เกมร้ายเกมรัก
ตอนที่ 1
- เสียงดนตรีจังหวะคึกคักดังอึกทึกไปทั่วทั้งบริเวณริมชายหาดของ เกาะมิน เกาะเล็กๆ แสนสงบที่ห่างไกลความเจริญแห่งนี้ พวกผู้ชายตีกลองให้จังหวะ ขณะที่ผู้หญิง 4 - 5 คนออกมาเต้นระบำฮาวายสวยงาม
มามิ สาวน้อยวัย 16 ปี กับสวย วัย 12 ปี และเหล่าสาวชาวเกาะ ต่างก็พากันร้องตะโกนเชียร์ สายชล ขวัญใจสาวๆ ชาวเกาะมิน ที่ลงแข่งขันว่ายน้ำ และกำลังว่ายอยู่ในทะเลไม่ขาดปาก จังหวะหนึ่งมามิกับสวยหันมาเจอกัน ทั้งสองคนผงะ เพราะไม่ถูกกัน แล้วสองสาวจะเชิดใส่กัน ก่อนจะหันไปเชียร์สายชลต่อ
“สายชล สายชล สายชล สายชล”
ซะละ หัวหน้าหมู่บ้าน และ แสงดาวเมียของเขายืนอยู่กับ ปีร์กะ หมอผีประจำเกาะ สองผัวเมีย นารากับอารีฟะ ยืนอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย อารีฟะอุ้มหนูแดง ลูกสาววัย 2 ขวบไว้ในเอว อีกมือก็จูง มะพร้าว ลูกชายวัย 7 ขวบ ส่วนสวย ซึ่งเป็นลูกสาวคนโต รวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนๆ
สายตาทุกคู่มองไปในทะเล...สายชลว่ายไปจนถึงแพกลางทะเลซึ่งเป็นเส้นชัย ก่อนจะพรวดขึ้นจากน้ำปีนขึ้นแพ เขาคว้าธงสีสดใสที่ปักอยู่ตรงกลางแพชูขึ้น หันไปทางชายหาดแล้วโบก
ทุกคนที่อยู่บนเกาะ เห็นธงสีสดกำลังถูกโบกสะบัด แต่เพราะมันไกลมาก จนมองไม่ชัดว่าเป็นใคร
“มีคนได้ธงแล้วแม่” ซะละบอก
แสงดาวหรี่ตามองว่าใครแต่เห็นไม่ชัด
“ใครอ่ะพ่อ”
ทุกคนพยายามเพ่งมองว่าใครที่ได้ธง
แล้วนาราก็เห็นเป็นคนแรก โพล่งขึ้นมา...
“ไอ้สายชล...” นาราหันไปหาทุกคน “ไอ้สายชลได้ธงเว๊ย!”
มามิ สวย อารีฟะ สาวๆ กรี๊ดด้วยความดีใจ นาราหันขวับไปทางอารีฟะหน้าเข้ม
“ผัวอยู่นี่ จะกรี๊ดทำไม”
อารีฟะยิ้มแหย
“ก็มันดีใจ”
นารานิ่ง หันไปมองสายชลแล้วก็แหกปากกรี๊ดขึ้นมาบ้างด้วยความดีใจ
“ฉันก็ดีใจเหมือนกัน”
อารีฟะยิ้มร่า สองผัวเมียกอดกัน แล้วร้องเชียร์ “สายชล สายชล สายชล” รวมกับคนอื่นๆ
+ + + + + + + + + + + +
สายชลยืนยิ้มโบกธงไม่หยุด ทันใดนั้นผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ว่ายมาขึ้นแพ สายชลผงะ
“คิดว่าจะได้ธงไปง่ายๆเหรอสายชล”
หนุ่มชาวเกาะอีก 3 คน ปีนขึ้นมาบนแพ ยืนล้อมสายชลเอาไว้ สายชลยิ้มกวนๆ
“อะไรที่อยู่ในมือฉันแล้ว ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เอาไปไม่ได้ง่ายๆ หรอกเว๊ย”
สายชลยักคิ้ว ทั้ง 3 คนเหล่มองหน้ากันแล้วพุ่งเข้ามาแย่งธงจากมือ แต่สายชลหลบหลีกได้คล่องมาก
ขณะเดียวกันนั้น ทุกคนบนชายหาดดาหน้ากันมายืนใกล้ทะเล เพราะเห็นว่ามีการแย่งธงกันเกิดขึ้น ทุกคนลุ้นระทึก ซะละหันไปหาเมีย
“บนนั้นมีไอ้ลอยลูกเรามั้ยแม่”
แสงดาวชะเง้อมองหา
“ไม่มี...” แสงดาวสงสัย “แล้วไอ้ลอยอยู่ไหน”
บนแพ... 3 คนนั้นยังพยายามแย่งธงจากของมือสายชล แต่ก็ยังไม่สำเร็จ ทันใดนั้น แตลอย ซึ่งลงแข่งด้วยก็ว่ายน้ำมาถึง หอบเหนื่อยสุดแรง เอามือวางบนแพ ทำให้แพโคลงเคลง สายชลกับคนอื่นๆหันไปเห็นแตลอยพยายามจะปีนขึ้นมาก็ตกใจ
“ไอ้แตลอย...อย่า!” สายชลตะโกนห้าม
ไม่ทันขาดคำ แตลอยโถมน้ำหนักตัวขึ้นมา จนแพเอียง ชายทั้ง 3 คนร้องลั่น ก่อนจะตกน้ำเสียงดังตูม! เหลือสายชลคนเดียวที่ทรงตัวยืนอยู่บนแพได้สำเร็จ
+ + + + + + + + + + + +
แล้วสายชลนำธงขึ้นมาบนหาด เสียงเฮดังขึ้น สายชลแจกยิ้มกว้างโบกธงสีสันสดใสแล้วส่งให้ซะละ ที่พอรับมาแล้วซะละก็ชูขึ้นฟ้า ทุกคนปรบมือแสดงความยินดี พร้อมตะโกน
“สายชล สายชล สายชล”
ซะละยกมือขึ้น ชาวเกาะทุกคนเงียบและตั้งใจฟัง
“ข้าซะละ หัวหน้าเกาะมิน ขอประกาศว่าสายชลได้ผ่านพิธีแย่งธง ซึ่งหมายความว่าสายชลเป็นชายหนุ่มเต็มตัว” ซะละหันไปตบบ่าสายชลพร้อมยิ้มกรุ่มกริ่ม “พร้อมมีเมียได้แล้ว”
มามิ สวยและ สาวๆกรี๊ดลั่น แตลอยเซ็งๆ สายชลหันไปเห็นมามิ สวย สาวๆชาวเกาะ ยิ้มหวานพร้อมโพสท่า ส่งสายตาเชิญชวนพร้อมที่จะเป็นเมียเขาเต็มที่ สายชลมองอย่างสยอง คนอื่นๆพากันหัวเราะ
“ดูท่าจะมีผู้หญิงให้เอ็งเลือกเป็นเมียหลายคน แต่อย่าลืมว่าชายชาวเกาะมิน...”
ซะละยังไม่ทันพูดต่อ สายชลก็พูดขึ้นมาเสียงดังฟังชัด
“ต้องรักเดียวใจเดียว มีเมียเดียวไปจนวันตาย”
สาวๆ พากันปลื้ม แตลอยเบ้หน้า
“หมั่นไส้เว๊ย ไอ้สายชลมันหล่อกว่าฉันตรงไหนฟะ”
มามิมองหยัน
“ก็ตรงที่แกไม่มียังไงล่ะไอ้แตลอย”
แตลอยฉุน
“นังมามิ!” แตลอยชะงักเกาหัวงงๆ ไม่รู้ความหมายที่มามิพูดเมื่อครู่
“มันหมายความว่ายังไง”
ขณะเดียวกันนั้น ปีร์กะถือไม้เท้าเดินออกมาท่าทางน่าเกรงขาม ทุกคนเงียบกริบ ปีร์กะเดินมายืนตรงหน้าสายชล
“สายชล...วันใดที่เจ้าเจอคู่ครอง” ปีร์กะยื่นสร้อยออกมา “จงมอบสร้อยนี้ให้กับคู่ของเจ้า แล้วพวกเจ้าจะไม่มีวันพรากจากกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
ปีร์กะสวมสร้อยคอเส้นนั้นให้สายชล ทันใดนั้นก็เกิดเสียงฟ้าร้องดังครืนครืน ทุกคนหันไปมอง เห็นเมฆดำกลุ่มใหญ่...ลอยอยู่บนท้องฟ้า และกำลังเคลื่อนตัวมาทางเกาะพร้อมสายฟ้าฟาด แล้วลมก็พัดแรงแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ข้าวของกระจุยกระจาย ทุกคนต้องยกมือบังลมเอาไว้ นารากับอารีฟะรีบดึงลูกๆมากอดไว้แน่น แสงดาวก้าวมายืนข้างซะละ
“ท่าทางจะเป็นพายุใหญ่นะพ่อ”
ซะละมองพายุกลุ่มนั้นด้วยความกังวลใจ
“นั่นสิ”
สายชลมองท้องฟ้าเบื้อหน้าแล้วพูดขึ้น
“ลมแรงขนาดนี้ อีกไม่นาน พายุต้องถึงที่นี่แน่”
แตลอยตื่นตูม
“แบบนี้ก็ตายน่ะสิ ไม่ได้นะ ฉันยังไม่มีเมียเลย”
สายชลหันไปหาซะละ
“ลุงซะละ ฉันว่าเราต้องรีบหาที่หลบกันแล้วล่ะ”
“แล้วจะหลบที่ไหน โล่งโจ้งซะขนาดนี้” นาราบอกอย่างกังวลใจ
สายชลครุ่นคิดแล้วก็นึกออก
“บนเขามีถ้ำใหญ่พอที่พวกเราทุกคนจะไปหลบพายุฝนได้ ฉันว่าพวกเรารีบไปที่นั่นกันก่อนดีกว่า”
ซะละหันไปทางชาวเกาะ
“งั้นก็รีบไป”
ซะละกับทุกคนรีบออกไป สายชลหันไปมองกลุ่มพายุฝนเป็นกังวลใจ...กลุ่มเมฆดำดูน่ากลัวสักครู่สายฝนก็โปรยปราย ฟ้าผ่าดังเปรี้ยง!
