xs
xsm
sm
md
lg

ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลิขิตเสน่หา
ตอนที่ 2
บุญเลื่อง กับข้าวตู กำลังออกกำลังกายเล่นฮูลาฮูปตอนเช้ากันสองยายหลาน โดยเปิดเสียงเพลงจังหวะละตินแด๊นซ์เพิ่มอรรถรสไปด้วย ระหว่างนั้นยี่หวาลงจากชั้นบน

“ยัยหยีล่ะคะแม่” ยี่หวาถามผู้เป็นมารดาที่กำลังส่ายฮูลาฮูป
“ไปร้านตั้งนานแล้ว เห็นว่าวันนี้มีรายการทีวีมาถ่ายไม่ใช่เหรอ” บุญเลื่องพูดไปเต้นไป
“จริงด้วย ลืมไปเลย” ยี่หวานึกขึ้นมาได้
ยี่หวาหันไปมองแม่กับลูกชายเล่นฮูลาฮูปอย่างสนุกสนาน อดอมยิ้มไม่ได้เลยแซวขึ้น
“วันนี้แม่ไม่ไปเรียนลีลาศแล้วเหรอคะ หรือว่าเปลี่ยนมาเล่นฮูลาฮูปสนุกกว่า”
“ไม่ได้หรอก รับปากเค้าแล้วยังไงก็ต้องไป แต่วัยทีนอย่างแม่ จริงๆ แล้วก็ไม่ค่อยเหมาะกับลีลาศเท่าไหร่หรอก” ว่าพลางหันไปพูดกับหลาน “จริงมั้ยข้าวตู”
“จริงครับคุณยาย” ข้าวตูพูดไปเต้นไป
ยี่หวาหัวเราะมีความสุข
“งั้นหนูไปทำงานก่อนนะคะแม่” พร้อมกับหันไปกำชับลูกชาย
“ข้าวตู ดูแลคุณยายดีๆ อย่าให้เป็นลมเป็นแล้งไปนะลูก”
พูดจบยี่หวาก็ออกจากบ้านไป บุญเลื่องมองตามแล้วค้อนตามปะหลับปะเหลือก
“พูดงี้หาว่าฉันแก่ล่ะสิ แน่จริงมาเต้นแข่งกันมั้ยล่ะ”
หว่างนั้นข้าวตูถามคุณยายขึ้น “คุณยายครับ นี่กี่โมงแล้วครับ”
บุญเลื่องดูนาฬิกาว่าเก้าโมงแล้ว พร้อมกัยสงสัยว่าหลานชายถามทำไม ข้าวตูยิ้มกริ่ม บอกเหตุผล
“ข้าวตูมีนัดครับ”
ว่าแล้วข้าวตูก็รีบวางห่วงฮูลาฮูป วิ่งตามยี่หวาออกไปติดๆ บุญเลื่องมองตามงงๆ

ข้าวตูวิ่งผ่านหน้ายี่หวาไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ขณะที่ยี่หวากำลังเปิดประตูรถ ยี่หวามองตามลูกชายงงๆ
“ข้าวตู ไปไหนลูก”
ยี่หวาตามข้าวตูไป ข้าวตูชะเง้อมองไปนอกประตูรั้ว ในขณะที่บุญเลื่องวิ่งตามออกมา
“ข้าวตูมีนัดครับแม่ พ่อบอกว่าจะมารับข้าวตูไปเที่ยว” ข้าวตูบอกแม่
“พ่อบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมแม่ไม่รู้ล่ะ” ยี่หวาซัก
ข้าวตูตอบแบบกลัว “เมื่อคืนข้าวตูโทรไปหาพ่อครับ แม่ไม่ว่าข้าวตูใช่มั้ยครับ”
“ว่าน่ะไม่ว่าหรอก แต่แม่กลัวข้าวตูจะรอเก้อน่ะซี่”
ยี่หวาหันไปสบตากับบุญเลื่อง แล้วมองข้าวตูอย่างสงสาร

ช่วงสายของวันเดียวกันนั้น วัลลภากำลังทุบประตูห้องนอนวสันต์โครมๆ สักครู่ประตูห้องนอนเปิดออก วสันต์นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว หน้าตายังอยู่ในอาการงัวเงีย
“อะไรครับแม่”
วัลลภามองลอดสอดส่ายสายตาเข้าไปในห้อง เห็นเด็กสาวคนเมื่อคืนนอนอยู่บนเตียง วสันต์รีบออกมาแล้วปิดประตูห้อง
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าห้ามพาผู้หญิงมานอนที่นี่ อยากกินอะไรสกปรกๆก็ไปกินนอกบ้านโน่น ไล่มันกลับไปได้แล้ว แกนัดกับข้าวตูไว้ไม่ใช่เหรอ” วัลลภาเอ็ดลูกชาย
“ไม่ไปแล้ว ง่วง” วสันต์บอกเซ็งๆ
“นอนๆๆ แล้วเมื่อไหร่จะรวยหะ หัดฉลาดๆ กับเค้าซะบ้างซี่ มีลูกก็ใช้ให้เป็นประโยชน์ แกต้องไปตื้อแม่มันให้ขายที่ ตั้งสามสิบล้านเชียวนะ อย่าลืมสิของงี้มันต้องตื้อย้ำๆ ซ้ำๆ ถี่ๆ ถึงจะเวิร์ค
“ไว้วันหลังแล้วกันแม่ ขี้เกียจ!” วสันต์บ่ายเบี่ยงเดินกลับเข้าห้องปิดประตู วัลลภาขัดใจ
“ฮึ่ย ไม่ได้อย่างใจเลย” ทุบประตูเรียกต่อ “ตาสันต์ๆ”
เสียงวสันต์ดังลอดออกมา “แม่อย่าทุบเลย เดี๋ยวมือเจ็บ เก็บมือไว้จั่วดัมมี่เถอะ”
วัลลภาหงุดหงิดกับวสันต์

ขณะเดียวกันนั้นที่สนามบ้านเท่ง เท่งกำลังเป็นตัวล่อเป้าให้ไข่ตุ๋นซ้อมมวย โดยมีสุดยอดยืนเชียร์ เหมือนคนกำลังเชียร์มวย
“เอ้วๆๆ...ขวาตาย ซ้ายสลบไปเลยไข่ตุ๋น ศิษย์เท่งทึง”
เท่งหันมาเขกกะโหลกสุดยอด
“เท่งทึงมันแปลว่าตายเว้ย ไอ้นี่ แช่งพ่อแล้วมั้ยล่ะ”
สุดยอดลูบหัวตัวเอง หัวเราะแหะๆ ณนนท์ได้ยินเสียงเดินออกจากบ้านมาดู
“แค่นี้ ไข่ตุ๋นยังทะโมนไม่พออีกเหรอพ่อ ไปสอนหลานอย่างนั้นน่ะ” ณนนท์แซวพ่อ
“เป็นเด็กผู้หญิง มีวิชาหมัดมวยป้องกันตัวติดไว้บ้างก็ดี จะได้ไม่โดนคนอื่นเค้ารังแก” เท่งอ้างเหตุผล
“ไข่ตุ๋นน่ะเหรอจะโดนใครรังแก มีแต่รังแกคนอื่นสิไม่ว่า”
ไข่ตุ๋นฟังอยู่รีบแย้งขึ้นทันที
“ไข่ตุ๋นไม่ได้รังแกข้าวตูนะคะ ข้าวตูไม่ได้เรื่องเองต่างหาก”
“ใช่ ไม่ใช่ความผิดของไข่ตุ๋น แม่ข้าวตูไม่สอนลูกให้รู้จักป้องกันตัวเองตะหาก” เท่งออกโรงสนับสนุนคำพูดหลานสาว
“โธ่พ่อ แทนที่จะห้าม เข้าข้างหลานซะงั้นน่ะ” ณนนท์ปรามพ่อ
สุดยอดออกไอเดียแนะนำขึ้น
“พี่นนท์ก็จีบแม่ข้าวตูสิพี่ แค่นี้ไข่ตุ๋นกับข้าวตูก็สมานฉันท์ เป็นพี่น้องกันแล้ว”
“แหยะ..ถ้าให้ไข่ตุ๋นเป็นพี่น้องกับเด็กขี้แงอย่างข้าวตู ไข่ตุ๋นตายดีกว่า” ไข่ตุ๋นในมาดนักมวยโวย
“ให้จีบยัยนั่น พ่อก็ขอตายดีกว่า” ณนนท์เยาะ
“ระวังเห๊อะ... เกลียดสิ่งไหนมักจะได้สิ่งนั้น...ไป ไข่ตุ๋น เข้าบ้าน”
พูดจบเท่งก็พาไข่ตุ๋นเดินเข้าบ้าน ณนนท์ฟังพ่อพูดพลางคิดถึงหน้ายี่หวาขึ้นมาก็รู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมา สุดยอดตบไหล่พี่ชาย
“จริงนะพี่ หาแม่ใหม่ให้ไข่ตุ๋นเห๊อะ มีผู้หญิงเป็นแบบอย่างหลานจะได้เลิกทำตัวเป็นทอมซะที”
“ยุ่งเลย”
สุดยอดแกล้งแซวทำหน้าประหลาดใจ “รึว่าพี่เราไม่ชอบผู้หญิง”
“อ่ะๆ ไอ้นี่ เกรียนเหรอ”
ณนนท์ไล่เตะสุดยอดที่บังอาจแซว
ยิ่งสายแดดก็เริ่มแรงมากขึ้น ข้าวตูยืนหน้าจ๋อย แต่ยังมองออกไปนอกบ้านอย่างมีความหวัง ยี่หวา
กับบุญเลื่องยืนมองข้าวตูอย่างสงสาร
“นี่มันจะเที่ยงแล้ว พ่อเค้าไม่มาหรอกข้าวตู” บุญเลื่องบอกหลาน
ยี่หวาชวนลูกเข้าบ้าน ข้าวตูหันกลับมาบอกยี่หวา พร้อมกับทำท่าจะร้องไห้
“แต่พ่อสัญญากับข้าวตูแล้วนี่นา ว่าพ่อจะมา”

