xs
xsm
sm
md
lg

ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลิขิตเสน่หาตอนที่ 13

ค่ำคืนนั้นยาหยียังไม่เข้านอน เธอกำลังเซิร์ชข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เพื่อหาไอเดียใหม่ๆ ในการทำรายการ ขณะนั้นเองโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ยาหยีดูเบอร์แล้วกดรับ

“มีอะไรคุณ” ยาหยีถามขึ้น
ที่แท้เป็นสุดยอดโทรมาหลังจากเสร็จงาน ซึ่งเวลานั้นเขากำลังคุยมือถือไปด้วย พร้อมกับชงกาแฟร้อนอยู่ในร้านมินิมาร์ท สุดยอดทำฟอร์มไม่ยอมรับว่าตั้งใจโทรหายาหยี
“ไม่มี ผมเพิ่งเสร็จงาน ก็เลยมาหากาแฟกิน แล้วก็โทรหาคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยแหละ”
“ว่างมากว่างั้นเหอะ” ยาหยีว่า
“แล้วคุณล่ะ ป่านนี้แล้วยังไม่นอน เล่นเฟซบุ๊คหรือไม่ก็แช็ทกับใครอยู่ละสิ”
“เสียใจ ฉันกำลังหาไอเดียใหม่ๆ ใส่สมองอยู่ต่างหาก ฉันไม่ใช่พวกขี้เหงา ที่ต้องหาคนคุยด้วยตลอดเวลานะคุณ”
“ก็ดี คุณจะได้คุยกับผมคนเดียว” สุดยอดหลุดปากเผยความในใจอีกครั้ง
ยาหยีได้ยินไม่ถนัดถามย้ำ “อะไรนะ”
สุดยอดรู้สึกตัวจึงแกล้งเฉไฉ
“เปล๊า ผมพูดกับคนอื่นไม่ได้พูดกับคุณ เออ คุณว่าพี่เขยคุณกับแม่เค้า ป่านนี้เป็นไงบ้าง”
“ไม่รู้ ฉันไม่ได้ติดตามผล” ยาหยียิ้มขำๆ “แต่เจอคนอย่างคุณชม้อยเข้าไป ไม่ตายก็คางเหลืองแหละ นี่ ฉันจะนอนแล้วนะ คุณมีอะไรจะคุยอีกมั้ย” ยาหยีรอฟังว่าสุดยอดจะพูดอะไร
“ไม่มีแล้ว คุณนอนเหอะ แค่นี้นะ” สุดยอดกดวางสาย ยิ้มอย่างมีความสุข
“ได้ยินเสียงแค่นี้ก็ยังดีวะ” สุดยอดพูดยิ้มกับตัวเองะ
ส่วนยาหยีออกอาการเคืองเซ็งสุดๆ
“อุตส่าห์ให้พูดแล้วก็ไม่พูด บอกว่าราตรีสวัสดิ์หรือฝันดีหน่อยก็ยังดีอ้ะ นายบื้อเอ๊ย”
ยาหยีพูดกับตัวเองอย่างงอนๆ ที่สุดยอดไม่กล้าจีบตรงๆ

เหตุการณ์ที่หน้าบ้านวสันต์วันต่อมา ชม้อยกำลังถือโทรโข่ง ไฮ ปาร์ค ด่าวัลลภาอยู่หน้าบ้าน โดยชม้อยเอาผ้าโพกหัวเขียนว่า “เอาเงินของฉันคืนมา” แถมยังชูป้ายด่า เอาป้ายด่าประจานไปติดหน้าบ้าน สารพัดข้อความอาทิ
“อีไฮโซไส้เน่า”, “เงินไม่มี แต่ฟอร์มดีไว้ก่อน”, “ยืมแล้วไม่คืน มะรืนนี้ตาย”
โดยมีชาวบ้านที่ได้ยินเสียง ก็ออกมามุงดูด้วยความสนใจ ในขณะที่เพิร์ลลี่แอบอยู่ในรถ เพราะอายคนที่แม่ใช้โทรโข่งไฮปาร์คกลางถนนขนาดนี้
ชม้อยใช้โทรโข่งด่าเสียงดังอย่างของขึ้น
“ไอ้พวกสิบแปดมงกุฎ หนอย ทำเป็นคุยใหญ่คุยโตเป็นพันล้านๆ พันบาทน่ะให้มีก่อนเถอะ เอาเงินฉันคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ รู้มั้ยกว่าฉันจะได้เงินมาแต่ละบาท ต้องวิ่งรอกถ่ายหนังถ่ายละคร นุ่งกระโจมอก โหนสลิง ฉีกทุเรียน แล้วแกยังหน้าด้านมาโกงฉันอีกเหรอ”
เพิร์ลลี่ฟังแต่ละคำแต่ละเรื่องที่ชม้อยพูดไฮปาร์คออกไป รู้สึกอับอายผู้คนสุดๆ และเมื่อทนไม่ไหวจึงเอาหนังสือพิมพ์ปิดหน้าแล้ววิ่งออกไปห้ามแม่
“แม่ขา พอเถอะค่ะ เพิร์ลลี่อายเค้า”
“อายทำไมลูก แม่พูดความจริงทั้งนั้น มันโกงเงินเรา จะปล่อยมันไปได้ไง”
ชม้อยไม่ฟังคำลูกสาว หันไปพูดกับชาวบ้านต่ออย่างเมามันส์
“พ่อแม่พี่น้อง ฟังไว้เลยนะคะ ว่านังคุณนายวัลลภา มันโกงเงินฉัน มันแอ๊บไฮโซ ลูกชายมันก็เป็นไอ้พวกหื่นกาม เคยคิดจะปล้ำฉันด้วยซ้ำไป ดีนะที่ฉันหยิ่งในศักดิ์ศรีเลยรอดมาได้...”
เพิร์ลลี่อายผู้คนสุดขีด รีบเอาหนังสือพิมพ์คลุมหัวแล้ววิ่งกลับไปหลบในรถต่อ ขณะที่ชม้อยยิ่งด่ายิ่งมันส์ปาก เลยใส่แบบนันสต็อปไม่ยอมยั้ง

ส่วนภายในบ้าน วสันต์กับวัลลภาแอบดูเหตุการณ์อยู่ทางหน้าต่าง เห็นและได้ยินชม้อยไฮปาร์คด่าประจานตนก็เจ็บใจสุดๆ แต่ก็ไม่กล้าออกไปกลัวโดนหนักกว่านี้ วัลลภาโกรธมากด่าชม้อยออกมา
“อีนังชะมด แก๊แก...”
“ทำไงดีล่ะแม่ ขืนมันด่าอยู่หน้าบ้านอย่างงี้ ผมก็ออกไปเที่ยวไม่ได้น่ะดิ”
วัลลภาได้ฟังก็ยิ่งโมโห ไล่ตีวสันต์ไม่ยั้ง
“แกยังมีหน้าห่วงเที่ยวอีกเหรอ ไอ้ลูกบ้า ชื่อเสียงฉันป่นปี้หมดแล้ว แกไม่คิดจะช่วยฉันบ้างเลยรึไง”
ฝ่ายวสันต์โดนแม่ไล่ตีจนต้องกระโดดหลบเหยงๆ
“โอ๊ยๆ เจ็บนะแม่ โอ๊ย ก็แล้วแม่จะให้ผมทำไงล่ะ ชื่อเสียงเรามันไม่มีมานานแล้ว เงินที่หลอกมันมาก็ใช้หมดแล้วด้วย แม่ก็ทนๆ ไปเถอะน่า”
วัลลภาฉวยหมอนอิงได้จะไล่ฟาด วสันต์รีบวิ่งหนีไปทันที วัลลภายืนแค้นเคืองใจอยู่คนเดียว เพราะจะทำอะไรก็ทำไม่ได้

เช้าวันต่อมายี่หวา และยาหยี เดินมาส่งข้าวตู ซึ่งวันนี้ใส่ชุดนักฟุตบอลเต็มยศที่หน้าบ้าน โดยมีณนนท์ สุดยอด และเท่ง รวมทั้งไข่ตุ๋นมายืนรออยู่แล้วที่หน้าบ้าน
“ฝากข้าวตูด้วยนะคะ” ยี่หวาพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ณนนท์ยิ้มรับ
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะสอนข้าวตูให้เป็นเมสซี่สองเลย”
สุดยอดหันไปพูดกับยาหยี
“ไม่ไปดูพวกผมเตะบอลด้วยกันเหรอคุณ”
“ไม่ล่ะ คุณไปกันเองเหอะ ฉันอยู่ช่วยไข่ตุ๋นซ้อมการแสดงดีกว่า” ยาหยีขอบาย
“ตั้งใจซ้อมดีๆ อย่าดื้อกับน้ายี่หวาเค้านะลูก” ณนนท์หันไปพูดกับไข่ตุ๋น
“สัญญาค่ะ” ไข่ตุ๋นพูดพร้อมชูสามนิ้วแบบลูกเสือ
“จริงๆแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคุณ เรายังบ่นกันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ว่าไข่ตุ๋นซนเกินแล้วข้าวตูก็เรียบร้อยเกินไป แลกลูกกันแบบเนี้ย น่าจะช่วยได้นะ”
ยี่หวาพูดด้วยน้ำเสียงสบายใจ ณนนท์เห็นดีด้วย ยิ้มรับ
“จริงของคุณ”
เท่งพูดกับไข่ตุ๋น “งั้นปู่ไปก่อนนะ มา หอมที”
เท่งหอมแก้มหลาน ไข่ตุ๋นก็หอมแก้มปู่
“บ๊ายบายไข่ตุ๋น” ข้าวตูโบกมือบ๊ายบาย
“บ๊ายบาย” ไข่ตุ๋นโบกมือบ๊ายบายทุกๆ คน
ข้าวตูออกไปกับณนนท์ สุดยอด เท่ง ไข่ตุ๋นก็เดินกลับเข้าไปข้างในเพื่อซ้อมการแสดงต่อ

