xs
xsm
sm
md
lg

ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลิขิตเสน่หา
ตอนที่ 1

บริเวณหน้ากรงเสือภายในสวนสัตว์ เจ้าเสือร้ายกำลังอ้าปากส่งเสียงคำรามใส่เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล ที่เล่นอยู่ใกล้ๆ จนพากันแตกฮือร้องลั่นด้วยความตกใจกลัว ครูปราณี วิ่งลนลานเข้ามาร้องปรามลูกศิษย์ตัวน้อย

“หยุดนะ อย่าเข้าไปใกล้ ครูบอกแล้วทำไมไม่ฟัง”
เด็กๆ ยังหัวเราะต่อกระซิก
“ว่าแล้วยังจะมาหัวเราะอีก เร็วๆ จัดแถวๆ”
เด็กๆ เข้าแถวเรียงตามลำดับไหล่ ครูปราณีนับจำนวนเด็กๆ นับเสร็จ นับใหม่อีกครั้ง เพราะยอดนักเรียนไม่ครบจำนวน ครูปราณีตกใจ
“ไม่ครบ ใครหายไปเนี่ย!!” ครูปราณีพูดกับตัวเองพร้อมกับทำท่าตกใจตาโต มองไปที่กรงเสือ ในขณะที่เสือร้ายยังคงอ้าปากคำรามลั่น
“หรือว่า....”

อีกมุมหนึ่งของสวนสัตว์แห่งเดียวกันนั้น เด็กหญิงไข่ตุ๋นกำลังจะลอดรั้วเข้าไปในคอกม้า แต่มีมือของใครอีกคนเข้ามาดึงชายเสื้อไว้ ที่แท้เป็น เด็กชายข้าวตู นั่นเองที่กำลังดึงชายเสื้อเด็กหญิงไข่ตุ๋นไว้ พร้อมกับร้องห้ามเสียงดัง
“ไข่ตุ๋น อย่านะ ครูปราณีห้ามไว้ไม่ให้เข้าใกล้กรง”
“ก็ไม่ได้เข้าไปใกล้ๆ นี่ เราจะเข้าไปข้างในเลยต่างหาก” ไข่ตุ๋นลอดเข้าไปได้ครึ่งตัวแล้ว ข้าวตูดึงขาเอาไว้
“แล้วเธอจะเข้าไปทำไม มันอันตรายนะ” ข้าวตูยังพยายามจะห้าม
“อันตรายที่ไหนกัน ไม่เคยฟังนิทานเหรอ เจ้าชายเรื่องๆ ไหนก็ขี่ม้ากันทั้งนั้นแหละ แล้วทำไมเราจะขี่บ้างไม่ได้”
“แต่ไข่ตุ๋นไม่ใช่เจ้าชายซะหน่อย ไข่ตุ๋นเป็นผู้หญิงนะ”
“ไม่เป็น! เราจะเป็นเจ้าชาย” ไข่ตุ๋นสะบัดขาสุดแรง ข้าวตูโดนแรงสะบัดล้มก้นจ้ำเบ้า
ครั้นพอเงยหน้าขึ้นมามองเห็นอะไรบางอย่างตรงหน้า ก็ตกใจกลัว ร้องไห้ขึ้นมาทันที ไข่ตุ๋นหันกลับมามอง สีหน้าตกใจเหมือนกัน!


ทางด้านครูปราณีกำลังวิ่งวุ่นตามหาข้าวตู กับไข่ตุ๋น เธอวิ่งผ่านกรงโน้นกรงนี้หัวหมุนไปหมด ขณะที่บรรดาเด็กอนุบาลก็พากันวิ่งตามครูเป็นพรวน จนครูปราณีเหลียวหลัง หันกลับมาดุเด็กๆ เสียงดัง
“เด็กๆ ครูบอกว่าให้รออยู่ตรงนั้นไง”
เด็กนักเรียนที่นำหน้าเบรคฝีเท้า จนเด็กที่ตามหลังมาชนกันล้มระเนระนาด ครูผู้ช่วยต้องเข้ามาประคองจัดแถวให้ใหม่
“ฝากด้วยนะคะ ครูป้อม” ครูปราณีบอกครูผู้ช่วยพลางหันไปดุเด็ก
“เด็กๆ ห้ามตามครูมาอีกนะ” เด็กๆ เบ้ปากร้องไห้ไล่ตามหลังครูปราณี
ครูปราณีได้ยินเสียงเด็กๆร้องไห้ไล่หลังมาก็อ่อนใจ จนอยากร้องไห้
“โอ๊ย มาร้องอะไรตอนนี้ แค่เด็กหายก็จะบ้าตายอยู่แล้ว”


เวลาเดียวกันนั้นภายในห้องเตรียมงานสัมมนา ณนนท์ กำลังตำหนิคนงานที่กำลังตกแต่งห้องสัมมนาเสียงดัง คนงานแต่ละคนกลัวจนหงอไปหมด
“ผมบอกกี่ครั้งแล้วให้คอมเฟิร์มซัพพลายเออร์ดอกไม้ให้ดีๆ ว่าผมเอาแต่กล้วยไม้นอกเท่านั้น ไม่เอากล้วยไม้ไทย แล้วกล้วยไม้ไทยพวกนี้มาจากไหน ใครรับผิดชอบ” คนงานที่ยืนอยู่ต่างพาก้มหน้างุดหลบตา
“ฉันรับผิดชอบเอง” ยี่หวาพูดขึ้นเสียงดัง พร้อมกับก้าวเดินเข้ามา พลางชี้ที่ป้ายงาน
“ก็ป้ายงานเขียนว่าไรล่ะ”
ป้ายงานเขียนชัดเจนว่า ‘งานท่องเที่ยววัฒนธรรมสี่ภาค’
“แล้วชั้นทำผิดคอนเซปต์ตรงไหน” ยี่หวาบอก
“ไม่ผิด…แต่ขัดคำสั่งผม งานนี้ผมต้องการเน้นให้คนต่างชาติเค้ามาสนใจเมืองไทย มันถึงต้องจัดให้เป็นอินเตอร์ ไม่ใช่เอะอะก็ยัดเยียดความเป็นไทย คนต่างชาติต่างภาษาเค้าจะเข้าใจมั้ยล่ะ” ณนนท์ถอนหายใจเซ็งๆ ก่อนจะพูดต่อ
“คุณอย่ามาทำเป็นอวดฉลาดหน่อยเลย กับอีแค่ร้านดอกไม้…”
ยี่หวารู้สึกโมโหเอามากๆ “ร้านดอกไม้แล้วไง ต้องออกาไนเซอร์อย่างคุณเท่านั้นเหรอ ถึงจะมีไอเดียมีสมองได้”
ยี่หวายิ้มเยาะก่อนจะใส่อีกชุด “งานวัฒนธรรมไทยแต่ทำให้ดูเป็นอินเตอร์ ถ้าคนต่างชาติเค้าต้องการความเป็นอินเตอร์ แล้วเค้าจะมาเมืองไทยทำไมไม่ทราบ ขอโทษนะ นี่ตกลงใช้สมองคิดแน่ใช่มั้ย”
ณนนท์ของขึ้นชี้หน้ายี่หวา “นี่คุณ...”
ระหว่างนั้นมีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะพอดี ณนนท์กดรับ “ฮัลโหล...”
ณนนท์หน้าเสีย รีบเดินเลี่ยงออกมาคุยโทรศัพท์ “ว่าไงครับคุณครู...”

พอณนนท์แยกตัวไป พวกคนงานเริ่มจับกลุ่มเม้าท์กันทันที
“ไม่อยากเชื่อ ว่าจะมีคนรอดตายจากการทิ้งระเบิดของคุณนนท์” คนงานคนหนึ่งพูดขึ้นเพราะเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เกิดเหตุการณ์เมื่อ อีกรายสนับสนุน ออกอาการซูฮก ยี่หว่าสุดๆ
“รอดไม่รอดเปล่า ยังทิ้งระเบิดสวนด้วย วีรสตรีไทยกลับชาติมาเกิดชัวร์ๆ”

ณนนท์มีสีหน้าตกใจขณะพูดโทรศัพท์ “ฮ๊า อะไรนะ ครับๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ” ณนนท์รีบเผ่นออกจากห้องไปทันที
ยี่หวาร้องตาม “นี่ ยังพูดไม่จบเลย จะไปไหนล่ะคุณ กลับมาเถียงกันก่อนสิ มีอะไรคาใจก็กลับมาได้นะ ฉันรออยู่ตรงนี้แหละ”
ทันใดนั้น มือถือยี่หวาก็ดังขึ้น
ยี่หวาดูเบอร์ กดรับสายทันที “สวัสดีค่ะคุณครู” ยี่หวาตกใจ “อะไรนะคะ ค่ะๆ ไปๆๆ เดี๋ยวนี้แหละค่ะ”

บริเวณสวนสัตว์ไข่ตุ๋นกับข้าวตูจับมือกันแน่น ยืนตัวแข็ง ข้าวตูร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความกลัว ส่วนไข่ตุ๋นแม้จะกลัวแต่ยังมีฟอร์มทำกล้า ไข่ตุ๋นทำเป็นฟอร์มดุข้าวตู ทั้งที่จริงๆ ก็กลัวไม่แพ้กัน
“ร้องทำไมข้าวตู เงียบสิ เดี๋ยวมันก็ได้ยินเราหรอก”
ข้าวตูดูกลัวเอามากๆ “ก็มันกลัวนี่ นั่นมันหมีนะ หลุดออกมาจากกรงแล้ว
หมีที่ข้าวตูกลัวสุดๆ ที่แท้เป็นเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ซึ่งไว้หนวดเครารกครึ้ม ตัวสูงใหญ่ ใส่ชุดหมี กำลังถลึงตามองมาที่ทั้งคู่ เด็กน้อยสองคนกรีดร้องถอยหลังด้วยความกลัว ข้าวตูกลัวมากๆ ร้องลั่น
“หมีมันจะกินเราแล้ว”


ที่เคาท์เตอร์ฝ่ายประชาสัมพันธ์สวนสัตว์ ครูปราณีมายืนรอผู้ปกครองของเด็กสองคนที่หายตัวไปอยู่ด้วยความกระวนกระวาย ณนนท์กระหืดกระหอบเข้ามาอย่างร้อนใจ เพราะเป็นห่วงลูกสาวสุดๆ
“เจอไข่ตุ๋นมั้ยครับครู”
ครู่ต่อมายี่หวาก็วิ่งเข้ามาทางด้านหลังครูปราณี ในอาการกระหืดกระหอบเช่นเดียวกัน
“ข้าวตูล่ะคะ คุณครู” ยี่หวาร้องถามถึงลูกชายอย่างร้อนใจ
ณนนท์ได้ยินจึงถามคนหัวอกลูกหายเหมือนหัน โดยไม่ทันมองหน้าเจ้าของเสียง
“ลูกคุณก็หายเหรอครับ”
ณนนท์หันหลังไปปะทะกับยี่หวา ตกใจระคนแปลกใจ
“คุณ!!!” ทั้งคู่อุทานพร้อมกัน