ขณะนั้นเองวสันต์ก็เดินเข้ามายืนหลังข้าวตู ร้องเรียก
“ข้าวตู”
เด็กชายตัวน้อยหันไปตามเสียง ข้าวตูออกอาการดีใจ
“พ่อ...พ่อมาแล้ว”
ตรงข้ามกับยี่หวากับบุญเลื่องที่หน้าตึงๆ ไป แต่ก็อดประหลาดใจไม่ได้
วสันต์สร้างภาพทรุดตัวลงกอดข้าวตู ข้าวตูกอดคอวสันต์
“พ่อกินอะไรมารึยังครับ”
“ยังเลย ข้าวตูมีอะไรให้พ่อกินมั่งล่ะ”
“พ่อรอข้าวตูแป๊บนะครับ”
ข้าวตูวิ่งตื๋อเข้าไปในบ้าน วสันต์หันมาทักยี่หวาประเด็นเรื่องที่ดิน
“ไงคุณ ตกลงไม่เปลี่ยนใจขายที่จริงเหรอ”
“เชื่อแล้วว่ายังไม่ได้กินอะไรมาจริงๆ อ้าปากก็หิวเงินมาเชียว” บุญเลื่องตอบแทนอย่างรู้ทัน
“ผมหวังดีนะครับคุณแม่ เงินตั้งสามสิบล้านมันไม่ได้ลอยมาทุกวันนะครับ”
“ต่อให้เงินวิ่งมาชนตรงหน้าฉันก็ไม่ขาย เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ฉันรำคาญ!” ยี่หวาตอกหน้าสามีฉุนๆ
“โอเค ไม่พูดก็ไม่พูด ถ้างั้นมีเงินให้ผมยืมซักหมื่นมั้ยล่ะ”
บุญเลื่องได้ฟังยิ่งเหม็นหน้าวสันต์สุดๆ ยี่หวาเองทั้งเซ็งทั้งระอา
“มีหรือไม่มี ฉันก็ไม่ให้”
“อย่าเค็มไปหน่อยเลยน่ะ แค่หมื่นเดียวเอง ผมจะได้พาลูกไปเที่ยว” วสันต์ยังใช้ลูกเป็นข้ออ้าง
“อย่าเอาลูกมาเป็นข้ออ้างหน่อยเลย ฉันรู้เช่นเห็นชาติคุณดี”
โดนยี่หวาตอกหน้า วสันต์ยักไหล่ ทำท่าจะเดินไป
“ก็ได้ งั้นคุณปลอบลูกเอาเองก็แล้วกัน”
“คุณจะไปไหน จะพาลูกไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ไปแล้ว ไม่มีค่าน้ำมัน”วสันต์ลีลาโยกโย้ ทำท่าจะเดินออกไป ระหว่างนั้นข้าวตูก็วิ่งถือห่อขนมออกมาจากบ้านพอดี
“พ่อ พ่อจะไปไหนครับ พ่อ แม่ไล่พ่อไปอีกแล้วเหรอครับ ทำไมแม่ถึงเกลียดพ่อล่ะครับ” ข้าวตูเสียใจวิ่งร้องไห้เข้าบ้านไป
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกข้าวตู” บุญเลื่องน้ำท่วมปาก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ วันหนึ่งข้าวตูจะเข้าใจเองค่ะ”
บุญเลื่องสงสารทั้งหลานและลูกสาว มองยี่หวาอย่างเห็นใจ


ตอนกลางวัน ภายในห้องโถงตอนรับคล้ายๆ ล็อบบี้โรงแรม ยี่หวากำลังคุยลูกค้าเจ้าของงานวันนี้ ซึ่งลูกค้ากำลังชื่นชมดอกไม้ของยี่หวาไม่ขาดปาก
“ดอกไม้แปลกๆที่คุณยี่หวาจัดให้ห้องสัมนาเมื่อวาน ทำให้ห้องสวยแปลกตาไปเลยนะครับ น้ำพุที่
จัดไว้ข้างหน้างานก็สวย ใครไปใครมาก็ชมทุกคนเลยครับ
“ขอบคุณค่ะ น้ำพุช่วยกระตุ้นพลังงานโชคลาภค่ะ น้ำก็หมายถึงเงินทอง ดักเงินดักทองเลยนะคะ
ลูกค้าได้ฟังก็ยิ่งหัวเราะชอบใจ “ดีเลย ถูกใจอย่างงี้ต่อไปผมจะจ้างคุณทำงานให้เราประจำแน่”
“ขอบคุณมากค่ะ คุณวิเชียร”
ขณะนั้นณนนท์เดินมาด้านหลัง ทันได้ยินคำพูดยี่หวาพอดิบพอดี
“แล้วถ้าคุณวิเชียรอยากหาออกาไนเซอร์เจ้าใหม่ๆ บอกดิฉันนะคะ ดิฉันจะแนะนำเจ้าใหม่ ที่ใจกว้างมาสร้างสรรค์ให้ อย่าว่าดิฉันงั้นงี้เลยนะคะ บางเจ้าใช้ไปนานๆ ก็ตันค่ะ ไม่ค่อยมีอะไรใหม่ๆมาเสนอ เผลอๆงี่เง่าด้วยค่ะ”
ณนนท์ยืนฟัง แกล้งกระแอม ทักทายทั้งคู่
“สวัสดีครับคุณวิเชียร คุณยี่หวา” แต่ยี่หวารีบทำไม่รู้ไม่ชี้
“สวัสดีครับคุณณนนท์ คุณยี่หวา เราไปคุยกันเรื่องโปรเจ็คต่อไปเลยมั้ย” วิเชียร
“ได้เลยครับ”
วิเชียรเดินนำ ยี่หวารีบเดินตามลูกค้าไป ณนนท์ร้องซี๊ดปากขึ้นมา เอามือจับหลังตัวเองพร้อมกับทำหน้านิ่วแสดงความเจ็บปวดขึ้นมา
“โอ๊ยยยยย!!!”
ยี่หวาหันมามอง ด้วยความสงสัย
“อะไรของคุณ”
“หลังผมเหวอะอ่ะดิ เผลอไม่ได้เป็นโดนแทงทุกที คุณเองก็เถอะ...ระวังให้ดี ซักวันจะโดนแทงข้างหลังจนพรุนไม่รู้ตัว” ณนนท์กัดยี่หวา
“ฉันระวังอยู่แล้วล่ะค่ะ ขอบคุณที่เตือน”
ยี่หวาเชิดใส่ณนนท์ หันกลับเดินตามวิเชียรไป ณนนท์ส่ายหน้าแล้วเดินตามยี่หวาไป

ที่ร้านดอกไม้มอร์แดนทรี ยาหยีกำลังวุ่นตระเตรียมอุปกรณ์ประดามีเพื่อจัดทำสวนต้นไม้แนวตั้ง อาทิ ถาดหลุมสำหรับเพาะต้นไม้ ท่อพีวีซี สายรัด และตัวอย่างสวนแนวตั้งที่ทำสำเร็จแล้วสำหรับโชว์ในรายการทีวี ยาหยีเลื่อย ไสไม้ ตัดไม้ อย่างคล่องแคล่วไม่แพ้ มาร์ธา สจ๊วต เจ้าแม่ดี ไอ วาย ในทีวีฝรั่ง ในที่สุดทุกอย่างก็ครบครัน พร้อมสำหรับการถ่ายทำทีวีที่นัดไว้

เวลาเดียวกันนั้น วิเชียรลูกค้าเจ้าของงงานเดินนำณนนท์กับยี่หวาเข้ามาในห้องประชุม
“เราเริ่มประชุมกันเลยนะครับ”
“ดีครับ ประชุมกันให้รู้เรื่องชัดเจน ไม่ใช่ตกลงกันอย่างทำอย่าง แบบนั้น ประชุมกันไปก็เหมือนตักน้ำรดเสารดตอไม้ไปวันๆ จริงมั้ยครับคุณยี่หวา”
ณนนท์เปิดศึกกับยี่หวา ขณะที่ ยี่หวาฟังแล้วก็กัดฟันกรอด พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกระแทกๆ
“จริงค่า...”
ณนนท์แอบยิ้มสะใจ
ลูกค้าผายมือไปทางเก้าอี้เชิญคู่มวยไปนั่ง
พร้อมๆ กับที่เลขาฯเดินถือแฟ้มบางๆ สามเล่มเดินเข้ามา เป็นสัญญาตกลงร่วมกันทำงาน วิเชียรเปิดแฟ้มเอกสารดู ณนนท์หันมาหายี่หวา ยื่นมือให้
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันอีกครับ” แต่ยี่หวาเชิดหน้า ไม่ยอมจับมือ ณนนท์เลิกคิ้ว ชำเลืองมองไปทางวิเชียรที่กำลังมองลุ้นอยู่
แม้ยี่หวาจะยอมยื่นมือไปจับมือณนนท์ แต่ก็แกล้งใช้เล็บจิกที่มือณนนท์เต็มแรง ณนนท์ร้องลั่น
“โอ๊ย”
“เป็นอะไรครับคุณณนนท์” วิเชียรตกใจร้องถามขึ้น
ณนนท์สูดปากด้วยความเจ็บ สะบัดมือเร่าๆ แต่บอกไม่มีอะไร
“เปล่าครับเปล่า”
“คุณณนนท์เค้าดีใจที่เจอดิฉันน่ะค่ะ” ยี่หวาแก้สถานการณ์ พร้อมกับแอบยิ้มเยา ณนนท์มองยี่หวาแค้นๆ
พอยี่หวาจะลงนั่ง ณนนท์เอาคืนด้วยการเอาเท้าเตะเก้าอี้ยี่หวาเลื่อนขยับออกไป ยี่หวาไม่รู้ตัวลงนั่ง ผวาหงายหลังร้องลั่นงาน
“ว้าย”
ณนนท์หัวเราะขำ แล้วก็ต้องตกใจ เพราะมือยี่หวาไวพอที่จะคว้าแจ็คเก็ตณนนท์ ฉุดเขาลงมาด้วย
“โอ๊ย
ที่ใต้โต๊ะยี่หวาก้นกระแทก ณนนท์โดนดึงลงมาแหมะอยู่ข้างๆ โดยที่มือของยี่หวายังดึงแจ็คเก็ตของณนนท์ไว้แน่น วิเชียรลูกค้าออกอาการตกใจ
“คุณยี่หวา คุณณนนท์ เป็นอะไรมากมั้ยครับ”
“ไม่เป็นอะไรค่ะ” ยี่หวาตอบพร้อมกับออกแรงกระชากแจ็คเก็ตณนนท์แล้วพยุงตัวเขาลุกขึ้น ณนนท์โดนกระชากคออีกรอบร้องเสียงดัง
“โอ๊ย”

