กุหลาบซาตาน ตอนที่ 9
ที่โรงพยาบาลโชคอยู่บนเตียง ลืมตา นอนคิดแล้วนึกแค้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“มันเป็นแผน มันวางแผนเอาไว้ ล่อให้เราไปติดกับ”
โชคจะลุกขึ้นแต่เจ็บแผล
“โอ้ย”
ชัชที่นั่งเฝ้าอยู่ สะดุ้ง
“พี่” ชัชรีบลุกมาดูโชค “ใจเย็นๆ คราวนี้โดนหนักนะ”
“ถือว่าฉันเป็นหนี้แกหนนึง”
“พูดอะไรอย่างงั้น เราเป็นพี่น้องกันนะ” โชคนิ่ง “ผมไปคุยกับหมอมาแล้ว ผมขอโทษ ที่เข้าใจพี่ผิด ยกโทษให้ผมนะ”
โชคยกมือตบไหล่ชัชเบาๆ พยักหน้าไม่ถือสา
“เออ ตอนนี้เราต้องสามัคคีกันไว้ เรากำลังเจอศัตรูที่น่ากลัว”
“พี่หมายถึง...” ชัชคิดถึงปฐวี
“แกคิดบ้างไหม ว่าจู่ๆ ยัยโรสก็มาปรากฏตัวขึ้น หลังจากที่เรามีเรื่องกับไอ้ปฐวีแกคิดบ้างไหมว่าบางที โรสอาจจะเป็นคนของมัน ...ที่ส่งมาจัดการกับเรา”
ชัชคิดไม่ถึง อึ้งไป
ขณะนั้นโรสอยู่กับปฐวีที่พรรคสันติไทย ดนัยซึ่งบาดเจ็บที่แขน เอาผ้าคล้องไว้นั่งพักอยู่แล้วเดินเข้ามารายงานปฐวี
“คนของเราเพิ่งโทรมาบอก ว่านายโชคปลอดภัยแล้วครับท่าน”
ปฐวีไม่พอใจ
“คนเลวนี่มันตายยากจริงๆ...ไหนคุณว่าพี่น้องมันแตกกันแล้วไง ทำไมมันยังมาช่วยกันออกไปได้” ปฐวีเสียงดังในส่โรส
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“นายโชคไม่ตาย คราวนี้เรื่องใหญ่แน่...” ปฐวีกลุ้มใจ หันไปใส่ดนัย “มันเห็นหน้าแก มันรู้แน่ว่าฉันเป็นคนสั่ง ผมไม่น่าไว้ใจคุณเลย” ปฐวีหันมาโวยโรส
“ใจเย็นๆ ค่ะท่าน ฉันคิดว่าพอจะจัดการได้ ฉันจะเคลียร์ทุกอย่างให้เอง”
ปฐวีมองหน้าโรส เห็นเธอทำหน้ามั่นใจ
“ผมจะลองเชื่อคุณดูอีกครั้ง”
โรสมองดนัย มองปืนที่เอวดนัย
“ปืนนั่น ฉันขอยืมหน่อยได้ไหมคะ” ดนัยลังเล “แค่แป๊บเดียวเท่านั้นค่ะ”
ปฐวีพยักหน้าสั่ง ดนัยส่งปืนให้โรส โรสรับปืนมาเอาผ้าเช็ดหน้าพันที่ด้ามปืนจนแน่น แล้วส่งปืนกลับให้ดนัย
“ทีนี้ก็...ขอแรงคุณหน่อยนะคะ ...”
คืนนั้นเมื่อชัชเปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นไฟเปิดไม่กี่ดวงแต่ไม่เห็นโรส
“โรส... โรส...”
ชัชเรียกและเดินหาโรส... ไม่มีเสียงตอบ ชัชเดินเข้าไปในห้องนอน ไฟสลัว เห็นร่างของโรสนอนอยู่บนเตียง
“หลับแล้วเหรอ...” โรสขยับตัวขึ้นนั่งพิงหมอน แต่ยังไม่พูดไม่จา ชัชถามอย่างตัดพ้อ “จะไม่ถามหน่อยเหรอ ว่าผมไปไหนมา”
“ฉันทราบค่ะ”
“จริงสิ คุณน่าจะทราบดีอยู่แล้ว .. พี่โชคปลอดภัยดีนะ คงมีหลายคนที่ผิดหวัง”
“คุณโกรธ คุณคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุ ทำให้พี่คุณต้องเจ็บตัวใช่ไหมคะ”
“จะให้ผมคิดยังไง โรส! พี่โชคโดนดักซุ่มยิง ถ้าผมไปถึงช้ากว่านั้นนิดเดียว เค้าคงตายไปแล้ว นี่ผมยังไม่ได้ถามเลยนะ ว่าคุณไปทำอะไร ทำไมถึงนั่งรถไปกับท่านปฐวีสองคน!”
ชัชเข้ามาจับโรสเขย่าด้วยอารมณ์แรง แล้วชะงักเมื่อเห็นใบหน้าโรสเป็นรอยช้ำ ชัชเปิดไฟสว่าง เห็นรอยช้ำที่แก้มของโรสดูน่ากลัว
“นี่อะไร”
ชัชถามอย่างตกใจ โรสน้ำตาคลอ พูดอย่างน้อยใจ
“ฉันกับท่านปฐวีนัดพบกัน ท่านอยากให้ฉันช่วยพูดกับคุณ ท่านอยากเจรจาสงบศึก...” โรสสะอื้น “ทั้งหมดนี่เป็นความลับ ท่านขอไม่ให้ฉันบอกใครทั้งนั้น แม้แต่คุณ แต่อยู่ดีๆ คุณโชคก็ตามไป ฉันไม่รู้ว่าเค้ารู้ได้ยังไง...”
