กุหลาบซาตาน ตอนที่ 8
วันเดียวกันนั้นที่สวิสเซอร์แลนด์ วีณากับกงพัดนั่งพิจารณาของในกล่องด้วยกัน
“นี่คงเป็นสร้อยของคุณตอนเด็ก”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ก็มันเล็ก...แล้วเชือกแบบนี้ มีแต่เด็กผู้ชายเท่านั้นที่ใส่ มันขาดออกจากกันเป็นสองท่อน” วีณาชี้ให้ดูรอยไหม้ “เพราะโดนไฟไหม้ คงมีคนกระชากออกจากตัวคุณ”
“ตอนนี้ที่เรารู้ก็คือ ผมชื่อกงพัด เป็นเด็กกำพร้า มีพ่อบุญธรรมเป็นชาวสวิส เคยโดนไฟไหม้ตอนเด็กๆ แล้วก็เป็นคนร้ายที่ตำรวจกำลังตามจับ แต่เราก็ไม่รู้อยู่ดี ว่าทำไมผมถึงไปทำเรื่องเลวร้ายพรรค์นั้น” กงพัดสรุป
“แล้วรูปนี่ล่ะคะ คุณพอจำใครได้ไหม พวกเค้าอาจจะเป็นพ่อ แม่ ญาติพี่น้องของคุณ ถ้าเราหาพวกเค้าเจอ เราอาจจะได้คำตอบ”
กงพัดเอารูปมาดูอีกครั้งอย่างตั้งใจ หน้าเปลี่ยนสีไป
“นี่มัน...”
“คุณนึกออกแล้วเหรอคะ เค้าเป็นใคร”
กงพัดชี้รูปโชค
“ผู้ชายคนนี้ ผมเห็นเขาในฝัน...เขายิงผม เขาจุดไฟเผา ตั้งใจจะฆ่าผมให้ตาย...เขาเป็นใคร”
วีณามองรูปโชคอย่างตกใจ
วันต่อมาที่บ้านพักชายทะเลของโชค โชคยืนขรึมอยู่หน้าระเบียง มองดูทะเล เหงาๆ เป๋งช่วยชินภัทรยกกระเป๋าออกมาที่รถ ที่จอดอยู่หน้าบ้าน โชครีบเดินไปหา
“ชิน จะไปไหนลูก”
“ผมจะกลับกรุงเทพฯ แล้วครับ”
“เพิ่งมาถึงเมื่อวานเอง ไม่พักซัก 2-3 วันเหรอ”
“ผมจองตั๋วเครื่องบินกลับสวิสพรุ่งนี้ตอนเย็นครับ” โชคหน้าเสีย “ขอตัวก่อนนะครับ พ่อ”
ชินภัทรเดินไป โชคตามไป
“เดี๋ยว ชิน...นี่แกโกรธพ่อใช่ไหม แกคิดว่าพ่อทำอย่างที่ยัยนั่นว่างั้นเหรอ”
ชินภัทรหลบตาพ่อ
“ผม...ไม่ทราบ”
“แกเชื่อมัน ทุกคนเชื่อมัน” โชคปล่อยมือจากชินภัทรแล้วพูดออกมาอย่างโกรธและเจ็บใจ “โอเค ได้ ตามใจ...แต่คอยดูนะ อีกไม่นานพ่อจะพิสูจน์ให้แกเห็น ว่าธาตุแท้ของนังโรสเป็นยังไง ว่ามันโกหกตอแหล เจ้าเล่ห์มารยาขนาดไหน”
ชินภัทรทนฟังโชคด่าโรสอย่างหยาบคายต่อไปไม่ไหว เดินหนีขึ้นรถ ขับออกไปอย่างเร็ว
ชินภัทรขับรถมาจอดที่ถนนชายหาด เอนพิงพนักอย่างหมดแรง ความอดทนพังทลาย
“พ่อ ทำไมเป็นแบบนี้”
โทรศัพท์ดังขึ้น ชินภัทรเหลือบตาดูเป็นเบอร์ไปรมาโทรมา ชินภัทรรับโทรศัพท์เสียงเศร้า
“ฮัลโหล”
“เป็นอะไรอ่ะ ชิน ทำไมเสียงเป็นหยั่งงั้น” ชินภัทรเศร้า พูดไม่ออก “ชิน...มีปัญหาอะไรรึเปล่า เล่าให้เราฟังได้ไหม”
“เรายังไม่อยากพูดอะไรตอนนี้ มันสับสนไปหมด”
“ชิน...”
“ขอเราอยู่คนเดียวเงียบๆ ซักพักนะไป๋ แล้วค่อยคุยกันวันหลัง”
ชินภัทรวางสายไป ไปรมานึกเป็นห่วงชินภัทร
ไปรมา พีชญา ภูษณะมาทานอาหารที่ร้านอาหารของวีณา ไปรมาจึงปรึกษาพีชญาและภูษณะเรื่องชินภัทร
“เป็นเอามากนะนั่น” ภูษณะบอก
“ฮื่อ” ไปรมาถอนหายใจ “อยากรู้จังว่าเรื่องอะไรที่ทำให้ชินกลุ้มได้ขนาดนี้”
“คงเป็นเรื่องทางบ้านนั่นแหละ แต่ เอ๊ะ ทางบ้านก็น่าจะแฮปปี้ดีนี่ เพราะเพิ่งจัดงานแต่งงาน ...