ส่วนที่มุมหนึ่งของร้านมอร์แดนทรี นัทกับว่านช่วยกันเซ็ตอุปกรณ์กล้อง แล้วหันไปบอกยาหยี
“รอพิธีกรแป๊บนึงนะครับ เกือบถึงแล้วล่ะครับ”
ว่าพลางนัทเอามือไปเท้าที่ชั้นวางของ และมือนัทไปปัดโดนลูกบอลยางของเล่นของข้าวตูที่วางไว้บนชั้น
ลูกบอลยางกลิ้งหล่นไปตามข้าวของต่างๆ กลิ้งไปตามแผ่นไม้ที่วางต้นไม้ กระเด้งไปที่พื้นแล้วกระดอนไปโดนข้าวของ
ยาหยีซึ่งกำลังยกแผงต้นไม้ที่ทำเป็นสวนแนวตั้งขึ้นพิงกับผนัง ลูกบอลยางกระเด้งลงจากชั้นวางของแล้วไปโดนแผงต้นไม้ล้มลงมาระเนระนาด
“ว้าย” ยาหยีร้องด้วยความตกใจ
นัทกับว่านตกใจมากกว่าที่เห็นแผงต้นไม้ที่ล้มลง ต้นไม้กระจัดกระจาย
“ความซวยเข้าไส้ ความบรรลัยบังเกิดแล้วมั้ยล่ะ” นัทครวญ ส่วนยาหยีหน้าเสียท่ามกลางของที่เสียหาย เธอรีบเก็บ
ระหว่างนั้นสุดยอดก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
“โทษทีว่ะ มาช้าไปหน่อย” สุดยอดบอกสองซี้ พลางหันไปมองยาหยี ในจังหวะเดียวกับที่ ยาหยีก็เงยหน้ามองสุดยอด พอดี
“คุณ!!! / นาย”สุดยอดกับยาหยีร้องขึ้นพร้อมๆกัน
แล้วภาพเหตุการณ์สุดหลอนระหว่างยาหยีกับสุดยอดก็ลอยเข้ามาในความคิดของทั้งคู่โดยเฉพาะ
ฉากสำคัญที่ ยาหยีทะเลาะกับสุดยอดแล้วละเลงเค้กลงบนศีรษะของสุดยอด
“อย่าบอกนะคะคุณว่าน ว่าพิธีกรรายการคุณคือ....” ยาหยีหันไปทางว่าน
“ใช่ครับ คุณสุดยอดเป็นพิธีกรครับ” ว่านบอก ยาหยีจึงจัดให้ทันที
“ฮึ นึกว่าใคร นอกจากไม่รับผิดชอบแล้วยังมาสาย เนี่ยใช่มั้ยที่เค้าเรียก พวกดารามาสาย แต่กลับก่อน ค่าตอนแพง ชอบกินแรงคนอื่น!”
“เกินไปๆ ผมมาช้าแค่สิบนาทีเท่านั้น” ว่าพลางสุดยอดหันไปดูข้าวของที่ระเนระนาด
“เอ แต่ถึงผมมาก่อน ก็คงไม่ได้ถ่ายอยู่ดี เพราะคุณน่ะขี้จุ๊ คิดเหรอว่าผมรู้ไม่ทัน” สุดยอดจัดคืนไป
“ขี้จุ๊อะไร พูดดีๆ ไม่งั้นโดน”
ยาหยีไม่พูดเปล่าคว้าพลั่วเล็กๆ ขึ้นมาขู่สุดยอด สุดยอดหยิบส้อมพรวนดินขึ้นมาขู่สู้
“อย่านะ...ผมไม่ยอมให้คุณทำร้ายง่ายๆหรอก เนี่ยะ..สองทีแปดรูเลยนะคุณ” สุดยอดชูส้อมโชว์
นัทกับว่านงงรับประทาน รีบเข้ามาห้าม
“สุดยอด ใจเย็นก่อนเพื่อน”
“ข้าน่ะใจเย็น แต่คุณเธอเล่นจะเอาพลั่วมาเล่นงานข้านี่หว่า” สุดยอดว่า
“ก็นายหาว่าฉันขี้จุ๊ ฉันขี้จุ๊เรื่องอะไร บอกมา” ยาหยีโมโห
“เอ้า งานไม่เสร็จแล้วโกหกว่าของพัง ไม่เรียกขี้จุ๊จะให้เรียกอะไรล่ะคร้าบ หรือจะให้เรียกว่าสตรอเบอรี่ อุ๊ยๆ ไม่พอ หลายรสแบบนี้ต้องเรียกมิกซ์เบอรี่ถึงจะเหมาะ”
สุดยอดลอยหน้าลอยตายั่วยวนกวนประสาท ยาหยีโกรธสุดยกมือกำหมัดขึ้นจะชก แต่สุดยอดเอามือรับไว้ได้ทัน
“อ๊ะ บอกแล้วไงว่าวันนี้ผมไม่ยอม ผมไม่ให้คุณต่อยเล่นเป็นกระสอบทรายอยู่ฝ่ายเดียวแน่”
ยาหยีจะชกสุดยอดก็ไม่ได้ จะดึงมือออกก็โดนสุดยอดจับไว้แน่น
ยาหยีนึกโมโหสุดๆ แต่ก็ฉุกคิดขึ้น จึงแกล้งมองไปทางด้านหลังสุดยอด แล้วทำเป็นตกใจเหมื่อนมีบางอย่างด้านหลัง
“เฮ้ย” สุดยอดแปลกใจ หลงกลหันไปมองตามยาหยี
ยาหยีฉวยโอกาสที่สุดยอดเผลอ เตะเข่าผ่าหมากสุดยอดเข้าไปเต็มๆ สุดยอดร้องจ๊าก ทรุดตัวร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น
“อู้ย” ว่าน กับนัทครางออกมาพร้อมกัน ทั้งคู่สะดุ้ง เอามือกุมเป้า เจ็บแทนเพื่อนสุดๆ
ยาหยียิ้มเยาะอย่างสะใจ
“เสียใจด้วยนะ ฉันไม่ได้มีแค่หมัด” ยาหยีหันไปพูดกับว่าน นัท
“รอไม่เกินครึ่งชั่วโมงค่ะ ฉันจะจัดการให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้
“คร้าบ” ว่าน กับ นัทรับคำพร้อมกัน ไม่กล้าหืออีกกลัวโดนดีอย่างสุดยอด
ยาหยีเดินไปจัดการงานต่อ ในขณะที่สุดยอดยังจุกหน้าเขียวหน้าเหลืองลุกไม่ขึ้น
“ยัย...ตัว...แสบ”

หลังเหตุการณ์ในร้านมอร์แดนทรีสงบลง ยาหยีกับสุดยอดกำลังฉีกยิ้มให้กัน ทั้งคู่ยืนอยู่ข้างๆ ถาดจัดสวนต้นไม้แนวตั้ง หันมายิ้มให้กล้อง
นัทกำลังถ่ายภาพ ส่วนว่านดูมอนิเตอร์
“ด้วยอุปกรณ์ง่ายๆ ราคาไม่แพง แค่นี้คุณก็สามารถมีสวนแนวตั้งสวยๆ ไว้ชื่นชมภายในบ้านแล้วล่ะค่ะ” ยาหยีอธิบายเรื่องการจัดสวนแนวตั้ง
“สำหรับวันนี้ผมต้องขอบคุณคุณยาหยีและร้านมอร์แดนทรีมากครับ พบเรื่องราวเจ๋งๆ ได้ใหม่ในรายการเจ๋งสุดๆ กับสุดยอดวันเสาร์หน้าครับ”
สุดยอดกับยาหยีไหว้แล้วส่งยิ้มให้กล้องพร้อมกัน
“คัท...โอเคแล้วครับ เสร็จแล้วครับ ขอบคุณมากๆ” ว่านสั่งคัท ทีมงานแฮปปี้ที่งานลุล่วง
ส่วนสุดยอดกับยาหยีมองหน้าเขม็งแล้วสะบัดหน้าใส่กัน พร้อมๆ กับที่ต่างคนต่างเดินออกไปคนละทาง

