสันต์ฟังแล้วกลุ้มสุดๆ
“แต่มันก็ยังน้อยกว่าที่แม่เอาเข้าบ่อนล่ะน่า โอ๊ย แล้วจะเอาอะไรกินกันเข้าไปละทีนี้”
“ก็ขายคอนโดนี่สิ ไม่เห็นจะยากเลย”
“งั้นคราวนี้ได้ไปนอนใต้สะพานลอยแน่ แม่จำไม่ได้แล้วเหรอ ว่าตอนออกจากบ้านเราลำบากกันแค่ไหน จะกลับไปพึ่งยี่หวาก็ไม่ได้แล้วด้วย ผมดันเซ็นยกข้าวตูให้เค้าไปแล้ว ขืนกลับไป ไม่โดนยิงก็โดนเรียกตำรวจจับนั่นแหละ”
วัลลภาฟังลูกชายบอกก็เกิดอาการกลุ้มสุดๆ
“โอ๊ย ไอ้โน่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ แล้วแกจะปล่อยให้แม่แกอดตายรึไงวสันต์ทนไม่ไหว เดินออกจากบ้านไป”
“อะไรแค่นี้ทนไม่ได้ เดินหนีฉันเหรอ”
“เปล่า ผมจะไปหางาน หาเงินซื้อข้าวให้แม่กิน รออยู่นี่แหละ”
วัลลภาอึ้งปนซึ้ง ไม่คิดว่าลูกชายจะมีความรับผิดชอบขนาดนี้
วสันต์เดินผ่านอู่แท็กซี่มองเข้าไปเห็นป้ายโฆษณาเชื้อชวนไปขับรถแท็กซี่รายได้ดี
ครู่ต่อมาวสันต์ก็นั่งอยู่ในรถ และกำลังยกมือสวดมนต์บริกรรมคาถา ก่อนจะออกไปทำงานวันแรก

บริเวณริมถนนช่วงเวลากลางวัน ป้าไฮโซคนหนึ่งแต่งตัวเปรี้ยวปรี๊ด ย้อมผมสีแดงเถือกราวกับวัยรุ่น ทั้งๆ ที่วัยไม่ให้ ป้านางนั้นกำลังหงุดหงิดอารมณ์บ่จอยที่รถเสียกลางครัน ในขณะที่คนขับรถพยายามซ่อมอยู่ แต่ก็ถูกป้าแกบ่นให้ตลอด แถมบ่นเป็นสำเนียงจีน เพราะพูดไทยไม่ชัดอีกต่างหาก
ป้าไฮโซบอกอย่างหงุดหงิด ด้วยสำเนียงจีน
“โอ๊ย ไม่ลงไม่รอแล้ว เสียเวลาอั๊วจริงๆ เลย ลื้อซ่อมเสร็จเมื่อไหร่ ก็ขับตามมาเองละกัน”
ว่าแล้วป้าก็หันออกไปมองทางถนน ครั้นเห็นรถแท็กซี่ของวสันต์ขับมา ก็รีบยกมือโบก พอวสันต์จอดรถ ป้าก็เปิดประตูขึ้นไปนั่ง วสันต์หันไปถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“จะไปไหนครับ”
ป้าไฮโซเห็นหน้าคนขับแท็กซี่ ก็เกิดอาการปิ๊งวสันต์ทันที

ไม่นานหลังจากนั้นรถแท็กซี่ของวสันต์ก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง วสันต์หันไปยิ้มให้บอกราคา
“ร้อยยี่สิบครับ”
ป้าควักแบงค์พัน ยัดใส่มือวสันต์
“โห ไม่มีทอนหรอกครับ ผมเพิ่งออกมาเที่ยวแรก” วสันต์ว่า
ป้าไฮโซยิ้มหวาน พูดสำเนียงจีนออกมา
“ไม่เป็นไรจ้ะ เจ๊ให้ทิป”
ว่าแล้วก็เล่นหูเล่นตา พอส่งซิกเสร็จ ป้าไฮโซก็เดินลงจากรถเดินตัวปลิวเข้าโรงแรมไปเลย วสันต์งงๆ หันมามองแบงค์พันในมือ เห็นมีเบอร์โทรศัพท์มือถือเขียนไว้ที่แบงค์พันด้วย
วสันต์ตกใจ สะดุ้งเฮือก เคยมีแต่สาวๆ ไม่คิดว่าจะเจอรุ่นป้าให้เบอร์มือถือ
“เฮ้ย!!!” วสันต์คิดหนัก “ก็ภูมิใจในความหล่ออยู่หรอกนะ แต่แก่กว่าแม่อีกอ้ะ เอาไงดีวะ” วสันต์คิดหนักอีกหน “เป็นหนูตกถังข้าวสารยังดีกว่าอดตายละวะ”
วสันต์ตัดสินใจกดโทรศัพท์หาเจ๊ไฮโซด้วยท่าทีกระตือรือล้น

ใบหน้าเพิร์ลลี่เวลานั้นกำลังโกรธและแค้นจัด มองตาขวาง แทบไม่เหลือเค้าของดาวรุ่งพุ่งกระฉุด สิวขึ้นเขรอะ เพราะพิษขนมหวาน!!
“นึกว่าจะหนีฉันพ้นเหรอ?”
เพิร์ลลี่อยู่ที่หน้าตู้เย็น กำลังหยิบขนมเค้ก ช็อกโกแลต ขนมประดามี ออกมากองบนโต๊ะ
“ฉันจะจัดการพวกแกให้สิ้นซากเลยคอยด”
เพิร์ลลี่สวาปามทุกอย่างเข้าไปเต็มที่ ชม้อยเห็นรีบเดินเข้ามาแย่ง
“หยุดทำร้ายตัวเองเดี๋ยวนี้นะเพิร์ลลี่”
“เพิร์ลลี่กำลังปลอบใจตัวเองต่างหากค่ะคุณแม่ คนอื่นอกหักแล้วกินเหล้า แต่เพิร์ลลี่เศร้าแล้วกินเค้ก มันผิดตรงไหน?”
“ผิดตรงที่มันจะทำให้ลูกหาผัว อุ๊ย! สามีใหม่ไม่ได้สิคะลูก เดี๋ยวเราก็ต้องออกไปเจอกับคุณพิมาน แล้ว คนนี้เราพลาดไม่ได้เด็ดขาดนะคะลูกขา หล่อ รวย ตรงสเป็คลูกเขยในฝัน”
“แล้วเขาจะสนใจเพิร์ลลี่เหรอคะ เพิร์ลลี่เป็นแม่ม่ายผัวทิ้งนะคะคุณแม่”
“โถๆ ลูกขา เดี๋ยวเราก็หาใหม่ได้ ลูกคุณแม่ยังทั้งสาวทั้งสวย แต่คุณแม่ขอเม้นท์นิดนะคะ ถ้าหนูยังกินดุแบบนี้ คุณแม่กลัวค่ะว่าจะขาย..เอ๊ย ไม่มีใครเค้าสนใจ ไปๆ กับคุณแม่ดีกว่า”
เพิร์ลลี่ยังก้มหน้าก้มตากินของหวานอย่างเมามัน ชม้อยกุมขมับเครียด เห็นลูกสาวกินเค้กมากมายแล้วกลุ้มแทน