หรือจะเป็นเรื่องไอ้มือปืนคนนั้นอีก” ภูษณะเดา วีณาททำอาหารอยู่หน้าเตากลางร้าน ได้ยิน ชะงัก หยุดฟังอย่างสนใจ
“บ้า มือปืนโดดหนีลงทะเลสาบเจนีวาไปแล้ว จะไปโผล่ที่เมืองไทยได้ยังไง”
“อยากรู้ทำไมไม่ถามพ่อเธอดูล่ะ”
“พ่อไป๋มาเกี่ยวอะไรด้วย” ภูษณะถามอย่างแปลกใจ
“จะหาว่าพ่อเราจ้างมือปืนคนใหม่ไปยิงใครที่บ้านชินอีกงั้นเหรอ” ไปรมาถามอย่างไม่พอใจ
“เราไม่ได้ว่า เธอจะร้อนตัวไปทำไม”
“ก็บ้านชินมีเรื่อง แล้วพีชให้ไปถามพ่อเรา มันหมายความว่ายังไงล่ะ”
“ก็หมายความว่า ท่านส.ส. ปฐวี พ่อเธอเป็นคนกว้างขวาง เค้าอาจจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านของพ่อชินก็ได้ เท่านั้นแหละ โวยวายไปได้”
“พ่อเรารู้จักคนเยอะก็จริง แต่คงไม่รู้เรื่องของพ่อชินหรอก”
“พ่อของชินมีศัตรูเยอะจะตาย ถึงชินมันจะว่าพ่อมันดียังไง แต่เราคนนึงล่ะที่เชื่อว่าโชค ชนารณพ เป็นมาเฟียตัวจริง”
วีณาที่แอบฟังอยู่ พึมพำกับตัวเอง
“ส.ส.ปฐวี...โชค ชนารณพ”
วีณารอจนเบธเช็คบิลลูกค้าคนสุดท้ายในร้าน วีณามองอย่างกระสับกระส่าย ทันทีที่ลูกค้าเดินพ้นจากประตู วีณาวิ่งตามไป แขวนป้าย Closed ทันที
“What?” เบธถามอย่างแปลกใจ
“I’m not feeling well today.” วีณาบอก
“Go to the doctor, dear. I can take care of this place.”
“No You go, Beth. Take a day off.” วีณาดึงผ้ากันเปื้อนเบธออกแล้วดันเบธออกจากร้าน “Go. Go. Go.”
วีณาล็อกประตูด้านหน้า ปิดทุกอย่าง แล้ววิ่งไปเปิดประตูเล็กๆ ด้านหลังร้าน กงพัดใส่ชุดพรางตัว ผลุบเข้ามา
“ไหน คุณว่าเจอเบาะแสอะไร”
“ตามมานี่”
วีณาพากงพัดมานั่งหน้าคอมพิวเตอร์ แล้วหาข้อมูลในอินเตอร์เนต โดยวีณาเล่าไปด้วย
“นี่ไง คนชื่อโชค ชนารณพ”
ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นข่าวของโชคตอนที่กานดาโดนยิงตาย กงพัดมองรูปที่หน้าจออย่างตั้งใจ
“คนเดียวกันแน่ๆ คนนี้แหละ ที่อยู่ในรูปนั้น...คนที่ไล่ยิงผมในฝัน”
วีณาอ่านรายละเอียดของข่าวอย่างรวดเร็ว ไปจนถึง...
“มีชายไม่ทราบชื่อบุกเข้ายิงนายโชค แต่พลาดไปโดนนางกานดา ชนารณพ ภรรยาถึงแก่ความตาย แล้วกระโดดลงน้ำหนีไป” วีณาอึ้ง หันมองกงพัด
“ตกลงมันยังไงกันแน่ เขาจะฆ่าผม หรือว่าผมจะฆ่าเค้า แล้วมือปืนในข่าวนั่นคือผมหรือเปล่า... แล้วผู้หญิงคนนั้น” กงพัดมองมือตัวเอง “ผมฆ่าผู้หญิงด้วยเหรอนี่ ผมไปฆ่าเค้าทำไม”
กงพัดสับสน รู้สึกผิดและเสียใจมาก วีณาจะเอื้อมมือไปปลอบ แต่กงพัดกลับลุกขึ้น แล้วเดินผลุนผลันออกจากร้านไป
“พัด” วีณางงอยู่อึดใจ กว่าจะตั้งสติได้ “พัด จะไปไหน กลับมาก่อน”
วีณาวิ่งตามออกไป เห็นกงพัดเดินไปไกลแล้ว
วีณาเดินตามกงพัดไป มีชาวบ้านเดินผ่านมาคนสองคน ทักทาย วีณาเลยไม่กล้าร้องเรียก และชะลอฝีเท้า ไม่ให้ผิดสังเกต พอชาวบ้านพ้นไป ก็เห็นกงพัดเดินตัดจากถนนหลัก หนีเข้าไปในดงไม้
วีณาวิ่งตามไป
วีณาวิ่งตามเข้าไปในดงไม้แต่ไม่พบใคร วีณาหยุดยืนเคว้งคว้างกลางดงไม้
“พัด...ที่รักคะ...พัด คุณอยู่ไหน” ทั้งป่ามีแต่ความเงียบ วีณาน้ำตาไหล “ไหนคุณสัญญาว่าจะไม่ทิ้งฉันไป ไหนคุณสัญญา...”