โรสสะอื้น ชัชอึ้งไป ไม่นึกว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้
“พี่โชคสารภาพว่าแอบติดเครื่องดักฟังในห้องเรา...แล้วคุณเสี่ยงออกไปหาเค้าทำไม” ชัชถามเสียงอ่อนลง
“ฉันอยากให้มันจบเสียที ฉันไม่อยากให้ใครฆ่ากันอีก ฉันเป็นห่วงคุณ”
ชัชแตะแก้มที่ช้ำของโรส
“แล้วนี่พวกมันทำร้ายคุณเหรอ โรส”
“ท่านเห็นรถคุณโชค ท่านหาว่าฉันทรยศ บอกคุณโชคให้ตามไปทำร้ายท่าน ท่านโทรสั่งลูกน้องให้ออกมายิงคุณโชค แล้วก็...เอาปืนตบฉัน จับฉันโยนลงข้างทางฉันโดนขนาดนี้แล้ว ฉันยังเป็นคนผิด ยังเป็นคนทรยศสำหรับคุณอีกเหรอคะ ชัช”
โรสพูดต่อไปไม่ไหว ซบหน้าร้องไห้ ชัชใจอ่อนลูบผมโรส สงสารโรสก็สงสาร แต่ก็หนักใจ ไม่รู้จะเชื่อทางไหนดี
วันต่อมาที่โรงพยาบาลโชคพยายามแต่งตัวเพื่อจะกลับบ้าน โดยมีชัชคอยช่วย ทั้งสองทะเลาะกันไปด้วย
“ฉันไม่เชื่อ! คนอย่างไอ้ปฐวีน่ะเหรอ จะขอให้ผู้หญิงมาช่วยเจรจาหย่าศึกเป็นไปไม่ได้ เป็นฉัน ฉันไม่ทำแน่ๆ”
“เพราะพี่ไม่ไว้ใจผู้หญิง แต่คนอื่นเค้าไม่เหมือนพี่”
โชคเอานิ้วจิ้มหน้าผากชัชแรงๆ
“ส่วนแก ก็ไว้ใจผู้หญิงมากเกินไป ไม่ว่ายัยโรสพูดอะไร แกก็เชื่อไปหมดทุกอย่าง”
“โรสเป็นเมียผมนะครับ ต่อให้เค้าไม่ถูกกับพี่ เค้าจะไปเข้าข้างท่านปฐวี เพื่อ...” โชคเมิน ไม่มีคำตอบ “แล้วหน้าเค้าบวมซะขนาดนั้น คนเราคงไม่เอาปืนตบตัวเองเล่นมั๊งพี่”
โชคมองชัชอย่างอ่อนใจ รู้ว่าไม่มีทางทำให้ชัชสงสัยโรสได้
“แกรักเค้ามากซีนะ ไอ้ชัช”
“ผมสงสารเค้าด้วย ตั้งแต่คบกันมา โรสเจอแต่เรื่องแย่ๆ สารพัด” ชัชตัดบท เปลี่ยนเรื่อง “จะกลับบ้านก็กลับเถอะ พี่ เดี๋ยวผมไปส่ง”
โชคคิดๆ แล้วตัดสินใจ
“แกกลับไปอยู่ที่บ้านกับฉันเหมือนเดิมดีกว่า”
“ผมทิ้งโรสไม่ได้”
ชัชจะเดินนำไป โชคคว้าแขนไว้
“งั้นให้เค้าไปอยู่กับเรา”
ชัชมองหน้าโชคอย่างไม่แน่ใจ
“ผมว่าเค้าคงไม่ไป”
“ฉันจัดการเอง”
คืนนั้นเมื่อโรสเดินออกมาจากห้องนอน เธอก็ต้องชะงักเมื่อเห็นโชคกับชัชเดินเข้ามาในห้อง
“คุณโชค!” โรสตกใจแต่พอตั้งสติได้เธอจึงยิ้มแล้วเข้ามากอดแขนชัช พูดอ่อนหวาน “ทำไมออกจากโรงพยาบาลเร็วจังคะ ฉันว่าจะไปเยี่ยม”
“ไม่เป็นไร ฉันรู้ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเธอมันไม่ได้โสภาอะไรนัก ...ที่ผ่านมา มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ให้แล้วกันไปก็แล้วกัน”
โชคตัดบท ชัชเอากล่องกำมะหยี่ไปเปิดตรงหน้าโรส เห็นสร้อยคอเพชรส่องประกายวูบวาบ
“ของขวัญ จากพี่โชค” ชัชบอก
“เนื่องในโอกาสอะไรคะ” โรสถามอย่างแปลกใจ
“พี่โชคอยากจะขอโทษที่เข้าใจคุณผิด แล้วก็อยากจะชวนคุณกลับไปอยู่ที่บ้านของเราด้วยกัน” โรสนิ่ง ใคร่ครวญ “พี่โชคอยากให้ผมกลับไปอยู่ที่บ้าน แต่ผมจะไม่ไป ถ้าคุณไม่ไป”
“ฉันรักครอบครัวของฉันมาก ฉันยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้ครอบครัวของฉันกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
โรสนิ่งคิด เห็นเป็นโอกาสที่จะเข้าไปใกล้โชค จึงตัดสินใจ
“ไม่ใช่คุณโชคคนเดียวหรอกค่ะ ที่ทำทุกอย่างได้เพื่อครอบครัว ฉันก็เหมือนกัน...” โรสหันมาบอกชัช
“ตกลงค่ะ ชัช”
ชัชยิ้มดีใจ โรสกับโชคประสานสายตากันอย่างท้าทาย
วันต่อมาชัชขับรถมาจอดหย้าบ้านโชคชัชเปิดประตูพาโรสลงมา เป๋งและลูกน้องช่วยกันขนกระเป๋าโรสเข้าบ้าน
“ผมมีประชุมด่วน ต้องรีบไป คุณจัดห้องไปก่อนนะ เย็นผมจะรีบกลับมาทานข้าวด้วย”
“ค่ะ”
ชัชจุ๊บแก้มโรสแล้วออกไป โรสจะเข้าบ้านเหลือบมองขึ้นไปบนบ้าน เห็นโชคยืนมองมาจากหน้าต่างชั้นบน โชคมองด้วยแววตาร้าย โรสประสานสายตาโชคอย่างไม่หวั่น แล้วเดินเข้าบ้านไปอย่างมั่นใจ
“แกไม่ได้มาดีแน่ นังโรส แล้วฉันก็ต้องรู้ให้ได้ ว่าแกมาที่นี่ เพื่ออะไร”
โชคพึมพำออกมา
โรสเข้ามาในห้อง กระเป๋าของเธอวางไว้อย่างเรียบร้อย โรสนั่งลงบนเตียง มองไปเห็นรูปของชัชที่ถ่ายกับโชคที่มารีน่า โรสหยิบขึ้นมา
“คุณโชค ชนารณพ มันถึงเวลาแล้ว ที่คุณจะต้องชดใช้ บาปกรรมที่คุณเคยทำเอาไว้กับฉัน”
โรสนึกย้อนไปในอดีต... โชค วัยหนุ่มจับหัวพุฒิกระแทกลงกับพื้นโต๊ะอย่างแรง จนเอกสารบนโต๊ะกระเด็น
“เซ็นโอนที่ดินทั้งหมดของแกมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากให้ลูกเมียเดือดร้อน”
ขณะนั้นเด็กหญิงวัย 10 ขวบซ่อนอยู่ในห้องใต้ถุน แอบดูผ่านรอยแตกของประตูไม้
“ไม่”
เสียงปืนดังปัง! เลือดสาดกระจาย เด็กหญิงนั้นสะดุ้ง เสียงกุลร้องกรี๊ด ประตูไม้ถูกเปิด เด็กหญิงเห็นโชคยืนตระหง่าน ก้มลงมองดูเด็กสาวที่ประสายสายตากล้าโชคยกปืนจะยิง กุลเข้าขวาง โชคหันไปยิงกุลกระเด็น
“แม่!”