+ + + + + + + + + + + +
ทุกคนเข้ามาหลบในถ้ำ สายชลตามเข้ามาเป็นคนสุดท้าย แล้วอารีฟะก็โวยวายขึ้นมาดังลั่น
“หนูแดง...หนูแดงหายไปไหน”
ทุกคนตกใจหันไปช่วยมองหาหนูแดง
สวยที่วิ่งหาน้องไปทั่วๆ วิ่งมาบอก
“หาน้องไม่เจอเลยแม่”
นารากับอารีฟะหน้าเสีย
“สงสัยจะพลัดหลง ตอนที่รีบเดินมาเมื่อกี๊แน่ๆ”
อารีฟะตกใจร้องไห้
“หนูแดงลูกแม่...หนูแดง โฮๆๆ”
“ฉันออกไปหาหนูแดงให้เอง”
สายชลพูดจบก็รีบออกไป โดยที่ยังไม่มีใครทัดทาน ทุกคนได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง ปีร์กะพนมมือ
“เทวดาเจ้าป่าเจ้าเขา ช่วยคุ้มครองให้สายชล พาหนูแดงกลับมา โดยปลอดภัยด้วยเถอะ”
สายชลวิ่งฝ่าพายุฝนมาตามทาง ตะโกนแข่งกับเสียงฝนและเสียงฟ้าร้อง
“หนูแดง หนูแดง”
สายชลมองหา ไม่เห็น รีบวิ่งต่อ แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ สายชลหยุดกึกหันขวับไปตามเสียง
“หนูแดง”
สายชลหันไปมองหารอบๆ แต่ก็ไม่เห็นหนูแดง ทันใดนั้นต้นไม้ทั้งต้นหักลงมาเขาตกใจหน้าตื่น รีบกระโดดหลบ กลิ้งไปตามทาง แล้วเขาก็พบว่าหนูแดงอยู่ใต้กองกิ่งไม้ใบไม้ สายชลดีใจ
“หนูแดง!”
สายชลรีบเข้าไปเอากิ่งไม้ใบไม้ออก หนูแดงนั่งร้องไห้จ้าด้วยความหวาดกลัว สายชลรีบอุ้มขึ้นมา แล้ววิ่งฝ่าสายฝนออกไปทันที
ทุกคนที่อยู่ในถ้ำ เป็นห่วงที่สายชลหายไปนาน เริ่มเครียด และกังวล นารากอดอารีฟะและมะพร้าว สวยอยู่ข้างๆ
“ถ้าลูกเราเป็นอะไรขึ้นมา จะทำยังไง” อารีฟะถามทั้งน้ำตา
“ลูกเราต้องไม่เป็นอะไร”
นารากอดอารีฟะปลอบใจ ระหว่างนั้นสายชลอุ้มหนูแดงเข้ามา ทุกคนดีใจ โดยเฉพาะอารีฟะกับนารา สองผัวเมียร้องขึ้นพร้อมกันอย่างดีใจรีบเข้าไปรับหนูแดงมากอด
“หนูแดง!”
นาราเข้าไปตบบ่าสายชลอย่างซึ้งใจ
“ขอบใจมากนะสายชล”
อารีฟะยิ้มทั้งน้ำตาแห่งความดีใจ
“ขอบใจนะ ขอบใจ”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ”
สามคนพ่อแม่ลูกกอดกัน สายชลยิ้มดีใจที่พ่อแม่ลูกเจอกัน สายชลรู้สึกดีกับความเป็นครอบครัว
พักใหญ่ สายชลโผล่หน้าออกมามองนอกถ้ำ เห็นว่าฝนหยุดตกแล้ว ก็ยิ้มดีใจหันไปบอกทุกคน
“ฝนหยุดแล้ว”
ทุกคนหันไปมองเห็น...ท้องฟ้าเปิดราวกับไม่เคยมีพายุมาก่อน
+ + + + + + + + + + + +
สายชลกับทุกคนพากันออกมาจากถ้ำ แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน ระหว่างที่เดินมาตามลำพัง ก็ชะงักที่เห็นมามิเดินตามมา
“มามิ...ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก”
มามิเดินยั่วยวนมาตรงหน้า
“ไหนๆวันนี้สายชลก็ผ่านพิธีแล้ว มามิคิดว่า...” มามิกระโดดกอดสายชลแน่น “เรามาเป็นผัวเมียกันเลยดีกว่า”
สายชลตกใจร้องลั่น
“เฮ้ย!” เขาพยายามแกะมือมามิออก “ไม่ได้”
มามิกอดแน่นไม่ปล่อย
“ทำไมไม่ได้ มามิสวยที่สุดในเกาะมิน สายชลยังจะรีรออะไรอีก”
สายชลหน้าแหย พยายามแกะมือมามิ แต่มามิกอดแน่นสุดๆ ทันใดนั้นเสียงสวยก็ดังขึ้น
“หยุด!”
มามิกับสายชลชะงักหันไปเห็นสวยยืนเท้าเอวหน้าเอาเรื่อง สายชลรีบผละออกจากมามิทันที
“ถ้าจะเอาพี่สายชลเป็นผัว ก็ต้องข้ามศพฉันไปก่อน”
มามิเท้าเอวเดินมาประจันหน้า
“นังสวยสยอง ตัวแค่นี้คิดจะมีผัว” มามิเอานิ้วดันหัวสวยออกไป “ไม่ดูหนังหน้าตัวเองเลยนะแก”
สวยเท้าเอวยื่นหน้าท้าทาย
“อีกไม่นานฉันก็โตทันพี่แล้ว”
“เชอะ! ถึงโตทัน สายชลเค้าก็ไม่เอาแกทำเมียหรอก”
สองคนทะเลาะกัน สายชลค่อยๆถอยหลังจะย่องหนีออกไป แต่กลับต้องหยุดกึก เพราะเจอสาวๆอีกกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ สาวๆร้องเรียกพร้อมกัน
“สายชล!”
มามิกับสวยหันขวับไปเห็น สาวๆแย่งกันพูด
“สายชลเอาฉันเป็นเมียนะ”
“พี่สายชลเลือกฉันนะ”
“ฉันดีที่สุด”
“ไม่จริง ฉันดีกว่า”
สายชลสยองขนลุกขนพอง มามิกับสวยรีบเข้ามาเกาะแขนสายชลสองข้าง
“ไม่ได้นะสายชลต้องเป็นผัวฉัน” มามิพูดเสียงแข็ง
สวยถลึงตาใส่ไม่พอใจ
“เป็นผัวฉันต่างหาก”
สายชลถูกดึงไปดึงมา จนสุดจะทน สะบัดแขนอย่างแรง
“โว๊ย!”
มามิกับสวยและสาวๆเงียบมองเขาเป็นตาเดียว
“เอาล่ะเพื่อไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งต้องเสียใจ ฉันขอให้ทุกคนหันหลัง”
มามิกับสวยและสาวๆพากันงง
“ทำไมต้องให้พวกเราหันหลังด้วยล่ะสายชล” มามิถามอย่างไม่เข้าใจ
สายชลทำหน้าจริงจัง
“ถ้าใครจะมาเป็นเมียฉัน ต้องเป็นแม่พันธุ์ที่ดี มีลูกให้ฉันหัวปี กลางปี ท้ายปี ฉันถึงต้องขอดูบั้นท้ายของทุกคนก่อน ถ้าใครมีบั้นท้ายใหญ่ที่สุด กว้างที่สุด ฉันจะเลือกคนนั้นทำแม่พันธุ์...เอ๊ย ทำเมีย”
มามิกับสวยและสาวๆ ตื่นเต้น รีบหันหลัง กระดกก้นให้สายชล บางคนที่ก้นเล็กอย่างสวยก็พยายามกระดกเต็มที่เพื่อให้ก้นดูใหญ่ สายชลอมยิ้มชอบใจที่หลอกทุกคนสำเร็จ แล้วก็รีบหันหลังย่องออกไป สวยรู้สึกว่านานไปแล้วเพราะเมื่อยก้น
“พี่สายชลเลือกได้ยังจ๊ะ”
เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ
“เอ...ทำไมไม่ตอบ”
มามิกับสวยและสาวๆแปลกใจ หันมามองหน้ากัน ก่อนจะหันไปเห็นสายชลกำลังย่องหนี ทุกคนตาเหลือก ตะโกนพร้อมกัน
“สายชล / พี่สายชล”
สายชลหันไปเห็นมามิกับ สวยและ สาวๆไล่ตามมาก็ตกใจวิ่งหนีสุดชีวิต
“ซวยจริงๆเล้ยไอ้สายชล”
มามิ สวย สาวๆวิ่งไล่ตามสายชลไปตามหาด สายชลยังคงวิ่งด้วยความเร็วสุดๆ ไปตามชายหาดจนทรายกระเด็น สาวๆยังคงวิ่งไล่ตามอย่างไม่ลดละ
“สายชล พี่สายชล อ๊ายยย...สายชล...รอก่อน พี่สายชล รอด้วย”
สายชลหันไปมองสาวๆ หน้าตาตื่น ทำให้ไม่ได้มองพื้น เลยสะดุดกับบางอย่างจนล้มกลิ้งไปสามตลบ มามิ สวย และสาวๆ ที่วิ่งตามหลังมาเบรกเอี๊ยด
“อ๊ายยย!”
สายชลลุกขึ้นยืนรำคาญสุดจะทน
“หยุดกรี๊ดซักที”
ทุกคนเงียบ สายชลหันไปมองแล้วก็ผงะ เพราะมามิ สวย และสาวๆ ไม่ได้กรี๊ดให้เขา แต่กรี๊ดฟ้าลดาที่อยู่ในชุดดำน้ำนอนหมดสติอยู่ สายชลอึ้ง มามิ สวย และสาวๆ กรี๊ดอีกครั้ง
“อ๊ายยยย!”
ทุกคนวิ่งมาหลบหลังสายชลด้วยความกลัว
“ใครก็ไม่รู้อ่ะสายชล” มามิถามอย่างกลัวๆ
สวยมองหวาดๆ
“ตายหรือยัง”
สาวๆ ร้องขึ้นพร้อมกัน
“พวกเรากลัว”
ทุกคนโวยวายเสียงดังเซ็งแซ่ สายชลเซ็งสุดๆตวาดดังลั่น
“เงียบ!”