วีณาทรุดตัวลงนั่ง น้ำตาไหลเงียบๆ วีณานั่งเช็ดน้ำตาอยู่บนพื้นหญ้ากลางป่า แสงแดดส่องมากระทบตัวเธอดูเศร้าและสวยงามเหมือนภาพวาด วีณาเงยหน้าขึ้นมาเห็นกงพัดอยู่ตรงหน้า วีณาโผเข้ากอดกงพัดทันที
“พัด”
“ผมคงทนไม่ได้ ถ้าจะไป โดยที่ไม่ได้บอกลา”
“แล้วทำไมคุณจะต้องไป”
“คนดีกับคนเลวอยู่ด้วยกันไม่ได้ ถ้าผมอยู่ ผมจะทำให้คุณเดือดร้อน”
“แต่ถ้าคุณไป เราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกเลยนะคะ”
“แต่ผมเป็นมือปืน เป็นผู้ร้ายฆ่าคนตาย ผมฆ่าได้แม้กระทั่งผู้หญิง มือของผมสกปรกเกินกว่าที่จะแตะต้องคนอย่างคุณ”
วีณาจับมือกงพัดกุมไว้
“มือของคุณอาจจะเคยเปื้อน แต่ใจของคุณสะอาด ฉันเชื่อว่าคุณไม่ใช่คนร้าย ที่ฆ่าคนอย่างไร้เหตุผล”
กงพัดมองวีณา พยายามชี้แจง
“ผมเป็นคนบาป”
“คุณเป็นคนที่ฉันรัก” วีณายืนยันอย่างมั่นคง
“วีณา”
“ฉันปล่อยให้คนที่ฉันรักจากไปครั้งนึง แล้วฉันก็สูญเสียเขาตลอดไป คราวนี้ ฉันจะไม่ยอมเสียคุณไปอีกแล้ว”
“คุณจะไม่มีวันเสียผมไป ผมสัญญา”
กงพัดดึงวีณามากอดอย่างตื้นตัน
ทางด้านชัชกับโรสหลังจากกลับเข้ากรุงเทพ ชัชก็ย้ายมาอยู่กับโรสที่โรงแรม...ชัชนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้อง โรสนั่งอยู่ที่โซฟา ในมือมีปืนสั้นของชัช โรสพลิกเล่นไปมา ตามองไปที่ชัช ครุ่นคิดชัชหันมาเห็นก็ตกใจ
“โรส... อย่าเอาปืนมาเล่น อันตราย”
ชัชปรามแต่โรสไม่วาง แถมยังทำท่าลองยิง
“ฉันน่าจะหัดยิงปืน”
ชัชลุกจากโต๊ะทำงานมาหาโรส
“จะหัดทำไม”
“ป้องกันตัวไงคะ ถึงเราจะไปอยู่ไกลแค่ไหน เราก็ไม่มีทางหนีพ้น” ชัชมองงงๆ “คุณโชคไม่มีทางปล่อยเราไป”
ชัชนิ่วหน้า ไม่ค่อยชอบใจที่โรสพูดแบบนี้
“โรส ผมรู้ว่าพี่โชคทำไม่ดีกับคุณ แต่นี่ก็เกินไป” ชัชดึงปืนออกจากมือโรส “คุณพูดอย่างกับว่าเค้าจะมาฆ่าคุณงั้นแหละ”
“ฉันคิดอย่างนั้นค่ะ”
“งั้นคุณก็คิดผิดแล้ว...โอเคพี่โชคไม่ชอบคุณ แต่ตอนนี้คุณเป็นเมียผมนะ เค้าไม่ ฆ่าเมียของน้องชายตัวเองหรอก”
ชัชเดินเอาปืนไปเก็บที่ลิ้นชักโต๊ะทำงาน โรสโพล่งขึ้นมา
“แต่เค้าฆ่าเมียตัวเอง”
ชัชชะงัก หันขวับ
“อะไรนะ!”
โรสเดินเข้าไปหาชัช
“คุณโชคเป็นคนฆ่าคุณกานดาค่ะ”
“ไม่ ไม่จริง พี่โชครักพี่กานดา...”
“แต่รักตัวเองมากกว่า คุณโชคไม่ได้ตั้งใจฆ่าแต่ในวินาทีนั้น ตอนที่ฉมวกพุ่งเข้าใส่ตัวเค้า เค้าดึงเอาคุณกานดามาบังให้เธอรับความตายแทนตัวเอง”
“คุณ...เห็น...อย่างงั้นเหรอ”
“ค่ะ คุณโชคยอมรับทุกอย่าง ตั้งแต่วันแรกที่เขาเจอฉัน เขาขู่ไม่ให้ฉันบอกคุณหรือใคร...แต่ถึงฉันจะรับปาก เขาก็อยากจะกำจัดฉันอยู่ดี” ชัชนิ่งอึ้ง โรสพูดหว่านล้อม “เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง พี่ชายคุณทำได้ทุกอย่าง ฉันไม่อยากให้คุณไว้ใจเขา” ชัชไม่พูดอะไรจะเดินหนี โรสรั้งไว้ “ชัชคะ...”
ชัชยกมือห้าม ไม่อยากฟัง
“เอาเถอะ โรส ไม่ต้องกลัว ถ้ามีอะไร ผมจะปกป้องคุณเอง”
ชัชเดินหนี โรสโผกอดชัชเอาไว้จากด้านหลัง
“ไม่ใช่ฉันค่ะ ชัช” สีหน้าโรสหวาดหวั่นมาก “คนที่อยู่ในอันตรายไม่ใช่ฉัน” ชัชหันมามองโรส งงๆ “ ฉันเห็น คนที่คุณโชคจะฆ่าคนต่อไปไม่ใช่ฉัน...” โรสจ้องตาชัช จริงจังก่อนจะพูดต่อ “แต่เป็นคุณ!”
ชัชอึ้งสุดๆ
ระหว่างนั้นโชคมายืนรอชัชด้วยท่าทางกระวนกระวาย ไกลออกไปเห็นชัชออกจากลิฟต์ เดินออกไปที่ล็อบบี้ของโรงแรม โชคเดินตรงจะเข้าไปหา ขณะนั้นชินภัทรนั่งรออยู่ที่ล้อบบี้ มีกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ แบบหิ้วขึ้นเครื่องได้วางอยู่ ชัชเดินมาหาชินภัทร
“ชิน”
ชินภัทรยกมือไหว้ชัช
“ผมมาลาครับ อาชัช จะกลับสวิสเย็นนี้”
“ตั้งใจเรียนดีๆ อย่าไปคิดเรื่องที่ไม่ควรคิด”
“ผมจะพยายามครับ”
ชัชดึงชินภัทรมากอดลา ตบหลังตบไหล่ โชคเดินเข้ามา
“ชัช”
ทั้งสองชะงัก หันไปมอง ชัชเมินหน้าทำเหมือนไม่เห็น กลับมาพูดกับชินภัทร
“เดินทางปลอดภัยนะ อาไปทำงานก่อนล่ะ”
ชัชเดินหนีไป โชคขยับจะตาม
“ชัช” โชคเรียกเสียงดังลั่นล็อบบี้ “ไอ้ชัช...”
