xs
xsm
sm
md
lg

ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลิขิตเสน่หา
ตอนที่ 6

เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่ยี่หวากำลังแต่งตัวให้ข้าวตู เพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนอยู่นั้น จู่ๆ เด็กชายตัวน้อยก็ถามเรื่องการชกต่อยเมื่อคืนนี้ขึ้นมา

“แม่ครับ เมื่อคืนทำไมพ่อไข่ตุ๋นต้องต่อยกับพ่อด้วย ข้าวตูไม่ชอบเลย”
“เอ่อ...” ยี่หวาพยายามนึกหาคำตอบดีๆ สำหรับทุกฝ่าย “พ่อไข่ตุ๋นเค้าคงตกใจที่เห็นไข่ตุ๋นร้องไห้
พ่อไข่ตุ๋นเค้าคงไม่ตั้งใจชกพ่อหรอกจ้ะ”
“ข้าวตูกลัวพ่อเจ็บ”
“ข้าวตู ต่อไปนี้ข้าวตูต้องสัญญากับแม่นะ ว่าจะไปไหนต้องบอกแม่ก่อนทุกครั้ง โอเคหรือเปล่าครับ”
“ได้ครับ แต่คุณแม่ก็ต้องสัญญากับข้าวตูเหมือนกัน” ข้าวตูมีข้อแม้
“สัญญาว่า..”
“ว่าจะไม่ให้พ่อไข่ตุ๋นมาต่อยพ่ออีก”
ยี่หวาพยักหน้าไปแบบแกนๆ

สุดยอดมารอณนนท์ที่ทำงานตอนกลางวัน พอเห็นพี่ชายเข้ามาก็ดีใจออกนอกหน้า
“พี่นนท์ พี่รู้มั้ยพี่จะดังใหญ่แล้วนะ ดังกันทั้งบ้านซะด้วย”
“แกพูดเรื่องอะไรของแกวะ?”
“เพื่อนผมที่เอเจนซี่โฆษณาน่ะสิ เห็นวีรกรรมพี่กับไข่ตุ๋นไปช่วยพี่เดชช่างไฟวันนั้น แล้ว สนใจอยาก
จีบไปเป็นพรีเซนเตอร์”
“ไม่เอาล่ะ ฉันถนัดงานเบื้องหลังมากกว่า ฉันยกให้แก แกเป็นดารานี่”
“ไม่เกี่ยวกับผมเลย เค้าอยากได้พ่อลูกผูกพันเป็นพรีเซนเตอร์โครงการ ‘สายสัมพันธ์แห่งรัก’ ถ้ามี
แม่ด้วยก็ยิ่งดี จะเป็นครอบครัวอบอุ่นรักกันๆไง”
“แต่ครอบครัวฉันแตกแยกขนาดนี้ แกก็เห็น” ณนนท์ปฏิเสธ แต่สุดยอดยังตื๊อต่อ
“นั่นมันเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ต่อหน้าสาธารณะเป็นอีกแบบก็ไม่เห็นแปลก จำไม่ได้เหรอวันอัดรายการยัยนิต้ายังไปสร้างภาพเลย”
“ฉันถอนตัว” ณนนท์ยืนกราน
“ไม่คิดอีกหน่อยเหรอพี่ โอกาสดีนะครับที่ นานๆ ทีไข่ตุ๋นจะได้อยู่กับพ่อและแม่พร้อมหน้ากัน ทำ
กิจกรรมต่างๆด้วยกัน ตั้งแต่เกิดมาไข่ตุ๋นไม่เคยมีโอกาสทำแบบนี้กับพ่อแม่เลยนะครับ คิดซะว่าทำเพื่อลูกให้มีภาพดีๆ ของพ่อแม่เก็บไว้ในใจ”
“เรียกว่าสร้างภาพงั้นเถอะ” ณนนท์เยาะ
“แต่ถ้าภาพนั้นมันมีความหมายกับไข่ตุ๋นก็น่าสร้างนะพี่”
ณนนท์ ถูกกล่อมจนเริ่มอดเห็นคล้อยตามน้องชายด้วย
สุดยอดรวบรัดทันที
“สรุปว่าโอเคนะครับ!”

ยี่หวากำลังคุยกับยาหยี ที่ ร้านมอร์แดนทรี เรื่องเดียวกับที่สุดยอดคุยกับพี่ชาย เกี่ยวกับการ เป็นพรีเซนเตอร์โครงการ ‘สายสัมพันธ์แห่งรัก’ นั่นเอง ซึ่งยี่หวาปฏิเสธในเบื้องแรก
“ไม่มีทางเด็ดขาด ปั้นหน้าหลอกลูกว่าครอบครัวอบอุ่น พ่อกับแม่ยังรักกันดี แค่คิดพี่ก็ทนไม่ไหวอยู่
แล้ว นี่ต้องให้ไปปั้นหน้าหลอกคนทั้งประเทศอีกเหรอ”
“แต่มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่คะ อย่างน้อยข้าวตูก็จะได้รู้สึกดีๆ พี่ยี่หวาลองคิดดูดีๆ นะตั้งแต่ข้าวตู
เกิดมา นอกจากภาพพ่อกับแม่ทะเลาะกันแล้ว เคยเห็นภาพพ่อแม่รักกันบ้างมั้ย”
“ไม่เคย”
“นั่นไงคะ แล้วทำไมเราไม่ช่วยกันทำให้เกิดขึ้นตอนที่มีโอกาสดีๆเหมาะๆเข้ามาอย่างนี้ เด็กวัยข้าวตู
ช่างจดช่างจำ ให้เขาได้มีสิ่งดีๆ ได้จำบ้างเถอะค่ะ แล้วค่าตัวถ่ายโฆษณาก็ยังเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาให้
ข้าวตูได้อีก มีแต่ได้กับได้”
ยี่หวานิ่งคิด เริ่มเคลิ้มคล้อยตามน้องสาว
“ยาหยี” ยี่หวามองหน้ายาหยี
“ขา” ยาหยีเสียงสั่น เพราะกลัวยี่หวาโกรธเอา
“จริงของหยี” ยี่หวาตอบตกลง
“ตกลงพี่จะรับงานนี้ใช่มั้ยคะ”
ยาหยีดีใจ แอบทำหน้าตาเจ้าเล่ห์

