ในรอยรัก
ตอนที่ 28
ม่านมุกซึ่งอยู่ในท่าครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนโซฟาพยักหน้าเห็นดีด้วย หลังจากที่จิรดาบอกว่า โทรบอกเรื่องอาการป่วยของตนกับม่านมัสลิน เพียงคนเดียว
“ความจริง ก็ยังไม่น่าโทรไปบอกมัสลินด้วย เขากำลังทำงาน” ม่านมุกพูดเชิงบ่น
“แหม แม่ไม่ใช่คนไร้ญาติขาดมิตรนะคะ” จิรดาแย้ง
“ฉันไม่อยากให้วุ่นวายกันไปหมด”
“ให้มันวุ่นวายบ้างก็ดีค่ะ ชีวิตมันเรียบ มันเรียบเกินไป บางทีก็เหงา” จิรดาว่า
“บ้า มีแต่แกนั่นแหละเหงา ต้องหัดเข้าวัดเข้าวาเสียบ้างละมั้ง”
จิรดาทำเป็นไม่ได้ยินที่ม่านมุกบอก ตะโกนเรียกคู่กัด...สองสาวใช้ขึ้น “พัดเอ้ย! แป้นก็ได้ ใครว่างมานวดฉันที”
“แกนี่ก็วุ่นวายจริงๆ ฉันเจ็บ ฉันยังไม่วุ่นวายเท่าแก” ม่านมุกพึมพำ
เย็นวันนั้นหลังจากเสร็จสิ้นงานถ่ายทำละคร ม่านมัสลินยกมือไหว้ลาทีมงานทุกคน
“ขอบคุณค่ะ มัสกลับละนะคะ”
“จ้ะ อย่าลืม พรุ่งนี้ 7 โมงเช้า” ผู้กำกับฯ กำชับ
“ฝากเยี่ยมคุณยายด้วยนะ” ธุรกิจกองถ่ายว่า ผู้กำกับซึ่งอยู่ใกล้ๆ บอกอย่างห่วงใย
“เออ ใช่ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะมัส”
“ค่ะ ขอบคุณทุกๆ คนค่ะ”
ม่านมัสลินเดินออกจากกองถ่ายไปที่รถ ขณะที่ทีมงานกำลังเก็บข้าวของกันอยู่
หลังจากเก็บข้าวของท้ายรถเสร็จแล้วม่านมัสลินเดินเข้าไปนั่งในรถ นั่งลังเลครู่หนึ่ง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหากานน
ขณะนั้นกานนยังนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ กานนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับด้วยสีหน้าแววตาเป็นประกายเมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นหน้าจอ
“มัสลิน”
“ขอโทษค่ะ ที่โทรมารบกวน”
“ไม่เป็นไร”
“คืออย่างนี้ค่ะ คุณยายหกล้ม”
“เอาอีกแล้ว ดูแลกันยังไง แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า” กานน
“หัวไหล่หลุด เอ็นขาดน่ะค่ะ ไปหาหมอมาเรียบร้อยแล้ว มัสฝากคุณกานนช่วยบอกคุณตาด้วย” ม่านมัสลินเล่าอาการคุณยาย