เวลาต่อมาณนนท์ สุดยอด เท่ง และข้าวตู กำลังวอร์มอัพ มีลุกนั่ง ซิทอัพ วิดพื้น ฯลฯ อยู่ในสนามฟุตบอลขนาดเล็กที่เปิดให้เช่าเล่นเป็นชั่วโมงแห่งหนึ่ง
ณนนท์ สุดยอด ข้าวตู วิ่งเหยาะๆ ไปรอบสนาม เท่งวิ่งกระหืดกระหอบ ลิ้นห้อย ตามมาห่างๆ ข้าวตูหัดเลี้ยงบอล แต่ไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ จับบอลไม่ค่อยอยู่ ต้องวิ่งไล่ตามลูกบอลซะมากกว่า ณนนท์ส่งบอลให้ข้าวตูยิง โดยมีสุดยอดเป็นประตู ข้าวตูก็ยิงทิ้งยิงขว้าง ยิงข้ามคาน จนไปถึงยิงวืดล้มก้นจ้ำเบ้า
เท่งเห็นสภาพแล้วก็กุมขมับด้วยความท้อใจ จะปั้นกันยังไงล่ะเนี่ย

ขณะเดียวกันยาหยีก็กำลังสอนไข่ตุ๋นรำไทย โดยยาหยีรำและให้ไข่ตุ๋นรำตาม ในขณะที่ยี่หวาคอยให้จังหวะ
“จะ โท่ง จะ ทิง โจ้ง ทิง” ยี่หวาร้องให้จังหวะ
ไข่ตุ๋นรำแข็งมาก แถมรำผิดรำถูกไม่เข้าจังหวะอีกต่างหาก
“ใจเย็นๆ สิจ๊ะไข่ตุ๋น ค่อยๆ รำตามน้าหยีนะคะ” ยาหยีปลอบประโลม
“ยากจังเลยค่ะน้าหยี มีอย่างอื่นมั้ยคะ” ไข่ตุ๋นเกาหัว
“อย่างอื่นเหรอ” ยาหยีนิ่งคิดอยู่ครู่นึง “อือ งั้นไข่ตุ๋นร้องเพลงได้มั้ยจ๊ะ เด็กส่วนใหญ่ เวลาประกวดเค้าก็ร้องเพลงกันเกือบทั้งงั้นแหละ”
ไข่ตุ๋นได้ฟังก็ยิ้มแย้มทันที
“ได้ค่ะ พ่อยังบอกเลยว่าไข่ตุ๋นร้องเพลงเพราะมาก” ว่าแล้วไข่ตุ๋นก็ร้องเพลงดังลั่น “อุ่นใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม อุ่นอกอ้อมแขนอ้อมกอดแม่ตระกอง...”
ไข่ตุ๋นแหกปากเสียงดังลั่น แต่นอกจากดังแล้วไม่มีอะไรดีเลย ทั้งร้องไม่เพราะ ผิดคีย์ มั่วไปหมด
“อีกไม่กี่วันก็ต้องประกวดแล้ว อย่างงี้จะไหวเหรอพี่ยี่หวา”
ยาหยีหันไปมองหน้ายี่หวาด้วยความหนักใจ ยี่หวาเองก็ถอนใจ แล้วคิดหนักว่าจะให้ไข่ตุ๋นแสดงอะไรดี

บรรยากาศและเหตุการณ์ที่สนามฟุตซอล กลุ่มของณนนท์กำลังเล่นลิงชิงบอลอยู่ โดยสุดยอดเป็นลิงวิ่งไล่ ในขณะที่ณนนท์ ข้าวตู และเท่ง ส่งบอลกันไปมา จังหวะนั้นข้าวตูส่งบอลพลาด บอลกลิ้งไปไกล ข้าวตูจะตามไปเก็บ แต่มีเท้าข้างหนึ่งเหยียบลูกฟุตบอลไว้ก่อน เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมอง เห็นวัยรุ่นคนหนึ่ง ท่าทางกวนโอ๊ย เหยียบลูกบอลเอาไว้ โดยข้างหลังมีเด็กวัยรุ่นอีก 3-4 คน ท่าทางกวนๆพอกัน
“ขอลูกบอลคืนด้วยครับ”
พวกวัยรุ่นหันไปยักคิ้วให้กัน แล้วก็แกล้งส่งบอลกันไปมาไม่ยอมคืนบอลให้ข้าวตู
ณนนท์มองอยู่จึงรู้สึกไม่พอใจ “น้อง ถ้าอยากจะใช้สนามก็ไปต่อคิวสิครับ นี่ยังไม่หมดชั่วโมงที่พี่เช่าเลย”
“พวกพี่ใช้ต่อก็เสียเวลาเปล่าๆ ยกให้พวกผมดีกว่า เตะบอลเด็กๆแบบเนี้ย ไปเล่นที่สนามหลังบ้านก็ได้ มาใช้สนามบอลทำไม”
วัยรุ่น หนึ่งในกลุ่มบอก แล้วพวกก๊วนแก๊งหัวเราะแซวๆ กลุ่มณนนท์
“อ้าว พูดอย่างงี้ก็มีลุ้นสิน้อง เอาไงว่ามา” สุดยอดว่าขึ้น
“ใจเย็นๆ ดีกว่าพี่ พี่สองคนยังพอไหว แต่เด็กตัวแค่เนี้ยกับคนแก่ บอกตรงๆ ผมไม่อยากรังแก”หนุ่มวัยทีนรายเดิมว่า
เท่งได้ฟังก็ของขึ้น “เฮ้ย ถึงแก่ก็เตะปากคนได้นะโว๊ย อยากลองมั้ยล่ะวะ”
ก๊วนวัยรุ่นโห่แซวกันใหญ่
“ก็ได้ปู่ ถ้าปู่ว๊อนน์ เดี๋ยวพวกผมจัดให้”

การท้าดวลระหว่างก๊วนวัยรุ่นกับกลุ่มณนนท์เริ่มขึ้น สุดยอดเดินไปที่ประตูฟุตบอล ในขณะที่วัยรุ่นหัวโจก เอาลูกบอลไปตั้งที่จุดโทษ เตรียมดวลจุดโทษแย่งสนามบอลกัน
ระหว่างนั้นณนนท์ เท่ง ข้าวตู พากันเต้นฮิปฮอป ร้องแร๊พเชียร์สุดยอดให้เซฟให้ได้ พร้อมๆ กัน
“ยอด ยอดนายทวาร โย่ โย่ เซฟให้ได้ โย่ว”
วัยรุ่นคนแรก ถอยหลังแล้ววิ่งเข้าซัดลูกเต็มเหนี่ยว สุดยอดพุ่งไปถูกทาง แต่ปัดไม่ถึงลูกเข้าไปตุงตาข่าย ก๊วนแก๊งวัยรุ่นเฮลั่น วิ่งเข้าไปเต้นฉลองชัย ลีลาไม่ต่างจากนักฟุตบอลเวลายิงประตูได้
ณนนท์ เท่ง ข้าวตู เห็นแล้วเซ็งเป็ด
สุดยอดเก็บบอลมาตั้งที่จุดโทษเตรียมยิงบ้าง ในขณะที่วัยรุ่นคนเมื่อครู่ ไปเป็นผู้รักษาประตูแทน
ข้าวตูตะโกนเชียร์เสียงลั่น
“อายอด ยิงให้ได้นะคร้าบ อายอดสู้ๆ อายอดสู้ตาย อายอดไว้ลาย สู้ตาย สู้ๆ”
สุดยอดยิ้มรับ ก่อนจะเดินถอยหลัง แล้ววิ่งเข้ามายิงหลอก วัยรุ่นหัวโจกคนแรก พุ่งไปอีกทาง ลูกเข้าประตูไปอย่างเหนือชั้น สุดยอดวิ่งกลับมาเฮฉลองชัยกับณนนท์ เท่งและข้าวตู
สุดยอดเต้นเสร็จก็กลับไปเป็นผู้รักษาประตูต่อ วัยรุ่นคนที่ 2 เอาบอลไปตั้งที่จุดโทษ วิ่งเข้ายิงสุดแรง สุดยอดพุ่งถูกทางอีก แต่เซฟไม่ได้ตามเคย กลุ่มวัยรุ่นเฮเต้นฉลอง ในขณะที่พวกณนนท์จ๋อยตามระเบียบ
เท่งจะเดินออกไปยิงคนต่อไป ข้าวตูร้องเชียร์ “สู้เค้านะครับปู่เท่ง”
“สบายมาก เตะบอลแค่นี้เรื่องเล็ก ขนาดปี๊บ ปู่ยังเตะซะขาดสองท่อนเลย”
ว่าพลางเท่งเดินไปตั้งหลักเตรียมเตะบอล แต่พอวิ่งเข้าไปเตะจริงเกิดสะโพกคราก เสียงดัง “กร็อบ” เลยเตะบอลเบามาก ลูกค่อยๆ กลิ้งเข้ามือวัยรุ่นคนแรก อย่างง่ายดาย
ณนนท์ สุดยอด และข้าวตู ร้องขึ้นพร้อมๆ กัน “พ่อ / ปู่เท่ง”
พร้อมกับรีบวิ่งเข้าไปดูอาการเท่งทันที
เท่งเดี้ยง ร้องโอดโอย ก่อนที่ณนนท์ ข้าวตู จะช่วยกันประคองกลับไปนั่ง
“ไงพี่ จะยอมแพ้ตอนนี้เลยป่าว” วัยรุ่นหัวโจกแซวแกมเยาะ
สุดยอดฟังแล้วฮึด เดินไปที่ประตู สวนกับวัยรุ่นอีกคน ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้า เล่นสงครามจิตวิทยากัน
ที่แท้สุดยอดเดินไป พนมมือบริกรรมคาถา แล้วไหว้เสาประตู วัยรุ่นหัวโจกหันไปพูดกับเพื่อน
“เฮ้ย สู้ไม่ได้เลยเล่นของโว๊ย” ก๊วนวัยรุ่นฮากันลั่น
สุดยอดตั้งท่าเตรียมพร้อม
วัยรุ่นคนที่ 3 วิ่งเข้ามายิงเต็มที่ สุดยอดพุ่งผิดทาง แต่จังหวะนั้น ขาของสุดยอดกลับเตะไปโดนลูกบอลโดยไม่ตั้งใจ บอลกระดอนออกมา เซฟได้อย่างเหลือเชื่อ
พวกณนนท์เฮกันลั่น สะใจสุดๆ ขนาดเท่งปวดหลัง ยังไม่วายของร่วมเฮ
“ดีใจทำไมพี่ อย่างมากก็แค่เสมอล่ะน่ะ” หัวโจกบอก
“แล้วถ้าเปลี่ยนจากยิงจุดโทษ เป็นยิงฟรีคิกแทน แถมต่อให้พวกนายตั้งกำแพงด้วย ถ้าเข้าจะถือว่าฉันชนะเลยรึเปล่า” ณนนท์ท้ากะจะใช้ไม้ตาย
วัยรุ่นหัวโจกยิ้มกวนๆ “พูดจริงป่าว ถ้าทำได้ พวกผมยอมแพ้ก็ได้”
“ไหวเหรอวะเจ้านนท์” เท่งเองก็เป็นห่วง
“พ่อคอยดูก็แล้วกัน”
ณนนท์บอกพร้อมกับเดินไปตั้งหลักไกลขึ้นไปอีก พวกวัยรุ่นมาตั้งกำแพง เอามือกุมเป้เตรียมพร้อมเต็มที่
ขณะนั้นข้าวตูลุ้นมากกว่าใคร ระทึกใจสุดๆ ว่าณนนท์จะทำได้มั้ย จังหวะนั้นณนนท์ก็รวบรวมสมาธิ แล้ววิ่งเข้ายิง ลูกบอลไซด์โค้งอ้อมกำแพงสุดเว่อร์ ราวกับลูกยิงของโรเบอร์โต คาร์ลอส ในแมตช์บราซิล-ฝรั่งเศส ปี 1997 ก็ไม่ปาน ก่อนที่ลูกบอลจะมุดลง สุดปัญญาผู้รักษาประตูวัยรุ่นหัวโจกจะเซฟได้ สุดยอด กับเท่ง เฮลั่น แต่เท่งเฮดังไปหน่อยจนเจ็บซ้ำ สุดยอดต้องรีบเข้าไปช่วยประคองพ่อ
ด้านข้าวตูได้แต่ทำตาโต เพราะทึ่งสุดๆ เวลานั้นณนนท์ได้กลายเป็นฮีโร่ในดวงใจของเด็กชายตัวน้อยไปในทันที

