ในรอยรัก
ตอนที่ 24
เช้าวันต่อมา เตชแวะมาหาบัวบงกชที่บ้าน พร้อมกับต่อว่าม่านมัสลิน บัวบงกชได้แต่นั่งก้มหน้าน้ำตาซึม
“ถ้าไม่มีนังมัสลิน ลูกเดียร์ก็จะสมหวัง ป่านนี้คงจะมีลูกกับกานนไปแล้วคนสองคนก็ได้ นังคนนี้มันเป็นนังมารผจญ เกิดมาเพื่อทำลายความสุขของลูกเดียร์ ของครอบครัวเรา”
บัวบงกชน้ำตาร่วง เตชยิ่งหงุดหงิด “นี่คุณจะมีอะไรทำที่ดีกว่าร้องไห้มั้ย”
“เตช...ฉัน...”
เตชลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมา ใช้ความคิด
“ต้องทำให้มันเสียชื่อ ทำให้มีแต่ข่าวคาวๆ ใช่แล้ว ข่าวมือที่ 3 เนี่ยดีที่สุด คนดูจะได้แอนตี้มัน มันจะได้ตกต่ำไม่มีใครจ้าง”
“อย่านะ เตช”
เตชจ้องหน้าบัวบงกชเขม็ง “คุณห้ามผมไม่ได้หรอก”
“ฉันกราบละ”
“มันเป็นลูกคุณเรอะ ถึงได้เดือนร้อนแทนนัก”
“นึกถึงบาปบุญคุณโทษบ้าง ลูกใครใครก็รัก”
“ใช่ ลูกใคร ใครก็รัก พ่อแม่มันอยากเลวทำไม...ผมเคยบอกแล้วว่าพ่อแม่มันเลว ลูกมันถึงได้เลว”
“คุณรู้รึว่า แม่เขาเลว แล้วไปยุ่งด้วยทำไม คุณไปยุ่งกับจิรดาทำไม”
“แค่นี้คงไม่ได้หึงผมหรอกนะ คุณไม่เคยรักผมอยู่แล้วนี่ แต่ก็ดีที่คุณพูดถึงจิรดา แม่ลูกมันก็ DNA เดียวกัน เหลวแหลกเหมือนกัน” เตชเดินออกไป
“คุณจะทำอะไรน่ะ”
เตชเดินไปโดยไม่หันมามอง บัวบงกชกุมขมับด้วยความกลัดกลุ้ม
เตชเข้าออฟฟิศแล้วโทรหาเสี่ยศักดาเพื่อให้จัดการกับมัสลิน
“ได้ เรื่องแค่นี้เอง ผมยังเจ็บใจไม่หายที่มันไม่ยอมเล่นหนังให้ผม แถมยังเกือบทำให้ศิธาเกือบติดคุก ดีว่าหลักฐานไม่เพียงพอ”
“ขอบใจมาก อะไรที่จะทำให้มันเสื่อมเสียหรือตกต่ำลงได้ ก็ไม่ต้องรั้งรอเลย”
“เรามีพรรคพวกในวงการอยู่มาก คนนั้นเริ่มนิด คนนั้นเสริมหน่อย หลายๆ ปากเข้า ต่อให้เก่งยังไง ใจแข็งแค่ไหน มันก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน”
“งั้นก็เริ่มได้เลย” เตชวางโทรศัพท์ลง สีหน้าดีใจอย่างยิ่ง “แกยังไม่รู้จักฉันดี นังมัสลิน”
หลายวันต่อมา มัสลินขับรถเข้ามาจอดที่กองถ่ายนักข่าวกลุ่มหนึ่งรีบตรงเข้ามามัสลิน
“สวัสดีค่ะ”
มัสลินยกมือไหว้นักข่าว
“มีข่าวว่าน้องมัสเป็นมือที่ 3 จริงหรือเปล่าคะ”
นักข่าวยิงคำถาม มัสลินถึงกับงง
“มือที่ 3 อะไรคะ”
“มือที่ 3 แย่งแฟนไฮโซ ที่ชื่อคุณมธุรินน่ะค่ะ”
“ไม่จริงค่ะ มัสไม่เคยแย่งแฟนใคร ไม่แม้แต่จะคิด”
“แต่มีรูปเป็นพยานนะคะ”
“ไหนคะ”
นักข่าวส่งรูปกานนให้มัสลินดู
“อ๋อ รูปเก่า มัสยอมรับว่ารู้จัก แต่ก็เป็นแค่เพื่อนกัน ไม่มีอะไรมากว่นั้นแน่นอนค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
มัสลินยกมือไหว้นักข่าวแล้ว รีบเดินไปที่กองถ่าย
หลังจากทำงานเสร็จมัสลินก็ตรงกลับบ้านทันทีมัสลินเดินเข้าบ้านด้วย สีหน้าท่าทางเซ็งๆ
“มาแล้วหรือยะ แม่ตัวดี”
จิรดาถาม มัสลินวางกระเป๋าลง
“วันนี้มีถ่าย 2 ฉากเองค่ะ”
“รู้แล้วใช่ไหมว่าเรามีข่าวคาวฉาวโฉ่อีกแล้ว”
“ช่างมันเถอะค่ะแม่”
“ช่างได้ไง คราวนี้ดันพ่วงฉันเข้าไปด้วย” มัสลินมองหน้าจิรดาอย่างประหลาดใจ “ข่าวมันลงประมาณว่าทั้งแม่ทั้งลูก แย่งผัวคนอื่นเหมือนกัน”
มัสลินชะงัก สีหน้าแววตาเหมือนจะช็อค
มัสลินเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง แล้วทรุดตัวนั่งอย่างหมดแรง มัสลินนั่งนิ่งครู่หนึ่ง แล้วมีเสียงเคาะประตูเบาๆ พัดเดินเข้ามา พัดคุกเข่าลงตรงหน้ามัสลิน สีหน้าที่เหมือนจะไม่เคยทุกข์ร้อนกับอะไร ดูจริงจังมองมัสลินด้วยความเป็นห่วง
“อย่าไปเสียน้ำตาให้ข่าวพวกนั้นเลยค่ะ มันผ่านไปแล้วก็ผ่านไป”
“มัสไม่เคยคิดว่า จะมีใครเกลียดมัสได้ลึกซึ้ง เขาพยายามทำลายล้างกันขนาดนี้ พอเรื่องเก่าทำท่าจะจบ เรื่องใหม่ก็ซ้อนเข้ามา มัสอยากถามคนๆ นั้นว่าเขาใส่ร้ายมัสทำไม มัสไปทำอะไรให้เขา”
