xs
xsm
sm
md
lg

เสาร์๕ ทับทิมสยาม ตอนที่ 18

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เสาร์ ๕ ตอนทับทิมสยาม ตอนที่ 18

ม่านฟ้าเดินนำกลุ่มเสาร์ห้ามาหยุดยืนที่บริเวณริมหน้าผา ซึ่งใกล้เคียงกับบริเวณที่เธอเคยฝั่งทับทิมสยามเอาไว้ เธอรู้สึกลังเล เนื่องจากสภาพป่าเปลี่ยนแปลงไป ทำให้จำจุดที่ฝังทับทิมสยามไว้ไม่ค่อยได้

“อยู่แถวนี้ใช่มั้ยครับ” ยอดถาม
“ค่ะ...แต่ต้นไม้ขึ้นมากกว่าเดิมจนฉันจำไม่ค่อยได้”
กริ่งเข้ามาหาม่านฟ้า
“คุณทำเครื่องหมายหรืออะไรไว้หรือเปล่า”
ม่านฟ้านึกได้
“ใช่...ฉันทำเครื่องหมายไว้ ที่โคนต้นไม้”
“งั้นพวกเราช่วยกันหา” เทอดบอก
กลุ่มเสาร์ห้า กระจายกันช่วยหาเครื่องหมาย ม่านฟ้าหันไปเห็นเครื่องหมายที่โคนต้นไม้
“นั่นไง...ฉันเจอแล้วค่ะ”
ทุกคนพากันไปที่โคนต้นไม้แล้วช่วยกันขุดดิน จนเห็นทับทิมสยามสีแดง อยู่ที่ก้นหลุม ม่านฟ้าเอื้อมมือไปหยิบทับทิมสยามขึ้นมามองอย่างดีใจ
“ทับทิมสยามของฉัน”
ม่านฟ้าน้ำตาคลอ รู้สึกเหมือนเจอกับญาติสนิทที่ห่างจากกันไปนานแสนนาน
“คุณคงจะรักมันมาก” ยอดถาม
“ค่ะ...นี่คือมรดกที่บรรพบุรุษมอบให้ฉัน ฉันต้องรักษาทับทิมสยามไว้ให้ดีที่สุด”
ดอนมองรอบๆป่าอย่างหวาดระแวง
“พวกเรารีบออกจากป่าแถวนี้กันเถอะ ผมรู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่น่าวางใจเลย”
“เราต้องไปที่เจดีย์ใหญ่ ผมได้ยินซัมดองบอกให้ ดร.ฟอร์ดไปที่นั่นในวันขึ้น15 ค่ำเดือน 5 ที่กำลังจะมาถึง” เดี่ยวบอก
เทอดนิ่งคิดนิดนึง
“15 ค่ำเดือน 5 วันที่พระอาทิตย์ทำมุมตรงกับช่องประตูปราสาทหินพิมาย”
“ใช่ค่ะ...ดร.วิทยาก็กำลังจะนำทับทิมสยามไปทำการทดลองที่นั่นเหมือนกัน” ม่านฟ้าบอกกับสิ่งที่เธอได้ยินมา
“ถ้างั้นพวกเราต้องรีบไปยับยั้ง” กริ่งบอกเสียงเข้ม
“ตามมาค่ะ ฉันรู้เส้นทาง”
ม่านฟ้าเดินนำไป เสาร์ห้าพยักหน้าเห็นด้วยแล้วเดินตามม่านฟ้าไป

+ + + + + + + + + + + +

ม่านฟ้าเดินนำกลุ่มเสาร์ห้าไปตามเส้นทางในป่า แล้วสักครู่ ทุกคนก็ได้ยินเสียงบางอย่าง
“เสียงอะไรครับคุณเดี่ยว คุณดอน” เทอดถามอย่างสงสัย
เดี่ยวใช้หูทิพย์นิ่งฟัง
“เสียงเลื้อย”
ดอนใช้ตาทิพย์
“ผมเห็นงู”
“งูอะไรทำไมถึงเลื้อยดังแบบนี้ครับ” ยอดถามอย่างแปลกใจ
“สงสัยจะเป็นงูยักษ์” กริ่งพูดลอยๆ
เทอดรีบห้าม
“อย่าพูดครับคุณกริ่ง จำที่ลุงแต้มบอกได้มั๊ย เข้าป่าอย่าพูดเรื่องไม่ดี”
“แค่พูดว่างูยักษ์ก็ไม่ได้เหรอครับ” กริ่งแย้ง
เทอดส่ายหน้าเซ็งๆ
“สองครั้งแล้วคุณกริ่ง”
ยอดแปลกใจ
“ทำไมครับ...ผมไม่เข้าใจ”
กริ่งงงๆ
“นั่นซิ...ผมก็ไม่เข้าใจ”
“คุณกำลังเรียกมันอยู่ครับคุณกริ่ง” ดอนบอก
กริ่งหน้าตื่น
“เรียกเหรอครับ ผมไม่ได้เรียกนะครับแค่พูดว่างูยักษ์เฉยๆ”
“สามครั้ง” เทอดโพล่งออกมา
ทันใดนั้นเสียงขู่ของงูก็ดังขึ้น เทอดมองสูงขึ้นไปเห็นหัวงูโผล่ออกจากยอดไม้ เหนือร่างของกริ่ง เทอดหน้าตื่นตกใจ
“ดิลิเวอร์รี่จริงๆ เรียกปุ๊บมาทันทีเลย”
ทุกคนหันไปมองตามสายตาเทอด
เดี่ยวหันมาหากริ่ง
“ใครสั่งก็รับไปนะครับ ผมไม่ได้สั่ง”
งูยักษ์ ฉกลงมา กริ่งกระโจนหลบ คนอื่นๆพากันกระโดดหลบแล้ววิ่งถอยออกมา

+ + + + + + + + + + + +

ม่านฟ้าและเสาร์ห้า พากันมารวมตัวกันที่มุมหนึ่ง งูยักษ์หายไป ได้ยินแต่เสียงเลื้อยไปมาตามมุมต่างๆ ทุกคน หันหลังชนกัน ยกปืนเตรียมพร้อม เมื่อได้ยินเสียงจากจุดไหน คนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยิงใส่ทันที แต่แล้วขณะที่ทุกคนพากันระแวดระวังอยู่นั้น จู่ๆงูก็โผล่ออกมาฉกเอาม่านฟ้าเข้าไว้ในปาก เสาร์ห้าพากันระดมยิงแต่ งูยักษ์กลับเลื้อยหนีหายเข้าป่าไป
“ตามเร็ว” เทอดบอกอย่างตกใจ
ทุกคนพากันตามงูยักษ์ไป แล้วเริ่มงง เมื่อมองไม่เห็นงูยักษ์
“หายไปแล้วครับ” ยอดถามอย่างสงสัย
กริ่งหันไปหาดอน
“คุณดอนมองเห็นมั๊ยว่ามันอยู่ไหน”
ดอนใช้ตาทิพย์แต่ไม่เห็นอะไร
“ผมมองไม่เห็น ไม่มีภาพอะไรเลย”
เดี่ยวหน้าเครียด
“มันไม่ใช่งูธรรมดาครับ”
เทอดมองไปที่พื้นอย่างสังเกต
“มีลอยที่พื้นครับ...นั่นไง”
ทุกคนพากันตามรอยไป

+ + + + + + + + + + + +

สัปเหร่อแต้ม เคน บัวชุม และต่ำ กำลังเดินป่าอยู่ สักครู่ สัปเหร่อแต้มก็ชะงัก รู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง เคนสังเกตุเห็น
“มีอะไรครับ ลุงแต้ม”
“ข้ารู้สึกเหมือนเสาร์ห้ากำลังอยู่ในอันตราย”
เคนหันไปถามบัวชุม
“ใกล้ถึงหรือยังพี่บัวชุม”
“ใกล้แล้ว”
“รีบไปเร็ว” สัปเหร่แต้มบอกอย่างร้อนใจ
ทุกคนพากันเดินหน้าต่อไป...ดร.วิทยา และฮวงแอบซุ่มมองอยู่มุมหนึ่ง
“จัดการมันเลยมั๊ยครับ ด็อกเตอร์”
“ไม่ต้อง...แอบตามมันไปเรื่อยๆ รอให้มันขุดทับทิมสยามออกมาแล้วค่อยจัดการ แกอย่าลืมทำรอย
เครื่องหมายทิ้งไว้ด้วย เจ้าพ่ออินทร์ กับเสือสนธิ์จะได้ตามมาถูก”
“ได้ครับ”
ฮวง ใช้มีดฟันที่ต้นไม้ เป็นรอย แล้วจากนั้นก็ออกตาม กลุ่มของสัปเหร่อแต้มไป