และกลายมาเป็นฝันหวานๆ ในสนามแข่งบอลของข้าวตูที่ฝันว่าตัวเองอยู่ในบรรยากาศการแข่งบอลของเด็กอนุบาลอันเข้มข้น เสียงเชียร์ดังกระหึ่มครึกครื้นสุดๆ การแข่งขันสกอร์เสมอกัน สองต่อสอง
ที่ข้างสนาม ยี่หวา ยาหยี บุญเลื่อง ไข่ตุ๋น อยู่ในชุดปอมๆ เกิร์ล กำลังวาดลวดลายเชียร์เต็มที่ โดยเฉพาะบุญเลื่อง เชียร์สนั่นกว่าใคร สะบัดปอมๆ เชียร์สุดชีวิต
ขณะที่สุดยอดเป็นคนพากย์ กำลังพากย์บอลในสนาม ข้าวตูเป็นนักฟุตบอล ได้บอลแล้วเลี้ยงหลบนักบอลคู่ต่อสู้คนแล้วคนเล่า
สุดยอดพากย์ในอารมณ์ที่ลุ้นสุดๆ “ข้าวตูหลบหนึ่ง หลบสอง หลบสาม เทพสุดๆ ไปเลยคร้าบ”
จังหวะที่ข้าวตูเจอกองหลังคู่ต่อสู้ สับขาหลอกแล้วหลบไปได้อีกคน
“ข้าวตูสับขาหลอก หลบกองหลังคนสุดท้ายไปได้แล้ว เดี่ยวๆกับผู้รักษาประตูแล้วครับ” สุดยอดใส่อารมณ์เต็มๆ
ในฝันนั้นกังฟูเป็นผู้รักษาประตู กังฟูร้องย๊ากเสียงลั่น ก่อนจะวิ่งพุ่งเข้าไปหาข้าวตู เพื่อเซฟลูกให้ได้ แต่ข้าวตูกระดกลูกข้ามหัวกังฟู ทุกอย่างในสนามเงียบกริบ
สายตาทุกคู่ของทุกคนต่างจ้องลูกบอลเป็นตาเดียวกัน ก่อนที่ลูกบอลจะค่อยๆ ย้อยข้ามหัวกังฟูเข้าประตูไปอย่างเหนือชั้น
สุดยอดตะโกนลั่น ดีใจสุดขีด
“เข้าไปแล้วครับ โอ้โฮ ข้าวตูทำได้ครับ ข้าวตูทำได้ คลาสสิกจริงๆ”
ทุกคนเฮลั่น วิ่งกรูเข้าไปในสนาม ร่างของข้าวตูถูกอุ้มขึ้นบ่าพร้อมถ้วยบอลโลก ก่อนที่ข้าวตูจะบรรจงจูบถ้วยบอลโลกอย่างดูดดื่ม หลังจากได้รับชัยชนะ
ภาพบนเตียงนอน ข้าวตูกำลังละเมอ เฮลั่น
“เฮ.... ชนะแล้วๆ”
พลางดึงน้องตุ๊กตาเข้ามาจูบ แทนถ้วยบอลโลกในความฝัน
“ได้แชมป์โลกแล้ว ได้แชมป์แล้ว”
ข้าวตูนอนหลับอมยิ้มอย่างมีความสุข

ห้วงเวลาเดียวกันนั้น เท่งกำลังร้องลั่นเพราะสะโพกครากผลพวงมาจากการฟิตจัดเตะบอลแข่งกับวัยรุ่นเมื่อตอนกลางวัน
“โอ๊ย...”
เท่งร้องเพราะเจ็บสะโพก และกำลังนอนคว่ำอยู่บนโซฟา ให้ไข่ตุ๋นทายาที่สะโพกให้
“เบาๆ ลูก เดี๋ยวปู่ตาย เบาๆ”
ขณะเดียวกันสุดยอดก็เดินหิ้วปีกประคองณนนท์ ที่ขากะเผลกใช้ผ้าพันไว้ เข้ามาในห้อง
“ไหนว่าเตะปี๊บขาดสองท่อนไงพ่อ ขนาดเตะลมยังสะโพกครากเล๊ย...”สุดยอดแซว
เท่งเจ็บจี๊ดถูกลูกชายคนเล็กพูดแทงใจดำ)
“งั้นเปลี่ยนเป็นเตะลูกแทนมั้ยล่ะวะ ไอ้คุณสุดยอดครับ”
สุดยอดยิ้มขำๆ ที่ได้แซวพ่อ ก่อนจะประคองณนนท์ลงนั่ง
“อย่าแซวพ่อเลยวะยอด พี่เองยังแทบแย่ อีตอนเตะใหม่ๆ ก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอผ่านไปซักชั่วโมง ขาบวมยังกะขาช้างแน่ะ” ณนนท์เอ่ยขึ้น
“พอกันทั้งปู่ทั้งพ่อ สู้อายอดไม่ได้ซักคนเล๊ย” ไข่ตุ๋นอวยสุดยอด
สุดยอดหัวเราะชอบใจ เข้ามาหยิกแก้มไข่ตุ๋น “พูดถูกแล้วจ้ะหลานรัก”
“นี่ๆ ไม่ต้องมาประจบอาเลย ตกลงวันนี้เราเป็นไงบ้าง ไม่เห็นเล่าให้พ่อฟังเลย” ณนนท์ถามไข่ตุ๋น
“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่คะ เอาไว้พ่อรอดูวันประกวดดีกว่า รับรองว่า” ไข่ตุ๋นทำท่าเลียนแบบลีลาสุดยอดตอนจัดรายการ “เจ๋งสุดๆ กับไข่ตุ๋น”
ณนนท์ สุดยอด และเท่ง มองไข่ตุ๋นด้วยความหมั่นไส้ ในขณะที่ไข่ตุ๋นกระหยิ่มยิ้มย่อง ด้วยความมั่นใจสุดๆ

เที่ยงของวันต่อมาภูมิชายแวะมาที่ร้านมอร์แดนทรี กำลังคุยอยู่กับยี่หวา
“เป็นไงคะคุณภูมิ ชอบต้นแก้วป่าที่ฉันไปลงให้มั้ยคะ ตำแหน่งที่ฉันไปลงให้เป็นทางลมพอดี ถ้านั่งตรงระเบียงก็จะได้กลิ่นหอมมาตามลม ตามหลักฮวงจุ้ยต้นแก้วยังเสริมในเรื่องโชคลาภเหมือนมีเงินทองกองอยู่ในบ้าน” ยี่หวาเอ่ยขึ้น
“ร้านคุณยี่หวานี่ ไม่เคยทำให้ลูกค้าผิดหวังเลยนะครับ”
ภูมิชายพูดพร้อมกับยื่นเครคิตการ์ดส่งให้ยี่หวา
“เพราะร้านเราถือว่างานบริการเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจค่ะ”
ยี่หวาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะรับเครดิตการ์ดมา
“นี่ก็เที่ยงแล้ว ทางร้านมอร์ แดน ทรี มีบริการเลี้ยงอาหารเที่ยงลูกค้าด้วยมั้ยครับเนี่ย”
เจอมุกของภูมิชายยี่หวาทำท่าอึกๆอักๆ “เอ่อ....”
ภูมิชายทำตาละห้อย “นะครับคุณยี่หวา ก็แค่มื้อเที่ยงเอง”
“เอ่อ ค่ะ” ยี่หวาตอบรับอย่างเกรงใจ
ภูมิชายยิ้มอย่างดีใจ ที่ในที่สุดก็ชวนยี่หวาไปกินข้าวกับตัวเองได้สำเร็จ