“ความลับไม่มีในโลกหรอกค่ะ ถ้ารู้ตัวเมื่อไหร่ พัดจะไปยืนด่าหน้าบ้าน 7 วัน 7 คืนไม่มีซ้ำ”
“ขอบใจที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนมัส”
“พัดไม่อยากให้คุณมัสท้อ”
“มัสอาจท้อ แต่จะไม่ถอยเด็ดขาด มัสจะไม่มีวันยอมให้พวกนั้นหัวเราะเยาะมัสได้”
“ดีแล้วละค่ะ พัดภูมิใจในตัวคุณมัสมาก เหนื่อยนักก็มาร้องไห้ที่บ้าน แต่พอออกไป ก็อย่าให้ใครเห็นน้ำตา”
สีหน้ามัสลินเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง
บัวบงกชเห็นข่าวมัสลินก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือเตช เธอจึงมาหาเตชที่ออฟฟิศ...บัวบงกชเปิดห้องทำงานเตช ก้าวพรวดๆ เข้ามาอย่างโกรธจัด เตชเงยหน้าขึ้นมอง
“มีธุระอะไรหรือ บัว”
“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อบริสุทธ์หรอก เตช! ฉันรู้จักคุณดี”
“ถ้าคุณรู้จักผมดี ผมคงไม่ต้องแยกออกมาอยู่ต่างหากหรอก ลูกเดียร์ก็เหมือนกัน จะว่าไป ผมว่าคุณไม่รูจักใครเลย นอกจากตัวเอง” บัวบงกชอึ้งด้วยความโกรธ อับจนถ้อยคำไปครู่หนึ่ง
“คุณมาที่นี่เพราะข่าว 2 แม่ลูกนั่น”
“คุณไม่สงสารเขาบ้างหรือ เขาต้องอาศัยชื่อเสียง”
“ไม่ห่วงเลย พวกมันเป็นลูกหลานเศรษฐีนี่ ยังไงก็ไม่อดตาย” บัวบงกชขยับจะพูดอีก แต่เตชชิงพูดก่อน ด้วยท่าทางสบายๆ เอนตัวพิงพนัก
“ไม่เอาน่า ที่รัก ผมบอกคุณไปแล้วนี่ว่าผมจะไม่หยุดรังควานแม่ลูกคู่นี้ ผมจะใช้อิทธิพลทั้งหมดที่ผมมีบีบพวกมันจนไม่มีที่ยืนในสังคม”
“แล้ววันหนึ่งคุณจะเสียใจ”
“ผมเสียใจจนถึงที่สุดแล้ว”
แววตาบัวบงกชมีแววเยาะ
“ยังหรอก ฉันสาบานได้เลยว่าที่คุณบอกว่าเสียใจจนถึงที่สุดมันยังไม่ได้ถึงครึ่งที่คุณจะต้องเสียใจในอีกไม่นานนี้! อีกไม่นานหรอก เตช! เตรียมตัวเตียมใจไว้ได้เลย”
สีหน้าเตชค่อยๆ เปลี่ยนเป็นพิศวง
“คุณพูดอะไรของคุณ”
“คุณทำให้คนอื่นทุกข์เท่าไหร่ คุณก็จะต้องทุกข์ยิ่งไปกว่านั้น คอยรับผลกรรมของตัวเองเถอะ”
บัวบงกชเดินตัวตรงออกไป เตชยังคงมองตามอย่างแปลกใจ
วันเดียวกันนั้นแป้นต้องแปลกใจขณะออกมาเปิดประตูให้กุเทพขับรถเข้ามาจอด เพราะกุเทพมาพร้อมเจ้าสัวทศ ลงจากรถกุเทพก็ถามขึ้นทันที
“มัสลินอยู่ไหม”
“ไปถ่ายละครค่ะ อยู่แต่คุณดา”
เจ้าสัวพยักหน้าเดินเข้าไปในบ้านกับกุเทพ แป้นเดินตาม
ขณะนั้นพัดกำลังบีบไหล่ให้จิรดา ขณะที่เจ้าสัวเข้ามา จิรดานั่งหันหลังให้จึงไม่เห็นเจ้าสัว
“โอ๊ย! เจ็บ เบาๆหน่อยซิยะ”
“เบาไม่ได้ค่ะ ต้องแร้ง...ง”
“นี่แน่ะ แร้ง...ง”
จิรดาสะบัดตัวออกอย่างแรง พัดร้องลั่น หงายหลังแล้วชะงักเมื่อเห็นเจ้าสัวกับกุเทพกำลังก้มมองมา
“สัวสดีค่ะ” จิรดารีบยกมือไหว้เจ้าสัวและรับไหปวกุเทพ “ “เชิญนั่งซิค่ะ”
พัดรีบลุกขึ้น เจ้าสัวกับกุเทพทรุดตัวลงนั่ง พัดก้มกราบเจ้าสัว
“ท่านสบายดีหรือคะ”
“สบายตามสังขาร สังขารอย่างนี้ สบายแบบนี้ก็สุดยอดแล้ว”
“นั่นซิคะ” พัดขยิบตากับแป้นแล้วพากันออกไป
“มัสไปถ่ายละครหรือครับ” กุเทพถามจิรดา จิรดาพยักหน้ารับ
“เห็นว่าจะรีบปิดกล้อง”
“ให้มัสลินเลิกเล่นละครเถอะ ออกจากวงการเลย แล้วมาทำงานกับพ่อ จะได้ไม่ต้องมีข่าวเสียๆหายๆ” เจ้าสัวบอก
“เรื่องนี้คงต้องพูดกับยัยมัสเองค่ะ แต่ถ้าจะให้เดา และหนูคงเดาไม่ผิด ยัยมัสคงยังจะทำงานในวงการต่อไปค่ะ”
เจ้าสัวอึ้งไปขณะเบือนหน้ามาสบตากุเทพ
พัดกับแป้นช่วยกันจัดน้ำชาให้เจ้าสัว น้ำผลไม้ให้กุเทพ รวมทั้งผลไม้และขนม
“เจ้าสัวท่านก็เป็นห่วงลูกหลานท่านเหมือนกันนะ พี่พัด”
“ไม่ห่วงลูกหลาน แล้วจะห่วงใคร โดยเฉพาะลูกหลานบ้านนี้ถูกทอดทิ้งให้ผจญเวรผจญกรรมตามลำพังมาตั้งนาน อันที่จริง มาห่วงตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้วละ คุณมัสเธอหาเงินได้เองตั้งเยอะแยะ”
“แต่ก็โดนข่าวฉาวแทบทุกวัน”
แป้นยกถาดออกไป พัดช่วยยกตาม...