ที่แท้ทั้ง สุดยอด และยาหยี ต่างรับสินบนจากคุณยิ่งในการหว่านล้อมเจรจา ณนนท์ กับ ยี่หวา ครั้งนี้ หลังงานสำเร็จยิ่งจึงยื่นซองให้สุดยอดกับยาหยี
“อันนี้ของสุดยอด และอันนี้ของน้องหยี
“ซองขาว ไล่ออกหรือไง ผมไม่เอานะ” สุดยอดยึกยัก
“ไม่เอาก็ดี เอาคืนมา”
ยิ่งคว้ามือไปจะแย่งคืน แต่สุดยอดชักหลบ ส่วนยาหยียิ้มหวาน หน้าระรื่น
“ความจริงไม่ต้องให้ค่าเหนื่อยหยีก็ได้นะคะ หยีอยากเห็นข้าวตูมีความสุขบ้าง ตอนที่ได้เห็นพ่อกับ
แม่อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า”
สุดยอดแย่งซองยาหยี
“งั้นเอามานี่ ผมรับไว้เอง”
ยาหยีแย่งคืนมา เก็บใส่กระเป๋า รูดซิบ!
“ไหนบอกทำเพื่อหลาน” สุดยอดเยาะ
“ก็เพื่อหลานบ้าง” ยาหยีเริ่มเสียงอ่อย “เพื่อตัวเองบ้าง ว่าแต่คุณเถอะ ไม่สงสารหลานตัวเองบ้าง
หรือไง ได้ข่าวว่าครอบครัวพี่ชายคุณก็ไม่ค่อยจะอบอุ่นสักเท่าไหร่”
“ไข่ตุ๋นเป็นแก้วตาดวงใจของบ้านอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง อะไรที่ทำให้หลานผมมีความสุข ผมจะ
คำนึงถึงเป็นอย่างแรก” สุดยอดคุยโว
“เชอะ! ฉันว่าสิ่งแรกที่คุณจะคำนึงถึงคือกระดาษที่อยู่ในซองนั้นมากกว่า!”
“ว่าแต่ผม คุณล่ะ เดี๋ยวก็คงเอาไปแปรรูปเป็นกระเป๋า รองเท้า คงไปไม่ถึงหลานหรอกใช่มั้ย”
“ทำมาเป็นรู้ดี จะทำอย่างนั้นเหมือนกันล่ะสิ”
ยิ่งฟังอยู่เห็นท่าจะเกิดศึกจึงรีบห้าม
“หยุดๆๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกัน นี่งานใหม่เพิ่งเริ่มต้นเองนะยังไปไม่ถึงไหนเลย”
เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น สักครู่ชม้อยกับเพิร์ลลี่เดินเข้ามา
“ได้ยินว่ามีงานใหม่ งานอะไรคะ ไม่เห็นเรียกใช้เราสองคนแม่ลูกเลย” ชม้อยถามยิ่ง
“กรมส่งเสริมสถาบันครอบครัว เขาอยากได้พรีเซนเตอร์โครงการสายสัมพันธ์แห่งรักน่ะครับ”
ยิ่งบอกไปตามตรงพอได้ฟัง ชม้อยก็มีสีหน้าตื่นเต้น ดีใจมาก เอ่ยขึ้น
“ก็พวกเรานี่ไงคะ สายสัมพันธ์แน่นเปรี๊ยะ!”
ยิ่งทำหน้าไม่ถูก สุดยอดเมิน ส่วนยาหยีเบ้ปากไม่เชื่อ
“ยังกังขาชิมิ ไม่เป็นไรค่ะ แสดงให้ดูเลยก็ได้ เพิร์ลลี่” ชม้อยเตรียมการสาธิตสายสัมพันธ์แห่งรักโชว์สดๆ
“ยินดีคะแม่”
ว่าพลางเพิร์ลลี่เดินห่างชม้อยไปเพียงสองก้าว แล้วก็ผละเข้าไปซบอกแม่ซ้ายขวาสลับกันไปมา เหมือนมีอะไรดึงเข้าหากัน แล้วยิ้มหวานอย่างมืออาชีพ
“ดูสิคะ น่ารัก น่าเอ็นดู เหมาะสมกว่าใคร”
ชม้อยบอก แต่ยิ่งส่ายหัว
“ทำไมคะ”
“ลูกค้าอยากได้ครอบครัวที่เป็นคนธรรมดาน่ะครับ ไม่ได้อยากได้ครอบครัวพิศดาร เอ้ย ไม่ใช่ครอบครัวดารา”
ยิ่งบอกพร้อมกับลุกเดินออกไป ยาหยียิ้มเยาะหมั่นไส้เดินตามยิ่ง ส่วนสุดยอดมองเพิร์ลลี่แบบให้กำลังใจ
“คุณชม้อยครับ” ยิ่งหันกลับมาพูดบางอย่าง
“ขา เปลี่ยนใจใช่มั้ยคะ”
“ออกคนสุดท้าย ฝากปิดไฟ ปิดแอร์ ด้วยนะครับ”
ยิ่งทิ้งทวนแล้วไม่หันหลังกลับ ปล่อยให้ชม้อยที่รู้สึกโกรธมากๆ สะบัดบ๊อบใส่เดินแทรกออกไป

หลังจากยิ่งออกไป เพิร์ลลี่กับสุดยอดก็ออกมาคุยกันที่มุมหนึ่งของบริษัท
“พรุ่งนี้พี่ยอดว่างหรือเปล่าคะ”
“พี่ต้องช่วยพี่ยิ่ง ถ่ายโฆษณาครับ” สุดยอดบอก
เพิร์ลลี่ได้ฟังก็มีสีหน้าผิดหวัง
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษนะคะที่รบกวน”
“เพิร์ลลี่มีอะไรหรือเปล่า บอกพี่ได้นะ”
“เพิร์ลลี่อยากชวนพี่ยอดไปดูหนังเกาหลี เพื่อนๆ เฟิร์ลลี่บอกซึ้งมั่กๆ เรื่อง รีเทิร์น ออฟ เลิฟ ค่ะ”
เห็นสุดยอดอึ้ง แล้วเงียบไป เพิร์ลลี่เสียความมั่นใจเล็กน้อย
“แต่ถ้าพี่ยอดไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพิร์ลลี่ไม่ดูก็ได้”
เพิร์ลลี่ตีหน้าเศร้าก่อนเดินคอตกไป
“ถ่ายโฆษณา เย็นๆ ก็คงเสร็จ เราดูรอบดึกหน่อยได้มั้ยครับ” สุดยอดร้องบอก
เพิร์ลลี่ยิ้มรับเป็นสาวหวาน แต่พอคล้อยหลังสุดยอด เพิร์ลลี่ก็ทำหน้าอย่างผู้ชนะ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเธอ

ภายในสวนสาธารณะแห่งนั้น หากใครไม่รู้ก็คงคิดว่า วสันต์ กำลังสำนึกผิด แล้วมางอนง้อ
ขออภัยภรรยา ในมือของเขาถือดอกไม้ช่อใหญ่
“ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำกับคุณ มันมากเกินกว่าการจะให้อภัย แต่ยังไงผมก็อยากให้ครอบครัวเรา
กลับมาเป็นเหมือนเดิม เป็นไปได้มั้ยครับยี่หวา”
วสันต์ส่งดอกไม้แล้วคุกเข่าขอโทษ
ข้าวตูแอบลุ้นอยู่ห่างๆ
“ฉันจะลองเชื่อคุณดูสักครั้ง” ยี่หวาพูด
วสันต์ดีใจมาก ลุกขึ้นมาโผกอดยี่หวา
“ขอบคุณมากนะยี่หวา ที่ให้โอกาสผม”
“แต่คุณต้องสัญญากับฉันเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไรครับ”
“คุณจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก คุณต้องให้เวลาฉัน ให้เวลาลูก”
“ต่อไปนี้ ยี่สิบสี่ชั่วโมงของผม จะไม่มีใครพรากมันไปได้ นอกจากคุณและลูกครับ”
“คุณรับปากแล้วนะ”
วสันต์ยิ้มรับ ข้าวตูกระโดดปลื้มด้วยความดีใจ

อีกมุมหนึ่งภายในสวนสาธารณะแห่งเดียวกัน ณนนท์ยืนวางมาดขรึมเคร่งอยู่ใต้ต้นไม้ เอนิตาเดินเข้ามาเพื่อปรับความเข้าใจ
“นนท์คะ” เอนิตาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“มีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ ผมรับได้ทั้งนั้น” ณนนท์พูดเสียงเรียบ
เอนิตามีสีหน้ารู้สึกผิด
“ฉันยอมรับว่าที่ผ่านมา ฉันเห็นแก่ตัว ไม่เคยแบ่งเวลาให้คุณและลูกเลย แต่เรามาเริ่มกันใหม่ได้มั้ย
คะ”
“คุณคิดได้ผมก็ดีใจ ความจริงแล้วเรื่องทั้งหมดโทษคุณคนเดียวก็ไม่ได้หรอก ผมเองก็มีส่วนผิดที่ไม่
เคยเข้าใจงานของคุณ”
“เรามาเริ่มกันใหม่ได้มั้ยคะนนท์ ต่อไปนี้ครอบครัวเราจะมีแต่ความเข้าใจ คุยกันด้วยเหตุผล” เอนิ
ตายิ้มหวาน
“ผมรอฟังคุณมาตลอดนิต้า คุณกับลูกเป็นสองสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม”
“คุณกับไข่ตุ๋นก็เป็นสองสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉันเหมือนกันค่ะ
เอนิตายิ้มหวานสวมกอดณนนท์ ไข่ตุ๋นเป็นปลื้ม ยิ้มหน้าบานไม่หุบ