เวลาต่อมายี่หวาเดินเข้ามาร้านอาหารกับภูมิชาย โดยภูมิชายเดินนำยี่หวาไปที่โต๊ะ ดูแลเทคแคร์อย่างดี ขณะที่ทั้งคู่กำลังดูเมนูอยู่ ยี่หวาก็เหลือบเห็นณนนท์กำลังทานอาหารอยู่กับลูกน้อง ที่โต๊ะใกล้ๆเยื้องๆ กันนั่นเอง
จังหวะนั้น ณนนท์ กับยี่หวาหันมาสบตากัน ต่างฝ่ายต่างหน้าเจื่อนไปทันที
“คุณยี่หวาครับ ที่นี่เค้า...”
ภูมิชายสังเกตเห็นสีหน้าของยี่หวา จึงหันไปมองตาม เห็นณนนท์เข้าพอดี ภูมิชายรีบปั้นหน้ายิ้มให้พลางทักทาย
“อ้าวคุณณนนท์ บังเอิญจังเลยนะครับ มาร่วมโต๊ะด้วยกันมั้ยครับทานด้วยกันหลายคนสนุกดี”
“ไม่หรอกครับ เชิญคุณกับคุณยี่หวาตามสบายดีกว่าครับ” ณนนท์บอก
“ไม่ต้องเกรงใจนะครับ คุณเป็นเพื่อนคุณยี่หวาก็เหมือนเป็นเพื่อนผมเหมือนกันทานด้วยกันได้ครับ”
ณนนท์บ่ายเบี่ยงอยู่นั่นแล้ว “ไม่เป็นไรจริงๆครับ ผมกับลูกน้องจวนจะอิ่มแล้ว กำลังจะกลับพอดี”
ขณะที่ณนนท์หันไปคุยกับลูกน้องต่อ ยี่หวามองณนนท์ด้วยความไม่สบายใจ
ยี่หวาบอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่ไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย

ครู่ต่อมาณนนท์ทานอาหารเสร็จ เดินมาเข้าห้องน้ำ และกำลังยืนล้างมือที่อ่างล้างหน้า อยู่หน้าห้องน้ำ ยี่หวาเดินเข้ามาหา ณนนท์เหลือบมองยี่หวานิดนึง แล้วเช็ดมือ สีหน้านิ่งๆ แต่ดูเย็นชา
“ฉันแค่มาทานข้าวกับคุณภูมิชายเค้าเฉยๆ ไม่มีอะไรนะคุณ” ยี่หวาพูดอธิบายอย่างไม่สบายใจ
“คุณไม่ต้องบอกผมก็ได้ ผมไม่มีสิทธิไปว่าคุณอยู่แล้วนี่”
“คุณโกรธฉันเหรอ”
“ผมจะไปโกรธคุณเรื่องอะไร เข้าใจผิดแล้ว”
“แต่น้ำเสียงท่าทางของคุณมันฟ้อง ว่าคุณโกรธฉัน”
“งั้นคุณก็ตีความหมายผิดแล้ว คุณจะไปไหนมาไหน ยังไง กับใคร มันก็เรื่องของคุณ ผมจะโกรธคุณได้ยังไง” ณนนท์พูดเสียงเย็นๆ
ยี่หวาได้ฟังก็อึ้งไป สายตาที่มองณนนท์เต็มไปด้วยความน้อยใจ
“โอ.เค. ฉันคงเข้าข้างตัวเองมากไป ขอโทษนะ”
ยี่หวาพูดจบก็หันหลังจะเดินเลี่ยงไป
ณนนท์รู้สึกตัวก็หน้าเสีย ที่เห็นยี่หวามองตนด้วยสายตาแบบนั้น จนเผลอหลุดปากออกมา
“ผมไม่ได้โกรธ แต่ผมหึงคุณ”
ยี่หวาชะงัก แล้วหันกลับไปมอง ณนนท์สำทับความรู้สึกของตนอีกครั้ง
“ผมยอมรับ ว่าผมหึงคุณที่คุณมากับคุณภูมิชาย แต่... เอ่อ อายุผมก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ลูกก็มีแล้ว จะให้แสดงออกอะไรมากได้ล่ะ”
“บ้า แล้วมาพูดตรงนี้ ไม่แสดงออกเลยนะ”
ณนนท์ยิ้มเขินๆ ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน
ทั้งคู่ยิ้มเขินกันไปมา โดยไม่รู้ว่าเวลานั้นมีภูมิชาย ยืนแอบดูและฟังอยู่ด้วย ภูมิชายเห็นยี่หวาดูมีใจให้กับณนนท์ก็ยิ่งอิจฉา และยิ่งอยากเอาชนะ!

ภายในห้องโถงบ้านบุญเลื่อง ไข่ตุ๋นกำลังแสดงมายากล เสกดอกไม้ออกจากมือ พร้อมกับเต้น
ประกอบเพลงไปด้วย พอเพลงจบ ไข่ตุ๋นก็โค้งให้คนดู เรียกเสียงปรบมือจากสุดยอด และยาหยี
ยาหยีพูดชมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“เก่งมากจ้ะ แหม พอไม่ต้องรำล่ะก็ คล่องเชียวนะ”
“ก็ไข่ตุ๋นชอบนี่คะ” ไข่ตุ๋นยิ้มอย่างดีใจ
“งั้นก็เหลือแค่หาชุดสวยๆ ให้ไข่ตุ๋นใส่ประกวดก็พอใช่มะ” สุดยอดว่า
“ใช่ แต่ต้องเลือกให้มันดีๆ อย่าเอาอะไรประหลาดๆมาให้ไข่ตุ๋นใส่ล่ะ”
“ผมรู้น่ะคุณ ไม่บ้าจี้เอาชุดบ้าๆ บอๆ มาให้หลานตัวเองใส่หรอก”
ระหว่างนั้น บุญเลื่อง กับข้าวตู สวมผ้ากันเปื้อนเดินออกมาจากในครัว
“เอ้า ซ้อมกันเสร็จกันรึยังจ๊ะ ราดหน้าสูตรคุณนายบุญเลื่องพร้อมเสริฟแล้วนะ” บุญเลื่องบอก
“เย้ๆ ไข่ตุ๋นอยากกินค่ะ คุณยายทำกับข้าวอร่อยที่สุดเลย” ไข่ตุ๋นร้องขึ้นดีใจ
บุญเลื่องเป็นปลื้มสุดๆ
“ต๊าย ปากหวานนะเนี่ย” พลางหันไปพูดกับยาหยี “ท่าทางข้าวตูจะเจอศึกหนักแล้วนะยัยหยี”
ยาหยียิ้มรับ เอ็นดูเด็กๆ
“ไม่หนักหรอกครับคุณยาย ข้าวตูให้ไข่ตุ๋นกินราดหน้าคุณยายก็ได้” ข้าวตูพูดแล้วเดินไปหาสุดยอด “แต่อายอดต้องสอนบอลให้ข้าวตูอีกนะครับ”
“แน๊ะ นี่เอาราดหน้ายายไปแลกเปลี่ยนแล้วเหรอ”
สุดยอด ยาหยี ยิ้มแย้มเอ็นดูเด็กทั้งคู่ ขณะนั้นเองก็มีเสียงออดดังขึ้น
“เดี๋ยวหยีไปดูเองค่ะแม่”
ยาหยีเดินออกจากโถงบ้านไป

พอยาหยีเดินออกมาก็เห็นก้องยืนยิ้มรออยู่ที่หน้าประตูรั้ว พร้อมกับในมือถือกระเช้าของฝากมาด้วย
“สวัสดีค่ะพี่ก้อง หาบ้านหยีเจอได้ไงคะเนี่ย” ยาหยีเอ่ยทัก
“อย่าลืมสิครับ ว่าเราเป็นคู่โซลเมทกัน ถึงจะห่างกันแค่ไหนก็หากันเจออยู่แล้ว” ก้องเย้าเล่น
“เกือบเคลิ้มนะคะเนี่ย โทรไปถามที่บริษัทพี่ยิ่งมาล่ะสิ” ยาหยีพูดอย่างรู้ทัน
“ที่หลัง แกล้งทำเป็นรู้ไม่ทันบ้างก็ดีนะครับ” ก้องพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พลางยื่นกระเช้าส่งให้ “ของฝากจากฟาร์มครับ เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ผมกำลังออกตระเวนให้พวกเพื่อนๆ ช่วยชิมกัน ชอบไม่ชอบยังไง ก็บอกได้นะครับ”
ระหว่างนั้นสุดยอดเดินตามออกมาตาม พอเห็นก้องก็หน้าตาบึ้งตึง โมโหหึงขึ้นมาทันที ยาหยีรับกระเช้ามา แล้วชวนก้องเข้าไปในบ้าน
“ขอบคุณมากค่ะ เชิญเข้ามาข้างในก่อนสิคะพี่ก้อง แม่หยีเพิ่งทำราดหน้าเสร็จ จะได้ทานด้วยกัน”
“ลาภปากเลยครับ”
ก้องกำลังจะเข้ามา แต่พอเห็นสุดยอดยืนหน้าหงิกอยู่ที่หน้าประตูโถงบ้าน ก็ชะงักก็ไม่เข้าไป
“สงสัยผมคงจะอดกินแล้วล่ะครับ เอาไว้คราวหน้าละกันครับคุณหยี ผมไปก่อนนะครับต้องตะเวนเอาของไปแจกอีกหลายที่”
ก้องเดินเลี่ยงกลับไปที่รถของตนที่จอดอยู่ ก่อนจะขับออกไป ยาหยีแปลกใจ แต่พอหันกลับไปเห็นสุดยอดยืนอยู่ก็ถึงบางอ้อทันที สุดยอดทำไม่รู้ไม่ชี้ แล้วเดินกลับเข้าโถงบ้านไป
“พูดก็ไม่พูด แต่ทำหวงก้างอยู่ได้ จะเอาไงเนี่ย”

ยาหยีชักจะรำคาญกับความเยอะและคอยหวงก้างของสุดยอด

อ่านต่อหน้า 2 








ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 13 (ต่อ)