“คุณพ่อคุณแม่ใจเย็นก่อนนะคะ ตอนนี้ทุกคนกำลังออกตามหาอยู่ค่ะ” ครูปราณีปลอบสองพ่อแม่ลูกหาย
ยี่หวาร้อนใจไม่หายซักต่อทันที
“แล้วทำไมลูกฉันถึงหายไปได้ล่ะคะคุณครู ปกติลูกฉันก็เรียบร้อยนะคะ ไม่น่าจะแอบไปซนที่ไหน”
ณนนท์ออกอาการขวางหูขวางตา หมั่นไส้ยี่หวาขึ้นมาซะงั้น เพราะเพิ่งมีคดีเก่ากันมา
“อ้าว คุณพูดอย่างนี้ก็หมายความว่าลูกผมชวนไปล่ะสิ”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย ร้อนตัวไปหรือเปล่า” ยี่หวาโต้กลับ
“ก็ลูกเราสองคนหายไป ถ้าคุณไม่ว่าลูกผม แล้วคุณว่าลูกใคร”
ยี่หวาตัดบทขึ้นว่า “โอเคๆ ถ้าคิดว่าฉันว่า…ฉันพูดอะไรไปคุณก็คงไม่ฟัง ก็ได้ ฉันว่าลูกคุณ” ว่าพลางยี่หวาชี้หน้าเอาเรื่องณนนท์
“คอยดูนะ ถ้าลูกคุณทำลูกฉันเป็นอะไร ฉันจะ...”
“จะอะไรๆๆ” ณนนท์มีหรือจะยอม
ครูปราณีเห็นท่าไม่ดีรีบห้ามทัพ
“หยุดเถอะค่ะ คุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งทะเลาะกัน สู้เอาเวลานี้ไปตามหาลูกดีกว่ามั้ยคะ ป่านนี้เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้”
ณนนท์พักการทะเลาะกับยี่หวาหันมาถามข้อมูลครูปราณี
“ครูจำได้มั้ยครับ เห็นเด็กสองคนนี้ครั้งสุดท้ายที่ไหน”
ครูปราณีพยายามนึกเท่าไหร่ แต่นึกไม่ออก
ยี่หวาหันมาหาตัวช่วย “เด็กๆ มีใครเห็นบ้างคะ”
หลังจากพากันอ้ำอึ้งอยู่สักพัก เด็กคนหนึ่งก็พูดขึ้นมา “หนูเห็นที่กรงเสือ”
ขณะที่อีกคนบอกว่า “ผมเห็นที่กรงสิงโต” และอีกคนก็แย้งขึ้นมาว่า
“ไม่ใช่ บ่อจระเข้ต่างหาก ข้าวตูกับไข่ตุ๋นทำท่าจะโดดลงไปด้วยคับ”

กลายเป็นว่าพวกเด็กๆ หันมาถกเถียงกันไปมา ว่าข้าวตู ไข่ตุ๋นหายไปที่ไหนกันแน่ จนเสียงดังจ๊อกแจ๊กจอแจ จนเหตุการณ์ดูวุ่นวายไปหมด ยี่หวาเข่าแทบทรุดห่วงลูกจนน้ำตาไหล ส่วนณนนท์กุมขมับ เครียดหนักพอกันทั้งคู่
สักพักก็มีมือเล็กๆ มาสะกิดที่หลังยี่หวาถามขึ้นว่า
“คุณแม่ครับ คุณแม่ร้องไห้ทำไมครับ” เป็นเด็กชายข้าวตู นั่นเอง
ขณะที่เด็กหญิงไข่ตุ๋น ทักพ่อตัวเองที่กำลังกุมขมับอยู่ว่า “พ่อ พ่อปวดหัวเหรอคะ”
“ไข่ตุ๋น / ข้าวตู” ณนนท์ กับ ยี่หวาดีใจสุดๆ ตะโกนเรียกชื่อลูกออกมาพร้อมๆ กัน
แล้วต่างฝ่ายต่างก็โผกอดลูกของตัวเองด้วยความดีใจ

เวลาต่อมาที่บริเวณลานจอดรถของสวนสัตว์ ครูปราณี และเด็กๆอยู่บนรถบัสพร้อมหน้า บรรดาเด็กๆ กำลังโบกมือบ๊ายบาย ให้กับณนนท์ และยี่หวา ที่ยืนฉีกยิ้มบ๊ายบายตอบอยู่ด้านล่าง
ไข่ตุ๋นยิ้มแย้ม “บ๊ายบายค่ะพ่อ ไว้เจอกันที่บ้านนะ”

ครั้นพอรถบัสเคลื่อนตัวออกไป ณนนท์ กับยี่หวาก็หมดเวลาฉีกยิ้มสร้างภาพกันอีกต่อไป ทั้งคู่หันมาฉะกันต่อทันที
“ฉันนึกแล้ว ว่าลูกคุณต้องเป็นฝ่ายชวนลูกฉัน” ยี่หวาเปิดเกม
“เด็กมันก็ต้องซน เรื่องธรรมดา ไม่รู้จะโวยวายทำไม” ณนนท์ไม่ยอม
ยี่หวาเริ่มโมโห “แล้วถ้าลูกฉันเป็นอะไรไปล่ะ”
“ก็แล้วมันเป็นอะไรมั้ยล่ะ” ณนนท์สวนกลับ
“ฉันไม่แปลกใจเลย ที่ไข่ตุ๋นซนอย่างงี้ ก็เพราะมีพ่ออย่างคุณคอยให้ท้ายนี่เอง”
ณนนท์ชักยัวะเริ่มโมโหเหมือนกัน “แล้วคุณล่ะ ดูแลลูกตัวเองให้ดีก่อนเถอะ ค่อยมาว่าลูกคนอื่นเค้า”
ยี่หวาขึ้นเสียงอย่างมีโมโห “ทำไม ฉันเลี้ยงลูกไม่ดีตรงไหน
ณนนท์ยิ้มเยาะตรงมุมปาก “ตุ๋มติ๋มซะขนาดนั้น ตอนแรกผมยังนึกว่าเป็นเด็กผู้หญิงซะอีก”
ยี่หวาเดือด “คุณว่าลูกฉันเป็นตุ๊ดเหรอ”
ขาดคำ ยี่หวาก็กระทืบปลายเท้าณนนท์เต็มที่ ณนนท์กระโดดเต้นโหยงด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ยี่หวาจะปล่อยหมัดขวาตรงเข้าเต็มเบ้าตาณนนท์
“โอ๊ย!” ณนนท์ร้อง เพราะโดนเข้าไปเต็มหมัด เห็นดาวลอยเต็มฟ้า

ยี่หวากำลังตั้งท่าเดินจากไป เสียงณนนท์ร้องไล่หลังมา
“แน่จริงอย่าหนีซิ” ยี่หวาหยุดกึก แล้วเดินกลับหาณนนท์
“นี่แน่ะ” ยี่หวากระทืบเข้าที่เท้าอีกข้าง ณนนท์เจ็บจนแทบกระโดด
“โอ๊ย !!”
“อย่างนี้เรียกแน่จริงหรือเปล่า”
ยี่หวาสะบัดหน้าจากไปด้วยความสะใจ ณนนท์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเพราะโกรธสุดๆ

ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งนั้น ทีมงานผลิตรายการโทรทัศน์ กำลังถ่ายทำรายการโทรทัศน์ “เจ๋งสุดๆ กับสุดยอด” โดยมีสุดยอดเป็นพิธีกร โดยมีบรรดาแฟนคลับของสุดยอด มามุงดูการถ่ายทำอยู่เต็มไปหมด ว่านเป็นโปรดิวเซอร์ควบคุมรายการ ส่วนนัทเป็นครีเอทีฟ
นอกจากแฟนคลับแล้วบรรดาผู้คนที่มาชอปปิ้ง ต่างมุงดูกันเต็มไปหมด บางคนก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ถ่ายคลิป ฯลฯ ส่วนแฟนคลับสุดยอด คอยชูป้ายให้กำลังใจกันเป็นทิวแถว
ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะ สุดยอด พิธีกรสุดหล่อ เคยประกวดเรียลลิตี้และคว้าตำแหน่งที่สามจาก “บ้านตะกายดาว” โด่งดังในระดับนึง เป็นทั้งพิธีกร ดารา นายแบบ แต่ยังไม่เด่นดังเปรี้ยงมากมาย
“แล้วเราก็มาถึงเป้าหมายที่เจ๋งสุดๆของเราในวันนี้แล้วนะครับ” สุดยอดพูดพร้อมกับผายมือออกมา ทุกคนต่างก็เห็นเป็นร้านขายนาฬิกาไฮโซสุดหรู
สุดยอดยิ้มแย้มในขณะพูด “ทุกท่านคงอยากจะรู้แล้วใช่มั้ยครับ ว่าร้านนี้มีอะไรเจ๋ง ตามผมมาเลยครับ กับ...” ว่าแล้วสุดยอดก็ออกลีลาแอ๊คชั่นซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรายการต่อหน้าผู้ชม
“เจ๋งสุดๆ กับสุดยอด”
ขาดคำแฟนคลับก็พากันกรี๊ดลั่น พร้อมกับชูป้ายให้กำลังใจกันวุ่นไปหมด
“คัททททท” โปรดิวเซอร์ว่านร้องดังลั่น หันไปวีนแฟนคลับ “เบาๆหน่อยสิครับน้องผมกำลังถ่ายทำอยู่นะครับ ไม่ใช่คิดจะกรี๊ดก็กรี๊ดออกมา”
“งั้นวันหลังก็ยกป้ายบอกมาสิว่าห้ามกรี๊ด ไม่บอกแล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะ” แฟนคลับสุดยอดรายหนึ่งสวนกลับ
ขณะที่แฟนคลับอีกคนกำลังส่งสายตาปิ๊งๆๆ ให้สุดยอด
“พี่ยอดทำท่าเท่ห์ซะขนาดนั้น จะอดใจไม่กรี๊ดยังไงไหว จริงมั้ยพวกเรา”
เสียงแฟนคลับกรี๊ดสนั่นขึ้นมาพร้อมๆกัน
เจอแบบนี้ว่านก็ทำหน้าตาเหยเก เถียงกับคนบ้าเพราะรักไม่ไหว และออกอาการชักกลัวๆ
“อ้ะ ถ่ายใหม่ๆ ใครมีหน้าที่อะไรก็รีบๆ ทำ เร็ว!”
ทีมงานรีบกุลีกุจอทำงานทันที ในขณะที่บรรดาแฟนคลับยังออกอาการปลื้มอยู่กับสุดยอด กะว่าเสร็จงานเมื่อไหร่ได้ถึงเนื้อถึงตัวแน่

ภายในห้างฯ แห่งเดียวกัน ที่หน้าห้องน้ำชาย ซึ่งนัท ว่าน และสุดยอด พากันมาเข้าห้องน้ำ โดยมีบรรดาแฟนคลับมายืนรอแหนอยู่บริเวณหน้าห้อง เต็มไปหมด
นัทเดินออกมาจากห้องน้ำก่อน พวกแฟนคลับรีบเข้าไปรุมทันที
“พี่ยอดล่ะ ทำไมเข้าไปนานจังเลย ท้องเสียรึเปล่าเนี่ย” แฟนคลับรายหนึ่งบ่นขึ้นอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“ยอดสบายดีครับ ทุกคนไม่ต้องห่วง แต่ตอนนี้ยอดกลับไปแล้ว ขอเชิญทุกคนกลับไปก่อนนะครับ” นัทบอกกล่าวแฟนคลับ ทว่าไม่มีใครเชื่อ แฟนคลับคนหนึ่งตวาดแว๊ดขึ้นมา
“จะกลับไปได้ไงยะ ฉันเฝ้าอยู่ตลอด ยังไม่เห็นใครออกมาเลย” ว่าพลางชี้หน้านัท “จะกีดกันไม่ให้พวกเราพบพี่ยอดใช่มั้ย พวกเรา ลุย!”
บรรดาแฟนคลับบุกจะเข้าไปในห้องน้ำชายทันที นัทเห็นดังนั้นก็ตกอกตกใจพยายามกันไว้สุดฤทธิ์ เลยโดนหางเลขไปคนละตุ้บสองตุ้บ
ระหว่างขณะนั้นเอง ว่านก็ใส่เสื้อโค้ท สวมแว่นตาดำ อำพรางตนให้แฟนคลับเข้าใจผิดว่าเป็นสุดยอด เดินย่องๆหนีออกมาจากในห้องน้ำ
แฟนคลับคนหนึ่ง เหลือบไปเห็นว่านเข้า จึงคิดว่าเป็นสุดยอด ร้องขึ้น “พวกเรา นั่นไงพี่ยอด”
ว่านรีบใส่เกียร์ห้า วิ่งหน้าตั้งหนีทันที บรรดาแฟนคลับก็แห่กรี๊ดลั่น วิ่งกรูตามไปทันทีเช่นกัน
นัทถอนใจอย่างโล่งอก ก่อนจะมองตามด้วยความห่วงเพื่อน “ฝูงไฮยีน่ารึไงวะ จะรอดมั้ยเนี่ยไอ้ว่าน”
สุดยอดค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากในห้องน้ำ มองซ้ายมองขวาแล้วถามนัทขึ้น
“สถานการณ์เป็นไงบ้างวะ”
“เคลียร์แล้ว แต่ทีหลังอย่าเล่นมุขนี้บ่อยนักนะเว๊ย พวกข้าก็รักชีวิตเหมือนกัน” นัทบ่น
“เออๆ ขอบใจมากเว๊ยเพื่อน”