เวลาเดียวกันนั้นภายในห้องเรียนในโรงเรียนลีลาศ เท่งกำลังซ้อมเต้นลีลาศกับไข่ตุ๋น แต่เพราะไข่ตุ๋นนั้นตัวเล็กกว่าปูมาก ทั้งสองคนปู่หลานเลยเต้นไม่ค่อยเข้าขากันเท่าไหร่ คู่เต้นคู่อื่นๆ พากันอมยิ้มที่เห็นปู่หลานเต้นลีลาศด้วยกัน แม้จะไม่เข้าขา แต่ปู่เท่งกับไข่ตุ๋นก็เต้นจนจบเพลง ทุกคนพากับปรบมือให้ ครู่ต่อมาครูฝึกก็พาบุญเลื่องเดินเข้ามา
“คุณบุญเลื่องไม่มีคู่เต้นมาใช่มั้ยคะ งั้นคู่กับคุณเท่งแล้วกันค่ะ”
ครูฝึกพาบุญเลื่องเดินมาหาเท่งกับไข่ตุ๋น
“คุณบุญเลื่องคะ นี่คุณเท่ง คุณเท่งคะ คุณบุญเลื่องเพิ่งมาเรียนวันนี้วันแรก ฝากคุณบุญเลื่อง
ด้วยนะคะ”
เท่งพยักหน้ารับคำ ส่งยิ้มให้บุญเลื่องอย่างเป็นมิตร แต่บุญเลื่องไว้ตัวไม่ยิ้มตอบ ระหว่างนั้นครูฝึกก็เดินไปเลือกเพลงที่เครื่องเสียง ไข่ตุ๋นมองบุญเลื่องแล้วกอดขาปู่ไว้แน่น
“ไม่เอา ไข่ตุ๋นไม่อยากให้ปู่เต้นกับผู้หญิงคนนี้นี่นา” ไข่ตุ๋นโวยวายประสาเด็กหวงปู่
“โธ่ ไข่ตุ๋น ผู้หญิงคนนี้เค้าแก่แล้ว รับรองปู่ไม่สนเค้าหรอก” เท่งพูดเกือบเป็นเสียงกระซิบ
“แน่นะคะ” ไข่ตุ๋นยังไม่เชื่อ
“แน่สิ แก่ๆ หนังเหนียวๆ เคี้ยวๆ ฟันปลอมปู่หลุดไป จะทำยังไง จริงมะ” ว่าพลางเท่งแกล้งทำเป็นปวดฟัน ไข่ตุ๋นหัวเราะคิกชอบอกชอบใจ
แต่บุญเลื่องที่ได้ยินไม่ขำ และโกรธเท่ง
“นี่คุณ ว่าใครแก่หนังเหนียว พูดให้มันดีๆ นะ”
เท่งตาเหลือก เพราะไม่คิดว่าบุญเลื่องจะได้ยิน
“เปล่าครับ ผมว่าตัวผมเอง” เท่งปฏิเสธตาใส
“งั้นก็แล้วไป”
คำพูดบุญเลื่องทำให้เท่งกับไข่ตุ๋นถอนหายใจโล่งอก พอดีกับที่ข้าวตูเดินเข้ามาที่ประตู บุญเลื่องกวักมือเรียกหลานชาย
“ทางนี้ลูก ข้าวตู คุณยายอยู่นี่”
ไข่ตุ๋นหันไปเห็นข้าวตูคู่ปรับที่กำลังเดินมาก็ทำตาโต
“ข้าวตู / ไข่ตุ๋น” ข้าวตูเห็นไข่ตุ๋นก็ตาโต
“เอ้ ข้าวตู ชื่อคุ้นๆ เพื่อนที่โรงเรียนของหนูใช่มั้ยไข่ตุ๋น” เท่งคุ้นชื่อนี้จึงถามขึ้นแต่ ไข่ตุ๋นไม่ยอมตอบ
“ดีเลย จะได้มีเพื่อนนั่งรอ...เชิญครับคุณ”
เท่งผายมือให้บุญเลื่องคู่เต้นคนใหม่ ขณะที่ไข่ตุ๋นกับข้าวตูมองหน้ากันอย่างบอกไม่ถูก

เวลาต่อมาบุญเลื่องกับเท่งเต้นลีลาศ อยู่ท่ามกลางคู่เต้นคู่อื่นๆ โดยที่ด้านข้างห้องเรียน มีข้าวตูกับไข่ตุ๋นนั่งดู ยายกับปู่ฝึกซ้อมเต้นลีลาศ
“นายมาที่นี่ทำไม อย่าบอกนะว่านายก็อยากมาเต้นติ๊ดชึ่งกับเค้าด้วย ว่าแล้วตุ๊ดๆอย่างนายเนี่ยต้องชอบอะไรแบบนี้แน่ๆ” ไข่ตุ๋นทักทายเพื่อนร่วมห้อง
“เราไม่ได้เป็นตุ๊ด แล้วเราก็อยากมาดูคุณยายเต้นรำ ไข่ตุ๋นล่ะมาที่นี่ทำไม รึว่าอยากติ๊ดชึ่งกับเค้าเหมือนกัน”
ข้าวตูยักคิ้วถามขึ้นอย่างหวังดี “เอามั้ย เราสอนให้ เราเต้นกับยายบ่อย”
“ไม่ต้อง ฉันไม่ชอบติ๊ดชึ่งแล้วฉันก็ไม่ชอบนายด้วย ไปไกลๆ เลยไม่งั้นโดน”
ไข่ตุ๋นเงื้อหมัด ข้าวตูยักไหล่เซ็งๆ แล้วเดินไปนั่งตรงอื่น

ส่วนที่กลางฟลอร์ลีลาศ คู่เต้นวัยดึกกำลังออกสเต็ป เท่งจับมือและประคองหลังของบุญเลื่อง
“นี่คุณ อย่าได้คิดฉวยโอกาสกับฉันนะ ฉันไม่ยอมจริงๆ ด้วย” บุญเลืองเคืองๆ
“ครับ ผมไม่กล้าหรอกครับ” เท่งมองบุญเลื่องขำๆ ปลงๆ
เท่งพูดพร้อมกับปล่อยมือที่ประคองหลังบุญเลื่อง เป็นจังหวะเดียวกับที่คู่อื่นถอยมาชนก้นบุญเลื่อง บุญเลื่องสะดุ้ง ตกใจ นึกว่าเท่งแอบจับก้น บุญเลื่องโมโหจนหน้าแดง ผลักเท่งออก โวยวาย
“คุณ...คุณ นี่คุณกล้าแต๊ะอั๋งฉันเหรอทั้งๆ ที่ฉันบอกไว้แล้ว”
“แต๊ะอั๋งยังไง คุณเข้าใจอะไรผิดรึป่าวครับ” เท่งแย้งเพราะไม่ได้ทำจริงๆ
“ก็เมื่อกี้คุณจับก้นฉันชัดๆ ยังบอกว่าไม่ได้แต๊ะอั๋งอีกเหรอ”
ทั้งคู่พูดเสียงดังจนทุกคู่หันมามอง
“โหคุณ รุ่นนี้ผมคงไม่อยากแต๊ะแล้วล่ะครับ แตะตรงนั้นก็เหี่ยว จับตรงนี้ก็ย่น ผมคงไม่จับให้เสียมือหรอกครับ” เท่งพูดแล้วก็หัวเราะ
“หยาบคาย” บุญเลื่องว่าแล้วชี้หน้าเท่ง
“ไอ้คนลามก ไอ้เฒ่าหัวงูเจ้าชู้ไก่แจ้ ไอ้แก่ตัณหากลับ”
“ด่าซะไฟแล่บแบบนี้ ตกลงโกรธเพราะโดนจับก้นหรือเพราะอยากให้จับแต่ไม่มีใครจับกันแน่”
เท่งยิ้มกวนๆ บุญเลื่องโกรธสุดๆ หน้าแดงก่ำ โต้ลั่น
“ทุเรศ ของฉันยังเต่งยังตึงเด้งดึ๋ง ใครๆ ก็อยากจับทั้งนั้นล่ะย่ะ”
“คร้าบ เอาเป็นว่าผมคนนึงแล้วกันที่ไม่คิดอยากจับก้นคุณ คุณจะเต้นต่อมั้ย ถ้าไม่เต้น ผมจะไปเต้นกับหลานผม”
“ก็ได้” บุญเลื่องยอมเต้นแบบไม่เต็มใจ กระฟัดกระเฟียด

สามสาว ยาหยี วุ้น ก้อย อยู่ที่ร้านอาหาร วุ้นใช้มือถือถ่ายรูปอาหารบนโต๊ะ ก้อยมองอย่างเบื่อๆ
“เมื่อไหร่จะถ่ายเสร็จยะ ฉันหิวไส้จะขาดอยู่แล้ว” ก้อยเริ่มโวย
“เอ้า ชาวบ้านเค้าจะได้รู้ไงแก ว่าเรากินอะไร เช้าก๋วยเตี๋ยว เที่ยงข้าวผัด เย็นสลัด เราต้องจัดไปโพสท์ให้ครบสามมื้อ” ที่แท้วุ้นถ่ายรูปเพื่อเอาไปโพสท์ลงโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค
“ครบสามมื้อแล้วไง เค้าจะจ่ายค่าอาหารให้แกเหรอไง” ก้อยแย้ง
“ก็นิดนึง ใครเค้าก็ทำกัน เทรนด์อ่ะเข้าใจป่าว” วุ้นคุย
“แสดงว่าแกไม่มีหัวคิดอ่ะดิ ถึงต้องทำตามคนอื่น” ก้อยเยาะ วุ้นค้อน ก้อยหันไปเห็นยาหยีนั่งทำหน้าหงิกบอกบุญไม่รับอยู่
“นี่อีกคน เลิกหน้าหงิกได้แล้ว กิน ๆ ๆ”
“กินไม่ลง อารมณ์เสีย” ยาหยีบ่นแบบเซ็งๆ
“เสียไรอีก ถ่ายเสร็จไปตั้งนานแล้วยังเก็บมาคิดอยู่ได้ เสียสุขภาพจิต” วุ้นว่ายาหยี
“แกไม่เป็นฉัน แกไม่รู้หรอก ผู้ชายอะไร ปากเสีย กวนประสาท” ยาหยีหมายถึงคู่ปรับ...สุดยอด
ก้อยหลับตาแล้วสะดุ้งเฮือก
“เป็นไรแก หมูติดคอเหรอ”วุ้นถามอย่างสงสัย
“เปล่า ฉันมีลางสังหรณ์ว่าแกจะต้องเจอกับอีตานี่ไปอีกนานแสนนานเลยว่ะหยี” ก้อยแซว
“รึว่าแกกับนายสุดยอดนี่จะเป็นเนื้อคู่กัน” วุ้นผสมโรง
วุ้นกับก้อยหันมามองหน้ากัน ทำตาโตแล้วร้องออกมาพร้อมกัน
“ฮ้า”
“ตลกๆ เลิกพูด เลิกเดาได้แล้ว แค่นึกฉันก็รับไม่ได้” ยาหยีไม่ตลกไปกับเพื่อนซี้
“งั้นรีบกิน เดี๋ยวฉันเปิดไพ่เช็คดวงให้” แม่หมอก้อยปลอบเพื่อน
“แกไม่ต้องเปิดไพ่ฉันก็บอกได้ อีตานี่คือศัตรูคู่อาฆาตแต่ชาติปางก่อนของฉัน คอยดูนะ ถ้าอีตาสุดห่วยนี่พูดถึงร้านฉันเสียๆ หายๆ ล่ะก็ แม่จะฟ้องให้เหลือแต่กางเกงในตัวเดียวเลย” ยาหยีโวยวาย
“ว้าว แกนี่ยังใจดีเหลือกุงเกงในให้คุณพี่ยอดเค้าอีกตั้งตัว”
“ถ้าเป็นฉันนะจะไม่ให้เหลืออะไรติดตัวเลย จริงมั้ยวุ้น” ก้อยแซวต่อ
“ที่สุด” วุ้น กับก้อย พยายามหยอกล้อเพื่อให้ยาหยีหายเซ็ง

