เนื่องจาก บ.เอ็กแซ็กท์ - บ.ซีเนริโอ ได้แจ้งเลื่อนการออกอากาศละครเรื่อง "กุหลาบซาตาน" จากเดิมวันพุธที่ 26 ตุลาคม ออกไปเป็นวันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน เพราะทีมงานไม่สามารถถ่ายทำละครได้ตามกำหนด อันเนื่องมาจากสถานการณ์น้ำท่วมในระหว่างนี้ ทีมงานละครออนไลน์ จึงมีความจำเป็นที่ต้องขอหยุดการอัพเดทบทละครโทรทัศน์เรื่องนี้ไว้ที่ตอนที่ 6 (จบตอน) และหากการกระทำครั้งนี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้อ่าน ทีมงานละครออนไลน์ ขออภัยมาณที่นี้
26 ตุลาคม พ.ศ. 2554
.......................................................................................................
กุหลาบซาตาน ตอนที่ 5
ส่วนที่สวิสเซอร์แลนด์วีณาจอดรถหอบถุงของชำ เดินเข้ามาในบ้านทักเสียงดัง
“ฮัลโหล” วีณาวางของคุยไปด้วย “หิวหรือยังคะ วันนี้ร้านหยุด ฉันเลยว่าจะทำอาหารไทยให้คุณทาน...” ไม่มีเสียงตอบ วีณาเอะใจ “คุณคะคุณ”
วีณาเดินไปดูรอบๆ บ้าน ทุกห้องไม่เห็นกงพัด วีณาหน้าเสีย
วีณาวิ่งหารอบบ้าน หน้าตาตื่น
“คุณ คุณ... หรือว่าไปแล้ว... ถ้าไปเจอตำรวจเข้าล่ะซวยเลย” วีณาเป็นกังวลวิ่งมาที่รถที่จอดทิ้งไว้หน้าบ้าน ไขกุญแจมือไม้สั่น จนกุญแจหลุดมือ วีณาก้มเก็บ “โธ่เอ๊ย ยิ่งรีบๆ อยู่”
“จะรีบไปไหน” เสียงกงพัดดังขึ้น วีณาเงยหน้ามาเห็นกงพัดยืนอยู่ข้างรถ หอบฟืนสี่ห้าท่อนเอาไว้ในอ้อมแขน ถามอย่างห่วงใย “ท่าทางคุณดูไม่ดี มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ฉันกลับมาไม่เห็นคุณ ตกใจหมด...นึกว่าคุณไปแล้ว”
กงพัดมองหน้าจ๋อยๆ ของวีณา ทั้งแปลกใจ ทั้งสงสาร
“ผมไปตัดฟืน อยู่ดีๆ ผมจะไปโดยไม่บอกคุณได้ยังไง”
“ทีหน้าทีหลัง ถ้าคุณจะออกไปไหน บอกฉันก่อนนะคะ หรือว่าอย่าออกไปไหนเลยจะดีกว่า” กงพัดมองหน้ากอหญ้า แววตามีคำถามวีณาหาทางกลบเกลื่อน “ฉันไม่อยากให้ใครเห็นว่าคุณอยู่ที่นี่น่ะค่ะ ฉันอยู่คนเดียว มันจะ เอ่อ ดูไม่ดี”
กงพัดพยักหน้าเข้าใจ
วีณาเอาของสดออกมาจากตู้เย็นเตรียมทำอาหาร กงพัดเดินเข้ามาพร้อมรูป กงพัดยื่นรูปส่งให้ พร้อมกับถาม
“เขาไปไหนเหรอครับ”
วีณางงกับคำถาม ตั้งตัวไม่ทัน
“ใครเหรอคะ”
“ผู้ชายในรูปนี้ คนที่คุณให้ผมยืมเสื้อผ้าของเขามาใส่ เขาไปไหนแล้วเหรอครับ ทำไมเขาทิ้งให้คุณอยู่คนเดียว”
กงพัดถามอย่างอ่อนโยน วีณารับรูปมา เป็นรูปของเธอกับผู้ชายคนหนึ่ง ถ่ายที่เมืองไทย โจนาธาน เฟลแมนเป็นผู้ชายวัยเดียวกับกงพัด บุคคลิก การแต่งกายดูเป็นคนรักชีวิตกลางแจ้ง เป็นนักผจญภัย
“ฉันกับโจเจอกันที่เชียงใหม่ เราแต่งงานกัน แล้วเค้าก็พาฉันมาอยู่ที่นี่ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เขาไปปีนเขากับเพื่อน แล้วก็หายไป...ไม่กลับมาอีกเลย” วีณาบอกพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา กงพัดนึกสงสาร
“ไม่มีใครเห็นหรือได้ข่าวเค้าเลยเหรอ”
วีณาส่ายหน้าเศร้าๆ
“ไม่มีเลยค่ะ ตำรวจบอกว่ามีคนเห็นผู้ชายรูปร่างหน้าตาคล้ายๆ โจ มีเรื่องกับพวกยิปซีแถวชายแดนฝรั่งเศส เค้าเลยสันนิษฐานว่าโจอาจจะโดนพวกยิปซีปล้น แล้วฆ่าตาย...”