แม้ว่าจะรู้สึกขัดใจมากแค่ไหน แต่เพิร์ลลี่ก็ตามชม้อยที่เวลานี้เดินนำหน้า เข้าไปในร้านอาหาร
ตามที่นัดกับพิมานเอาไว้ เพิร์ลลี่มีท่าทีอิดออด
“ลูกหนอลูก คุณแม่เมนท์อะไรก็ไม่ฟังคุณแม่เลย นี่ถ้าคุณพิมาน จัสท์ เซย์ โน มา เราจะทำยังไงคะเนี่ย”
“ดีสิคะ เพิร์ลลี่ก็เบื่อเป็นสินค้าตัวอย่าง ให้คุณแม่เที่ยวไปเสนอขายเต็มทีแล้วเหมือนกัน คนนะคะ
แม่...ไม่ใช่เครื่องกรองน้ำ จะได้ไดเร็กเซลล์ได้ทั้งวี่ทั้งวัน” เพิร์ลลี่โอดครวญขึ้นมา
แต่เจอชม้อยค้อนให้
“ไว้ใกล้จะอดตายก่อนเถอะ แล้วแกจะสำนึกบุญคุณฉัน”
เพิร์ลลี่ไม่สนใจทิ้งค้อนส่งคืนให้ ก่อนจะเดินตามชม้อยเข้าไป เพิร์ลลี่ตกใจสุดขีด
เพราะ คู่เดท ที่คุณแม่จัดให้ คือ พิมาน หนุ่มอย่างหล่อ คนเดียวกับที่ตัวเองเคยเจอที่สตูดิโอ

เวลาต่อมาชม้อยกับเพิร์ลลี่นั่งตัวเก็ง ทั้งๆ ที่บนโต๊ะมีอาหารมากมาย แต่ไม่กล้ากิน พิมานจ้องมองมาที่เพิร์ลลี่ตาไม่กระพริบ พอเพิร์ลลี่ถูกกดดันหนัก จนจะทนไม่ไหว ตบโต๊ะเสียงดัง
“พอกันที ไม่องไม่เอามันแล้ว กลับเถอะค่ะแม่”
ชม้อยตกใจเห็นลูกสาวของขึ้นต่อหน้าคู่เดท
“เดี๋ยวสิคะลูก ไม่อยู่คุยกับคุณพิมานก่อนเหรอ”
“ไม่ค่ะ ไม่มีใครชอบนังมารร้ายอย่างหนูหรอก คุณแม่อย่าพยายามเลย”
น่าแปลกที่พิมานยิ้มรับซะงั้น
“แต่เราชอบเธอนะเพิร์ลลี่”
เพิร์ลลี่ กับชม้อย หู่ผึ่งหันไปมองพิมานเป็นตาเดียวกัน ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง โดยเฉพาะชม้อยไม่อยากเชื่อ พูดออกมาแต่ไม่มีเสียง “โอ้ สวรรค์ทรงโปรด”
เพิร์ลลี่ยังมีท่าทีระแวง
“หน้าอย่างงี้ยังชอบอีกเหรอ จิตป่ะ”
พิมานยิ้มขำๆ “เธอจำเราไม่ได้เหรอ เรา...หัวปิงปองไง”
เพิร์ลลี่เพ่งมองหน้าพิมานชัดๆ ตกใจนึกไม่ถึง
“หัวปิงปอง... ไอ้เด็กอ้วน ฟันหลอ พุงยื่น ขี้มูกย้อย ที่เรียนด้วยกันตอนป. 1เนี่ยนะ นี่แกหล่ออย่างงี้ได้ไง ไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีมาเหรอ”
ชม้อยตกใจตีปากเพิร์ลลี่เบาๆ
“อย่าปากพล่อยค่ะลูกขา”
พิมานยิ้มตอบ “เราไม่ได้ทำอะไรหรอก มันเป็นของมันเอง แล้วที่เรานัดเจอเธอผ่านแม่เธอวันเนี้ย ก็เพราะเราอยากเจอเธอนะ”
“อยากเจอทำไม” เพิร์ลลี่ถามเสียงขุ่น
“ก็เราบอกไปแล้วนี่” พิมาน ยิ้มกรุ้มกริ่ม “เราชอบเธอ เธอเคยเป็นรักแรกของเรา ลืมไปแล้วเหรอ
เพิร์ลลี่ทำทีเป็นเขินอายก่อนจะเชิดใส่
“แน่ใจเหรอที่แก เอ่อ ที่เธอพูดน่ะ หน้าเราก็ไม่สวย นิสัยเราก็ไม่ดี แถมยังเป็นแม่ม่ายป้ายแดงอีก รับได้เหรอ”
ชม้อยเหล่มองเพิร์ลลี่ตาขวาง
“มันไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ เธอยังเป็นแบ๊วตัวแม่ เจ้าเล่ห์เพทุบาย แถมปากจัดอีกต่างหาก แต่...เราก็ชอบที่เธอเป็นเธออย่างงี้แหละ”
เพิร์ลลี่อายม้วน เขินสุดๆ
“คุยกันจนอาหารเย็นหมดแล้ว ทานก่อนสิ” พิมานเอ่ยเสียงนุ่ม
“ไม่เอา ไดเอ็ทอยู่” เพิร์ลลี่เขินอาย
“งั้นทานขนมหน่อยมะ” พิมานแซว
“ไม่อ้ะ เดี๋ยวสิวขึ้น” เพิร์ลลี่เขินอายอยู่ท่าเดียว
ชม้อยดีใจสุดๆ ประหนึ่งว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 จนแอบพูดคนเดียว
“ในที่สุด รางวัลที่ออก...” ปรบมือให้ตัวเอง “ก็คือรางวัลที่หนึ่งค่ะ”