ทว่าพอยาหยีคิดถึงสุดยอดแล้วโมโหกรุ่นขึ้นมาอีก

อ่านต่อหน้า 2







ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 2 (ต่อ)

บริเวณหน้าศูนย์ประชุมที่จัดสัมนา ยี่หวากำลังจะเดินออกมาจากศูนย์ประชุม ณนนท์รีบเดินตามมา พูดขึ้นมาลอยๆ

“ชาติที่แล้วผมทำเวรทำกรรมอะไรไว้นะ ถึงต้องมาร่วมงานกับผู้หญิงโหด เหี้ยมซาดิสต์อย่างคุณ” ณนนท์เปิดฉากทะเลาะ
“อยู่กับผู้ชายประสาทๆ มันก็ต้องทำอย่างนี้แหละมันถึงรับมือไหว ฉันว่าแค่เนี้ย...มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ” ยี่หวามีหรือจะยอม
“เฮ้อ สงสัยเสร็จงานนี้ต้องหาเวลาไปทำบุญเก้าวัดล้างซวยแล้วล่ะมั้ง” ณนนท์เยาะขึ้น
“อย่างคุณน่ะนะ ต่อให้รดน้ำมนต์เก้าวัด เดินสายทำบุญทั่วราชอาณาจักรก็ไม่ช่วยหรอก เอางี้สิคะ ถ้าทำไม่ไหวก็บายไป ฉันจะได้ทำกับออกาไนเซอร์อื่น” ยี่หวาสวนกลับ
“ครับคุณคนเก่ง อย่าว่าแต่คนอื่นเลย คุณทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก่อนมั้ยครับ หัดทำงานเป็นทีมให้เป็นบ้าง รู้จักมั้ยครับ...ทำงานเป็นทีม” ณนนท์เน้นคำ
“งั้นคุณก็หัดรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นซะบ้างสิ ไม่ใช่ตะพึดตะพือเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกนะที่ทำงานเป็นทีมเป็น” ยี่หวาบอก
ณนนท์กับยี่หวามองหน้ากันอย่างท้าทาย
“ได้ งานนี้คุณไปให้สวยก็แล้วกัน แต่ถ้าพลาด ผมเล่นคุณแน่”
“แน่น๊อน ทำงานกับคนผิดปกติอย่างคุณ ฉันก็ต้องระวังทุกฝีก้าวอยู่แล้วล่ะค่า”
พูดจบยี่หวาเดินเชิดหน้าไปสวยๆ แต่ส้นรองเท้าดันไปติดกับพื้น ยี่หวาหน้าแตกพยายามดึงส้นรองเท้าอย่างหงุดหงิด เพราะเสียฟอร์ม ก่อนจะเดินเชิดๆ เริดๆ ไป
“เนี่ยนะระวังทุกฝีก้าว” ณนนท์มองตามยี่หวาอย่างขำๆ

ค่ำคืนนั้น เท่งกำลังนอนให้ไข่ตุ๋นเหยียบอยู่ภายในห้องนั่งเล่น เท่งบอกหลานให้เหยียบเน้นๆ เป็นจุดๆ
“เออ ตรงนั้นล่ะไข่ตุ๋น เน้นหน่อยๆ อูยยย....”
ณนนท์เดินถือแก้วใส่นมร้อนๆ เข้ามาในห้อง มองเท่งขำๆ เอ่ยขึ้นด้วยหน้ายิ้มแย้ม
“เป็นไงครับพ่อ เต้นกันแซ่บสะบัดจนเคล็ดขัดยอกเลยเหรอครับ”
สุดยอดซึ่งนั่งยกเวตอยู่ใกล้ๆ ส่งเสียงแซวซ้ำเติม
“แซบไม่แซบไม่รู้ แต่เท่าที่ดู...แซบจนลืมแก่เลยแหละพี่”
เท่งโมโหลูกชายสองหน่อ ทำท่าจะลุกแล้วก็ร้องอูย สุดยอดหัวเราะ
“ไอ้แซบมันก็แซบอยู่ แต่คู่เต้นสิวะ (เซ็งๆ) เหี่ยวจนเป็นแหนมป้าย่นแล้ว ยังสะบัดสะบิ้งทำมาเหวี่ยงเป็นสาวๆอีก เหนื่อยก็ตรงนี้แหละ” เท่งหมายถึงคู่เต้นชื่อบุญเลื่องนั่นเอง
สุดยอดได้ยินรีบหาพวกทันที
“นี่พ่อก็เจอเหมือนกันเหรอ สงสัยเราสองคนพ่อลูกต้องไปตระเวณทำบุญแล้วมั้ง จะได้พ้นจากผู้หญิงพวกนี้ซะที”
“ไม่ใช่สอง....สาม! ฉันก็โดนโว๊ย” ณนนท์ขอร่วมแจมทันที
“เฮ้อ ผู้หญิงงี่เง่า” สามคนพ่อลูกพูดขึ้นพร้อมๆกัน

เวลาเดียวกันนั้น ที่โต๊ะอาหารบ้านบุญเลื่อง ยี่หวา ยาหยี และบุญเลื่องก็พูดขึ้นพร้อมๆ กัน
“ ผู้ชายเฮงซวย”
สามแม่ลูกตั้งโต๊ะนั่งสุมหัวรวมกัน เม้าท์แตกผู้ชายสามคนที่ต่างคนต่างเจอในวันนี้
“ขนาดแก่จนตกกระ ฟันหัก หนังเหี่ยวแล้ว ยังจะลามกอีก” บุญเลื่องระบายแค้น
ยาหยีเสริมขึ้นแบบเซ็งๆ “นอกจากข้าวตูแล้ว ชีวิตพวกเราจะไม่มีผู้ชายดีๆ เข้ามาบ้างเลยรึไงเนี่ย”
“โอ๊ย หาหนวดเต่าเขากระต่าย ยังง่ายซะกว่าหาผู้ชายดีๆ แม่เจอมาจนซึ้งแล้ว” บุญเลื่องยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น
“เจองี้แล้วแม่จะไปเรียนลีลาศต่ออีกมั้ยคะ” ยี่หวาถามผู้เป็นแม่
“ต้องไปซี่ จ่ายเงินแล้วไม่ไปได้ไงล่ะ แต่ถ้าไอ้คู่เต้นแม่ไม่เลิกลามก แม่จะเตะผ่าหมาก กระชากคอหอยแล้วต่อยให้ร่วงเลยคอยดู” บุญเลื่องว่า
“โหดจังแม่!” ยาหยีเห็นแม่ออกอาการแล้วพูดขึ้นพร้อมกัน
“ไม่โหดได้ไง ตอนพ่อแกยังไม่ตาย แม่โดนพ่อแกเตะเช้าเตะเย็น คนเราอ่ะนะโดนทุบโดนตีทุกวันมันก็กลายเป็นเหล็กชั้นดีขึ้นมาบ้างแหละน่า”
ไม่พูดเปล่าบุญเลื่องทำหน้ามาดมั่นจริงจัง ยี่หวากับยาหยีมองแม่อย่างนับถือ