+ + + + + + + + + + + +

เสาร์ห้าพากันเดินตามรอยมาที่หน้าถ้ำ เทอด เห็นรอยงูเลื้อยเข้าไปในถ้ำ
“มันเลื้อยเข้าไปในถ้ำ”
“งั้นก็ตามเข้าไปเลย”
ขณะที่เสาร์ห้า กำลังเดินจะเข้าไป ก็เห็นภายในถ้ำ ซึ่งมืดสนิท มีดวงตาสีแดง ค่อยๆปรากฏขึ้นมา ทุกคนพากันระดมยิงเข้าไปขณะที่ ดวงตาสีแดงของ งูยักษ์ซึ่งอยู่ในความมืดหายไปบรรยากาศเริ่มน่าสะพรึงกลัว สักครู่ขณะที่เทอด กำลังเผลองูยักษ์ก็ฉกเทอดหายไปในความมืด
“คุณเทอด” ยอดร้องขึ้นอย่างตกใจ
“ถอยออกมาก่อนครับ เรากำลังเสียเปรียบ” ดอนรีบบอก
ดวงตาสีแดงกล่ำของ งูยักษ์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เสาร์ห้าพากันถอยหนีแล้วยิงสกัด
ทางด้านบัวชุมเดินนำมาจนถึงจุดที่ฝังทับทิมสยาม เธอมองร่องรอยที่โดนขุดออกไปอย่างตกใจ สัปเหร่อแต้ม เคนและต่ำ ยืนคุ้มกันให้
“มีคนมาขุดไปแล้ว”
“คงจะเป็นม่านฟ้า” เคนบอก
ทันใดนั้นเสียงปืนของพวกเสาร์ห้าดังแว่วเข้ามา ทุกคนหันไปมอง
“เสียงปืน” ต่ำโพล่งขึ้นมา
สัปเหร่อแต้มกังวลใจ
“รีบตามไปดูเร็ว”
ทุกคนพากันวิ่งตามเสียงปืนไป

+ + + + + + + + + +

ดอน เดี่ยว ยอด กริ่ง กำลังระดมยิงใส่งูยักษ์ซึ่งอยู่ข้างในถ้ำ
“เห็นคุณเทอดกับม่านฟ้ามั๊ยครับคุณดอนว่าอยู่ไหน” เดี่ยวถามอย่างเป็นห่วง
ดอนใช้ตาทิพย์มอง
“ผมไม่เห็นเลยครับแปลกจริงๆ เหมือนไม่ได้อยู่ในถ้ำ”
“แต่งูอยู่ในถ้ำ สองคนนั้นก็ต้องอยู่ในถ้ำซิครับ” ยอดแย้ง
กริ่งหน้าเครียด
“คงไม่ได้อยู่ในท้องงูนะ”
“ไม่นะครับ ตาทิพย์ของผมไม่เห็นอะไรเลย” ดอนบอก
เดี่ยวครุ่นคิด
“ถ้าอยากได้ลูกเสือ มันก็ต้องเข้าถ้ำเสือ”
ยอดเห็นดีด้วย
“งั้นก็ลุย”
ดอน เดี่ยว ยอด กริ่ง พากันยิงเบิกทางเข้าไปในถ้ำ แล้วบุกไป สัปเหร่อแต้ม เคน บัวชุม ต่ำ พากันวิ่งเข้ามา สัปเหร่อแต้มรีบร้องตะโกนห้าม
“อย่าครับ...อย่าเข้าไป”
สัปเหร่อแต้ม เคน พากันวิ่งตามไปแต่แล้วทุกคนก็เห็นเหมือนกับว่า ดอน เดี่ยว ยอด กริ่ง กำลังทะลุกำแพงวุ้น บางใสๆ เข้าไปข้างใน สัปเหร่อแต้มและเคนรีบวิ่งตาม แต่เข้าไปในกำแพงวุ้นไมได้
“ทำไมเราเข้าไปไม่ได้ครับลุงแต้ม”
“ประตูปิดแล้ว”
บัวชุมและต่ำวิ่งตามเข้ามา
“คุณหนูอยู่ไหนคะ”
“พวกเขาทุกคนอยู่ในอันตราย”
ทุกคนตกใจ วิตกกังวล

+ + + + + + + + + +

ดอน เดี่ยว ยอด กริ่ง ทะลุกำแพงวุ้น แล้วล้มลงมานอนที่พื้น เมื่อทุกคนหันไปมองรอบๆ กลับพบว่า ภาพที่เขาเห็นนั้นกลายเป็นว่าพวกเขาอยู่ในป่าอีกแห่งซึ่งไม่ใช่ภายในถ้ำ โดยลักษณะของป่า สีสันของต้นไม้จะดูแตกต่างจากป่าปกติ
“เมื่อกี้เราอยู่ในถ้ำกันนี่ครับ ทำไมกลายเป็นป่าไปได้อีก” ยอดถามอย่างงุนงงสงสัย
กริ่งมองไปรอบๆป่า
“ทำไมป่าที่นี่ มันแปลกๆ นะครับ”
ดอนมองป่าเบื้องหน้าอย่างแปลกใจ
“เหมือนไม่ใช่ป่า”
เดี่ยวหันมาหาดอน
“คุณดอน...คุณมองเห็นคุณเทอด กับม่านฟ้าหรือยัง”
ดอนพยายามใช้ตาทิพย์ แต่ด้วยพวกเขาอยู่ในมิติของหุบเขามรณะ ทำให้พลังอำนาจทิพย์ที่เคยมีไม่สามารถใช้ได้
“ทำไมผมไม่สามารถใช้ตาทิพย์ได้เลย”
ทุกคนตกใจ
“ผมก็เหมือนกัน หูของผมที่เคยได้ยินเสียงไกลๆ ก็ไม่ได้ยินอะไรเลย”
“แล้วผมล่ะ” ยอดเดินไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง แล้วพยายามจะยื่นแขนเข้าไปแต่ก็ทำไม่ได้ “นี่มันบ้าไปแล้ว”
“งั้นผมต้องทำได้” กริ่งลองวิ่งดู แต่ก็เป็นแค่การวิ่งธรรมดา ไม่ได้รวดเร็วปานสายลมเช่นเดิม “เป็นไง...ผมทำได้ใช่มั๊ย”
ทุกคนส่ายหน้า กริ่งจ๋อยไป
“นี่เราอยู่ที่ไหนกันแน่...ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
แต่ขณะที่ทุกคนกำลังเผลอตัวนั้น งูยักษ์ก็ค่อยๆ เลื้อยเข้ามาแล้วฉกเอาร่างของเดี่ยวทันที
“โอ๊ย...”
ดอน ยอด กริ่ง ใช้ปืนกระหน่ำยิงออกไปเพื่อช่วยเดี่ยว แต่กระสุนปืนกลับทำอะไรงูยักษ์ไม่ได้ งูยักษ์เลื้อยหนี พาร่างของเดี่ยวหายไป ดอน ยอด กริ่ง วิ่งไล่ตามไป แต่งูยักษ์หายไปแล้ว
“หายไปไหนแล้ว” ยอดแปลกใจ
กริ่งงุนงงกับสิ่งที่พบเจอ
“ตัวใหญ่แบบนี้ หายไปได้ไง”
ดอนเครียด
“กระสุนปืนทำอะไรมันไม่ได้เลย”
กริ่งมองไปรอบๆอย่างหวาดหวั่น
“ที่นี่มันที่ไหนกันแน่ ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
ทันใดนั้นลมพัดวูบเข้ามา ใบไม้ร่วงกราวๆ ยอด กริ่ง ดอน หันไปมองรอบๆ ซัมดองปรากฏตัวขึ้น
“ฮ่ะๆ ในหุบเขามรณะ อิทธิฤทธิ์ของพวกเอ็งจะกลายเป็นศูนย์ ฮ่ะๆ”
ยอด กริ่ง ดอน หันมาเผชิญหน้า
“คุณเทอด คุณเดี่ยว ม่านฟ้า อยู่ที่ไหนซัมดอง” ยอดถามเสียงแข็ง
“ฮ่ะๆ”
ซัมดองหัวเราะร่า หยิบธนูขึ้นมาจากอากาศที่ว่างเปล่าแล้วยิงธนู 1 ดอกเข้ามา ลูกธนูที่พุ่งเข้ามา แตกตัวกลายเป็นธนูนับร้อยดอกทุกดอกกลายเป็นธนูไฟพุ่งเข้ามาหา ยอด กริ่ง ดอน ทั้งสามคนพากันโดดหลบ ดอนหันไปคว้าไม้มาปัดป้อง ขณะที่กริ่งเสียหลักล้มลง ยอดเห็นธนูพุ่งเข้ามาหากริ่ง จึงรีบเข้าไปดึงคุณกริ่งให้หลบ
“หลบเร็วคุณกริ่ง”
กริ่งรอดหวุดหวิด
“ขอบคุณมากคุณยอด”
ดอนเห็นท่าไม่ดีรีบหันไปสั่งเพื่อน
“หลบเข้าหลังต้นไม้เร็ว”
สามคนพยายามปัดป้องธนูไฟแล้วถอยเข้าหลังต้นไม้ แต่แล้ว ธนูดอกหนึ่ง พุ่งเข้าใส่ดอนแต่ดอนหลบ ทำให้ธนูปักเข้าไปที่เสื้อใกล้ๆ ชายโครง ตรึงร่างของดอนไว้กับต้นไม้ ยอดหันไปเห็นจึงเข้าไปช่วยดึงธนูจากเสื้อดอน กริ่งเห็นธนูดอกหนึ่งกำลังพุ่งมาหายอด จึงเอาร่างไปบังยอดไว้
“หนีไปคุณยอด”
ธนูปักเข้าชายโครง กริ่งสะดุ้งเฮือก ยอดและดอนตกใจ
“คุณกรี่ง”
ดอนรีบบอกยอด
“รีบดึงคุณกริ่งหลบเร็ว”
ดอนและยอดดึงร่างของกริ่งให้หลบไปหลังต้นไม้ เลือดกริ่งไหลซึมออกมา
“คุณกริ่งไม่เป็นไรนะ” ยอดถามอย่างเป็นห่วง
“ผม...ไม่เป็นไร”
กริ่งแข็งใจพูดทั้งที่ กำลังเจ็บหนัก ธนูไฟที่พุ่งเข้ามา ทำให้เกิดไฟไหม้ลามไปทั่ว
“ผมจะดึงธนูออกให้”
ดอนดูบาดแผลแล้วเริ่มดึงธนูออกมา กริ่งสะดุ้งเฮือกเลือดทะลักออกมา
“ทนหน่อยนะคุณกริ่ง” ยอดปลอบ
กริ่งเจ็บปวดมากหันไปบอกเพื่อน
“คุณสองคน รีบหนีไป...ไม่ต้องเป็นห่วงผม”
ยอดส่ายหน้า
“ไม่ได้...ธนูดอกนี้ มันควรจะปักมาที่ร่างผม ไม่ใช่คุณ”
“รีบหนี...ทิ้งผมไว้ที่นี่” กริ่งยืนยันเสียงแข็ง
ดอนส่ายหน้าจ้องมองกริ่งด้วยสายตามุ่งมั่น
“ถ้าจะไปก็ต้องไปด้วยกัน”
ดอนและยอดเข้ามาพยุงกริ่ง คนละข้างแล้วรีบพาหนี ขณะที่ธนูไฟ และไฟเริ่มลุกโชน