เพิร์ลลี่มองสบตาพิมานแล้วบิดไปบิดมาอย่างขวยเขินสุดชีวิต

อ่านต่อหน้า 2










ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 24 อวสาน (ต่อ)

หลังออกจากโรงพยาบาล ไม่กี่วันต่อมายาหยีก็แวะมาที่สตูดิโอบริษัทยิ่ง และเวลานั้นกำลังยืนคุยกับยิ่ง ว่าน นัท และโมน

“น้องหยีหายดีแล้วเหรอครับ” ยิ่งถามยิ้มๆ
ยาหยีพยักหน้าก่อนตอบ
“หายดีแล้วค่ะ อาทิตย์หน้าหยีก็จะกลับมาทำงานกับพวกพี่ได้แล้ว”
ยิ่งดีใจกว่าใครรีบคว้าเอามือยาหยีมากุม
“จริงนะ พี่ดีใจที่สุดเลย ตั้งแต่น้องหยีไม่อยู่ เรตติ้งตกฮวบๆๆๆ จนพี่ต้องถอนหายใจเฮือกๆๆๆ อยากตายวันละหลายๆ หน” ยิ่งว่า
“อยากตายอีกแล้ว” ว่านเบื่อมุก...อยากตายนี้มากๆ
“ถ้าพี่อยากตายอีกที ผมไม่ช่วยแล้วนะพี่” นัทเสริม โมนพยักหน้าเอาด้วย
“เออ ไอ้ลูกน้องเนรคุณ อยากเห็นข้าตายจริงๆ รึไง เอามั้ยๆๆ ข้าจะตายให้ดู”
ยิ่งพูดจริงจัง ยาหยีรีบตัดบท
“อย่าตายเลยค่ะพี่ยิ่ง หยีเฉียดตายมาแล้ว หยีรู้ดีว่าความตายมันไม่ใช่เรื่องเอามาเล่นสนุกเลย”
ยิ่งจ๋อยสนิท ว่านกับนัท และโมนมองอย่างสมน้ำหน้า
“ไงล่ะพี่ จ๋อยๆๆ” โมนเป็นคนเยาะบ้าง
“ต่อไปพี่จะไม่เอาเรื่องตายมาเล่นอีกแล้วครับ”
ฟังคำพูด มองท่าทีแล้วยาหยีก็ยิ้มออกมา แล้วเหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“แล้ว....สุดยอดเค้าไปไหนเหรอคะ”
“เจ้ายอดมันลาพักร้อน นี่พี่ก็เลยมาเป็นพิธีกรแทนมันชั่วคราว รายการเจ๋งสุดๆ กับสุดยอดก็เลยกลายเป็น เจ๋งๆ กับหญิงๆ ฮ่ะ” ทำท่าแต๋วแตก “เอ๊ยไม่ใช่ฮ่ะ เจ๋งๆ กับยิ่งๆ”
แม้จะชวนหัวและน่าขัน แต่ยาหยีกลับมีสีหน้าเศร้าๆ

เวลาเดียวกันนั้นเอง สองพ่อลูก ณนนท์ กับเท่งกำลังดูภาพข่าวในรายการทีวี “สตาร์อัพเดท” ที่ออกข่าวพิธีแต่งงานของเพิร์ลลี่
“ในที่สุดฝันก็เป็นจริงสักที ของนักแสดงสาวม่ายป้ายแดงและแม่ชม้อย ซึ่งล่าสุดตกลงปลงใจกับไฮโซหนุ่มรูปหล่อขยี้ใจ”
พิธีกรรายงานข่าว โดยจังหวะนั้นกล้องจับภาพไปที่ชม้อยยิ้มหน้าบาน ถ่ายกับเพิร์ลลี่และพิมาน เพิร์ลลี่ยิ้มดีใจได้เจ้าบ่าวหล่อสุดๆ
ณนนท์กับเท่งเห็นแล้วก็ดีใจด้วยอย่างจริงใจ
“เห็นอย่างงี้ก็ค่อยโล่งหน่อยนะครับพ่อ เห็นเพิร์ลลี่มีความสุขแบบนี้ เจ้ายอดมันจะได้หายรู้สึกผิดซะที” ณนนท์เอ่ยขึ้น
“การแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักมัน จะไปมีความสุขสู้แต่งงานกับคนที่เรารักและรักเรา ไปได้ยังไง จริงมั้ย” เท่งบอกพลางถาม
“จริงครับพ่อ ครอบครัวคือกำลังใจที่ดีที่สุดของมนุษย์ ถ้าเราออกไปรบกับคนข้างนอกมาทั้งวันแล้วยังต้องมารบกันคนที่บ้านอีก มันก็ไม่ไหวหรอกครับ...ผมโชคดีที่ได้เจอยี่หวา”
เท่งตบไหล่ณนนท์ให้กำลังใจ
“พ่อดีใจด้วย หมดห่วงไปซะคน ทีนี้ก็เหลือแต่เจ้ายอดนี่ละ”
เท่งถอนหายใจด้วยความกลุ้ม เป็นจังหวะที่ยาหยีเดินเข้ามาพอดี เอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะคุณลุง พี่นนท์”
ณนนท์กับเท่งหันไปรับไหว้
“อ้าวหยี เข้ามาก่อนสิครับ”