โชคหันปืนมาทางเด็กหญิงอีกที เด็กหญิงตะลึง โชคยกปืนเล็ง ยิงปัง!...ไฟลุกท่วมบดบังทุกอย่างไป
วันต่อมาที่สวิสเซอร์แลนด์กงพัดแต่งตัวชุดเดินป่าปีนเขา เพื่อพรางตัว มีมีดเดินป่าพกเหน็บติดตัวมาด้วย ยืนลับๆ ล่อๆ อยู่ในดงไม้ ใกล้ๆ โรงเรียนของชินภัทร กงพัดหยิบรูปภาพของโชคที่อยู่ในกล่อง และรูปของโชคจากข่าวที่วีณาพรินต์ออกมาดู กงพัดนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่คุยกับวีณาเมื่อวานตอนเย็น
“ไม่ ฉันไม่เห็นด้วย มันต้องมีทางอื่น” วีณาบอกเสียงดัง
“ไม่มีหรอก วี” กงพัดบอกแล้วชูรูปโชค “ผู้ชายคนนี้คือเบาะแสอันเดียวที่เรามี เขาเป็นคนเดียวที่จะตอบได้ ว่าทำไมผมถึงต้องฆ่าคน”
“แต่เค้าจะฆ่าคุณนะคะ”
“ก็แค่ในฝัน ...แต่ในชีวิตจริง ผมต่างหากที่จะฆ่าเขา ฆ่าเมียเขา ฆ่าลูกเขา... ผมคงอยู่ต่อไปไม่ได้ ถ้าผมไม่รู้ ว่าผมทำไปเพราะอะไร” วีณานิ่งอย่างขัดใจ กงพัดวิงวอน “ผมต้องไปหาเค้า วี พลีส ... ผมต้องไปหาผู้ชายคนนี้ที่เมืองไทย”
วีณามองกงพัด น้ำตาเต็มตา ส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว
“ไม่! ฉันไม่ยอม”
กงพัดเลิกคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวานแล้วมองไปที่โรงเรียนอย่างมุ่งมั่น ขณะนั้นที่ทางเดินขั้นบันได มีนักเรียนเดินลงมา 2-3 คน กงพัดรอให้นักเรียนเดินผ่านไป แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ รั้วโรงเรียน..กงพัด เห็นที่ลานข้างตึก ชินภัทร พีชญา ภูษณะนั่งคุยเรื่องเรียนกันอยู่
“ใครจะลงชื่อไปฝึกงานเทอมหน้าบ้าง” พีชญาถาม
“กลับไปฝึกที่เมืองไทยได้ไหม” ภูษณะถาม
“จะได้ไปฝึกที่โรงพยาบาลของที่บ้าน แล้วนั่งเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรใช่ไหม” ชินภัทรบอกอย่างรู้ทัน
“ถูก” ภูษณะตอบรับ
“ไม่ได้เรื่อง” พีชญาต่อว่า ไปรมาเดินเข้ามา ชินภัทรชะงักแล้วบอกพีชญา
“เราไปล่ะ เอาไว้ค่อยคุยกัน”
ชินภัทรลุกเดินออกไป พีชญาถึงกับงง
“อ้าว...ยังคุยกันไม่จบ”
พีชญาหันไปเห็นไปรมายืนหน้าจ๋อย เข้าใจทันที
กงพัดเห็นชินภัทรเดินใกล้เข้ามา จึงเตรียมตัวพร้อม ชินภัทรใกล้เข้ามา กงพัดจะออกจากที่ซ่อนไปหาชินภัทร แต่เห็นไปรมาวิ่งตามมา กงพัดเลยชะงัก
“ชิน รอก่อน” ชินภัทรหยุดเดิน แต่ไม่ได้พูดอะไร มองหน้าไปรมานิ่งๆ “โกรธเราเหรอ ... ไหนสัญญาว่า จะไม่ให้เรื่องของผู้ใหญ่มาทำให้เราผิดใจกัน”
“เราขอโทษ เราทำตามที่พูดไว้ไม่ได้” ชินภัทรบอกแล้เวเตรียมจะเดินออกไป
“ชิน แต่ว่าเรา ...”