+ + + + + + + + + + + +

เคน บัวชุม และต่ำ พยายามเดินมองไปตามมุมต่างๆของหน้าถ้ำเพื่อหาทางเข้าไปในหุบเขามรณะ ขณะที่สัปเหร่อแต้ม นั่งมอง
“เมื่อไหร่ประตูจะเปิดอีกคะ ลุงแต้ม...ฉันอยากจะเข้าไปช่วยคุณหนูของฉัน” บัวชุมถามอย่างร้อนใจ
สัปเหร่อแต้มถอนใจ
“เรื่องนี้ข้าก็จนปัญญา รู้แต่ว่าข้างในมันอันตราย”
“แล้วตอนนั้นลุงแต้มเข้าไปได้ยังไง” เคนถามอย่างสงสัย
“ข้ามาหาของป่าแล้วจู่ๆ ฝนก็ตก ข้าเลยวิ่งหาที่หลบ แต่ข้าเห็นป่าอีกป่าหนึ่ง มันสว่างไสว ฝนไม่ตก ข้าก็เลยลองเดินเข้าไป ผ่านประตูใส แบบที่เห็นเมื่อกี้นี่แหละ”
“ข้างในมันมีอะไร” ต่ำถามอย่างอยากรู้มาก
สัปเหร่อแต้มเหม่อมองไปเบื้องหน้า
“ป่าข้างในหุบเขามรณะ ใบไม้สีสันแปลกตา ข้าเห็นโครงกระดูกพวกนายพรานที่หลงเข้ามาตายเกลื่อนพื้น”
“งูยักษ์ก็อยู่ในหุบเขามรณะใช่มั๊ยลุง” ต่ำถามอย่างสงสัย
“อย่าพูดถึงมัน” แต้มรีบห้าม
ต่ำนึกได้
“ลืมไป...ลุงเคยบอก...ถ้าพูดถึงงูยักษ์แล้วมันจะมา”
“ไอ้ต่ำ...เอ็งพูดมาสองครั้งแล้วนะ” แต้มเตือน
ต่ำงงๆ
“พูดอะไรสองครั้งจ้ะลุง พูดว่างูยักษ์เหรอ”
ทันใดนั้นงูยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากถ้ำ ทุกคนหันไปมอง ตกใจ
“เห็นมั๊ย มันมาแล้ว”
ทุกคนถอยมารวมตัวกัน ขณะที่งูยักษ์ค่อยๆ เลื้อยใกล้เข้ามา สัปเหร่อแต้มรีบตะโกนบอก
“วิ่งหนีเร็ว”
ทุกคนพาวิ่งตามกันไป แต่แล้วงูยักษ์ก็เลื้อยอย่างรวดเร็วมาดักหน้าไว้ ทำให้ทุกคนถอยกรูดมารวมตัวกัน
“วิ่งไปทางไหนดีละ” บัวชุมถามอย่างตื่นกลัว
ต่ำชี้มือไป
“ทางนี้มั๊ย”
“วิ่งเร็ว”
สัปเหร่อแต้มวิ่งนำทุกคนไปอีกทาง แต่แล้วงูก็เลื้อยผลุบมาดักหน้าไว้อีก ไปไหนกันไม่รอด
“ไอ้ต่ำนะไอ้ต่ำ เป็นเพราะปากเอ็งแท้ๆ” สัปเหร่อแต้มต่อว่าต่ำอย่างโมโห
ต่ำจ๋อยไป
“ต่ำไม่ได้ตั้งใจ”
บัวชุมนึกได้จึงหันไปบอกเคน
“เคน...มีดที่หลวงพ่อให้มา เอามาใช้ซิ”
เคนล้วงเอามีดอินทรีย์ออกมา แล้วยกมือพนม
“ขอพระคุ้มครองพวกเราด้วย”
งูค่อยๆยกหัวขึ้นมาเตรียมจะฉก เคนปามีดอินทรีย์ออกไปทันที มีดลอยออกไปเฉี่ยวงูยักษ์โดนส่วนไม่สำคัญแล้วลอยกลับมา งูยักษ์ส่งเสียงขู่ โมโหแต่ขณะจะพุ่งเข้ามาฉก เคนก็ปามีดออกไป คราวนี้มีดลอยไปเฉือนเข้าที่หน้าผากงู เลือดไหลกระฉุดออกมา งูหันตัวหนีแล้วเลื่อยเข้าไปยังถ้ำ เคนรับมีดที่ลอยกลับมาแล้วรีบวิ่งตามไป
“เคน...อย่า” สัปเหร่อแต้มร้องห้าม
“ผมต้องไปครับ ผมต้องเข้าไปช่วยคนอื่นๆ”

เคนวิ่งตามงูเข้าไปในถ้ำ แล้วหายเข้าไปในกำแพงวุ้นใสๆ ทุกคนพากันวิตกกังวล

อ่านต่อหน้า 2






เสาร์๕ ตอนทับทิมสยาม ตอนที่ 18 (ต่อ)

ยอดและดอน กำลังช่วยกันพยุง กริ่งหนี ขณะที่ ธนูไฟ ถูกยิงไล่หลังมาทั้งสามคน ล้มลง ดอน และยอด รีบลากกริ่งให้เข้ามาหลบ

“ผมทนไม่ไหวแล้วคุณดอน” ยอดโกรธมาก
“งั้นก็เข้าไปแลกกับมันเลยคุณยอด”
ยอดหันไปหากริ่ง
“รออยู่นี่นะคุณกริ่ง”
กริ่งมองหน้าเพื่อน
“อย่าเอาผมเป็นตัวถ่วง”
“คุณไม่ใช่ตัวถ่วง แต่คุณเป็นเพื่อนผม”
ดอนตบบ่ากริ่งเบาๆ
“เดี๋ยวเรามาคุณกริ่ง”
ดอน และยอดหากิ่งไม้มาแล้ววิ่งตะลุยฝ่าธนูไฟออกไป กริ่งหันไปมองเพื่อนๆ ด้วยความเป็นห่วง