“ผมเสียใจด้วย”
“วันนั้น ฉันออกไปซื้อของ กลับมาเจอแต่โน้ตที่เขาเขียนทิ้งไว้ โจบอกว่าจะไปแค่ไม่กี่วันไม่นึกเลย ว่ามันจะเป็นการจากกันชั่วชีวิต”
วีณาร้องไห้ออกมา เธอดูเปราะบางและอ่อนแอมาก กงพัดจับมือเธอบีบอย่างปลอบโยน วีณาโผเข้าร้องไห้โฮๆ กับบ่ากงพัด กงพัดกอดปลอบใจ วีณากอดกงพัดแน่นอย่างคนที่โหยหาความอบอุ่นมาแสนนาน
ที่กรุงเทพ ปฐวีกับนงพงามาเปิด “สนามกีฬาชุมชน เลิศวิทยา” ปฐวียืนพูดอยู่ที่โพเดียม
“ผม ปฐวี เลิศวิทยา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รองหัวหน้าพรรคสันติไทยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มอบสนามกีฬาแห่งใหม่ ให้กับพี่น้องและเยาวชนในชุนชนแห่งนี้ สนามกีฬาชุมชนแห่งนี้ เป็นแห่งที่ 4 แล้ว และผมตั้งใจจะทำให้ครบทั้งสิ้น 10 แห่งทั่วกรุงเทพฯ เพราะผมเชื่อมั่นว่าสุขภาพพลานามัยที่ดีเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการพัฒนาเยาวชนไทย”
มุมหนึ่งของงาน โรสยืนฟังปฐวีพูด ในมือถือช่อกุหลาบแดง 1 ช่อ โทรศัพท์ดังขึ้น โรสรับ
“ฉันอยู่ในงานแล้วค่ะ”
ริมถนนใกล้สนามกีฬา ในรถกันกระสุนคันใหญ่ เป๋งขับชัชกับโชคอยู่ในรถ ชัชคุยโทรศัพท์กับโรส
“คุณเห็น ส.ส. ปฐวีหรือยัง”
“ท่านกำลังพูดอยู่ค่ะ... แต่มีคนดูแลแน่นหนามาก”
โรสบอกเมื่อเห็นดนัยและบอดี้การ์ดอีก 4 คนดูแลปฐวีอยู่ทุกมุม
“ไหวไหม โรส ถ้าไม่ไหวก็ออกมาก่อน”
ชัชบอกอย่างเป็นห่วง โชคกระชากโทรศัพท์มาจากมือชัช
“ไม่ได้!... รอให้มันพูดจบ เธอก็เอาดอกไม้ไปแสดงความยินดี แค่นั้นแหละ ไม่ยากหรอก รีบไปจัดการซะ” โชควางสายแล้วต่อว่าชัช “แกมันใจอ่อน ไม่เข้าท่า”
ชัชไม่พอใจหันไปสั่งเป๋ง
“เป๋ง ลงไปดูคุณโรสหน่อย อย่าเข้าไปใกล้ล่ะ แล้วอย่าให้ใครจำแกได้”
“ครับ”
เป๋งคว้าหมวกที่ข้างเบาะ แล้วลงไป โชคมองชัชอย่างไม่พอใจ
ที่สนามกุฬาขณะนั้นปฐวีรับไหว้ ทักทาย และถ่ายรูปร่วมกับคนในงาน นงพงาและดนัยตามติดซ้ายขวา บอดี้การ์ดแต่ละคนมีอาวุธ ห้อมล้อมไปทุกมุมที่ปฐวีเดินไปโรสเดินถือช่อดอกไม้เข้าไปหา อย่างกลัวๆ กล้าๆ ห่างออกไปเป๋งใส่หมวกแก๊ปโลโก้พรรคสันติไทย เดิมมาถึง ยืนแอบมองโรสอยู่ไกลๆ ปฐวีบอกกับดนัย
“ดนัย สั่งคนขับรถไปรอหน้างานเลย ผมจะกลับแล้ว”
“ครับ ท่าน” ดนัยเดินเลี่ยงออกไป
“งั้นขอนงไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ เผื่อรถติด”
นงพงาเดินออกไป บอดี้การ์ดตามนงพงาไป 1 คน โรสฉวยโอกาส พุ่งเข้าไปหาปฐวี
“ท่านปฐวีคะ”
ปฐวีหันมาเห็นโรส บอดี้การ์ดเข้ากัน โรสชะงัก ปฐวีมองโรสประทับใจในความสวยของเธอ โบกมือให้บอดี้การ์ดหลบ โรสส่งช่อดอกไม้ให้
“ขอบคุณมากครับ คุณ...”
“โรสค่ะ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับท่าน ...” โรสเห็นบอดี้การ์ดขยับเข้ามา เลยหยุดมองปฐวีอย่างขอร้อง “ฉันขอคุยกับท่านตามลำพังได้ไหมคะ มันเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ เกี่ยวกับความเป็นความตายของท่าน ฉันมาด้วยความหวังดีนะคะ”
ปฐวีมองหน้าโรส ดูไม่มีพิษมีภัยอะไรแต่ก็ไม่แน่ใจ
ขณะนั้นชัชโทรศัพท์คุยกับเป๋ง
“เป็นไงมั่ง เป๋ง”
เป๋งเห็นโรสเดินตามปฐวีและบอดี้การ์ดอีก 2 คนไปด้านหลัง
“คุณโรสเดินตามพวกมันไปครับ ไม่ทราบไปไหน”
ชัชวางสายเป็นห่วงโรสมากตัดสินใจจะลงจากรถแต่โชคคว้าแขนไว้
“ไอ้ชัช แกจะไปไหน”
“ผมเป็นห่วงโรส ผมจะลงไปดู ว่ามันพาโรสไปไหน”
“ถ้าพวกมันเห็นหน้าแก แผนก็พังพินาศหมด”
“แต่ผมปล่อยให้โรสเสี่ยงอยู่คนเดียวไม่ได้ ปล่อยผม พี่”
ชัชกระชากแขนหลุดจากมือโชค แล้วลงจากรถไป โชคขัดใจ
ปฐวีพาโรสมาคุยที่สวนหย่อม บอดี้การ์ด 2 คนถอยห่างออกไปยืนคุมเชิงอยู่ไกลๆ
“มีอะไรว่ามาได้เลยครับ คุณโรส”
โรสยื่นมือออกไป
“จับมือฉันสิคะ”
“อะไรนะ” ปฐวีงง
“จับมือฉันค่ะ แล้วฉันจะบอกท่าน ว่าฉันเห็นอะไร”
ปฐวีมองโรส ทึ่ง แปลกใจ ไม่แน่ใจ
ระหว่างนั้นนงพงาเดินออกมาหาปฐวีแต่ เจอบอดี้การ์ดยืนอยู่คนเดียว
“อ้าว ท่านปฐวีล่ะ”
“มีคนมาขอคุยธุระกับท่านครับ ท่านเลยไปคุยด้วย บอกให้คุณนงรอท่านตรงนี้”
ดนัยเดินมาได้ยินพอดี ตกใจ
“คุยกับใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย แกเคยเห็นหน้ามาก่อนหรือเปล่า”
บอดี้การ์ดใบ้แดกนงพงามองหน้าดนัย ใจหายวับ
เป๋งพาชัชเดินลัดเลาะแอบไม่ให้ใครเห็น
“ผมเห็นมันพาคุณโรสไปที่สวนข้างหลังครับ นาย”
โชคเดินออกมาขวางทาง
“พี่! ผมบอกแล้วไง อย่าคิดจะห้ามผม”