วันต่อมาที่โรงเรียนอนุบาลเด็กดี เด็กๆ กำลังเล่นอยู่ที่สนามเด็กเล่น กังฟู ขาใหญ่ กับลูกน้องอีก 2 คน ไล่ผลักเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ที่กำลังเล่นอยู่ออกไป
“ออกไป ออกไปให้หมด ออกไป ฉันเป็นเจ้าถิ่นนี้”
เด็กหญิงน้ำ“กังฟูนิสัยไม่ดี...คุณครูสอนว่า ของเล่นต้องแบ่งกันเล่นสิ” เด็กหญิงน้ำว่ากังฟู พร้อมๆ กับที่ เพื่อนนักเรียนพากันจับกลุ่มยืนมองกังฟูกับลิ่วล้ออย่างไม่พอใจ
“ก็เราจะเล่นคนเดียวอ่ะ มีอะไรป่ะ” กังฟูพูดแบบกร่างๆ
“เราจะไปฟ้องครู” เด็กหญิงน้ำพูดขึ้น
“ลองไปฟ้องสิ เธอโดนแน่”
เจอคำขู่ของกังฟูเข้า เด็กหญิงน้ำได้แต่ทำท่าฮึดฮัด เพราะทั้งกลัวทั้งโกรธกังฟู
“ใครอยากมีปัญหากับเราอีกป่ะ” กังฟูโชว์พาวต่อ
“เรามี” เสียงเด็กหญิงไข่ตุ๋นดังแหวกออกมาจากกลุ่มนักเรียนที่ยืนมุงอยู่
“ไหนใคร ไหน กล้าก็เข้ามาเลย”
กังฟูมองหาเจ้าของเสียง...ห้วงเวลานั้นกลุ่มเพื่อนนักเรียนก็แหวกทางออก เผยให้เห็นไข่ตุ๋นยืนอยู่อย่างเท่ๆ กังฟูกับลิ่วล้อหัวเราะขำ
“ไข่ตุ๋นเนี่ยนะ” กังฟูเยาะ เดินเข้าไปหาไข่ตุ๋นแล้วผลักไหล่ไข่ตุ๋น
“ทำมาเป็นใจกล้า ดีดทีเดียวก็กระเด็นแล้ว” กังฟูคุยโอ่ ขณะที่ไข่ตุ๋นมองกังฟูอย่างเอาเรื่อง
“กล้าไม่กล้า เดี๋ยวก็รู้”
พูดจบ ไข่ตุ๋นก็ชกโครมเข้าเต็มหน้ากังฟู

ข้าวตูเห็น กังฟู กับลูกน้อง 2 คน เบ้าตากับโหนกแก้มเขียวปั๊ด ก็เลยเข้าไปถามไถ่
“หน้านายเป็นอะไรอ่ะกังฟู”
“เราโดนไข่ตุ๋นรังแกน่ะสิ” กังฟูบอก ข้าวตูมองทั้งสามคนอย่างหนักใจ
“นายก็ไปฟ้องครูสิ” ข้าวตูช่วยคิดหาทางออก
กังฟูปฏิเสธ บอกว่าเป็นลูกผู้ชายโดนผู้หญิงต่อยแล้วไปฟ้องครู มันไม่แมน!
“งั้นนายมาเล่าให้เราฟังทำไม” ข้าวตูสงสัย
“นายไปจัดการยัยไข่ตุ๋นให้เราหน่อยสิ” กังฟูขอแรง แต่ข้าวตูปฏิเสธ
“ไม่เอาอ่ะ เราไม่อยากมีเรื่อง แม่เราสอนให้เราเป็นสุภาพบุรุษ สุภาพบุรุษต้องไม่รังแกผู้หญิง”
“แต่ถ้านายไม่ยอมไปสู้ เราจะบอกความลับของนายให้ทุกคนรู้”
ขอร้องดีๆไม่ฟัง กังฟูเลยต้องงัดไม้ตายมาขู่
“ความลับอะไร เราไม่มีความลับ”
“มีสิ ความลับที่นายไม่ชอบเตะบอล แต่ชอบเล่นกระโดดยาง นายไม่ชอบแปลงร่างเป็นมาสไรเดอร์ แต่นายชอบแปลงเป็นเซเลอร์มูน!!”
ข้าวตูได้ฟังรีบตัดบท “พอแล้ว กังฟู ไม่ต้องพูดแล้ว เรายอมแล้ว”
ข้าวตูออกอาการหน้าแดงอายมากที่โดนเผยความลับ
“ยอมแล้ว นายก็ไปจัดการยัยไข่ตุ๋นสิ”
ข้าวตูหนักใจกับภารกิจที่มองไม่เห็นหนทางชนะ

หลังปราบกังฟูขาใหญ่ และลิ่วล้อจนตาเขียวช้ำไปตามๆกันแล้ว ไข่ตุ๋นก็หันมาเล่นกับเพื่อนๆ ในสนามเด็กเล่น
“ไข่ตุ๋นเก่งที่สุดเลย เลือกตั้งคราวหน้า พวกเราจะเลือกไข่ตุ๋นเป็นหัวหน้าพวกเรา” เด็กหญิงน้ำอวยไข่ตุ๋น เพื่อนๆ ทุกคนปรบมือให้ ไข่ตุ๋นยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“ขอบใจนะ พ่อเราสอนว่าคนเก่งต้องไม่รังแกใครแล้วก็ต้องไม่ให้ใครรังแก”
“นี่ไง เราถึงอยากให้ไข่ตุ๋นเป็นหัวหน้า” เด็กหญิงน้ำพูดขึ้น
ขณะนั้นเสียงของกังฟูก็ดังขึ้น
“งั้นเจอกับหัวหน้าพวกเราหน่อยเป็นไง”
ไข่ตุ๋นกับเพื่อนหันไปมอง เห็นกังฟูกับลูกน้องเดินกร่างเข้ามา
“สู้กันให้รู้ไปเลย ว่าหัวหน้าของเธอกับหัวหน้าของเรา ใครจะเก่งกว่ากัน” กังฟูคุยโว
“ไหนล่ะ หัวหน้าของพวกเธอ”
พร้อมกับที่เด็กหญิงน้ำถามหาหัวหน้า กังฟูกับ 2 ลูกน้องเบี่ยงตัวให้เห็น...ข้าวตู ซึ่งดูท่าไม่ค่อยมั่นใจนัก เดินเข้ามา
“ข้าวตู” กลุ่มเด็กหญิงร้องขึ้นพร้อมกันเพราะคาดไม่ถึง
“ใช่ ข้าวตู ลุยเลย” กังฟูโยนลูกให้ข้าวตู
ในขณะที่ข้าวตูยังคงยืนนิ่ง ไข่ตุ๋นมองหน้าข้าวตูอย่างเอาเรื่อง ข้าวตูเริ่มเปลี่ยนใจ
“เราไม่อยากสู้แล้วอ่ะ” ข้าวตูเปลี่ยนใจ
กังฟูทำเสียงกระซิบ ข่มขู่
“เซเลอร์มูน...เซเลอร์มูน”
“หยุด...สู้ก็สู้”
กังฟูผลักข้าวตูเข้าไปหาไข่ตุ๋น ไข่ตุ๋นกับข้าวตูตั้งการ์ด โดยไข่ตุ๋นเต้นฟุตเวิร์คอย่างเป็นมวย ข้าวตูสีหน้าเซ็งสุด บรรดาเพื่อนๆ เข้ามาล้อมทั้งสองคนส่งเสียงเชียร์ดังลั่น

ระหว่างนั้นที่หน้าบ้านเท่ง บรรดาแฟนคลับสาว 3-4 คน กำลังเถียงกัน โดยมีพวกเพื่อนๆ คอยห้าม และส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดดังลั่นไปหมด สุดยอดรีบวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากบ้าน
“อย่าครับอย่า อย่ามีเรื่องกันเลยครับ ผมขอล่ะครับ” สุดยอดพูดขึ้นอย่างตกใจ
“ก็นังนี่น่ะสิคะ หาว่านกกระเรียนพันตัวที่เราพับมาไม่มีประโยชน์” แฟนคลับคนหนึ่งฟ้อง
“แล้วนกของหล่อนมันกินได้มั้ยล่ะ สู้น้ำพริกของฉันไม่ได้ ฉันตำกับมือเลยนะยะ” แฟนคลับคู่กรณีเถียง
สุดยอดรีบห้ามศึกแฟนคลับ เอาคำหวานเข้าลูบ
“ใจเย็นๆ ก่อนครับ ของขวัญจากทุกคนมีค่าสำหรับผมทั้งนั้นล่ะครับ”
“พี่สุดยอดน่ารักที่สุดเลยค่า” แฟนคลับเจ้าของนกกระเรียนหันไปฉะแฟนน้ำพริก “ชัดยังนังแม่ค้าน้ำพริก”
แฟนคลับเจ้าของน้ำพริกกรี๊ดลั่น ตรงเข้าไปเล่นงานคู่กรณี เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายกันไปหมด
สุดยอดตาเหลือก พยายามห้ามแต่ก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งวุ่นวาย
ขณะนั้นเองก็มีแท็กซี่วิ่งผ่านมา สุดยอดรีบโบกแล้วจับสาวๆ ยัดใส่แท็กซี่ ให้ไปตีกันต่อในรถ ก่อนจะรีบยัดเงินใส่มือแท๊กซี่ ให้ขับรถไปให้เร็วที่สุด
ขนาดอยู่ในแท็กซี่กำลังวิ่งออกไป สาวๆ แฟนคลับ ยังตีกันไม่เลิก สุดยอดโบกมือบ๋ายบายแล้วถอนหายใจ เดินกลับเข้าบ้าน
เป็นช่วงเดียวกับที่รถณนนท์วิ่งมาเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี
“ตีกันอีกแล้วเหรอ ฉันเห็นดาราดังกว่าแกตั้งเยอะแยะ ไม่เห็นมีใครวุ่นวายกับแฟนคลับอย่างแกซักคน”
“ก็พวกเค้าโหวตให้ผมได้ตำแหน่งนี่พี่ ก็เลยรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของผมมั้ง” สุดยอดบอกทีเล่นทีจริง
ขณะนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือณนนท์ดังขึ้น ณนนท์กดรับ
“ว่าไงนะครับ อีกแล้วเหรอครับ....ครับๆๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
“มีอะไรเหรอพี่นนท์” สุดยอดถาม
“ไข่ตุ๋นมีเรื่องที่โรงเรียน” ณนนท์บอก
“อีกแล้วเหรอ...ผมไปด้วย”
สุดยอดรีบขึ้นรถ ณนนท์ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว

ยี่หวาก็ได้รับโทรศัพท์จากครูปราณีเช่นกัน ในขณะที่ยาหยีกับบุญเลื่องกำลังเช็คสต๊อคของแต่งบ้าน
“ค่ะๆ ครูปรานี ดิฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
“อย่าบอกนะคะว่าข้าวตูมีเรื่องกับไข่ตุ๋นอีกแล้ว” ยาหยีถามขึ้น
“ก็ใช่น่ะสิ ไปยาหยี ไปช่วยพี่ต่อกรกับพ่อไข่ตุ๋นหน่อย”
ยาหยีพยักหน้าว่าไปด้วย ยี่หวาหันไปบอกผู้เป็นให้ดูแลร้านแทน สองสาวรีบคว้ากระเป๋าออกไปจากร้าน บุญเลื่องมองตามไปอย่างเป็นห่วง

ภายในห้องประชุม ไข่ตุ๋นกับข้าวตู ในสภาพหน้าตามอมแมม ชายเสื้อหลุดลุ่ย ผมไข่ตุ๋นกระเจิง ทั้งสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ กัน
ไข่ตุ๋นนั่งแกว่งขาบนเก้าอี้ ขาไข่ตุ๋นแกว่งไปเตะขาเก้าอี้ของข้าวตู ข้าวตูก็เลยเตะเก้าอี้ไข่ตุ๋นคืน ทั้งคู่จึงเตะขาของกันไปมา
ต่อมาไข่ตุ๋นใช้ศอกถองข้าวตู ข้าวตูเลยผลักไหล่ไข่ตุ๋นคืน ทั้งสองคนไม่มีใครยอมใครหันมาผลักกันไปผลักกันมา ในขณะที่ครูปรานีเดินเข้ามาพอดี พร้อมกับณนนท์ และสุดยอด
“หยุด หยุ๊ด หยุดๆๆ กันได้แล้วค่าเด็กๆ”
ณนนท์กับสุดยอดเข้าไปช่วยกันจับไข่ตุ๋นกับข้าวตูแยกออกจากกัน
เวลานั้นเองยี่หวากับยาหยีวิ่งเข้ามาในห้อง ยี่หวารีบเข้าไปดึงข้าวตูออกมาจากมือสุดยอด
“ข้าวตู เป็นอะไรมากมั้ยลูก โดนรังแกอีกแล้วใช่มั้ย” ยี่หวาห่วงใยลูกชาย
“นี่คุณ อย่าหาเรื่องนะ ครูปรานีเพิ่งบอกผมว่าคราวนี้ลูกคุณหาเรื่องลูกผมก่อน” ณนนท์ของขึ้นทันที
“แต่ทุกทีลูกคุณรังแกลูกฉันก่อน” ยี่หวาเถียงกลับ
“มันก็ไม่มีใครรังแกใครก่อนหรอกนะคะ แต่เด็กสองคนนี้เค้าไม่ถูกกันน่ะค่ะ” ครูปราณีห้ามทัพอีกครั้ง
“ผมเลี้ยงหลานผมมาดี ยังไงไข่ตุ๋นก็ไม่ใช่เด็กเกเรระรานใครก่อนแน่นอน”
สุดยอดพูดแทรกขึ้น ยี่หวาทนฟังไม่ไหวตอกกลับทันทีว่า
“ฉันก็เลี้ยงลูกฉันมาดี ลูกฉันเป็นสุภาพบุรุษ ไม่มีทางรังแกเด็กผู้หญิงก่อนฉันมั่นใจ”
“ใจเย็นๆ กันก่อนนะคะคุณผู้ปกครอง เราต้องมาช่วยกันแก้ปัญหา ทำยังไงให้เด็กสองคนเป็นเพื่อนกันให้ได้” ครูปราณีทำหน้าที่ปรองดอง
“คนบางคนอาจจะไม่ได้เกิดมาเป็นเพื่อนกัน แต่เกิดมาเป็นศัตรูกันก็ได้นะครับครู”
สุดยอดพูดพร้อมกับหันไปก็มองหน้ายาหยี ยาหยีก็มองหน้าสุดยอดอย่างไม่หวั่น
“ก็คิดอย่างงี้สิคะ หลานถึงได้เป็นอันธพาล”
สุดยอดโดนด่าสองเด้ง โกรธ มองยาหยี ตาวาว
“ผู้หญิงอย่างคุณนี่มัน....
“ทำไมๆๆๆๆ ผู้หญิงอย่างฉันมันทำไม”
“นี่คุณ ห้ามน้องคุณหน่อยสิ” ยี่หวาบอกณนนท์แต่ไม่เป็นผล โดนย้อนกลับให้ห้ามยาหยี
“น้องคุณก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกันนี่ คุณแหละที่ต้องห้ามน้องคุณ”
“คุณน่ะแหละที่ต้องห้าม”
กลายเป็นว่าทั้งสี่คน เถียงกันเสียงลั่นห้องประชุม จนครูปราณีต้องหยิบนกหวีดมาเป่าปี๊ด
“หยุดค่ะ หยุด หยุ๊ดๆๆๆ”
แม้ทั้งสองฝ่ายจะยอมสงบปาก แต่ยังมองหน้ากันอย่างเคืองๆ ครูปราณีกลุ้มใจ มองผู้ปกครองสองฝ่าย แล้วถอนหายใจ

วันต่อมาที่ร้านสปาปลาแห่งหนึ่ง ยาหยีกับก้อยหย่อนเท้าลงไปในอ่างปลาบำบัดแล้วกรี๊ด รีบชักขาขึ้น
“กรี๊ด ปลาตอด” ยาหยีว่า
“จั๊กกะจี้อ่ะ” ก้อยบอก ยาหยีกับก้อยหย่อนขาลงในอ่าง วุ้ยว้ายจั๊กกะจี้จั๊กกะเดียม หัวเราะคิกคัก
“ค่อยหายเครียดหน่อย คนบ้าอะไรไม่รู้ตามมาราวีได้ทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่ในโรงเรียหลานฉัน” ยาหยีหมายถึงสุดยอด
“ท่าทางหมอดูเค้าเรียกว่าบุพเพอาละวาด” ก้อยบอก
“นี่หยุดเลยแม่หมอผี”
ขณะนั้นวุ้นก็รีบวิ่งเข้ามาในร้านหน้าตาตื่น
“ข่าวดีข่าวด่วน ฟังๆๆๆ” วุ้นว่า
“ข่าวดีอะไรของแก” ยาหยีถาม
“รายการที่แกไปออกไง เรตติ้งเริดมาก ตาสุดยอดเค้าชมแกออกรายการด้วยนะ”
ยาหยีได้ยินก็ประหลาดใจ
“ก็แค่พูดตามสคริปต์ หน้าอย่างงั้นคิดอะไรดีๆกับเค้าไม่เป็นหรอก เนี่ยนะข่าวดีของแก”
“ยัง ยังไม่หมดแค่นี้ พี่ยิ่งเจ้าของรายการเค้าปลื้มเธอมาก ถึงขนาดจะติดต่อให้แกไปเป็นพิธีกรประจำรายการเลยนะ ประมาณว่าจะปั้นแกเป็นมาร์ธา สจ๊วตแบบวัยรุ่นๆ อ่ะ”
“ฉันไม่เอานะแก ฉันไม่มีทางทำงานกับนายสุดยอดแย่นั่นแน่ๆ”
ยาหยีปฏิเสธเสียงแข็ง

เวลาต่อมา ที่ร้านดอกไม้ มอร์แดนทรียี่หวาซึ่งรับปากกับคุณยิ่งเรื่องงานพิธีกรของน้องสาว กำลังกล่อมยาหยี ให้รับบท มาร์ธา สจ๊วตวัยรุ่นเมืองไทย โดยมี วุ้น กับ ก้อย คอยลุ้นอยู่ด้วย
“เอาน่า พี่ว่ายังไงอีตานั่นไม่แย่เท่าพี่ชายเค้าหรอก
“หยีว่าบางทีอาจจะแย่กว่าตัวพี่อีกก็ได้ ยังไงหยีขอยืนยันว่าหยีไม่ยอม” ยาหยียืนยันคำเดิม
วุ้นกับก้อยยืนอยู่ที่หน้าห้องทำงานของยี่หวา ฟังสองพี่น้องคุยกัน
“ฟังนะยาหยี งานก็ส่วนงาน เรื่องส่วนตัวมันก็อีกเรื่องนึง ทีพี่ยังทำงานกับพ่อไข่ตุ๋นได้เลย” ยี่หวาอธิบายเหตุผล
“ก็นั่นมันพี่อ่ะ”
“อีกอย่างนะ ที่พี่ตกลงกับคุณยิ่งเค้าไปก็เพราะเห็นว่ารายการนี้เป็นประโยชน์กับร้านมอร์แดนทรีของเรา คิดดีๆ นะหยี”
จังหวะนั้นก้อยยื่นหน้าเข้ามา
“ใช่ ได้โฆษณาฟรีๆ แถมยังได้ค่าตัวด้วยนะแก คุ้มสุดคุ้มเลยค่ะขอบอก” ยาหยีค้อนก้อยแล้วบอกเสียงดัง
“หัวเด็ดตีนขาดยังไง หยีก็ไม่ขอทำงานร่วมกับนายสุดยอดเป็นอันขาด”
“ไม่รู้ล่ะ พี่รับปากเค้าไปแล้ว จะให้ไปกลับคำ พี่ก็เสียผู้ใหญ่น่ะสิ”
ยี่หวาตัดบท ในขณะที่ยาหยีหงุดหงิด