+ + + + + + + + + + +

ซัมดองยกธนูยิงขึ้นฟ้าลูกธนูแยกออกเป็นหลายดอก แล้วพุ่งออกไปเป็นธนูไฟ ดอน และยอด วิ่งฝ่าธนูไฟเข้ามาโดยใช้ไม้ปัดป้อง ธนูไฟที่พุ่งเข้ามาถูกปัดออกจากตัว ซัมดองหยุดยิง ยืนเผชิญหน้ากับดอน และยอด
“พอได้แล้วซัมดอง” ยอดพูดเสียงเข้ม
ซัมดองหัวเราะหยัน
“ฮ่ะๆ”
“ถ้าจะสู้กัน ก็มาเลย” ดอนท้าทาย
ซัมดองหยุดหัวเราะ ยื่นมือออกไปทั้งสองข้างแม้ว่าจะอยู่ห่างจากดอน และยอด แต่เหมือนกับว่ามือของซัมดอง กำลังเค้นคอทั้งสองคนไว้ ดอนและยอดดิ้นไปมา เมื่อมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบคอทั้งคู่อยู่
“ที่หุบเขามรณะ เอ็งมันก็คือมนุษย์ธรรมดา ไม่มีวันสู้ข้าได้”
ซัมดองเหวี่ยง ดอน และยอด กระเด็นลงไปกองกับพื้น แต่ทั้งคู่พยายามลุกขึ้นมา ยอดมองซัมดองอย่างเคียดแค้น
“ยังไงเราก็ไม่แพ้”
“ใช่...พวกเราไม่ตายง่ายๆ แน” ดอนน้ำเสียงมุ่งมั่น
“ถ้างั้นก็ลองนี่”
ซัมดองสะบัดมือออกไป แล้วปรากฏเป็นลูกไฟลูกใหญ่พุ่งเข้าใส่ดอนและยอดทั้งคู่กระโดดหลบ ทำให้ลูกไฟไปกระแทกพื้นดิน ระเบิดตูม ซัมดอง สะบัดลูกไฟออกมาอีก ดอน และยอดพากันวิ่งหนี ขณะที่ลูกไฟกลายเป็นระเบิดตูม ๆ ไล่หลังมา
ดอน และยอด พากันวิ่งหนีระเบิดมาที่มุมหนึ่ง แต่แล้ว ที่เบื้องหน้าของทั้งคู่ก็ปรากฏร่างของซัมดอง ยืนขวางทางอยู่
“เอ็งหนีข้าไม่พ้นดอก ฮ่ะๆ”
ซัมดองยื่นมือออกไป ทำให้ ดอน และยอด เหมือนกำลังโดนบีบคอ ร่างของทั้งสองถูกยกขึ้นลอยกลางอากาศ ทั้งสองดิ้นรน กำลังจะขาดใจตาย ขณะเดียวกันนั้นกริ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาที่ด้านหลังของซัมดองแล้วกระโดดล็อคคอซัมดองไว้ ทำให้ซัมดองเสียจังหวะปล่อยให้ดอน และยอด หล่นลงบนพื้น
“คุณดอน คุณยอด...หนีไปเร็ว...หนีไป”
ดอน และยอด กระแทกพื้นบาดเจ็บและจุกค่อยๆ ลุกขึ้นมามอง เห็นกริ่งกำลังล็อกซัมดองไว้ แต่แล้วซัมดองสะบัดกริ่งให้ล้มลงจากนั้นเหวี่ยงกริ่งไปกระแทกต้นไม้
“รักเพื่อนจริงนะเอ็ง ไอ้พวกบ้า”
ซัมดองตรงเข้าไปหากริ่ง แล้วปล่อยพลังฝ่ามือออกไป ทำให้กริ่งโดนกระแทกลอยไปตกบนพื้น ใกล้ๆกับยอด และดอน กริ่งบอบช้ำอย่างหนักกระอักเลือดออกมา ยอดรีบคลานเข้าไปประคองกริ่งไว้
“คุณกริ่ง อดทนไว้นะ อย่าเป็นอะไร”
“หนีไป...ไม่ต้องห่วงผม” กริ่งพูดเสียงแหบแห้ง
ดอนส่ายหน้า
“ไม่...เราต้องไปด้วยกัน”
ซัมดองเดินใกล้เข้ามา แล้วปล่อยพลังฝ่ามือมาอีกระลอก ขณะที่ดอน ยอด กำลังช่วยกันพากริ่งหนี พลังฝ่ามือกระแทกทุกคนให้ล้มลง กริ่งสลบไป ยอดตกใจหันไปหากริ่ง
“คุณกริ่ง...ฟื้นซิ...คุณกริ่ง”
ดอนเอามืออังที่จมูกกริ่ง แล้วหันมามองหน้ายอด
“ไม่จริง ๆ”
ยอดและดอน เข้าใจว่ากริ่งตายแล้ว น้ำตาทั้งคู่ไหลออกมา ซัมดองมองหยัน
“ฮ่ะๆ”
ยอดและดอน มองซัมดองด้วยความคลั่งแค้นโกรธที่ซัมดองทำให้เพื่อนตาย
“ซัมดอง แก...ตาย...”
ยอด บ้าเลือดวิ่งเข้าไปหาซัมดอง เช่นเดียวกับดอนซึ่งวิ่งตามเข้าไปแต่ทั้งคู่ถูกซัมดองบีบคอไว้ แล้วจากนั้น ร่างของซัมดอง ยอด และดอน ก็ค่อยๆ เลือนหายไป ร่างของกริ่งนอนในสภาพคล้ายคนตายอยู่ที่เดิม

+ + + + + + + + + + + +

เคนกำลังมองไปรอบๆ ป่าซึ่งมีสีสันแปลกตา แล้วสักครู่ที่พุ่มไม้กิ่งไม้รอบๆ ตัวเขาก็สั่นไหว คล้ายกับมีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ เคนกระชับมีดอินทรีย์ในมือแน่น เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ครู่หนึ่ง งูยักษ์โผล่ออกมาที่ด้านหลังเคนแล้วฉกใส่ เคนกระโดดหลบได้ทันขณะที่งูหายไป
งูซ่อนตัวเลื้อยไปมา ทำให้พุ่มไม้สั่นไหว ทางโน้นที ทางนี้ที เมื่อเคนหันหลัง งูก็โผล่ออกมาแล้วฉกเคนอีกครั้ง เคนล้มลงมีดอินทรีย์หลุดมือเช่นเดียวกับ ดวงตาสวรรค์ซึ่งอยู่ในย่ามหลุดออกมาแล้วหล่นลงพื้นขณะที่งูเมื่อเห็นเคนกำลังเสียเปรียบ จึงเลื้อยเข้ามาเตรียมฉก เคนถอยหนีค่อยๆ เอื้อมมือไปเพื่อคว้ามีดอินทรีย์ที่อยู่ห่างออกไป แต่ขณะที่เคนกำลังจะหยิบมีด งูพุ่งเข้ามาฉกเคนคว้ามีดไม่ได้และกำลังจะถูกงูฉกทำร้าย ดวงตาสวรรค์ ค่อยๆ เปิดออก แล้วเรืองแสงออกมา แสงของดวงตาสวรรค์ ส่องสว่างไปกระทบ งูยักษ์ชะงักค่อยๆ ถอยหนีแล้วเลื้อยหายเข้าป่าไป เคนหันไปมองดวงตาสวรรค์ ด้วยความประหลาดใจ เคนมองภาพภายในดวงตาสวรรค์ที่เปิดออก เห็นภาพของกริ่งซึ่งนอนคล้ายคนตายอยู่ เคนมองดูแล้วหยิบดวงตาสวรรค์ขึ้นมา
“คุณกริ่ง”
เคนรีบหยิบมีดอินทรีย์ที่พื้นแล้วเดินออกตามหากริ่งทันที
ทางด้าน เทอด เดี่ยว ม่านฟ้า ถูกมัดไว้ในรังงู ซึ่ง มีไข่งูยักษ์เรียงรายอยู่ 4-5 ฟอง ทุกคนพยายามดิ้นรนไปมาเพื่อให้หลุดจากเครื่องพันธนาการ
ยักษ์ศุกร์ ซึ่งผู้ชายร่างยักษ์ สูงใหญ่ ผิดมนุษย์ท่าทางเหมือนพวกปีศาจเดินเข้ามา ทั้งสามพากันหันไปมอง
“ปล่อยพวกเราออกจากที่นี่นะ ไอ้ยักษ์บ้า” ม่านฟ้าโวยวาย
“ถ้าซัมดองไม่สั่ง ข้าไม่ปล่อย...ฮ่ะๆ”
ยักษ์ศุกร์วางถาดอาหารไว้ข้างหน้า
“กินซะให้อ้วน ถ้าลูกงูออกมาจากไข่ จะได้กินพวกเอ็งเป็นอาหาร ฮ่ะๆ”
“มัดไว้อย่างงี้จะกินได้ยังไง...แก้มัดซิ” เดี่ยวบอก
ยักษ์ศุกร์ยิ้ม
“ไม่ต้องใช้มือก็กินได้...ฮ่ะๆ”
ยักษ์ศุกร์เดินออกไป เทอดเอื้อมมือไปหยิบเปลือกไข่งูที่แตก ซึ่งหล่นอยู่บนพื้นอยู่ชิ้นหนึ่งขึ้นมาแล้วเอามาถูไปมาให้เชือกขาดออกจากกัน หลังจากเชือกขาด เทอดก็รีบมาช่วยแก้มัดให้เดี่ยว และม่านฟ้า จนทุกคนเป็นอิสระ
“รีบหนีออกจากที่นี่เถอะครับ”
“งั้นตามผมมาครับ”
เดี่ยววิ่งนำไป ม่านฟ้ากับเทอดวิ่งออกมาด้านหน้ารังงู พบยักษ์ศุกร์ยืนขวางไว้
“จะหนีรึ”
เทอดยิ้มแหยๆ
“ไปธุระ...เดี๋ยวมา”
ยักษ์ศุกร์จ้องหน้า
“เชื่อก็บ้า”
“มาคุณเทอด ขอผมจัดการเอง”
เดี่ยวเข้าไปต่อสู้กับยักษ์ศุกร์ แต่แล้ว ด้วยพละกำลังและรูปร่าง ทำให้เดี่ยวถูกยักษ์ศุกร์เหวี่ยงกระเด็นออกมา
“ขอผมลองบ้างนะคุณเดี่ยว”
เทอดพุ่งเข้าไป แต่แล้วถูกเหวี่ยงกระเด็นออกมาเช่นกัน
“สามคนพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ ยักษ์บ้าเนี่ยะมันไม่ใช่คน” ม่านฟ้าแนะ
เทอดเห็นด้วย
“งั้นก็ลุย”
สามคนเข้าไปรุมยักษ์ศุกร์ แต่ก็ยังสู้แรงยักษ์ศุกร์ไม่ได้อยู่ดีทุกคนถูกเหวี่ยงกระเด็นออกมากองรวมกัน
“เอาไงดีคุณเทอด” เดี่ยวถามอย่างหอบเหนื่อย
เทอดมองยักษ์ศุกร์อย่างแค้นๆ
“สู้ให้มันตายไปข้างนึงไปเลย”
เดี่ยว เทอด ม่านฟ้า เข้าไปช่วยกันรุมยักษ์ศุกร์อีกครั้งแต่แล้วก็โดนเหวี่ยงออกมาเช่นเดิม ทั้งสามพากันหอบเหนื่อย
“คุณเดี่ยว คุณเทอด ถอยก่อนเถอะค่ะ ตามฉันมา”
เทอด เดี่ยว ม่านฟ้า พากันวิ่งมาหลบหลังต้นไม้ ยักษ์ศุกร์ตามมาเสียงฝีเท้าทำให้แผ่นดินสะเทือน เทอด มองไปเห็นกิ่งไม้ใหญ่ที่กำลังจะหักกิ่งหนึ่ง จึงนึกแผนการออก
“คุณเดี่ยว กิ่งไม้”
เทอด ชี้ไปที่กิ่งไม้เดี่ยวเข้าใจว่าเทอด กำลังหมายถึงอะไร ดังนั้นเมื่อยักษ์ศุกร์ใกล้เข้ามาเดี่ยวและม่านฟ้าจึงออกไปล้อมหน้า ล้อมหลังเพื่อให้ยักษ์ศุกร์อยู่ใกล้ๆกิ่งไม้
“อยู่นี่พี่ยักษ์”
“ฉันก็อยู่นี่...มาซิ มาจับเร็ว”
ยักษ์ศุกร์หันรีหันขวางหันไปทางเดี่ยว แล้วก็หันมาทางม่านฟ้าไม่รู้จะจับใครดี ขณะที่เทอดปีนขึ้นไปบนต้นไม้ แล้วหาเถาวัลย์มาโหน เหวี่ยงตัวเอาเท้าไปถีบกิ่งไม้ใหญ่ซึ่งมีรอยใกล้หัก ทำให้กิ่งไม้ใหญ่ หล่นโครมทับร่างของยักษ์ศุกร์ลงไปกอง เทอด กระโดดลงพื้น แล้วเข้าไปหาเดี่ยว และม่านฟ้า
“มอบกระแตไปเลย” ม่านฟ้าบอกอย่างสะใจ
“รีบไปช่วยพวกเพื่อนๆเถอะ” เดี่ยวบอก
สามคนพากันวิ่งไป ปล่อยยักษ์ศุกร์โดนกิ่งไม้ทับอยู่กับพื้น