“มันมีบอดี้การ์ดตามมาเป็นโขยง ถึงแกจะงี่เง่ายังไงฉันก็ไม่ปล่อยให้น้องฉันไปตายเพราะหม้อใบเดียว ไป จะไปไหนก็ไปกัน”
ชัชแอบยิ้ม แววตามองโชคด้วยความรักและขอบคุณ
ปฐวีหัวเราะเมื่อโรสบอกว่าเธอมีสัมผัสพิเศษ
“เหลือเชื่อ!ผมไม่เคยได้ยินว่าใครมีสัมผัสพิเศษ มองเห็นอันตรายล่วง หน้าได้ ถ้าคุณทำได้จริงๆ นักการเมืองต้องแย่งกันซื้อตัวคุณไปเป็นที่ปรึกษาแน่”
“ฉันไม่ได้เห็นอนาคตของทุกคนหรอกค่ะ ฉันเห็น เฉพาะคนที่พระเจ้าอยากให้ฉันเห็น แต่ฉันเห็นคุณ ฉันเห็นว่ามีคนจ้องจะทำร้ายคุณ...ถ้าคุณจับมือฉัน ฉันจะบอกคุณได้ว่าเค้าเป็นใคร”
ปฐวีไม่ถึงกับเชื่อแต่ยอมเล่นด้วย เพราะว่าโรสสวยมากและไม่มีอันตรายอะไร
“งั้นเลยเหรอ” ปฐวีส่งมือให้โรส “เอาซี ผมก็อยากรู้เหมือนกัน”
โรสใช้สองมือกุมมือปฐวีแล้วหลับตา ปฐวีมองโรสลมพัดผมของโรสปลิวระแก้ม กลิ่นกุหลาบหอมอ่อนๆ ปฐวีเคลิ้มเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้จังหวะนั้นนงพงาและคณะเดินเลี้ยวโผล่ออกมาเห็นถึงกับตกใจ
“ว้าย!”
นงพงาร้องออกมา ปฐวีและบอดี้การ์ดทั้ง 2 คน หันไปเห็นนงพงายืนตะลึง ปฐวีตกใจจะดึงมือออกแต่โรสรั้งไว้
“เดี๋ยวค่ะ”
“ผมต้องไปแล้ว”
โรสไม่ยอมปล่อย โน้มตัวเข้าใกล้ปฐวี กระซิบกระซาบอะไรบางอย่างปฐวีหยุดขัดขืน ฟังอย่างทึ่งๆ อึดใจหนึ่ง โรสก็ผละออก แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว นงพงาได้สติ เดินจ้ำเข้ามา ดนัยเดินตาม
“นั่นใครคะ คุณ”
นงพงาตัดพ้ออย่างไม่พอใจ ปฐวียืนนิ่งอย่างครุ่นคิด
“เค้าชื่อคุณโรส”
“โรสไหนคะ มาจากไหน ไม่เห็นเคยได้ยินชื่อ แล้วเค้าต้องการอะไร”
ปฐวีไม่ตอบ สีหน้าครุ่นคิด ตามีแววโหดเป็นประกายวับขึ้นมา
ส่วนโรสหลังจากวิ่งออกมา จังหวะที่เลี้ยวเธอชนกับชัชที่โผล่ออกมาจากพุ่มไม้
“โรส” ชัชประคองโรสเอาไว้ “คุณเป็นไงมั่ง โอเคไหม”
ชัชถามอย่างเป็นห่วงโรสมองหน้าชัชและโชคแล้วนิ่ง อึ้ง หน้าจ๋อย
“เธอทำไม่สำเร็จใช่ไหม” โชคถาม
“ค่ะ พอดีมีคนมาขัดจังหวะซะก่อน” โรสบอกเสียงอ่อย
“ไม่ได้เรื่อง”
“มันไม่ใช่ความผิดของโรสนะครับ พี่...คุณทำดีที่สุดแล้วล่ะเอาไว้วันหลัง เราค่อยลองกันใหม่” ชัชพุดปลอบโรส
“วันหน้าเรอะ วันไหนล่ะ แกถึงจะเข้าถึงตัวไอ้ปฐวีได้อีก ต้องรออีกนานแค่ไหน” โชคบอกอย่างไม่พอใจ โรสจึงพูดโพล่งขึ้นมา
“ไม่นานหรอกค่ะ” ชัชกับโชคชะงัก “ก่อนออกมา ฉันนัดให้เค้าไปพบฉัน ตอน 6 โมงเย็น วันนี้”
ชัชกับโชคมองหน้ากัน เพราะไม่แน่ใจว่าปฐวีจะไป
ปฐวีกลับมาที่ทำการพรรค นงพงาเดินวนเวียนกระสับกระส่ายอยู่ที่ห้องรับรอง แล้วทนไม่ไหวเดินไปหน้าห้องทำงานปฐวี ประตูปิดไม่สนิทนงพงาแอบมองเข้าไปในห้องเห็นปฐวีซุบซิบสั่งงานดนัย ท่าทางเป็นความลับ นงพงากล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ตัดสินใจเปิดเข้าไป ปฐวีกับดนัยตกใจ
“นงมีเรื่องอยากถามคุณค่ะ” นงพงารีบบอก
“งั้นผมไปจัดการเลยนะครับ” ดนัยบอก
ปฐวีพยักหน้า โบกมือให้ดนัยออกไป ดนัยหลบตานงพงา ออกจากห้องไป
“มีความลับอะไรที่นงรู้ไม่ได้หรือเปล่าคะ”
“ไหนว่ามีอะไรจะถามผม ก็ว่ามาสิ”
นงพงามองปฐวี ทั้งกลัวและเกรงใจ แต่ความไม่สบายใจมีมากกว่า
“คุณแน่ใจนะคะ ว่าคุณกับคุณโรสไม่รู้จักกันมาก่อนจริงๆ”
“ผมเพิ่งเห็นหน้าเค้าวันนี้เอง”
“นงเห็นจับมือถือแขนกัน ท่าทางสนิทสนม”
“นง ผมเป็นผู้แทนฯ เป็นคนของประชาชน ใครเค้าเข้ามาสนิทสนม ผมก็ต้องตามน้ำไป ไม่งั้นเค้าจะหาว่าหยิ่ง ลืมตัว คุณเป็นเมียผมมากี่ปี เรื่องแค่นี้ ทำไมไม่เข้าใจ”
นงพงาโดนดุเหมือนเด็กๆ จ๋อยไป
“ตกลงว่าไม่รู้จักกัน” ปฐวีมองหน้าดุๆ “ค่ะๆ นงขอโทษ งั้นคุณทำงานต่อเถอะค่ะ นงจะกลับบ้านแล้ว”
ปฐวีหน้าอ่อนโยนลง
“ผมให้ดนัยไปทำงานด่วน คุณให้คนอื่นไปส่งนะ”
“ค่ะ”
นงพงาออกไป สีหน้าโล่งใจ แล้วนึกอะไรได้
“อ้อ ลืมไป...ว่าจะถามเรื่องยัยไป๋”
นงพงาเดินย้อนกลับมา ได้ยินเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ปฐวี นงพงาชะงักอยูหน้าห้อง ได้ยินเสียงปฐวีรับ
“ปฐวีพูดครับ... คุณโรส คุณรู้เบอร์ผมได้ยังไงเนี่ย”
ปฐวีถามเสียงสดใสนงพงายืนอึ้ง เสียใจที่ปฐวีโกหกเธอ
ส่วนที่สวิสเซอร์แลนด์ขณะนั้นอาจารย์ยืนอยู่กลางห้องโถง นักเรียนยืนจับกลุ่มกันอยู่รอบๆ
“Your assignment is to plan a banquet for 100 guests in this room.Budget proposal includes details of menu and decorations should be presented within two weeks. Any question?”