พัดกับแป้นวางถาดลงบนโต๊ะ
“ขอบใจ ทั้ง 2 คนมากนะ ที่ช่วยดูแลลูกหลาน ฉันมาอย่างดี” พัดกับแป้นหน้าบาน เจ้าสัว
เบือนหน้ากลับมาทางจิรดา
“ลูกอยากให้มัสลินต้องอยู่ในวังวนอื้อฉาวตลอดไปหรือ แม่ดา”
“วงการนี้มีคนใหม่เข้ามาเรื่อยๆ มีรื่องใหม่ๆ ให้เขียนถึงมากมาย อีกหน่อยก็เลิกเขียนถึงยัยมัสไปเอง”
“อาจจะไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้ครับ”
ทุกคนหันมามองกุเทพเป็นตาเดียว “ผมว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ เหมือนมีคนจงใจสร้างข่าวเสื่อมเสียให้มัส”
“คุณก็รู้ใช่ไหมว่าเป็นใคร” จิรดาจ้องหน้ากุเทพเขม็ง
“ผมยังไม่แน่ใจครับ”
“แกสงสัยใครฮึ เจ้ากุ”
“ให้ผมแน่ใจก่อนดีกว่าครับ ถ้าพูดไป แล้วไม่ใช่มันจะไม่ดี”
“พ่อแม่แฟนคุณใช่ไหมล่ะ” จิรดายิ้มเยาะ
“ฮ้า! พ่อแม่หนูเดียร์คนโปรดของอาแกน่ะเรอะ”
เจ้าสัวถามอย่างตกใจ กุเทพยิ้มแห้งๆ
“มันแหละค่ะ ตัวดีเลยละ” จิรดาโพล่งขึ้น
“มันจะใช้ได้ที่ไหน เห็นท่าจะต้องพูดกันให้รู้เรื่องซะแล้ว”
“คุณปู่ ให้ผมจัดการเองดีกว่าครับ”
“ฉันให้เวลาแก 2 วัน ถ้าไม่สำเร็จคอยดูเจ้าสัวบ้าง”
เจ้าสัวบอกท่าทางขึงขัง ขณะที่กุเทพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ส่วนจิรดาเหมือนจะเยาะทุกๆ คน
กุเทพพาเจ้าสัวกลับไปส่งบ้านแล้วขับรถมาหากานนที่ออฟฟิศ...กานนเดินกลับมาทรุดตัวลงนั่ง นัยน์ตาจับจ้องมองกุเทพ
“อาปลิวคิดว่า ผมควรจะไปพูดกับใคร คุณอาเตช คุณอาบงกช หรือว่าเดียร์”
“พูดกับใครก็พูดได้ทั้งนั้น แต่นายต้องระวังจะถูกต่อยหน้าหงายกลับมา โดยเฉพาะคุณเตช”
กุเทพนิ่งไปครู่หนึ่ง
“ทำไมอาปลิวไม่ขอมัสแต่งงานให้หมดเรื่องหมดราว”
คำถามนี้ทำให้กานนถึงกับสะดุ้ง
“เฮ้ย!”
“ผมพูดจริงๆ นะ อาปลิวรักมัส มัสก็รักอาปลิว แล้วมัสก็ไม่ใช่ญาติของเราด้วย ไม่มีข้อห้ามอะไร”
“งั้นนายก็เชื่อว่ามัสลินเป็นลูกของคุณบงกช”
กุเทพสบตากานนแน่วแน่
“แล้วอาปลิวล่ะ เชื่อหรือเปล่า”
“ไม่มีใครที่รู้คำตอบดีที่สุดเท่ากับคนที่เกี่ยวข้องหรอก”
“ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ถ้าหากมัสเป็นลูกของอาบงกช ทำไมเธอถึงไม่ปกป้องมัสเท่าที่ควรเหมือนคนเป็นแม่ทั่วๆ ไป”
“หรือมัสลินอาจจะเป็นลูกคุณจิรดาจริงๆ ก็ได้”
กุเทพกุมขมับปวดหัว
วันต่อมาขณะที่มัสลินขับรถออกจากบ้าน กานนขับรถมาขวางไว้ มัสลินรีบเบรคทันที แล้วเปิดประตูรถออกมา เช่นเดียวกับกานน คนขับรถกานนเปิดประตูด้านข้างขับออกมายืนสงบเสงี่ยม
“ถ้าฉันเบรคไม่ทัน แล้วจะเป็นยังไง”
“ผมจอดห่างตั้งเยอะ ไม่เหมือนคุณที่ขับขวางผมวันนั้นหรอก”
ผู้คนผ่านไปผ่านมาเริ่มมอง
“คุณจะเอายังไง”
“ให้คนรถผมขับรถคุณไปเก็บที่บ้าน แล้วคุณไปกับผม”
“ว่างงานนักหรือไง”
“งั้นมั้ง เอากุญแจให้วินัยไปซิ”
“ฉันไปไหนมาไหนเองได้”
“รู้ละว่าเก่ง”
มัสลินกวาดตามองโดยรอบ แล้วยอมส่งกุญแจให้คนรถ มัสลินยอมขึ้นรถกานน กานนชะงักนิดหนึ่ง แล้วก้าวขึ้นประจำที่คนขับ
“จะไปไหนครับ คุณผู้หญิง”
“ไปโรงพยาบาล”
กานนเหลือบมองแว่บหนึ่งก่อนจะขับรถออกไป
“เดี๋ยวผ่านร้านดอกไม้แล้วแวะด้วย”
“ครับ คุณผู้หญิง”
กานนขับรถมาส่งมัสลินที่โรงพยาบาล ขณะนั้นแม็กกี้ยืนอยู่ข้างเตียงคิม จับมือลูกไว้ ดวงตามีน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างตื้นตันใจ เสียงเคาะประตูเบาๆ แล้วมัสมินก็เปิดเข้ามาในมือมีกุหลาบแดงหลายดอก ห่อกระดาษ ติดตามด้วยกานน มัสลินยกมือไหว้แม็กกี้ด้วยความดีใจ
“สวัสดีค่ะ”
“คิมขยับมือได้แล้ว”
“จริงหรือคะ” มัสลินกับกานนเดินมายืนอยู่อีกด้านของเตียง มัสลินส่งดอกไม้ให้กานนถือแล้วเธอก็จับมือคิมไว้อย่างอ่อนโยน
“คุณคิม ได้ยินมัสหรือเปล่าคะ” คิมยังคงนอนนิ่ง
“เมื่อกี้ยังขยับจริงๆนะ” แม็กกี้ยืนยัน
“คิมคะ”
มือคิมในมือมัสลินเหมือนจะขยับนิดๆ มัสลินทั้งตื่นเต้นและดีใจ
“จริงๆ ด้วยค่ะ” มัสลินน้ำเสียงระรื่น
“ดอกไม้นี่จะทำยังไงครับ”
กานนถามมัสลินเบาๆ แต่มัสลินไม่สนใจเพราะกำลังตื่นเต้น เช่นเดียวกับแม็กกี้
“ฉันจะไปบวชชีพราหมณ์” แม็กกี้บอก
“คุณ เอ้อ รู้จักด้วยหรือคะ” มัสลินถามอย่างแปลกใจ
“มีเพื่อนคนไทยแนะนำ”
“ดอกไม้นี่จะทำยังไงครับ” กานนถามย้ำเบาๆ แต่มัสลินยังคงไม่สนใจ
“ดีจังค่ะ มัสจะงดทานเนื้อสัตว์สักระยะหนึ่งเพื่อเป็นบุญกุศลให้คิม”
“ขอบใจมาก”
“คุณแม็กกี้ทราบหรือยังคะว่าจะบวชที่ไหน”
“ดอกไม้นี่...” กานนจะถามต่อแต่มัสลินตัดบทซะก่อน
“เอาไปจัดแจกัน” กานนชะงัก
“ผมนะเรอะ!”