ทุกคนเงียบกริบทันที สายชลหันไปมองฟ้าลดา ค่อยๆ เดินเข้ามาดู ผมปิดหน้าฟ้าลดาทำให้เห็นหน้าไม่ชัด เขาค่อยๆ ย่อตัวลงข้างๆ ปัดผมที่ปิดหน้าของเธอออก จับใบหน้าให้หันมา
สายชลตะลึงในความสวย ทั้งๆ ที่ใบหน้าของเธอซีดขาว และมีรอยแตกที่หน้าผาก
อ่านต่อหน้า 2
เกมร้ายเกมรัก
ตอนที่ 1 (ต่อ)
- ค่ำคืนนั้น...สายชลอุ้มฟ้าลดามานอนที่แคร่หน้าบ้าน ปีร์กะเข้ามาตรวจจับชีพจรดู สายชลอยู่ข้างๆ มามิกับสวย และสาวๆ คนอื่น ยืนรอดูอยู่ห่างๆ อย่างใจจดจ่อ ระหว่างนั้นแตลอยกินปลาย่างผ่านมาเห็นคนเยอะแยะก็แปลกใจ
“ดูอะไรกัน”
แตลอยเบียดเข้าไปเห็นฟ้าลดา ก็ตะลึงทำปลาหล่นพื้น
“แม่เจ้า...สวย...”
สวยหันขวับมาทันที
“เรียกฉันทำไม”
แตลอยเซ็งเลย
“ฉันไม่ได้เรียกแก ฉันหมายถึงผู้หญิงคนนั้น”
สายชลเดินเข้าไปหาปีร์กะ
“เป็นไงป้า”
“ชีพจรเต้นอ่อนมาก คงไม่รอด”
สายชลกับคนอื่นตกใจ มองหน้ากันหน้าเสีย สายชลหันไปทางปีร์กะ
“ไม่รอด...หมายความว่าเค้าจะตายเหรอป้า”
ปีร์กะพยักหน้า
“ป้าปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ตายไม่ได้นะ ป้าต้องช่วยเค้า”
ปีร์กะหันไปมองสายชลครุ่นคิด ก่อนจะหันไปทางคนอื่น
“พวกเอ็งทุกคนไปตามคนอื่นๆ ให้มารวมตัวกันที่ลานหมู่บ้านเดี๋ยวนี้”
มามิ สวย แตลอย และคนอื่นรีบแยกย้ายกันเดินออกไป ปีร์กะหันมาสั่งสายชล
“ส่วนเอ็ง...อุ้มนังหนูคนนี้แล้วตามข้ามา”
ปีร์กะเดินเข้าไปในบ้าน สายชลรีบอุ้มฟ้าลดาแล้วตามปีร์กะเข้าไป
+ + + + + + + + + + + +
ปีร์กะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฟ้าลดา แล้วให้สายชลอุ้มเธอไปวางไว้บนพื้นทราย ที่มีคบไฟปักโดยรอบ สายชล และทุกคน ยืนล้อมรอบ ปีร์กะก้าวออกมายืนข้างๆฟ้าลดา
“ข้าจะอ้อนวอนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ให้ช่วยปัดเป่าความชั่วร้ายออกจากนางผู้นี้ ขอให้พวกเราทุกคนรวมพลังช่วยข้าด้วย”
ทุกคนจับมือกันแน่น มุ่งมั่นตั้งใจแล้วส่งเสียงพร้อมกัน
“ความชั่วร้ายจงออกไป ความชั่วร้ายจงออกไป”
ปีร์กะหลับตา เดินไปรอบๆฟ้าลดา เสียงประสานของชาวเกาะกึกก้อง...
“ความชั่วร้ายจงออกไป ความชั่วร้ายจงออกไป”
เมื่อปีร์กะลืมตา...ดวงตากลายเป็นสีขาว หยิบกลีบดอกไม้ออกมาจากกระเป๋า แล้วแปะไปตรงกลางหน้าผากของฟ้าลดา ก่อนจะพึมพำไม่หยุด ปีร์กะหลับตาอีกครั้ง พอลืมตา...ดวงตาก็กลับมาเป็นปกติ
ทุกคนเงียบรอดูฟ้าลดาว่าจะเป็นยังไง แต่เธอก็ยังนิ่ง ปีร์กะจับชีพจร ถอนหายใจลุกขึ้นมายืนหันไปทางทุกคน
“ธาตุไฟของนางกำลังจะแตก มันเป็นชะตาของฟ้า”
ทุกคนหน้าเสีย สายชลเดินออกมา
“เราช่วยผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จริงๆเหรอป้า”
ปีร์กะส่ายหน้า ทุกคนเข้ามายืนมองฟ้าลดาอย่างเสียใจที่ช่วยไม่ได้ สายชลพยายามคิดหาทางช่วยแล้วก็นึกอะไรออก รีบหันไปทางทุกคน
“แล้วถ้าเราเอาผู้หญิงคนนี้เข้ากระโจมอบสมุนไพรล่ะ”
ทุกคนหันไปมอง...สนใจกับความคิดของสายชล
“กระโจมสมุนไพรช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น บางทีวิธีนี้อาจจะช่วยผู้หญิงคนนี้ได้”
ปีร์กะมองสายชล...
“สายชล เอ็งจะฝืนชะตาฟ้าไปทำไม ร่างกายของผู้หญิงคนนี้อ่อนแอจนเกินจะเยียวยาแล้ว”
สายชลไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“ผู้หญิงคนนี้ถูกพามาที่เกาะมิน นั่นหมายความว่าเกาะเลือกที่จะให้พวกเราช่วยเธอ แล้วเราจะปล่อยให้เค้าตายโดยที่เราจะไม่พยายามทำอะไรเลยเหรอป้า”
ทุกคนเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจ ในแววตาของสายชลแล้วก็เห็นด้วย แสงดาวก้าวมาตรงหน้าปีร์กะ
“สายชลพูดถูก เราจะปล่อยให้คนๆหนึ่งตายไปต่อหน้าต่อตาเราได้ยังไง”
ซะละก้าวมายืนข้างๆ
“นั่นสิป้าปีร์กะ ฉันว่าลองดูก็ไม่เสียหาย”
ทุกคนเออออเห็นด้วย ปีร์กะหันมองหน้าทุกคนแล้วตัดสินใจ...
“เอาวะ เป็นไงเป็นกันเว๊ย”
สายชลกับคนอื่นๆยิ้มด้วยความดีใจ
+ + + + + + + + + + + +
ซะละกับสายชล ช่วยกันยกแคร่มาวางบนก้อนอิฐ คร่อมกองไฟที่มีหม้อสมุนไพร สายชลเข้ามาอุ้มฟ้าลดาให้นอนบนแคร่ ปีร์กะยืนสั่งการ
“นังมามิ นังสวย เอาฟืนมาเติมเร็วเข้า”
มามิกับสวยช่วยกันเติมฟืน เพื่อเร่งให้หม้อสมุนไพรเดือด แตลอยกับนาราช่วยกันเอากระโจมเดินเข้ามา
“กระโจมมาแล้วป้า”
“ก็กางสิวะ มาบอกข้าทำไม เร็วๆกันหน่อยเว๊ย”
แตลอยตื่นเต้นเลยสะดุดล้ม ทำให้นาราล้มตามไปด้วย
“ไอ้แตลอย! คนยิ่งรีบๆอยู่” นาราเอ็ดเสียงขุ่น
แตลอยเหรอหรา แสงดาวกับอารีฟะ รีบเข้ามาช่วยนารา เอากระโจมมากางปิดตัวฟ้าลดา
“พวกเราต้องช่วยกันเติมสมุนไพร อย่าให้พร่องเชียว” ปีร์กะกำชับ
ทุกคนพยักหน้ารับ สายชลหันไปมองฟ้าลดา ปีร์กะปิดผ้าคลุมประโจม
ดึกคืนนั้น...
สายชลเติมสมุนไพร โดยมีแตลอยคอยพัดฟืนเพื่อเร่งไฟ ทุกคนคอยมองด้วยความตื่นเต้นและลุ้นตลอดเวลา ปีร์กะเงยหน้ามองพระจันทร์
“ยามสองแล้ว”
ปีร์กะเดินไปเปิดกระโจมจับชีพจรฟ้าลดา สายชลกับแตลอยลุกขึ้นยืน ทุกคนมองตามปีร์กะ ไม่นานปีร์กะก็เดินออกมาหน้าเครียด สายชลร้อนใจรีบถาม
“เป็นไงป้า”
ปีร์กะส่ายหน้า ทุกคนเศร้า แสงดาวใจหาย
“เราช่วยนังหนูคนนี้ไว้ไม่ได้จริงๆเหรอเนี่ย”
ปีร์กะหน้านิ่งมองทุกคน
“สิ่งเดียวที่พวกเราจะช่วยนังคนนี้ได้ก็คือ...ช่วยกันสวดภาวนาให้นางไปอย่างสงบ และไม่ทรมาน”
ทุกคนเศร้ามาก สายชลเดินไปยืนมองฟ้าลดา แววตาไม่ย่อท้อ เขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วหันไปทางทุกคน ปีร์กะมองอย่างแปลกใจ
“ไอ้สายชล เอ็งจะทำอะไร”
“ฉันเคยปล่อยให้พ่อแม่ตายไปตรงหน้า โดยที่ฉันช่วยอะไรไม่ได้ ฉันจะไม่ยอมให้ใครต้องมาตายตรงหน้าฉันอีก”
ทุกคนมองสายชลอึ้ง
“ตราบใดที่ผู้หญิงคนนี้ยังมีลมหายใจ พวกเราก็ยังมีความหวัง ฉันจะช่วยผู้หญิงคนนี้ให้ถึงที่สุด”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับเขา สายชลหันไปทางปีร์กะ
“การช่วยเหลือคน มันไม่ใช่เรื่องที่เหนื่อยอะไรเลยไม่ใช่เหรอป้า”
ปีร์กะมองสายชลหน้านิ่ง
+ + + + + + + + + + + +
สายชลพาฟ้าลดากลับมาที่บ้านของเขา นำร่างที่ไร้สติวางบนเตียง แล้วก็นั่งข้างๆ ดึงมือของเธอขึ้นมากุมไว้ แล้วเอามืออีกข้างแตะที่หัวฟ้าลดา
“ความชั่วร้ายจงออกไป สิ่งดีดีจงเข้ามา ความชั่วร้ายจงออกไป สิ่งดีดีจงเข้ามา...”
สายชลพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด...
เวลาผ่านไป...
เมฆดำลอยมาบดบังพระจันทร์ สายชลยังอยู่ในท่าเดิม และพูดประโยคเดิมๆ ทันใดนั้นฟ้าลดากระอักน้ำออกมา แล้วฟ้าลดาก็ชัก สายชลพยายามจับตัวเธอไว้ แล้วพูดอย่างเร่งเร็ว
“ความชั่วร้ายจงออกไป สิ่งดีดีจงเข้ามา ความชั่วร้ายจงออกไป สิ่งดีดีจงเข้ามา ความชั่วร้ายจงออกไป สิ่งดีดีจงเข้ามา...”
ฟ้าลดาค่อยๆสงบลง สายชลโล่งใจแต่ก็ยังคงพูดไปเรื่อยๆ
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่....
พระอาทิตย์ขึ้นพ้นขอบฟ้า...สายชลยังอยู่ในท่าเดิม พูดแบบเดิม มีสมาธิในสิ่งที่ทำมาก ปีร์กะกับมามิเอาอาหารมาให้ มามิจะเรียก ปีร์กะรีบยกมือห้าม ส่ายหน้าไม่ให้พูด มามิมองสายชลเป็นห่วง แล้วมามิกับปีร์กะก็เดินออกไป
เวลาผ่านไป...
พระอาทิตย์ส่องแสงร้อนแรงตอนเที่ยงวัน ซะละ แสงดาว แตลอย เอาอาหารกลางวันมาให้สายชล ทั้งสามเห็นอาหารเช้ายังไม่ได้กิน ก็ถอนใจ
พระอาทิตย์ตกดิน...
นารากับอารีฟะ เอาอาหารเย็นมาให้เห็นอาหารเช้า อาหารกลางวันสายชลยังไม่ได้กิน นารากับอารีฟะเอาอาหารวางบนโต๊ะ มองสายชลอย่างเป็นห่วง
กลางดึก...
ฟ้าลดานอนหนาวสั่น สายชลเอาผ้ามาห่มให้แล้วก็พูดไปเรื่อยๆ
“ความชั่วร้ายจงออกไป สิ่งดีดีจงเข้ามา ความชั่วร้ายจงออกไป สิ่งดีดีจงเข้ามา...”
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่...
ทุกคนบนเกาะ มานั่งๆยืนๆอยู่หน้าบ้าน ทุกคนต่างมองไปที่บ้านสายชลอย่างกังวลใจ สักครู่ ปีร์กะเดินออกมา ทุกคนลุ้น ปีร์กะส่ายหัวบอกว่าฟ้าลดายังไม่ฟื้น ทุกคนถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
ช่วงกลางวัน...
ซะละ แสงดาว แตลอยเข้ามาในบ้าน ยังเห็นสายชลพึมพำไม่หยุด มือก็จับหัวฟ้าลดา อีกข้างก็กุมมือเอาไว้ หน้าสายชลดูอิดโรย
“สองวันสองคืนแล้วนะแม่ ข้าวปลาน้ำดื่มก็ไม่กิน ฉันกลัวสายชลมันจะเป็นอะไรไปอีกคน”ซะละบอกอย่างเป็นห่วง
“พ่อก็รู้ว่าคนอย่างสายชลไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ”แสงดาวครุ่นคิดหันไปเรียก “ลอย...เอ็งอยู่เฝ้าสายชลเอาไว้ เกิดอะไรขึ้น จะได้ช่วยได้ทัน”
แตลอยหันมารับคำ
“จ๊ะ”
ซะละ แสงดาว แตลอย หันไปมองสายชลอย่างเป็นห่วง
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันต่อมา...
แตลอยนอนกรนอยู่บนพื้นเสียงดังสนั่น สายชลหน้าแย่มากเริ่มไม่มีแรง แต่ยังคงจับมือฟ้าลดาเอาไว้
“ความชั่วร้ายจงออกไป สิ่งดีดีจงเข้ามา ความชั่วร้ายจงออกไป สิ่งดีดีจงเข้ามา”
สายชลเหลือบตามองหน้าฟ้าลดา แล้วก็ชะงักเพราะเห็นหน้าของเธอเริ่มมีเลือดฝาด ริมฝีปากแดง เขาดีใจสุดๆ รีบอุ้มเธอขึ้นมาแล้วพาออกไป แตลอยตื่นมาเห็นสายชลก็ตาสว่าง
“ไอ้สายชล...แกจะไปไหน”
แตลอยรีบลุกตามออกไป
ทุกคนนั่งๆนอนๆกันอยู่หน้าบ้าน ทันใดนั้นประตูบ้านสายชลเปิดออก ทุกคนหันขวับไปมองด้วยความลุ้น เห็นสายชลอุ้มฟ้าลดาเดินออกมา ทุกคนยังนิ่ง
“ผู้หญิงคนนี้รอดแล้ว” สายชนตะโกน
ทุกคนเฮดังลั่นด้วยความดีใจ แต่สายชลกลับเข่าทรุดเพราะไม่มีแรง แตลอยรีบออกมาประคอง สายชลหันไปมองฟ้าลดาที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยความดีใจ
ปีร์กะจับชีพจรฟ้าลดา โดยมี สายชลกับมามิ ยืนอยู่ข้างๆ ปีร์กะหันมา
“เพราะเอ็งแท้ๆสายชล เอ็งทำให้นังหนูคนนี้ได้เกิดใหม่”
สายชลดีใจ มามิสวมกอดสายชลทันที
“สายชลเก่งที่สุด มามิดีใจนะที่จะได้สายชลเป็นผัว”
สายชลผงะรีบผละออก
“เฮ้ย!”
ปีร์กะเอาไม้เท้าตีหัว มามิสะดุ้ง
“โอ๊ย! ป้าตีหัวฉันทำไม”
“สอนไม่รู้จักจำมันก็ต้องเขกหัวแบบนี้แหละ นังหลานคนนี้วันๆไม่คิดอะไร นอกจากมีผัว ชาติก่อนเอ็งเป็นชะนีรึไง ถึงได้ร้องเรียกหาผัวผัวผัวทั้งวัน”
“ขืนฉันรักนวลสงวนตัว แล้วต้องโหนคานเหมือนป้า ฉันก็ไม่เอาหรอก”
ปีร์กะฉุนกึก
“นังมามิ”
มามิจี้เอวปีร์กะพูดเสียงดัง
“ไปดีกว่า”
ปีร์กะบ้าจี้
“เออไปไปไป ไปเลยไป” ปีร์กะหอบเหนื่อย “นังหลานทรพี”
สายชลอมยิ้ม ปีร์กะหันมามอง สายชลรีบหุบยิ้ม
“ส่วนเอ็งก็กินข้าวกินปลาซะ ก่อนจะเป็นอะไรไปอีกคน ข้ากลับล่ะ”
สายชลยิ้ม
“ขอบคุณป้ามากนะจ๊ะ”
ปีร์กะเดินออกไป สายชลหันไปมองฟ้าลดาด้วยความดีใจ
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันถัดมา...
สายชลนอนคุดคู้อยู่ตรงมุมหนึ่งของบ้าน เขาหลับสนิทด้วยความเหนื่อยล้า สักครู่ฟ้าลดารู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมา สายตายังปรับโฟกัสไม่ได้กระพริบตาถี่ๆ ไม่นานทุกอย่างก็ชัด ฟ้าลดาหายใจแรง เสียงหายใจเข้า หายใจออก ดังก้องอยู่ในหัว ก่อนจะหันไปมองรอบๆบ้านเห็นว่ามีกีตาร์อูคูเลเล่แขวนอยู่
ฟ้าลดางงงวย แล้วก็ประคองตัวเองลุกขึ้นมานั่ง หันไปมองที่ประตูบ้าน ค่อยๆลุกขึ้นยืน เดินช้าๆออกไป โดยที่ไม่เห็นสายชลที่นอนอยู่ เธอเปิดประตู เดินออกไป ประตูปิดดังปัง สายชลสะดุ้งตื่นหันไปที่เตียง ตกใจที่ไม่เห็นฟ้าลดา ลุกพรวดขึ้นมานั่ง
“เฮ้ย! หายไปไหน”
สายชลรีบลุกขึ้นเดินหาทั้งข้างเตียง ตามมุมต่างๆในบ้านก็ไม่เจอ สายชลหน้าเสีย
ฟ้าลดายืนเกาะระเบียงตัวโงนเงน ยังมึนงง สายชลวิ่งหน้าตื่นออกมาหาทางซ้าย -ทางขวา ฟ้าลดาเริ่มหน้ามืด กำลังจะเซล้มตกจากระเบียง
ทันใดนั้นมือสายชลพุ่งเข้ามาคว้าตัวของเธอเอาไว้ในอ้อมกอดได้ทัน ฟ้าลดาหันมา จมูกเธอกับจมูกเขาเกือบจะแตะโดนกัน สายชลตะลึงงันในความสวยของใบหน้านั้น ฟ้าลดามองเขาไม่มีความรู้สึกใดๆ ทั้งคู่นิ่งกันไปพัก ฟ้าลดาก็พูดขึ้น
“หิวน้ำ”
สายชลพาเธอเดินเข้าไปในบ้าน ให้นั่งบนเตียง แล้วรีบไปหยิบน้ำมาให้ ฟ้าลดารับน้ำมาดื่มด้วยความกระหาย พอดื่มน้ำหมดก็ยื่นแก้วให้
“ขออีก”
สายชลรีบเอาเหยือกเทน้ำใส่แก้วให้ ฟ้าลดาดื่มอักๆๆจนน้ำไหลออกมาเปียกคอเสื้อ เธอดื่มจนหมดแก้ว
“เอาอีกมั๊ย”
ฟ้าลดาส่ายหน้า
“ที่นี่ที่ไหน”
“เกาะมิน”
“เกาะมิน...ฉันมาอยู่นี่ได้ไง”
“ฉันเจอเธอหมดสติอยู่ที่ริมหาด”
“แล้วฉันหมดสติได้ไง”
“ฉันไม่รู้ แต่ถ้าให้เดา เธอคงเจอพายุเข้าน่ะ”
ฟ้าลดานิ่งพยายามคิด
“เธอชื่ออะไร” สายชลถาม
ฟ้าลดาหันไปมองสายชล อึ้ง เพราะคิดไม่ออกว่าตัวเองชื่ออะไร เธอหน้าเสีย เริ่มกลัว
“ฉันไม่รู้”
สายชลอึ้งกว่า
“ไม่รู้ว่าตัวเองชื่ออะไร”
ฟ้าลดาพยักหน้า เริ่มเป็นกังวล สายชลมองหน้า
“งั้นเธอจำอะไรได้บ้าง”
ฟ้าลดาส่ายหน้า
“จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ”
ฟ้าลดาพยักหน้า
“ทำไมฉันนึกอะไรไม่ออก ทำไมฉันจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร ทำไม...ทำไม”
ฟ้าลดาเจ็บแผลที่หน้าผากร้องออกมา
“โอ๊ย!”