+ + + + + + + + + +

กระแต บุษกร ชลดา เจนนี่ และยูกิ ถูกมัดไว้รวมกันที่ลานพิธีกลางป่า ซึ่งเป็นพิธีกรรมของซัมดองที่จะเรียกพระออกมาจากตัวเสาร์ห้า รอบๆพิธีมีกลุ่มปีศาจซึ่งเป็นลูกน้องซัมดองคอยเฝ้าอยู่ สักครู่ ซัมดองก็ปรากฏตัว พร้อมกับ ยอด และดอน ซึ่งถูกมัดไว้ ซัมดองหันไปสั่งปีศาจ
“เอาสองคนนี่ไปมัดรวมกัน”
“ครับ...ซัมดอง”
“เดือนมืดเมื่อไหร่ ข้าก็จะได้สิ่งที่ข้าปรารถนาฮ่ะๆ”
ปีศาจลากตัวยอด และดอน ไปมัดรวมไว้กับพวกผู้หญิง
“คุณยอด...คุณไม่เป็นไรนะ” กระแตถามอย่างเป็นห่วง
ยอดยิ้มบางๆ
“ผมปลอดภัยดี”
“คุณดอนคะแล้วคนอื่นๆ อยู่ที่ไหน” เจนนี่ถามอย่างสงสัย
“ทุกคนอยู่ในหุบเขามรณะ แต่ตอนนี้พลัดหลงกันครับ”
ยูกิมองดอนกับยอด แล้วถามเสียงเครียด
“แล้วคุณกริ่งล่ะ คุณกริ่งอยู่ไหน”
ยอดมองหน้ายูกิด้วยความสงสาร ยูกิชักกังวล
“มีอะไรคะ คุณยอด...บอกฉันมา”
ยอดนิ่งไปสะเทือนใจ
“ยูกิ ผม...ไม่รู้จะพูดยังไง”
ยอดและดอน น้ำตาไหลซึมออกมา บุษกรแปลกใจ
“คุณยอด...คุณร้องไห้ทำไม”
ชลดารู้สึกสังหรณ์ใจ
“ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ เล่าให้พวกเราฟังหน่อย”
“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลยครับ” ดอนตัดบท
ขณะเดียวกันนั้น ซัมดองเดินเข้ามา ยอด และดอน หันไปมองด้วยสายตาโกรธแค้น และสะเทือนใจเมื่อเห็นศัตรูที่ทำให้เพื่อนของเขาตายเดินใกล้เข้ามา
“แกต้องการอะไรซัมดอง” ยอดถามเสียงแข็ง
ซัมดองหัวเราะร่า
“ฮ่ะๆ ต้องการกำจัดคนอย่างพวกเอ็งไง เสาร์ห้า ฮ่ะๆ”
ยอดแค้นสุดๆ
“ฆ่าฉันซิ ฆ่าฉันแล้วเอาชีวิตเพื่อนของฉันคืนมา”
ซัมดองเราะลั่นอย่างสะใจ
“ฮ่ะๆ”
ดอนจ้องหน้าซัมดอง
“ใช่...เอาชีวิตคุณกริ่งคืนมา เอาชีวิตฉันไปแทนก็ได้”
ยูกิช็อก เมื่อได้ยินสิ่งที่ยอด และดอนพูดเธอพอจะรู้ทันทีว่า กริ่งตายแล้ว
“ไม่จริง...ไม่จริง คุณกริ่งไม่เป็นอะไรใช่มั๊ย”
ยอดหน้าเศร้าสลดลง
“ผมขอโทษยูกิ...ผมดูแลคุณกริ่งไม่ได้ ผมขอโทษ”
ดอน น้ำตาคลอ
“คุณกริ่ง ช่วยให้พวกเรารอด แต่ตัวเค้าต้องบาดเจ็บ”
“ฮ่ะๆ...คืนเดือนมืดใกล้เข้ามาแล้วฮ่ะๆ”
ซัมดองหัวเราะชอบใจ แล้วจากนั้นก็เดินไปนั่งลงหลับตาเพื่อเข้าสมาธิ ยอด กริ่ง และพวกผู้หญิงพากันน้ำตาไหล สะเทือนใจเมื่อได้รู้เรื่องของกริ่ง

+ + + + + + + + + + + +

เดี่ยว เทอดและม่านฟ้า น้ำตาซึมแอบมองอยู่ที่พุ่มไม้ห่างออกไป
“ผมไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นแบบนี้” เดี่ยวน้ำเสียงเศร้าสลด
เทอดส่ายหน้าตาแดงๆ
“ผมก็ไม่เชื่อ คุณกริ่งต้องไม่ตาย”
“บางทีคุณกริ่งอาจแค่สลบ หรือหมดสติ พวกเราน่าจะตามไปพิสูจน์ให้เห็นกับตานะคะ” ม่านฟ้าแนะ
เดี่ยวเห็นด้วย
“ใช่...อย่างน้อยถ้าคุณกริ่งเป็นอะไร จริง เราก็ต้องเห็นกับตา”
เทอดมองเพื่อนๆที่ถูกจับอย่างห่วงใย
“แล้วเพื่อนๆ ที่นี่เราค่อยกลับมาช่วยทีหลังนะครับ”
“ใช่ค่ะ...ตอนนี้ซัมดองอยู่ เราเข้าไปไม่ได้ รีบไปหาคุณกริ่งกันเถอะค่ะ”
สามคนพากันหลบเข้าป่าไป

อ่านต่อหน้า 3 วันพรุ่งนี้
อังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554






เสาร์ห้า ตอนทับทิมสยาม ตอนที่ 18 (ต่อ)

ร่างของกริ่งนอนแน่นิ่งอยู่ ขณะที่วิญญาณของเขาออกจากร่าง กริ่งหันไปมองร่างของตนนอนอยู่ก็ตกใจ พยายามจะกลับเข้าร่าง แต่ก็เหมือนมีบางอย่างมากั้นไว้จึงทำไม่สำเร็จ พระธุดงค์ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของกริ่ง

“โยม...”
กริ่งหันไปมอง แล้วก้มลงกราบ
“ตามมาซิ”
หลวงพ่อเดินนำ วิญญาณของกริ่งลังเลเป็นห่วงร่างเล็กน้อย แต่แล้วรีบเดินตามไป ร่างที่ไร้วิญาณของกริ่งนอนอยู่ที่เดิม ซัมดองปรากฏตัวขึ้นมาที่ข้างๆ ร่างของกริ่ง และมองตามพระธุดงค์ไป
“ถ้ากล้ามายุ่งกับเรื่องนี้ ก็คงจะได้เห็นดีกัน”
ซัมดอง ร่ายมนต์บางอย่างแล้วสักครู่ปีศาจสองตนก็ปรากฏตัวขึ้นมา
“บังร่างของมันเอาไว้ คืนนี้ข้าจะทำพิธีเรียกพระในตัวของมันออกมา”
ปีศาจสองตน เข้ามาที่ร่างของกริ่งแล้วบดบังไว้ ซัมดองรู้ว่าเคนกำลังเดินเข้ามา จึงเริ่มสวดมนต์พึมพำ แล้วร่างของซัมดองก็เลือนหายไป
เคน เดินแกะรอยไปตามทางเพื่อหากริ่ง แล้วสักครู่ก็ได้ยินเสียงบางอย่างค่อยๆ ดังขึ้น คล้ายเสียงใครกำลังสวดมนต์ แต่เป็นภาษาที่เขาไม่รู้จัก เคนชะงักมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง
“เสียงใคร” เคนรีบหยิบแคนปืนกลออกมาเตรียมพร้อม แล้วตะโกนถาม “ใคร...ออกมา”
เมฆบนฟ้าเริ่มวิ่งไหลไปอย่างรวดเร็วลมเริ่มพัดแรง สายฟ้าฟาดลงมา กลุ่มปีศาจ ค่อยๆ ปรากฏตัว เคนรีบถอยหนีแต่แล้วก็มีปีศาจอีกกลุ่มปรากฏมาล้อมเขาเอาไว้ เคนใช้ปืนกลยิง ปีศาจล้มลงไป แล้วก็ลุกขึ้นมาได้ใหม่ เคนเห็นท่าไม่ดีจึงเริ่มถอยหนี แต่แล้วก็โดนพวกปีศาจจับตัวได้ เคนดิ้นสู้ไม่ยอมง่ายๆ ซัมดอง ปรากฏตัวห่างออกไป เคนหันไปมอง ขณะที่ซัมดองยื่นมือออกมาทำท่าบีบคอ เคนซึ่งอยู่ห่างออกไปก็รู้สึกเหมือนมีมือมาบีบคอไว้
“ปล่อยข้านะ”
“แกมีดวงตาสวรรค์”
“ดวงตาสวรรค์เป็นของข้า”
“ตายซะเถอะ”
ซัมดองเหวี่ยงร่างของเคนไปกระแทกต้นไม้ เคนพยายามลุกขึ้นแม้จะบอบช้ำ จากนั้นก็หยิบมีดอินทรีย์ออกมาแล้วขว้างออกไป มีดอินทรีย์ลอยบินไปตัดร่างของกลุ่มปีศาจ ทำปีศาจตนนั้นล้มลงแล้วหายไป มีดอินทรีย์พุ่งเข้าหาซัมดองที่หลบทัน มีดอินทรีย์ลอยกลับมาหาเคน
“เอาของข้าคืนมา” ซัมดองตวาดลั่น
“ข้ามศพข้าไปก่อน”
ซัมดองพึมพำเวทย์มนต์ สายฟ้าฟาดเปรี้ยงๆ ลมพัดแรง