“ใช่”
กานนไหวไหล่นิดๆ แล้วเดินมาหยิบดอกไม้ในแจกันทิ้ง แล้วถือแจกันเข้าห้องน้ำไปจัด ขณะนั้นแม็กกี้กับมัสลินยังคุยกันต่อ
“ระหว่างที่ฉันไปบวชชีถือศีล คงต้องฝากให้เธอดูแลคิมด้วยนะ”
“ด้วยความยินดีเลยคะ เพราะปกติมัสก็มาทุกวันอยู่แล้ว”
“แต่ฉันยังไม่ลืมที่ไอ้พวกนั้นมันทำกับคิม”
มัสลินเดินอ้อมมาแตะแขนแม็กกี้อย่างอ่อนโยน
“อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องนั้นเลยนะคะ คุณแม็กกี้กำลังจะถือศีล ควรทำจิตใจให้บริสุทธ์”
“จริงซิ ขอบใจที่เตือนเรื่องล้างแค้น 10 ปี ก็ไม่มีวันสาย”
ประตูห้องน้ำเปิดออก กานนเดินออกมาพร้อมดอกไม้ที่ดูเหมือน ”สุม” อยู่ในแจกัน แม็กกี้กับมัสลิน
มองแจกันนั้นเป็นตาเดียว
กานนเปิดประตูรถด้านข้างคนขับแล้วจับตัวมัสลินเข้าไปนั่งแล้วปิดประตู จากนั้นกานนก็เดินอ้อมเข้ามานั่งที่คนขับ
“ที่คุณทำน่ะ เข้าไม่เรียกว่าจัดแจกันหรอก แต่เรียกว่าสุมแจกัน” มัสลินต่อว่า
“จะจัดหรือจะสุม ดอกไม้ก็อยู่ในแจกันเหมือนกัน”
“ไม่เหมือนกัน”
“นี่คุณ! ผมเรียนบริหารมานะ ไม่ได้เรียนจัดดอกไม้ แล้วนี่จะไปไหนต่อ”
“ยังไม่รู้”
“ดี! งั้นผมพาไปเอง”
มัสลินสะดุ้ง
“จะพาไปไหน”
“แล้วคุณคิดว่าผมจะพาไปไหน”
“ฉันไปเองดีกว่า”
มัสลินขยับจะเปิดประตูแต่กานนชิงออกรถก่อน
“ไม่ต้อง คุณค่อยๆ คิดก็ได้ว่าจะไปไหน”
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นจิรดาอยู่ที่บ้านม่านมุก ปิ่นยกน้ำใบเตยและผลไม้มาเสิร์ฟ
“ขอบใจ บอกแม่ว่าฉันจะนอนเล่นที่นี่”
“เดี๋ยวสายหน่อย แดดจะร้อนนะคะ”
“ร้อนฉันก็เข้าข้างใน ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ค่ะ”
ปิ่นเดินไป เสียงโทรศัพท์มือถือของจิรดาดังขึ้น จิรดามองเบอร์แล้วกดรับ
“ฮัลโหล”
“นี่ฉันเอง บัวบงกช”
“จำได้ มีธุระอะไร”
“ฉันอยากได้เบอร์มือถือของมัสลิน”
จิรดานิ่งไปครู่หนึ่ง
“จะมาไม้ไหนอีกล่ะ”
“ไม่มีไม้ไหนทั้งนั้น ฉันแค่...อยากคุยด้วย”
จิรดายิ้มเยาะ
“แต่ฉันไม่รับรองนะว่ามัสลินจะอยากคุยกับคุณหรือเปล่า”
กานนขับรถมาจอดท่ามกลางบรรยากาศสวยสงบ มัสลินมองไปโดยรอบ ด้วยสีหน้าพอใจ กานนเปิดประตูก้าวลงไป มัสลินก้าวตาม
“เวลาที่รู้สึกว่าอะไรต่อมิอะไรมันวุ่นวายมากๆ ผมจะมาที่นี่ เอางานมาคิดบ้าง”
“แล้วคิดออกมั้ยคะ”
“ออกซิ”
เสียงโทรศัพท์มือถือมัสลินดังขึ้น มัสลินหันไปเปิดประตูรถจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า
“ไม่รับมันสักวันจะเป็นอะไรไหม” กานนบอก
“เป็นซิคะ” มัสลินเปิดกระเป๋าหยิบมือถือขึ้นมารับ สีหน้าพยายามคิดว่าเบอร์ใคร “ฮัลโหล”
บัวบงกชพยายามระงับความตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงมัสลิน
“มัสลิน นี่ฉันเอง บัวบงกช” มัสลินอึ้งไป “มัสลิน” บัวบงกชพูดทางปลายสาย
มัสลินเหลือบมองกานนที่กำลังมองอยู่เช่นกัน แล้วเดินออกไปห่างพอสมควร กานนมองตามอย่างแปลกใจ
“คุณรู้เบอร์โทรฉันได้ยังไง”
“คุณจิรดาบอก คุณกำลังยุ่งอยู่หรือเปล่า” มัสลินเม้มปาก “ฉันอยากพบคุณ พอจะมีเวลาว่างไหม”
กานนยังคงมองมัสลินคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มัสลินหันหลังให้ จึงดูเหมือนมีความลับ...มัสลินปิดโทรศัพท์เดินย้อนกลับมา
“ฉันมีธุระด่วน”
“ผมจะไปส่ง”
“ฉันจะไปแท็กซี่ เดี๋ยวคุณช่วยแวะตรงที่หาแท็กซี่ง่ายๆ ก็พอ”
“ทำไมผมถึงไปส่งไม่ได้ มันเป็นความลับนักหรือ”
“ใช่ค่ะ ลับมาก”
กานนไม่พูดอะไรแต่ขึ้นรถ มัสลินขึ้นรถตาม เหลือบมองกานน ทำท่าเหมือนจะพูด แต่กานนขับรถออกไปโดยไม่มองมัสลิน...มัสลินเปลี่ยนใจ เอนหลังพิงพนัก มองออกไปนอกหน้าต่าง กานนเหลือบมองมัสลินเหมือนน้อยใจ
ม่านมัสลินมาพบกับบัวบงกชที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง บัวบงกชค่อยๆ เงยหน้ามองมัสลินที่เดินช้าๆ ตรงเข้ามา...สายตาบัวบงกชไม่มีเหลือบแลไปทางอื่น แต่เต็มไปด้วยอาการจดจ่อ รักใคร่อ่อนโยน มัสลินที่เคยแข็งกร้าวก็ดูเหมือนจะลังเลนิดๆ ขณะใกล้เข้ามาทุกที มัสลินเดินมาหยุดหน้าบัวบงกช โดยดวงตาไม่ได้เหลือบแลทางอื่น บัวบงกชรู้สึกตัว แต่ก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้
“นั่งซิ” มัสลินขอบคุณ ขณะทรุดตัวลงนั่ง บริกรนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟทันที
“น้ำลูกหว้าค่ะ เห็นหนูมาเหนื่อยๆ ร้อนๆ จะได้ชื่นใจ ดูเมนูก่อนซิ จะได้สั่งอาหาร”
“ไม่หิวค่ะ คุณมีธุระอะไรกับดิฉันหรือคะ”
บัวบงกชหน้าเสียนิดหนึ่ง ตอนมัสปฏิเสธ
“คือ ฉันอยากให้หนูรู้ว่า ครอบครัวของฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข่าวไม่ค่อยดีของหนู”
มัสลินค่อยๆ คลี่ยิ้มเยาะขณะที่ดวงตาเหมือนเจ็บปวดขึ้นมาแว่บหนึ่ง
“ก็คงอย่างนั้นแหละค่ะ ไอ้คนที่ทำน่ะมันสิ้นคิด ในสมองมีแต่เรื่องเลวๆ ตัวเองชั่วคนเดียวไม่พอ ยังพยายามที่จะดึงให้คนอื่นชั่วไปด้วย” บัวบงกชหน้าเสีย มัสลินเห็นแล้วสะใจจึงพูดต่อ
“ไอ้คนชั่วๆ เลวๆ อย่างนี้ วันหนึ่งผลกรรมมันต้องตามสนอง”
“ทุกวันนี้ ผลกรรมนั้นก็ตามสนองเขาแล้ว” บัวบงกชบอกเสียงแผ่วเบา
มัสลินเลิกคิ้วเยาะๆ
“คุณพูดเหมือนรู้จักไอ้คนนั้น”
“เอ้อ ฉันคิดว่าคนที่สร้างข่าวอย่างนี้ คงไม่ใช่คนที่มีความสุขนักหรอก” มัสลินยิ้มก้มลงจิบน้ำลูกหว้า บัวบงกชมองด้วยสายตาอ่อนโยน “ฉันสงสารแล้วก็เห็นใจหนูมาก”
มัสลินมีท่าทางไว้ตัวขึ้นมาทันที
“ดิฉันไม่ชอบให้ใครมาสงสาร โดยเฉพาะคนที่ไม่สนิทสนมคุ้นเคย”
บัวบงกชพยายามกล้ำกลืนความเจ็บปวดลงไป
“มัสลิน”
มัสลินเหลือบมองนาฬิกาข้อมือแว่บหนึ่ง
“คุณมีธุระอะไรก็เชิญพูดเลยค่ะ ดิฉันต้องทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงตัวเองแล้วก็คุณแม่ ซึ่งเป็นคนที่ดิฉันรักมากที่สุด”
บัวบงกชเจ็บปวด แต่พยายามกล้ำกลืน
“ดีแล้วที่หนูมีความกตัญญู เอ้อ ฉันอยากจะเชิญหนูมาร่วมพูดคุยในรายการ”
“เห็นจะต้องปฏิเสธค่ะ เพราะดิฉันไม่ใช่ คนดี ที่คู่ควรกับรายการของคุณ ดิฉันอายตัวเองหากจะต้องออกทีวี ตีหน้าบริสุทธิ์ว่าตัวเองช่างเลิศเลอเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ภายในอาจจะเน่าเละจนมีหนอนชอนไช” บัวบงกชอึ้ง
“คุณมีธุระแค่นี้ใช่ไหมคะ” บัวบงกชพูดไม่ออก
“คราวหน้า ถ้ามีธุระอะไรก็กรุณาติดต่อ คุณแม่ เพราะท่านเป็นผู้จัดการของดิฉัน ลาละค่ะ”
มัสลินยกมือไหว้ แล้วขยับลุกขึ้น
“หนูมัสลิน ฉันอยากให้หนูรู้ว่า ฉันเอ็นดูหนูเหมือนลูกหลานจริงๆ”
“ขอบคุณค่ะ แต่ดิฉันมี 'แม่' แล้ว”
มัสลินบอกแล้วเดินออกไป บัวบงกชมองตามด้วบความรักแววตาอาลัยอาวรณ์
พอออกมาจากร้านอาหาร ม่านมัสลินเปิดกระเป๋าหยิบแว่นตาดำมาสวมเดินไปจะเรียกแท็กซี่ แต่รถกานนแล่นมาจอด กานนกดกระจกลง
“ขึ้นมา” กานนบอก
“ฉัน...” มัสลินลังเล
“บอกให้ขึ้นมา รถติดเห็นไหม”
ม่านมัสลินหันไปมอง ขณะมีเสียงบีบแตรไล่ มัสลินจึงต้องรีบขึ้นรถ กานนขับออกไปจากที่นั่นทันที
กานนเหลือบมองมัสลินที่นั่งสีหน้าเต็มไปด้วยอาการใคร่ครวญครุ่นคิด บางครั้งก็ทอดถอนใจยาว กานนจึงตัดสินใจถามออกมา
“เมื่อกี้คุณไปพบใคร” มัสลินไม่ตอบ กานนจึงพูดยั่วให้ตอบ “กุเทพละซีท่า เอ๊ะ! หรือว่าเสี่ยคนไหน”
มัสลินหันขวับมาทันที
“ฉันไปพบแม่ยายคุณมา” กานนนิ่วหน้าครุ่นคิด
“ช่วยพาฉันไปส่งบ้านคุณยายหน่อยได้ไหม”
มัสลินบอกเสียงอ่อนลง กานนพยักหน้า
กานนขับรถมาจอดหน้าบ้านม่านมุก
“ขอบคุณมากค่ะ” กานนพยักหน้าหงึกๆ
“ก็ยังดี” มัสลินกำลังจะลงจากรถ ชะงักหันมามอง
“ก็ยังดีอะไรคะ”
“ก็ยังดีที่รู้จักขอบอกขอบใจคนอื่น”
“อ้อ นี่จะหาว่าฉันไม่มีมารยาท”
“โน่น คุณยายคุณออกมามองแล้ว”
กานนเปิดประตูลงไป มัสลินจำใจเปิดตาม ปิ่นซึ่งออกมาพร้อมกับม่านมุก รีบเดินมาเปิดประตูให้เมื่อเห็นว่าเป็นใคร “คุณมัสนั่นเอง”
มัสลินเดินไปหาม่านมุก ตามด้วยกานน มัสลินกับกานนยกมือไหว้ม่านมุก ม่านมุกรับไหว้
“เจริญสุขค่ะ... เชิญข้างในก่อน” ม่านมุกบอกกานน
“ขอบคุณครับ” กานนทำท่าจะเข้าบ้านแต่มัสลินชิงพูดซะก่อน
“คุณกานนมีธุระต้องรีบไปค่ะ” ม่านมุกกับกานนชะงัก “ขอบคุณอีกครั้งค่ะที่กรุณามาส่ง”
“เอาไว้ขอบคุณทีเดียวตอนผมมารับดีกว่า คุณว่าจะกลับกี่โมงนะ”
“เฮ้อ!” เจอกานน เล่นมุกเอาคืนมัสลินต้องถอนใจ
“5 โมงเย็นใช่ไหม จะได้อยู่คุยกับคุณยายนานๆ... ผมลาละครับเย็นๆ จะมารับมัส” กานนยกมือไหว้ลาม่านมุก
“ขอบใจนะคะ”
“ไปก่อนนะ แล้วอย่างอนหนีกลับไปก่อนล่ะ”
กานนหันไปบอกมัสลินยิ้มๆ แล้วเดินออกไป มัสลินมองตามหน้างอ
ม่านมุกกับมัสลินเดินเข้าบ้านมาทรุดตัวลงนั่ง
“คุณมัสทานอะไรมาหรือยังค่ะ” ปิ่นถาม
“ยังค่ะ แต่ก็ไม่หิว”
“ยายมีก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับนะ”
“เหรอคะ งั้นกินดีกว่า”