ณนนท์เอ่ยปากชวน ยาหยีเดินเข้ามาในห้องรับแขก ระหว่างนั้นสุดยอดเดินลงบันไดมาจากบนบ้าน แต่พอเห็นยาหยีกำลังทรุดตัวลงนั่ง สุดยอดก็รีบหลบทันที
“ว่ายังไงหนู มาหาเจ้ายอดเหรอ” เท่งถามออกมา
“ค่ะคุณลุง สุดยอดอยู่มั้ยคะ หยีอยากมาขอบคุณเค้า หยีทำขนมที่เค้าชอบมาฝากด้วยค่ะ”
ยาหยีส่งถุงใส่ขนมที่จัดอย่างสวยงามส่งให้ เท่งหันไปมองหน้ากับณนนท์ ในมุมหนึ่งที่สุดยอดหลบอยู่นั้นเอง สุดยอดอยากออกไปหายาหยีใจจะขาด แต่ก็หักห้ามใจไม่ออกไป
ยาหยีมองเท่งกับณนนท์ด้วยสายตาเป็นคำถาม
“ยอดเค้าหลบหน้าหยีใช่มั้ยคะ” ยาหยีถามออกมาตรงๆ
เท่งกับณนนท์อึกอัก อย่างอึดอัดใจ
“ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล หยีมาหาเค้าที่นี่หลายครั้งก็ไม่เจอ ไปหาที่ทำงานก็ไม่พบ โทรไปก็ไม่รับสาย”
สุดยอดที่ยืนหลบฟังอยู่รู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำของตัวเอง ณนนท์ และเท่งเองก็อึดอัดใจมากๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าเค้าไม่อยากเจอหยีก็ไม่เป็นไร ฝากบอกเค้านะคะว่าหยีขอบคุณ สำหรับทุกสิ่งที่เค้าเสียสละเพื่อหยี หยีอภัยให้เค้าหมดทุกอย่าง จากนี้ไปหยีจะไม่มารบกวนเค้าอีก”
พูดจบยาหยีก็พนมมือไหว้ลาณนนท์กับเท่ง
“หยีลาล่ะค่ะ”
ยาหยีก้าวเดินออกไป ณนนท์และเท่งมองตามอย่างหนักใจ ขณะที่ที่สุดยอดยืนพิงกำแพงฟังด้วยความเจ็บปวดและทรมานหัวใจ

เวลาต่อมายาหยีเดินออกมาที่หน้าบ้านเท่ง มีวุ้นกับก้อยยืนพิงรถรออยู่แล้ว
“เจอมั้ย” วุ้นถาม
“ไม่เจอ” ยาหยีส่ายหน้า
“ก็บอกแล้ว ไพ่มันบอกว่าหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอหรอกจนกว่า....”
แม่หมอก้อยทำท่าจะพูด แต่หยุด วุ้นรีบซัก
“จนกว่าอะไร
“จนกว่าเราจะหยุดหา....ของบางอย่างนะ ยิ่งไขว่คว้าก็ยิ่งไม่ได้มา แต่เมื่อไหร่ที่เราหยุดค้นหา มันก็จะเดินมาเอง”
ยาหยีได้ฟังก็ยิ่งเศร้าใจ น้ำตาจะไหล วุ้นกับก้อยโอบเพื่อนอย่างสงสารเห็นใจสุดๆ จังหวะนั้นเองที่ด้านหลัง ยาหยีไม่รู้ว่าสุดยอดเดินตามมา
“ฉันหมดใจกับเค้าแล้วล่ะวุ้น ก้อย....ฉันกับเค้าคงจบกันแค่นี้ เราไม่มีวาสนาต่อกันจริงๆ”
คำพูดของยาหยีทำให้สุดยอดชะงัก มองยาหยีอย่างสิ้นหวัง สุดยอดตัดสินใจหันหลังเดินกลับเข้าบ้านไป
“ป่ะ ขึ้นรถ เดี๋ยวฉันไปส่งกลับบ้านเลยปล่าว” วุ้นถาม
“ยังอ่ะ วุ้น แกไปส่งฉันหน่อยสิ” ยาหยีขอร้องแต่ไม่ยอมบอกว่าที่ไหน
“ที่ไหนเหรอ”
วุ้นสงสัยไม่หาย

ที่แท้ยาหยีมาเดินเล่นทอดอารมณ์อยู่ที่ปากคลองตลาด ด้วยหน้าตาที่หมองเศร้า ยาหยีหยิบดอกกุหลาบขึ้นมาหนึ่งดอก แล้วก็นึกถึงภาพในอดีตที่เคยมากับสุดยอด

เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นที่ร้านขายกุหลาบ ยาหยีกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบกุหลาบดอกหนึ่ง แต่ถูกสุดยอดแย่งเอาไปคาบไว้ที่ปาก แล้วลงนั่งคุกเข่าลงตรงหน้ายาหยี มือข้างหนึ่งของสุดยอดซ่อนของบางอย่างไว้ที่ด้านหลัง ผู้คนและพ่อค้าแม่ค้ามองสุดยอดกับยาหยีแล้วขำ ยาหยีเองก็หัวเราะ
จังหวะนั้นสุดยอดยื่นดอกกุหลาบที่แย่งมาให้ยาหยี แต่ยาหยีแกล้งไม่รับ พร้อมกับทำท่าจะเดินหนี สุดยอดสลับมือที่ซ่อนของไว้ด้านหลัง
ที่แท้เป็นกุหลาบช่อใหญ่ยักษ์ สุดยอดยื่นให้ยาหยี ยาหยีหัวเราะแล้วยอมรับช่อดอกกุหลาบ สุดยอดดีใจแกล้งแซวออกมา
“งกนะเรา”
สุดยอดแซว เลยถูกยาหยีมองเขม็งเพราะเคืองในความปากเสียไม่หายของสุดยอด
“เอาน่า....ถึงงกก็รัก
สุดยอดต่อให้อีกประโยค ยาหยีโยนค้อนให้หนึ่งวง
“เพี้ยน”
ยาหยีหัวเราะ

พอนึกถึงตรงนี้ยาหยีก็วางกุหลาบดอกนั้นลงที่เดิม แล้วเดินเหงาๆ ออกไป

เวลาเดียวกันนั้น สุดยอดเอาแต่นั่งมองห่อขนมที่ยาหยีทำมาให้อย่างเศร้าๆ เท่งเดินเข้ามา
“แกจะไม่ยอมเจอหนูยาหยีเค้าจริงๆ เหรอ”
“ครับพ่อ ระหว่างผมกับเค้า...เราจบกันแล้วครับ”
เท่งมองสุดยอดด้วยความเป็นห่วง
“ฟังนะลูก วิ่งหนีอะไรก็วิ่งหนีได้ แต่วิ่งหนีใจตัวเองน่ะ มันวิ่งหนีไม่พ้นหรอก”
เท่งพูดจบแล้วก็เดินออกไป สุดยอดครุ่นคิดแล้วหลับตาลงอย่างทดท้อใจ