ชินภัทรทนไม่ไหว ระเบิดออกมา
“พ่อเราทั้งคนนะ ไป๋ พ่อเราโดนดักยิง ถ้าอาชัชไม่ไปช่วยเอาไว้ ตอนนี้ก็คงตายไปแล้ว! จะให้เราทำไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราทำไม่ได้”
“อาชัชเห็นกับตาเหรอ ว่าพ่อเราทำ”
“อาชัชคงไม่พูด ถ้าไม่แน่ใจ” ชินภัทรมองไปรมาอย่าง เสียใจ “พ่อของไป๋ส่งคนมาฆ่าพ่อเรา ฆ่าแม่
เรา...เราไม่ได้โกรธไป๋ ไม่เคยโกรธ แต่เราคงเป็นเหมือนเดิมไม่ได้จริงๆ”
ชินภัทรพูดอย่างเจ็บปวด ไปรมาน้ำตาร่วง หันหลังเดินออกไป ชินภัทรยืนอยู่คนเดียว เศร้า กงพัดที่ยืนรอโอกาสอยู่ ขยับจะเข้าไปหาชินภัทร ทันใดนั้น วีณาก็มาล็อกตัวไว้จากข้างหลัง
“วี”
กงพัดตกใจ
“มานี่”
วีณาปล้ำลากตัวกงพัดออกไป มีดที่เหน็บเอวกงพัดหล่นโดยไม่รู้ตัว ชินภัทรได้ยินเสียงต้นไม้ยวบยาบ หันไป เอะใจ พอมองไปเห็นวัตถุส่องประกายตกอยู่ที่พื้น ชินภัทรเข้าไปดูใกล้ๆ ปรากฏว่าเป็นมีด ชินภัทรอึ้ง ตัวเย็นเฉียบ พีชญากับภูษณะเดินตามมา
“ชิน ทะเลาะอะไรกันอีก เห็นยัยไป๋ร้องไห้...” พีชญาชะงัก เมื่อเห็นท่าทางของชินภัทร “ มีอะไรรึเปล่า”
“มีคนมาแอบดูเรา แล้วทำ...” ชินภัทรเอาผ้าเช็ดหน้าหยิบมีดขึ้นมา “ไอ้นี่ตกไว้”
พีชญากับภูษณะหน้าเสีย
วีณาลากกงพัดมาไกลพอสมควรแล้วต่อว่า
“คุณมาที่นี่ทำไม คุณจะทำอะไรของคุณ”
“ผมอยากถามเด็กคนนั้น เค้าเป็นลูกของคนชื่อโชค เค้าอาจจะรู้จักผม”
“ฉันบอกแล้วไง เค้าไม่รู้จักคุณ” วีณาบอกอย่างเสียใจและไม่พอใจ “แล้วถ้าเค้ารู้ว่าคุณเป็นใครสิ่งแรกที่เค้าจะทำก็คือจับคุณส่งตำรวจ” กงพัดนิ่งขรึม วีณาฟูมฟาย “ทำไมคะ อดีตมันสำคัญมากมายอะไรขนาดนั้น ในเมื่อคุณจำไม่ได้ ทำไมจะต้องไปรื้อฟื้นมัน ทำไมต้องพาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย”
“บาปกรรมที่ทำไปแล้ว ต่อให้เราจำไม่ได้ มันก็ต้องกลับมาสนองเราอยู่ดี ผมหนีตำรวจได้ แต่ผมหนีการตัดสินของพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้...” กงพัดพูดปลอบวีณา แล้วมองเธออย่างอ่อนโยน “ถ้าผมทำผิดจริง ผมอยากจะชดใช้”
“แต่ฉันไม่เชื่อ คุณเป็นคนดี คนอย่างคุณจะเป็นผู้ร้ายฆ่าคนได้ยังไง ไม่จริง”
วีณาร้องไห้ออกมา กงพัดกอดปลอบเธอเอาไว้โดยไม่รู้ว่าห่างออกไปชินภัทร ภูษณะ และพีชญา แอบมองอยู่ ทั้งสามคนได้ยินที่ทั้งสองพูดกันไม่ชัดนัก
“เค้าทะเลาะกันเรื่องคนร้าย ตำรวจ อะไรซักอย่าง” ชินภัทรบอก
“ท่าทางน่ากลัว หรือว่าพี่เค้าเป็นคนร้าย” พีชญาบอก ภูษณะที่นั่งมองนิ่งอยู่ นึกออก ตาเหลือก
“Oh my God!”
“แหกปากร้องอะไรอีก อีตาบ้านี่”
พีชญาหันมาดุภูษณะเบาๆ ภูษณะสะกิดชินภัทร แล้วชี้ไปที่กงพัด มือสั่น
“นั่นมัน...นั่นมัน ...”
ชินภัทรตกใจมากเมื่อรู้ว่ากงพัดเป็นใคร จึงรีบโทรบอกชัชทันที ชัชจึงบอกเรื่องนี้กับโชค
“อะไรนะ ไอ้มือปืนนั่นยังอยู่ที่สวิสเหรอ”
โชคถามอย่างตื่นเต้นดีใจ โรสนั่งอยู่ที่โซฟา ผุดลุกขึ้นอย่างลืมตัว ท่าทางดีใจ
“เค้าอยู่ที่ไหนคะ แล้วใครเป็นคนเจอ” โรสถามอย่างลืมตัวพอนึกได้ถึงกันหน้าเสีย “ ตำรวจเหรอคะ”
“ไม่ใช่ พวกเด็กๆ ไปเห็นเข้า ชินเลยรีบโทรมาบอกผมก่อน” ชัชบอกโรส แล้วหันไปพูดกับ “ผมจะ
ไปสวิสพรุ่งนี้”
โชคกับโรสพูดขึ้นพร้อมกัน
“ชั้นไปด้วย / ฉันไปด้วยค่ะ”
โชคมองหน้าโรส แล้วพูดแขวะ
“เจ้าทุกข์ก็ไม่ใช่ ตำรวจก็ไม่ใช่ เธอจะอยากไปทำไม”
โรสอึ้งไป ชัชรีบพูด
“ผมไปคนเดียวคล่องตัวกว่าครับ แผลพี่ก็ยังไม่หายดี...ตอนนี้มันยังไม่รู้ตัวว่ามีคนจำได้ ผมจะเอาตำรวจไปล้อมจับเลย มันหนีไม่รอดแน่”
โรสมีสีหน้ากังวล โชคมองโรสอย่างจับผิด
ชัชกับโรสกลับเข้าห้อง โรสช่วยชัชแพคของลงกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ แอบถามไปด้วย
“คุณว่าจะพาตำรวจไปล้อมจับ รู้ด้วยเหรอคะว่ามือปืนอยู่ที่ไหน”
“ไม่รู้แน่หรอกครับ แต่พวกเด็กๆ เห็นมันอยู่กับผู้หญิงไทย เจ้าของร้านอาหารในเลแซง” โรสฟังอย่างตั้งใจ “เลยคิดว่ามันอาจจะหลบอยู่กับผู้หญิงคนนั้น”
โรสแกล้งรำพึง หลอกถาม
“เค้าเป็นใครเหรอคะ ผู้หญิงที่กล้าให้ที่พักอาศัยกับฆาตกร เค้าไม่กลัวบ้างหรือไง ...”
