ประจวบคีรีขันธ์ - ผบช.ภ.7-ผบก.ประจวบฯ พร้อมกำลังตำรวจกว่า 200 นาย ควบคุมตัวผู้ต้องหา “หมอยันต์ ฟันธง” ชื่อดังไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในคดีฆ่า 3 ศพยัดกระสอบทิ้งบ่อน้ำหลังวัดหนองเสือ ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบฯ ท่ามกลางชาวบ้านนับพันคนที่เดินทางมาดูการทำแผนและต่างสาปแช่งถึงการกระทำที่เหี้ยมโหด ที่ฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กวัย 11 เดือน และอยากให้ศาลลงโทษตัดสินประหารชีวิต ส่วนชาวบ้านอำเภอปราณบุรี หลายร้อยคนปิดถนนขาล่องลงภาคใต้เรียกร้องให้ตำรวจนำตัวผู้ต้องหามาทำแผนที่หน้าบ้านผู้ตาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่สามเณรวัดหนองเสือ หมู่ 5 ต.อ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ พบกระสอบป่าน 2 ถุง แช่อยู่ในสระน้ำด้านหลังวัด ต่อมาทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ นางมาลี แซ่ล้อ อายุ 44 ปี และ นางสาวหยก แซ่ล้อ อายุ 19 ปี เป็นแม่ลูกกันมีอาชีพขายลอตเตอรี่ หน้าทองเพชรไพลิน ริมถนนเพชรเกษมที่ อ.ปราณบุรี นอกจากนี้ ยังพบศพเด็กชายยศภัทร์ เจริญวัย หรือน้องการ์ตูนทารกอายุ 11 เดือน บุตรชาย นางสาวหยก เสียชีวิตอยู่ในถุงปุ๋ยสีขาว สภาพลิ้นจุกปาก ถูกทิ้งในสระน้ำดังกล่าวด้วย เหตุเกิดเมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา
วันนี้ (22 ก.ย.) พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกำลังตำรวจภูธร สภ.อ่าวน้อย สภ.เมือง และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ นำตัว นายไพฑูรย์ เงากระจ่าง หรือ “หมอยันต์ ฟันธง” หมอดูชื่อดัง อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 181 ถนนเกาะหลัก ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้ต้องหาร่วมฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ซึ่งเป็นอดีตสามีของนางมาลี ผู้เสียชีวิตมาเปิดแถลงข่าวที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ พร้อมนำหลักฐานที่ใช้ก่อเหตุทั้งจอบ เชือก กระสอบ และยากล่อมประสาท 2 ขวด นำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า ผู้ต้องหาในขณะนี้ยังมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ลงมือก่อเหตุ ส่วนผู้ต้องสงสัยอีก 2 ราย หากมีหลักฐานก็จะดำเนินการออกหมายจับต่อไป เนื่องจากต้องรอหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ส่งไปตรวจสอบคาดใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ ผู้ต้องหาที่ลงมือฆ่า 3 ศพแม่ลูกและเด็ก วัย 11 เดือน ครั้งนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมที่สุด
แต่ นายไพฑูรย์ ก็ยอมรับสารภาพ เพราะจำนนด้วยหลักฐานต่างๆ ทำไปเพราะความหึงหวงนางมาลี แซ่ล้อ อดีตภรรยาเก่า ที่กำลังจะไปมีแฟนใหม่ โดยก่อนลงมือได้วางแผนโทรศัพท์นัดให้นางมาลี ผู้ตายออกมาพบ เพื่อไปซื้อลอตเตอรี่ และได้นำรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าตอนครึ่ง หมายเลขทะเบียน บต 6062 เพชรบุรี ไปรับทั้ง 3 คนมาจากอำเภอปราณบุรี เดินทางมาระหว่างทาง นายไพฑูรย์ ได้พยามขอคืนดีกับ นางมาลี แต่ไม่ยอม จนกระทั่งมาถึงบ้านพักที่บ่อนอก จึงนำยากล่อมประสาทผสมกับน้ำให้ทั้งนางมาลี และนางหยก กิน เมื่อเริ่มเห็นยาออกฤทธิ์ ทั้ง 2 อยู่สภาพที่ไม่รู้สติ จึงนำขึ้นรถยนต์กระบะตอนครึ่ง ของผู้ตายไปยังบ่อน้ำหลังวัดหนองเสือ หมู่ 5 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบฯ ในช่วงค่ำเวลา 20.00 น.ของวันที่ 16 ก.ย.54 เมื่อไปถึงได้ให้ นางมาลี ลงมาจากรถยนต์ จากนั้นจึงใช้จอบตีที่ศรีษะจนล้มลง และให้นางหยก ลงมา ซึ่งอุ้มลูกลงมา และใช้จอบตีเข้าที่ศรีษะด้านหลัง จนลูกชายตกลงที่พื้น หลังจากนั้น จึงลงมือบีบคอน้องการ์ตูน วัย 11 เดือน และใช้เชือกมัดแขนมัดขาผู้ตาย 2 คน และจับยัดใส่กระสอบรวมทั้งน้องการ์ตูนด้วย และโยนทิ้งน้ำ หลังจากนั้น จึงกลับมาอยู่ที่บ้านพักบ่อนอก และเริ่มหลบหนีหลังพบว่ามีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว ผมว่าคดีนี้อาจมีโทษถึงประหารชีวิต ซึ่งทางตำรวจมีพยานหลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมไว้จนเชื่อว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริงๆ
ด้าน นายไพฑูรย์ เงากระจ่าง หรือ หมอยันต์ ฟันธง กล่าวยอมรับว่า ลงมือฆ่าทั้ง 3 คนเพียงคนเดียวด้วยความแค้นที่ขอคืนดีกับอดีตภรรยาเก่า คือ นางมาลี ไม่ได้ โดยยอมรับว่านางมาลี ไปมีแฟนใหม่ และเกิดความหึงหวง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วตนเองก็ยังติดต่อกันอยู่ และอยากที่จะจดทะเบียนกับนางมาลีใหม่ เนื่องจากมีลูกด้วยกัน ส่วนสาเหตุที่ต้องฆ่าเด็กด้วยก็เห็นว่า หากฆ่าแล้วก็ต้องฆ่าทั้งหมด
“ผมไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างที่ใช้จอบตี นายมาลี และ นางสาวหยก ในเวลานั้นตายหรือยังเพียงแต่แน่นิ่งไปแล้วก็จับยัดใส่กระสอบและลากไปทิ้งบ่อนน้ำ การทำครั้งนี้ผมเองไม่ได้หวังทรัพย์สิน และยอมรับโทษถึงแม้จะถูกประหารชีวิตก็ตาม”
อย่างไรก็ตาม สภาพของ นายไพฑูรย์ ซึ่งอยู่ในห้องขัง สภ.เมืองประจวบฯ เริ่มมีอาการเครียดและร้องไห้เสียใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ทางตำรวจต้องคอยตรวจตราห้องขังหวั่นว่านายไพฑูรย์ อาจชิงฆ่าตัวตายหนีความผิด
หลังจากนั้น พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบฯ พร้อมตำรวจภูธร สภ.อ่าวน้อย สภ.เมือง และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ พร้อมกำลังตำรวจกว่า 200 นาย ได้ควบคุมตัว นายไพฑูรย์ ผู้ต้องหาขึ้นรถยนต์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณบ่อน้ำด้านหลังวัดหนองเสือ ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบฯ โดยมีประชาชนเกือบพันคนที่ทราบข่าว รวมทั้งพระภิกษุสงฆ์ที่วัดหนองเสือ มามุงดูการทำแผนครั้งนี้ โดยมีตำรวจได้นำแผงเหล็กมากั้นและกระจายกำลังกั้นห้ามประชาชนไม่ให้เข้ามาใกล้จุดทำแผน นอกจากนั้น ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้ใช้เครื่องขยายเสียงจากรถสายตรวจตำรวจขอร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบและกล่าวถึงความโกรธที่ทุกคนเห็นว่าผู้ต้องหากระทำการโหดเหี้ยมในการฆ่าเด็ก
ขณะเดียวกัน ประชาชนส่วนใหญ่ที่มามุงดูการทำแผนต่างตะโกนไล่สาปแช่งผู้ต้องหา และบอกว่า อยากให้คนร้ายถูกประหารชีวิต และรับไม่ได้กับการที่ต้องลงมือฆ่าเด็ก ซึ่งการทำแผนครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่ขับรถยนต์พร้อมผู้เสียชีวิตลงมาที่บ่อน้ำและใช้จอบตี และลงมือบีบคอเด็กจากนั้นจึงมัดเชือกและนำร่างใส่กระสอบก่อนนำไปโยนในบ่อน้ำดังกล่าว หลังจากนั้นจึงพาไปทำแผนที่บ้านพักบ้านบ่อนอก ก่อนนำตัวกลับมาสอบสวน และขังที่ สภ.เมือง ต่อไป
ระหว่างการทำแผน ปรากฏว่า บรรดาพระเณรของวัดหนองเสือ ต่างยืนยันว่า ผู้ต้องหาขับรถยนต์เข้ามา และกลับออกไปจากบริเวณบ่อน้ำใช้เวลาเพียงไม่ถึง 10 นาที ไม่เชื่อว่า จะมาลงมือฆ่าทั้งหมดบริเวณบ่อน้ำ
ซึ่งสอดคล้องกับคราบเลือดที่พบอยู่บริเวณหลังบ้านพักของผู้ต้องหาที่บ่อนอก ซึ่งมีรอยเลือดกระเซ็นอยู่บริเวณฝาผนังหลังบ้าน ซึ่งทางตำรวจระบุว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาลงมือฆ่าที่บริเวณบ่อน้ำหลังวัด และลงมือคนเดียวส่วนหนึ่งที่ตำรวจเชื่อ ก็เพราะมีการมอมยา จึงทำให้ทั้ง นางมาลี และ นางสาวหยก ไม่มีโอกาสต่อสู้
นอกจากนั้น ปรากฏว่า ที่บริเวณหน้าบ้านของผู้ตายริมถนนเพชรเกษม อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยังมีชาวบ้านและแม่ค้าจำนวนมากมารอดูการทำแผนครั้งนี้ แต่ปรากฏว่า ทางตำรวจงดไปทำแผนทำให้ชาวบ้านที่รออยู่เกิดความโกรธ และพากันออกมาปิดช่องทางการจราจรฝั่งขาลงภาคใต้ ทำให้รถยนต์ส่วนหนึ่งติดขัด หลังจากนั้น ทางตำรวจมีการเจรจาและแจ้งให้ทราบว่าตอนนี้ผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวไปฝากขังที่ สภ.เมืองประจวบฯ แล้วและยกเลิกการทำแผนทำให้ชาวบ้านยอมยุติและแยกย้ายกันกลับที่พัก