ด้านข้าวตูก็กำลังปลื้ม และมีความสุขไม่แพ้ไข่ตุ๋น ขณะนั้นข้าวตูจูงมือวสัตน์และยี่หวาเดินเล่นอย่างมีความสุข วสันต์วิ่งไล่จับลูกชาย ข้าวตูหลบข้างหลังแม่ แต่ในที่สุดวสันต์ก็จับตัวได้ พาข้าวตูขี่คอวิ่งวนไปรอบๆ ระหว่างนั้นยี่หวาก็เดินตามหาข้าวตูและวสันต์ ข้าวตูหลบอยู่หลังต้นไม้ เข้ามาแปะแม่ ยี่หวาตกใจหันหลังไปก็เข้าไปอยู่ในอ้อมอกวสันต์ ข้าวตูมองภาพนั้นแล้วยิ้มหน้าบานมากขึ้นไปอีก

ไม่ต่างจากอีกครอบครัวแสนอบอุ่น...ณนนท์และไข่ตุ๋นกำลังนอนหนุนตักเอนิตาซึ่งนั่งอยู่บนเสื่อปิคนิค เอนิตาอ่านหนังสือนิทานให้ไข่ตุ๋นฟังพร้อม กับส่งแซนด์วิชให้สองพ่อลูก ดูแลกันอย่างดี ขณะเดียวกันทั้งณนนท์และไข่ตุ๋นก็ป้อนแซนด์วิชให้เอนิตาบ้าง เอนิตาหอมแก้มทั้งสองเป็นการขอบคุณ ณนนท์ยังนอนหนุนตักเอนิตา ซึ่งลูบไล้เส้นผมณนนท์อย่างเอ็นดู ไข่ตุ๋นมีสีหน้าปลื้มสุดๆ
“คัท!! โอเค โอเคมากๆ ทั้งสองครอบครัวแสดงกันได้สุดยอดจริงๆครับ” ยิ่งสั่งปิดจ๊อบ
วสันต์หมดแรงผลักยี่หวาออกไป ขณะที่เอนิตาลุกพรวดเดินออกไป ณนนท์ตั้งตัวไม่ทันคอแทบเคล็ด
ทั้งหมดที่ผ่านมาเมื่อครู่นี้ คือการถ่ายโฆษณาของสองครอบครัวในโครงการ “สายสัมพันธ์แห่งรัก” นั่นเอง!!!

พอหลุดออกมาจากหน้ากล้อง เอนิตาก็เดินก็เดินฟึดฟัดเข้ามาในเต้นท์ที่พักแต่งตัว
“โอ๊ย จะเอาไปฉายทั้งวันทั้งคืนหรือไง กว่าจะหมดได้แต่ละซีน นานมาก”
ระหว่างนั้นไข่ตุ๋นก็วิ่งเข้ามา โผกอดเอนิตา
“คุณแม่ ไข่ตุ๋นยังอยากกินแซนวิชที่คุณแม่ทำให้อีกค่ะ”
“ไม่อ่ะ แม่ขี้เกียจ หิวก็ไปโน่นเลย อาหารกองถ่ายมีไปขอพี่ที่เสิร์ฟน้ำโน่น” ตัวจริงเสียงจริงของเอนิตา
“แต่ไข่ตุ๋นอยากกินขนมปังฝีมือคุณแม่ ฝีมือคุณแม่อร่อยที่สุดในโลก”
“อย่าเซ้าซี้ได้มั๊ยไข่ตุ๋น แม่ทำงานเหนื่อย ร้อนก็ร้อน ไข่ตุ๋นฟังรู้เรื่องมั้ยเนี่ย?”
เอนิตาตวาดไข่ตุ๋นลั่น จนไข่ตุ๋นหน้าเสีย
ณนนท์เห็นรีบเข้ามาปลอบลูก
“แม่เขากำลังเหนื่อยๆ ไข่ตุ๋นคนเก่ง อย่าเพิ่งกวนแม่เค้าเลยนะ อยากทานอะไรก็ไปบอกน้ายอดก็ได้
เดี๋ยวพ่อตามไป”
ไข่ตุ๋นพยักหน้ารับคำพ่อแล้วเดินออกไป ณนนท์จ้องหน้า แต่เอนิตาเมิน

ไข่ตุ๋นเดินออกมาด้วยอาการเซ็งๆ ข้าวตูเห็น
“เป็นอะไรไปไข่ตุ๋น ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”
“เราโดนแม่ดุอีกแล้ว”
“คราวนี้ไข่ตุ๋นดื้ออะไรอีกล่ะ”
ไข่ตุ๋นส่ายหัว
“เปล่า เราแค่ขอให้แม่ทำแซนด์วิชให้เรากิน แต่แม่บอกเหนื่อยไม่ทำ”
“แค่นี้เอง ตรงนั้นก็มีขนมปังเพียบเลยเราไปทำกันเองก็ได้เราก็จะไปทำให้พ่อเหมือนกัน”
ไข่ตุ๋นยิ้มดีใจ ข้าวตูพาไข่ตุ๋นไปที่โต๊ะสวัสดิการกองถ่าย

ยี่หวาอยู่ในเต้นท์แต่งตัวอีกเต้นท์ กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ส่องกระจกดูความเรียบร้อยเตรียมเก็บ
ของกลับบ้าน วสันต์แบมือหรา
“อะไร”
“ค่าตัวผมจ่ายมาซะดีๆ”
“ไม่มี เค้ายังไม่จ่ายเดือนหน้าโน่นถึงได้ และอีกอย่างฉันจะเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาข้าวตู”
“จะเรียนอะไรกันนักหนา ว่าแต่ตอนนี้คุณมีเท่าไหร่เอามาให้ผมก่อน ผมจำเป็นต้องใช้เงิน”
ไม่พูดเปล่า วสันต์กระชากกระเป๋าจะเอาสตางค์ ยี่หวายื้อไว้
ระหว่างนั้นไข่ตุ๋นเดินมาพร้อมแซนด์วิชแบบเด็กๆ ชะงัก หลบหลังต้นไม้มองดูเหตุการณ์
“จะเอาไปเล่นบอล เลี้ยงผู้หญิงสิ เรื่องจำเป็นของคุณ เอามานี่นะ ฉันบอกว่าไม่มี”
“บอกให้เอาเงินมา ผมไม่ยอมกลับบ้านมือเปล่าแน่”
วสันต์ยื้อแย่งกระเป๋ามาจนได้ ยี่หวาเสียหลักล้ม แต่วสันต์ก็ไม่สนใจ
ไข่ตุ๋นมองอยู่ตลอดเวลา เด็กน้อยตกใจที่เห็นพ่อทำแม่ล้ม วสันต์ควานกระเป๋าหยิบเงินจากระเป๋าออกมา
“คุณจะทำตัวดีๆ ให้ฉันกับลูกรู้สึกดีๆ บ้างสักวันไม่ได้หรือไง วันนี้ลูกมีความสุขที่เราอยู่พร้อมหน้า
กัน คุณก็มาทำพังซะอีก คุณอย่าลืมสิ คุณเป็นพ่อนะ ไม่เลี้ยงลูกฉันไม่ว่า แต่ก็ควรจะช่วยกันใส่ใจดูแลความรู้สึกข้าวตูบ้าง” ยี่หวาเหลืออด
“คุณก็ทำอยู่แล้วไง แม่คุณ น้องคุณ เยอะแยะขนาดนี้ยังไม่พออีกเหรอ”
“แต่เด็กต้องการพ่อ! ข้าวตูต้องการคุณ!”
“แต่ผมต้องการนี่” วสันต์ชูเงินขึ้น “แล้วถ้าเงินออกค่าตัวส่วนของผมโอนเข้าบัญชีให้ด้วย”
วสันต์เดินจากไป ยี่หวาด่าไล่หลัง
“เลวเอ๊ย เห็นแก่เงิน ฉันไม่รู้ว่าเคยแต่งงานกับคนทุเรศๆอย่างคุณได้ยังไง”
ข้าวตูเห็นเหตุการณ์จึงหลบมาอีกมุม ร้องไห้เสียใจมากที่ได้ยินแม่ต่อว่าพ่อ