“ชื่อคุณวีณา ชินว่าดูท่าทางเหมือนจะชอบกัน ... มันคงไปหว่านเสน่ห์ใส่เค้าเอาไว้ เค้าถึงได้ยอมช่วยมัน”
โรสฟัง สีหน้าดีขึ้นและมีความหวังขึ้นมาทันที
อ่านต่อหน้าที่ 2
กุหลาบซาตาน ตอนที่ 9 (ต่อ)
หลังจากชัชออกจากบ้านไปแล้ว โรสจึงขับรถออกจากบ้านแล้วจอดรถที่ริมถนน เดินเข้าไปที่ร้านที่มีโทรศัพท์สาธารณะแบบโทรต่างประเทศได้
“ขอใช้โทรศัพท์หน่อยนะคะ”
โรสบอกกับเจ้าของร้าน
“เชิญจ้ะ”
โรสกดโทร ในมือมีลิสต์ของเบอร์โทรศัพท์ยาวประมาณ 10 เบอร์ โรสลองเสี่ยงโทรไปร้านอาหารทุกร้านในเลแซง ถามหาคนชื่อวีณา
ที่บ้านปฐวีขณะนั้นปฐวีวางโทรศัพท์ลง แล้วเดินกลับมาบอกนงพงา ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว
“เค้าเจอตัวมือปืนที่พยายามฆ่านายโชคแล้ว”
“ก็ดีค่ะ ถ้ามือปืนสารภาพความจริง ว่าคุณไม่ได้เป็นคนจ้างมัน เรื่องบาดหมางระหว่างเรากับครอบครัวคุณโชคจะได้จบซะที”
“ก็ไม่รู้จะจบรึเปล่า นักเลงอันธพาลอย่างพวกมัน ฟังเหตุผลเสียที่ไหน ไว้ใจไม่ได้”
“ไม่ใช่คุณโชคคนเดียวหรอกค่ะ ที่ไว้ใจไม่ได้” ปฐวีชะงัก “คุณโรสก็เหมือนกัน”
ปฐวีหงุดหงิด นึกว่านงพงาจะหาเรื่อง
“นี่คุณ...”
“นงไม่ได้พูดเพราะหึงหวงนะคะ ไม่ใช่เลย แต่นงอดคิดไม่ได้...เค้ารู้ว่าคุณกับครอบครัวคุณโชคมีเรื่องกัน เค้ายังกล้าติดต่อกับคุณลับหลังคุณชัช...เค้าต้องการอะไรคะ”
“เค้าก็อยากให้เรื่องมันจบเหมือนคุณละมั๊ง” ปฐวีบอกอย่างไม่สนใจ
“แล้วจบไหมคะ” นงพงาย้อนถาม ปฐวีอึ้ง “คนเรา ลองว่าคนที่นอนอยู่ข้างตัวยังหลอกได้ คงไม่ใช่
คนธรรมดาแน่ๆ... นงเชื่อว่าคุณโรสต้องการอะไรบางอย่างจากเรื่องนี้ เพียงแต่ไม่มีผู้ชายคนไหนตาสว่างพอที่จะมองเห็น ว่ามันคืออะไร”
นงพงาพูดอย่างจริงจัง แล้วรวบช้อน ลุกจากโต๊ะไป ปฐวีอึ้งๆ อดคิดตามไม่ได้
ที่สวิสเซอร์แลนด์ขณะนั้นวีณากับเบธกำลังเก็บโต๊ะ เสียงโทรศัพท์ที่ร้านดัง เบธรับ
“Hello. Restaurant Leysin. Veena? Yes. A moment. (shout) Vee .. it’s for you.”