สุดยอดเดินออกมาจากในห้องน้ำ ทันใดนั้น สายตาก็เหลือบไปเห็น เอนิตา กำลังเดินคลอเคลียกับนายแบบหนุ่มคนหนึ่งอยู่ สุดยอดหน้าตึง ก่อนจะเดินเข้าไปขวางหน้าเอนิตากับนายแบบหนุ่มเอาไว้
สุดยอดปั้นหน้ายิ้มประชด พร้อมกับไหว้เอนิตา
“สวัสดีคร้าบ พี่สะใภ้ซุปเปอร์โมเดลของผม”
ทำเอานายแบบหนุ่มมาด้วยกับเอนิต้างงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่เอนิตาจ้องหน้าสุดยอดตาขวาง
“มีอะไรเหรอ นักล่าฝันตกกระป๋อง” เอนิตาทักกลับ
“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับพี่สะใภ้ ถ้าจะเอ็นดูลูกคนอื่นผมก็ไม่ว่าหรอกนะคร้าบ แต่ยังไงก็หัดมาเยี่ยมๆ มองๆ ลูกตัวเองบ้าง เด็กมันโตขึ้นทุกวันอย่าให้มันว่าได้ว่ามีแม่นิสัยไม่ดีชอบทิ้งๆ ขว้างๆ” สุดยอดพูดกวนๆ
เอนิตากัดฟัน “ไอ้สุดยอดชั่ว ฉันไปเหยียบหางแกเหรอ แกถึงได้มากัดฉัน”
นายแบบที่เอนิตาควงมาเห็นท่าไม่ดี เพราะกลัวซวยจึงขอตัว
“เอ่อ พี่ๆ ครับ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ...หวัดดีครับ”
นายแบบหนุ่มไหว้ลาแล้วรีบชิ่งหนีไปทันที มิวายที่เอนิตาจะร้องตาม
“ไมเคิล เดี๋ยวสิจ๊ะไมเคิล ไมเคิลๆ”
สุดยอดหัวเราะอย่างสะใจ
“อย่าเสียเวลาเรียกเลยพี่ น้องมันไม่อยากปีนต้นงิ้วน่ะ แต่ยังไง ก็ขอโทษด้วยนะ แหม อ้อยกำลังจะเข้าปากช้างอยู่แล้วเชียว ผมก็ดันดึงออกมาได้ ดูซิ น้ำหมากยังติดมุมปากอยู่เลย”
เอนิตาแค้นสุดด่าออกมา “ไอ้ยอดเลว” พร้อมกับโผเข้าเอากระเป๋าถือตบตีสุดยอดไม่ยั้ง
สุดยอดโดนตีเข้าไปหลายที เอามืดปิดป้องพัลวัน ร้องลั่น “โอ๊ย โอ๊ย เฮ้ย”
นัทซึ่งยืนมองอยู่ออกอาการส่ายหน้า
“เอ้า เอาเข้าไป”
เอนิตาตีสุดยอดไม่ยั้ง จนสุดยอดต้องถอยร่นไม่เป็นกระบวน สุดยอดถอยหนีจนไปชนเข้ากับยาหยีที่ถือกล่องใส่เค้กวันเกิดของข้าวตูผ่านมา
ยาหยีโดนชนจนล้ม กล่องเค้กตกจากมือ จนเค้กหน้าเละไปหมด
“ว๊าย” ยาหยีโมโห หันไปจ้องหน้าเอาเรื่องสุดยอด กับเอนิตาทันที เอนิตาหน้าเสีย รีบชิ่ง
“ฉันไม่เกี่ยวนะคะคุณ” พร้อมกับชี้หน้าสุดยอดว่าเป็นตัวการ
“ไอ้นี่ต่างหากเป็นตัวเริ่ม เล่นมันเลยค่ะ ฉันไม่เกี่ยว”
เอนิตาเดินออกไปอย่างสะใจ
“โห พอปากว่างไม่ได้เคี้ยวเด็กก็ไล่กัดเลยนะ” สุดยอดตะโกนตาม แล้วหันไปพูดกับยาหยี
“อย่าไปเชื่อนะคุณ สาเหตุมันเป็นเพราะยัยนี่...” แต่ถูกยาหยีที่กำลังโมโห พูดสวนขึ้น
“ฉันไม่สนหรอกว่าพวกคุณจะมีเรื่องอะไรกัน แต่เค้กฉันพังเละหมดแล้ว พวกคุณจะรับผิดชอบยังไง”
“เค้กพังก็พูดกันดีๆได้นี่คุณ ไม่เห็นต้องเสียงดังเลย จะเอาเท่าไหร่ล่ะ” สุดยอดไม่ค่อยพอใจ
ยาหยีได้ฟังก็ยิ่งโมโหหนัก “เท่าไหร่ก็ไม่สำคัญหรอก เพราะเค้กชิ้นนี้มันมีความหมายกับฉันมาก”
สุดยอดเริ่มรำคาญ “ไอ้โน่นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่เอา แล้วจะเอาอะไร” ว่าพลางเบือนหน้าไป ส่ายหน้าเซ็งๆ ยาหยียัวะโกรธสุดๆ จึงอาศัยช่วงที่สุดยอดเบือนหน้า หยิบเค้กบนพื้นขึ้นมา แล้วโปะใส่หน้าสุดยอดเต็มๆ จนเละไปทั้งหน้าทั้งหัว นัทยืนมองอยู่ถึงกับสะดุ้งเฮือกทำหน้าเหยเก
“ซวยซ้ำซ้อนแล้วไอ้ยอด”
“เก็บเงินของนาย เอาไว้ยัดใส่ปากตัวเองตอนตายละกัน ไอ้เบื๊อก”
ยาหยีพูดขึ้นอย่างโมโหสุดๆ พร้อมก้าวเดินฉับๆ เลี่ยงไปด้วยความโกรธ ส่วนสุดยอดเอามือปาดเค้กออกจากหน้า แล้วตะโกนไล่หลัง
“นี่คุณ คราวหน้าถ้าเจอกันอีก ซื้อเค้กอร่อยๆ หน่อยนะ” สุดยอดเอามือปาดเค้กเข้าปาก
“เค้กสั่วๆอย่างนี้ผมไม่ชอบ”
ยาหยีหันกลับด่า “ไอ้บ้า!!!”

ค่ำคืนนั้นภายในห้องนั่งเล่นที่บ้านเท่ง-พ่อของ ณนนท์ กับสุดยอด และเป็นปู่ของไข่ตุ๋น ปู่เท่งซึ่งเป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เกษียณแล้วกับหลานสาวไข่ตุ๋นกำลังดูมวยปล้ำอย่างเมามันส์อยู่ในห้อง
ไข่ตุ๋นอินกับมวยเปล้ำที่มันส์มาก ออกแอ็กชั่นท่าทางแบบสุดๆ
“ทุ่มมันเลย ทุ่มมันๆ”
“เออนั่นแหละ ขึ้นเชือกแล้วทิ้งศอกมาเลย” ปู่เท่งอินไม่แพ้หลาน
ระหว่างนั้น สุดยอดเพิ่งจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จใช้ผ้าขนหนูเช็ดหัว เดินเข้ามาในห้อง โดยที่ณนนท์กำลังนอนใช้ถุงน้ำแข็งประคบเบ้าตาที่ถูกยี่หวาต่อยอยู่
สุดยอดพูดขึ้นอย่างแค้นๆ
“พวกผู้หญิงก็อย่างเงี้ย ไม่เคยฟังเหตุฟังผล พอเถียงสู้ไม่ได้ก็ใช้กำลัง ถ้าเราเอาคืนก็หาว่ารังแกเพศอ่อนแออีก แสบขนาดนี้มันอ่อนแอตรงไหนเนี่ย”
ณนนท์ลุกขึ้นนั่ง “แกยังดีที่โดนแค่เค้ก ฉันสิ” ว่าพลางเอาถุงน้ำแข็งออก เผยให้เห็นเบ้าตาเขียวปั้ด เพราะกำปั้นยี่หวา ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น
“หมัดทั้งดุ้น...คอยดูนะ ถ้างานพรุ่งนี้งานออกมาเละเพราะยัยนี่ล่ะก็ ฉันจะบุกไปตัดต้นไม้ทิ้งทั้งร้านเลย”
“ผู้หญิงงี่เง่า” ณนนท์กับสุดยอด พูดขึ้นพร้อมกัน ถอนใจอย่างเซ็งๆ
“จริงด้วยค่ะพ่อ ไข่ตุ๋นก็ไม่ชอบผู้หญิงเหมือนกัน ไข่ตุ๋นอยากเป็นผู้ชายมากกว่า จะได้เหมือนพ่อ เหมือนอายอดแล้วก็ปู่เท่งไงคะ” ไข่ตุ๋นละหน้าจากทีวีมาสนับสนุน
ณนนท์ยิ้มหน้าบาน ลูบหัวลูกสาวด้วยความเอ็นดู “โห ลูกพ่อจริงๆ”
“นี่เจ้าไข่ตุ๋น ผู้หญิงไม่ได้งี่เง่าเหมือนกันทุกคนหรอกนะ อย่างย่าของไข่ตุ๋นไงทั้งแสนดี มีเหตุผล เป็นกำลังใจให้ปู่ทุกอย่าง” ปู่เท่งแย้ง
“แล้วผู้หญิงอย่างแม่จะมีซักกี่คนล่ะครับพ่อ ตั้งแต่เกิดมา ผมเห็นแค่แม่คนเดียวเท่านั้นแหละที่เฟอร์เฟคทุกอย่าง คนอื่นไม่เคยเห็น” ณนนท์ว่า สุดยอดสนับสนุน
“จริงของพี่นนท์ นอกจากแม่แล้ว ผู้หญิงคนอื่นก็งี่เง่าบ้าบอกันทั้งนั้นแหละ”

คืนเดียวกันนั้นที่บ้านบุญเลื่อง แม่ของ ยี่หวา กับยาหยี เป็นคุณยายของเด็กชายข้าวตู ยายบุญเลื่อง กำลังใช้ปังตอสับลงบนไส้กรอก แล้วหั่นซอยให้เป็นชิ้นเล็กๆ ขณะที่ ยาหยีกำลังทำกับข้าวไป บ่นไป ทั้งคู่กำลังทำอาหารเพื่อฉลองวันเกิดให้เด็กชายข้าวตู ที่ยืนบนม้านั่งเล็กๆ ประจำตัว คอยเป็นลูกมือ ช่วยเหลือหยิบโน่นหยิบนี่ให้
“ผู้ชายมันก็นิสัยแบบนี้ทุกคน ไร้ความรับผิดชอบเห็นแก่ตัว คิดดูสิคะแม่ ไอ้ติงต๊องนั่นมันทำเค้กวันเกิดข้าวตูพัง ยังไม่ขอโทษหนูซักคำ” ยาหยีหงุดหงิดสุดๆ
บุญเลื่องพูดไปทำกับข้าวไป “ผู้ชายก็อย่างงี้แหละ ชอบวางอำนาจ ใช้กำลัง ผิดก็ไม่ยอมรับผิด เราอย่าไปสนใจเลย ไปซื้อเค้กให้ข้าวตูใหม่ดีกว่า”
ยาหยียังอดเสียดายเค้กไม่ได้ “ซื้อใหม่ก็ไม่เหมือนของเดิมหรอกค่ะ เพราะหนูสั่งทำเป็นพิเศษ จะทำใหม่ก็ไม่ทันแล้วด้วย”