เธอเอามือไปจับโดนผ้าปิดแผลที่หน้าผาก ก็ตกใจ หันไปมองสายชล
“ฉันเป็นอะไร”
“เธอหัวแตก”
สายชลเห็นเธอหน้าไม่ดีก็พยายามปลอบใจ นั่งลงข้างๆ
“ฉันว่าคงเป็นเพราะหัวเธอแตก ถึงทำให้เธอจำอะไรไม่ได้”
“จริงเหรอ”
สายชลพยักหน้ายิ้มๆ
“อื้อ...อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยนะ”
ฟ้าลดาสบายใจขึ้น
“แล้วเธอชื่ออะไร”
“ฉันชื่อสายชล”
“ดีจังที่จำชื่อตัวเองได้”
ฟ้าลดาซึมลง สายชลมองเธออย่างสงสาร
“เอาอย่างนี้มั๊ย...ระหว่างที่เธอยังจำชื่อตัวเองไม่ได้ ฉันจะตั้งชื่อให้เธอใช้ไปก่อน” สายชลนึกๆหันไปเห็นดอกไม้ “ชื่อดอกไม้ดีมั๊ย”
ฟ้าลดาส่ายหน้า เขาคิดต่อแล้วหันไปเห็นท้องฟ้าด้านนอกก็พึมพำออกมา
“ฟ้า...”
สายชลหันไปมองฟ้าลดา แสงแดดส่องเข้าหน้าฟ้าลดาราวกับสปอร์ตไลท์ ความสวยของเธอทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปได้จนเพ้อออกมา
“นางฟ้า...”
“นางฟ้า” ฟ้าลดาพูดตาม
สายชลชะงักรีบแก้ตัว
“เออ...ฉันไม่ได้จะตั้งชื่อนี้”
ฟ้าลดาพูดสวนขึ้นมา
“ฉันชอบชื่อนี้...นางฟ้า”
สายชลยิ้ม
“ถ้าเธอเป็นนางฟ้า เธอคงเป็นนางฟ้าที่ตกจากสวรรค์ ลงมาในทะเลแน่ๆ”
ฟ้าลดหัวเราะชอบใจกับสิ่งที่เขาพูด ความสดใสของเธอทำให้สายชลอดหัวเราะตามไปด้วยไม่ได้
อ่านต่อหน้า 3
เกมร้ายเกมรัก
ตอนที่ 1 (ต่อ)
- สายชลวิ่งหน้าตาตื่นเต้นดีใจมาตามทาง พลางตะโกนดังลั่น
“นางฟ้าฟื้นแล้ว นางฟ้าฟื้นแล้ว”
เมื่อวิ่งผ่านบ้านอารีฟะกับนารา ทั้งคู่ออกจากบ้านมา...นาราใส่ชุดผู้หญิงออกมา อารีฟะใส่ชุดผู้ชายรู้เลยว่าทำอะไรกันอยู่ สองคนหันไปมองตามสายชล
“นางฟ้า...นางฟ้าอะไรของมัน”นาราบ่นงงๆ
สองผัวเมียหันมามองกันแล้วสะดุ้งกันเองที่ใส่เสื้อผ้าสลับกัน สายชลวิ่งผ่านหน้าบ้านแสงดาวกับซะละ สองผัวเมียกำลังช่วยกันเย็บแห
“นางฟ้าฟื้นแล้ว”
แสงดาวกับซะละ หันไปมอง แตลอยเข็นของเดินมา หันไปเห็นสายชลวิ่งมาก็ตกใจ เพราะสายชลกำลังจะชนตัวเอง
“เว๊ยยย!”
แตลอยรีบก้มหัวหลบ สายชลกระโดดข้ามหัวไปเหมือนม้ากระโดด...แตลอยหันไปมองสายชลที่ยังคงวิ่งพร้อมตะโกน
“นางฟ้าฟื้นแล้ว นางฟ้าฟื้นแล้ว”
แสงดาวกับซะละ เดินมายืนกับแตลอยมองสายชลด้วยความไม่เข้าใจ
“ไอ้สายชลมันพูดว่าอะไรนะแม่” ซะละถาม
“ถ้าไม่ฟังไม่ผิด สายชลบอกว่านางฟ้าฟื้นแล้ว”
แตลอยหน้าตื่นสงสัย
“ห๊ะ!...นางฟ้า! แบบนี้มันต้องตามไปดู”
แตลอยรีบวิ่งตามสายชลไปทันที
“ไอ้สายชล...รอด้วย...ย...ย”
สายชลวิ่งตรงมาที่บ้านปีร์กะเคาะประตูไม่หยุดอย่างร้อนใจ
“ป้าปีร์กะ...ป้าปีร์กะ”
ปีร์กะประตูเปิดออกมา
“มีอะไรวะไอ้สายชล”
มามิเปิดหน้าต่างออกมาส่งยิ้มหวานให้
“สายชล จะมาขอมามิเป็นเมียชิมิ”
สายชลเผลอตอบ
“ใช่...เอ๊ย ไม่ใช่!”
ปีร์กะหันขวับ
“หุบปากนังมามิ”
มามิขมุบขมิบปากบ่นอย่างขัดใจ ปีร์กะหันไปทางสายชล
“นางฟ้าฟื้นแล้วจ๊ะป้า”
ปีร์กะกับมามิ หันมามองหน้ากันด้วยความงง
“นางฟ้าไหน” มามิถามอย่างไม่เข้าใจ
สายชลนึกขึ้นได้
“เออ ฉันหมายถึงผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นฟื้นแล้ว”
ปีร์กะกับมามิ ดีใจ
“งั้นก็รีบไป”
มามิรีบปิดหน้าต่างตามปีร์กะออกมา สายชล ปีร์กะ มามิรีบเดินไปด้วยกัน แตลอยเพิ่งวิ่งมาถึง เห็นเขาไปกันแล้วก็หน้าเหวอ
“อ้าว...เฮ้ย จะไปไหน เฮ้ย...รอด้วย”
แตลอยหอบเหนื่อย แต่ก็รีบตามไป
+ + + + + + + + + + + +
สายชลพาปีร์กะเข้ามาในบ้าน ไปหาฟ้าลดา คนอื่นๆแอบมองอยู่นอกบ้าน ฟ้าลดาเห็นปีร์กะก็ตกใจเพราะหัวฟู ปากดำ ฟันดำ เธอรีบหลบหลังสายชล ไม่กล้ามองปีร์กะ
“นางฟ้า...ไม่ต้องกลัว ป้าปีร์กะเป็นหมอ”
ฟ้าลดาเหลือบตามองปีร์กะกลัวตัวสั่น ไม่กล้าออกไป เกาะแขนสายชลแน่น
“สายชลจับตัวมันออกมา”ปีร์กะสั่งเสียงดัง
ฟ้าลดาสะดุ้งกับเสียงปีร์กะ
“นางฟ้ากลัว”
“สายชลอยู่ด้วย ไม่ต้องกลัว ให้ป้าปีร์กะตรวจอาการหน่อย ป้าปีร์กะมาช่วยนางฟ้านะ”
สายชลจับตัวฟ้าลดาออกมา เธอจับมือเขาแน่น ปีร์กะจับคางฟ้าลดาให้เงยหน้าขึ้นมา ฟ้าลดาเห็นหน้าปีร์กะใกล้ๆก็ยิ่งกลัว ไม่กล้าสบตากระสับระส่าย
“อยู่เฉยๆ!”ปีร์กะดุ
ฟ้าลดาสะดุ้ง ไม่กล้า กอดแขนสายชลไม่ปล่อย ปีร์กะดึงเปลือกตาล่างลงมาดูทั้งสองข้าง
“อ้าปาก!”
ฟ้าลดาทำตามอย่างว่าง่าย
“แลบลิ้น!”
ฟ้าลดาแลบลิ้น ปีร์กะมองอึ้งๆตะลึงๆ
“สลบไปสามวันสามคืน แต่ร่างกายฟื้นเร็วขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อ นี่ถ้าเอ็งไม่ได้ไอ้สายชล เอ็งตายเป็นผีเฝ้าเกาะไปแล้ว”
ทันใดนั้นเสียงเฮก็ดังลั่น ฟ้าลดาหันขวับไปเห็นซะละ แสงดาว แตลอย มามิ อารีฟะ นารา สวย ยืนอยู่หน้าบ้าน ทุกคนยิ้มให้ ฟ้าลดาตื่นกลัวกอดแขนสายชลแน่น
“แบบนี้มันต้องฉลอง!” นาราตะโกนขึ้น
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น...