โชคเห็นชินภัทรยืนมองด้วยแววตาตำหนิ เลยชะงัก ชินภัทรยกมือไหว้ลาพ่อ
“ผมลานะครับ พ่อ”
โชคจะเข้าไปกอดชินภัทร แต่ชินภัทรหันหลังเดินออกไปก่อน โชคถึงกับเซ็ง โชคหันไปมองทางที่ชัชเดินไป ชัชหายไปแล้ว โชคเดินตามไป ถามพนักงานที่สวนออกมา
“นี่ เห็นคุณชัชไหม”
“เดินไปทางโน้นครับ ท่าน เห็นว่าจะลงไปที่สโตร์”
โชครีบเดินไปทางที่พนักงานบอก ขณะนั้นชัชกำลังรอลิฟต์ลงชั้นล่าง แต่พอเห็นโชคเดินตามมา ชัชจึงตัดสินใจเดินลงบันได
“ไอ้ชัช ไอ้เวร นี่ฉันเรียกแก แกได้ยินไหม”
โชคยืนมองตามชักโมโห
ชัชเดินอย่างเร็วมาถึงชั้นใต้ดิน ไม่เห็นโชคตามมา เลยชะลอฝีเท้าลง เดินเข้าไปที่ห้องเก็บของ
เป็นห้องขนาดใหญ่ ใช้เก็บของตกแต่งโรงแรมในเทศกาลต่างๆ ที่ผ่านมา ชัชเดินไปดูด้านในสุด เห็นตรงเพดานมีน้ำรั่ว น้ำไหลลงมาขังบนพื้นเป็นแอ่ง ชัชนั่งลงดูก่อนจะโทรศัพท์หาลูกน้อง
“คุณเจี๊ยบ ผมลงมาดูแล้วนะ คุณให้คนย้ายของไปเก็บที่โกดังข้างนอกก่อน แล้วสั่งซ่อมด่วนเลย”
ชัชวางสาย เห็นเงาสะท้อนของโชคในน้ำยืนตระหง่านอยู่ด้านหลัง ผ่าง! ดูน่ากลัว
“พี่” ชัชลุกขึ้นยืน
“ยังเห็นฉันเป็นพี่อยู่เหรอ ไอ้ชัช” ชัชถอยหลังหนี โชคเดินย่างสามขุมเข้าหา “แกไม่มีทางหนีแล้ว ยังไงวันนี้ ฉันกับแกต้องสะสางกันให้จบ”
“เราจบกันไปแล้วตั้งแต่วันนั้น”
“แต่ฉันยังไม่จบ! ลูกฉันไม่ยอมมองหน้าฉัน น้องฉันทำเหมือนฉันไม่มีตัวตน พวกแกหันหลังให้ฉัน ทั้งๆ ที่ฉันดีกับพวกแกมาขนาดไหน ทั้งแก ทั้งไอ้ชิน”
“ผมรู้ บุญคุณพี่ท่วมหัว ผมถึงทนอยู่ได้จนทุกวันนี้ ทั้งๆ ที่พี่...”
“ฉันทำไมหะ ไอ้ชัช ฉันทำไม...แกเป็นน้องฉัน ฉันรัก ฉันเชื่อใจแกทุกอย่าง แต่พอโดนนังโรสมันเสี้ยมเข้าหน่อย แกก็หันมาแว้งกัดฉัน” โชคมองชัชอย่างเจ็บปวด “ถ้าเรื่องวันนั้น มันทำให้แกกลายเป็นคนแบบนี้ ฉันก็คงปล่อยเอาไว้ไม่ได้”
โชคค่อยๆ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสูท ท่าทางเหมือนจะหยิบอาวุธ ชัชมอง เครียด คำเตือนของโรสดังกึกก้องในหัว ซ้ำไปซ้ำมา
“คนที่อยู่ในอันตรายไม่ใช่ฉัน คนที่คุณโชคจะฆ่าคนต่อไปไม่ใช่ฉัน...แต่เป็นคุณ!”
โชคกำลังจะชักมือออกมา ชัชตะโกนลั่น
“หยุดนะ”
ชัชชักปืนออกมา เล็งไปทางโชค โชคตะลึง มองอย่างนึกไม่ถึง
“ไอ้ชัช นี่แก...” โชคมองปืนในมือชัช
“พี่จะทำอะไร” ชัชถามอย่างหวั่นๆ โชคเอามือออกมา ในมือเป็นแค่ซองจดหมายสีขาวหนาๆ ซองหนึ่ง โชคมองชัชอย่างเสียใจ
“แกจะยิงฉันเหรอวะ ไอ้น้องชาย ฉันนึกไม่ถึงเลย”
โชคโยนซองในมือลงพื้นตรงหน้าชัช แล้วหันหลัง เดินจากไปด้วยความเสียใจสุดๆ
“พี่...”
โชคเดินจากไป ชัชหมดแรงทรุดลงนั่ง เสียใจและเจ็บใจตัวเองที่ลืมตัว ชักปืนใส่โชค ขณะนั้นโรสแอบดูอยู่อีกมุมหนึ่ง ตาวาวด้วยความสะใจ
“คุณทำลายครอบครัวของฉัน ถึงคราวแล้ว ที่ฉันจะทำลายครอบครัวของคุณบ้าง คุณโชค!”