+ + + + + + + + + + + +

ร่างของยักษ์ศุกร์ซึ่งโดนต้นไม้ทับอยู่ ค่อยลืมตาขึ้นมาเพราะเวทย์มนต์ของซัมดอง ยักษ์ศุกร์ลุกขึ้นสะบัดกิ่งไม้
“อ้า...”
ยักษ์ศุกร์ร้องเสียงดัง เรียกพลังกลับมาแล้วจากนั้นก็ออกวิ่งไป ตามเสียงสวดมนต์ของซัมดอง
ฝูงปีศาจค่อย ๆปรากฏร่างขึ้นมาล้อมกรอบเคน แล้วเข้ารุมทำร้าย เคนเอามีดอินทรีย์ฟาดฟันไป ทำให้ปีศาจที่โดนมีดอินทรีย์ล้มลงแล้วหายไป เมื่อได้โอกาส เคนก็รีบถอยหนี แต่ทันใดนั้น ยักษ์ศุกร์ก็เข้ามายืนประจันหน้า ซัมดองยิ้มเยาะ ตะโกนสั่งยักษ์ศุกร์
“เอาดวงตาสวรรค์ในตัวมันมาให้ข้า”
“ได้ครับนาย”
ยักษ์ศุกร์คว้าร่างของเคนได้ ขณะที่เคนเอามีดอินทรีย์มาฟันที่มือ ยักษ์ศุกร์ร้องลั่น
“โอ๊ย...”
“ถอยไปไอ้ยักษ์บ้า”
เคนเข้าต่อสู้กับยักษ์ศุกร์ แบบไม่กลัวตาย แม้ว่าร่างกายที่เล็กว่าทำให้ยักษ์ศุกร์ได้เปรียบ แต่มีดอินทรีย์ก็ทำให้ยักษ์ศุกร์เข้าใกล้เคนได้ไม่ง่ายนัก
ขณะกำลังต่อสู้กันอยู่นั้นเคนเสียหลักล้มลง ดวงตาสวรรค์ในย่ามหลุดหล่นลงบนพื้น เคนจะเข้าไปหยิบแต่ยักษ์ศุกร์รั้งไว้ ซัมดองรีบเข้ามาจะคว้าดวงตาสวรรค์ แต่แล้วเทอดโผล่เข้ามาแล้วแย่งเอาดวงตาสวรรค์ไปได้ก่อน ซัมดองโมโห
“เอาของข้ามา”
เทอด ยิ้มกวนๆ
“ผมเก็บได้ก็ต้องเป็นของผมซิ”
ซัมดองโกรธ อ้าปากร้องออกมาทำให้เกิดลมพัด เทอดเห็นท่าไม่ดี จึงโยนดวงตาสวรรค์ไปให้เดี่ยว ซึ่งยืนอยู่กับม่านฟ้า ยักษ์ศุกร์ ผลักเคนล้มแล้วหันไปจะเล่นงานเดี่ยว ที่รีบโยนดวงตาสวรรค์ไปให้ม่านฟ้า ซัมดองเข้ามาขวางไว้ทันที
“ม่านฟ้าทางนี้” เทอดเรียก
เดี่ยวกวักมือให้ม่านฟ้าโยน ดวงตาสวรรค์มาให้เขาเช่นกัน
“ทางนี้”
“ทางนี้ก็ได้” เคนเรียกอีกคน
ม่านฟ้ากำลังจะโยนดวงตาสวรรค์ แต่แล้ว ซัมดองก็ใช้มือที่มองไม่เห็นรั้งแขนม่านฟ้าไว้ แล้วจากนั้นดวงตาสวรรค์ก็ถูกสะบัดลอยกลับมาหา ซัมดองรับดวงตาสวรรค์เอาไว้ได้สำเร็จ
“ฮ่ะๆ มันเป็นของข้า ฮ่ะๆ”
เดี่ยว เทอด เคน ม่านฟ้า เข้ามารวมตัวกัน ยักษ์ศุกร์เข้าไปยืนเคียงข้างซัมดอง
“ได้ดวงตาสวรรค์ไปแล้ว ก็ปล่อยพวกเราเถอะซัมดอง” เทอดบอก
ซัมดองมองหยัน
“ราหูอมจันทร์คืนนี้ พวกเอ็งเสาร์ห้าทุกคน ต้องไปหาข้าที่ลานประหาร ไม่อย่างงั้น นังพวกผู้หญิงตายแน่ ฮ่ะๆ”
ซัมดอง และยักษ์ศุกร์ ค่อยๆเลือนหายไป ทุกคน รู้สึกเป็นกังวล
“เอาไงดี” เดี่ยวถามเครียดๆ
“ตอนนี้ยังไม่มืด เราต้องรีบตามหาคุณกริ่งก่อน ถ้ายังไม่ตาย จะได้ช่วยทัน” เทอดแนะ
ทุกคนเห็นด้วยเริ่มพากันเดินออกไปหาร่างของกริ่ง

+ + + + + + + + + + + +

ยอด ดอน นั่งก้มหน้า รู้สึกสลดใจ ต่างโทษตัวเองที่ทำให้กริ่งต้องตาย ยูกิน้ำตาไหล ขณะที่เพื่อนๆ คนอื่นพากันเศร้าสลดเช่นกัน ยูกิพยายามรวบรวมความเข้มแข็งแล้วหันมาหายอด
“คุณยอด เล่าให้ฟังอีกครั้งได้มั๊ยคะ ฉันอยากรู้รายละเอียด”
“ครับยูกิ...ถ้าคุณอยากฟัง ผมก็จะเล่าแต่ว่า...”
ยูกิพยายามกลั้นน้ำตา
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันเข้มแข็งพอ”
“พวกเราหลุดเข้ามาในหุบเขามรณะ มีผม คุณดอน คุณเดี่ยว แล้วก็คุณกริ่ง ที่นี่เป็นดินแดนอาถรรพ์ ที่พวกเราใช้ความสามารถพิเศษประจำตัวไม่ได้เลย จู่ๆ ก็มีงูยักษ์โผล่มา คุณเดี่ยวไม่ทันระวังเลยโดนฉกแล้วถูกคาบหายไป”
“ไม่...คุณเดี่ยวต้องไม่เป็นอะไร” บุษกรน้ำตาคลอหันไปหายอดกับดอน “เขาไม่เป็นอะไรใช่มั๊ยคะคุณยอด คุณดอน”
ดอนหน้าสลด
“ครับ...ผมก็หวังว่าอย่างนั้น”
“ฉันเชื่อว่าคุณเดี่ยวกับคุณเทอดต้องอยู่ด้วยกัน พวกเขาต้องไม่เป็นอะไร” ชลดาปลอบใจตัวเอง
“แล้วยังไงต่อคะ” กระแตถาม
ยอดหน้าเศร้าหมองเริ่มเล่าต่อ
“เราโดนซัมดองเล่นงาน คุณกริ่งพยายามปกป้องพวกเราเลยโดนยิงด้วยธนู”
ยูกิน้ำตาไหลพราก รู้สึกสงสารกริ่ง
“เขาคงเจ็บมาก”
ดอนหน้าเศร้าเสียใจเป็นที่สุด
“ครับ...คุณกริ่งเจ็บแต่เขาไม่ร้องขอความช่วยเหลือ ผมกับคุณยอดช่วยกันสู้กับซัมดอง แต่เราสู้ไม่ได้ พอกำลังจะเสียทีคุณกริ่งก็เข้ามาขวางไว้ ผมเห็นเขาล้มลง”
“คุณกริ่งบอบช้ำมาก ร่างกายเขาคงทนไม่ไหว” ยอดเล่าต่อ
“ผมเอามืออังไปที่จมูก แต่คุณกริ่งไม่มีลมหายใจแล้ว” ดอนบอกอย่างเศร้าใจ
ยอด และดอนสะเทือนใจเมื่อนึกถึงภาพกริ่งนอนหมดลมหายใจ
“ไม่....คุณกริ่งต้องไม่ตาย...ฮือๆ”
ยูกิร้องไห้สะเทือใจเมื่อนึกถึงความตายของกริ่ง
“ใจเย็นๆนะยูกิ” เจนนี่ปลอบ
ทุกคนมองยูกิด้วยความเห็นใจและปลอบโยนซึ่งกันและกัน