นักเรียนทุกคนเข้าใจ ไม่มีคำถาม
ทั้งหมดนั่งทำงานเป็นกลุ่ม ชินภัทรเป็นหัวหน้ากลุ่ม
“Ok guys, I suggest we start with the “theme” of the banquet.”
พีชญารีบยกมือ โชว์ออฟความสามารถสุดๆ
“I propose Green Banquet. Veggie food, recycled decorations…” พีชญายังพูดไม่ทันจบ ภูษณะนำส่งเสียงโห่ฮา ทุกคนทำตาม อุทานและแสดงกิริยาว่าไม่เอา ไม่เข้าท่า “Ok. Ok. How about this French food, French wine, crystal, white linen and silver, classical and elegant ...”
พีชญาทำท่าหรูเริ่ดไฮโซประกอบไปด้วย ชินภัทรจึงพูดขัดคอ
“In short, very old and boring.”
ทุกคนหัวเราะ แสดงอาการเห็นด้วยกับชินภัทร พีชญางอน
“อะไรก็ไม่ดี แล้วชินจะเอายังไงล่ะ”
ไปรมาเดินเข้ามาทีหลัง พูดประชดประชัน
“เอาเป็นธีม ก้อด ฟาเธอร์ ดีไหม เสิร์ฟอาหารอิตาเลียน ให้แขกทุกคนแต่งตัวเป็นมาเฟีย แล้วเอาปืนกลขึ้นมาไล่ยิงกันปังๆๆๆ เป็นการแสดง” ฝรั่งงง คนไทยเงียบ ชินภัทรลุกขึ้นยืน มองหน้าไปรมานิ่ง สีหน้าโกรธจัด ทุกคนมองอย่างตกใจ ไปรมาตกใจเหมือนกันแต่ทำไม่กลัว “ก็ช่วยเสนอไอเดียไง ไม่ชอบเหรอ”
ชินภัทรไม่พูดอะไร ลากแขนไปรมาออกไปนอกห้อง ด้วยอารมณ์โกรธจัด เพี่อนทุกคนลุกขึ้นฮือฮาด้วยความตกใจ พีชญาจะวิ่งตาม
“ชิน...”
ภูษณะดึงหางม้าของพีชญาเอาไว้ พีชญาหน้าหงาย ไปต่อไม่ได้ พีชญาโมโห ภูษณะหัวเราะสะใจ
ชินภัทรลากไปรมามาในมุมที่ลับตาคนแล้วระเบิดอารมณ์ใส่เธอ
“เราทนไม่ไหวแล้วนะ ไป๋ เลิกพูดแบบนี้ซะทีได้ไหมพ่อใคร ใครก็รัก ถ้าเราพูดว่านักการเมืองมีแต่พวกโกงกิน ขายชาติไป๋จะรู้สึกยังไง”
ไปรมาเชิดใส่
“ไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะพ่อเราไม่ได้เป็นคนอย่างนั้น ...ถ้าพ่อเธอไม่ได้เป็นมาเฟีย เธอจะต้องเดือดร้อนทำไม จะต้องไปแคร์ทำไมว่าคนอื่นจะคิดยังไง”
“เราไม่แคร์ใคร แต่เราแคร์...” ชินภั้ทรมองสบตาไปรมา จริงจังจนไปรมาใจสั่น ชินภัทรพยายาม
สะกดอารมณ์ พูดเสียงอ่อนลง “เราพูดกันดีๆ ไม่ได้เหรอ ไป๋ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย” ไปรมาพูดไม่ออก
“เราอยู่ห่างจากเมืองไทยไม่รู้เท่าไหร่ ทำไมจะต้องเอาเรื่องที่บ้านมาคอยตอกย้ำอยู่ตลอดเวลา หรือไป๋กลัวว่าตัวเองจะเกลียดเราไม่ลง”
ไปรมาหน้าแดง ตกใจที่โดนชินจับได้
“ไม่...ไม่ใช่”
ไปรมาเดินหนี ชินภัทรคว้ามือไว้
“ไป๋...เดี๋ยว”
ไปรมาเซมาชนกับอกของชิน โลกเหมือนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ พีชญากับภูษณะและเพื่อนในกลุ่มตามออกมาพอดี มองกันตาแป๋ว ไปรมารีบสะบัดตัวออก ทำหน้าบึ้ง
“ภู เราจะไปอยู่กลุ่มอื่นนะ ถ้าอยากอยู่กลุ่มเดียวกับเราก็ตามมา”
ไปรมาพูดกับภูษณะแล้วเดินเชิดออกไป ภูษณะเดินกวนๆ ตามไปรมาไป ชินภัทรมองตามอย่างอ่อนใจ
อ่านกุหลาบซาตานตอนที่ 5 (ต่อ) พรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.