ส่วนในเต้นท์แต่งตัวอีกเต้นท์บรรยากาศกำลังมาคุ ณนนท์ดุเอนิตาเรื่องตวาดไข่ตุ๋น
“ทำไมต้องดุลูกเสียงดังด้วย รู้มั้ยว่าลูกเสียใจ”
“ฉันเกลียดเด็กเซ้าซี้ พูดจาไม่รู้เรื่อง”
“ผมก็เห็นคุณเกลียดเด็กทุกคนนั่นแหล่ะ”
“รู้ใจฉันจริงๆ แล้วให้ลูกมายุ่งกับฉันทำไม”
“เพราะคุณเป็นแม่ไข่ตุ๋นน่ะสิ! ถึงคุณจะไม่เคยทำหน้าที่แม่ แต่คุณก็ให้ความรักความเอ็นดูกับลูก
ได้”
“คุณก็รู้…” เอนิตาเน้นคำ “ฉันไม่เคยคิดจะมีลูก ตอนท้องฉันอยากจะเอาออกจะตายแต่คุณก็ไม่ยอม”
“นิต้า รู้ตัวมั้ยคุณพูดอะไรออกมา”
ไข่ตุ๋นยืนฟังอยู่ ในถือขนมปังจะเอามาให้แม่น้ำตาไหลพราก
“ฉันทนอุ้มท้องอยู่ตั้งเก้าเดือน เก้าเดือนเต็มๆ ไม่ได้ติดต่อใคร หายหน้าไปจากวงการ ทั้งที่งานฉัน
กำลังรุ่ง! ฉันยอมขนาดนี้แล้วยังไม่พอหรือไง คุณยังจะเอาอะไรกับฉันอีก”
“แต่ความเป็นแม่ไม่ได้สิ้นสุดแค่ตอนคลอดนะนิตา”
“ไม่จำเป็นฉันไม่ได้อยากเป็นแม่ดีเด่น! ความฝันฉันคือการเป็นนางแบบ ฉันไม่คิดบัญชีกับคุณ กับ
ไข่ตุ๋น ที่ทำความฝันฉันพังทลายก็ดีเท่าไหร่แล้ว!”
ไข่ตุ๋นยังยืนฟังอยู่ ทำขนมปังตกหลุดจากมือ ทั้งตกใจและเสียใจจนวิ่งหนีออกไป

ไข่ตุ๋นวิ่งร้องไห้มาอีกทาง มัวแต่ปิดตาร้องไห้ เลยชนข้าวตูที่ยืนร้องไห้อยู่เหมือนกัน
“ไข่ตุ๋นเจ็บมากมั้ย” ข้าวตูถามทั้งที่ยังร้องไห้อยู่
“ที่ตัวเราไม่เจ็บ แต่ทำไมเราเจ็บตรงนี้อ่ะข้าวตู” ไข่ตุ๋นร้องไห้ พลางชี้ที่หัวใจ
แล้วสองเก็กน้อยที่เคยเป็นคู่กัด คู่มวย ก็กลายเป็นที่ปรึกษา เป็นสิราณีให้แก่กันและกัน
“ไข่ตุ๋นเป็นอะไร โรคหัวใจเหรอ”
“ไม่รู้ ข้าวตูแม่ไม่รักเรา แม่ไม่อยากให้เราเกิดมา เราทำลายชีวิตแม่ เราไม่รู้เรื่อง เราไม่ตั้งใจ”
“พ่อเราก็เหมือนกัน แม่บอกพ่อเราเห็นแก่ตัว มาหาเราก็เพราะอยากได้เงินของแม่”
“ทำไมแม่ไม่รักไข่ตุ๋น! ไข่ตุ๋นไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ที่นี่มีแต่คนใจร้าย”
“ข้าวตูก็ไม่อยากอยู่เหมือนกัน”
“งั้น … เราหนีไปกันนะ ข้าวตู” ไข่ตุ๋นออกไอเดีย
“ไปไหนเหรอ”
ไข่ตุ๋นไม่ตอบข้าวตู แต่มีสีหน้ามั่นใจมาก

ไข่ตุ๋นเดินนำหน้าด้วยความมุ่งมั่น ข้าวตูตามมาแต่เชือกรองเท้าหลุด จึงก้มลงผูกรองเท้า แหงนหน้าขึ้นมาอีกทีไข่ตุ๋นก็เดินไปไกล ข้าวตูรีบวิ่งไปให้ทันไข่ตุ๋น
“เธอ จะไป ‘ที่นั่น’ จริงๆ เหรอ”
“จริงสิ” ไข่ตุ๋นเดินจ้ำอ้าว ข้าวตูเริ่มลังเล
“แต่มันไกลนะ อันตรายด้วย”
“แต่ไข่ตุ๋นก็ไม่กลัว ถ้าข้าวตูกลัวก็กลับไปหาพ่อข้าวตูสิ ไป!”
“ไม่ได้หรอก เราจะทิ้งไข่ตุ๋นได้ยังไง ตอนนี้ไม่มีใครรักพวกเราแล้ว พวกเราห้ามทะเลาะกันนะ ตก
ลงมั้ย”
“ฮื่อ ไข่ตุ๋นจะไม่ชวนข้าวตูทะเลาะ เราจะไปหาบ้านใหม่ บ้านที่พ่อกับแม่ไม่ทำงาน นอนเล่นกับลูก
ได้ตลอดเวลา”
“มันมีจริงๆเหรอ บ้านแบบนั้น”
“มีสิ! เพราะไข่ตุ๋นรู้จักดี ไข่ตุ๋นดูทางทีวีทุกวัน นั่นไง!”
ไข่ตุ๋นวิ่งไปที่ร้านขายของ ร้านนั้น ที่เคยดูทางช่อง แพนด้าแชนแนล
“นั่นช่วงช่วง นั่นหลินฮุ่ย แล้วก็นั่น” หันหน้ามาพูดกับข้าวตู “หลินปิง”
ข้าวตูตาลุกวาว
“ไข่ตุ๋นรู้จักบ้านหมีแพนด้าด้วย”
เด็กน้อยสองคนเดินไปตามทาง โดยไม่รู้ว่ายาหยีเดินมาอีกทางและกำลังกดรับโทรศัพท์ใครบางคน

เป็นยี่หวานั่นเองโทรหายาหยีที่กำลังเดินอยู่
“หยีๆ เกิดเรื่องใหญ่แล้วข้าวตูหายไป”
“หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน” พูดถึงตรงนียี่หวาก็นึกขึ้นมาได้ “แน่เลย ข้าวตูต้องเห็นพี่กับวสันต์ทะเลาะกัน
แน่ๆ เลย”
“ปกติพี่สองคนก็ทะเลาะกันอยู่แล้วนี่คะ” ยาหยีท้วง
“แต่ครั้งนี้หนัก”
“รอเดี๋ยวนะคะ หยีใกล้ถึงพี่แล้วละ”
ยาหยีรีบวิ่งหน้าตั้งไปที่กองถ่ายอย่างกังวล

ทางด้านณนนท์ก็วิ่งหน้าตาตื่นมาที่กลุ่มทีมงาน ซึ่งสุดยอดอยู่แถวนั้นด้วย
“ยอด เห็นหลานมั้ย”
“ไม่เห็นครับ ไข่ตุ๋นคงวิ่งเล่นอยู่แถวนี้มั้งครับพี่” ยอดปลอบ
“พี่หาจนทั่วแล้วก็ไม่เจอเลย ปรกติไข่ตุ๋นก็ไม่ไปเล่นที่ไหนไกล”
ระหว่างนั้นเสียงยี่หวาและยาหยีร้องเรียกข้าวตูลั่น ณนนท์กับสุดยอด ปรี่เข้าไปหาตามเสียงทันที
“ข้าวตูหายไปเหรอครับ”
“ค่ะ มีใครเห็นข้าวตูบ้างหรือหรือเปล่าคะ”
ณนนท์ส่ายหน้าพลางบอก “ไข่ตุ๋นก็หายไปเหมือนกัน”
“ถ้างั้นสองคนอาจจะไปด้วยกันก็ได้ค่ะ” ยาหยีบอก
สุดยอดนึกขึ้นได้จึงตะโกนถามทีมงาน
“พวกเราแถวนั้นมีใครเห็นข้าวตูกับไข่ตุ๋นบ้างมั้ย?” ทีมงานถามกัน ทุกคนหันมาตอบว่าไม่เห็น
รถยนต์ของวสันต์แล่นผ่านมากำลังจะออกไป ยี่หวาวิ่งเข้ามา วสันต์เปิดกระจก
“เป็นอะไรไปอีกล่ะคุณ ลนลานยังกับลูกหาย”
ยี่หวามองเข้าไปในรถ แต่ไม่เจอใคร
“ก็ลูกฉันหายไปจริงๆน่ะสิ คุณไม่ได้เอาข้าวตูไปใช่มั้ย”
“ผมเปล่า!”
ฟังที่วสันต์พูด ยี่หวาถึงกับเข่าอ่อน แทบทรุดลงอยู่ตรงนั้น
“ข้าวตู ลูกแม่”