“งั้นรอเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวทานเสร็จจะได้คุยกับคุณยายให้สบายใจ”
“วันนี้อากาศดี ไปคุยกันในสวนดีกว่า”
“ค่ะ”
ม่านมุกกับมัสลินออกมาคุยกันในสวน มัสลินจึงตัดสินใจบอกม่านมุกเรื่องบัวบงกช
“เมื่อกี้คุณบังบงกชเขาโทรมาขอพบมัส” ม่านมุกชะงักนิดนึง
“แล้วหนูไปพบเขาหรือเปล่า”
“ไปค่ะ ...ความจริงก็ไม่ได้อยากไปเท่าไหร่ แต่อยากรู้ว่า เขาจะว่ายังไงหลังจากมีข่าวว่ามัสเป็นลูกเขา ตามด้วยข่าวมัสแย่งแฟนมธุริน”
“แล้วเขาพูดเรื่องพวกนั้นหรือเปล่า”
“เปล่าเลยค่ะ เขาชวนมัสไปออกรายการธรรมะ”
“มัสตกลงหรือเปล่า”
“มัสบอกว่า มัสคงเป็นคนดีไม่พอ...คุณยายคะ คุณบัวบงกชทำท่ายังกับหนูเป็นลูกเขาที่หายไปหลายปีแล้ว ได้กลับมาพบกันยังงั้นแหละค่ะ สงสัยจะ ’อิน’ กับข่าวมากไปหน่อย” ม่านมุกถอนใจยาว
มัสลินไม่ทันสังเกต “มัสก็เลยต้องเตือนสติเขา ด้วยการพูดถึงแม่ และมัสรักแม่มากขนาดไหน”
“หนูควรจะพูดกับเขาดีๆ อย่าทำร้ายน้ำใจคนที่เขาดีกับเรา” ม่านมุกเตือน
“คุณยาย”
“ในเมื่อเขาดีแล้วก็มีน้ำใจกับเรา เราก็ควรดีกับเขาเป็นการตอบแทน ไม่ใช่หรือ”
“มัสทำอย่างนั้นไม่ได้ค่ะยาย ครอบครัวผู้หญิงคนนั้น โดยเฉพาะสามีของเขา กลั่นแกล้งและใส่ร้ายแม่กับมัส มัสคงยกโทษให้พวกเขาไม่ได้”
คำตอบจากปากมัสลินทำให้ม่านมุกเป็นกังวลและยิ่งหนักใจ
อ่านต่อหน้า 2
ในรอยรัก
ตอนที่ 24 (ต่อ)
ระหว่างขับรถออกจากบ้านม่านมุก กานนเคาะพวงมาลัยรถอย่างใช้ความคิด ขณะที่รถแล่นไปช้าๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น กานนเหลือบมองโทรศัพท์สีหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนรับ
“สวัสดีครับ คุณอา”
“กานนมาพบอาที่ ออฟฟิศหน่อยได้ไหม” เตชบอกมาตามสาย
“ได้ครับ”
“ขอบใจมาก”
ไม่นานหลังจากนั้นกานนขับรถมาหาเตชที่ออฟฟิศ เตชลุกขึ้นเมื่อกานนเดินเข้ามา
“นั่งซิ”
“ขอบคุณครับ”
“ไม่ต้องอ้อมค้อมกันละนะ ลูกเดียร์ทำอะไรผิด”
เตชถามตรงๆ กานนอึ้งไปครู่หนึ่ง
“เปล่าครับ เดียร์ไม่ได้ทำอะไรผิด ผมผิดเอง ผิดตรงที่ความรู้สึกของผมมันไม่เหมือนเดิม”
“ยัยเดียร์เป็นลูกมีพ่อมีแม่นะคุณ ไม่ใช่เด็กไม่มีพ่อ มิหนำซ้ำยังมีแม่เหลวแหลก”
เตชว่ากระทบม่านมัสลิน นัยน์ตากานนเป็นประกายแว่บหนึ่ง เรียกเป็นเชิงเตือน
“คุณอาครับ”
“แต่ก็แปลกที่ผู้ชายดีๆ อย่างคุณ กลับไม่ชอบมัน คงเพราะมันกล้าแก้ผ้าต่อหน้ากล้องเป็นร้อยๆ ละซิท่า แบบนั้นลูกเดียร์ของผมทำไม่ได้ แล้วก็ทำไม่เป็นหรอก”
“มัสลินต้องการพิสูจน์ว่า เธอไม่ใช่ผู้หญิงในคลิป”
“ผมว่าใช่...มันอาจจะไปผ่าหน้าอก เอาซิลิโคนออกเพื่อไม่ให้เหมือนในคลิปก็ได้เดี๋ยวนี้หมอเก่ง ทำได้สารพัด”
“คุณอาต้องการพูดกับผมแค่นี้ใช่ไหมครับ” กานนไม่พอใจ แต่พยายามข่มความรู้สึก
“ไม่ใช่ จริงอยู่ผู้หญิงคนนั้นถึงจะกลับกลายเป็นทายาทเจ้าสัว ร่ำรวยขึ้นในทันทีทันใด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า จะลบล้างความเหลวแหลกของมันได้ ถ้าคุณยังเห็นมันดีกว่า ผู้หญิงบริสุทธ์ผุดผ่องที่เพียบพร้อมอย่างยัยเดียร์ ก็นับว่าคุณตาต่ำ ยิ่งกว่าตาตุ่ม”
“คุณอาคงลืมไปว่า ผมกับมัสลินเป็นญาติสนิทกัน” กานนเสียงเคร่ง
“ไม่ลืม! แต่ที่เชิญมาคุยก็เพราะผมสังหรณ์ว่าเล่ห์กลมารยาของมัน อาจจะทำให้คุณล้ำเส้นความเป็นญาติ”
“ผมคงไม่เลวขนาดนั้นหรอกครับ”
“อย่าเพิ่งพูดไป คุณไม่ได้สนิทสนมกลมเกลียวฉันญาติกับมันมาตั้งแต่เล็กๆ”
กานนขยับตัว แล้วยกมือไหว้ “ผมลาละครับ”
กานนเดินไปที่ประตู
“ไม่มีผู้หญิงคนไหนคู่ควรกับเธอหรอก เท่ากับลูกเดียร์ของฉัน”
เตชตพูดเกือบเป็นตะโกนตามหลัง กานนหันกลับมา
“แต่ผมคงไม่คู่ควรกับเธอหรอกครับ”
กานนเปิดประตูเดินออกไป
“บ้าเอ๊ย”
เตชระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างหงุดหงิด
เตชแวะมาหามธุรินที่คอนโด มธุรินเงยหน้ามองพ่อด้วยสายตาหวั่นใจ หลังจากรู้ว่ากานนมาพบกับพ่อของเธอ
“หมายความว่ายังไงคะคุณพ่อ คุณพ่อไปพูดอะไรกับกานน”
“พ่อแค่ชี้ให้เขาเห็นว่า ผู้หญิงคนนั้น เหลวแหลกไม่คู่ควรกับเขาเท่ากับลูกของพ่อ ลูกของพ่อบริสุทธิ์”
มธุริน กรีดเสียงร้องราวกับเจ็บปวดหนักหนา
“คุณพ่อ คุณพ่อทำไปได้ยังไง ใครบอกคุณพ่อ”
“ไม่มี พ่อตัดสินใจทำเอง เพราะพ่อรักลูก พ่อทนเห็นลูกเจ็บปวดอย่างทุกวันนี้ไม่ได้ พ่อ...”ฃ