ขณะนั้นเองยี่หวาเดินถือห่อดอกไม้เข้ามา
“บ่นอะไรยัยหยี ข้าวตูล่ะ” ยี่หวาถามน้องสาว แล้วถามหาลูกชาย
“หยีหลอกให้ขึ้นไปอาบน้ำข้างบนน่ะค่ะ”
ทั้งสามคนมองหันมาหน้ากัน

ข้าวตูอาบน้ำปะแป้งขาวเดินลงมาจากข้างบนแล้วก็ต้องชะงักเมื่อมองเห็น ยี่หวา ยาหยี บุญเลื่อง เต้นรีวิวร้องเพลงวันเกิดให้ข้าวตูแบบขำๆ ข้าวตูหัวเราะชอบใจ
ยี่หวา ยาหยี ยายบุญเลื่อง ประสานเสียง
“แฮปปี้เบริ์ธเดย์ทูยู...แฮปปี้เบริ์ธเดย์ทูยู...แฮปปี้เบริ์ธเดย์...แฮปปี้เบริ์ธเดย์...เดียร์ข้าวตู...แฮปปี้เบริ์ธเดย์...ทูยู”
พอร้องเพลงเสร็จ ทุกคนก็ปรบมือให้ข้าวตู
ยี่หวาออกอาการยิ้มแย้ม เข้าไปหอมแก้มข้าวตูลูกชายสุดที่รัก
“ได้ข่าวว่าข้าวตูช่วยคุณยายกับน้าหยีทำกับข้าวด้วย ไหนขอคุณแม่ชิมฝีมือหน่อยสิครับ”
ทุกคนเดินไปนั่ง เตรียมทานอาหาร แต่ข้าวตูกลับยืนเฉยอยู่กับที่ไม่ยอมเดินตามมา
ยาหยีเห็นหลานไม่ขยับจึงแปลกใจร้องถาม
“อ้าว ทำไมไม่มากินด้วยกันล่ะ ข้าวตู”
“ข้าวตูจะรอพ่อครับ พ่อสัญญาว่าจะมางานวันเกิดข้าวตู” ข้าวตูบอก
คุณบุญเลื่องซึ่งรู้นิสัยลูกเขยดีจึงเอ่ยขึ้น
“พ่อเราเค้างานยุ่ง ไม่รู้จะมากี่โมง เผลอๆ อาจจะติดงานมาไม่ได้ก็ได้ ไปกินข้าวกับยายก่อนดีกว่านะข้าวตูนะ
ข้าวตู” แต่ข้าวตูไม่ยอมท่าเดียว
“ไม่ครับ ข้าวตูจะรอพ่อ พ่อสัญญาแล้ว พ่อต้องมาสิ” ข้าวตูเบะปาก ทำท่าจะร้องไห้
ยี่หวาเห็นแล้วก็สงสารลูก เข้าไปสวมกอดข้าวตู
“ไม่เอานะข้าวตู อย่าร้องนะจ๊ะ คุณพ่อเค้า...”

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงพลุกระดาษดังขึ้น เมื่อทุกคนหันไปมองตามเสียง ก็เห็นกลุ่มตัวตลกที่เคยเห็นตามห้างกำลังร้องรำทำเพลง เอาลูกโป่งมาผูกมัดเป็นรูปสัตว์ ยื่นให้ข้าวตู ข้าวตูเซอร์ไพร้ส์ ชอบอกชอบใจสุดๆ
จนเมื่อกลุ่มตัวตลกร้องรำทำเพลงเสร็จ วสันต์ก็โผล่เข้ามาอย่างสุดเท่ห์ พร้อมถือกล่องของขวัญขนาดใหญ่ และเค้กวันเกิดที่แต่งหน้าเป็นหน้าข้าวตูเข้ามาด้วย ข้าวตูดีใจมาก วิ่งเข้าไปกอดวสันต์
“คุณพ่อ”
วสันต์วางของขวัญ แล้วกอดข้าวตูพร้อมกับหอมแก้มลูก ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“พ่อขอโทษทีนะลูกที่มาช้าไปหน่อย พ่อสั่งทำเค้กเป็นพิเศษเอาไว้เพื่อข้าวตูโดยเฉพาะ ก็เลยเสียเวลารอนานไปนิดนึงน่ะครับ ข้าวตูไม่โกรธพ่อนะ”
ข้าวตูยังอยู่ในอาการดีใจมาๆ พูดกับพ่อ
“ไม่โกรธครับ ข้าวตูดีใจที่สุดเลยครับ ที่พ่อมาหาข้าวตู”
วสันต์โอบกอดลูกด้วยความใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
ยี่หวามองลูกพร้อมด้วยรอยยิ้ม เมื่อลูกมีความสุข เธอก็สุขด้วย

หลังงานวันเกิดข้าวตูจบยี่หวาเดินมาส่งวสันต์หน้าบ้าน พลางพูดขึ้น
“ยังไงก็ขอบใจนะ ที่คุณอุตส่าห์มา”
“ผมสัญญาแล้วว่าจะมาก็ต้องมาสิ เดี๋ยวๆ ว่าแต่คุณลืมอะไรหรือเปล่า”
ยี่หวามองหน้าวสันต์ก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบเงินส่งให้ วสันต์รับมานับ
“เอามาอีกห้าพัน” วสันต์บอก
“ก็เราตกลงกันหมื่นนึง คุณจะมาเอาอะไรอีก” ยี่หวาแย้ง
“หมื่นนึงน่ะมันค่าจ้างผม แต่ห้าพันเป็นค่าของขวัญ ค่าเค้ก แล้วก็ค่าตัวประกอบเมื่อกี๊ไง”
“คุณนี่ช่างเป็นพ่อที่ประเสริฐเหลือเกิน” ยี่หวาพูดพร้อมกับควักเงินห้าพันยื่นให้วสันต์)
“แหม คุณก็รู้เศรษฐกิจตอนนี้มันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แค่นี้ไม่แพงหรอกน่าคิดมากไปได้”
ยี่หวาพูดอย่างเหนื่อยใจ “คุณกลับไปได้แล้วละ”
วสันต์ยิ้มพอใจ “โหเสร็จงานไล่เลย โอเคๆไปก็ได้ แล้วอย่าลืมเรียกใช้บริการใหม่นะจ๊ะ” ก่อนจะเดินกวนๆกลับไป
ยี่หวามองตาม ด้วยความระอาใจ สงสารลูกที่ต้องมีพ่อแบบนี้

วสันต์เอาเงินที่ได้จากการรับจ้างมางานวันเกิดลูกชายไปเที่ยวเตร่ตามเคย ขากลับสอยหญิงสาวสวยเซ็กซี่คนหนึ่งกลับมาบ้านในสภาพเมาแอ๋ ทั้งคู่หัวร่อต่อกระซิก หยอกล้อกันตลอด แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงวัลภาดังขึ้น
“ตาสันต์”
เสียงวัลภาดุเฉียบขาด จนทั้งคู่หันไปมองตามเสียง ก็เห็นวัลภายืนหน้าถมึงทึงอยู่ วสันต์ออกอาการเซ็งๆ ผสมอาการเมา พูดกับเด็กที่มาด้วย
“ขึ้นไปรอพี่บนห้องก่อนนะจ๊ะ ห้องพี่ขึ้นไปอยู่ทางซ้ายมือ พี่คุยกับแม่เดี๋ยว เดี๋ยวตามไป
หญิงสาวส่งสายตายั่วยวน “ค่ะ อย่าให้หนูรอนานนะคะ”แล้วเดินเลี่ยงขึ้นห้องไป
วัลภาหงุดหงิดด่าออกไป “บ้านฉันไม่ใช่โรงแรมม่านรูดนะยะ เมื่อไหร่แกจะเลิกพาผู้หญิงมาค้างที่นี่ซะที รู้มั้ยว่าตอนนี้พวกเจ้าหนี้...”
วสันต์รำคาญ จึงรีบส่งเงินสองพันให้แม่
“ผมหามาได้สี่พัน แม่เอาไปครึ่งนึงละกัน แล้วเลิกบ่นผมซะทีเถอะ”
วัลภาดึงเงินมา มีอาการหงุดหงิดอยู่ “อะไร แค่นี้…ยังไม่พอค่าไฟเลย”
วสันต์พูดอย่างคนเมา “วันนี้มีแค่นี้แหละ ไม่มีอะไรแล้วนะครับ งั้นผมไปล่ะนะ”
พูดแค่นั้นวสันต์ก็ทำท่าจะเดินเลี่ยงไป
“เดี๋ยว ฉันยังพูดไม่จบ เสี่ยกำธรเค้าติดต่อแม่มาว่าเค้าสนใจที่ดินของเมียแก อยากจะซื้อเอาไว้ทำรีสอร์ท แกช่วยไปพูดกับเมียแกให้หน่อยสิ” วัลภาพูดแกมสั่ง
วสันต์ หัวเราะ “ไอ้ที่บ้านนอกอย่างงั้นน่ะเหรอแม่ จะได้ถึงแสนรึเปล่า เก็บไว้ให้ข้าวตูมันวิ่งเล่นตอนปิดเทอมดีกว่ามั้ง”
“เค้าให้สามสิบล้าน” วัลภาสวนขึ้น วสันต์ตกใจหายเมาเป็นปลิดทิ้ง
“ฮ๊า !!! สามสิบล้าน”
“เค้าให้พิเศษห้าล้านด้วย ถ้าแกทำสำเร็จ” วัลภาสำทับ
วสันต์ยิ้มเจ้าเล่ห์ แผนชั่วเริ่มผุดขึ้นมาเต็มไปหมด

คืนเดียวกันนั้น ณนนท์ กับสุดยอดยังไม่นอน สองพี่น้องหน่ายหญิงอยู่ที่มุมออกกำลังกายในบ้าน สุดยอดกำลังชกกระสอบทราย โดยมีณนนท์ยืนดูอยู่
“นี่แกจะฟิตไปถึงไหนเนี่ย” ณนนท์ถาม
“ฟิตเฟ็ตอะไรพี่ ผมกำลังนึกถึงหน้ายัยติงต๊องที่เอาเค้กมาโปะผมต่างหาก” สุดยอดหมายถึงยาหยี
“เออดี ระบายมันเข้าไป”
สุดยอดชกเสร็จเหนื่อยหอบแฮ่ก
“พี่เองก็ซะหน่อยมั้ย เครียดๆ มาผมจับให้ใส่ผมมาเลย” สุดยอดชวน ณนนท์ใส่นวมเสร็จ
“ได้เลยไอ้ยอดน้องรัก” ณนนท์ชกไม่ยั้ง จนสุดยอดต้องออกปาก
“เบาๆหน่อยเพ่”
แต่ไม่เป็นผล ณนนท์เตะสุดแรงจนสุดยอดกระเด็นไปนั่งกองกับพื้น
“โห เชื่อแล้วว่าเครียดจริงๆ”
“เออ ค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อย ลุกขึ้นมาเร็วๆ ไอ้ยอด ยังเครียดอยู่” ณนนท์ติดลม
“ตอนนี้ผมเริ่มเครียดแทนพี่แล้ว โอ๊ย เล่นเตะซะแรง” สุดยอดบอกพลางลุกขึ้นมาจับก้น”
“อูย เจ็บตูดชะมัด”
ณนนท์ยิ้ม ก่อนเข้าไปกอดคอสุดยอด
“ไปไอ้น้อง เข้าบ้านกัน เดี๋ยวพี่ทายาที่ตูดให้”
“ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”
“พี่ก็ไม่เคยเห็นแกเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว” ณนนท์หัวเราะ
“งั้นเชิญพี่นนท์แก่ไปคนเดียวละกัน”
“ไปๆเข้าบ้าน” ณนนท์ชวนน้องชาย