+ + + + + + + + + + + +

ค่ำคืนนั้น...
เดี่ยว เทอด เคน และม่านฟ้า นั่งท้อใจที่ตามหากริ่งไม่พบ เทอดเงยหน้ามองพระจันทร์ ก็รู้ว่าได้เวลาแล้ว
“ได้เวลาแล้วคุณเดี่ยว”
“แต่เรายังหาคุณกริ่งไม่เจอ”
“ปล่อยฉันกับคุณเคนหาต่อ แล้วคุณสองคนไปเถอะค่ะก่อนที่ซัมดองจะทำอะไรลงไป” ม่านฟ้าแนะ
เดี่ยวหันไปหาเคน
“งั้นฝากด้วยนะครับ”
“ครับ...ไม่ต้องห่วง”
เทอดและ เดี่ยวพากันเดินออกไป เคนและม่านฟ้าช่วยกันแกะรอยหากริ่งกันต่อไป
ขณะเดียวกันกลุ่มยอด ถูกนำตัวมายังลานกว้างแห่งหนึ่ง ยอดและดอนถูกแยกมามัดไว้กับต้นไม้ ขณะที่พวกผู้หญิงต่างถูกจับขึ้นไปบนเวทีสำหรับแขวนคอนักโทษแบบโบราณ ซัมดองเงยหน้ามองไปที่พระจันทร์ ซึ่งกำลังเริ่มมีปรากฏการณ์จันทคราสเกิดขึ้น
“ได้เวลาที่พวกเอ็งต้องตายแล้ว จับมันแขวนคอ”
พวกผู้หญิงทุกคนถูกพวกปีศาจลูกน้องซัมดอง เอาห่วงมาแขวนคอ แล้วพามายืนตรงจุดที่มีร่องกระดานเปิดได้ สำหรับแขวนคอนักโทษ ยอดและดอนหวั่นไหว พยายามร้องตะโกนห้าม
“อย่าซัมดอง...”
“รออีกหน่อย เพื่อนๆผมกำลังมา” ดอนขอร้อง
ซัมดองไม่สนใจ
“จัดการแขวนคอพวกมัน”
พวกปีศาจ เปิดร่องกระดานเวทีเตรียมที่จะผลักพวกผู้หญิงลงไป แต่แล้วเดี่ยว และเทอดก็ปรากฏตัวขึ้น
“หยุดนะ” เดี่ยวตะโกนสั่งเสียงแข็ง
“พวกเรามาแล้ว”
บุษกรและชลดาดีใจที่เห็นเดี่ยวและเทอด
“คุณเดี่ยว ช่วยด้วย” บุษกรตะโกนเรียก
ซัมดองหันไปสั่งลูกน้อง
“จับมันสองคนไว้”
เทอดไม่ยอม
“ไม่...ต้องปล่อยพวกผู้หญิงก่อน แล้วพวกเราจะยอมทุกอย่าง”
“ก็ได้...”
ซัมดองส่งสัญญาณให้พวกปีศาจแก้มัดพวกผู้หญิง ทุกคนพากันวิ่งไปหาเดี่ยวและเทอด ขณะที่ซัมดอง มียอด และดอน เป็นตัวประกัน
“คราวนี้เอ็งสองคน มาหาข้าเดี๋ยวนี้”
บุษกรรั้งเดี่ยว ชลดารั้งเทอด เอาไว้
“ถ้าไม่มา เพื่อนของเอ็งตายแน่” ซัมดองขู่
ปีศาจลูกน้องซัมดอง เอามีดจ่อยอด และดอนไว้ เดี่ยวหันมาหาบุษกร
“คืนนี้ซัมดอง จะทำพิธีเรียกพระในตัวจากพวกเรา”
“ถ้าเอาพระไป พวกคุณจะเป็นยังไง” บุษกรถามอย่างเป็นกังวล
เดี่ยวหน้าเครียด
“พระคือชีวิต ถ้าไม่มีพระ เราก็ตาย”
ผู้หญิงทุกคนรู้สึกช็อก เมื่อรู้ว่า พวกเสาร์ห้ากำลังเผชิญหน้ากับความตาย ชลดาไม่สามารถทนเห็นเสาร์ห้าตายได้
“ไม่ได้...เราไม่ยอม”
เทอดถอนใจ
“ชีวิตของคุณดอน กับคุณยอด อยู่ในมือมัน ยังไงผมสองคนก็ต้องเข้าไปช่วย”
“แต่ พวกคุณอาจตายได้นะคะ” กระแตแย้ง
เดี่ยวยิ้มให้กระแต
“ไม่ต้องห่วง เราเอาตัวรอดได้”
เทอดมองพวกผู้หญิง แล้วบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมอยากให้พวกคุณ รีบหนีไปก่อน หาทางออกจากหุบเขามรณะให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป”
ชลดาไม่ยอม
“เราจะสู้เคียงข้างพวกคุณ”
บุษกรเห็นด้วยกับชลดา
“ใช่...เราจะไม่ทิ้งกัน”
เทอดจ้องหน้าพูดเสียงเฉียบ
“พวกคุณต้องเชื่อผม หลบไปก่อน อย่าทำให้พวกเราต้องห่วงหน้าพะวงหลัง”
เจนนี่เห็นด้วยกับเทอด
“จริงค่ะ ปล่อยพวกผู้ชายเอาไว้ที่นี่ ส่วนพวกเราหนีไปตั้งหลัก หาจังหวะโจมตีทีหลังดีกว่า”
ชลดาโผเข้ากอดเทอดเป็นการสั่งลา เช่นเดียวกับบุษกรและเดี่ยว
“ดูแลตัวเองนะคะเดี่ยว ฉันรอคุณอยู่”
“ครับ...ผมสัญญา”
เทอด กอดชลดาไว้
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จำเอาไว้ว่าผมรักคุณนะ”
ชลดากอดตอบเขาแนบแน่น
“ค่ะเทอด...ฉันก็รักคุณ”
เทอดหันไปพูดกับซัมดอง
“ซัมดอง...ปล่อยพวกผู้หญิงอย่าให้ใครทำอันตรายเธอเด็ดขาด แล้วเราจะยอมทุกอย่าง”
“ตกลง” ซัมดองหันไปสั่งลูกน้อง “ปล่อยพวกผู้หญิง”
พวกผู้หญิงค่อยๆ ถอยหนีหายเข้าป่าไป ขณะที่เทอด และเดี่ยวเดินเข้าไปหาซัมดองพวกปีศาจรีบเข้ามาจับทั้งสองมัดแล้วนำตัวไปนั่งเรียง เคียงข้างกับ ดอน และยอด ขณะที่ซัมดองยืนมองด้วยความพอใจจากนั้นก็เดินมานั่งบริกรรมคาถา หันหน้าเข้าหาเสาร์ห้าทั้งสี่ ทันใดนั้นดวงตาสวรรค์เปิดออก ส่องแสงเรืองรอง

+ + + + + + + + + + + +

เวทย์มนต์ของซัมดอง ทำให้ร่างของกริ่งปรากฏขึ้นอีกครั้ง เพราะปีศาจที่กำบังร่างอ่อนแรงลง เคน และม่านฟ้าซึ่งอยู่แถวนั้นหันไปเห็น
“คุณเคน นั่นร่างของคุณกริ่งนี่คะ”
เคนและม่านฟ้ารีบเข้าไปหา แต่ปีศาจซึ่งเฝ้าร่างของกริ่งไว้หันมาเห็นจึงตรงเข้ามาทำร้าย เคนใช้มีดอินทรีย์ปาออกไป มีดลอยไปตัดร่างของปีศาจล้มลง แล้วมีดก็ลอยกลับมาหาเขาเช่นเคย ม่านฟ้า และเคนรีบเข้าไปหากริ่ง
ขณะเดียวกันกลุ่มบุษกร พากันวิ่งหลบเข้ามาในป่า ทุกคนก็หามุมซุ่มดูเหตุการณ์
“ซัมดองเริ่มพิธีเรียกพระในตัวแล้ว” ชลดาพูดขึ้นเบาๆ
“เราน่าจะแอบเข้าไปช่วยพวกเขานะ” บุษกรออกความเห็น
“แล้วพวกปีศาจล่ะ มันเฝ้าอยู่เต็มไปหมด” เจนนี่แย้ง
ทันใดนั้น พระธุดงค์ปรากฏร่างขึ้นมาที่ด้านหลังของสาวๆ
“โยม”
สาวๆหันไปมอง
“หลวงพ่อ...” กระแตอุทาน
“อาตมามาช่วย โยมอย่าเข้าไปเลย อันตราย”
“แต่ว่าพวกเขาอาจตายได้นะคะ” ยูกิแย้ง
“ตามมา”
หลวงพ่อเดินนำไป ทุกคนมองหน้ากัน ตัดสินใจไม่ถูก แต่แล้วสักครู่ร่างของทุกคนก็หายไปพร้อมกับร่างของหลวงพ่อ