อ่านต่อหน้าที่ 2
กุหลาบซาตาน ตอนที่ 8 (ต่อ)
ทางด้านชินภัทรหลังจากกลับมาสวิสเซอร์แลนด์ ชินภัทรก็กลายเป็นคนเงียบขรึมและแยกตัวออกห่างจากคนอื่น ไปรมาแอบเหลือบมองชินภัทรอย่างเป็นห่วง ภูษณะสะกิดไปรมากับพีชญาแล้วแอบเมาท์เบาๆ
“สองวันมาแล้ว ชินมันยังไม่ยิ้มเลย ตกลงมันเรื่องอะไรกันอ้ะ”
“ไม่รู้ ถามหลายทีแล้ว ก็บอกว่าไม่มีอะไร” พีชญาบอก ชินภัทรถอนหายใจ ไม่มีสมาธิทำงาน ปิดแลปทอป เก็บใส่กระเป๋า
“เราไปก่อนนะ ไว้เจอกันตอนกินข้าวเย็น”
ชินภัทรบอกแล้วลุกออกไป ทุกคนมองตามอย่างเป็นห่วง
“ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เรียนไม่จบชัวร์” พีชญาบอก ไปรมาพลอยกลุ้มไปด้วย
ไปรมาเดินมาที่สนามหน้าโรงเรียน มองไปที่ต้นไม้ใหญ่กลางสนาม แล้วเดินเข้าไป
ไปรมาค่อยๆ มุดเข้าไปในโพรง เห็นชินภัทรนั่งอยู่ข้างใน ชินหันมามองไปรมา ไปรมารีบบอก
“นั่งด้วยคนนะ”
ชินภัทรไม่ว่าอะไร ไปรมานั่งข้างๆ ชินภัทรแล้วมองไปรอบๆ ตัว เอามือแตะที่ต้นไม้ พูดเหมือนรำพึงกับตัวเอง
“ต้นสนต้นนี้อายุเป็นร้อยปีแล้ว ตอนที่ที่นี่เป็นโรงแรมหรูหรา คงมีเจ้าหญิงเจ้าชายแอบมานั่งกลุ้มใจในนี้หลายคน” ชินภัทรฟังน้ำเสียงใสๆ ของไปรมาแล้วรู้สึกดีขึ้น “ตอนสงครามโลก ก็อาจจะมีทหารหนีเข้ามาซ่อนตัว หรือพวกยิวหนีมาหลบภัย”
ไปรมาพูดเท่านี้แล้วนิ่งไป ชินภัทรอดไม่ได้ ต้องถามต่อ
“แล้วไง”
“ต้นสนต้นนี้ เลยเป็นที่รับความทุกข์ของใครต่อใครเต็มไปหมด”
ชินภัทรมองต้นไม้ นึกถึงตัวเอง พูดอย่างขมขื่น
“ก็คงมีซักวัน ที่มันจะทนไม่ไหว”
“ไม่หรอก ต้นสนไม่เก็บความทุกข์เอาไว้ ทุกครั้งที่ลมพัด ต้นสนจะสลัดความทุกข์ออกจากต้น ให้สายลมพัดพาไป ต้นสนถึงได้ยังแข็งแกร่งอยู่จนทุกวันนี้” ไปรมาบอกเสียงอ่อนโยน ชินภัทรมองไปรมาอย่างขอบคุณ แต่ก็ยังเจ็บปวด
“จะว่าเราโง่กว่าต้นไม้ใช่ไหมนี่”
ไปรมาเอื้อมมือมากุมมือชินภัทรให้กำลังใจ
“พูดออกมาเถอะนะ ชิน มันจะทำให้รู้สึกดีขึ้น”
“มันพูดไม่ถูกน่ะ ไป๋...เวลาที่เรารักใคร เราเชื่อว่าเค้าเป็นคนดี ไม่ว่าใครจะว่ายังไง เราก็ยังเชื่อในตัวเค้า แต่พอมาถึงวันนึง เค้าไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด...เราหาคำพูดมาบรรยายไม่ถูกจริงๆ ว่ามันรู้สึกยังไง”ชินภัทรน้ำตาคลอ ไปรมาบีบมือชินภัทรอย่างปลอบโยน ด้วยความรักที่บริสุทธิ์ใจ
ส่วนที่กรุงเทพ ปฐวีอยู่ที่ทำการพรรคสันติไทยและกำลังคุยกับดนัยเรื่องโชคกับชัช
“จากพี่น้องที่ตายแทนกันได้ ตอนนี้ถึงกับไม่มองหน้ากัน เพราะผู้หญิงคนเดียว...ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ คุณโรสคนนี้”
“คุณชัชถึงกับย้ายออกมาอยู่ที่โรงแรมเลยนะครับ ทิ้งคุณโชคให้อยู่บ้านกับพวกลูกน้องคนเดียว เราน่าจะฉวยโอกาสกำจัดมันซะตอนนี้”
“ยังก่อน”
“ทำไมล่ะครับท่าน ตอนนี้พี่น้องมันแตกกัน เราน่าจะ...”
ปฐวียกมือห้ามดนัยให้เงียบ
“ที่ดินที่ปราณฯ ที่มันแย่งผมไปคราวนั้น ถ้าขายได้ กำไรไม่รู้กี่ร้อยล้าน ผมยังเจ็บใจไม่หาย ผมไม่ปล่อยมันไปแน่...แต่ผมไม่ใช่นักเลงข้างถนน ขืนมาไล่ยิงกันโต้งๆ ภาพลักษณ์ผมเสียหายหมด”
“แล้วท่านจะทำยังไงครับ”
เสียงเมสเสจเข้าที่เครื่องปฐวี ปฐวีเปิดดูเป็นเมสเสจจากโรส
“ผมอาจจะต้องมีตัวช่วย”
ปฐวีบอกหลังจากอ่านข้อความที่โรสส่งมา
โทรศัพท์โรสวางอยู่ติดกับเครื่องดักฟังที่ซ่อนอยู่ โทรศัพท์ดังขึ้น โรสเดินมารับ แล้วนั่งคุยติดกับเครื่องดักฟัง
“สวัสดีค่ะ ท่านปฐวี”
“สวัสดีครับ คุณโรส หลังจากวันนั้น ผมโทรไปหาคุณหลายครั้ง แต่คุณไม่เคยรับสายเลย”
“ฉันมีเรื่องยุ่งๆ ต้องจัดการเยอะน่ะค่ะ”
โรสคุยโทรศัพท์โดยไม่รู้ว่าถูกโชคดักฟังอยู่ โชคนั่งฟังโรสอยู่ในห้อง เสียงโรสชัดแจ๋ว
“จู่ๆ คุณติดต่อมา คงต้องมีเรื่องสำคัญ”
“ค่ะ ท่าน เพียงแต่ว่าเรื่องแบบนี้ คุยกันทางโทรศัพท์คงไม่สะดวกเท่าไหร่”
โชคฟังด้วยสีหน้าสะใจ
“ในที่สุด แกก็เผยธาตุแท้ออกมาจนได้ นังโรส” โชคพึมพำออกมา
“ได้ค่ะท่าน ดิฉันจะไปพบท่านเย็นนี้ ด้วยความยินดีค่ะท่าน”
“แกเป็นพวกไอ้ปฐวี มิน่าเล่า แกถึงจ้องจะทำลายฉัน” โชคนึกแค้นสั่งบันทึกเสียงลงแผ่น “คราวนี้ละ ไอ้ชัช แกจะได้เห็นซะทีว่านังโรสเป็นคนยังไง” โชคนึกอะไรได้แล้วชะงัก “ไม่ แค่คำพูดแค่นี้มันยังไม่พอ...”