สองพี่น้องกอดคอกันหัวเราะ แล้วพากันเดินเข้าบ้าน

อ่านต่อหน้า 2










ลิขิตเสน่หา
ตอนที่ 1 (ต่อ)

เช้าวันรุ่งขึ้นที่หน้าบ้านบุญเลื่อง ขณะนั้นยี่หวากำลังเอากระเป๋านักเรียนของข้าวตูใส่รถ โดยมีวสันต์คอยเดินป้อหน้าป้อหลังตามอยู่ตลอด คุยเรื่องที่ทำให้สร่างเมาเมื่อคืน

“เชื่อผมสิจ๊ะยี่หวา เงินตั้งสามสิบล้าน มันพอที่จะทำให้เราอยู่สบายๆ ไปทั้งชาติเลยนะ”
วสันต์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนเสียงหวาน เอาใจยี่หวาสุดฤทธิ์
“ไม่ล่ะ ขายต้นไม้อย่างงี้น่ะดีแล้ว อย่างน้อย ฉันก็มีเงินเลี้ยงตัวเองเลี้ยงลูก” ยี่หวายิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“รวมทั้งเลี้ยงคุณกับแม่คุณด้วย”
วสันต์เจ็บใจที่โดนย้อนให้ แต่ก็รีบปั้นหน้าฝืนยิ้มแล้วกล่อมยี่หวาต่อ
“โอ.เค.ผมยอมรับว่าผมอาจจะจับจดไม่ทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน ส่วนคุณแม่ท่านก็มีหนี้สินหลายทาง แต่ถ้าเรามีเงินก้อนนี้ ทุกอย่างจะจบเลยนะ ผมก็จะมีทุนทำในสิ่งที่ผมรัก หนี้สินก็ไม่มี ครอบครัวเราจะได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งไงจ๊ะ”
“พูดง่ายเหลือเกินนะ ลืมไปรึเปล่าว่านั่นเป็นที่ของบรรพบุรุษฉัน ต่อให้ฉันขายมันไปจริงๆ แล้วมันเรื่องอะไรที่ฉันต้องเอาเงินให้คุณด้วย แล้วที่สำคัญ ฉันไม่เคยคิดจะขาย”
“ก็ได้ ในเมื่อผมเสนอทางออกที่ดีที่สุดแล้ว คุณไม่ยอมรับก็ตามใจ เราก็อยู่กันไปอย่างงี้แหละ คาราคาซังจนกว่าลูกจะโตไปเลย” วสันต์พูดอย่างโมโห
ขณะนั้นข้าวตูออกมาจากบ้าน พอเห็นพ่อก็รีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความดีใจ
“คุณพ่อ คุณพ่อมารับข้าวตูไปโรงเรียนเหรอครับ”
วสันต์มีสีหน้าบึ้งตึง พยายามระงับอารมณ์สุดขีด
“เปล่าหรอกลูก พ่อแวะมาหาแม่ แต่แม่เค้าคงเกลียดพ่อแล้วล่ะ พ่อไปทำงานก่อนนะ”
วสันต์เดินกลับไปด้วยความหงุดหงิด ข้าวตูมองตามด้วยความผิดหวัง ในขณะที่ยี่หวายืนมองลูกด้วยความสงสารจับหัวใจ

ไม่นานหลังจากนั้น ที่หน้าโรงเรียนอนุบาลเด็กดี บรรดาผู้ปกครองทยอยมาส่งบุตรหลานกันขวักไขว่เต็มไปหมดโดยมีครูปราณี ยืนรอรับเด็กๆ อยู่หน้าโรงเรียน
ณนนท์ขับรถเข้ามาจอด ไข่ตุ๋นลงจากรถ ก่อนที่ณนนท์จะเดินมาส่งไข่ตุ๋น จังหวะเดียวกันนั้นเอง ยี่หวาก็เดินเข้ามาส่งข้าวตูพอดีอีกเช่นกัน
ณนนท์ และยี่หวา ต่างก็ชะงัก ทั้งคู่เหล่มองกันแบบไม่ชอบหน้าอีกฝ่าย
ไข่ตุ๋น กับข้าวตู ไหว้ครูปราณีพร้อมๆ กัน “สวัสดีค่ะ / สวัสดีครับคุณครู”
ครูปราณีรับไหว้สีหน้ายิ้มแย้ม
“อุ๊ย วันนี้มาพร้อมกันเชียวนะจ๊ะ ข้าวตู ไข่ตุ๋น เอ้า สวัสดีคุณพ่อคุณแม่เร้ว จะได้ไปเข้าเรียนกัน”
ข้าวตูกับไข่ตุ๋น จึงหันไปสวัสดีพ่อแม่ของตน ณนนท์ ยี่หวา รีบปั้นยิ้มรับไหว้ลูก แต่พอลูกๆ เดินเข้าโรงเรียนไป ทั้งคู่ก็หันมาเขม่นกันต่อทันที ครูปราณีทำหน้าอีหลักอีเหลื่อที่ต้องอยู่ประจันหน้าทั้งสองคน
ณนนท์ชิงพูดขึ้นก่อนด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“หวังว่าการเปิดงานวันนี้ มันจะไม่ล้มเพราะความคิดตื้นๆ และก็ดอกไม้ห่วยๆ ของคุณหรอกนะ”
“แล้วถ้ามันประสบความสำเร็จล่ะ คุณจะขอโทษฉัน แล้วก็กลับไปทบทวนรสนิยมแย่ๆ ของตัวเองมั้ยล่ะ” ยี่หวาย้อนหน้าบึ้งตึง
“ได้ เราจะได้รู้กัน ว่าระหว่างรสนิยมของผมกับไอเดียของคุณ ใครกันแน่ที่เห่ย” ณนนท์ท้าทาย
“ได้อยู่แล้ว” ยี่หวารับคำท้า
ณนนท์ กับยี่หวา จ้องหน้าเหมือนเตรียมปะฉะดะกัน ครูปราณี มองอยู่จึงพยายามเคลียร์
“เอ่อ มีอะไรค่อยๆ พูด ค่อยๆ จา กันดีมั้ยคะคุณผู้ปกครอง”
“คนบางคนเค้ามีวิวัฒนการความเป็นคนต่ำกว่ามาตรฐาน เค้ามักจะพูดไม่รู้เรื่องหรอกค่ะครูนอกจากร้องเจี๊ยกๆโวยวายๆ แล้วก็ไป”
ว่าแล้วยี่หวาก็เดินไป ทิ้งให้ณนนท์มองตามที่ถูกด่า
“นี่คุณว่าผมเป็นลิงเหรอ เก่งจริงกลับมาก่อนสิ โธ่ ไม่แน่จริงนี่หว่า” ณนนท์ตะโกนตาม ก่อนจะหันมาถามครูปราณี
“ครูครับ ครูว่า ผู้หญิงนี่งี่เง่าเหมือนกันทุกคนหรือเปล่าครับครู”
ครูปราณีทำหน้าไม่ถูก

เวลากลางวันภายในสวนสาธารณะ ว่านกำลังเซ็ตงาน เพื่อเตรียมถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ทีมงานแต่ละคนกำลังเตรียมงานกันอย่างขยันขันแข็ง ว่านเดินกลับมาหานัท ที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์บันเทิงอยู่
“เป็นไงบ้างวะ”
“มันยกร่องเลยว่ะ” นัทบอก ตายังอ่านหนังสือพิมพ์อย่างตั้งใจ
ขณะนั้นสุดยอดแอบมาที่ด้านหลังว่าน กับนัท สุดยอดแกล้งตะโกนเสียงดัง
“เฮ้ย แฟนคลับบุกมาแล้วโว๊ย บุกมาแล้วๆ”
ว่านกับ นัทตกอกตกใจ ขวัญกระเจิดกระเจิงเพราะกลัวแฟนคลับสุดยอดฝังใจ สุดยอดเห็นอาการเพื่อนซี้ทั้งสองก็หัวเราะสนุกพลางว่า
“ล้อเล่นๆ”
พอว่านตั้งสติได้ ก็โวยลั่น “ไม่ตลกโว๊ย เอ็งรู้มั้ยว่าแฟนคลับเอ็งมันน่ากลัวแค่ไหน เล่นบ้าอะไรวะ”
สุดยอดยิ้มขำๆ “เอาน่า ขำๆ” ตาเหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์บันเทิงพอดี
“เฮ้ย อ่านอะไรวะ อ่านบ้างดิ” ว่าแล้วก็ดึงหนังสือพิมพ์จากนัทมา
ว่านกับนัท หน้าเสีย เพราะตั้งใจจะไม่ให้สุดยอดเห็นข่าวแท้ๆ แต่ก็เห็นจนได้
สุดยอดถือหนังสือพิมพ์ดูข่าว ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นข่าวของตัวเองเข้า
เป็นภาพข่าวของสุดยอดกับอดีตแฟนสาว เพิร์ลลี่ ดาราดาวรุ่ง สมัยยังสวีทหวานถ่ายคู่กันอยู่ โดยมีข้อความเขียนพาดหัวข่าวว่า
“เพิร์ลลี่เปิดใจ ยอมรับว่าลดระดับความสัมพันธ์กับสุดยอดแล้ว แม้จะไม่เผยสาเหตุ แต่แหล่งข่าววงในแฉว่าทนพฤติกรรมไม้เลื้อยของฝ่ายชายไม่ไหว”
สุดยอดซึมไป จ๋อยทันทีที่เห็นข่าว

เวลาเดียวกันนั้น ชม้อย มารดาและผู้จัดการส่วนตัวของลูกสาว เพิร์ลลี่ กำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่
ชม้อยถอนใจ พยายามปั้นหน้าให้ดูเครียดๆ “เกิดเรื่องทีไร น้องเพิร์ลลี่ก็แก้ตัวแทนทุกที แทนที่จะสำนึก ยังจะเลื้อยไปทั่วอีก ศักดิ์ศรีลูกสาวคุณแม่ก็มีนะคะ จะให้ทนต่อไปได้ยังไง”
นักข่าวถามขึ้นทันที “งั้นข่าวที่ว่าน้องเพิร์ลลี่คบกับสุดยอดเพื่อหวังดัง พอเจอเป้าหมายใหม่ก็ชิ่ง คุณแม่จะว่ายังไงครับ”
คราวนี้ชม้อยปั้นหน้าโกรธก่อนจะตอบ
“ไอ้คนที่ให้ข่าวแบบเนี้ย ต้องไปหาจิตแพทย์แล้วล่ะค่ะ น้องๆ ทุกคนก็เห็นอยู่ ว่าลูกสาวคุณแม่เข้ามาในวงการมาด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเกาะแข้งเกาะขาใครดังหรอกค่ะ”

“แล้วเรื่องเจ้าของรถเฟอร์รารี่สีแดง ที่มีคนเห็นน้องเพิร์ลลี่นั่งไปกองถ่ายล่ะคะ ไม่ทราบว่าคนขับ คือหนุ่มไฮโซที่กำลังเป็นข่าวอยู่ตอนนี้รึเปล่าคะ” นักข่าวหญิงอีกคนซักต่อ
เจอคำถามนี้ชม้อยแกล้งยิ้มขำๆ “โอ๊ย เพื่อนกันทั้งนั้นล่ะค่ะ ไม่มีอะไร เอ่อ จวนได้เวลาเข้าฉากแล้ว คุณแม่ขอตัวไปดูแลน้องเพิร์ลลี่ก่อนนะคะ”
ชม้อยตัดบท ขอตัว นักข่าวไหว้ขอบคุณ แล้วแยกย้ายกันไป ชม้อยมองตามนักข่าวแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ การให้ข่าวแบบเปิดนิดปิดหน่อย จุดกระแสให้ลูกสาวได้ผลตามแผน