เสียงดนตรีดังอึกทึก ชาวเกาะออกมาเต้นรอบๆกองไฟ แตลอย มามิ สวย นารา อารีฟะเต้นอยู่กับชาวเกาะคนอื่นๆ บรรยากาศสนุกสาน ครึกครื้น ฟ้าลดานั่งอยู่กับสายชล ยังตื่นกลัวไม่หาย เกาะแขนเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย สายชลหันไปปลอบ
“นางฟ้าไม่ต้องกลัว นี่เป็นพิธีที่พวกเราทุกคนจัดขึ้นเพื่อต้อนรับนางฟ้า”
ฟ้าลดาหันไปมอง สายชลยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ระหว่างนั้นซะละกับแสงดาวเอาอาหารมาให้
“กินเยอะๆนะ หนูไม่ได้กินอะไรมาสามวันสามคืนแล้ว”
ซะละกับแสงดาวยิ้มให้ฟ้าลดา แล้วเดินออกไป ชาวบ้านคนอื่นๆเข้าแถวเอาอาหารมาให้จนอาหารเต็มโต๊ะ ทำให้ฟ้าลดาค่อยคลายความกลัวลงไปได้
“เห็นแล้วนะว่าทุกคนหวังดีกับนางฟ้า ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวซักนิด”
ฟ้าลดาพยักหน้า รู้สึกสบายใจขึ้น หันไปเห็นอาหารก็หิวขึ้นมาทันที
“ของพวกนี้ นางฟ้ากินได้ใช่มั๊ย”
สายชลยิ้ม
“ได้สิ นี่เป็นของนางฟ้าทั้งหมด”
ฟ้าลดาหยิบกินหนึ่งชิ้น...อร่อย! หยิบของมากินถี่ขึ้น ถี่ขึ้น ยัดๆๆจนเต็มปาก ปากเลอะก็ไม่สน เคี้ยวตุ้ยๆอย่างมีความสุข สายชลเห็นฟ้าลดากินก็อึ้งๆ เพราะกินเก่งมาก ไม่นานดนตรีก็หยุด ฟ้าลดากับสายชลหันไปมอง ซะละเดินออกมาตรงกลางลาน
“วันนี้ขอให้พวกเราทุกคน สนุกสนานกันเต็มที่ เพื่อเป็นการขอบคุณเจ้าป่าเจ้าเขา และภูติทะเลที่ช่วยทำให้นางฟ้ารอดพ้นจากความตาย”
ชาวบ้านเฮเสียงดังลั่น สายชลหันไปมองฟ้าลดาที่ปรบมือ แล้วก็ยิ้มไม่หุบ
“ขอให้ทุกคนช่วยกันอวยพรให้นางฟ้าพบแต่ความสุข อย่าได้เจอกับเรื่องร้ายๆอีก”
ปีร์กะ แสงดาว มามิ นารา อารีฟะ สวย และชาวเกาะ ทยอยกันมาเข้าแถวตรงหน้าฟ้าลดา ปีร์กะหอมหัวฟ้าลดา แสงดาว แตลอย มามิ นารา อารีฟะ และชาวเกาะคนอื่น หอมหัวของเธอเป็นการให้พร
สายชลเป็นคนสุดท้าย ก้มหน้าจะหอมหัวของเธอ แต่ฟ้าลดาเงยหน้าขึ้นมาพอดี ทำให้หอมที่จมูกแทน เขาผงะ นิ่งไปพัก แล้วก็รีบผละออกมา เสียงดนตรีดังขึ้น นาราตะโกนขึ้น
“มาสนุกกันต่อได้แล้ว...วู้ วู้”
มามิ กับ สวยเข้ามาดึงสายชลออกไปเต้น สายชลหันไปมองฟ้าลดายังอึ้งๆอยู่
+ + + + + + + + + + + +
เมื่องานเลี้ยงเลิก...ชาวเกาะทยอยกันกลับบ้าน สายชลเห็นฟ้าลดาปากเลอะ ก็เอามือเช็ดปากให้ เธอยังคงกินไม่หยุด
“เธอนี่กินเหมือนเด็กๆ ไม่รู้จักอิ่ม”
ฟ้าลดาหันมายิ้ม ปีร์กะเดินมาหาสายชล ซะละ แสงดาว มามิ สายชล แตลอย นารา อารีฟะ สวยยืนอยู่ด้วย
“สายชล...”
สายชลผละจากฟ้าลดาที่นั่งอยู่ เดินไปหาปีร์กะ
“พรุ่งนี้ข้าจะจัดยามาให้นางฟ้า ต้มให้นางฟ้ากินวันละสามครั้งนะ”
“ยาอะไรจ๊ะป้า”
“ยาบำรุงร่างกาย”
สายชลคิดบางอย่างได้ รีบถาม
“แล้วป้ามียาบำรุงสมองมั๊ย”
ปีร์กะมองสายชลอย่างแปลกใจ
“ทำไมต้องบำรุงสมอง”
สายชลเล่าให้ฟังว่าฟ้าลดาความจำเสื่อม ทุกคนมองสายชลด้วยความตกใจ ปีร์กะอึ้งไป
“นางฟ้าจำอะไรไม่ได้”
“จ๊ะป้า”
ทุกคนหันไปมองฟ้าลดาที่นั่งอยู่ ด้วยความสงสาร
“โถ...น่าสงสาร”แสงดาวนึกขึ้นได้ “แต่เอ๊ะ...แล้วสายชลรู้ได้ไงว่าเธอชื่อนางฟ้า”
“ฉันตั้งชื่อให้เองแหละจ๊ะ” สายชลหันไปถามปีร์กะ “นางฟ้าจะจำทุกอย่างได้มั๊ยป้า”
“ก็ต้องดูกันไป ที่นางฟ้าจำอะไรไม่ได้อาจจะเป็นเพราะเพิ่งฟื้น ก็เลยทำให้ยังปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้”
“สายชล...เอ็งต้องดูแลนางฟ้าใกล้ชิดหน่อยแล้ว เพราะถ้าเกิดนางฟ้าออกนอกสายตาขึ้นมาเมื่อไหร่ จะไม่ปลอดภัย” ซะละเตือน
สายชลพยักหน้า หันไปมองฟ้าลดาอย่างกังวลใจ
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันต่อมา...
สายชลต้มยาในหม้อดินเผา ยากำลังเดือด เขาจับหูหม้อ แต่ร้อน สะดุ้งรีบเอามือจับหู หาผ้ามาจับหูหม้อ...เทยาใส่ลงในชาม
ฟ้าลดาเดินดูในบ้าน เห็นอะไรก็หยิบขึ้นมาดู หยิบขึ้นมาเขย่าๆ หยิบขึ้นมาดมๆ เธอหันไปเห็นกีตาร์อูคูเลเล่ที่แขวนอยู่ หยิบออกมา ลองเอานิ้วดีดสายกีตาร์ เกิดเป็นเสียงเพลงก็ชอบใจ เล่นไม่หยุด ทันใด...เสียงเรียกชื่อสายชลดังขึ้น
“สายชล สายชล”
ฟ้าลดาหันไปมองหาที่มาของเสียง เห็นนกแก้วสีแดงสวยงามตัวหนึ่ง เกาะอยู่ตรงขอบหน้าต่าง ฟ้าลดายิ้มชอบใจ รีบเอากีตาร์ไว้ที่เดิม แล้ววิ่งไปหานกแก้ว
“สายชลรูปหล่อ สายชลรูปหล่อ” นกแก้วเจื้อยแจ้ว
ฟ้าลดาหัวเราะ มองนกแก้วด้วยความเอ็นดู ระหว่างนั้นสายชลถือชามยาเข้ามา เธอหันไปถามเขา
“นกของสายชลเหรอ”
“อือ...” สายชลเอาชามยาวางบนโต๊ะ หันไปทางนกแก้ว “แก้วตา หายไปไหนมาห๊ะ”
นกแก้วบินเข้ามาเกาะไหล่
“ไม่ต้องมาเอาใจฉันเลย หายตัวไปตั้งหลายวัน คิดว่าฉันจะให้อภัยแกเหรอ”
นกแก้วบินมาเกาะที่ไหล่ฟ้าลดาแทน เหมือนหาคนตัวช่วย ฟ้าลดายิ้ม
“ไม่ต้องหาพวก ครั้งนี้แกผิดเต็มๆ”
“อย่าดุแก้วตาเลยนะสายชล แก้วตาคงสำนึกผิดแล้วล่ะ”
นกแก้วบินมาเกาะไหล่สายชลอีกครั้ง เขาหยิบอาหารให้มัน แล้วก็นึกอะไรได้
“เออ ฉันลืมแนะนำไป แก้วตา นี่นางฟ้า นางฟ้าจะมาอยู่กับฉันที่นี่ ฉันจะบอกให้แก้วตาเรียกชื่อเธอนะ”
ฟ้าลดาตื่นเต้น
“แก้วตาจะเรียกชื่อนางฟ้าได้จริงเหรอ”
“ไม่เชื่อก็คอยดู” สายชลหันไปทางนกแก้วที่เกาะอยู่บนไหล่ “เรียกนางฟ้าสิแก้วตา นาง-ฟ้า”
“สายชล” นกแก้วยังเรียกชื่อเขาเหมือนเดิม
ฟ้าลดาหัวเราะ สายชลเสียหน้ารีบแก้ตัว
“บางทีของแบบนี้มันก็ต้องค่อยๆสอนอ่ะนะ” สายชลยิ้มแหย รีบเปลี่ยนเรื่องดันชามยาไปตรงหน้า “กินยาได้แล้ว”
ฟ้าลดานั่งลงยกชามยาขึ้นมา แค่ได้กลิ่นก็เบ้หน้า
“ยาอะไร...เหม็น”
“ยาสมุนไพร”
ฟ้าลดานิ่วหน้า
“ยาสมุนไพรคืออะไร”
“ไม่รู้จักยาสมุนไพรเหรอ”
ฟ้าลดาส่ายหน้า เขาจึงอธิบาย
“ยาสมุนไพร คือ การที่เราเอาส่วนต่างๆของต้นไม้มาทำเป็นยา”
“นางฟ้าไม่กินได้มั๊ย”
ฟ้าลดายื่นชามไปตรงหน้า สายชลนั่งลงพร้อมดันชามยาคืนไป
“ไม่ได้ ถ้าไม่กิน นางฟ้าจะไม่หาย แล้วก็จะจำอะไรไม่ได้ หวานเป็นลม ขมเป็นยา กินนะเด็กดี”
ฟ้าลดามองชามยาแล้วก็กลั้นใจ ยกขึ้นมา..ปิดจมูก แล้วก็ดื่มจนหมด สายชลจับหัว
“เก่งมาก”
ฟ้าลดาวางชามยาลงบนโต๊ะ ทำหน้าปุเลี่ยนๆเหมือนจะขย้อนยาที่กินเข้าไปออกมา รีบยกมือปิดปาก สายชลรีบห้าม
“อย่าอ้วกออกมานะ!”