วันต่อมายาหยีเดินเข้ามาที่หน้าสตูดิโอ เห็นเพียงแสงไฟสลัวๆ บรรยากาศเงียบกริบ ดูเหมือนไม่มีใครอยู่เลย
“หายไปไหนกันหมด”
ยาหยีพูดกับตัวเอง แล้ว ตรงไปกดสวิตช์จนไฟสว่างขึ้น จังหวะนั้นยาหยีมองไปเห็นป้ายติดไว้ที่หน้าประตูเขียนว่า “ยาหยี มาทางนี้” โดยมีลูกศรชี้ให้เข้าไปในสตูดิโอ
ยาหยีเปิดประตูเข้าไป เห็นทีมงานช่างไฟร่างล่ำยืนถือป้ายหรา “ผมไม่ล่ำกล้ามไม่บึ้กเหมือนพี่คนนี้” พร้อมกับที่ช่างไฟคนนั้นเบ่งกล้ามอวด ยาหยีประหลาดใจมาก แล้วก็สะดุ้งตกใจ เพราะมีทีมงานคนหนึ่งตบถุงผ้าเย็นเสียงดัง!
แล้วทีมงานอีกคนก็ถือป้าย “ผมเอาใจไม่เก่งเหมือนพี่ดา สวัสดิการ” โดยมีทีมงานชื่อดาส่งผ้าเย็นมาให้ ยาหยียิ้ม รับมาเช็ดมือแล้วส่งคืน จากนั้นก็เดินต่อไปแบบลุ้นๆ
โมนยืนถือป้ายไว้ในมือ เขียนว่า “ผมร้องเพลงไม่เก่งเหมือนว่านนัทโมน”
ยาหยีอ่านแล้วงงๆ แล้วจู่ๆ สามเกลอว่านนัท และโมน ทำเสียงเพลงบีทบ็อกซ์ ยาหยีประหลาดใจ
ยาหยีเดินต่อไป คราวนี้เจอยิ่งถือป้ายว่า “ผมไม่รวยเหมือนพี่ยิ่ง” ในการณ์นี้ยิ่งโชว์อวดสร้อยทอง แหวนเพชรพราวระยับเต็มตัวเต็มแขน ยาหยีหัวเราะ แล้วเดินต่อไป
คราวนี้เป็นวุ้นมายืนถือป้ายอ่านได้ใจว่า “ผมบอกคุณไม่ได้ว่าอนาคตของเราจะเป็นยังไง”
โดยที่ข้างๆ วุ้น มีแม่หมอก้อยถือไพ่ทาโรต์เปิดชูให้ยาหยีดูประกอบป้าย

ยาหยีเดินเข้าไปถึงข้างใน เริ่มรู้สึกหวั่นไหวกับสิ่งที่กำลังจะได้เห็น และเป็นสุดยอดถือป้ายไว้ในมือ พร้อมข้อความ “แต่ผมอยากให้รู้เอาไว้ว่า”
ยาหยีน้ำตาซึมกลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้
สุดยอดเปิดป้ายข้อความต่อไป
“ผมรักคุณ”
ยาหยีอ่านป้ายนี้อย่างซาบซึ้ง จนร้องไห้ออกมา
สุดยอดยังเปิดป้ายต่อไป “และจะไม่มีวันหยุดรักคุณ”

ระหว่างนั้นเองเพื่อนๆ กับทีมงานวิ่งเอาป้ายที่แต่ละคนถือ เอามาต่อกันเป็นรูปหัวใจอยู่ด้านหลังของสุดยอด และแล้วสุดยอดก็เปิดป้ายสุดท้ายออกมา
“เรามาแต่งงานกันนะ”
“แต่งงานกับผมนะหยี
สุดยอดเอ่ยขึ้นตามมา ยาหยีร้องไห้ พยักหน้ารับทั้งน้ำตา
กองเชียร์ทุกคนพากันร้องเฮลั่นด้วยความดีใจ สุดยอดสวมกอดยาหยี ทั้งสองคนกอดกัน สุดยอดเองก็อดที่จะน้ำตาซึมไม่ได้ ด้วยความปิติ
“ขอบคุณนะยอด ขอบคุณสำหรับความรักและสิ่งดีๆ ที่คุณให้กับฉัน” ยาหยีพูดทั้งน้ำตา
“ผมรักคุณ ผมจะไม่ยอมเสียคุณไปอีกแล้วยาหยี”
ยาหยีพยักหน้า สุดยอดกอดกระชับร่างยาหยีเอาไว้ เพื่อนๆ ทุกคนมองทั้งคู่ด้วยความปลื้มใจ
“เฮ้อ ลงตัวได้ซะที ทีนี้ก็ตาเราบ้างละ”
ว่านพูดพลางเอื้อมมือไปกอดไหล่ก้อย แต่โดนก้อยใช้ศอกถองว่าน แรงจนจนว่านจุก สุดยอดกับยาหยีหันมาหัวเราะทั้งน้ำตา
นาทีนั้นสุดยอดอุ้มยาหยีขึ้นมา ยาหยีร้องโวยวายเพราะเขิน แต่สุดยอดไม่สน จับยาหยีหมุนไปรอบๆ

บรรยากาศภายในสถานที่จัดงานแต่งงานในสวนแห่งนั้นถูกเนรมิตออกมาอย่างสวยหรู เจ้าภาพและแขกที่มาร่วมงานต่างแต่งตัวในธีมท้องฟ้ากับน้ำทะเล เจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นณนนท์กับยี่หวา ยาหยีและสุดยอด ซึ่งตอนนี้อยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว ยืนต้อนรับแขกอยู่ที่หน้างาน
ข้าวตูกับไข่ตุ๋นอยู่ในชุดขาว และสีฟ้า หล่อน่ารัก
ยิ่ง ว่าน นัท และโมนมาเป็นแขก และมาเก็บภาพเพื่อไปออกในรายการโซลเมทฯ ขณะที่วุ้น กับก้อย เป็นทั้งเพื่อนเจ้าสาว และคอยดูแลความเรียบร้อยภายในงาน
ถึงเวลาอันเป็นมงคล เท่งพูดอวยพรกับ บ่าวสาวทั้งสองคู่ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและเปี่ยมสุข
“หมดทุกข์ หมดโศก สักทีนะลูก ต่อไปนี้จะมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต พ่อขออวยพรให้ลูกๆ มี
ความสุขกันทุกคน ดูแลซึ่งกันและกันตลอดไป ถือไม้ทองยอดทองกระบองยอดเพชรนะลูกนะ”
บุญเลื่องเป็นญาติผู้ใหญ่คนสำคัญที่กล่าวอวยพร
“แม่ฝากลูกสาวทั้งสองคนด้วยนะ พ่อนนท์ พ่อยอด ดูแลกันต่อไปให้ดีๆ ละ หนักนิด เบาหน่อย ก็อภัยให้กันนะ ชีวิตคู่จะได้ยืนยาว”
บ่าวสาวทั้งสองคู่ยกมือไหว้ขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ

ในขณะที่ว่าน นัท และโมนจับภาพแล้วแพนกล้องไปข้างๆ สามเกลอก็ต้องตกใจ เพราะยิ่งยกมือไหว้รับคำอวยพรด้วย
“เกี่ยวอะไรกับเขาน่ะพี่ยิ่ง เขาอวยพรคู่บ่าวสาว ไม่ได้อวยคนโสด” ว่านว่า
“เผื่ออานิสงฆ์จะลอยมาทางนี้ ฉันจะได้ตบได้แต่งกับเขาบ้าง” เจ้าพ่อเรทติ้งบอกหน้าตาเฉย
“พูดไปพี่ยิ่งก็มีพฤติกรรมเหมือนสัมภเวสีเหมือนกันนะ คอยฉกส่วนบุญส่วนกุศลของคนอื่นอยู่เรื่อย” นัทได้ที
“ไอ้นัท ปากหรือนี่ เปรียบเปรยอะไรไม่เข้าท่า เดี๋ยวปั๊ดเปรี้ยง!!!”
ว่าน นัท และโมน ต้องพากันหลบไปถ่ายทางอื่น

เวลาต่อมาวงดนตรี ซึ่งมีเสียงไวโอลินเป็นพระเอกของงาน บรรเลงอย่างไพเราะสร้างบรรยากาศให้
โรแมนติกยิ่งขึ้นไปอีก สักพักเสียงดนตรีก็ค่อยๆ เบาลง ยิ่งซึ่งรับรวบตึงหน้าที่เป็นพิธีกร คว้าไมค์คุยกับแขกเหรื่อทุกคนอย่างเป็นกันเองบนเวที ในขณะที่ ณนนท์ ยี่หวา สุดยอดและยาหยียืนอยู่บนเวทีเล็กๆ น่ารัก ท่ามกลางแขกเหรื่อ
“วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติมาที่ได้มาเป็นพิธีกรงานแต่งของคู่พี่คู่น้อง ซึ่งจะว่าไปก็เป็นคู่ที่ผมคุ้นเคยมา
เป็นอย่างดี” ยิ่งพูดเป็นการเป็นงาน
จังหวะนั้นณนนท์กับยี่หวาหันไปยิ้มให้กัน ส่วนสุดยอดก็โอบเอวรั้งร่างยาหยีกระชับเข้าหาตัวเองยาหยีบีบมือสุดยอด ทั้งสองคนหันมายิ้มให้กัน
“ผมทราบดีว่าเส้นทางความรักของทั้งสองคู่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่พวกเขาและเธอก็ฝ่าฟันกันมาได้ จนมีวันนี้ไม่มีอุปสรรคแล้ว แฮ้ปปี้เอ็นดิ้งสุดๆ ครับ ขอให้ทุกคนปรบมือครับ ปรบมือ!”
เสียงปรบมือของแขกทุกคนดังรัว แต่สักพักก็แผ่วไปเอง ยิ่งเรอเสียงดังด้วยความตกใจ
“เอิ๊กก...”
“หรือผมพูดอะไรผิดไป”
ที่แท้แขกในงานต่างหันไปเห็นเอนิตาถือกล่องของขวัญกำลังจะเดินเข้ามา
“เฮ้ยแกดูสิ ของขวัญกล่องเบ้อเร้อ แกทายสิว่าจะเป็นอะไร” วุ้นตั้งปุจฉาขึ้นมาในขณะที่ก้อยหลับตา
“เพ่งแล้วยังมองไม่เห็น ขอทายแล้วกันว่าเป็นปืนอูซี้ เอ๊ะ! หรือจะเป็นเอ็มเจ็ดสิบเก้า”
“ตายแล้ว พระอยู่ไหน??ขออาราธนาด่วน จะทันมั้ยเนี่ย”
วุ้นเป็นกังวลจนก้อยรำคาญ
“นังเว่อร์ ตีโพยตีพายอยู่ได้ อย่างมากก็แค่ไปเกิดใหม่กันละ”

บุญเลื่องกับเท่งเห็นท่าไม่ดี รีบเดินไปดักไว้ก่อน
“วันนี้เป็นวันมงคลของลูกฉัน ฉันขอ อย่ามาทำอะไรที่ไม่ดีในงานเลย” บุญเลื่องพูดกับเอนิตา
“พ่อก็ขออีกคน ขอเถอะนะนิตา ให้พ่อไหว้ก็ยอม”
เท่ง กับบุญเลื่อง ทำท่าจะยกมือไหว้ เอนิตาตกใจ รีบห้าม
“อย่าค่ะ นิตาแค่อยากมาลาแล้วก็อยากมาขอโทษทุกคน” เอนิตาบอก
“คุณบุญเลื่อง ผมฝันไปหรือเปล่า หยิกผมทีสิคุณ”
พอถูกบุญเลื่องหยิก เท่งก็ร้อง
“โอ๊ย”
“เชื่อนิตาเถอะค่ะ นิตามาดีจริงๆ”
“แต่คุณไปที่ไหนก็มีเรื่องทุกทีแล้วจะให้ฉันเชื่อคุณได้ยังไงคะ” บุญเลื่องยังไม่วางใจ
ยิ่งรีบเข้ามากระซิบ เพราะรู้เรื่องฤทธิ์เดชเอนิตาดี
“อย่าเชื่อนะครับ คุณพ่อ คุณแม่ ถ้าไม่อยากให้งานแต่งมีอันเป็นไป จากประสบการณ์ผมว่าในกล่องต้องเป็นระเบิดน้อยหน่า”
“จะเล่นขนาดนั้นเลยเหรอ เกินไปหรือเปล่า” เท่งว่าขึ้นมา เอนิตาจึงรีบอธิบาย
“นิตาไม่ทำอย่างนั้นแน่ นิตายอมแพ้แล้ว ให้นิตาเข้าไปลานนท์ ลาไข่ตุ๋น เป็นครั้งสุดท้ายเถอะนะคะ”
“ครั้งสุดท้าย หมายความว่ายังไง” บุญเลื่องงง
“นิตาจะไปอเมริกาไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่นค่ะ
เท่งพยักหน้าเห็นงามด้วย
“ถ้างั้นก็เชิญเถอะ พ่อขออวยพรให้นิตามีชีวิตที่ดีมีความสุขความเจริญนะ”
“ขอบคุณค่ะพ่อ”
เอนิตาจะเดินเข้าไปข้างใน
“เดี๋ยวนิตา”
เสียงเรียกของเท่ง ทำให้เอนิตาหันกลับมา
“ขอบใจมากนะ”
เอนิตายิ้มขอบคุณ ยกมือไหว้เท่งกับบุญเลื่องแล้วเดินเข้าไปในงาน