โชคลุกออกไปจากห้อง...โรสวางโทรศัพท์ลงหันมองไปที่เครื่องดักฟังที่ซ่อนอยู่ แล้วยิ้มด้วยท่าทางมีเลศนัย
โชคออกจากห้องมาโทรศัพท์หาชัช
“ไอ้ชัช ทำอะไรอยู่วะ ทำไมไม่เปิดเครื่อง”
โชคบ่นอย่างหงุดหงิดซึ่งขณะนั้นชัชอยู่ที่โรงพยาบาลและกำลังนั่งคุยอยู่กับหมอในห้อง ตรงหน้าหมอมีซองผลการตรวจอาการปวดหัวของโชคและเอกสารรับรองจากโรงพยาบาล 2-3 แผ่น หมอดูอย่างละเอียด ก่อนจะวางลง
“ตกลงว่าไงครับ”
“ผลการตรวจเลือดของคุณโชค ชนารณพ ที่โรงพยาบาลพัทยา เมื่อ 2 วันก่อนมีรายงานระบุว่า คุณโชคมีอาการปวดหัว มึนงง ตรวจสอบแล้วพบว่ามีFlunitrazepam ที่มีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาทตกค้างอยู่ในกระแสเลือด”
“มันคืออะไรครับ แล้วมาได้ยังไง”
“มันเป็นยาที่เราใช้ในการแพทย์น่ะครับ แต่ก็มีคนลักลอบเอาเข้ามาใช้ทำเรื่องไม่ดี บ่อยๆ อย่างเช่น ทำให้เหยื่อหมดสติเพื่อปลดทรัพย์หรือข่มขืน” ชัชชะงัก
“ข่มขืน!”
“ชาวบ้านเค้าเรียกว่ายาเสียสาวไงครับ กินเข้าไปแล้วจะหมดสติ ตื่นมาก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง”
“แต่ถ้าคนกินเป็นผู้ชาย มันจะเป็นยังไงครับ” หมองง “คือผมหมายถึงว่าจะ...เอ่อ...เกิดอารมณ์ หรือว่ามีอะไรกับผู้หญิงได้รึเปล่า”
“โอ้ย ไม่มีทางครับจะผู้หญิงหรือผู้ชาย โดนเข้าไปเป็นหลับทุกคน ต่อให้ฟื้นขึ้นมาถ้ายังมียาตกค้างอยู่ในกระแสเลือดอย่างนี้...ล้มไม่ลุกแน่นอนครับ คุณชัช”
คำตอบของหมอทำให้ชัชถึงกับอึ้ง
ชัชเดินออกจากโรงพยาบาลคิดทบทวนสิ่งที่หมอบอก
“พี่โชคโดนวางยา พี่โชคไม่ได้เป็นคนทำร้ายโรสแล้วทำไมโรสถึงคิดว่าพี่โชคเป็นคนทำ.. มันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ” ชัชกดโทรศัพท์หาโรส “ทำอะไรอยู่นะ โรส ทำไมไม่รับสาย”
ชัชกดโทรอีกที แต่แบตหมดชัชถึงกับเซ็ง
เย็นวันนั้นโรสไปพบกับปฐวีตามที่นัดกันไว้ โรสนั่งสงบอยู่ในรถที่ปฐวีเป็นคนขับ ทั้งสองนั่งกันไปเงียบๆ ระหว่างเป๋งขับรถตามรถปฐวีมาห่างๆ โชคยิ้มร้ายเมื่อเห็นรถของปฐวีรักษาระยะไปเรื่อยๆ ท่าทางปฐวีและโรสไม่รู้ตัวเลยว่าถูกตาม
นงพงาเป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัย เมื่อมามหาวิทยาลัยนงพงาจึงเอานิยายของโรสมาอ่านด้วยนงพงานั่งอ่านหนังสือนิยายของโรสแล้วครุ่นคิดตาม
“... พวกเขาตามเธอไป เหมือนฝูงหมาไนที่ไล่ล่ากวางป่า แต่ในที่สุด โชคชะตาจะเป็นผู้ตัดสินว่า ใครกันแน่ คือผู้ล่า และใครกันแน่ ที่เป็นเหยื่อ...”
นงพงารำพึงกับตัวเอง
“โรส ฮอลเลอร์ คุณเป็นคนฉลาดและน่ากลัวมาก”
นงพงาสังหรณ์ใจวูบ
ทางด้านปฐวีหลังจากนั่งรถมากับโรส โรสเอาแต่นั่งเงียบจนปฐวีทนไม่ไหวโพล่งถามขึ้นมา
“เราออกมาไกลมากแล้วนะ คุณยังไม่บอกผมเลย ว่าเราจะไปไหนกัน”
“ท่านกลัวดิฉันเหรอคะ”
“ถ้ากลัว ผมคงไม่กล้ามาพบคุณสองต่อสอง ว่าแต่ว่า ไอ้ข้อเสนอที่คุณชัช ให้คุณมาบอกผมน่ะ มันคืออะไรกันแน่”
“ขับไปก่อนค่ะ ท่าน ยังไม่ถึงเวลา”
โรสอมยิ้ม ลึกลับ คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่เธอบังเอิญไปเจอเจออุปกรณ์ดักฟังและกล้อง ที่อยู่ในถาดของตกแต่งที่ห้องนั่งเล่น
“คุณโชค ถ้าคุณรู้ว่าฉันนัดกับท่านปฐวี ยังไงคุณก็ต้องตามมา”
โรสบอกตัวเองอยู่ในใจแล้วก็เป็นจริงอย่างที่โรสคิดเพราะขณะนั้นเป๋งขับรถให้โชคนั่งและกำลังตามรถปฐวีมา
“เข้าไปใกล้ๆ อีกหน่อย ไอ้เป๋ง” โชคบอกอย่างใจร้อน
“เดี๋ยวก็โดนจับได้หรอกนาย”
“นี่มันรถแก ไม่ใช่รถฉัน นังโรสจะไปจำได้ยังไง ... ตามไป”
“ไปไหนครับ”
“มันไปไหน เราก็ไปนั่น ไม่ต้องถาม ตามไปจนกว่าจะรู้ ว่ามันสองคนจะไปไหนกัน”
โชคจับตามองท้ายรถปฐวี ที่แล่นไปด้วยความเร็วสูงออกนอกเมืองไป
ระหว่างนั้นชัชมาหาโรสที่ห้องด้วยท่าทางร้อนใจ
“โรส...” ชัชชะงักเมื่อเห็นห้องว่าง “ที่ห้องก็ไม่อยู่ โทรไปก็ไม่รับ...เค้าหายไปไหนของเค้า”
ชัชเดินไปหยิบแบตเตอรี่โทรศัพท์สำรองมาเปลี่ยน เปิดโทรศัพท์อีกครั้ง เห็น missed call ของโชค
และข้อความที่ฝากไว้ชัชเปิดอ่าน
“ติดต่อกลับด่วน มีเรื่องสำคัญมากที่แกต้องรู้ เกี่ยวกับโรส”
ชัชอ่านข้อความอย่างแปลกใจ
ทางด้านโชค ขณะนั้นกำลังชะเง้อมองตามรถปฐวีไม่ละสายตา
“ท่าทางเหมือนจะออกไปนอกเมืองนะครับ นาย”
“ไปทำไมกัน” โชคเอะใจ พึมพำกับตัวเอง “รึว่ามันเป็นชู้กับไอ้ปฐวี ดี! ไอ้ชัชจะได้ตัดใจง่ายเข้า”
ปฐวีแอบเหลือบมองกระจกมองหลัง เห็นรถโชคไกลๆ
“มีรถตามเรามา”
โรสหันมอง แกล้งทำเป็นตกใจ
“คุณโชค!”