ครู่ต่อมาในห้องแต่งหน้าภายในสตูดิโอ ระหว่างเพิร์ลลี่กำลังดื่มน้ำสตรอเบอร์รี่ไปคุยกับแม่ไปอยู่ โดยมีช่างแต่งหน้า กำลังแต่งหน้าให้ดาราคนอื่นอยู่ใกล้ๆ
เพิร์ลลี่มีสีหน้าไม่สบายใจนัก “ให้ข่าวอย่างงั้นไปจะดีเหรอคะคุณแม่ ยอดเค้าไม่ได้เป็นแบบนั้นซะหน่อย”
พูดถึงตรงนี้เพิร์ลลี่หน้าเสีย รู้สึกผิด “จะว่าไป เราต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด”
“ผิดเผิดอะไรกันจ๊ะ ก็นายยอดมันไม่ดีพอสำหรับลูกนี่คะ ตอนอยู่บ้านตะกายดาวไอ้เราก็คิดว่ามันจะชนะ ที่ไหนได้ดันได้ที่สาม แล้วจะให้ทนคบต่อไปให้มันได้อะไรขึ้นมา” น้ำเสียงของชม้อยยกยอลูกสาวตัวเองสุดๆต่อ “ลูกแม่ต้องได้คนที่ดีกว่านั้นเยอะจ้ะ...”
“แต่เรื่องข่าว...” เพร์ลลี่ยังกังวล
เห็นอาการลูกสาวชม้อยจึงรีบตัดบท
“เชื่อแม่ เลิกกันธรรมดามันจะดังเหรอ ดูสิ ตอนนี้ลูกกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงไปแล้ว ไม่ต้องเกาะกระแสนายยอดเหมือนเมื่อก่อนอีก จริงมั้ยล่ะ”
“ค่ะ” เพิร์ลลี่พยักหน้าจ๋อยๆ ยอมรับและเห็นงามตามว่าแม่พูดถูก
ขณะนั้นเอง เสียงมือถือของเพิร์ลลี่ก็ดังขึ้น ชม้อยรีบหยิบมือถือลูกมาดูทันที สกรีนทุกเม็ด พอเห็นชื่อว่าเป็นไฮโซหนุ่มเป้าหมายโทรเข้ามาก็ยิ้มพูดกับเพิร์ลลี่อย่างพอใจ
“เห็นมั๊ยจ๊ะ พูดไม่ทันขาดคำเลย พี่บ๊อบก็โทรมาละ” ว่าพลางยื่นมือถือให้ลูกสาว
เพิร์ลลี่รับมือถือมาดูเบอร์ ยิ้มแย้ม กดรับ “สวัสดีค่ะ...”
ก่อนที่จะเดินเลี่ยงไปคุย อยู่ตรงมุมห้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ชม้อยมองตามลูกสาวด้วยความภูมิใจ
ขณะนั้นทีมงานคนหนึ่งเดินถือน้ำสตรอเบอรี่แก้วใหญ่มาก เข้ามาให้ชม้อย
“น้ำสตรอเบอรี่ที่คุณแม่สั่งได้แล้วค่ะ”
ชม้อยสีหน้างงๆ “ทำไมแก้วใหญ่นักล่ะ ใช้สตรอเบอรี่กี่ลูกเนี่ย”
“ลูกเดียวค่ะ แต่สะตอตัวแม่ มันเลยใหญ่มากเป็นพิเศษ” ทีมงานตอบ
ชม้อยงงๆ พึมพำออกมา “ด่าใครวะ”

ที่ร้านดอกไม้ มอร์ แดน ทรี ยาหยีกำลังจัดช่อดอกไม้รูปลักษณ์แปลกตาให้ลูกค้า ในขณะที่สองเพื่อนซี้ วุ้นกำลังอ่านหนังสือพิมพ์บันเทิงอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนก้อยกำลังถอดไพ่ทาโรต์ทำนายดวงอยู่
เมื่อเสร็จเรียบร้อย ยาหยีก็ส่งช่อดอกไม้ให้ลูกค้า ใบหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบคุณนะคะ” ลูกค้ายิ้มรับแล้วเดินออกจากร้านไป
คล้อยหลังลูกค้าไปไม่นาน ยาหยีเดินตามไปเฉ่งเพื่อนสองสาวทันที
“นี่ฉันให้แกมาช่วยงานนะยะ ไม่ใช่ให้มาอ่านเรื่องเม้าท์ดารา”
“นิ้ดนึงงง" วุ้นบอกก่อนจะอ่านต่อ เพราะกำลังมันส์
ยาหยีโมโหแกมรำคาญ จึงดึงหนังสือพิมพ์จากวุ้นมา
“ไหน หนุกนักเหรอ ขอดูหน่อยดิ๊”
“อะไรวะ” วุ้นโวยวายอย่างเซ็งๆ
ยาหยีเปิดอ่านหนังสือพิมพ์ไปมา เห็นข่าวของสุดยอดเข้าก็ตกใจเพราะนึกไม่ถึง
“เฮ้ย!!!”
“อะไรของแกยะนังหยี” วุ้นถามขึ้น
“ก็ไอ้สุดยอดห่วยน่ะสิ มันมีข่าวลงด้วย ฉันว่าแล้วว่ามันต้องไม่ใช่คนดีแน่ นี่ไงแม่แฟนเก่าออกมาแฉบอก เจ้าชู้เที่ยวหลอกฟันหญิงไปวันๆ ลูกสาวก็เลยทนไม่ได้ต้องเลิก” พูดจบก็กระแทกหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะอย่างโมโหไม่หาย
“อินกว่าฉันอีกนะแก ข่าวพวกนี้มันต้องฟังหูไว้หู เชื่อหมดได้ที่ไหน” วุ้นว่า
“จริงด้วย (ชี้ไปที่ไพ่ทาโรต์บนโต๊ะ) ฉันถอดไพ่มาหมดแล้ว รับรองว่าพี่ยอดโดนใส่ร้าย ชัวร์” ก้อยไม่เห็นด้วย
“ชัวร์กะผีน่ะสิ ฉันบอกตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ว่าอย่าโหวตให้ไอ้บ้านี่ หล่อก็ไม่หล่อ แล้วยังนิสัยแย่อีก”ยาหยีใส่อีกดอก ก้อยโวยวาย
“เกินไปแล้วนังหยี เค้าหล่อนะยะ” ก้อยออกอาการเคลิ้ม
“ยิ้มที ละลายหัวใจฉันไปหมดเลย ไม่งั้นฉันไม่เสียเงินโหวตหรอก จนป่านนี้ค่าโทรยังไม่หมดเลย
“ฉันไม่เถียงเรื่องหน้าตากับแกก็ได้ แต่นิสัยของไอ้เจ้านี่ ฉันคอนเฟิร์มเลยว่า เลว เล่ว เหล้ว เล๊ว เหลว” ยาหยีกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้น “ชื่อสุดยอดเหรอ ตั้งชื่อได้สมตัวเองจริงจิ๊ง ไอ้สุดยอด “เลว”!!!”

“แกเกลียดอะไรพี่ยอดซะขนาดนั้น เกลียดตัวกินไข่เปล่า อุ๊บ” ก้อยแกล้งแหย่ รีบปิดปาก
“อะไรๆ ใครกินไข่ อย่ามั่วๆ” ยาหยีโวย
“มามะ ก้อยดูเนื้อคู่ให้” ก้อยยื่นไพ่ทาโรต์ให้ “ตัดสิ”
“ไม่ต้องเลย” ยาหยีไม่ยอมตัด
“กลัวรู้สิว่าชอบใครอยู่ อุ๊บ” วุ้นเสริม
วุ้นกับก้อยหันมามองหน้ากันแล้วแกล้งทำเสียง อุ๊บๆๆ แล้วปิดปาก แล้วพากันหัวเราะ ยาหยีแกล้งหยิกเพื่อนกลับที่มาล้อตน

ส่วนณนนท์ซึ่งกำลังอยู่ในห้องแต่งตัวข้างๆ ห้องสัมนา กับนัทและว่าน ขณะที่สุดยอดกำลังเป่าแคน รำเซิ้ง ซ้อมอยู่
สามหนุ่ม ณนนท์ ว่าน นัท กำลังดูสุดยอดเป่าแคน รำ ด้วยความพอใจ
“เป็นไงพี่ ไอเดียผม พอสัมมนาเสร็จ ก็ให้ยอดมันแสดงดนตรีสี่ภาคส่งท้ายงานไปเลย จะได้เข้าคอนเซ็ปท์ไงพี่” นัทว่า ณนนท์ยิ้มพอใจพลางกล่าวชม สมเป็นครีเอทีฟ บรรเจิดมาก
“จ้างไอ้ยอดเป็นพิธีกรคนเดียว สุดคุ้มไปเลยนะพี่ โขกสับบังคับมันได้ทุกอย่าง”
ว่านหันไปพูดกับสุดยอด “เฮ้ย พอได้แล้วโว๊ย เดี๋ยวหมดแรงกันพอดี” สุดยอดถอนใจเซ็งๆ
“ดาราหรือโดเรมอนวะ ทำมันทุกอย่างเลย
ขณะนั้นเองเสียงเอนิตาก็ดังแหวกอากาศขึ้นมา
“เฮลโหล หนุ่มๆ ทำอะไรกันอยู่คะ”
ทุกคนหันไปมองตามเสียงนั้น ก็เห็นเอนิตาเดินโปรยยิ้มเข้ามาหา ณนนท์หน้าเครียดขึ้นมาทันทีที่เห็นภรรยานางแบบผู้อื้อฉาว

ครู่ต่อมาณนนท์กับเอนิตาเดินมาด้วยกันที่ลานจอดรถของศูนย์ประชุม ณนนท์ยืนเซ็นเช็คอยู่ที่รถ โดยมีเอนิตายืนคอยอยู่ใกล้ๆ พอเซ็นเสร็จ ณนนท์ก็ยื่นเช็คให้ เอนิตากำลังจะยื่นมือไปรับ แต่ณนนท์ดึงเช็คกลับก่อนจะพูดขึ้น
“หวังว่าครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายนะนิต้า”
เอนิตาฟังอย่างเซ็งๆ
“โอ.เค.ๆ ฉันก็แค่หมุนเงินไม่ทันนิดๆ หน่อยๆเท่านั้นเอง ถ้ามีเมื่อไหร่ ก็ใช้คืนคุณเองแหละ” ว่าพลางดึงเช็คออกมาจากมือของณนนท์
“ใช้เงินอย่างงี้ จะมีคืนเหรอ” ณนนท์เยาะ
“เลิกบ่นซะทีได้มั้ยนนท์ น่ารำคาญ”
ณนนท์พยายามข่มใจอย่างมาก กว่าจะพูดขอร้องภรรยาขึ้นมา
“งั้นผมขอคุยอีกเรื่องละกัน ไข่ตุ๋นน่ะโตขึ้นทุกวันแล้วนะ อย่านึกว่าเด็กมันไม่รู้ไม่เห็นอะไร คุณจะทำอะไรก็ขอให้นึกถึงลูกบ้าง”
เอนิตาตีหน้าตายตอบกลับ
“ฉันไปทำอะไร นี่คุณคงฟังน้องชายคุณเป่าหูมาอีกล่ะซิ คุณน่ะเชื่อคนทุกคนน่ะแหละ ยกเว้นฉัน ครอบครัวเราถึงต้องมีสภาพแบบนี้ไง”
ณนนท์เริ่มโมโห ทนไม่ไหว
“ผมไม่ได้เชื่อใคร แต่เพราะผมรู้จักคุณดีต่างหาก เสียอย่างเดียวที่ผมรู้ช้าไป ไม่งั้นผมก็ไม่เลือกคุณมาเป็นแม่ของลูกผมหรอก”
“งั้นก็หย่ากันเลยซิ แบ่งสินสมรสกันไป แล้วก็จ่ายเงินค่าเลี้ยงดูยัยไข่ตุ๋นมาเดือนละแสน โอ.เค.มั้ยล่ะ” เอนิต้ายื่นข้อเสนอ
“เลี้ยงดูเหรอ แม้แต่นมแม่คุณยังไม่เคยให้ลูกกินเลย แล้วคุณยังจะมีหน้ามาเอาค่าเลี้ยงดูอีกเหรอ ถ้าจะเอาไปเลี้ยงผู้ชาย ผมยังจะพอเชื่อมากกว่าซะอีก
“ปากดี”
เอนิตาโมโหสุดๆ สะบัดมือยกขึ้น จะตบหน้าณนนท์ แต่ณนนท์ไวกว่า คว้าข้อมือเอนิตาไว้ได้ทันไม่ยอมให้ตบ
ทั้งคู่ยื้อยุดฉุดกระชากกัน ณนนท์จ้องหน้าเอนิตาด้วยสายตาดุดันเอาจริง จนเอนิตาชักกลัว ดึงมือออก กลัว ไม่กล้าสบตา ณนนท์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อย่างระงับอารมณ์
“ลูกผม ผมเลี้ยงเอง ส่วนคุณ ผมให้ได้ อย่างมากไม่เกินหนึ่งล้าน ไม่งั้นก็เจอกันในศาลละกัน” ณนนท์ท้า
เอนิตาได้ฟังก็หัวเราะเยาะ ย้อนกลับไป
“ไปขู่คนอื่นเถอะนนท์ ถ้าคุณกล้าขึ้นศาลจริงๆ คุณทำไปนานแล้ว คุณกลัวยัยไข่ตุ๋นจะอับอาย มีปมด้อยโน่นนี่สารพัด นึกว่าฉันไม่รู้เหรอ”
พูดจบเอนิตาก็สะบัดหน้า เดินเชิดจากไป ณนนท์ได้แต่มองตาม ด้วยสายตาเคร่งเครียด รู้ว่าเอนิตาพูดถูกทุกอย่าง ตนเองก็หมดปัญญาจริงๆ