+ + + + + + + + + + + +

ซัมดองกำลังนั่งบริกรรมคาถา สักครู่กริ่งเดินเข้ามา ลักษณะคล้ายกับคนที่ถูกมนต์สะกด ยอด ดอน เดี่ยว และเทอด ซึ่งนั่งเรียงกันอยู่ หันไปมอง
“กริ่ง คุณกริ่งจริงๆด้วย” ยอดส่งเสียงอย่างดีใจ
ดอนอึ้งตะลึง
“กริ่งยังไม่ตาย”
เดี่ยวมองอย่างสังเกต
“แต่ท่าทางแปลกๆ นะ”
“น่าจะโดนเวทย์มนต์ของซัมดองสะกดไว้” เทอดบอก
กริ่งเดินมานั่งข้างๆ เทอด ซัมดองลืมตาขึ้นมา มองขึ้นไปบนฟ้า เห็นเงาของราหูอมจันทร์ เคลื่อนตัวมาบดบังพระจันทร์มืดมิด
“เงาของราหูเต็มดวงแล้ว ฮ่ะๆ...ได้เวลาแล้ว...ฮ่ะๆ”
ซัมดอง บริกรรมคาถา ดอน ยอด เดี่ยว เทอด คล้ายโดนมนต์สะกด มีอาการเคลิ้มสลึมสลือ แล้วสักครู่ก็เห็นพระในตัวของ ดอน ปรากฏขึ้นแล้วหลุดออกมาจากร่าง ส่องพลังเข้ามายังซัมดอง ร่างของซัมดองเรืองรอง หลังจากนั้นพระในตัวของ ยอด เดี่ยว และเทอด ก็ทยอยปรากฏขึ้นมา พระทุกองค์ส่องแสงมายังซัมดอง เป็นประกายเรืองรองทำให้ซัมดองมีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้น มีดอินทรีย์ ลอยขึ้นมาจากร่างของกริ่ง มีดอินทรีย์หมุนคว้าง แล้วลอยไปตัดเชือกในมือของเสาร์ห้า จากนั้นก็พุ่งเข้าปักซัมดอง ซัมดองสะดุ้งเฮือกกรีดร้องลั่น พระในตัวของดอน ยอด เดี่ยว เทอด ลอยกลับเข้าที่เดิม
“เอ็งเป็นใคร” ซัมดองตวาดลั่น
เสาร์ห้าทุกคนลุกขึ้น ร่างของกริ่งกลายเป็นเคน พวกเสาร์ห้าแปลกใจ
“ได้เวลาตายของแกแล้ว ซัมดอง”
ซัมดองกระชากมีดที่ปักอยู่ออกมา แล้วปามีดหมายจะสังหารเคน แต่เคนยกมือรับมีดไว้ได้อย่างง่ายดาย ซัมดองหมดแรง สูญเสียพลังจากมีดอินทรีย์ จึงรีบถอยหนี ขณะที่เสาร์ห้าพากันกรูเข้ามา ซัมดองรีบตะโกน
“ยักษ์ศุกร์...ออกมา”
ยักษ์ศุกร์ปรากฏตัวออกมาจากชายป่า พวกเสาร์ห้าชะงัก ทันใดนั้นร่างของซัมดองค่อยๆเลือนหายไป ขณะที่พวกปีศาจ และยักษ์ศุกร์ พากันรุมล้อมเข้ามาหาเสาร์ห้า เคนปามีดอินทรีย์ออกไป เพื่อสกัด
“ทุกคนตามผมมา”
เคนพาทุกคนฝ่าวงล้อมพวกปีศาจแล้วเข้าไปในป่า

+ + + + + + + + + + + +

กลุ่มบุษกรตามหลวงพ่อ มาที่มุมหนึ่งของป่า แล้วเห็นม่านฟ้าอยู่กับกริ่งที่บาดเจ็บ ยูกิเมื่อเห็นหน้ากริ่งก็วิ่งโผเข้าไปกอด
“คุณกริ่ง”
กริ่งสะดุ้ง
“โอ๊ย...เจ็บ”
ยูกิหน้าแหย
“ขอโทษค่ะ”
กริ่งยังคงบอบช้ำอยู่บ้าง ขณะที่ยูกิร้องไห้ด้วยความดีใจ
“ยูกิร้องไห้ทำไม”
“พวกเขาบอกว่าคุณตายแล้ว”
“โชคดีที่หลวงพ่อท่านช่วยเอาไว้ ไม่งั้นผมคงไม่รอด”
เจนนี่หันไปหาม่านฟ้า
“แล้วคุณเคนล่ะ”
“คุณกริ่งใช้วิชาแปลงร่าง ให้คุณเคนกลายเป็นคุณกริ่งไปช่วยพวกเสาร์ห้าค่ะ”
“แต่ในหุบเขามรณะ วิชาอาคมของพวกเสาร์ห้าใช้การไม่ได้ไม่ใช่เหรอคะ” ชลดาถามอย่างแปลกใจ
“จุดที่พวกโยมยืนตรงนี้ คือปากประตูของหุบเขามรณะ อภิญญาและอำนาจพุทธคุณยังคงอยู่ แต่ถ้าหลุดออกจากบริเวณนี้ ทุกอย่างจะใช้การไม่ได้” หลวงพ่ออธิบาย
“ทุกคนต้องมารวมตัวกันที่นี่ รอเวลาให้ประตูเปิด จะได้หลุดออกจากที่นี่ซะที” กริ่งบอก
บุษกรเป็นห่วงพวกหนุ่มๆเสาร์ห้า
“เราต้องกลับไปพาคนอื่นๆมา”
กระแตหันไปมองที่มุมหนึ่งของป่า
“คุณเคนพามาแล้วค่ะ”
ขณะเดียวกัน เคนนำทางทุกคนเข้ามา กระแตพรุ่งไปกอดยอด
“เป็นห่วงผมใช่ม้า...กระแต”
“ใครบอก...ไม่ได้ห่วงเลยซักนิด” กระแตพูดเขินๆ
เจนนี่เข้าไปกอดดอน
“พวกคุณไม่มีใครเป็นอะไรใช่มั๊ยคะ”
ดอนยิ้มปลื้มใจ
“ครับ...พวกเราปลอดภัย”
“อาตมาต้องไปแล้ว พวกโยมอยู่ที่นี่อย่าไปไหน รอเวลาให้ประตูเปิดนะ”
ขาดคำร่างของหลวงพ่อก็ค่อยๆ เลือนหายไป ทุกคนก้มลงไหว้ แต่แล้วแผ่นดินเริ่มสะเทือนเนื่องจากเสียงเดินของยักษ์ศุกร์ใกล้เข้ามา ทุกคนรีบเตรียมพร้อม

+ + + + + + + + + + + +

สัปเหร่อแต้ม ต่ำ และบัวชุมนอนอยู่บริเวณหน้าถ้ำ สัปเหร่อแต้มสะดุ้งตื่นขึ้นมาเนื่องจากรู้สึกเหมือนมีคนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในป่า บัวชุมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกคน
“มีอะไรลุงแต้ม”
“ข้าได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกันในป่า”
“พวกไหน”
“ไม่รู้...ใกล้สว่างแล้ว รีบปลุกไอ้ต่ำให้เตรียมพร้อม”
บัวชุมเข้าไปปลุกต่ำ ทันใดนั้น กลุ่มของดร.วิทยากับฮวงก็โผล่งเข้ามายืนยิ้มมอง สัปเหร่อแต้ม หันไปมองแล้วชะงัก
ทางด้านยักษ์ศุกร์ และกลุ่มปีศาจ พากันเดินเข้ามา เสาร์ห้ารวมตัวกัน เพื่อต่อสู้กับยักษ์ศุกร์ ผู้หญิงทุกคนและเคน ต่างช่วยกันจัดการกับพวกปีศาจ
ยักษ์ศุกร์ตัวใหญ่กว่าพวกเสาร์ห้ามาก ถึงแม้ว่าทั้งห้าคนจะรวมพลังช่วยกันแต่ก็โค่นยักษ์ศุกร์ไม่ได้ง่ายๆ
“สู้แบบนี้พวกเราหมดแรงก่อนแน่” ยอดบอก
เทอดพยักหน้ารับรู้
“ไม่ต้องห่วง...เดี๋ยวจัดให้”
ดอนหันไปหาเทอด
“จะให้ช่วยอะไรบอกมาเลย”
“หลอกล่อให้มันไปที่ต้นไม้โน่น”
เทอด ชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีเถาวัลย์ย้อยลงมามากมาย
“ได้เลย...แบบนี้ถนัด”
กริ่งเข้าไปชกยักษ์ศุกร์ แล้วเตะผ่าหมากจากนั้น กลุ่มเสาร์ห้าก็พากันวิ่งหลอกล่อไปที่ต้นไม้
“ตามมาซิ...ตามมา” กริ่งเรียกอย่างยียวน
ทุกคนพากันวิ่งไปที่ต้นไม้ ยักษ์ศุกร์วิ่งตามไป เดี่ยวหันมาถามเทอด
“แล้วไงต่อคุณเทอด”
“หาเถาวัลย์คนละเส้น มามัดมันไว้”
กลุ่มเสาร์ห้าจับเถาวัลย์คนละเส้น แล้วจากนั้นก็พากันวิ่งวนไปวนมาพันร่างยักษ์ศุกร์เอาไว้ ในที่สุดยักษ์ศุกร์ก็ถูกมัดตรึงไว้กับต้นไม้
“สุดยอดเลยคุณเทอด”

ยอดชื่นชมในความฉลาดของเทิด

โปรดติดตามตอนต่อไป วันพรุ่งนี้
วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554





กำลังโหลดความคิดเห็น