“นี่หมายความว่ายังไง...คุณเป็นนกต่อ หลอกผมออกมางั้นเหรอ”
“ไม่นะคะ ท่าน ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเค้าตามมาได้ยังไง... ทำยังไงดีคะ ถ้าคุณโชคจับเราสองคนได้ เราไม่รอดแน่”
“ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกน่ะ” ปฐวีบอกแล้วโทรศัพท์หาดนัยทันที “ดนัย อยู่ไหน ไปเจอฉันที่...
ด่วนที่สุดเลยนะ เอาคนของเรามาด้วย”
ปฐวีวางหูจากดนัยแล้วเร่งความเร็วรถหนี
“เฮ้ย มันเร่งหนี สงสัยจะรู้ตัวแล้ว” โชคบอกอย่างตกใจ
“แล้วเอาไงต่อดีล่ะครับ”
“ก็ตามซีวะ ถามได้ ตามไปติดๆ เลย อย่าให้พลาดนะเว้ย”
เป๋งเร่งความเร็วรถจังหวะนั้นโทรศัพท์โชคดัง โชครับ
“ชัช นี่อยู่ไหน...ออกมาหาพี่ด่วนเลย ที่ถนน... พี่กับไอ้เป๋งกำลังสะกดรอยตามโรสอยู่”
“ตามโรส ตามทำไมครับ แล้วโรสไปทำอะไรแถวนั้น”
ชัชถามอย่างแปลกใจ
“เมียแกนัดพบกับไอ้ปฐวี แกรีบตามมานะเว้ย เดี๋ยวจะอดดูของดี” โชคยิ้มอย่างสะใจ
ผ่านเวลาไป รถของปฐวีกับรถของโชคขับไล่กันมา ปฐวีขับรถเลี้ยวเข้าไปในถนนเล็กๆ ที่ร้างและโล่ง ไม่มีคน โชคจี้ตามไม่ลดละ ทันใดนั้น มีรถขนของคันใหญ่ แบบมีตู้คอนเทนเนอร์ด้านหลังวิ่งออกมาจากข้างทาง มากั้นกลางระหว่างรถเป๋งกับรถปฐวี โชคขัดใจ
“เป๋ง แซงขึ้นไปให้ได้”
“ครับ”
เป๋งพยายามจี้เพื่อแซง แต่แซงไม่ได้ประตูคอนเทนเนอร์คันหน้าเปิดออก ลูกน้องปฐวีระดมยิงออกมา กระสุนระดมเข้าใส่รถโชค
“มันยิงเรา นาย”
“กูรู้” โชคยิงสู้พลาง สั่งพลาง “ถอยสิวะ”
เป๋งพยายามจะเข้าเกียร์ถอยหลัง แต่ไม่ทัน โชคโดนยิงไปหนึ่งนัด
“นาย”
“กูบอกให้ถอยยยยย”
เป๋งหักเลี้ยว หนีไปอีกด้าน รถดนัยตามติด โชคเอามือหนึ่งยิง อีกมือกุมแผลที่ชายโครง เลือดไหล
“ตามไป”
ดนัยสั่งลูกน้อง
ที่สวิสเซอร์แลนด์พีชญาปาดไพ่ทาโรต์ทั้งสำรับลงกับพื้นผ้าที่ปูไว้อย่างคล่องแคล่ว...พีชญาจุดวางเทียนตั้งไว้ มีผ้าปูที่พื้น ตัวเองนั่งเป็นแม่หมอทำนายไพ่ทาโรต์ ไปรมาเป็นคนแรก หยิบขึ้นมา 1 ใบ ส่งให้พีชญา
“The Moon หมายถึงอารมณ์ที่หมองเศร้า ความเปลี่ยนแปลงที่เดาไม่ได้ ว่าจะดีหรือร้าย”
“แล้วตกลงว่าดีหรือร้าย” ไปรมาถาม
“ก็ไม่แน่นอนไง เลยบอกไม่ได้ว่าดีหรือร้าย”
“โธ่เอ๊ย พูดมั่วๆ แบบนี้เราก็ทำนายได้” ภูษณะบอกแล้วแย่งสำรับไพ่มา
“นี่ เอาไพ่ฉันคืนมา ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะยะ”
พีชญาบอกแต่ภูษณะไม่คืน สับไพ่แล้วปาดลงกับพื้น
“ใครจะลองก็มาเลย”
“เราลอง” ชินภัทรหยิบมาใบนึง ส่งให้ภูษณะ คว่ำหน้าไพ่ “อ้ะ”
ภูษณะรับมาหงายดูแล้วอึ้งไป พีชญาสำทับ
“ว่าไง แน่จริงก็ทำนายซี”
ทุกคนมองหน้าภูษณะ ภูษณะวางไพ่ลงกับพื้น ทุกคนเห็นว่าเป็นไพ่ Death อึ้งๆ กันไป
“ความตาย”
ไปรมาบอกเบาๆ ภูษณะหันไปถามพีชญาหน้าเจื่อนๆ
“ได้ใบนี้มันหมายความว่ายังไง”
พีชญาไม่ตอบ ชินภัทรสังหรณ์ใจวูบ ลุกออกไปทันที ทุกคนมองตาม หน้าเสีย
ขณะนั้นที่เมืองไทยเป๋งกำลังขับรถหนีลูกน้องปฐวี หน้าตาเครียดจัด ดนัยขับรถจี้ตามไม่ลดละ โชคยิงสู้จนกระสุนหมด ปาปืนทิ้งอย่างเจ็บใจ พร้อมกันนั้น รถเป๋งกระตุก แล้วจอด