กุหลาบซาตาน ตอน 5 (ต่อ)
ที่กรุงเทพเย็นวันเดียวกันนั้นเป๋งขับรถกันกระสุน ติดฟิลม์มืดมองไม่เห็นข้างในรถ จอดอยู่ข้างสวนสนุกร้าง ชัชและโชคอยู่ในรถ ชัชคุยโทรศัพท์กับโรส
“อีกห้านาทีจะหกโมง มีวี่แววอะไรบ้างไหม”
โรสยืนอยู่คนเดียวที่จุดนัดหมาย หน้าตื่นๆ
“ยังไม่มีใครมาเลยค่ะ ฉันไม่ได้กลับมาเมืองไทยนานแล้ว ตอนนั้นมันฉุกละหุก ฉันคิดอะไรไม่ออกเลยนัดให้มาที่นี่” โรสมองไปรอบๆ ตัวหน้าเจื่อน “ไม่นึกว่าจะเปลี่ยวอย่างนี้ เค้าอาจจะไม่กล้ามาก็ได้”
โรสพูดยังไม่ทันขาดคำ รถของปฐวีก็ขับผ่านรถของโชค เลี้ยวเข้าไปข้างใน
“มันมาตามนัดจริงๆ แถมมาคนเดียวด้วย เป๋ง ขับตามมันเข้าไป”
“เดี๋ยว พี่โชค พี่จะทำอะไร”
“มันมาคนเดียว เรามีตั้งสาม จะรออะไรเล่า ไอ้น้องรัก”
“เป๋ง หยุด!” ชัชบอกแล้วหันมาใส่โชค “ถ้าพี่บุกเข้าไป มันก็ต้องรู้ ว่าโรสเป็นคนของเรา ถ้ามันทำอะไรโรสล่ะ พี่”
“ก็ลองเสี่ยงดู...ถ้าเสียม้าแล้วได้ขุนมันก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ไป เป๋งเข้าไป”
ชัชมองโชคอย่างโกรธๆ นึกไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนี้
ปฐวีลงจากรถเดินเข้ามาหาโรสที่ยืนรออยู่
“ฉันนึกว่าท่านจะไม่มาซะแล้ว”
“ผมอยากรู้ ว่าเรื่องที่เราคุยกันเมื่อกลางวัน เป็นเรื่องจริงรึเปล่า”
โรสยื่นมือไปหา
“เราก็ต้องพิสูจน์ จริงไหมคะ”
ปฐวีส่งมือให้โรสจับ โรสกุมมือปฐวีหลับตาแล้วเธอก็เห็นบอดี้การ์ดพุ่งออกมาจากทุกทิศทุกทาง ล้อมเธอเอาไว้ ชักปืนเล็งมาทางเธอ โรสลืมตาแล้วก็เห็นว่าภาพนั้นกลายเป็นความจริงตรงหน้า เธอถูกบอดี้การ์ดของปฐวีล้อมเอาไว้หมด ปฐวีกระชากโรสมา เอาปืนจ่อ พูดยิ้มๆ
“เอาละคราวนี้ก็ถึงตาคุณแล้ว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา”
โชคกับชัชย่องเข้ามาใกล้จุดนัดพบ โทรศัพท์ชัชดัง ชัชรับโทรศัพท์เสียงเบา
“มีอะไร โรส”
ปฐวีพูดสายแทน
“ผมเอง คุณชัช”
ชัชหน้าซีด
“ปฐวี!”
โชคหันมองชัชอย่างตกใจ ขณะที่ปฐวีพูดอย่างใจเย็น
“ผมรู้ว่าคุณกับคุณโชคอยู่แถวๆ นี้ เอาเป็นว่าผมจะนับ 1 ถึง 10 ถ้าไม่มีใครออกมา ผู้หญิงคนนี้เดือดร้อนแน่” ปฐวีบอกเสียงดังวางอำนาจ “หนึ่ง...”
พอรู้ว่าปฐวีรู้ตัวแล้วโชคล็อกตัวชัชเอาไว้แล้วลากให้กลับไปที่รถ ชัชดิ้นสุดแรง
“ไม่นะ พี่โชค เราจะปล่อยให้โรสตายไม่ได้!”
“ตั้งสติหน่อย ไอ้ชัช มันอาจจะไม่ฆ่ายัยโรสก็ได้ แต่แกเป็นน้องชั้น ถ้าแกโผล่หัวออกไปให้มันเห็น มันฆ่าแน่” โชคตะคอกชัช
“โรสเห็นธาตุแท้ของมันแล้ว พี่คิดว่ามันยังจะปล่อยโรสไว้อีกเหรอ”
“ก็ถือว่าเป็นคราวซวยของยัยนั่น แต่แกเป็นน้องฉัน ฉันไม่ยอมให้แกไป”
โชคลากคอชัชไป ชัชพลิกกลับหยิบปืนสั้นที่เหน็บไว้ทุบที่ต้นคอโชค พลั่กโชคเซไปไม่ถึงกับหมดสติ แค่ทรุดลงเพราะมึน
“โทษนะพี่ ถือซะว่าได้ทำความดีร่วมกัน”
ชัชวิ่งไป โชคทรุดอยู่กับพื้น
ขณะนั้นปฐวีกับโรสยืนอยู่กลางลาน รอบๆ มีเสาและเหลี่ยมบัง เห็นบอดี้การ์ดถือปืนหลบอยู่ทุกมุม
โรสเหงื่อแตกหน้าซีด
“...แปด เก้า...” ปฐวีมองไปรอบๆ แล้วมองตาโรส สีหน้าผิดหวัง “เสียใจด้วยนะคุณโรส คุณคิดผิด ... สิบ”
ปฐวีเตรียมเหนี่ยวไกปืน ชัชออกมา
“หยุดนะ” ปืนในมือชัชเล็งไปที่ปฐวี “ปล่อยโรสเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมยิง”
“คุณจะยิงผมได้ก่อนที่ผมจะยิงเธอเหรอ ไม่มีทาง”
โรสมีหน้าตาหวาดกลัว พยายามเหมือนจะบอกอะไรชัช แต่ไม่ได้บอก
“คุณยิงโรส ผมยิงคุณ ผมช่วยโรสไม่ได้ แต่ผมยิงคุณตายได้แน่นอนระยะแค่นี้ผมไม่เคยพลาด คุณอย่าเสี่ยงดีกว่า”
“ถูกของคุณ ผมไม่ควรเสี่ยง...”