วีณาเดินมารับ
“Veena’s speaking. What! Who are you? คุณเป็นคนไทยเหรอ” วีณาฟังอีกฝ่ายพูดแล้วตกใจมองซ้ายมองขวาอย่างระวัง “นี่คุณเป็นใคร รู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
วีณาฟังอยู่อีกพักนึงแล้วทิ้งโทรศัพท์ กระชากผ้ากันเปื้อนทิ้ง วิ่งผลุนผลันออกนอกร้านไป
ขณะนั้นชินภัทร ภูษณะ พีชญา เดินวนเวียนรอชัชอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงเรียน ไปรมายืนอยู่ด้วย แต่ห่างออกไป พยายามเลี่ยงๆ ชินภัทร
“ป่านนี้น่าจะมาถึงได้แล้วนะ”
ชินภัทรบ่นพร้อมกับดูนาฬิกา
“นั่นดิ ตื่นเต้นว่ะ อยากรู้จังว่ามันเป็นใคร”
ภูษณะบอก พีชญาเหลือบมองไปรมาที่แอบๆ อยู่ เห็นใจ แต่ก็อดปากเสียไม่ได้ตามนิสัย
“สมมุตินะไป๋ สมมุติว่าถ้าบังเอิ๊นนนนน มันเป็นคนของพ่อเธอจริงๆ เธอจะทำยังไง” พีชญากระซิบถามไปรมา
“ไม่มีทาง เรามั่นใจ คุณพ่อบอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ...” ชินภัทรเหลือบมามอง ไปรมามองอย่างตัดพ้อ “ใครเชื่อพ่อใคร เราก็เชื่อพ่อเราเหมือนกัน”
ชัชเดินเร่งร้อนเข้ามา
“อาชัชมาแล้ว”
ชินภัทรรีบวิ่งนำออกไป
“ชิน ... นี่มารออะไรกัน...” เด็กๆ ยิ้มแหย ชัชลดเสียง ดุชินภัทร “รู้กันทั้งโรงเรียนขนาดนี้ คนร้ายมันหนีไปแล้วมั๊ง”
“พวกเราไม่ได้บอกใครเลยครับ อาชัช อาจารย์ยังไม่กล้าบอกเลย กลัวพูดกันไปเดี๋ยวมันจะไหวตัวทัน”
“ดี ไปกันเงียบๆ อย่างนี้ดีกว่า อาโทรแจ้งทางตำรวจเอาไว้แล้ว”
เวลาผ่านไป...รถตำรวจแล่นมาจอดที่ถนน ตำรวจพาชัชกับชินภัทรไปที่ชาเลต์ของวีณา
“พี่วีณาแกอยู่ที่นี่ครับ”
ชินภัทรบอกชัช ตำรวจเดินไปดูแล้วสหันมาบอกชัชกับชิน
“Door’s locked.” ตำรวจตะโกน “ Mrs.Fellman! Vee! Are you here? Anyone’s here?”
ตำรวจตะโกนอยู่ 2-3 รอบ ไม่มีเสียงตอบ ระหว่างนั้น ชัชกับชินภัทรพยายามส่องมองเข้าไปในบ้าน “She’s not here.”
ตำรวจบอกชัช ชัชมองเข้าไปทางหน้าต่างแคบๆ แล้วหันมาถามชินภัทรที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“คุณวีณาเค้าอยู่คนเดียวเหรอ”
“เห็นว่าหยั่งงั้นนะครับ ทำไมเหรอครับ อาชัช”
“แล้วทำไมในบ้านมีรองเท้าผู้ชาย”
ชัชเห็นรองเท้าผู้ชายวางแอบอยู่มุมห้อง
ตำรวจมาที่ประตูหลัง ปรากฏว่าไม่ได้ล็อก ตำรวจตัดสินใจเข้าไป
“We cannot search her property. Just take a look at the shoes OK?”
ตำรวจบอกกับชัช ชัชกับชินภัทร พยักหน้า แล้วตามเข้าไป ในบ้านเงียบ ไม่มีคน ชัชกับชินภัทรตรงเข้าไปที่รองเท้า
“ไซส์นี้ แบบลุยๆ แบบนี้ ผมว่าต้องเป็นของผู้ชายคนนั้นแน่ๆ ครับ อาชัช”
รองเท้าคู่นั้นถูกวางลงตรงหน้าเบธ เบธมองอย่างพิเคราะห์
“I guess this is her husband’s. It’s hiking shoes. Joe loves hiking.”
“But he has gone for 2 years now, why the shoes still there.”
“Oh! Vee keeps everything as if Joe’s still with her. She even went hiking as they always do every summer.” เบธบอก
“So Mrs.Fellman went hiking? (Beth nods) When will she be back?” ตำรวจถามต่อ
“She didn’t tell me.”
ชัชกับชินภัทรมองหน้ากัน เจ็บใจที่พลาด
ชัชกับชินภัทารกลับมาที่โรงเรียนแล้วปรึกษากันเรื่องนี้
“ผมว่าพี่วีคงพาคนร้ายไปด้วย ดูท่าทางเค้ารักกันมาก”
“อาก็คิดว่าหยั่งงั้น แล้วคงไม่ได้ไปปีนเขาด้วย”
“อาชัชคิดว่าเค้ารู้ตัว เลยพากันหนีงั้นเหรอครับ” ชัชพยักหน้า
“แต่อานึกไม่ออก ว่าถ้าเขาจะพากันหนี เขาจะหนีไปที่ไหน ...”
ชินภัทรคิดตามแล้วสังหรณ์ใจ
ชัชโทรบอกโชคเรื่องที่มือปืนหนีไปได้...โชคคุยโทรศัพท์เสียงลั่นอยู่ในบ้าน ทั้งๆ ที่ยังเจ็บ เดินวนเวียนไปมา ไม่นิ่ง มีเป๋งคอยเดินตามดูแลอยู่ข้างๆ
“ก็ออกหมายจับซีวะ ประเทศมันเล็กกระติ๊ดเดียว ให้ตำรวจช่วยกันหา ทำไมมันจะไม่เจอ”
ชัชอธิบายอย่างอ่อนใจ