“คุณพ่อไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ” มธุรินเดินแกมวิ่งออกไป
“ลูกเดียร์” เตชร้องเรียกลูกสาว ก่อนจะทรุดตัวลงอย่างหมดเรี่ยวแรง
เหตุการณ์นี้ทำให้เตชต้องกลับมาปรับทุกข์กับบัวบงกชที่บ้าน เตชมองบัวบงกชด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“ผมผิดหรือบัว ผมทำไปเพราะความรักลูก ผิดด้วยหรือ”
บัวบงกชมองอย่างสมเพชแว่บหนึ่ง
“คุณรักลูกนั่นถูกแล้ว แต่วิธีคุณทำเพื่อแกนั่นมันผิด ผิดพอๆ กับที่คุณทำกับฉัน แล้วอ้างว่าเป็นเพราะความรัก”
“แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมพยายามดึงกานนให้กลับมาหาลูก ผมวางแผนรวบรัดให้คุณเป็นของผม คุณจะได้ไม่ต้องทำงาน จะได้ร่ำรวยมีเงินมีทองใช้ มันอาจจะผิด แต่ผิดเพราะความรัก คุณจะไม่ให้อภัยผมเชียวหรือ”
“มันคือความเห็นแกตัวต่างหาก” คำพูดบัวบงกชทำเอาเตชกุมขมับ “คุณไม่มีสิทธิ์คิดแทนใคร ไม่มีสิทธิ์จะตัดสินว่าอะไรควรหรือไม่ควรกับใคร ชีวิตใครก็ชีวิตมัน ถึงยัยเดียร์จะเป็นลูก แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์จะตัดสินใจแทนแก ไอ้ที่คุณคิดว่า ทำแล้วทุกคนมีความสุข แท้จริงคุณต่างหากที่มีความสุข”
“ไม่จริง”
“คุณกลับไปคิดทบทวนดูก็แล้วกัน ทบทวนอย่างไม่มีทิฐิด้วย”
เตชเงยหน้าขึ้นมองบัวบงกช สีหน้าดูเหี้ยมเกรียม
“คุณบอกให้ผมไปคิดทบทวนดู คุณเองก็เหมือนกัน ลองไปคิดทบทวนดูว่า คุณทำร้ายจิตใจลูก ผัว ขนาดไหน แล้วจะรู้ว่า ที่ใครต่อใครยกย่องว่าคุณเป็นแม่พระน่ะ มันขาดคำว่า ‘เพลิง’ ไปพยางค์นึง คุณคือแม่พระเพลิงตัวจริงเสียงจริง เผาผลาญทุกคนที่อยู่ใกล้จนมอดไหม้ กระเจิดกระเจิงกันไปหมด ให้ตายเถอะ ผมไม่น่ากลับมาที่นรกนี่เลย”
เตชเดินออกไปอย่างหัวเสียสุดๆ บัวบงกชนั่งนิ่ง สีหน้าแววตาเหมือนกับช็อคกับคำพูดของเตช
กานนขับรถมารับม่านมัสลินที่บ้านม่านมุกตามที่บอกเอาไว้ กานนขับรถอกมาจากซอย โดยที่มัสลินนั่งคู่มาด้วย
“มาคุยกับคุณยาย แล้วสบายใจขึ้นไหม” กานนถามขึ้น
“ค่ะ” มัสลินตอบอย่างหมางเมิน กานนปรายตามองแว่บหนึ่ง
“เพิ่งรู้ว่าคนสบายใจทำหน้าอย่างนี้เอง” มัสลินเม้มปากเบือนหน้าไปมองข้างทาง
“ปล่อยวางบ้างเถอะน่า” มัสลินยังคงนิ่ง
“เดี๋ยวทุกสิ่งทุกอย่างก็จะผ่านไป ยกเว้น...ความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณ” กานนปลอบ
“กรุณาอย่าพูดถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้” มัสลินเตือนสติกานน
“จะเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ก็ตาม ผมก็ยืนยันคำเดิมว่า ผมรักคุณ” มัสลินนิ่งอึ้ง
“และถึงแม้ผมจะดูแลคุณในฐานะคนรักไม่ได้ แต่ผมก็จะดูแลคุณในฐานะญาติ”
คืนนั้นหลังจากส่งม่านมัสลินแล้ว กลับมาถึงบ้านกานนก็มานั่งคุยปรับทุกข์กับเจ้าสัวทศ ด้วยสีหน้าขรึมเศร้า
“แล้วทำไมไม่บอกความจริงเขาไป แทนที่จะมานั่งเศร้าสร้อยกับฉัน” เจ้าสัวบอกเชิงปลอบหลานชาย
“เพราะผมทนดูมัสลินผิดหวังไม่ได้ครับ เขารักแม่เขามากเกินกว่าจะยอมรับได้ว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ไหนจะเรื่องพ่อมีผู้หญิงคนอื่นอีก”
“ผู้หญิงคนอื่นที่ไหน เขาเป็นแม่ลูกกัน”
“โธ่!คุณปู่ สุดท้ายมันก็วนกลับมาตรงที่เดิมอีกนั่นแหละครับ”
“แต่วันหนึ่ง ความจริงมันก็ต้องเปิดเผย”
“ให้เขารู้จากคนอื่นดีกว่ารู้จากผมครับ”
“แกนี่น่าจะไปเล่นเป็นพระเอก” เจ้าสัวทศประชด
“ผมไม่ได้คิดอยากจะเป็นพระเอกหรอกครับ แต่ผมรักเขามากเกินกว่าจะทำลายความเชื่อมั่นอาจจะเพียงอย่างเดียวที่เขามีได้ มัสลินรักแม่เหลือเกิน ไม่ว่าจะถูกโขกสับยังไงก็รัก” กานนระบาย
เจ้าสัวมองกานนด้วยความเห็นอกเห็นใจ
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นดุสิตเดินออกมาจากออฟฟิศ ตรงไปที่ลานจอดรถ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีชายฉกรรจ์ 3-4 คนตรงเข้ามาซ้อม รุมทำร้ายโดยไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้ย! อะไร”
ชายกลุ่มนั้นไม่ฟังเสียง ช่วยกันรุมต่อยเตะกระทืบ จนดุสิตล้มลง
“นั่น อะไรน่ะ” เสียงยามที่เห็นเหตุการณ์ร้องขัดจังหวะ
กลุ่มชายฉกรรจ์ตกใจหันมา ยามตะโกนลั่น
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
กลุ่มชายฉกรรจ์รีบหนีไป ยามรีบเข้ามาหาดุสิต