ณนนท์เพิ่งกลับจากทำงาน เดินเข้ามาในห้องโถงพร้อมกับถือถุงขนมเค้กมาฝากไข่ตุ๋น ขณะที่เท่งกำลังนั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์อยู่ เท่งได้ยินเสียงเหล่มองลูกนิดนึง แล้วหันไปเล่นเกมต่อเพราะกำลังติดลม

“มาแล้วเหรอเจ้านนท์ ถ้ายังไม่กินข้าวมา ก็ช่วยตัวเองละกันนะ พ่อกำลังจะเคลียร์ฉากนี้ว่ะ ไม่ว่าง”
“ผมเรียบร้อยแล้วครับพ่อ” ณนนท์กวาดสายตามองหาลูก “ไข่ตุ๋นล่ะครับ”
“นอนแล้ว” เท่งบอก ณนนท์ฟังแล้วรู้สึกแปลกใจ
“เพิ่งทุ่มกว่าเองนะครับ ทำไมนอนเร็วนักล่ะ ไม่สบายรึเปล่าครับพ่อ”
“ไม่นี่ คงเหนื่อยแหละเห็นเจ้ายอดบอกซ้อมกันทั้งวัน”
ณนนท์แปลกใจ ที่ลูกสาวเข้านอนเร็ว โดยไม่อยู่รอตนก่อน ผิดจากทุกวัน

อันที่จริงแล้วไข่ตุ๋นยังไม่หลับ เพราะกำลังนั่งดูรูปถ่ายของแม่อยู่บนเตียง
“พรุ่งนี้แหละ ไข่ตุ๋นจะทำให้แม่ชมไข่ตุ๋นให้ได้เลย”
ไข่ตุ๋นจูบรูปแม่แล้ววางไว้ที่หัวเตียง ก่อนจะหันไปฝีกเสกดอกไม้ออกจากมือต่ออย่างขยันขันแข็ง

เอนิตามาถึงสตูดิโอคัดเลือกเด็กตั้งแต่เช้า และกำลังคุยอยู่กับแม่กังฟูที่หน้าสตูดิโอ โดยมีกังฟูยืนมองตาปริบๆอยู่ใกล้ๆ
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ยังไงน้องกังฟูก็ชนะชัวร์ ดิฉันรับรองค่ะ”
เอนิตาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แม่กังฟูยิ้มตอบ พร้อมกับทบทวนข้อตกลง
“ขอบคุณค่ะ ถ้าลูกดิฉันชนะ เงินรางวัลหารสอง ส่วนค่าตัวพรีเซ็นเตอร์ คุณแม่ก็เอาไปเลยสามสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ”
เอนิตาหัวเราะชอบใจ “อุ๊ย คุยกันง่ายอย่างงี้ดีค่ะ นิตาชอบ”
ขณะนั้นณนนท์เดินผ่านมาพอดี เห็นเอนิตากำลังหัวเราะหน้าบานกับแม่กังฟู ก็ไม่ค่อยพอใจ
ส่วนกังฟูมองเอนิตากับแม่แบบงงๆ เกาหัวแกรก
“แม่ครับ แบบนี้เราก็ขี้โกงน่ะสิครับ ครูสอนว่าเราต้องเป็นคนดี ซื่อสัตย์ ไม่คดโกงใครนะครับ”
เอนิตา กับแม่กังฟูได้ฟังก็พากันยิ้มค้างไปทันที ตอบเด็กไม่ถูกเหมือนกันเพราะทำผิดซะเอง
แม่ของกังฟูรีบตัดบท “รีบเข้าไปข้างในเถอะลูก อยู่ตรงนี้แดดมันร้อน”
แล้วรีบจูงกังฟูเข้าสตูดิโอไปทันที ณนนท์รอจังหวะเดินเข้าไปหาเอนิตาใบหน้าเครียดๆ
“นิตา คุณคุยอะไรกับแม่เด็กน่ะ คุณเป็นกรรมการตัดสินนะ คงไม่ทำอะไรทุเรศๆ ใช่มั้ย”
เอนิตาหน้าเสีย รีบทำโมโหกลบเกลื่อนความผิด
“นี่คุณคิดว่าฉันจะซูเอี๋ยกับแม่เด็กเหรอ ดูถูกกันมากไปแล้วนะนนท์ เค้าเป็นแม่ของเพื่อนยัยไข่ตุ๋น เค้าเข้ามาทัก ฉันก็คุยด้วยตามมารยาท”
“ขอโทษ ผมไม่รู้” ณนนท์ว่า
เอนิตาสะบัดหน้า แล้วเดินฉับๆ เข้าสตูดิโอไป ณนนท์ถอนใจโล่งอกที่เอนิตาไม่ได้รับสินบน ก่อนจะเดินตามเข้าไปด้านใน

ภายในสตูดิโอบรรดาทีมงานกำลังเตรียมงานเพื่อการประกวดหาพรีเซ็นเตอร์ โดยมี ว่าน กับนัท คอยควบคุมดูแล แต่ก็ไม่จริงจังสักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่เอาเวลาไปจีบวุ้น กับก้อย มากกว่า ซึ่งสองสาวก็อายๆ เขินๆ ไปมา
สุดยอดแต่งตัวเสร็จเตรียมขึ้นเป็นพิธีกร พอเดินออกมาเห็นพวกว่าน นัทกำลังจีบกันอยู่ก็หมั่นไส้
สุดยอดแกล้งทำเป็นโดนมดกัด คันคะเยอทั้งตัว
“โอ๊ยๆ อุ๊ย โอ๊ย”
ว่านหันมาเห็นร้องถาม “เป็นอะไรของเอ็งวะไอ้ยอด”
“มดกัดว่ะ ไม่รู้ใครทำน้ำตาลหกแถวนี้ หวานไม่เกรงใจกันเล๊ย”
วุ้นออกอาการเขินๆ “แหม คุณยอดก็ พูดอย่างงี้วุ้นก็เขินแย่สิคะ”
วุ้น กับว่าน หันไปสบตาปิ๊งๆ กัน จังหวะนั้นก้อยก็สะดุ้ง ผงะเห็นนิมิตขึ้นมา
“เห็นนิมิตอีกแล้วเหรอครับ คราวนี้อะไรครับ ใช่เห็นความจริงใจที่ผมมีให้คุณก้อยรึเปล่า” นัทเริ่มคุ้นอาการดังกล่าวจึงถามออกมา ก้อยหันมาค้อนให้ อย่างเขินๆ
“บ้า คุณนัทอ้ะ ก้อยก็แค่เห็นรถไฟชนกับเรือเอี้ยมจุ๊นเท่านั้นเองค่ะ”
“ฮ๊า แล้วมีคนตายรึเปล่ายัยก้อย” วุ้นตกอกตกใจ
“ไม่รู้สิ อยากรู้ แกก็หันไปดูเองละกัน” ก้อยโบ้ยให้วุ้นหันไปมอง
ทุกคนหันไปมองตามที่ก้อยใบ้ ก็เห็นยาหยีเดินคุยกับก้องมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แน่นอนว่าภาพนั้นทำให้สุดยอดหน้าหงิก โมโหหึงจี๊ดใจทันที หันไปพูดกับเพื่อน
“ไปทำงานก่อนนะ ไม่มีเวลามาไร้สาระแล้ว”
พูดจบสุดยอดก็เดินหน้าหงิกออกไป ยาหยี กับก้อง มองตามสุดยอดไปด้วยสายตาแปลกใจ
“คุณสุดยอดเค้าเป็นอะไรน่ะครับ ท่าทางแปลกๆ เวลาเจอผม”
“สงสัยจะเครียด เพราะเรือเอี้ยมจุ๊นโดนรถไฟชนกระเด็นน่ะครับ” ว่านบอก
“ก็มันไม่ใช่รถไฟธรรมดานี่หว่า แต่เป็นรถไฟฟ้าทั้งสาย ไม่กระเด็นก็ไม่รู้ว่าไงแล้ว”
ว่าแล้วนัท ว่านก็เดินกอดคอกันออกไป
“นายสุดยอดเค้าก็เพี้ยนๆอย่างงี้แหละค่ะ พี่ก้องอย่าไปสนใจเลย” ยาหยีตัดบท
ก้องทำหน้ายิ้มๆ เขาพอจะเดาออกว่าสุดยอดชอบยาหยี จนยาหยีหันมามองงงว่าก้องยิ้มอะไร