เอนิตาเดินเข้ามาแล้วเอากล่องของขวัญเข้ามาให้ยี่หวากับณนนท์
“มีความสุขมากๆ นะคะนนท์”
“ขอบคุณครับ ดูแลตัวเองด้วยนะนิตา”
เอนิตาพยักหน้ารับคำ แล้วหันมาพูดกับยี่หวา
“ยี่หวา ฉันขอโทษในสิ่งที่ฉันเคยทำไม่ดีกับเธอ ฝากดูแลณนนท์กับไข่ตุ๋นแทนฉันด้วยนะ”
“ด้วยความยินดีค่ะคุณนิตา หวังว่าต่อไปเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะคะ”
เอนิตายิ้มให้ยี่หวา ทั้งคู่ยิ้มให้แก่กันอย่างจริงใจ

เอนิตาเสร็จธุระเดินออกมาที่หน้างานแต่ไข่ตุ๋นวิ่งมาร้องเรียกไว้
“แม่คะแม่”
ไข่ตุ๋นวิ่งเข้ามา เอนิตาโผเข้ากอดด้วยความรัก ความคิดถึง และความรู้สึกผิด
“แม่จะไปอเมริกาแล้วเหรอคะ แล้วที่นั่นแม่จะอยู่กับใคร”
“อยู่คนเดียวจ้ะ ทำไม ไข่ตุ๋นเป็นห่วงแม่เหรอลูก”
“ห่วงสิคะ” ไข่ตุ๋นกอดซบหน้ากับอกเอนิตา “ถ้าแม่อยู่คนเดียวแล้วเหงาก็กลับมาหาไข่ตุ๋นได้นะคะ"
“ขอบใจจ้ะลูก ขอบใจจริงๆ จ้ะ” เอนิตาเริ่มมีน้ำตาปริ่มๆ
จังหวะนั้นไข่ตุ๋นก็ล้วงกระเป๋าเอา “ดอกมะลิ” ที่พับจากกระดาษทิชชู ยื่นส่งให้เอนิตา
“ของคุณแม่ค่ะ ไม่ค่อยสวยแต่ไข่ตุ๋นตั้งใจทำให้แม่”
ไข่ตุ๋นกราบที่ตักเอนิตา
“ไข่ตุ๋นอยากทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไข่ตุ๋นรักแม่ค่ะ”
เอนิตาน้ำตารื้น มีความสุขมากที่สุดในชีวิต จังหวะนั้นในอีกมุมหนึ่งที่บริเวณหน้าประตู ณนนท์กับยี่หวามองภาพนั้นด้วยความปิติ

หลังผ่านเรื่องชวนขวัญแขวนแล้วยิ่งก็ขึ้นเวทีประกาศอีกครั้ง
“ผมเข้าใจถูกต้องแล้วครับ แล้วทุกอย่างก็แฮ้ปปี้เอ็นดิ้งจริงๆ สุขสุดๆ ครับวันนี้ มาครับ เรามาดื่มอวยพรให้กับสองคู่บ่าวสาวของเราซะที”
แขกทุกคนในงานเตรียมชูแก้วขึ้น แล้วร้องพร้อมๆ กันโดยมียิ่งเป็นต้นเสียง
“ขอให้บ่าวสาวมีความสุขมากๆ นะครับ ไชโยๆๆๆๆ”
แล้วยิ่ง ว่าน นัท และโมน ก็เชียร์ให้บ่าวสาวที่อยู่ข้างล่างหอมแก้มกัน
“หอมแก้มๆๆๆ”
แขกทุกคนในงาน รวมทั้งข้าวตูไข่ตุ๋น ตะโกนเชียร์ให้คู่บ่าวสาวหอมแก้มกัน ณนนท์หอมแก้มยี่หวา ยี่หวาเขิน ด้านสุดยอดจะหอม แต่ยาหยีอาย ไม่ยอมให้หอม สุดท้ายสุดยอดต้องแกล้งชี้ให้ดูอะไรแล้วทำหน้าตกใจ ยาหยีเผลอมองตาม สุดยอดเลยขโมยหอมแก้ม ถูกยาหยีตีเบาๆ ด้วยความเขินเหมือนกัน ทุกคนในงานร้องเฮด้วยความชอบใจ

ในสวนแห่งนั้น มีโต๊ะไม้จัดวางจานอาหาร ผลไม้และน้ำหวาน ยี่หวากับบุญเลื่องกำลังช่วยกันจัด
อาหารในจาน และมีเตาบาร์บีคิวที่กำลังณนนท์กับเท่งกำลังช่วยกันปิ้งจนควันโขมง
จังหวะนั้นยาหยีก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“พี่นนท์ พี่ยี่หวา เกิดเรื่องแล้วค่ะ”
“อะไรหยี”
ทุกคนพากันตกใจ
“มีเรื่อง ใครมีเรื่องกับใคร”
“ข้าวตูกับไข่ตุ๋นค่ะ” ยาหยีบอก
“อีกแล้วเหรอ” เท่งว่า
“อะไรกัน แม่นึกว่าสามัคคีเป็นพี่น้องกันแล้วซะอีก”
“สามัคคีอะไรกันล่ะครับ”
สุดยอดหิ้วข้าวตูด้วยมือข้างนึง อีกมือหิ้วไข่ตุ๋นเข้ามา
“ผมเดินไปเจอ....กำลังจะตีกันพอดีเลยห้ามไว้ทัน” สุดยอดบอก
“ไข่ตุ๋น ทำไมเป็นอย่างงั้นล่ะลูก” ณนนท์ขมวดคิ้ว