แต่ไม่ทันจบประโยคดี เธอก็อ้วกยาใส่ตัวเขาเต็มๆ นกแก้วบินหนีไปเลย ร้องไปด้วย
“เหม็น เหม็น”
สายชลหันไปมองนกแก้วอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันมามองฟ้าลดา ที่กำลังยกมือไหว้แบบเด็กที่ทำผิด
“ขอโทษ”
สายชลสำรวจตัวเองแล้วถอนหายใจ เพราะสภาพเละไปหมดทั้งตัว
อ่านต่อหน้า 4
เกมร้ายเกมรัก
ตอนที่ 1 (ต่อ)
- สายชลกำลังตักน้ำจากตุ่มมาอาบ แต่แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อหันไปเจอฟ้าลดายืนมองอยู่
“เว้ย!”
สายชลรีบเอาขันปิดน้องชายแทบไม่ทัน ไวเท่าความคิดเขาไปยืนย่อตัวหลบอยู่หลังตุ่ม...ทำหน้าไม่ถูก
“ออกมาทำไม”
ฟ้าลดายิ้ม
“อาบน้ำด้วย”
สายชลตกใจรีบพูด ยกมือข้างที่มีขันขึ้นมาด้วยความลืมตัว
“ไม่ได้!”
แต่พอนึกได้ว่าไม่มีอะไรปิดน้องชายไว้ ก็รีบเอาขันมาปิดน้องชาย แล้วเถิบไปยืนย่อตัวหลังตุ่มต่อ
“ทำไมอาบด้วยไม่ได้” ฟ้าลดาถามอย่างไม่เข้าใจ
“ผู้ชายกับผู้หญิงอาบน้ำด้วยกันไม่ได้”
“ทำไมผู้ชายผู้หญิงอาบน้ำด้วยกันไม่ได้”
เธอขยับจะเดินเข้ามา เขาร้องห้ามดังลั่น
“หยุด!”
ฟ้าลดาหยุดกึก
“ไม่ต้องเข้ามา ที่ผู้ชายกับผู้หญิงอาบน้ำด้วยกันไม่ได้ก็เพราะ...” เขานิ่งไปนิดไม่รู้จะอธิบายยังไงดี “เอ่อ ผู้หญิง...”
สายชลมองหน้าอกตัวเอง พร้อมยกมือข้างที่ว่างขึ้นมาทำเป็นรูปนม
“เออ...มี...เอ่อ...”
ฟ้าลดาตั้งใจฟังมาก แต่สายชลกระดากที่จะพูด กลุ้มใจพึมพำออกมา
“จะอธิบายยังไงดีวะ” เขาคิดๆ แล้วหันไปทางฟ้าลดา “ผู้หญิงกับผู้ชายรูปร่างไม่เหมือนกัน”
ฟ้าลดาเกาหัวไม่เข้าใจ
“ไม่เหมือนกันยังไง”
สายชลผงะ ถึงกับไปไม่ถูกจึงตัดบท
“เอาเป็นว่าไม่เหมือนก็แล้วกัน เข้าไปในบ้านได้แล้ว”
ฟ้าลดายังนิ่ง
“เข้าไปสิ ยืนตากลมแบบนี้เดี๋ยวไม่สบายได้กินยาขมๆอีกนะ”
ฟ้าลดาไม่อยากกินยาขมๆเลยยอมเดินกลับเข้าไปในบ้าน สายชลถอนหายใจเฮือกใหญ่ อยากจะบ้าตาย
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น...
สายชลเข้ามาในบ้าน เห็นฟ้าลดานั่งอยู่บนเตียงมองเขาอยู่ก็ชะงัก...เขินๆเพราะเธอเพิ่งเห็นน้องชายของเขา สายชลทำหน้าไม่ถูก
“สายชลโกรธเหรอ” ฟ้าลดาถาม
“เปล่า”
“เปล่าแล้วทำไมไม่มองหน้า”
สายชลรีบเปลี่ยนเรื่อง
“นอนได้แล้ว”
“ไม่ง่วง”
“ไม่ง่วงก็ต้องนอน นอนเยอะๆ”
“ทำไมต้องนอนเยอะๆ” ฟ้าลดาถามอย่างไม่เข้าใจ
“นอนเยอะจะได้หายป่วยเร็วๆยังไงล่ะ”
หญิงสาวทำหน้างงๆ
“หายป่วยเร็ว แล้วมันเกี่ยวกับนอนยังไง”
สายชลถอนใจ
“ทำไมถามมากจัง”
ฟ้าลดาเกาหัว
“ก็นางฟ้าไม่เข้าใจ”
สายชลเข้ามามองหน้า
“ฉันก็ไม่รู้ ผู้ใหญ่เค้าพูดกันมาแบบนี้ เราก็ต้องฟัง นอนลงแล้วก็หลับตาซะ”
ฟ้าลดาทำตามอย่างว่าง่าย สายชลถอนหายใจ เหนื่อยกับท่าทีที่ไม่รู้เรื่องอะไรของฟ้าลดา
+ + + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่...
แตลอยกำลังกินขนมเต็มปาก เคี้ยวตุ้ยๆ เศษขนมกระจายเต็มตัว เต็มโต๊ะ สกปรกมากๆ สายชลเดินมาตบหลังดังอั่ก! แตลอยสำลักขนมหน้าแดง
“ไอ้แตลอย...ไปช่วยฉันหน่อยดิ”
แตลอยทุบอกตัวเอง หน้าดำ หน้าแดง มองสายชลแปลกใจว่าจะให้ทำอะไร...
เวลาผ่านไป...
สายชลกับแตลอย ช่วยกันตอกท่อนไม้รอบๆตุ่มๆเพื่อทำเป็นห้องน้ำ
“แกจะสร้างห้องน้ำทำไม” แตลอยถามอย่างไม่เข้าใจ
“ตอนนี้ฉันมีนางฟ้ามาอยู่ด้วย ก็ต้องทำอะไรให้มันเป็นสัดเป็นส่วน“
“ถ้าเป็นฉัน ฉันไม่ทำหรอก...อาบน้ำด้วยกัน อบอุ่นดี คึๆๆ” แตลอยหัวเราะร่า
สายชลเอาดินป้ายปาก
“ไอ้ลามก!”
แตลอยถุยแทบไม่ทัน แล้วก็ทำงานต่อ
+ + + + + + + + + + + +
ฟ้าลดานอนกระสับกระส่าย เหงื่อผุดเต็มหน้า ฝันเห็นภาพคลื่นยักษ์ พายุฝน ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า น่ากลัว เธอส่ายหน้าไปมา แล้วก็กรี๊ดดังลั่น
“อ๊ายยยย!”
สายชลขึ้นไปอยู่บนด้านบน กำลังเอาใบไม้มามุงหลังคา โดยมีแตลอยคอยส่งให้ ทันใดนั้นเสียงฟ้าลดากรี๊ดดังออกมา เขาตกใจ หันไปมอง
“นางฟ้า!”
สายชลรีบกระโดดลงมา ทับตัวแตลอยพอดี
“อ๊ากก!”
สายชลไม่สนใจแตลอยเหยียบซ้ำ แล้วรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน เห็นฟ้าลดาดิ้นไปดิ้นมา ตะเกียกตะกายเหมือนคนจมน้ำ เขารีบเข้ามาปลุก
“นางฟ้า! นางฟ้าตื่น...นางฟ้า!”
ฟ้าลดาสะดุ้งเฮือก หอบหายใจถี่ พอเห็นสายชลก็รีบลุกขึ้นมานั่ง จับมือเขาแน่น
“สายชลช่วยด้วย นางฟ้าจมน้ำ”
สายชลจับหัวเธอปลอบใจ
“นางฟ้าอยู่บ้านสายชลจะจมน้ำได้ไง นางฟ้าแค่ฝันร้าย”
“ฝันร้าย”
“ใช่ ฝันร้าย...ไม่เป็นไรนะ”
ฟ้าลดาหันไปมองรอบๆ เห็นว่าอยู่ในบ้าน ก็เข้าใจว่าเธอฝันร้ายจริงๆ จึงค่อยๆสงบสติ หันไปมองสายชล
“ออกไปเดินเล่นกันมั๊ย” สายชลชวน
ฟ้าลดายิ้มแล้วก็พยักหน้า ก่อนจะหันไปเห็นแตลอย ทั้งหน้า ทั้งตัวเปื้อนโคลนเดินเข้ามา
“อ๊าย! ผี ผี”
ฟ้าลดาร้องลั่นเกาะแขนสายชลแน่น สายชลหันไปเห็นแตลอยยืนอยู่ก็หัวเราะ
“ไม่ใช่ผี นั่นแตลอย เพื่อนฉันเอง”
แตลอยยิ้มเห็นฟันขาว ยกมือทักทาย ฟ้าลดามองแตลอยงงๆ
+ + + + + + + + + + + +
สายชลประคองฟ้าลดาเดินเข้ามาในชุมชน แตลอยเดินตามมา พยายามจะเอาใจฟ้าลดา
“นางฟ้า ค่อยๆเดินนะจ๊ะ เดี๋ยวจะตกหลุม...หลุมรักพี่ลอย คึๆๆ”
ฟ้าลดางง แตลอยออกนอกหน้า สายชลหันไปเหล่ด้วยความหมั่นไส้
“ไอ้ลอย...ถ้าแกยังพูดไม่หยุด แกก็จะตกหลุมเหมือนกัน”
“หลุมไรเหรอ”แตลอยถามงงๆ
“หลุม-ศพ!”