“จอดทำไมวะ อยากตายเหรอมึง” โชคหันมาด่าเป๋ง
“น้ำมันหมดครับนาย”
โชคอึ้ง รถดนัยขับเข้ามาใกล้
“ไป ตัวใครตัวมัน”
โชคสั่งเป๋งจากนั้นโชคและเป๋งเปิดประตูลงจากรถ แต่ไม่ทันดนัยสกัดโชคเอาไว้ โชคล้มลงกับพื้น
ดนัยเล็งปืนมาที่โชคจะยิง ทันใดนั้นมีกระสุนปืนยิงเข้าใส่ดนัย โดนจังๆ ที่แขน ปืนสะบัดกระสุนพุ่งขึ้นฟ้า โชครอดตายหวุดหวิด ชัชขับรถเข้ามามีมือปืนมาด้วย 1 คน ทั้งสองช่วยกันระดมยิงใส่ลูกน้องดนัย ดนัยเลือดโชก สั่งลูกน้องให้พากันออกรถหนีไป ชัชวิ่งลงมาหาโชค
“พี่!”
ชัชประคองโชคที่บาดเจ็บขึ้นรถ มือปืนประคองเป๋งทุลักทุเลตาม ทั้งหมดขึ้นรถออกไป
ชินภัทรถือโทรศัพท์ลังเล จะโทรดีไม่โทรดี แล้วก็ตัดสินใจโทรขณะนั้นชัชนั่งรอโชคอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน โทรศัพท์และกระเป๋าตังค์ของโชคอยู่ในถุงข้างตัวโทรศัพท์ของโชคดัง ชัชเห็นหน้าจอขึ้นเป็นรูปชิน ภัทรจึงลังเล แล้วตัดสินใจรับ
“ฮัลโหล ว่าไงชิน”
“อาชัช” ชินภัทรดูเบอร์อีกทีให้แน่ใจว่าโทรหาโชค “ทำไมอาชัชรับสายพ่อ พ่ออยู่ไหนครับ” ชินภั้ทรเริ่มใจเสีย
“พ่อเค้ากำลังทำแผลอยู่น่ะ อาเลยรับแทน”
“ทำแผล? เกิดอะไรขึ้นอีกเหรอครับ”
ชัชนิ่งไปครู่ก่อนจะตัดสินใจบอกความจริง
“พี่โชคถูกยิงน่ะ แต่ไม่ต้องตกใจนะ ชิน พ่อปลอดภัย ไม่เป็นอะไร”
ชินภัทรอึ้งไปนิดนึง ก่อนจะถามออกมา
“คราวนี้เป็นใครครับ จับตัวคนทำได้หรือเปล่า”
“ไม่ได้... แต่รู้ว่าเป็นคนของใคร”
“ใครครับ... บอกผมได้ไหม”
“คนของส.ส.ปฐวี”
คำตอบนี้ทำให้ชินภัทรช๊อค พูดไม่ออก ชินภัทรหันกลับไปเห็นไปรมา พีชญา ภูษณะ ยืนอยู่ด้านหลัง
“พวกเรารอตั้งนาน ไม่เห็นชินกลับไป มีอะไรหรือเปล่า”
พีชญาถาม ชินภัทรมองหน้าไปรมาพูดไม่ออก
“ชิน” ไปรมาเอามือแตะแชนชินภัทรอย่างห่วงใย “มีอะไรเหรอ”
ชินภัทรจับมือไป๋ออกนิ่มๆ เดินหนีไป ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ไปรมายืนอึ้ง ไม่เข้าใจ
ไปรมาตัดสินใจโทรหานงพงาทันทีหลังจาการู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะนั้นนงพงากำลังเก็บของที่โต๊ะเพื่อเตรียมกลับบ้านและคุยโทรศัพท์กับไปรมาไปด้วย
“คุณโชคถูกยิงอีกแล้วเหรอ”
นงพงาตกใจและแปลกใจกับสิ่งที่ไปรมาบอก
“ค่ะ คุณแม่ แล้วทางบ้านชินเค้าก็ว่าคุณพ่อเป็นคนทำ ไม่จริงใช่ไหมคะ คุณแม่” ไปรมาถามแม่เสียงเครียด นงพงาวางกระเป๋า ทรุดลงนั่ง อึ้ง “คุณแม่คะ เรากับเค้ามีเรื่องอะไรกันเหรอคะ ทำไมทุกครั้งที่เกิดเรื่อง เค้าถึงได้คิดว่าเราเป็นคนทำ... คุณพ่อกับคุณโชคมีเรื่องอะไรกันคะ”
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ...” นงพงาใคร่ครวญไปด้วยระหว่างพูด “ตอนแรก มันก็เริ่มมาจากเรื่องมือปืนลึกลับคนนั้น ... แต่ตอนนี้ แม่ชักเริ่มไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่า “ใคร” หรือ “อะไร” ที่ทำให้เรากับครอบครัวคุณโชคขัดแย้งกัน”
นงพงาทอดตาลงมองปกหนังสือ มองดอกกุหลาบที่มีเลือดไหลรินอย่างไม่สบายใจ
จบตอนที่ 8
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.