ครั้นพอสุดยอดปล่อยมือ ข้าวตูกับไข่ตุ๋นก็โผเข้าหากัน ทำท่าจะมีเรื่องกันอีก
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ทั้งสองคนเลย”
พอถูกยี่หวาเอ็ดข้าวตูกับไข่ตุ๋นชะงัก แล้วยืนนิ่ง ไม่กล้าตีกันต่อ
“มีเรื่องอะไรกัน ไหนบอกแม่มาซิ” ยี่หวาถาม
“ไข่ตุ๋นน่ะแหละไม่ดี”
“ข้าวตูน่ะแหละไม่ดี”
สองคนเถียงกันไปเถียงกันมา ทำท่าจะตีกันอีก สุดยอดต้องจับแยกทั้งสองคนออกจากกันอีกครั้ง
“อ้าว ตกลงเลยไม่มีใครดี เล่ามาว่ามีเรื่องอะไรกัน พ่อตัดสินให้เอง” ณนนท์เสนอตัว
ข้าวตูกับไข่ตุ๋นหันมามองหน้ากัน
“เรื่องนี้เป็นเรื่องของเด็กครับ” ข้าวตูเปิดประเด็น
“แล้วมันก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆๆๆๆ” ไข่ตุ๋นพูดซ้ำให้รู้ว่าสำคัญแค่ไหน
“สำคัญระดับชาติเลยครับ” ข้าวตูบอก
พวกผู้ใหญ่ทำหน้าทึ่งๆ ปนขำ
“เพราะฉะนั้น เราขอไปประชุมลับกันก่อนได้มั้ยคะพ่อ” ไข่ตุ๋นว่า
“ตามใจ ประชุมเสร็จแล้วบอกนะ
“ค่ะพ่อ/ครับพ่อ” ไข่ตุ๋นกับข้าวตูรับคำณนนท์พร้อมๆ กัน

ไข่ตุ๋นกับข้าวตูกอดคอกันเดินแยกออกไปคุยกัน หน้าตาซีเรียสจริงจัง ทุกคนมองไปที่เด็กน้อยสองคนด้วยความสงสัย
“เจ้าสองคนนี้มันวางแผนซนอะไรกันอีกแน่ๆ” เท่งคิด
“ใจคอไม่ดีเลยคุณ สองคนนี้รวมตัวกันทีไร ต้องป่วนทู๊กทีสิน่ะ” บุญเลื่องเป็นกังวล
“หรือว่าจะขอเลี้ยงหมาคะ” ยี่หวาออกความเห็น
“ผมว่าไม่ใช่ น่าจะขอไปดูแพนด้ารอบที่สิบมากกว่า” ณนนท์บอก
“หรือว่าจะขอสระว่ายน้ำ” ยาหยีคิด
“หรือว่าสนามฟุตบอล” สุดยอดเสนอ
ไข่ตุ๋นกับข้าวตูจับมือกันแล้วพยักหน้า เป็นเชิงว่าตกลงกันได้ ทั้งสองคนก็เดินกลับมา
“ไง ตกลงกันได้แล้วใช่มั้ย” ณนนท์ถามยิ้มๆ
“ใช่ค่ะ เราตกลงกันแล้วว่า...” ไข่ตุ๋นบอกทิ้งระยะให้ข้าวตูพูดตาม
“เราอยากมีน้องสองคน” ข้าวตูบอก
“น้องคนนึงจากพ่อนนท์กับแม่ยี่หวา ชื่อว่า น้องข้าวตุ๋นค่ะ” ไข่ตุ๋นบอกต่อ
“น้องอีกคนจากน้าหยีกับอายอด ชื่อว่า น้องไข่ตูครับ” ข้าวตูปิดท้าย
บรรดาผู้ใหญ่ทุกคนฟังแล้วอ้าปากค้าง สุดยอดทวนคำพูดหลานๆ
“น้องข้าวตุ๋น กับน้องไข่ตู ....ที่ไปประชุมลับกัน เรื่องอยากมีน้องเนี่ยนะ?”
ไข่ตุ๋นกับข้าวตูพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ค่ะพ่อ/ครับพ่อ” ทั้งคู่บอกพร้อมๆ กัน
“โธ่ นึกว่าอะไร”
ทุกคนเอ่ยพร้อมกัน แล้วพากันระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมๆ กันอีกด้วย ไข่ตุ๋นกับข้าวตูมองณนนท์กับสุดยอดอย่างสงสัย
“สรุปว่าเราจะได้น้องสองคนใช่มั้ยครับ” ข้าวตูบอกออกมาอย่างดีใจ
“ได้เลยใช่มั้ยยี่หวา”
ยี่หวาพยักหน้าแทนคำตอบ
“ใช่มั้ยจ๊ะยาหยี ของผมขอสองคนเลยนะ” สุดยอดขอแจม
“เว่อร์แล้ว นายสุดยอด” ยาหยีทำทีเป็นโวยวายกลบอาการเขิน
ข้าวตูกับไข่ตุ๋นร้องไชโยอย่างดีใจ แล้วกระโดดไปรอบๆ ตัวผู้ใหญ่ ทุกคนหัวเราะชอบใจเอ็นดูเด็กทั้งสอง นาทีนั้นคู่รักสองคู่ ณนนท์กับยี่หวา สุดยอดกับยาหยีก็จับมือกัน สบตากันด้วยสายตาแห่งความรักและความสุขล้นหัวใจ
กลายเป็นภาพบรรยากาศของครอบครัวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่กลมเกลียว และแสนอบอุ่นอย่างแท้จริง

จากความแตกต่างของ 4 ชีวิต ของคนทั้ง 2 คู่ กลับกลายมาเป็นความลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์ในวันนี้ จุดเล็กๆ ทั้งปวง ล้วนเกิดมาจาก...ลิขิตเสน่หา


จบบริบูรณ์









กำลังโหลดความคิดเห็น