ที่บริษัทของพี่ยิ่ง เจ้าของรายการโทรทัศน์หลายรายการ สุดยอดนั่งคุยกับยิ่งในห้องทำงาน โดยมีว่านกับนัทยืนฟังอยู่ด้านหลัง
“ไม่เอายัยนี่ไม่ได้เหรอครับพี่ยิ่ง ผู้หญิงอะไรปากยังกับนมหมดอายุ” สุดยอดบ่น
“อะไรของแก” ยิ่งงง
“อ้าวก็ปากเสียไง ยังไงผมก็ไม่ร่วมงานกับผู้หญิงอย่างนี้หรอก”
“ไม่เอาไม่ได้ กระแสตอบรับเทปที่น้องยาหยีเป็นแขกรับเชิญมันดีมากเลยนะ”
คุณยิ่งบอก ว่านกับนัทช่วยผสมโรง
“น้ำขึ้นต้องรีบตัก ถ้าได้ยาหยีมาเป็นพิธีกรช่วงนี่ถือว่าเป็นโอกาสทองของเรา เลยครับพี่ยิ่ง”
“ขืนเราชักช้ารายการอื่นอาจจะเอาไอเดียรายการเราไปต่อยอด เสียดายแย่นะเว้ยอุตส่าห์บุกเบิก”
“ดาราดังๆที่เค้าทำงานศิลปะเก๋ได้ก็มีตั้งหลายคนนี่ครับ ผมว่าดึงคนดูได้มากกว่าคนโนเนมอย่างยาหยีนี่อีกนะครับ” สุดยอดไม่คล้อยตามง่ายๆ
“รึจะเอาน้องเพิร์ลลี่ล่ะ...เออ ก็ดีเหมือนกันนะ ว่าไงว่าน นัท” คุณยิ่งยิงคำถาม ว่านกับนัทมองหน้ากันแล้วชำเลืองมองสุดยอดอย่างอึดอัด
“โธ่พี่ ไม่ศัตรูก็แฟนเก่า ตกลงพี่เกลียดผมใช่มั้ยเนี่ย” ยิ่งรีบเข้าโอบไหล่สุดยอด
“โถๆๆๆ มีน้อยใจเว้ยเฮ้ย พี่น่ะรักยอด แต่ถ้ารายการเราไปไม่รอด พวกเราก็อดกันหมด ยอดทนเห็นพี่ไปนอนข้างถนนได้เหรอ”
“แหมพี่ พี่ก็พูดเกินไป”
“เอาเป็นว่าพี่ขอก็แล้วกัน นะๆๆ”
ระหว่างนั้นเลขาฯ ก็เดินเข้ามา
“คุณยาหยีมาขอพบค่ะ”
ทั้งสี่คนต่างก็ประหลาดใจเหมือนๆ กัน
ครู่ต่อมา ยาหยี ก้อย และวุ้น นั่งรออยู่ห้องรับแขกบริษัทของยิ่ง สามสาว นั่งคุยกับคุณยิ่ง โดยมีสุดยอด ว่าน และนัท ยืนฟังอยู่ไม่ไกลนัก
“หยีต้องขอโทษพี่ด้วยนะคะที่ต้องปฏิเสธ ถ้าพิธีกรไม่ใช่...”
ว่าพลางยาหยีก็เหลือบไปมองสุดยอด “หยีก็คงไม่มีปัญหาหรอกค่ะ
“เรื่องเยอะจังนะ คนนั้นไม่เอา คนนี้ไม่ชอบ...นึกว่าตัวเองเป็นซุปตารึไง” สุดยอดแขวะ
ยาหยีได้ยืนหันไปมองสุดยอด ตาวาว คุณยิ่งกระแอม ปรามสุดยอด
“แต่มันเป็นรายการคนละช่วงกัน คงไม่ต้องเจอกันบ่อยมากนักหรอกครับ ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ” ว่านเอ่ยขึ้น
“ถึงเจอกันปีละครั้งก็ไม่เอาค่ะ หยีขอโทษนะคะพี่ หยีรับนิสัยคนบางคนไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
ยาหยียกมือไหว้ยิ่ง และว่าน แล้วลุกออกไป วุ้นกับก้อยรีบยกมือไหว้ยิ่งแล้วตามออกไป ยิ่งหันไปบอกสุดยอด
“ตามไปสิวะ”
“ตามไปไหนครับพี่” สุดยอดไม่ยอมรับมุก
“ก็ตามไปตื้อเค้าไง”
“ไม่เอา”
“น่า คิดซะว่าพี่ขอ”
“ขออีกแล้ว” สุดยอดบ่น
“งั้นขึ้นค่าตัวเพิ่มให้สิบเปอร์เซ็นต์” ยิ่งเอาเงินมาล่อ
สุดยอด ได้ยินสวนขึ้นทันที “ยี่สิบถ้างั้นผมไม่ยอม”
ยิ่งสวนคืน “สิบห้า”
“ตกลงครับ”
สุดยอดพูดจบก็วิ่งออกไปที
“ไอ้นี่มันสุดยอดสมชื่อเจงๆ” ยิ่งว่า

ยาหยีเดินออกมากับวุ้นและก้อย อยู่ที่หน้าบริษัท
“นี่วุ้น แกห้ามเอาเรื่องนี้ไปลงข่าวเด็ดขาดเลยนะ” ยาหยีขอร้องเพื่อน
“รู้น่ะ ฉันไม่ทำให้เพื่อนฉันเดือดร้อนหรอกน่ะ” วุ้นรับปาก
“แต่มันก็น่าเสียดายนะ ได้ทั้งค่าโฆษณาร้านฟรี ได้ทั้งค่าตัว” ก้อยยังเสียดายไม่หาย
“แต่ถ้าฉันต้องทำงานกับอีตาสุดยอด ฉันเกิดเป็นบ้าเข้าโรงบาล แกว่าคุ้มเหรอ”
ก้อยเห็นงามตามเพื่อน “มันก็จริงของแก”
ระหว่างนั้นสุดยอดก็วิ่งตามมา
“คุณ คุณ คุ๊ณ”
ทั้งสามสาวหันไปมอง
“เค้าเรียกแกมั้งยาหยี” วุ้นบอก แต่ยาหยีไม่สนใจ ยังคงเดินต่อ สุดยอดวิ่งมาดักหน้า หอบแฮ่ก ว่านกับนัทวิ่งตามมา หอบเหนื่อยไม่แพ้กัน
“คุณนี่หน้าตาก็ดี ไม่น่าหูตึงเลย” สุดยอดเริ่มแขวะทันที จนนัทรีบสะกิดสุดยอด
“เฮ้ยยอด พี่ยิ่งเค้าให้มาง้อครับ ไม่ได้ให้มาปาระเบิดเปิดศึก”
“หลบไป ฉันจะเดิน” ยาหยีบอก
“เดี๋ยวก่อนสิ คุยกันก่อน” สุดยอดไม่ยอมหลีกทาง
“ฉันไม่มีอะไรต้องคุยกับคุณ”
สุดยอดแกล้งพูดเปรยๆ ขึ้นว่า “ขี้แพ้ หลานก็แพ้ น้าก็แพ้”
ยาหยีตาลุกวาวด้วยความโกรธ
“ฉันไม่ใช่คนขี้แพ้ การที่ฉันไม่รับงานนี้มันไม่เกี่ยวกับเรื่องแพ้หรือชนะ แต่ฉันเกลียดคนงี่เง่าอย่างนาย เข้าใจไว้ซะด้วย” ยาหยีเถียงทันที
“การที่คุณตัดสินผม ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทำงานด้วยกัน นี่แหละที่เค้าเรียกว่าขี้แพ้” สุดยอดเริ่มแผนต่อ
ว่านกับนัทกระซิบกัน
“ข้าว่างานนี้ไม่เหลวธรรมดา แต่มีเละ”
“ทั้งเละทั้งเหลว...ขนลุกว่ะ”
พูดจบว่านกับนัททำท่าขนลุกขนพอง
“ฉันไม่ได้ขี้แพ้” ยาหยีเถียง ก้อยเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“ใจเย็นก่อนนะยาหยี”
“ค่อยๆ พูดค่อยๆ จา กันก่อนนะคะ” วุ้นก็พยายามห้ามทัพ
“ขี้แพ้” สุดยอดยิ้มมุมปากเย้ยๆ
“ฉันบอกว่าฉันไม่ใช่คนขี้แพ้” ยาหยีโต้ สุดยอดหัวเราะอยู่อย่างเดิม
ก่อนเน้นเสียงพูดอย่างยียวนช้าๆ ชัดๆ
“ขี้-แพ้
ยาหยีโมโหสุดๆ เงื้อหมัดขึ้นหมายจะต่อยสุดยอด ทว่าสุดยอดหลบได้ทัน ยาหยีต่อยวืด เสียจังหวะจะล้มลง
ไวเท่าความคิดสุดยอดรับคว้าตัวยาหยีไว้ ทั้งสองคนจึงล้มกลิ้งลงไปด้วยกันหลายตลบ
ว่าน นัท ก้อย วุ้น ต่างก็ตกใจ ว่านกับนัทจะวิ่งเข้าไปช่วย แต่สะดุดกันเอง นัทล้มไปโดนหลังสุดยอด ทำให้ใบหน้าของสุดยอดไปอยู่ในท่ากำลังจูบยาหยี!!
ผู้คนที่เดินผ่านไปมา พากันเอากล้องมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ‘สุดยอดจูบยาหยี’

ครั้นพอได้สติ ยาหยีก็รีบผลักตัวสุดยอดออกไป พร้อมกับรีบลุกขึ้น ไม่บอกก็รู้ว่ายาหยีกำลังโกรธ
สุดๆ
“ไอ้จอมฉวยโอกาส ไอ้สุดยอดแย่”
ว่าพลางยาหยีก็เตะผ่าหมากเข้าที่กล่องดวงใจ ของสุดยอดอีก
นัท กับว่านร้อง “อุ๊ย” พากันเผลอกุมเป้าพร้อมๆ กัน วุ้นกับก้อยตกใจ เสร็จภารกิจยาหยีก็วิ่งออกไป วุ้นกับก้อยร้องเรียกพร้อมกัน
“หยี...รอด้วย”
แล้วรีบวิ่งตามยาหยีไป สุดยอดเจ็บจนจุก ชี้หน้ายาหยี
“ยัย...ยัยตัวแสบ”

จบตอนที่ 2

โปรดติดตามอ่านต่อวันพรุ่งนี้
(จันทร์ที่ 17 ตุลาคม 2554)






กำลังโหลดความคิดเห็น