สุดยอดเดินเซ็งๆ ผ่านมาหน้าห้องแต่งตัว ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังแว่วมาจากห้องแต่งตัว
สุดยอดเลยเอาหูแนบกับประตูเพื่อให้ได้ยินชัดๆ ปรากฏว่าได้ยินเสียงก้องดังออกมาจากในห้อง
“เลิกร้องซะทีได้มั้ย รำคาญ” เสียงพูดของก้องออกอาการรำคาญมากๆ
“ก็แล้วพี่ก้องจะให้หยีทำไง ให้หัวเราะอย่างงั้นเหรอ” ยาหยีร้องไห้สะอึกสะอื้น
สุดยอดได้ฟังถึงกับหูผึ่งทันที ที่รู้ว่าก้องกำลังคุยกับยาหยี
“อย่าประชดได้มั้ย แค่นี้พี่ก็กลุ้มจะแย่อยู่แล้วนะ”
น้ำเสียงก้องพูดต่ออย่างหงุดหงิด ยาหยีเอาแต่สะอึกสะอื้น
“ทำไมต้องกลุ้มด้วย ถ้าพี่รับผิดชอบหยีกับลูก ก็ไม่เห็นจะมีอะไรนี่ ไหนพี่บอกว่าพี่รักหยีไงคะ”
สุดยอดช็อก ที่รู้ว่ายาหยีท้อง!!
“พี่ก็พูดอย่างงี้กับผู้หญิงทุกคนน่ะแหละ หยีโง่เองที่มาเชื่อพี่เอาเงินไปแล้วไปจัดการซะจะได้จบปัญหา”
สุดยอดได้ฟังก็แค้นใจสุดๆ จนทนไม่ไหว เปิดประตูเข้าไปทันที
“ไอ้สารเลว แกทำอย่างงี้ได้...”
สุดยอดอึ้ง เมื่อเห็นก้อง ยาหยี กำลังถือบทละคร ช่วยกันซักซ้อมบทกันอยู่ ยาหยีตวาดแว้ดทันที
“อะไรของนายเนี่ย จู่ๆ ก็เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง จะบ้าเหรอ”
สุดยอดหน้าแตกยับเยิน ได้แต่ทำท่าอึกๆ อักๆ “เอ่อ ทำ...ทำอะไรกันอยู่อ้ะ”
“คุณหยีกำลังช่วยผมซ้อมละคร เพราะผมจะต้องเล่นละครการกุศลสะท้อนปัญหาสังคม ว่าแต่คุณ เข้ามาทำไม” ก้องอธิบายพลางถาม
สุดยอดอึกๆ อักๆ “เอ่อ...เอ่อ” แล้วชี้ไปที่ยาหยี แถไปเรื่อย “ผมเข้ามาบอกเค้าว่าจะได้เวลาแล้ว” เปลี่ยนน้ำเสียงพูดกับยาหยีดุดันทันที “คุณเป็นพิธีกรคู่กับผมนะ หัดเตรียมตัวบ้างดิ ไม่ใช่เอาเวลาไปทำเรื่องส่วนตัวหมด”
สุดยอดปิดจ๊อบหน้าแหกด้วยการทำฟอร์มหงุดหงิดใส่ แล้วรีบชิ่งออกไป กลัวโดนด่า
ก้องเดินไปปิดประตู แล้วหันมาพูดกับยาหยี
“คราวนี้เชื่อผมรึยัง ว่าเค้าหึงคุณหยีจริงๆ”
“มัน...มันก็ยังไม่แน่หรอกค่ะ อีตาบ้านี่ไม่เห็นพูดอะไรเลยนี่”
ยาหยีเขินๆ ทำท่า เก้ๆ กังๆ ทำเป็นปากแข็งแต่กลับไม่กล้าสบสายตาก้อง

วินาทีที่เด็กๆ ทุกคนรอคอยก็มาถึง งานค้นหาพรีเซ้นเตอร์ขนมทอมทั้มเริ่มขึ้น แด๊นเซอร์กำลังเต้นโชว์อยู่บนเวที พร้อมกับเสียงเพลงจังหวะสนุกสนานสนั่นสตูดิโอ ทุกคนกำลังจับตาดูการแสดงบนเวที ด้วยความสนอกสนใจ พอแด๊นเซอร์ลงจากเวที ทีมของนัทและว่านก็ปล่อยควันดรายไอซ์สีขาว พร้อมกับการปรากฎตัวของสุดยอด และยาหยีในฐานะพิธีกรของงาน
“ก็จบกันไปแล้วนะคะ สำหรับการแสดงพักเบรก เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูความสามารถของน้องๆ คนต่อไปกันเลยดีมั้ยคะ” ยาหยีทักทายแขกในงาน สุดยอดยิ้มรับ
“ดีครับ งั้นขอเชิญพบกับผู้สมัครหมายเลขสิบเอ็ด น้อง...” สุดยอดขานชื่อผู้เข้าประกวด
แล้วเด็กผู้หญิงคนหนึ่งออกมาเต้นอยู่บนเวที พร้อมกับได้ยินเสียงเพลงลูกทุ่งดังกระหึ่ม ทุกคนดูเด็กหญิงโชว์ความสามารถในการเต้นด้วยรอยยิ้มแจ่มใส เอ็นดูไปกับความน่ารักของเด็กๆ
พอเสียงเพลงช่วงอินโทรจบ ทุกคนก็เตรียมตัวฟังว่าเด็กหญิงจะร้องเพลงได้น่ารักน่าฟังขนาดไหน
เด็กหญิงตัวน้อยมองไปที่แม่ของตนบอกออกมา “คุณแม่ขา หนูปวดฉี่”
เด็กชายคนต่อมา แต่งตัวแบบทหารคอมมานโด ใช้สีทาหน้า ถือปืนกลของเล่น มาโชว์ความสามารถเล่นเป็นคอมมานโดบุกจู่โจม
“ระวังให้ดี ข้าศึกมาแล้ว (ยิงปืนกล) ย๊าก...” ว่าพลางดึงระเบิดออกมา แล้วขว้างออกไป “ตูม...พวกมันแย่แล้ว บุกเลย”
เด็กชายทั้ง ตีลังกา หมอบ คลาน ยิงปืนโชว์แบบจัดเต็ม
คนต่อมาถึงคิวของกังฟู ที่ออกมาในชุดจีนแบบหวงเฟยหง กังฟูกำลังรำไท้เก็กอยู่เป็นเรื่องเป็นราว ไม่แพ้ผู้ใหญ่เลยทีเดียว
ที่โต๊ะกรรมการ เอนิตา ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของกรรมการสามคน เอนิตานั่งดูอยู่ เห็นกังฟูรำไท้เก๊กได้ดี ก็ยิ้มพอใจ ก่อนจะแอบชำเลืองมองคะแนนของกรรมการท่านอื่นๆ เอนิตา เห็นกรรมการอีกสองคน ให้คะแนนกังฟู หก เจ็ด ตามลำดับ เอนิตารีบให้คะแนนกังฟูเต็มสิบไปเลย
กังฟูรำจนจบ เรียกเสียงปรบมือดังลั่น
กังฟูลงจากเวที พร้อมกับที่สุดยอด และยาหยี ขึ้นมาบนเวทีคั่นการประกวด
“น่ารักกันทุกคนเลยนะครับ ผมล่ะหนักใจแทนกรรมการจริงๆ” สุดยอดพูดอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสๆ
“นั่นสิคะ เด็กๆ ทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมด ไม่เหมือนผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่ชอบแทงกั๊กเนี่ย น่าเบื๊อน่าเบื่อ จริงมั้ยคะคุณสุดยอด” ยาหยีโยนลูกแซวแกมประชดประชัน
สุดยอดเหล่ยาหยี รู้ว่าด่าตน รีบแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน
“เรามาดูความน่ารักของน้องคนต่อไปเลยดีกว่านะครับ ขอเชิญพบกับ น้องไข่ตุ๋นครับ”
เอนิตาได้ยินก็ตกใจ ไม่คิดว่าไข่ตุ๋นจะประกวดด้วย
ไข่ตุ๋นในชุดนักมายากลตัวน้อย ก้าวขึ้นมาบนเวที พร้อมกับเล่นฮูลาฮูปไปด้วย ท่ามกลางเสียงปรบมือดังลั่น โดยเฉพาะยี่หวา และข้าวตู ปรบมือให้กำลังใจเต็มที่อย่างออกนอกหน้า
“ไข่ตุ๋นสู้ๆ เอาชนะให้ได้นะ” ข้าวตูร้องตะโกนเชียร์
ส่วนณนนท์นั้น มีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่รู้ผลจะออกมายังไง
ไข่ตุ๋นเต้นฮูลาฮูปอยู่กลางเวที แล้วจับฮูลาฮูปเปลี่ยนเป็นไม้เท้า เรียกเสียงปรบมือดังสนั่นห้องสตูฯสุดๆ ไข่ตุ๋นดีใจหันไปยิ้มให้แม่ ก่อนจะแกว่งไม้เท้าแล้วเปลี่ยนไม้เท้าเป็นผ้า เรียกเสียงปรบมืออีก
ระหว่างนั้นเอนิตารีบชำเลืองมองคะแนนของกรรมการคนอื่น เห็นกรรมการ 2 คน ให้ไข่ตุ๋นเต็มสิบทั้งคู่ เอนิตาตกใจ กลัวอดเงินค่าหัวคิว เลยกาช่องให้คะแนนไข่ตุ๋นเป็นศูนย์ไปซะเลย!!

งานเลิกแล้วแม่กังฟูวิ่งมาหาเอนิตาอย่างดีใจ แม่ของกังฟูหัวเราะชอบอกชอบใจ
“แหม ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยให้กังฟูชนะ ตอนแรกที่เห็นลูกคุณเข้าประกวดด้วย ฉันนึกว่าจะไม่ชนะซะแล้ว”
“อุ๊ย ยัยไข่ตุ๋นก็ประกวดไปอย่างงั้นล่ะค่ะ แกอยากฝึกฝีมือ แม่เป็นกรรมการ พ่อเป็นคนจัดงาน ขืนให้ชนะ มีหวังโดนลูกค้าด่าตาย”
แม่กังฟูยิ้มแย้มอย่างพอใจ “อย่างงี้นี่เอง งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” หันมาส่งซิกแนลกัน “เรื่องนั้นเดี๋ยวฉันโอนให้นะคะ”
“ขอบคุณค่า”
พอแม่กังฟูเดินออกไป เอนิตากำลังจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่ต้องชะงักเมื่อเจอยี่หวายืนตาเขียวปั้ดมองอยู่อย่างไม่พอใจ เพราะได้ยินเรื่องราวเต็มสองหู
“ฉันนึกแล้วว่ามันแปลกๆ นี่คุณทำอย่างงี้กับลูกตัวเองได้ไง ยังมีความเป็นแม่เหลืออยู่รึเปล่า”
เอนิตาตวาดแว๊ดทันที
“ไม่ต้องมาสะเออะสอนฉันหรอกน่ะ ลูกฉัน ฉันจะทำยังไงก็ได้ เธอเลี้ยงลูกตัวเองให้ดีก่อนเถอะ” พูดถึงตรงนี้เอนิตาก็ยิ้มเยาะออกมา “เอ๊ะ หรือว่าอยากจะเป็นแม่ของลูกฉันกันยะ แต่เสียใจนะ อย่างเธอก็เป็นได้แค่เมียน้อยเท่านั้นแหละ”
ยี่หวาโมโห แต่ปั้นหน้ายิ้มเย้ย “เหมือนที่เธอ เคยเป็นเมียน้อยของสามีฉันใช่มั้ยล่ะ”
เอนิตาแค้นจัดจ้องหน้าจะเอาเรื่อง แต่พอเห็นสายตายี่หวาจ้องกลับก็กลัวหัวหด เอนิตาเลยสะบัดหน้า เดินจากไป
ยี่หวามองตามอ่อนใจกับพฤติกรรมเลวๆ ของเอนิตา พร้อมๆ กับที่นึกสงสารไข่ตุ๋นขึ้นมาจับใจ