“คุณดุสิต เป็นยังไงบ้างครับ”
“ไป โรงพยาบาล”
ดุสิตพยายามพูด ยามหันไปเรียกพรรคพวก
“เฮ้ย! มาช่วยกันหน่อย”
ดุสิตถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก ครั้นพอทำแผลเสร็จแล้ว ดุสิตก็รีบตรงมาหามัสลินที่บ้าน มัสลินตกใจมากเมื่อเห็นสภาพดุสิตที่ดูเขียวช้ำ
“ตายแล้ว คุณดุสิต นั่นไปทำอะไรมาคะ”
“ผมไม่ได้ทำอะไร แต่คนอื่นทำ”
“ขอโทษค่ะ เชิญนั่งซิคะ”
“ขอบคุณครับ”
“ตาเถร” พัดอุทาน มัสลินกับดุสิตหันไปมอง พัดเกือบทำถาดน้ำตกจากมือ
“ขอประทานโทษค่ะ เมื่อกี้ตอนแป้นบอก แต่พัดก็นึกไม่ถึง มันเหนือคำบรรยายจริงๆ ค่ะ”
“วางน้ำลงแล้วออกไปได้”
พัดวางน้ำลงแต่ยังไม่วายสงสัย
“แล้วจะดื่มน้ำ เคี้ยวขนมไหวหรือคะ”
“พัด” มัสลินลงเสียงหนัก
“ขา ไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”
พัดออกไป มัสลินหันมามองดุสิต
“ตอบมา ใครทำคุณ”
“ไม่รู้ แต่เดาเอาว่าคงไม่ใช่คนอื่น คนไกล”
ดุสิตมั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือศิธา พอมัสลินรู้อย่างนี้ วันต่อมาเธอจึงโทรศัพท์ไปหาเกวลิน
“ว่าไงจ๊ะมัส”
เกวลินรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าแจ่มใส
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! พี่เก๋”
“เรื่องอะไร”
“คุณดุสิตถูกรุมยำเมื่อคืน”
“ตายจริง! ใครทำน่ะ จับได้หรือเปล่า”
“โอ๊ย! ใครมันจะอยู่ให้จับล่ะ แต่ถ้าจะให้เดาละก็ รับรองว่าเดาไม่ผิด ต้องเป็น 2 ผัวเมีย ไอ้ศิธากับไอ้พีระพลบงการ”
“ฮื้อ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ พี่ไม่อยากฟังมัสพูดแบบนี้เลย”
“นึกแล้วว่าพี่เก๋ต้องพูดอย่างนี้”
“ถ้าเป็นอย่างที่มัสพูด ศิธาเขาคงหึงพี่” เกวลินพยายามแก้ต่างแทนศิธา
“โอ๊ย! พี่เก๋ เมื่อไหร่จะตาสว่างเสียที ไอ้ศิธามันไม่ได้รักพี่เก๋ มันรักไอ้พีระพล” เกวลินอึ้ง มัสลินรู้ตัวว่าพูดแรงเกินไป “ขอโทษนะคะพี่เก๋ มัสขอถอนคำพูดทั้งหมด”
เกวลินปิดโทรศัพท์แล้วเดินขึ้นห้อง พอเข้ามาในห้องเกวลินทรุดตัวลงนั่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความลังเลเมื่อนึกถึงคำพูดของมัสลิน
“โอ๊ย! ใครมันจะอยู่ให้จับล่ะ แต่ถ้าจะให้เดาละก็ ต้องเป็น 2 ผัวเมียไอ้ศิธากับไอ้พีระพลที่เป็นคนบงการ”
“เมื่อไหร่พี่เก๋จะตาสว่างซักที ไอ้ศิธามันไม่ได้รักพี่เก๋ มันรักไอ้พีระพล”
เกวลินถอนใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
“ศิธา มาพบเก๋หน่อยได้ไหม”
ศิธาปิดโทรศัพท์ยักไหล่ ขณะนั้นพิณสุดาเดินถือแก้วน้ำส้มคั้นเข้ามา
“นังชะนีแม่เอ๊ย!”
พีระพลตาโต
“มันโทรมาทำไม”
“จะทำไม นอกจากให้ไปหา”
“โก้ไม่ให้ไป ศิธาไปไม่ได้เด็ดขาด”
“ศิธาต้องไป สุ้มเสียงของนางฟังไม่ค่อยดี”
“ห่วงมันเหรอ”
“ไม่ได้ห่วงมันหรอก ห่วงเงิน อย่าลืมว่า นางนั่นเป็นบ่อเงินบ่อทอง” พิณสุดาบอกอย่างรู้ทัน
“ใช่ ฟังพี่กิ๊บบ้าง พี่กิ๊บมีเหตุผล” ศิธาบอก
“งั้นโก้ไปด้วย รออยู่ในรถก็ได้”
“Oh! No!”
“โก้เอ๊ย! แกรอไม่ไหวหรอก ไปเถอะศิธา อย่าลืมแบ่งเปอร์เซ็นให้เจ๊บ้าง”
“ได้ฮะ ไปนะโก้ เดี๋ยวมา”
ศิธาเดินออกไป โก้หน้างอ
“ใจเย็นๆ น่า ขืนแกทำตัวน่ารำคาญยังงี้ ศิธามันจะเบื่อ มันยิ่งหล่อเลือกได้อยู่ด้วย”
พิณสุดาบอก พีระพลสะบัดหน้าเดินเข้าข้างใน
ศิธามาหาเกวลินที่ร้าน พอเดินเข้ามาในห้องเกวลินก็ยิงคำถามทันที
“เมื่อคืนศิธาพาพวกไปรุมยำดุสิตหรือเปล่า”
“อะไรจ๊ะ ใครยำใคร ศิธาไม่รู้เรื่อง”
“เมื่อคืนมีคนทำร้ายดุสิต จนต้องนำส่งโรงพยาบาล”
“สมน้ำหน้า” ศิธาพูดอย่างสะใจ
“เขาเป็นเพื่อนเก๋นะ”
“เพื่อนเลวๆ ยังงี้ คุณต้องตัดทิ้งไป มันพยายามจะแยกเราจากกัน”
“เก๋คบกับดุสิตมานาน เขาเป็นคนดี”
“ไอ้หน้าแหลมเนี่ยนะดี ถึงจะเกลียดมันขนาดไหน ผมก็ไม่ลดตัวลงไปทำร้ายมันหรอก”
“แต่เขามีคดีกับศิธาอยู่ อย่าลืม!”
“นี่เก๋ไม่เชื่อผมเหรอ ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ ไอ้ดุสิตมันอาจจะมีศัตรูที่ไหนอีกก็ได้” ศิธาแก้ตัว
“เขาเป็นคนไม่มีศัตรู”
“งั้นก็อาจเป็นโก้ เอาไว้ผมจะลองถามมันดู” เกวลินทำท่าจะพูด แต่ศิธาขัดขึ้นก่อน
“แล้วก็ไม่ต้องเข้าใจผิดอีก ผมกับโก้ไม่ใช่ไม้ป่าเดียวกัน เราอยู่คนละป่า”
ศิธายื่นหน้ามาจูบผมเกวลิน แล้วทำหน้าเบ้ลับหลัง เจอไม้นี้เกวินมีสีหน้าอ่อนลงทันที
อ่านตอน 25 ต่อวันพรุ่งนี้