แตลอยหุบปากแทบไม่ทัน ไม่กล้าอีกต่อไป สายชลอมยิ้ม ฟ้าลดาหันไปมองรอบๆ เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้าน คนแก่คุยกัน หัวเราะสนุกสนาน ชาวบ้านหันมาเห็นฟ้าลดาเดินมากับสายชล ก็ยิ้มทักทายตลอดทาง ทำให้ฟ้าลดารู้สึกดีสุดๆ
สายชลพาฟ้าลดาผ่านหน้าบ้านนารากับอารีฟะ ขณะที่อารีฟะกำลังตากปลาหมึก นารากำลังถักแห สองผัวเมียหันไปมองฟ้าลดาก็ยิ้มกว้าง โบกมือทัก ฟ้าลดายิ้มตอบ ก่อนจะหันไปเห็นหนูแดง มะพร้าว สวยวิ่งไล่จับกันอยู่
สายชลพาฟ้าลดาผ่านหน้าบ้านปีร์กะ เห็นมามิกำลังตากผ้า มามิหันไปเห็นสายชลมากับฟ้าลดาก็รีบละจากงานที่ทำเข้าไปหาแล้วทักทายอย่างยิ้มแย้ม
“สวัสดีจ๊ะนางฟ้า”
“เอ้อ...สวัสดี” ฟ้าลดางงๆ
“เราเจอกันแล้วเมื่อคืนก่อน จำได้มั๊ยเอ่ย”
ฟ้าลดาส่ายหน้า
“จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ต่อจากนี้ไป จำฉันให้แม่นๆนะ ฉันชื่อมามิ...มามิเป็นเมียสายชล”
ฟ้าลดาชะงักงงกับคำว่า ”เมีย” สายชลตกใจ...รีบพูด
“มามิ!...ฉันยังไม่ได้บอกเลยนะว่า จะเอาเธอเป็นเมีย”
มามิค้อน
“แหม...สายชลก้อ...พูดไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย เพราะยังไงสายชลกับมามิ ก็ต้องเป็นผัวเป็นเมียกันซักวันอยู่แล้ว”
“คนอะไรขี้ตู่”แตลอยขัดขึ้น
มามิถลึงตาใส่
“ไอ้ลอย!”
แตลอยเงียบ มามิหันไปหาสายชล
“แล้วนี่จะไปไหนกันเหรอ”
“ฉันจะพานางฟ้าไปบ้านลุงซะละ”
สายชลพาฟ้าลดามาที่บ้านซะละ โดยมีแตลอยกับ มามิตามมาด้วย เมื่อเข้าไปในบ้าน แสงดาวเอาเสื้อผ้ามายื่นให้ฟ้าลดา
“นี่จ๊ะเป็นเสื้อผ้าสมัยป้าสาวๆ ตอนนั้นป้าก็ตัวพอๆกับหนู หนูน่าจะใส่ได้ ป้าซักให้หมดแล้ว”
ซะละยื่นถุงกระดาษให้
“ส่วนในถุงนี้เป็นของใช้ส่วนตัว”
ฟ้าลดารับของมา เปิดถุงหยิบ ยกทรง ออกมาดู สายชล แตลอย ซะละ แสงดาว มามิตกใจ
“นี่อะไร” ฟ้าลดางงๆ
มามิหน้าเหวอ
“ตายแล้ว นางฟ้าไม่รู้จักยกทรงเหรอ”
“ยกทรง”ฟ้าลดานิ่วหน้าคิดเอง “อ๋อ เอาไว้ปิดตาใช่มั๊ย”
ฟ้าลดาเอายกทรงมาปิดตาตัวเอง ทุกคนตกใจกับท่าทางของเธอ แสงดาวรีบจับมือเธอลง
“ไม่ใช่ที่ปิดตานางฟ้า”
แสงดาเข้าไปกระซิบที่ข้างหู ฟ้าลดายิ้มออกมา
“อ๋อ”
“เข้าใจแล้วใช่มั๊ยว่ามันคืออะไร”
ฟ้าลดาส่ายหน้า
“ไม่เข้าใจ”
แสงดาวถอนใจอย่างเหนื่อยๆ
“ไม่เป็นไร ไว้ป้าจะค่อยๆสอน แต่ตอนนี้รีบเก็บใส่ถุงก่อนเถอะ”
ฟ้าลดาทำตามที่แสงดาวบอก สายชลรีบเปลี่ยนเรื่อง
“นางฟ้า...ขอบคุณป้าแสงดาวกับลุงซะละด้วยสิ”
“ขอบคุณ” ฟ้าลดาพูดเรียบๆ
“ต้องพูดว่า ขอบคุณจ๊ะ...พูดกับผู้ใหญ่ต้องลงท้ายคำพูดว่าจ๊ะ” สายชลสอน
ฟ้าลดาพยักหน้าเข้าใจพูดตามที่เขาสอน
“ขอบคุณจ๊ะ”
ซะละกับแสงดาวมองฟ้าลดาด้วยความเอ็นดู แสงดาวจับแขนฟ้าลดา
“คิดซะว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองนะจ๊ะ มีอะไรจะให้ป้ากับลุงช่วยก็บอกได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”
ฟ้าลดายิ้มรับคำ
“จ๊ะ”
ซะละกับแสงดาวมองฟ้าลดารู้สึกแปลกๆ กับพฤติกรรมที่แสดงออกของเธอ
+ + + + + + + + + + + +
สายชลประคองฟ้าลดาเดินมาตามทาง แต่แล้วเธอก็หยุดกึก สายชลแปลกใจหันไปมอง
“เป็นอะไร...หนื่อยเหรอ”
ฟ้าลดาส่ายหน้ายืนบิด
“ปวดฉี่”
“อดทนถึงบ้านไหวมั๊ย”
“ไม่ไหว” ฟ้าลดากระสับกระส่าย “จะออกมาแล้ว”
ฟ้าลดากุมท้อง หน้าเหยเก สายชลหันมองหาทางออก แต่ไม่มีบ้านคนซักหลัง
“เอางี้...ไปตรงหลังต้นไม้แล้วกัน”
เขารีบพาเธอเข้าไปตรงหลังต้นไม้
“ฉันไปรอตรงหาดนะ”
ฟ้าลดาพยักหน้า สายชลออกไปรอ ฟ้าลดารีบทำธุระ
สายชลยืนรออยูที่ชายหาด เห็นเปลือกหอยสวยๆอยู่บนพื้น ก้มลงเก็บขึ้นมา แล้วก็เห็นเปลือกหอยอีกหลายอัน เขาเดินเก็บไปจนถึงหลังโขดหิน
ฟ้าลดาทำธุระเสร็จ ลุกขึ้นยืน หันไปมองไม่เห็นสายชล เพราะโขดหินบังอยู่ เธอหน้าเสีย เดินไปอีกทาง...สายชลเดินออกมาจากหลังโขดหินพอดี หันไปมอง
“ทำไมนานจัง”
สายชลเดินมาใกล้ต้นไม้ เริ่มกังวลใจ
“นางฟ้าเสร็จยัง...นางฟ้า...”
เงียบไม่มีเสียงตอบ สายชลใจไม่ดี
“ฉันเข้าไปนะ”
สายชลเดินไปตรงหลังต้นไม้ กล้าๆกลัวๆ แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อไม่มีฟ้าลดาตรงนั้น
ขณะเดียวกันนั้น เรือลำหนึ่งแล่นมาที่เกาะมิน เด็กๆรีบวิ่งกรูกันไปที่ท่าเรือ ไม่นานเรือมาจอดเทียบท่า ยาซะ เจ้าของเรือ ลงมาจากเรือ เด็กๆดีใจ
“พี่ยาซะ พี่ยาซะ”
ยาซะยิ้ม แล้วก็ยื่นถุงขนมให้เด็กๆ
“อ่ะนี่ขนม ไปแบ่งๆกันนะ”
เด็กๆรับขนมมาจากยาซะแล้ววิ่งออกไป ยาซะไปซื้อปลาจากชาวเกาะ แล้วจ่ายเงินให้กับชาวเกาะ
“ขอบใจนะยาซะ”
ยาซะยิ้ม ชาวเกาะเดินกลับไป ยาซะหันไปทางหมึกกับฉลาม ซึ่งเป็นลูกน้อง...
“ขนขึ้นเรือ” ยาซะสั่ง
หมึกกับฉลามเข้ามาขนลังปลาขึ้นเรือ
“วันนี้ปลาตัวโตๆทั้งนั้นเลยนะพี่” หมึกบอก
“ปลาตัวโตแต่ราคาถูกขนาดนี้ เอ็งสองคนเข้าใจข้าแล้วใช่มั๊ยว่า ทำไมข้าถึงยอมถ่อมาไกลถึงที่นี่ เพราะคนที่นี่มันทั้งซื่อทั้งเซ่อยังไงล่ะวะ ฮ่าๆๆ” ยาซะหัวเราะสะใจ
หมึกกับฉลามหัวเราะไปด้วย ยาซะหันไปมองเกาะมิน เห็นสาวชาวเกาะเดินมาเขาตาเป็นประกายขึ้นทันที
“ถ้าข้าได้ผู้หญิงเกาะนี้เป็นเมีย รับรองสบายไปทั้งชาติ พวกเอ็งเห็นมั๊ย...” ยาซะชี้ไปที่เกาะลูกน้องมองตาม “เกาะมินเต็มไปด้วยต้นไม้ แหล่งอาหาร สัตว์น้ำ ไม่มีเกาะไหนจะอุดมสมบูรณ์เท่าที่นี่อีกแล้ว”
“นี่เองคือที่มาของคำว่า เกาะเมียกิน ฮ่าๆๆ”
ฉลามพูดจบก็หัวเราะ หมึกหัวเราะตาม
“ฮ่าๆๆ”
ยาซะหันขวับไปมอง สองสมุนชงักเงียบทันที แล้วยาซะก็หัวเราะชอบใจออกมา
“ฮ่าๆๆ พวกเอ็งพูดได้ถูกใจข้า”
ทั้งหมดหัวเราะร่วนพร้อมกัน
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเข้าไปหาเมียซักหน่อย”
ขาดคำ ยาซะก็เดินเข้าไปในเกาะ หมึกกับฉลามมองหน้ากัน
“หล่อเลือกได้จริงๆลูกพี่เรา ขนของต่อเว๊ย”
หมึกกับฉลามขนของกันต่อ
เวลาเดียวกันนั้น ฟ้าลดาเดินมาตามทาง ท่ามกลางแสงแดดตอนกลางวันที่ร้อนและแรงมากขึ้น เธอมองหาสายชลแต่ไม่เห็น
“สายชลอยู่ไหน”
ฟ้าลดาเริ่มกลัว แล้วก็เหนื่อย เธอหยุดเดิน หน้ามืด แล้วก็ทนยืนต่อไปอีกไม่ไหว หมดสติไปตรงหาดทราย
ยาซะเดินมาหยุดตรงหน้าฟ้าลดาที่นอนหมดสติ มองฟ้าลดาแววตาสนใจขึ้นมาทันที
จบตอน 1
โปรดติดตามอ่านต่อในวันพรุ่งนี้ (อังคาร 18 ตุลาคม 2554)