อ่านต่อหน้า 2








ลิขิตเสน่หา
ตอนที่ 6 ต่อ

เมื่อพากันหาจนทั่ว แต่ก็ไม่มีแม้เงาของข้าวตูและไข่ตุ๋น ในที่สุด ณนนท์ ยี่หวา วสันต์ เอนิตา พร้อมด้วยสุดยอดและยาหยี ก็มาแจ้งความที่สถานีตำรวจ หลังให้ปากคำเสร็จ ยี่หวาเดินออกมาอย่างหมดแรง ทรุดตัวลงนั่งที่หน้าสน.นั่นเอง ขณะที่วสันต์อยู่ในอาการโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง

“ประสาท เด็กหายไปทั้งคน ต้องรอยี่สิบสี่ชั่วโมงถึงจะรับแจ้ง”
ระหว่างนั้นณนนท์ก็เดินออกมา ในอาการเครียดเหมือนกัน ส่วนเอนิตาใส่แว่นดำ กลัวคนจับได้เดี๋ยวเป็นข่าวใหญ่
“เรากลับบ้านก่อน ค่อยมาแจ้งความใหม่วันพรุ่งนี้มั๊ยคะ เผลอๆ ไข่ตุ๋นอาจจะรอเราอยู่ที่บ้านแล้วก็
ได้”
“ผมโทรถามพ่อแล้ว ไข่ตุ๋นไม่ได้อยู่ที่นั่น”
“อยู่ดีๆ ข้าวตูกับไข่ตุ๋นก็หายกันไปพร้อมกันสองคน มันต้องมีสาเหตุสิครับ” สุดยอดเปรยขึ้นมา
“พี่สองคนทะเลาะกันเรื่องอะไรคะ” ยาหยีถามยี่หวากับวสันต์
ยี่หวามองวสันต์อย่างโกรธๆ วสันต์หลบสายตา
“แล้วพี่สองคนล่ะ” สุดยอดถามฝ่ายตัวเอง ณนนท์หันไปมองเอนิตา
“อย่าบอกนะ ว่าพี่สะใภ้ปากมอม เผลอพูดเรื่องนั้นอีก!”
เอนิตาทำหน้าไม่ถูก รู้สึกผิดขึ้นมาอยู่เหมือนกัน
“เด็กที่ไหนจะรับได้ ว่าแม่ตัวเองไม่อยากให้เกิดมา ป่านนี้คงเสียใจร้องไห้อยู่ที่ไหนสักแห่ง”
สุดยอดโมโหโพล่งขึ้นมา
“ข้าวตูก็คงเหมือนกัน”
ยี่หวาหันไปพูดกับวสันต์
“เพราะคุณคนเดียว เห็นแก่ตัว”
“โทษผมคนเดียวได้ไง ถ้าคุณให้เงินผมดีๆ ก็ไม่เกิดเรื่องหรอก”
“พอๆ อย่าเพิ่งเถียงกันเลยครับ เอาเวลามาช่วยกันหาเด็กสองคนให้เจอก่อนดีกว่า” สุดยอดตัดบท
“เด็กสองคนน่าจะไปที่ไหนได้บ้าง?” ยาหยีถามเชิงปรึกษา
“นอกจากบ้านกับโรงเรียนแล้ว ไม่น่าไปไหนได้” ณนนท์บอก
“งั้นเราไปดูที่โรงเรียนกัน
พูดจบ ณนนท์ กับยี่หวา ก็เดินนำรีบไปที่รถ วสันต์เอนิตาตามมา
“ผมจะโทรแจ้งจส.100 เผื่อว่ามีคนโทรแจ้งเห็นเด็กสองคนนั่น” สุดยอดบอก
“งั้นแกกลับไปรอที่สวน เผื่อไข่ตุ๋นกับข้าวตูไม่ได้ไปไหนไกล แค่หลงทาง” ณนนท์บอกน้องชายเสียง
เข้ม

สุดยอด ออกมาจากสวนฯพร้อมยาหยี สุดยอดขับรถไป ฟัง จอ สอ 100 ไปด้วย ขณะที่ยาหยีกำลังโทรไปแจ้งเรื่องเด็กหาย คุยกับดีเจที่กำลังจัดรายการอยู่
“ช่วยประกาศให้ด้วยนะคะ หลานยังเล็กอยู่เลยค่ะกลัวจะเกิดอันตรายกับแกน่ะค่ะ”
ไม่นานหลังจากยาหยีวางสาย ดีเจก็ออกประกาศ
“ท่านผู้ใดพบเด็กชายกับเด็กหญิงหน้าตาน่ารักอายุประมาณ 5 ถึง 6 ปี หายไปบริเวณสวน ช่วย
โทรมาแจ้งที่จส 100 ด้วยนะคะ ตอนนี้ผู้ปกครองของเด็กทั้งสองคนเป็นห่วงมาก”
ระหว่างนั้นมีเสียงโทรศัพท์ของสุดยอดดังแทรกเข้ามา เพิร์ลลี่โทรเข้า สุดยอดจะรับสาย ทว่า...
“มีคนแจ้งเข้ามาแล้วค่ะว่าพบเบาะแสเด็กสองคนนั่นแล้ว” สุดยอดตัดสายเพิร์ลลี่ทิ้ง
“พี่ยอดทำไมไม่รับสาย อยู่กับใครนะ!” เพิร์ลลี่งง

ภายในรถสุดยอด ยาหยีตั้งใจฟังรายงาน
“อะไรนะคะ รายงานเข้ามาพบอุบัติเหตุบริเวณนั้น ผู้เคราะห์ร้ายเป็นเด็ก”
“ไข่ตุ๋น”
“ข้าวตู” ยาหยีทำท่าจะร้องไห้
ระหว่างนั้นเพิร์ลลี่โทรเข้ามาอีก สุดยอดตัดสายทิ้งอีก
“เรารีบกลับไปที่นั่นกันเถอะ เจ้าประคู๊ณ อย่าให้เป็นข้าวตูกับไข่ตุ๋นเลย”
สุดยอดเหยียบเต็มที่