เวลาไม่นานต่อมายี่หวาเปิดประตูเข้าห้องแต่งตัวเพื่อมาหาไข่ตุ๋น เห็นไข่ตุ๋นร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียใจ ยี่หวาเดินเข้าไปกอด
“ไข่ตุ๋นแพ้ แม่ต้องไม่รักไข่ตุ๋นแล้วใช่มั้ยคะ”
“ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนไม่รักลูกหรอก ไข่ตุ๋นจะแพ้หรือชนะ แม่เค้าก็ยังเป็นแม่ของไข่ตุ๋นเหมือนเดิมนะจ๊ะ” ยี่หวาปลอบโยน แต่ไข่ตุ๋นยังคงเอาแต่ร้องไห้
“แต่แม่รักเด็กเก่งๆไม่ใช่เหรอคะ แม่ยังบอกเลยว่ากังฟูเก่งที่สุด น่ารักที่สุดแต่แม่ไม่เห็นเคยพูดอย่างงี้กับไข่ตุ๋นเลย”
“ถึงแม่เค้าจะไม่พูด แต่แม่เค้าก็รักไข่ตุ๋นนะ รักที่สุดในโลกเลยด้วย”
“น้ายี่หวารู้ได้ไงคะ”
“เพราะน้า ก็เป็นแม่คนเหมือนกันนี่จ๊ะ สำหรับคนเป็นแม่แล้ว ไม่มีใครน่ารักไปกว่าลูกของตัวเองหรอกจ้ะ” ยี่หวาพลางเช็ดน้ำตาให้ไข่ตุ๋น “ไข่ตุ๋นรู้มั้ย ว่าตอนที่ไข่ตุ๋นตกต้นไม้ แม่เค้าห่วงไข่ตุ๋นมากเลยนะ คนเราถ้าไม่รัก แล้วจะห่วงกันมากขนาดนั้นเหรอ”
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิจ๊ะ น้ายี่หวาจะโกหกไข่ตุ๋นทำไม แล้วต่อไป ไข่ตุ๋นก็ต้องห้ามคิดว่าแม่เค้าไม่รักไข่ตุ๋นอีกนะ เพราะถ้าแม่เค้ารู้เข้า เค้าจะเสียใจ”
ไข่ตุ๋นเริ่มหายเศร้าพยักหน้ารับ “ค่ะ ไข่ตุ๋นสัญญา” ไข่ตุ๋นยื่นนิ้วก้อยออกมา เพื่อเกี่ยวก้อยสัญญา ยี่หวายิ้มรับ แล้วเกี่ยวก้อยสัญญากับไข่ตุ๋นเช่นกัน

ณนนท์เดินลงมาจากชั้นบน หลังจากพาไข่ตุ๋นเข้านอน เพื่อมาหายี่หวาที่รออยู่ที่โถงบ้าน
“ไข่ตุ๋นเป็นยังไงบ้างคะ” น้ำเสียงของยี่หวาเป็นห่วงไข่ตุ๋นมากๆ
“หลับไปแล้วครับ เมื่อคืนแกซ้อมทั้งคืนก็เลยเพลีย แล้วข้าวตูล่ะ”
“หลับเหมือนกันค่ะ ฉันเลยให้ยัยหยีพากลับไปก่อน”
ช่วงจังหวะนั้นณนนท์ถอนใจหน้าเครียด
“ผมผิดเองที่ให้นิตาเค้าเป็นกรรมการ ลูกอุตส่าห์พยายามแทบตาย ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเค้าทำลงไปได้ยังไง”
ยี่หวายิ้มขำๆ พลางว่า
“เมื่อไม่กี่วันก่อน คุณยังเครียดอยู่เลย ว่าถ้าไข่ตุ๋นชนะแล้วคุณจะมีปัญหา ตอนนี้กลับสงสารลูกซะงั้น”
ณนนท์นึกขึ้นมาได้ ยิ้มๆ
“จริงของคุณ ผมก็เอาแต่โทษคนอื่น ไม่รู้จักดูตัวเองซะบ้างยังไงผมก็ขอบคุณคุณมากนะ ที่คุณช่วยดูแลไข่ตุ๋น”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ถือซะว่าตอบแทนที่คุณช่วยสอนบอลให้ข้าวตูก็แล้วกัน”
“แล้วถ้าผมสอนบอลเสร็จแล้ว คุณจะไม่ดูแลไข่ตุ๋นแล้วเหรอ” ณนนท์เริ่มอ้อน
ยี่หวาฟังแล้วเขินๆ หลบสายตาณนนท์
“ก็...ไม่รู้สิคะ มันเรื่องของอนาคต ฉันยังบอกไม่ได้”
ณนนท์มองยี่หวาด้วยสายตาหวาน
“งั้นก็แปลได้อีกอย่าง ว่าคุณก็พร้อมที่จะดูแลไข่ตุ๋น...ตลอดไป ใช่มั้ยครับ”
ยี่หวาเจอสะพานที่ณนนท์ทอดมาให้ก็ยิ้มเขินๆ ส่วนณนนท์ไม่ด้ยินคำปฏิเสธก็ยิ่งมองยี่หวาด้วยสายตามีหวัง

สองแม่ลูก วัลลภา กับวสันต์ ถูกแก๊งทวงหนี้รุกหนัก หลังจากไม่ยอมหาเงินมาจ่ายตามที่
ตกลงกัน เช้าวันนี้แก๊งทวงหนี้กำลังช่วยกันหอบที่นอน ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของวสันต์ วัลลภา เสื้อผ้ารองเท้าของทั้งคู่ ออกมาจากบ้าน
วสันต์ กับวัลลภา วิ่งหน้าตาตื่นตามแกงค์ทวงหนี้ออกมาจากบ้าน วัลลภาโวยวายลั่น
“ยุ๊ด หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ พวกแกทำอะไรของแก หยุดสิโว๊ย หยุด”
แต่พวกนักเลงไม่สน ยังขนกันต่อไป วสันต์โมโหเดินเข้าไปหาชายที่เป็นหัวหน้า
“มันจะมากไปแล้วนะโว๊ย พวกแกเอาของไปหมดบ้านฉันยังไม่พอ แม้แต่ที่นอนหมอนมุ้ง พวกแกก็ยังจะเอาอีกเหรอ ไอ้โหด”
นักเลงทวงหนี้ยักไหล่อย่างไม่แคร์
“ช่วยไม่ได้ ก็พวกคุณไม่ยอมจ่ายดอกเอง มีอะไรเหลืออยู่ พวกผมก็ต้องยึดทั้งงั้นแหละ”
วสันต์ได้ฟังก็ยิ่งโมโหมากขึ้น เอากฎหมายมาขู่
“งั้นฉันจะแจ้งความ หนี้การพนันกฎหมายไม่รับรองอยู่แล้วโว๊ย ถ้าพวกแกไม่ยอมหยุด ฉันจะให้ตำรวจมาลากคอพวกแกเข้าคุกให้หมดเลย”
“เอาเลย แต่ก่อนที่พวกผมจะเข้าคุก” หัวหน้าแก๊งเปิดชายเสื้อให้ดูปืนพกที่เอว “พวกคุณต้องเข้าไปอยู่ในโลงก่อน”
วสันต์เห็นปืนก็ตกใจ กลัวลนลานสุดๆ รีบวิ่งเข้าไปแอบหลังวัลลภาทันที วัลลภาเองก็กลัวไม่แพ้กัน
ชายที่เป็นหัวหน้าเดินเข้าไปหาวัลลภา วสันต์
“ไม่ต้องกลัวคุณนาย ผมก็แค่จะมาเตือน ว่าบ้านหลังนี้ใกล้จะหลุดจำนองเต็มทนแล้ว ถ้าคุณนายยังไม่มีเงินมาคืนอีก ผมก็คงต้องยึดล่ะนะครับ”
วสันต์ฟังแล้วตกใจมากเพราะเป็นข่าวใหม่ “นี่แม่เอาบ้านไปจำนองด้วยเหรอ แล้วอย่างงี้จะไปซุกหัวที่ไหนเนี่ย”
วัลลภาของขึ้นตวาดแว๊ดใส่ลูกชาย
“แกจะโวยวายทำไม เงินที่ได้มา แกก็มีส่วนผลาญเหมือนกันล่ะน่า”
วสันต์ กับวัลลภาเครียดสุดๆ แต่ก็กลัวพวกนักเลง เลยไม่กล้าโวยวายมาก