ขณะเดียวกันนั้น เด็กๆ กำลังเล่นอยู่ในสนามเด็กเล่นของโรงเรียนอนุบาลเด็กดี โดยเด็กอนุบาลกลุ่มใหญ่ กำลังร้องเชียร์กันเสียงดังลั่น
“ไข่ตุ๋นสู้ๆ ไข่ตุ๋นๆ อีกนิดเดียว สู้ๆ”
เด็กหญิงไข่ตุ๋นกำลังปีนต้นไม้เพื่อไปเก็บลูกบอลที่ไปติดอยู่บนกิ่งไม้ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเพื่อน ในขณะที่ ข้าวตูเอามือปิดตาดูหวาดเสียวแทน
ไข่ตุ๋นพยายามเอื้อมมือไปจวนเจียนจะถึงลูกบอล แต่ก็ไม่ถึง ไข่ตุ๋นจึงปีนขึ้นไปอีกจนหยิบลูกบอลมาได้ ไข่ตุ๋นชูลูกบอลอย่างดีใจ
“ได้แล้ว”
แต่ทันใดนั้นเอง กิ่งไม้ที่ไข่ตุ๋นเหยียบอยู่ก็หักลง ไข่ตุ๋นกำลังพลัดตกต้นไม้ต่อหน้าเพื่อนๆ ท่ามกลางความตกใจสุดๆของทุกคน โดยเฉพาะข้าวตูนั้นตกใจสุดๆ ร้องขึ้น
“ไข่ตุ๋น”
ทว่าร่างไข่ตุ๋นร่วงหล่นลงมา ตกลงสู่อ้อมอกของคนๆหนึ่งรับไว้ได้พอดี เป็นครูปราณีนั่นเองเป็นครับไข่ตุ๋นเอาไว้ได้! ครูปราณีหน้าตาถมึงทึง ด้วยความโกรธจัด “ไข่ตุ๋น
ไข่ตุ๋นจ๋อย ในในคิดว่าหน้าครูปราณีในยามนี้น่ากลัวกว่าการตกต้นไม้เสียอีก
ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงเด็กคนหนึ่งร้องไห้ขึ้นมา ครูปราณีกับไข่ตุ๋นหันไปมองตามเสียง เห็นข้าวตูยืนร้องไห้สะอึกสะอื้น เพราะว่ากลัวแทนไข่ตุ๋นจนร้องไห้ไม่ยอมเลิก

เวลาต่อมาครูปราณีพาไข่ตุ๋นไปที่ห้องพักของโรงเรียน ครูปราณีกำลังนั่งดมยาดมด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ โดยมีไข่ตุ๋นยืนหน้าจ๋อยอยู่ในห้องด้วย
“ครูไม่รู้จะทำยังไงกับเราดีแล้วไข่ตุ๋น ทำไมถึงได้ซนอย่างงี้ เกิดเป็นอะไรไป ครูจะเอาลูกที่ไหนใช้พ่อแม่เธอ”
ไข่ตุ๋นยังจ๋อยเหมือนเดิม ไหว้ขอโทษครู
“หนูขอโทษค่ะ ต่อไปหนูจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ”
“ดีมาก เพราะถ้าทำอีก ครูจะบอกให้พ่อแม่เราทำโทษเรา รู้มั้ย” ครูปราณีปั้นเสียงดุ
ไข่ตุ๋นพยักหน้าจ๋อยๆ รับคำ “ค่ะ”
ยี่หวาเดินจูงข้าวตูที่สะพายเป้บนหลังเดินเข้ามาพอดี ครูปราณียิ้มรับ
“อ้าว จะกลับแล้วเหรอจ๊ะข้าวตู
ข้าวตูไหว้ลา “ครับ...สวัสดีครับคุณครู”
ครูปราณีรับไหว้ “สวัสดีจ้ะ” พลางหันไปพูดกับยี่หวา “สวัสดีค่ะคุณแม่”
ยี่หวายิ้มรับอำลาครู สวัสดีค่ะคุณครู
ยี่หวาเห็นไข่ตุ๋นก็จำได้เลยส่งยิ้มให้ ก่อนจะเดินจูงข้าวตูออกไป สองแม่ลูกคุยกันกระหนุงกระหนิง ไข่ตุ๋นมองตาม เห็นข้าวตูมีแม่มารับ ก็อดคิดถึงแม่ตัวเองขึ้นมาไม่ได้
“คุณครูคะ หนูอยากมีแม่อย่างข้าวตูจัง หนูอยากให้คุณแม่มารับหนูบ้าง” ไข่ตุ๋นบอกครู
ครูปราณีพูดขึ้นเสียงเศร้าๆ “ไข่ตุ๋นสักวันหนึ่งคุณแม่อาจจะมารับหนูก็ได้นะคะ”
“ครูพูดจริงนะคะ แล้วหนูจะรอวันนั้นค่ะ” ไข่ตุ๋นยิ้มอย่างมีความหวัง
ครูปราณีสงสารลูกศิษย์จับใจพยายามกลั้นน้ำตา ก่อนจะลูบหัวเด็กหญิงไข่ตุ๋นด้วยความรัก


ค่ำคืนนั้นที่ผับแห่งหนึ่ง เสียงเพลงเทคโนแด้นซ์ดังกระหึ่ม ในผับแห่งนั้น บรรดาขาเที่ยวเต้นกันลืมตายโต๊ะของเอนิตา ที่มากับกลุ่มเพื่อนนางแบบ 3-4 คน แต่ละคนทั้งแด้นซ์กระจาย พร้อมกับส่งสายตาหาหนุ่มๆ กันกระจาย
เอนิตาโบกมือเรียกบริกร สั่งเครื่องดื่มเพิ่ม
“น้องๆ เอานี่มาเพิ่มอีกชุดนึง”
เพื่อนนางแบบได้ยินร้องปราม “พอได้แล้วน่านิต้า แหม พอไถเงินสามีได้เข้าหน่อย ลั้นลาไม่ยั้งเลยนะแก เก็บๆ ไว้บ้างเถอะ งานการยิ่งไม่ค่อยมีอยู่พักนี้”
เอนิตาออกอาการรำคาญ
“แกอย่าทำตัวน่าเบื่อแข่งกับผัวฉันได้มั้ยยะ รำคาญ”
เพื่อนนางแบบเหวอ
“อ้าว นังนี่ เออๆ วันไหนผัวแกถูกฉกไม่มีที่ให้ไถแล้วจะเสียใจ”
เอนิตาได้ฟังหัวเราะร่วน
“อย่างนนท์น่ะเหรอจะมีคนใหม่ จะบอกอะไรให้นะ ตราบใดที่เค้ายังมียัยไข่ตุ๋นอยู่ เค้าไม่มีทางไปมีคนใหม่เด็ดขาด เชื่อฉัน”
ระหว่างเม้าท์กับเพื่อนสาวอยู่ สายตาเอนิตาก็เหลือบเห็นหนุ่มหล่อเดินผ่านมา เอนิตารีบแถเข้าไปหาหนุ่มหล่อคนนั้นทันที
“ไฮ้ พีท ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เป็นไงบ้างจ๊ะ”
เวลาเดียวกันนั้นที่บ้านเท่ง ในห้องนอนไข่ตุ๋น ที่มีของใช้เป็นรูปหมีแพนด้าประดามี ทั้งนาฬิกา ผ้าปูที่นอน แก้วน้ำ และมีตุ๊กตารูปหมีแพนด้าอุ้มลูกวางอยู่ข้างๆ ณนนท์กำลังนั่งอ่านนิทานให้ไข่ตุ๋น ที่นอนฟังตาแป๋วอยู่บนเตียง
“หลังจากที่เจ้าชายได้ปราบแม่มดใจร้ายลงได้ คำสาปของแม่มดก็สลายไป เจ้าหญิงและเจ้าชายก็ได้ครองคู่กันอย่างมีความสุข ตลอดไป” พออ่านนิทานจบก็หันไปยิ้มแย้มให้ลูก
“เป็นไงจ๊ะไข่ตุ๋น สนุกมั้ย” ไข่ตุ๋นพยักหน้า “สนุกค่ะ ไข่ตุ๋นอยากเก่งเหมือนเจ้าชาย จะได้ปราบแม่มดให้หมดโลกไปเลย”
ณนนท์ได้ฟังก็ยิ้มอย่างขำๆ ด้วยความเอ็นดูลูก
จู่ๆไข่ตุ๋นทำหน้าสงสัย
“แต่พ่อคะ ไข่ตุ๋นมีเรื่องสงสัย”
“เรื่องอะไรจ๊ะ” ณนนท์ถาม
“ทำไมในนิทานมีแต่เจ้าหญิงกับเจ้าชายล่ะคะ แล้วพ่อแม่ของเจ้าหญิงเจ้าชายอยู่ไหน ทำไมนิทานไม่เห็นบอกเลย”
“เอ่อ...เอ่อ” ณนนท์อึกอักๆไม่รู้จะอธิบายยังไงดี
ไข่ตุ๋นลุกขึ้นนั่ง “พ่อขา แม่ของเจ้าหญิงเจ้าชาย เค้าต้องไปทำงานไกลๆ ไม่ค่อยได้กลับบ้าน เหมือนคุณแม่ของไข่ตุ๋นรึเปล่าคะ”
ณนนท์ลูบหัวลูกสาวด้วยความสงสาร “ก็คงอย่างงั้นมั้งจ๊ะ” ณนนท์ปั้นยิ้มพูดต่อ “แต่คุณแม่เค้าก็คิดถึงหนูเสมอนะ ไข่ตุ๋นไม่ต้องน้อยใจนะลูก”
“ค่ะพ่อ”
“อ้ะ นอนได้แล้วนะครับ ไหน ลาหลินปิงก่อนนอนรึยัง” ไข่ตุ๋นหยิบตุ๊กตาหมีแพนด้าอุ้มลูกขึ้นมาจูบ
“นอนก่อนนะหลินฮุ่ย หลินปิง พ่อบอกว่าถ้าพ่อว่างเมื่อไหร่พ่อสัญญาว่าจะพาไข่ตุ๋นไปหาหลินปิงนะ”
ไข่ตุ๋นจูบตุ๊กตาอีกทีแล้วนอนหลับตา ณนนท์ยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นห่มผ้าห่มให้ลูกสาว แล้วปิดไฟเดินออกจากห้องไป