ณนนท์ ยี่หวา วสันต์ เอนิตา มาถึงโรงเรียนก็พุ่งไปหาครูปราณีที่ห้อง ครูปราณียืนยันว่าไม่เจอเด็ก
“ข้าวตูกับไข่ตุ๋นไม่ได้มาที่นี่ค่ะ!”
ยี่หวาหมดเรี่ยวแรงแทบทรุดคาที่ ณนนท์เข้าไปปลอบ
“ใจเย็นๆครับ ลูกเราคงไม่เป็นไร
“ครูคะ ที่โรงเรียนมีสถานที่ที่เด็กๆ ชอบไปแอบเล่นกันมั้ยคะ” ยี่หวาพยายามต่อไป
“ขอโทษนะคะคุณแม่ ดิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
“งั้นเราลองไปหาบริเวณรอบๆ โรงเรียนดูกันดีกว่าครับ”
สองคนเห็นด้วยวิ่งออกไป
“อย่าว่าดิฉันละลาบละล้วงเลยนะคะ ครอบครัวคุณทั้งสองคนมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า”
ครูปราณีถามขึ้นอย่างเกรงใจ
“เป็นครูก็อยู่ส่วนครู จะมาจุ้นอะไรกับครอบครัวชาวบ้านทำไม” วสันต์ไม่พอใจ
“ความจริงดิฉันก็ไม่อยากสนใจนักหรอกนะคะ แต่เห็นว่าเรื่องนี้มันส่งผลต่อสภาวะทางอารมณ์ของ
เด็ก” ครูปราณีอธิบาย
“ลูกสาวฉันปกติดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร อย่ามาปรักปรำลูกฉันอย่างนี้นะ” เอนิตาแทรกขึ้น ไม่พอใจ
เช่นกัน
“ใช่ เป็นครูประจำชั้นภาษาอะไร”
“แล้วพวกคุณเป็นพ่อเป็นแม่ภาษาอะไร ถึงปล่อยให้ลูกหายได้เนี่ย” ครูปราณีพูดอย่างเหลืออด
“ยอกย้อนเหลือเกิน ระวังเถอะฉันจะฟ้องตั้งแต่ครูไปยันเจ้าของโรงเรียนเลย” เอนิตาโวยวาย
“เชิญเลยค่ะ ดิฉันก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน พวกคุณเป็นพ่อเป็นแม่แท้ๆ ทำไมไม่รู้จักดูแลลูก คอย
แต่จะฝากภาระไว้กับโรงเรียน แล้วนี่เด็กหนีออกจากบ้านนะคะ ไม่ใช่หนีออกจากโรงเรียน จะมาหาเหตุว่ากันได้ยังไง”
นอกจากจะไม่สลด เอนิตาและวสันต์ฟังแล้วยังฮึดฮัดหน้าตาจะเอาเรื่องครูปราณี

ระหว่างนั้นสองคน ยี่หวา กับ ณนนท์แยกกันหา ณนนท์วิ่งมาเจอกับยี่หวาที่วิ่งมาอีกทาง
“ไม่เห็นเลยค่ะ”
“งั้นเรากลับไปตั้งหลักที่เดิมก่อนดีกว่า”
“ค่ะ”
ณนนท์และยี่หวารีบขึ้นรถ บึ่งไปที่สวนสาธารณะที่เดิม

ทางด้านวสันต์และเอนิตาแท๊คทีมกันด่าทอครูปราณีอย่างเมามันส์
“ระวังเถอะ ปากดีแบบนี้ ผมจะเอาเรื่องเขี่ยคุณออก” วสันต์กร่าง
“นิสัยพาลแบบนี้นี่เอง ขนาดลูกยังไม่อยากอยู่ใกล้” ครูปราณีสวน
ขณะนั้นรถยนต์ของณนนท์ก็แล่นผ่านหน้าไป
“นนท์ นนท์ จะไปไหนคะ คุณจะทิ้งฉันไว้อย่างนี้ไม่ได้นะ”
“ยี่หวา กลับมาก่อน !!!” วสันต์กับเอนิตาโวยลั่น
“อาการหนักกว่าที่คิดนะคะ ลูกก็หนีออกจากบ้าน แฟนก็พยายามจะหนีออกจากชีวิต! มติเอกฉันท์
แบบนี้ ฉันหนีดีกว่า!”
พูดจบครูปราณีวิ่งแท๊ดๆ หนีไป
วสันต์กับเอนิตามองกันอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหันกลับมามองหน้ากันชัดๆ อีกครั้ง อารมณ์สะดุดและแล้ววสันต์รู้สึกสปาร์คเอนิตาเล็กๆ

สุดยอดกับยาหยีมาถึงจุดที่ได้รับแจ้ง จอดรถแล้วรีบวิ่งมาถามไทยมุงบริเวณนั้นที่กำลังจะแยกย้ายกันไป เหมือนเอาคนเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว
“มีเรื่องอะไรครับ” สุดยอดถามขึ้น
“รถชนเด็กแล้วขับหนีไป” ไทยมุงคนหนึ่งบอก
“เด็กเป็นยังไงบ้างคะพี่” ยาหยีร้อนใจ
“เละ! ตัวไปทาง รถไปทาง เสื้อผ้าขาดกระจุยกระจาย” ไทยมุงรายงานจนเห็นภาพ
“พอๆๆ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ผมไม่อยากฟัง แล้วตอนนี้เด็กอยู่ไหน” สุดยอดถามอีก
“ไม่อยู่แล้ว เด็กลุกขึ้นมาก็เบิ้ลมอเตอร์ไซด์ซิ่งเผ่นแน่บไปแล้ว”
“อ้าว ไหนว่าเด็กไงคะ ทำไมขี่มอเตอร์ไซค์ได้” ยาหยีงง
“ก็ เด็กแว้นน่ะสิ มันแข่งรถกัน กะบะมาจากไหนไม่รู้พุ่งชน ล้มแถ่ดๆ แถวนี้ นิ่งไปอยู่นานรอปอ
เต็กตึ้งนึกว่าตายไปแล้ว”
สุดยอดกับยาหยีหายใจโล่งมากขึ้นหลังฟังเหยี่ยวข่าวไทยมุงรายงานจนจบ

ส่วนณนนท์กับยี่หวากลับมาตั้งหลัก บริเวณที่ลูกตัวเองหายไป ณนนท์วางสายโทรศัพท์ หลังสุดยอดส่งข่าวเรื่องอุบัติเหตุ
“แล้วไป โล่งอกไปที”
“ลูกของเราเป็นยังไงบ้างคะ”
ณนนท์ตั้งท่าจะพูด ยี่หวายกมือให้หยุดพูดก่อน
“ขอฉันทำใจแป๊บนึง”
“เจ้ายอดบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน เด็กที่ว่าน่ะเป็นเด็กแว้น”
“คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง” ว่าพลางยี่หวาจับที่หัวใจเบาๆ รู้สึกโล่งใจหน่อยๆ
“เราเดินตามหาแถวนี้จนทั่วแล้วก็ยังไม่เจอ คุณว่าเด็กสองคนจะไปที่ไหน”
“ตอบตรงๆ นะ ฉันมืดแปดด้านไปหมด นึกไม่ออกจริงๆ ว่าข้าวตูจะมีที่ไปที่ไหนอีก ฉันคงเป็นแม่ที่
แย่มากเลย เดาใจลูกแค่นี้ก็ยังไม่ออก”
ว่าแล้วยี่หวาก็ทรุดตัวลงนั่ง น้ำตาซึม ณนนท์เข้าไปนั่งปลอบใกล้ๆ
“คุณไม่ได้แย่นะ เทียบกับคนที่ผมเจอแล้ว คุณเป็นแม่ที่ยอดเยี่ยมกว่าร้อยเท่าพันเท่า”
“แต่ดีขนาดไหน ก็ยังเอาชนะใจลูกไม่ได้ ข้าวตูคงโกรธฉันที่ฉันด่าว่าพ่อแก”
ณนนท์นิ่งพูดแบบปลงๆ
“ไข่ตุ๋นก็คงโกรธผมเหมือนกัน ที่ต่อว่าแม่เขาแบบสาดเสียเทเสีย บางทีเราสองคนอาจจะลืมนึกไป
ว่า ต่อให้อีกฝ่ายเลวร้ายยังไง เขาก็เป็นพ่อเป็นแม่ที่ทำให้เค้าเกิดมาไม่มีทางที่เค้าจะเกลียดลง”
“จริงของคุณ คนเป็นพ่อแม่ ไม่ควรให้ลูกแปดเปื้อนโดยไม่จำเป็น”
“ถ้าลูกกลับมา ผมสัญญาว่าจะดูแลความรู้สึกเขาให้ดีกว่านี้” ณนนท์พูดเหมือนสัญญากับตัวเอง
“ฉันก็เหมือนกัน” ยี่หวาเห็นด้วย
ยี่หวากับณนนท์ยิ้มแห้งๆ ใส่กัน อย่าเห็นใจกัน ระหว่างนั้นยี่หวาลุกพรวดขึ้นยืน แต่เพราะลุกเร็วไป
หน่อยหน้ามืดซวนเซ ณนนท์มองอยู่จึงเข้าประคองไว้ทัน เป็นจังหวะเดียวกับที่ เอนิตากลับวสันต์ตามมาเห็นเข้าพอดี
“ทำอะไรกันน่ะ” เอนิตาโวยวาย วสันต์ผสมโรงทันที
“จับได้คาหนังคาเขา เล่นชู้กับเมียชาวบ้าน”
“พูดจาอะไรกรุณาให้เกียรติภรรยาตัวเองบ้าง คุณยี่หวาเสียใจจนหน้ามืด ผมก็เลยช่วยประคองเธอ
ไว้” ณนนท์สวนกลับวสันต์
“ประคองภาษาอะไร แบบนี้เขาเรียกกอดชัดๆ ใช่มั้ยคุณ” หันไปถามเอนิตา
เอนิตาไม่ตอบ แต่มองหน้าณนนท์เหมือนจับผิดและมองยี่หวาเหมือนหวงก้าง
“คุณจะเข้าใจยังไงก็ช่าง แต่ตอนนี้ผมว่าคุณพาภรรยาคุณกลับบ้านไปก่อนดีกว่า ท่าทางเธอไม่
ค่อยดี”
ฟังณนนท์พูดจบ ทว่าวสันต์ยังนิ่ง มองตาขวาง แบบจับผิด
“ยังอีก หรือจะให้ผมอุ้มไปส่ง”
ณนนท์ทำท่าจะอุ้มยี่หวา วสันต์รีบเข้ามาแย่ง พาประคองเดินไปที่รถ
เอนิตามองณนนท์กับยี่หวาแปลกๆ กลัวว่าทั้งคู่จะมีใจให้กัน