ปฐวีพยักหน้า บอดี้การ์ด 4 คนออกมาจากที่ซ่อน ล้อมชัชเอาไว้
“ไม่นะคะ อย่า... ท่านต้องการตัวคุณโชคไม่ใช่เหรอคะ ไม่ใช่คุณชัช คุณชัชไม่เคยทำอะไรท่าน อย่าทำอะไรคุณชัชนะคะ” โรสบอกกับปฐวี
“วางปืนลง แล้วไปกับผมดีๆ ถ้าไม่อยากตาย”
ปฐวีสั่งชัชชัชมองโรสที่โดนปืนจ่อ มองบอดี้การ์ดรอบตัว หมดทางสู้ ค่อยๆ วางปืนลงช้าๆ สมองยังคิดหาทางเอาตัวรอด ก่อนปืนจะหลุดจากมือ หูแว่วเสียงเครื่องยนต์ ชัชชะงัก ไฟสูงสว่างจ้า เป๋งขับรถวิ่งฝ่าเข้ามาด้วยความเร็วสูง ชนบอดี้การ์ดคนหนึ่งกระเด็นไปตายคาที่ โชคอยู่ในรถ ยิงบอดี้การ์ดร่วงไปอีกคน รถพุ่งเข้าหาปฐวี ปฐวีผลักโรสใส่รถที่วิ่งเข้ามา ชัชกระชากตัวโรสหลบไปได้ ปฐวียิงชัช ชัชยิงตอบโต้ พาโรสหนีพยายามจะไปที่รถ โชคกับเป๋งทั้งยิงสกัดปฐวี ทั้งยิงกันชัช บอดี้การ์ดอีก 2 คนที่ยังไม่ตาย ยิงป้องกันปฐวี สองฝ่ายยิงแลกกันควันโขมง จนกระทั่งไซเรนตำรวจดังมา
“เฮ้ย ไปก่อน เดี๋ยวมีคนเห็น”
ปฐวีตะโกนบอกอย่างตกใจบอดี้การ์ดรีบกันปฐวีหนีไป โชคเปิดประตูรถที่โดนกระสุนพรุนไปทั้งคัน
“ไอ้ชัช ขึ้นมา”
รถตำรวจวิ่งมาถึง ชัชประคองโรสขึ้นรถ เป๋งรีบขับหนีไป
เมื่อหนีรอดตำรวจมาได้โชคเอนพิงอย่างเหนื่อยอ่อน คอที่โดนทุบไปโดนพนักด้านหลัง โชคสะดุ้งนิดนึง ชัชมองอย่างรู้สึกผิด ซาบซึ้งในความรักของโชคจึงยกมือไหว้ขอโทษโชค
“ผมขอโทษ พี่”
“เออ แค่บวมๆ นิดเดียว ประคบน้ำร้อนก็หาย ขับเร็วๆ ไอ้เป๋ง รถพรุนไปทั้งคันแบบนี้ ใครเห็นสงสัยตายชัก”
ชัชนึกได้ เอะใจ
“ตำรวจ! ทำไมรถตำรวจไม่ตามมา”
“มันตำรวจจริงที่ไหน คนของเราเอง ทั้งรถทั้งเครื่องแบบทำไว้ตั้งแต่คราวที่แล้ว เลยได้ใช้”
ชัชยิ้มขำแล้วหันมามองโรส ที่นั่งซบเงียบอยู่ ชัชจับมือเธออย่างห่วงใย
“นั่งเงียบเลย คงตกใจมากใช่ไหม โรส”
“ฉัน... ฉัน...”
โรสบอกเสียงอ่อนชัชเอะใจ ยกมือที่จับมือโรสขึ้นมา เลือดเปื้อนมือ
“โรส! ไปโรงพยาบาลก่อน เป๋ง เร็ว คุณโรสโดนยิง”
ชัชบอกอย่างตกใจ
โรสถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เวลาผ่านไป...โรสทำแผลเสร็จแล้ว ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา เห็นโชคกับชัชยืนอยู่
“ชัช คุณโชค”
“คุณไม่เป็นอะไรแล้ว โรส หมอทำแผลให้แล้ว” ชัชบอก
“เธอโดนแค่เฉี่ยวๆ เท่านั้น เลือดออกน้อยกว่ามีดบาด ไม่น่าจะเป็นลมเลย” โชคบอก
“ขอโทษค่ะ ที่ทำให้คุณต้องเสียเวลา ความจริงคุณไม่จำเป็นต้องมาดูแลฉัน...”
โชคยกมือห้าม โรสหยุดพูด
“ฉันไม่ได้มาดูแลเธอ แค่มีเรื่องอยากถาม ทำไมไอ้ปฐวีมันถึงรู้ ว่าฉันกับไอ้ชัชอยู่ที่นั่น”
“ฉัน ไม่รู้”
“แล้วใครรู้! เรื่องนี้มีเธอ มีชั้น ไอ้ชัช ไอ้เป๋ง 4 คนเท่านั้นที่รู้ เราสามคนไม่ได้บอกแน่ แล้วมันรู้ได้ยังไง” โชคกระชากโรสขึ้นมา “มันเอามือปืนรอไว้ก่อนที่เราจะไปถึงซะอีก มันรู้ได้ยังไงวะ หา!”
ชัชทนไม่ไหวเข้าไปดึงโชคออก
“ พี่โชค ผมขอล่ะ โรสโดนจับเป็นตัวประกัน แถมยังโดนลูกหลงอีก เท่านี้เค้าก็เดือดร้อนมากพอแล้ว อย่าหาเรื่องเค้าได้ไหม” ชัชบอกเสียงอ่อน โชคไม่สนชัช ยังจ้องตาคาดคั้นโรส
“ปฐวีจับเธอเป็นตัวประกัน แล้วเอามือถือเธอโทรมา นับ 1 ถึง 10 ให้เราเดินเข้าไป มันคิดขึ้นมาได้ยังไง ถ้าไม่มีคนบอกมันว่าฉันกับไอ้หน้าโง่นี่อยู่ที่นั่น!” โชคแผดเสียงชี้มือไปที่ชัช โรสตกใจกลัว
“ฉันไม่ได้บอกนะคะ ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย ฉันแค่ทำตามที่คุณสั่ง ก็เท่านั้นเอง”
“โกหก!”