“แล้วนี่คุณอยู่ไหน”
“กำลังจะไปหาคุณยายค่ะ”
“งั้นผมจะไปรับอาก๋ง แล้วพบกัน” กานนสรุปเองเสร็จสรรพ
มัสลินปิดโทรศัพท์ แล้วขับรถออกไป
กานนโทรศัพท์บอกเจ้าสัวทศเรื่องม่านมุก เจ้าสัวทศตกใจมากร้องเรียกหาอุษยาทันที
“อุษ อุษยา มานี่เดี๋ยว เร็วๆ เข้า”
อุษยาเดินเข้ามาด้วยสีหน้ารำคาญเล็กๆ
“อะไรกันคะคุณพ่อ อยู่กันแค่นี้เองตะโกนโหวกเหวกไปได้”
“เจ้าปลิวมันโทรมาบอกว่า ม่านมุกหกล้ม ไหล่หลุด เอ็นขาด”
“เดินยังไง แก่แล้วไม่รู้จักระวัง” อุษยาแขวะ
“แหม นังอุษ นั่นปากเรอะ ไปเร็วเข้า ไปจัดกระเป๋าให้หน่อย ฉันจะไปค้างบ้านม่านมุก เดี๋ยวเจ้าปลิวมันจะมารับแล้ว” เจ้าสัวทศกุลีกุจอ
“โอ๊ย เยอะไปค่ะ คุณพ่อ ถามเขาหรือเปล่าค่ะว่าจะให้ค้างมั๊ย เดี๋ยวก็หน้าแตกกับมาหร้อก”
“เออน่า ฉันบอกให้ไปจัด ก็ไปจัดซิ”
อุษยาเดินออกไปพลางบ่นไปด้วย
“ขอให้หน้าแตกจริงๆ เถอะเพี้ยง”
“บ่นอะไร นังอุษ ตอนหนุ่มสาวไม่ได้ดูแล ก็ขอดูแลตอนแก่นี่แหละ อีกไม่เท่าไหร่ก็จะตายจากกันแล้ว”
เสียงเจ้าสัวทศพูดไล่มาตามหลัง
ม่านมุกมองทุกคนที่นั่งหน้าสลอนโดยเฉพาะเจ้าสัวทศที่มีกระเป๋าเสื้อผ้ามาด้วย ม่านมุกถึงกับส่ายหน้า
“วุ่นวายกันไปหมดจริงๆ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากซักหน่อย”
“อย่าทำเป็นอวดเก่งหน่อยเลย” เจ้าสัวทศว่า
“ไม่ได้อวดค่ะ แต่เก่งจริงๆ ไม่งั้นอยู่ไม่ได้มาจนป่านนี้หรอก เลี้ยงทั้งลูก ทั้งหลาน เขาเรียกอะไรนะ” ม่านมุกเถียง
“ซิงเกิ้ล มัม ค่ะ” ม่านมัสลินตอบแทน
“หนูก็เป็นซิงเกิ้ล มัม เหมือนกัน” จิรดาของแจม
“เออ เก่งกันทั้งนั้น”
“อาก๋งตกลงกับคุณย่าเล็กเองนะครับว่าจะให้อยู่หรือไม่ให้อยู่”
พูดจบกานนก็พยักหน้ากับม่านมัสลิน อย่างรู้กัน แล้วพากันออกไป ขณะที่อุษยา กับจิรดา ยังไม่ยอมขยับ
“แม่อุษยา แม่จิรดา แล้วจะยืนอยู่ทำไมล่ะ พวกแกมายืนอยู่อย่างนี้ ม่านมุกเขาไม่ยอมให้ฉันค้างแน่”
“จะอยู่หรือไม่อยู่ ก็ขอยืนยันประโยคเดิมค่ะ ‘บ้านใครบ้านมัน’...”