แต่พอณนนท์ออกไปพ้นห้อง ไข่ตุ๋นก็ลุกขึ้นมาทันที ไข่ตุ๋นเปิดไฟ แล้วค่อยๆ แง้มประตูออก มองซ้ายมองขวาว่าไม่มีใคร แล้วรีบวิ่งจู๊ดเข้าห้องนอนสุดยอดไป
ส่วนในผับแห่งนั้น เอนิตา และเพื่อนๆ นางแบบ กำลังแด้นซ์กระจาย ยิ่งดึกยิ่งมีหนุ่มๆ เข้ามาร่วมแจมจนคึกคักมากกว่าเดิม ทันใดนั้นไฟจากมือถือของเอนิตาที่วางอยู่บนโต๊ะก็สว่างขึ้น
เพื่อนนางแบบคนหนึ่งเหลือบไปเห็นว่ามีสายโทรเข้ามา จึงร้องสะกิดบอกเอนิตา “นิต้าๆ โทรศัพท์แก
เอนิตาถูกขัดจังหวะ ก็หงุดหงิด เสียอารมณ์ “ใครโทรมาตอนนี้ยะ มันน่าด่านัก” หยิบโทรศัพท์มากดรับสาย เสียงน้ำเสียงห้วนๆ
“ฮัลโหล”
ที่แท้เป็นไข่ตุ๋น นั่นเองกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนอนของสุดยอด
“คุณแม่เหรอคะ นี่ไข่ตุ๋นเองนะ คุณแม่อยู่ที่ไหนคะ”
เอนิตาตกใจที่ไข่ตุ๋นโทรมา โกหกทันที
“ไข่ตุ๋นเหรอลูก แม่กำลังทำงานอยู่น่ะจ้ะ”ะ
“ทำไมเสียงดังจังเลยล่ะคะคุณแม่ คุณแม่ทำงานที่ไหนคะ”
“แม่เดินแบบอยู่ ที่ทำงานแม่ก็อย่างงี้ล่ะจ้ะ เอาไว้หนูโตขึ้นก็เข้าใจเองแหละ”
สีหน้าแววตาของไข่ตุ๋นคิดถึงแม่มาก
“คุณแม่จะมาหาไข่ตุ๋นได้มั้ยคะ ไข่ตุ๋นไม่ได้เจอคุณแม่นานแล้วนะ”
เอนิตาปั้นหน้ายิ้มแย้มรับปากลูกสาว
“ได้สิลูก เอาไว้วันเสาร์นี้แม่ไปหานะ”
ขณะนั้นหนุ่มหล่อชื่อพีทก็เข้ามาคลอเคลีย เอนิต้าเลยชักแกว่งๆ อยากรีบวางสาย
ไข่ตุ๋นต่อว่า “คุณแม่ก็พูดอย่างงี้ทุกทีแหละ ไม่เห็นมาหาไข่ตุ๋นซะที”
เอนิตาโดนหนุ่มพีทคลอเคลียจนชักทนไม่ไหว อารมณ์เตลิด
“ก็งานแม่ยุ่งนี่คะ แม่ต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงไข่ตุ๋นนะลูก เพราะฉะนั้นไข่ตุ๋นต้องเป็นเด็กดี เชื่อฟังคุณพ่อรู้มั้ยจ๊ะ”
“รู้ค่ะ” ไข่ตุ๋นรับคำ
เอนิตารีบตัดบท “แม่ต้องขึ้นเดินแบบแล้ว แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ รักลูกนะ จู๊บๆ”
ว่าแล้วก็รีบกดวางสาย พร้อมปิดมือถือทันที เอนิตากรี๊ดลั่น แล้วตรงเข้าไปนั่งตักหนุ่มพีท ลั้นลาไม่เกรงใจใคร
“ไข่ตุ๋นก็รักแม่ค่ะ” ไข่ตุ๋นมีสีหน้าจ๋อยๆ วางสายโทรศัพท์ลง
ขณะนั้นณนนท์ยืนแง้มประตูแอบดูลูกอยู่ เห็นสภาพลูกแบบนี้แล้ว ก็ยิ่งสงสารลูกจับหัวใจ

ณนนท์เดินกลับมาไม่ให้ลูกเห็น เขานั่งอยู่ในห้องรับแขก ที่มีรูป ณนนท์ เอนิตา ไข่ตุ๋น สามคนพ่อแม่ลูกยิ้มแย้มกันอย่างมีความสุข ณนนท์นั่งมองดูรูปด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ทั้งผิดหวังจากชีวิตคู่ และสงสารลูกสุดๆ
ภาพเหตุการณ์เมื่อ 6 ปี ก่อนก็ย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำของณนนท์

ณนนท์ถืออุปกรณ์เทสต์การตั้งครรภ์ด้วยความดีใจสุดๆ ในขณะที่เอนิตาพอเห็นเป็นสองขีดซึ่งหมายความ
ตั้งครรภ์ก็หน้าเสีย ณนนท์ร้องขึ้นมาอย่างดีใจ
“คุณท้องจริงๆ ด้วยนิต้า” พร้อมกับดึงเอนิตาเข้ามาหอมแก้ม
“รู้แล้วว่าท้องคุณจะดีใจทำไมนักหนา” เอนิตาพูดอย่างเซ็งๆ
“อ้าว คุณไม่ดีใจที่เราจะมีลูกกันเหรอ” ณนนท์งง
นอกจากไม่ดีใจ เอนิตาดูหงุดหงิดเอามากๆ
“ฉันเป็นนางแบบนะคะนนท์ คิดดูสิว่าถ้าฉันท้อง จะเสียรายได้แค่ไหน แล้วถ้าหุ่นฉันเจ๊งขึ้นมาอีก จะทำยังไง” ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ เอนิต้าระเบิดอารมณ์ขึ้นมา
“โอ๊ย! ไม่น่าพลาดเลย” แล้วเดินหงุดหงิดเลี่ยงไป
วันนั้นณนนท์ได้แต่มองตามด้วยความผิดหวัง ไม่คิดว่าเอนิตาจะไม่มีสัญชาติญาณของความเป็นแม่ขนาดนี้

ซึ่งไม่ต่างจากเหตุการณ์เมื่อ 5 ปีก่อน หลังคลอดไข่ตุ๋นได้เพียง 3 เดือน คืนนั้นณนนท์ตื่นขึ้นมากลางดึก พร้อมกับได้ยินเสียงร้องไห้ของไข่ตุ๋น เขารีบเปิดไฟ แล้วเข้าไปดูไข่ตุ๋นที่เตียงเด็กทันที
“โอ๋ๆ อย่าร้องนะลูก โอ๋ หิวนมเหรอครับ” ณนนท์พูดกับลูกสาวไร้เดียงสา
ส่วนเอนิตาที่กำลังหลับอยู่ก็ตื่นขึ้นมาด้วยความโมโห รำคาญเสียงร้องของลูก
“โอ๊ย นนท์ให้ยัยไข่ตุ๋นหยุดร้องซะที คนจะหลับจะนอน” เอนิต้าโวยวาย
“ลูกคงจะหิวน่ะ นอนนี่ก่อนนะ เดี๋ยวพ่อไปชงนมให้ แป๊ปนะครับ”
ณนนท์พูดพร้อมวางไข่ตุ๋นลง วิ่งออกไปชงนม เอนิตาเอาหมอนปิดหู
“จะร้องหาอะไรเนี่ย นนท์ ชงนมเร็วๆ หน่อยสิคะ ลูกร้องใหญ่แล้ว” ณนนท์วิ่งเข้ามาในมือถือขวดนม
“มาแล้วครับ พ่อมาแล้วครับ” ณนนท์ป้อนนมเข้าปากไข่ตุ๋นๆ ดูดนมหยุดร้อง
“โอ๊ย คนจะหลับจะนอน พรุ่งนี้ฉันต้องทำงานเช้าด้วย หน้าฉันจะแย่มั้ยเนี่ย”
เอนิตาบ่นต่อไป ณนนท์มองเอนิตาอย่างเซ็งๆ

เหตุการณ์เมื่อหนึ่งปีก่อน ซึ่งเป็นจุดแตกหัก ขณะที่ไข่ตุ๋นอายุ 4 ขวบ ณนนท์ลากกระเป๋าเดินทางลงมาจากข้างบนบ้าน ส่วนเอนิตาหน้าบึ้งนั่งทาเล็บเท้าอยู่
“ผมว่าผมจะอยู่บ้านพ่อสักพัก นี่คุณจะไม่พูดอะไรเลยใช่มั้ย” ณนนท์ถาม แต่เอนิตาไม่พูด ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ณนนท์เดินเข้ามาอุ้มไข่ตุ๋นที่นั่งร้องไห้กระซิกๆ
“งั้นผมไปละ มีอะไรก็โทรมาละกัน” ณนนท์บอก ขณะกำลังอุ้มไข่ตุ๋นที่เริ่มร้องไห้เสียงดัง มากขึ้น
เอนิตาเงยหน้าขึ้นมาน้ำตาไหล พูดอย่างเจ็บแค้นเสียใจ
“ไปเลยจะไปไหนก็ไป แล้วไม่ต้องกลับมาอีกนะ”
เอนิตาเอาแต่ร้องไห้

เท่งเดินเข้ามาหาณนนท์ที่ยังคงนั่งซึมอยู่กับเรื่องราวในหนหลัง พลางถามขึ้นอย่างห่วงใย
“เห็นยอดมันบอกว่าวันนี้เมียแกมาขอเงินอีกเหรอ”
“ครับ แล้วก็ทะเลาะเรื่องเดิมๆเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ จนผมอยากจะจบเรื่องนี้เต็มทน แต่ก็กลัวว่าถ้าให้เงินตามที่เค้าขอ แล้วเรื่องมันจะไม่จบน่ะสิครับ” ณนนท์ระบายกับผู้เป็นพ่อ
“แกทำถูกแล้วล่ะ คนอย่างเมียแกถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม ให้ไปไม่เท่าไหร่เดี๋ยวก็หมด สุดท้าย ก็เอาเจ้าไข่ตุ๋นมาเป็นตัวประกันอยู่ดี” เท่งเห็นดีด้วย
“ผมผิดเอง หลงความสวยโดยไม่ใช้สมอง ตัวเองเดือดร้อนไม่พอ ยังทำให้พ่อกับน้องกลุ้มใจอีก สงสารก็แต่ไข่ตุ๋มที่กลายเป็นเด็กมีปัญหา” ณนนท์พูดอย่างเจ็บใจตัวเอง
เท่งตบบ่าณนนท์พลางปลอบใจลูก
“อดีต มันมีไว้เป็นบทเรียน ไม่ให้ซ้ำรอยเดิม ไม่ใช่มีเอาไว้ให้ทำร้ายตัวเอง แกผิดไปครั้งนึงก็ถือว่าเป็นครู คราวหน้า ถ้าจะคิดจะทำอะไรก็ให้มันรอบคอบ อย่าให้ผิดซ้ำสองอีกก็ใช้ได้แล้ว”
“ไม่มีครั้งหน้าแล้วละครับพ่อ” ณนนท์เว้นระยะก่อนจะพูดต่อ
“ผมเข็ดผู้หญิงจนตาย แล้วผมก็ไม่มีวันซ้ำเติมลูก ด้วยการหาแม่ใหม่ให้ไข่ตุ๋นเด็ดขาด”

ณนนท์บอกพ่อด้วยสีหน้าเครียดขรึม

จบตอนที่ 1
โปรดติดตามอ่านตอนที่ 2









กำลังโหลดความคิดเห็น