โชคจะโถมเข้าใส่โรสอีก ชัชขวางไว้แข็งข้อขึ้นมาบ้าง
“พี่โชคพอที พี่เองเป็นคนอยากให้โรสทำเรื่องบ้าๆ นี่ แล้วพอมันพลาดขึ้นมา ยังมีหน้าไปโทษว่าเค้าสมรู้ร่วมคิดกับไอ้ปฐวี พาลเกินไปรึเปล่า พี่”
“ไอ้ชัช” โชคจับหัวชัชมาเขกกระโหลก “ แกใช้หัวข้างบนคิดบ้างอย่าใช้แต่หัวข้างล่าง แกหลงยัยนี่ จนมองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร”
ชัชโกรธที่โดนว่าแรงๆ เลยสวนกลับ
“ทำไมจะมองไม่ออก พี่เห็นไอ้ปฐวีมันมาคนเดียวเลยจะตามไปเก็บมัน แล้วไง กลับเสียท่าโดนมันตลบหลังเข้าให้ เสียหน้าใช่ไหมล่ะ” โชคโกรธ เมินหน้าหนี ชัชใส่ต่อ”พี่นั่นแหละที่ทำพลาด ถ้าพี่ไม่ตามเข้าไป พวกมันคงไม่ไหวตัว พี่ทำผิดไม่อยากรับผิด เลยมาลงกับผู้หญิงเหรอพี่”
“แกว่าฉันเป็นคนผิด แล้วมันเป็นคนถูกงั้นเหรอ”
“ใช่” ชัชประกาศกร้าว “แล้วต่อจากนี้ไป ผมจะไม่ให้พี่ยุ่งกับโรสอีกแล้ว...อย่าเอาผู้หญิงมาเสี่ยงตายแทนอีก หัดแก้ปัญหาแบบลูกผู้ชายบ้าง”
“ไอ้ชัช! มึงกล้าด่าพี่ขนาดนี้เลยเหรอ พี่ที่เลี้ยงมึงมาตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น เพราะมัน มึงถึงกับด่าพี่เลยเหรอ” โชคโกรธจัด ชัชอึ้งไปบอกเสียงอ่อนลง
“พี่โชค...”
ชัชเข้าไปแตะแขนโชค โชคสะบัดผลักชัชกระเด็นไปชนผนัง มองอย่างแค้นๆ
“เลี้ยงมึงมาเสียข้าวสุกชัดๆ ไอ้น้องเนรคุณ”
โชคเดินปึงปังออกไป ชัชยืนกำหมัดนิ่ง ทั้งโกรธและเสียใจ โรสนั่งอยู่บนเตียง มองภาพที่เกิดขึ้น แววตามีความพอใจซ่อนอยู่ลึกๆ
คืนเดียวกันนั้นที่สวิสเซอร์แลนด์ กงพัดฝันร้ายว่าตัวเองถูกไฟคลอก กงพัดจึงร้องเสียงหลง
“อ๊ากกกกสสสส์”
กงพัดสะดุ้งพรวดขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่บนเตียง ทั้งหมดมันคือฝันร้าย ประตูเปิดไฟสว่าง วีณาวิ่งเข้ามา
“ฉันได้ยินเสียงคุณร้อง”
“ผมฝันร้าย”
“ฝันว่าโดนไฟคลอกอีกแล้วเหรอคะ” กงพัดพยักหน้า “ตอนเด็กๆ คุณคงโดนไฟคลอก มันคงเจ็บปวดทรมานมาก จนฝังไปในจิตใต้สำนึกของคุณ”
“คุณรู้ได้ยังไง”
วีณาดึงกงพัดมาที่กระจก เอามือแตะที่ด้านหลังกงพัด มีรอยแผลโผล่พ้นเสื้อออกมาบ้าง ชี้ให้กงพัดดู วีณาใช้ปลายนิ้วแตะที่รอยแผลระหว่างพูด ทั้งสองยืนอยู่ใกล้ชิดกันมาก
“แผลเป็นที่หลังคุณไงคะ มันเป็นแผลไฟไหม้ ดูจากแผลคุณน่าจะโดนไฟไหม้อย่างหนัก แต่คงนานมากแล้ว ผิวหนังเลยเป็นสภาพแบบนี้” วีณาเอาปลายนิ้วกดๆ เหมือนเทสต์ “ มันไม่รู้สึกเจ็บแล้ว ใช่ไหมคะ”
“ไม่” กงพัดเอามือจับปลายนิ้ววีณาไว้ “ขอบคุณ”
“เรื่องอะไรคะ”
“คุณดีกับผมเหลือเกิน ไม่มีใครเคยดีกับผมขนาดนี้”
“อาจจะมี แต่คุณจำไม่ได้เองตะหาก” กงพัดไม่ตอบมองวีณานิ่ง มือยังจับปลายนิ้ววีณา วีณาเขิน
เพิ่งรู้ตัวว่าอยู่ใกล้กันมาก ดึงมือออก “คุณคะ”
“ผมอยากมีชื่อ ผมอยากให้คุณเรียกชื่อผม”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณชื่ออะไรนี่คะ”
“คนนั้น...คนที่คุณรัก คุณเรียกเค้าว่าอะไร”
“เขาชื่อโจ โจนาธาน...” วีณาบอกเสียงเบา ใจสั่น “แต่ฉันเรียกเค้าว่า...ที่รัก”
กงพัดเชยคางวีณาขึ้นมา มองตา
“เรียกผมอย่างนั้นได้ไหม”
วีณาไม่พูด แต่ดวงตาของเธอตอบรับทุกอย่าง กงพัดจูบวีณา
วีณาเดินกลับมาที่ห้องนอนของตัวเองเปิดลิ้นชัก หยิบภาพสเก็ทช์คนร้ายที่เอาแอบซ่อนไว้ออกมา
วีณาเดินไปที่หน้าต่าง จุดไฟเผา เปลวไฟลามเลียใบหน้าและชื่อของกงพัด ทุกอย่างกลายเป็นเถ้า ปลิวไปกับสายลมกลางคืน
เช้าวันรุ่งขึ้นโชคเดินลงมาที่โต๊ะมีอาหารเช้าตั้งอยู่ที่เดียว เป๋งรีบรินกาแฟใก้โชคทันที