วันเดียวกันนั้นชม้อยกำลังจีบปากจีบคอเม้าท์แตกคุยมือถือกับนักข่าว โดยมีเพิร์ลลี่อยู่ใกล้ๆ ที่สตูดิโอบริษัทของยิ่ง
“นั่นล่ะค่า นังไฮโซนั่นแหละค่ะ นังของปลอม มันหลอกเงินคุณแม่ไปเป็นสิบๆ ล้านยังไม่พอ ยังคิดจะให้ลูกชายมันมาเต๊าะไข่เค็มคุณแม่ล้างหนี้อีก” ชม้อยเพิ่มออฟชั่นปากคอสั่น “มันด่าทอ ตบตี จิกหัว ตีเข่าเขย่าศอก แต่คุณแม่ก็ไม่ยอมมันนะคะ ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงมันค้ำคออยู่...ใช่ค่า จัดเต็มไปเลยค่า...”
เพิร์ลลี่รู้สึกอับอายจนทนไม่ไหว สะกิดแม่ ให้แม่เลิกสตรอเบอร์รี่ซะที
“แค่นี้ก่อนนะคะ” พูดถึงตอนนี้ชม้อยทำปากเบะจะร้องไห้ “น้องเพิร์ลลี่สงสารคุณแม่จนทนไม่ไหว คุณแม่ขอตัวไปปลอบน้องเค้าก่อนนะคะ”
ชม้อยกดวางสาย ก่อนจะหันไปคุยกับเพิร์ลลี่
“อะไรอีกล่ะคะลูก แม่กำลังเม้าท์มอยกับนักข่าวมันส์ๆ เลย”
เพิร์ลลี่พูดอย่างอายๆ คนอื่น
“คุณแม่ไม่เม้าท์เว่อร์ไปหน่อยเหรอคะ ถ้าเรามีเป็นสิบๆ ล้านจริงๆ เพิร์ลลี่จะมาแหวกโน่น เปิดนี่ โกยนั่น หกคะเมนตีลังกา ทำกระฉอก ให้คนเค้าเห็นกันทั้งบ้านทั้งเมืองทำไมคะ”
“ก็มันจะได้ดังๆ ไงลูก ไหนๆ ก็ทวงหนี้ไม่ได้แล้ว ก็สร้างข่าวให้งานเข้ามันซะเลย จะได้ถอนทุนไงคะ”
“คุณแม่แน่ใจเหรอคะว่ามันจะดัง เพิร์ลลี่ว่าเราถูกหลอกแบบเนี้ย มีแต่คนเค้าจะสมน้ำหน้าเอานะคะ” เพิร์ลลี่แย้งแม่ แต่ชม้อยไม่สน
“ใครเค้าจะสมน้ำหน้า เราออกจะเป็นคนดีมีศีลธรรม เค้าต้องสงสารเราสิคะลูก ไม่เอาละ คุณแม่โทรไปเม้าท์กับฉบับอื่นดีกว่า”
ว่าแล้วชม้อยก็กดมือถือ โทรออกไปเม้าท์ต่อ เพิร์ลลี่อ่อนใจ เบือนหน้าหนีด้วยความเซ็ง
ทันใดนั้นเอง สายตาเพิร์ลลี่ก็มองไปเห็นก้องหอบดอกไม้ช่อใหญ่เดินเข้ามา เพิร์ลลี่มองตามก้องไปด้วยความสนอกสนใจทันที

กองทัพมดแมง ทำงานอย่างหนักหน่วงที่มุมหนึ่งในบริษัทยิ่ง เพราะวุ้น และ ก้อย กำลังป้อนขนมให้ว่าน กับ นัท ดูแล้วหวานแหววสุดๆ สุดยอดเดินผ่านมา เห็นทั้งสี่คนกำลังสวีทกันก็หมั่นไส้
สุดยอดมองขวางตาพูดขึ้นเสียงดัง
“แหม หมู่นี้เห็นคุณวุ้น คุณก้อยบ่อยจังเลยนะครับ ท่าทางจะไม่ค่อยมีงานทำ”
“มีสิคะ วุ้นกำลังมาหาข่าวจากแหล่งข่าวชั้นดีอยู่นี่ไง” วุ้นว่พลางหันไปเกาคางให้ว่าน ว่านทำหน้าเคลิ้มร้องหงิงๆ
“ส่วนก้อย ก็โหวตให้คุณยอดไปตั้งเยอะ ตอนคุณยอดประกวดบ้านตะกายดาว” ก้อยว่า แต่สุดยอดงงๆ
“เอ๊ะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกันครับ”
“เกี่ยวสิคะ เพราะก้อยเป็นหนึ่งในผู้มีบุญคุณของคุณ ถ้าสิ่งที่ก้อยทำไม่หนักหัวใครจนเกินไป ก็กรุณาหุบปากด้วยค่ะ”
“แรงส์” สุดยอดสะดุ้งโหยง
ระหว่างนั้นก้องก็หอบช่อดอกไม้เดินเข้ามาหา สุดยอดหันไปเห็นเข้าก็หน้าบึ้งตึงทันที ส่วนก้องยิ้มทักทาย พร้อมถามถึงยาหยีทันที
“สวัสดีครับ คุณหยีมาถึงรึยังครับเนี่ย”
“ยังครับ แล้วนี่คุณก้องรู้ได้ไงครับว่าวันนี้คุณหยีมีประชุม” ว่านถาม
“ไม่แปลกอะไรไม่ใช่เหรอครับ ที่เราจะรู้เรื่องของคนที่เราสนใจ”
คำหวานจากปากก้อง เล่นเอาสองสาว วุ้น กับ ก้อย สุดจะทนไหว กรี๊ดออกมาพร้อมๆ กัน
แต่สุดยอดฟังแล้วออกอาการแหวะจะอ้วกเพราะหมั่นไส้ เลยแกล้งพูดลอยๆ
“บริษัทนี้ก็ดีจริงๆ เลยนะ คนไม่เกี่ยวข้องก็เดินเข้าเดินออกกันได้ตลอดไม่มีความล้งความลับอะไรเก็บไว้เลย”
ก้องเลยนั่งลงตรงนั้นมันซะเลย ไม่มีท่าทีสะทกสะท้านกับคำประชดของสุดยอด ในขณะที่ สุดยอดมองก้องตาขวาง หมั่นไส้สุดขีด นัทมองอยู่หันไปพูดกับว่าน
“ข้าว่าบรรยากาศมันมาคุไงไม่รู้ ไปเตรียมงานกันก่อนดีมั้ยวะ”
“นำไปเลยเพื่อน”
ว่าน นัท จูงมือวุ้น กับก้อยเดินเลี่ยงออกมา บริเวณนั้นเหลือเพียงสุดยอด และก้องแค่สองคน
“เป็นคนรวยนี่ดีจังเลยนะครับ งานการไม่ต้องทำ จีบสาวได้ทั้งวัน”
“ไม่ใช่สาวทุกคนหรอกครับ สำหรับผม มีแค่คุณหยีคนเดียวเท่านั้น”
สุดยอดฟังแล้วยิ่งหมั่นไส้ ปั้นหน้ายิ้มพร้อมพูดประชด
“คาสโนว่าตัวพ่ออย่างคุณเนี่ยนะครับ จะมีแค่คนเดียว”
“ผมอาจจะชอบผู้หญิงได้หลายคน แต่รักแท้ มีไว้สำหรับผู้หญิงแค่คนเดียวเท่านั้นก็คือคุณยาหยี” ก้องพูดน้ำเสียงจริงจัง
“แล้วคุณจะไม่ถามเค้าหน่อยเหรอ ว่าเค้ารักคุณรึเปล่า” สุดยอดพูดด้วยความโมโหหึง
“ถึงตอนนี้จะไม่ แต่ต่อไปรักแน่ เพราะอย่างน้อย ก็ไม่มีใครรักคุณหยีได้เท่าผมอยู่แล้ว”
“รู้ได้ไงว่าไม่มี” สุดยอดจ้องหน้าก้องเขม็งแต่ก้องกลับก้องยิ้มเยาะ
“คุณคงหมายถึงตัวคุณล่ะซิ คนที่ไม่มีความกล้าแม้แต่จะสารภาพรักผู้หญิง จะทำให้คุณหยีเชื่อได้ยังไง ว่าคุณรักเค้าจริง”
สุดยอดปรี๊ด...โมโหหึงสุดๆ ลุกขึ้นยืน
“ถึงผมจะไม่ได้พูดจากปาก แต่ผมจะพิสูจน์ด้วยการกระทำ แล้วยาหยีจะรู้เอง ว่าผมรักเค้ามากขนาดไหน”
ทันใดนั้นเสียงของยาหยีก็ดังแทรกขึ้นมา
“ฉันรู้แล้วค่ะ”
สุดยอดตกใจหันไปมองตาม เห็นยาหยียืนมองตนอยู่ สุดยอดหน้าเจื่อน อึกๆอักๆทำอะไรไม่ถูก
ก้องลุกขึ้นยืน แล้วยื่นช่อดอกไม้ให้สุดยอดรับไปแบบอึ้งๆ ก่อนจะหันไปพูดกับยาหยี
“ผมชนะพนันทำให้เค้าพูดได้แล้วนะคุณหยี อย่าลืมเลี้ยงข้าวผมล่ะ” ว่าพลางหันไปพูดกับสุดยอด “ผมไม่ได้แพ้คุณหรอกนะคุณสุดยอด ผมก็แค่อยากเห็นคุณหยีมีความสุขเท่านั้นเอง”
พูดจบก้องก็เดินเลี่ยงออกไป ด้วยมาดผู้เสียสละอย่างเท่ห์โครตๆ โดยมี อีก 2 คู่ ว่าน นัท วุ้น ก้อย กำลังแอบดูอยู่
“โคตรเท่ห์เลย” ว่านพูดพร้อมมองตามก้องไป
“ขนาดเป็นผู้ชายด้วยกัน ยังเคลิ้มเลยว่ะ” นัทเสริม
ส่วนก้อยนั้นเคลิ้มคล้อยสุดๆ “ถึงพี่จะแพ้ แต่พี่จะเป็นพระเอกในใจหนูเสมอค่ะ พี่ก้อง”
ในขณะที่วุ้นใช้ปากกาจดรายละเอียดยิก “ดังแน่ ฉบับพรุ่งนี้ขายดีชัวร์”
ทางด้านสุดยอด กับ ยาหยี ต่างก็ทำอะไรไม่ถูก มองหน้ากันด้วยท่าทีเขินๆ
สุดยอดเดินไปยื่นช่อดอกไม้ให้ยาหยี เขินๆ ผมให้
ยาหยีรับช่อดอกไม้มา ในอาการเขินอาย “ไม่ลงทุนเลยนะ”
แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มให้กันไปมา แม้จะเขินแต่ก็มีความสุข ที่ได้เผยความในใจซึ่งกันและกันออกมา โดยไม่รู้ว่าขณะนั้นมีสายตาของเพิร์ลลี่ซึ่งแอบดูอยู่อีกมุมหนึ่ง มองจ้องทั้งคู่เขม็ง

พร้อมกันนั้นเพิร์ลลี่กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ด้วยความริษยาสุดๆ

จบตอน
โปรดติดตามตอนต่อไป วันพรุ่งนี้
วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554







กำลังโหลดความคิดเห็น