“คุณวีณาเค้าไม่ใช่อาชญากรนะ พี่ จะไปออกหมายจับเค้าได้ยังไง เรามีแค่คำให้การของเด็กนักเรียน ที่เห็นเค้ายืนคุยกับผู้ชาย ที่หน้าตาเหมือนคนร้าย เท่านั้นเอง”
“นี่ไง กฏหมายมันขั้นตอนเยอะน่าเบื่อหยั่งงี้ไง ฉันถึงไม่ชอบทำตามกฏหมายแล้วนี่ยังไง ก็เท่ากับคว้าน้ำเหลวล่ะซี”
“ตำรวจทางนี้เขาจะจับตาดู คุณวีณากลับมาเมื่อไหร่ เขาจะสอบสวนเธอทันที”
โชคหัวเราะเยาะ
“ฝันไปเหอะ ป่านนี้มันพากันไปฮันนีมูนที่มัลดีฟแล้วมั๊ง อยู่เมืองไทยหน่อยไม่ได้วะ แค่ส่งคนเอาปืนไปจ่อกบาล ถามยัยวีณานั่นคำเดียว หมดเรื่อง”
โรสยืนแอบฟังอยู่ ยิ้มโล่งใจ แล้วเดินออกไปโชคด่าจนหนำใจ แล้ววางสาย เห็นเป๋งยืนมองไปด้านหลัง
“ไม่ได้เรื่อง” โชคด่าชัชแล้วหันไปเห็นเป๋ง “อะไร เป๋ง ...อะไรของเอ็ง” โชคมองตามเป๋งแต่ไม่เห็นอะไร
“คุณโรสครับ ตะกี๊ผมเห็นแกมายืนรอๆ อยู่ นึกว่าจะรอพูดกับนาย ที่ไหนได้แว่บหายไปซะแล้ว”
โชคเอะใจ สงสัย
โรสกลับเข้าห้องแล้วเปิดคอมพิวเตอร์ ต่ออินเตอร์เนต หน้าตาดีใจมาก เสียงเคาะประตูหนักๆ โรสสะดุ้ง
“ใครคะ”
“ฉันเอง”
โรสคลิกซ่อนหน้าจอ แล้วลุกไปเปิด ยืนขวางประตูไว้
“คุณโชคต้องการอะไรคะ”
โชคพยายามเข้ามาในห้องโรส กวาดสายตาจับผิดไปรอบๆ
“ทำไม ฉันแวะมาเยี่ยมน้องสะใภ้ไม่ได้เหรอ หรือว่าเธอกำลังทำเรื่องลับลมคมนัยอะไรอยู่”
โรสทำยิ้ม ไม่แคร์ แต่ด้วยสัณชาตญาณ ก็เผลอเดินไปบังคอมพิวเตอร์ไว้โดยไม่รู้ตัว
“อย่างเช่นอะไรล่ะคะ”
โชคเดินเข้าไปใกล้โรส ที่ยืนเอาหลังพิงโต๊ะวางคอมอยู่ โชคเข้าไปประชิดทั้งตัว
“ก็อย่างเช่น แอบฟังฉันคุยโทรศัพท์ แล้วก็...” โชคเอื้อมมือคร่อมไปด้านหลัง เหมือนจะโอบกอดโรส “รีบมาติดต่อกับใครซักคน”
โชคใช้ความเร็ว กดไปที่แป้นคีย์บอร์ดทันที จอคอมพิวเตอร์เด้งขึ้นมาตามเดิม โรสตกใจรีบผลักโชคออก
“ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน นี่มันห้องส่วนตัว... คุณออกไปได้แล้วค่ะ”
โชคยิ้มร้าย แล้วออกไป โรสถอนหายใจเฮือก หันไปเปิดคอมพ์ เห็นหน้าจอเป็นเวปไซด์ สายการบิน Atihad
“ไม่มีอะไรหรอกน่ะ คงบลัฟไปงั้นแหละ ไม่รู้หรอกว่าเราทำอะไร” โรสปลอบใจตัวเอง
ส่วนโชคเมื่อออกมาหน้าห้อง โชคพึมพำกับตัวเอง อย่างใช้ความคิด
“สายการบิน อาทิฮาด...”
วันต่อมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ วีณากับกงพัดเดินมาเข้าแถว รอตรวจพาสปอร์ต กงพัดใส่วิกสีน้ำตาลเข้ม ใส่แว่น แต่งตัวปิดรอยสักมิดชิด ทั้งสองคุยกันด้วยเสียงเบาๆ
“อย่าลืมนะคะ บอกเค้าว่าคุณเพิ่งกลับจากปีนเขา ผิวเลยคล้ำกว่าเดิมมาก”
“คุณต้องเลิกพูดภาษาไทยกับผม ใครได้ยินเข้าจะสงสัย”
“Sorry. I forgot.” วีณาจับมือกงพัด มองหน้าให้กำลังใจ “Let’s go.”
กงพัดบีบมือตอบ ทั้งสองจูงมือกัน เดินเข้าไปยืนรอในแถว เหมือนสามีภรรยา
ระหว่างนั้นโรสใส่ชุดสีแดงเดินเข้ามาในอาคารผู้โดยสารขาเข้า โรสเดินไปที่มุมหนึ่ง มีเด็ก 3-4 คน ใส่ชุดสีขาว ยืนร้องเพลงอยู่ ด้านหน้ามีกล่องบริจาคเล็กๆ มีแจกันใส่ดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่อยู่ข้างกล่อง
โรสเดินเข้าไป เอาเงินใส่กล่องบริจาค เด็กส่งกุหลาบสีแดงให้ โรสรับกุหลาบ ยิ้มให้เด็ก แล้วเดินออกไปที่อีกมุมของโถงห่างออกไป มีสายตาใครบางคน มองตามโรสไป
วีณารอตรวจหนังสือเดินทางอยู่ในช่องของเธอ เหลือบตามองไปที่กงพัด ที่อยู่แถวข้างๆ อย่างกังวล
“เรียบร้อยค่ะ” เจ้าหน้าที่บอก
“ขอบคุณค่ะ”
วีณาเดินไปหากงพัดที่ยังรออยู่ เจ้าหน้าที่มองหน้ากงพัดซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่แน่ใจ วีณาเข้าไปกอดกงพัด
“Quelque chose de mal, mon cher? (มีอะไรผิดพลาดหรือ ที่รัก)”
กงพัดทำท่ายักไหล่ว่าไม่รู้ วีณาหันไปยิ้มหวานกับเจ้าหน้าที่
“มีอะไรรึเปล่าคะ พี่”
“เรียบร้อยครับ” เจ้าหน้าที่บอกวีณา แล้วหันไปบอกกงพัด “Ok. You can go.”
“Merci.”