“กาแฟครับนาย”
“ทำไมตั้งที่เดียว ชัชล่ะ”
“เมื่อคืนนายชัชไม่ได้กลับบ้านครับ เมื่อตะกี๊เพิ่งเข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ออกไปเลย”
เป๋งพูดจบก็เลื่อนน้ำตาลและวิปครีมมาให้อย่างรู้งาน โชควางกาแฟ หน้าขรึมไป ไม่มีอารมณ์กิน
หันไปมองที่ชั้นเห็นรูปถ่ายสี่คน โชค ชัช ชินภัทรและกานดา โชคเศร้าไป
ขณะนั้นชัชอยู่ที่โรงพยาบาลกำลังป้อนอาหารเช้าให้โรส
“น้ำส้มคั้นจ้ะ”
“ทานเองได้ค่ะ แผลเล็กนิดเดียว ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย”
“ขอให้ผมเอาใจหน่อยน่ะ อย่างน้อย จะได้ชดเชยความผิด ที่คุณต้องมาเจ็บตัว ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องของคุณซักหน่อย”
โรสวางแก้วน้ำส้มหน้าขรึมลง
“ มันไม่ใช่เรื่องของคุณเหมือนกัน” ชัชมองหน้าโรส แปลกใจกับน้ำเสียงจริงจังของเธอ “คุณก็รู้ ว่าคุณโชคมีศัตรูเยอะ เพราะที่ผ่านมา คุณโชคทำเรื่องไม่ดีมามากทั้งผิดกฏหมาย ทั้งผิดศีลธรรม”
“นี่...คุณรู้”
“ฉันเห็นทุกอย่างค่ะ ชัชคะ คนที่ตามฆ่าคุณโชค ไม่ใช่มือปืนรับจ้างที่ทำเพื่อเงิน เค้าเป็นคนที่มีความแค้นกับคุณโชค เค้าน่ากลัว เค้าอันตรายมากกว่าที่คุณคิด”
โชคเดินมาถึงประตู ได้ยินเลยหยุด แอบฟัง
“เราถึงต้องรู้ให้ได้ไง ว่าเค้าคือใคร เราต้องหยุดเค้า” ชัชบอกโรส
“ไม่มีทางค่ะ คุณหยุดเค้าไม่ได้ ลำพังตัวคุณคนเดียวไม่อาจปกป้องคุณโชคจากเวรกรรมที่เค้าก่อไว้ได้...คนทำชั่วต้องได้ชั่ว ก่อกรรมทำเข็ญกับใครเอาไว้ กรรมก็ต้องตามสนอง”
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง”
โรสกอดชัช
“ไปซะเถอะค่ะ ขืนอยู่ต่อไป เราต้องพลอยรับกรรมไปด้วย เมื่อวานนี้ เราสองคนก็เกือบจะตายไปแล้วนะคะ” ชัชอึ้ง หนักใจ “แล้วถ้าครั้งหน้า เราไม่โชคดีอย่างนี้ล่ะคะ มันจะเป็นยังไง”
“จะไม่มีครั้งหน้า โรส ผมจะไม่ให้คุณมายุ่งกับเรื่องนี้อีก”
“แล้วคุณล่ะคะ ถ้าคุณเป็นอะไรไป ฉันจะทนได้ยังไง ไปซะเถอะค่ะชัช ไปให้พ้นจากที่นี่ เชื่อฉัน”
โชคแอบได้ยิน เจ็บใจ
“นังสารเลว!”
โชคพึมพำออกมา สูดหายใจเข้าปอดแล้วเปิดประตูผัวะเข้าไป ชัชกับโรสที่กำลังกอดกัน สะดุ้ง รีบผละออกจากกันแทบไม่ทัน โชคยิ้มกว้าง เสียงดัง ร่าเริงผิดกับเมื่อกี้ราวกับเป็นคนละคน
“อ้าว” โชคเอามือปิดตา ขำๆ “โทษทีๆ ไม่ได้ให้สุ้มให้เสียง เห็นว่าที่นี่มันโรงพยาบาล แล้วนี่ก็คนเจ็บ ไม่นึกว่าจะมีอารมณ์...”
ชัชวางสีหน้าไม่ถูก ไม่รู้ว่าโชคมาไม้ไหน
“มีอะไรหรือเปล่าครับ พี่”
“ไม่มีอะไร” โชคยื่นมือมาให้ชัช ด้วยท่าทางจริงใจ “พี่มาขอโทษ พี่โมโหไปหน่อย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน พี่ผิดเอง โอเคไหม”
ชัชดีใจ จับมือโชค
“ผมก็ขอโทษ ที่พูดไม่ดีกับพี่ ถือว่าหายกันนะพี่นะ” ชัชกอดโชค
“เออ อะไรที่แล้วก็แล้วไป” โชคตบหลังตบไหล่ชัช แล้วหันไปทางโรส “ฉันขอโทษ ที่เอาเธอมายุ่งกับเรื่องในบ้านของเรา จนทำให้เธอต้องเดือดร้อน ต่อจากนี้ไป ฉันจะไม่ให้เธอต้องเสี่ยงอันตรายอีก...แบบนี้ใช่ไหม ที่แกต้องการ” โชคหันมาถามชัช
“ครับ พี่...ขอบคุณนะครับ ที่เข้าใจ”
“เราเป็นพี่น้องกัน ไม่ว่าใครหรืออะไร ก็ทำให้เราแตกกันไม่ได้หรอก จริงไหม ไอ้น้องชาย”
ชัชยิ้มแล้วกอดโชคอีกที โชคหัวเราะจริงใจกับชัช แต่แอบหันมองโรสอย่างมุ่งร้าย
โรสเห็นแววตาของโชค หนาวยะเยือก
จบตอนที่ 5
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.