“ขับไหวมั้ยคะ เข้าไปพักดื่มกาแฟสักแก้วมั้ยคะ จะได้สดชื่นขึ้น”
สุดยอดขับรถมาส่งยาหยีที่บ้าน พอเห็นสุดยอดออกอาการหาวหวอด ยาหยีจึงชวนไปดื่มกาแฟ แต่สุดยอดส่ายหัว
“แปะไว้ก่อนดีกว่า ถือว่าคุณติดกาแฟผมแก้วหนึ่ง” สุดยอดบอก
“ถ้าคุณตามหาหลานฉันเจอ มากกว่ากาแฟฉันก็เลี้ยงคุณได้”
“อย่าห่วงเลย ยังไงก็ต้องตามหาจนเจอทั้งคู่นั่นแหละ”
“มันก็น่าแปลกนะ ปกติหลานเราก็เป็นคู่กัดกัน เหมือนพี่สาวฉัน พี่ชายคุณ” ยาหยีพูดค้างไว้
“แล้วก็คุณกับผม” สุดยอดเสริมทันที
“แต่ทำไมสองคนแท็คทีมกันหายไปด้วยกันทั้งคู่”
“นั่นน่ะสิ ป่านนี้เด็กสองคนจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
“ยังไงฉันก็ขอบใจคุณมากที่วันนี้ไม่กวนประสาทฉัน ไม่งั้นฉันคงสติแตกมากกว่านี้” ยาหยีบอก
“ถึงผมจะกวน แต่ก็รู้จักกาลเทศะนะคุณ”
ยาหยียกมือขึ้นไหว้ประหลกๆ
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองเด็กสองคนด้วยเถอะค่า”
สุดยอดยิ้มอบ่างเอ็นดู

กลางคืนยามดึกสงัด ท่ามกลางความเงียบงัน ยี่หวาเดินตามหาลูก มองไปเห็นเด็กคนหนึ่ง เสื้อผ้าขาดวิ่น เป็นชุดคล้ายกับที่ข้าวตูใส่ตอนหายตัวไป เด็กคนนั้นใส่หมวกคลุมมิด นั่งขอทานอยู่ริมฟุตบาท ยี่หวาเดินเข้าไปใกล้
“ขอตังค์กินข้าวหน่อยครับ เมตตาเด็กตาดำๆ ด้วยครับ” เสียงของข้าวตูพูดขึ้น
ยี่หวาเอื้อมมือไปเปิดหมวก ถึงกับตกใจผงะ
เพราะเด็กขอทานคนนั้นคือข้าวตูในสภาพมอม ถูกทารุณกรรมแผลเต็มใบหน้า
ยี่หวาตกใจสุดขีด ร้องลั่น
“ไม่ๆๆๆๆๆ ไม่นะ ไม่ ข้าวตูลูกแม่ !!”

ที่แท้ยี่หวาซึ่งนอนหลับอยู่บนโซฟา หลังจากวสันต์พามาส่งที่บ้าน เธอฝันร้ายตกใจตื่นร้องลั่นบ้านจนทุกคนตกใจ
“เป็นอะไรไปคะพี่ ฝันร้ายเหรอ”
“พี่ฝันว่าข้าวตู … ข้าวตูเขา…” ยี่หวาระล่ำระลัก
“ฝันร้ายน่ะ ก็ไม่ต้องเล่าหรอก” บุญเลื่องพูดขึ้นเพราะกลัวจนไม่อยากฟังเหมือนกัน “ดูซิ สลบสไล
ไปต้องหลายชั่วโมง ลุกขึ้นมากินโจ๊กร้อนๆ มั้ย แม่ทำไว้ให้แล้ว”
บุญเลื่องเดินไปตักโจ๊ก ยกมาให้ลูกสาว
“ทานก่อนนะคะ จะได้มีแรง คิดทำอะไรกันต่อไป” ยาหยีบอกพี่สาว แต่ยี่หวาหันมองที่นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว
“นี่พี่หลับไปนานเท่าไหร่”
“สามชั่วโมง”
“แล้วข้าวตูกลับมาหรือยัง จส.100 ล่ะ ติดต่อกลับมาบ้างมั้ย?”
ยาหยีส่ายหัว เอาแต่ยกมือภาวนาน้ำตารื้น บุญเลื่องกับยาหยีแอบเช็ดน้ำตา สามแม่ลูกรู้สึกไม่ต่างกัน นั่นคือห่วงข้าวตูสุดหัวใจ

ที่บ้านร้าง หลังนั้น ที่กำแพงมีเงาตะคุ่มๆ พร้อมกับเสียงหมาหอนมาเป็นระยะ
“ไหนว่าที่นี่ปลอดภัยไงไข่ตุ๋น ทำไมมีเงาดำๆ เดินไปมาตลอดเลย หมาก็เห่าไม่หยุดด้วย” ข้าวตูบ่น
“ไข่ตุ๋นไม่รู้นี่ ตอนกลางวันมันไม่เห็นน่ากลัวอย่างนี้เลย” ไข่ตุ๋นบอก
“เราไปนอนที่อื่นกันเถอะ” ข้าวตูกลัวๆ
“ไปยังไงล่ะ ตอนนี้ดึกมากแล้วด้วย มองไม่เห็นอะไรสักอย่าง”
“ทำไมจะมองไม่เห็น”
“แล้วข้าวตูเห็นอะไร”
“นั่นไง”
สายตาของทั้งคู่มองไปบนกำแพงที่มีเงาตะคุ่มๆ ใหญ่ราวกับหมียักษ์ แถมยังมีเสี่ยงก๊อกแก๊กน่า
กลัวดังขึ้น
ไข่ตุ๋นตกใจ “หรือว่าเป็น ..” พูดแค่นั้นไข่ตุ๋นก็รีบปิดปากทันที
พร้อมกันนั้นเด็กน้อยทั้งสองคนหันมามองหน้ากัน แล้วพูดออกมาพร้อมๆกัน
“มะๆ หมี”
ไวเท่าความคิดทั้งข้าวตูกับไข่ตุ๋นรีบหลบเข้าข้างเสาเพื่อเป็นที่บังตัว
ขณะที่เงาดำนั้นค่อยๆ เดินเข้ามาสลับกับเสียงหมาหอน
ทันใดนั้นก็มีเสียงตึง!!!! ดังขึ้น
ที่แท้เป็นเสียงท่อนไม้จากด้านบนตกลงมาตรงหน้า เจ้ากรรม!บนท่อนไม้ก็มีตุ๊กแกเกาะอยู่ร้องเสียงดังผสมโรงความน่ากลัวเข้าไปอีก
ข้าวตูกับไข่ตุ๋นร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“ตุ๊กแก ไม่เอาแล้ว”
เด็กน้อยทั้งสองคนวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต แต่กลับไปชนกับร่างๆ หนึ่ง
ไม่ใช่หมีแต่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นอุ้มเด็กไว้ในอ้อมกอด เด็กทั้งสองคนดิ้นพล่าน
“ช่วยด้วย ผีหลอก! ผีตุ๊กแก ผีหมียักษ์ ช่วยด้วยๆๆๆๆ”