วีณากับกงพัดเดินผ่านออกไป วีณาถอนหายใจโล่งอก
อีกด้านหนึ่งของสนามบินคณะนักร้องร้องเพลงกอสเปลดังไพเราะ มีคนมาบริจาคบ้าง หยุดยืนดูเฉยๆ บ้าง ห่างออกไป หลังเสาโรสจับตามองดูที่กลุ่มนักร้อง ดูทุกคนที่เข้ามา สักครู่ก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
“เครื่องลงได้ซักพักนึงแล้ว...น่าจะออกมาได้แล้วนะ”
ที่ทางออกวีณากับกงพัดเข็นกระเป๋าออกมาท่ามกลางกลุ่มคน เดินคุยกันไปด้วย สายตาเหลือบไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง เห็นตำรวจสนามบินเดินอยู่ห่างๆ
“คนที่โทรมาเตือนคุณเรื่องตำรวจน่ะ คุณนัดเค้าที่ไหน”
“นัดที่นี่แหละค่ะ เค้าให้เรามาเมืองไทย สายการบินนี้ เที่ยวบินนี้ เค้าบอกว่าเขารู้จักคุณดี” วีณา มองไปรอบๆ
“ไม่ยอมบอกชื่อ ไม่ยอมให้เบอร์ติดต่อ แล้วจะเจอกันได้ยังไง”
“เค้าบอกว่าถ้าถึงเมืองไทย เราจะรู้เองค่ะ...” วีณาถอนใจ มองไปรอบตัว เห็นคนเดินขวักไขว่ไปมา ก็หนักใจ “จะรู้ได้ยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน”
วีณากับกงพัดเดินออกมา เพลงกอสเปลดังขึ้น กงพัดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเพลง กงพัดหยุดฟัง มองเด็กทั้งสี่ด้วยแววตาอ่อนโยน ห่างออกไปด้านหลังเสา โรสยืนแอบอยู่ มองไปที่กลุ่มนักร้อง รอคอย อย่างมีความหวัง
ด้านหลังของวีณากับกงพัด มีคู่รักที่เพิ่งลงเครื่องมาพร้อมกันคู่หนึ่ง ผู้ชายไว้ผมสกินเฮด ใส่แว่น สวมแจ๊กเก็ตตัวใหญ่รุ่มร่าม ดูจากด้านหลังคล้ายๆ กงพัด ควงมากับผู้หญิงคนไทย
“ว้าว มีร้องเพลงด้วย ยังไม่ถึงคริตสมาสซักหน่อย”
“นี่มันเมืองไทย อยากทำบุญตอนไหนเราก็ทำ”
กงพัดบอกวีณา
“ผมอยากทำบุญ”
“เอาสิคะ...” วีณาหยิบกระเป๋าแล้วชะงัก เมื่อเห็นตำรวจเดินผ่านมา “เดี๋ยวก่อนค่ะ พัด อย่าเพิ่ง รอเดี๋ยว”
วีณาจับกงพัดหันหลบไปอีกทาง หญิงชายคู่นั้นเดินแซงหน้าวีณากับกงพัดเข้าไปที่นักร้อง ชายหยุดยืนรอ หญิงควานหาเงินไทยมาทำบุญ หลังเสาโรสมองชายคนที่คล้ายกงพัด แล้วเดินรี่ออกมาจากที่ซ่อน ชายหญิงคู่นั้นหย่อนเงินลงกล่อง เด็กที่ร้องเพลงส่งดอกกุหลาบสีแดงให้
“ขอให้พระผู้เป็นเจ้าคุ้มครองคุณค่ะ”
ทั้งสองหันหลังเดินออกไป โรสเดินมาดัก ขวางทางเดิน ทั้งสองชะงัก โรสจ้องมองหน้าชายคนนั้น
“มีอะไรหรือเปล่าค่ะ” หญิงสาวถามอย่างไม่พอใจ
“ไม่มีค่ะ ขอโทษ ฉันจำคนผิด”
โรสหันไปมองที่กลุ่มนักรัองอีกที เห็นวีณากับกงพัดทำบุญเสร็จแล้ว ทั้งสองเดินออกไป โรสยืนมอง ไม่แน่ใจเพราะโรสเห็นด้านข้างและกงพัดปลอมตัว ใส่วิก...แชะ โรสโดนถ่ายรูป ชายหญิงสองคนนั้นอยู่ในภาพด้วย เป๋งที่ยืนแอบอยู่ เป็นคนถ่าย
วีณากับกงพัดยืนเคว้งคว้าง ตำรวจสนามบินมองๆ เหมือนจะเดินเข้ามาหา กงพัดเครียด
“ว่าไง วี”
กงพัดกระซิบถามวีณา
“เค้าบอกว่าเรามาถึง จะรู้เอง ... แต่ยังไงๆ ฉันก็ไม่เห็นรู้เลย ว่าเค้าเป็นใคร”
วีณาบอก ตำรวจเดินเข้ามา
“สวัสดีครับ ไม่ทราบมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีค่ะ ไม่มี ... เรากำลังจะไปแล้ว” วีณาบอกแล้วรีบดึงกงพัดที่หลบหน้าหลบตา “Come on, honey.”
กงพัดกับวีณารีบออกไปด้านนอก
วีณากับกงพัดเดินออกมาที่จุดรอเรียกรถ
“ไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ ถ้ามีใครจำหน้าผมได้จะยุ่งกันใหญ่”
“ค่ะ”
วีณาเรียกรถ รถจอด วีณาชะโงกหน้าไปตกลงกับคนขับ กงพัดถอดเสื้อแจ๊กเกตหนังตัวนอกออกโรสหันมาเห็น รอยสักที่แขนข้างหนึ่งของกงพัด
“นั่นมัน ...”
โรสวิ่งออกไปทันที สมร นักสืบสาวท่าทางทะมัดทะแมง วิ่งตามโรสไปห่างๆ
วีณากับกงพัดขึ้นรถ โรสวิ่งออกมา อยากจะเรียก แต่เห็นว่ามีคนอื่นยืนอยู่ เลยไม่กล้าเรียกชื่อกงพัดตรงๆ
“คุณ...คุณคะ คุณ...”
รถออกไป วีณากับกงพัดไม่ได้ยินโรสชะงัก ยืนอึ้ง งงสุดๆ
“นั่นมันพัดหรือเปล่า ถ้าใช่ ทำไมถึงได้ไป... นี่มันอะไรกัน”
โรสยืนงง ไม่เข้าใจ สมรถ่ายรูปโรสเอาไว้อีก ห่างออกไปอีกมุมเป๋งยืนมองโรสอยู่เหมือนกัน
จบตอนที่ 9
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.