ขณะเดียวกันนั้นณนนท์นั่งมองดูรูปไข่ตุ๋นที่ถ่ายกับตัวเอง นึกเป็นห่วงลูกสาวขึ้นมา ณนนท์น้ำตารื้น คิดถึงลูก
“ไข่ตุ๋นเป็นเด็กฉลาด คงเอาตัวรอดได้ อย่าเพิ่งคิดอะไรไปในทางไม่ดีไปก่อนเลย” เท่งปลอบลูกชาย
“แต่ผมกับลูกไม่เคยห่างกันนานเท่านี้นี่ครับพ่อ แล้วอีกอย่างตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไข่ตุ๋นอยู่ที่ไหนด้วย”
“ยังไม่มีใครติดต่อเข้ามาเลยครับ ทั้งรายการวิทยุ แล้วก็สถานีตำรวจ” สุดยอดเอ่ยขึ้น
“ไม่น่าเชื่อ ไม่มีใครพบร่องรอยเลยเหรอ” เท่งเป็นกังวล
“พ่อบอกเองไข่ตุ๋นเป็นเด็กฉลาด ลองถ้าแกหนีไปก็คงยากจะหาเจอ”ณนนท์พูดอย่างรู้จักลูกสาว
อย่างดี
“บางครั้งการมีลูกฉลาด ก็เป็นดาบสองคมเหมือนกันนะ ดึกมากแล้ว พักซะหน่อย พรุ่งนี้ฉันและเจ้า
ยอดจะช่วยออกตามหาอีกแรง” เท่งบอก
“ผมจะนอนได้ยังไง ในเมื่อผมต้องเล่านิทานให้ไข่ตุ๋นฟังก่อนนอนทุกคืน แต่คืนนี้…”
ณนนท์ร้องไห้อย่างเป็นห่วงลูก สุดยอดกับเท่งเข้ามาตบไหล่เป็นกำลังใจ

ทางด้านยี่หวาเดินเข้ามาห้องข้าวตู หยิบหมอนลูกมากอด ดมกลิ่นจากหมอนยิ่งคิดถึงร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างคิดถึงจับใจ
“ข้าวตู ตอนนี้ลูกอยู่ไหน ลูกจะรู้หรือเปล่าว่าแม่เป็นห่วงลูกมากที่สุด อย่าเป็นอะไรนะลูก ถ้าลูกเป็น
อะไรไปแม่คงมีชีวิตอยู่อีกต่อไปไม่ได้”
ยี่หวารำพันออกมาด้วยความเป็นห่วง น้ำตาไหลพราก

ส่วนวสันต์ เมื่อกลับเข้าบ้าน ก็มีกิ๊กใหม่คอยคลอเคลียอยู่บนเตียง แต่ดูเหมือนว่าวันนี้วสันต์จะหงุดหงิด รำคาญ จากเหตุการณ์ตลอดทั้งวันนี้นั่งเอง
“วันนี้คุณกลับไปก่อนไป ผมไม่มีอารมณ์” วสันต์บอกกิ๊กให้กลับบ้านไป อีกฝ่ายสวนกลับอย่างฉุนๆ
“เป็นอะไรไปอีกล่ะ ตามอารมณ์ไม่ถูกแล้วนะ เดี๋ยวต้องการ เดี๋ยวไม่ต้องการ”
“อยากจะกลับแล้วค่อยมาใหม่ หรืออยากจะไปแล้วไม่ต้องมาอีกเลย!”
วสันต์หน้าเข้ม กิ๊กเลิกผ้านวมใส่เสื้อกลับบ้านด้วยท่าทีหงุดหงิด
“ไปก็ได้! ไม่เห็นอยากจะอยู่เลย”
กิ๊กเดินออกจากห้องไป วสันต์หันไปเห็นโทรศัพท์ กดโทรออก

เอนิตานอนดูทีวีอยู่บนเตียงนอน สักพักก็กดรีโมทปิดไป เพราะหงุดหงิดเป็นห่วงไข่ตุ๋น ไม่นานนักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เอนิตารีบกดรับ
“ฮัลโหล”
วสันต์โทรมาจากห้องนอนบ้านเขา
“จำผมได้มั้ย ผมวสันต์ พ่อข้าวตูนะ”
“โทรผิดแล้วล่ะ ฉันไม่ใช่เมียคุณ”
เอนิตาจะวางสายแต่วสันต์พูดเสียงดังแทรกมา
“ไม่ผิดหรอก ผมจะโทรหาคุณนั่นแหล่ะ”
“โทรหาฉันเรื่องอะไร”
“ผมอยากมีเพื่อนปรับทุกข์”
“บอกฉันทำไม ไปบอกเมียคุณโน่น”
“ไม่เอาน่า เราสองคนก็รู้ปัญหาดี ผมกับยี่หวาไปกันไม่ได้ ส่วนคุณกับสามีก็ไปกันไม่รอด”
“ที่พูดมานี่ คุณต้องการอะไร”
“ผมก็แค่อยากมีเพื่อนคุย เพื่อนที่หัวอกเดียวกัน” เอนิตาชะงัก วสันต์ยังพูดต่อเรื่อยเปื่อย
“ผมรู้นะ ลูกคุณหายไปทั้งคน คุณเองก็ไม่มีความสุขเท่าไหร่หรอก แต่คุณคงไม่รู้ว่าจะระบายใคร เอาเป็นว่าถ้าคุณไม่มีเพื่อนปรับทุกข์ คิดถึงผมได้นะ!”
เอนิตาตัดสายทิ้ง พลางบ่น
“ไอ้กะล่อน ฉันรู้นะว่าคิดอะไรอยู่ ลูกหายทั้งคนยังไม่วายเจ้าชู้ น่าสงสารคนที่เป็นลูกเป็นเมียจริงๆเลย

ขณะเดียวกันนั้นยี่หวาเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัวอยู่บนเตียงนอนในห้องข้าวตู สักพักก็มีเสียงดังปัง! คล้ายเสียงคนถีบประตู แม้จะไม่ดังมากแต่ก็พอได้ยิน ยี่หวาตกใจตื่น มองไปทางเสียง ตรวจตราพิรุธ
ไวเท่าความคิด ยี่หวาตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า ประตูแง้มออกนิดหนึ่ง ยี่หวาค่อยๆ เดินเข้าไป ยี่หวาดีใจสุดๆ เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เป็นข้าวตูซึ่งหลับผลอยอยู่ในตู้เสื้อผ้านั่นเอง
“ข้าวตู ลูกแม่!!

คืนนั้นณนนท์นอนหลับฟุบคาโต๊ะอยู่ จู่ๆ ก็มีมือเล็กๆ เอื้อมมาสะกิด
ณนนท์ยังไม่ลุกขึ้น ฟุบอยู่อย่างนั้น ปากบอกออกไป นึกว่าเป็นเท่ง
“พ่อไปนอนก่อนเถอะครับ ผมจะรอไข่ตุ๋น”
เสียงของไข่ตุ๋นลอยมา “ไม่ต้องรอแล้ว”
“ผมจะรอ” พอพูดออกไป ณนนท์ก็ให้รู้สึกคุ้นกับเสียงเหลือเกิน เขาดีดตัวขึ้นมาเห็นไข่ตุ๋นยิ้มอยู่
ณนนท์ดีใจสุดชีวิต
“ไข่ตุ๋น ไข่ตุ๋นกลับมาหาพ่อแล้ว”

ณนนท์เข้าไปกอดไข่ตุ๋นไว้แน่น ด้วยความรักลูกสุดหัวใจ

จบตอน 6

อ่านต่อวันพรุ่งนี้







กำลังโหลดความคิดเห็น