ม่านมุกบอกย้ำความคิดเดิม
กานนกับม่านมัสลินเดินคุยกันอยู่ในสวน
“คนแก่นี่ทิฐิมากจังนะ” กานนหมายถึงเรื่องระหว่างเจ้าสัวทศกับม่านมุก
“ไม่ได้เถียงแทนคุณยายหรอกนะคะ คุณตาเองท่านก็เมตตามัสมากแต่คนเราเจ็บแล้วต้องจำค่ะ” ม่านมัสลินบอก
“แล้วคุณล่ะ”
“มัสเป็นหลานคุณยาย เป็นลูกแม่ ก็คงไม่ต่างกันนักหรอกค่ะ”
ทั้งคู่นิ่งกันไปครู่หนึ่ง จนกานนนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“อ้อ ลืมบอกไป เมื่อตอนบ่ายๆ ดุสิตโทรมาบอกว่า คุณคิมรู้สึกตัวแล้ว”
ม่านมัสลินตื่นเต้นดีใจสุดๆ จนน้ำตาคลอ “จริงหรือคะ”
กานนมองท่าทางนั้นขวางๆ “มัสไม่ได้ไปเยี่ยมมา 2-3 วัน พรุ่งนี้ว่าจะไปพอดี”
“งั้นก็ไปเดี๋ยวนี้เลยซิ” กานนพูดประชดแต่ม่านมัสลินเอาจริงลุกขึ้นทันที
“นั่นซิคะ มัสควรจะไปเดี๋ยวนี้เลย”
ม่านมัสลินหันหลังกลับจะเดินไป แต่กานนคว้าแขนไว้
“ไม่ต้องรีบร้อนนักหรอก นี่มันจะค่ำอยู่แล้ว”
“แล้วเมื่อกี้คุณบอกให้ไปทำไม”
“ผม...” กานนจนแต้มเพราะความปากไวของตัวเอง
“ค่ำก็ค่ำ ไม่เห็นเป็นไร เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อฉัน”
ม่านมัสลินสะบัดแขนเดินออกไป กานนตะโกนขณะเดินตาม
“คุณก็พูดอยู่แค่นี้แหละ”
“ใช่ แล้วมัสก็จะพูดอยู่อย่างนี้ตลอดไป เพราะมันเป็นความจริง”
ม่านมัสลินเดินเข้าบ้านไป กานนรีบตาม
เจ้าสัวทศ ออกโรงสนับสนุนม่านมัสลินทันทีเมื่อรู้ว่าจะไปเยี่ยมคิม ลี
“ไปเลยหนูมัส” ม่านมัสลินยิ้มอย่างผู้ชนะ ขณะเหลือบมองกานน
“ไปได้ยังไง ค่ำๆ มืดๆ” ม่านมุกแย้ง กานนได้เสียงสนับสนุนเลยทำอย่างเดียวกันบ้าง
“ก็ให้เจ้าปลิวไปเป็นเพื่อนไง” เจ้าสัวบอก
“ไม่ต้องค่ะ มัสไปเองได้” ม่านมัสลินรีบบอก
“ไม่ได้” เจ้าสัวกับม่านมุกบอกออกมาพร้อมกัน
“ถ้าจะไปก็ไปเดี๋ยวนี้เลยดีไหมครับ จะได้ไม่ค่ำมาก”
กานนบอก ทุกคนไปมองม่านมัสลิน ซึ่งกำลังถลึงตาใส่กานน
เวลาต่อมากานนขับรถพาม่านมัสลินมาที่สถานพักฟื้น
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้”
กานนพูดประชดม่านมัสลินขึ้นอีกเมื่อมาถึง
“มัสดีใจนี่ค่ะ คุณคิมเห็นมัสก็คงจะดีใจเหมือนกัน”
ม่านมัสลินบอกแล้วรีบก้าวลงจากรถ
“จะแต่งงานเลยหรือเปล่าล่ะ” กานนแขวะอีกหน
“ถ้าคุณคิมพร้อม มัสก็พร้อม”
ม่านมัสลินเดินไปด้วยสีหน้าแววตาสดชื่น กานนเดินตามไปอย่าหงุดหงิด
ม่านมัสลินเดินเข้ามาในห้องพักของคิม ลี
“คุณคิม”
คิม ลี ยังคงนิ่งในท่าเดิม
“มีแขกมาพบคุณ หันไปซิครับ”
ดุสิตบอก คิม ลี ค่อยๆ หันกลับมา ม่านมัสลินเดินมานั่งตรงหน้า นัยน์ตาจับจ้องมองแทบไม่กระพริบ
“คุณคิมคะ” คิม ลี มองมัสลินด้วยสายตาอันว่างเปล่า “คุณคิม” ม่านมัสลินเรียก มีสีหน้าค่อยๆ จ๋อยลง “นี่มัสไงคะ”
“คุณหมอบอกว่า คงต้องใช้เวลาหน่อยครับ คิมยังจำใครไม่ได้ พูดก็ยังไม่ได้”
ดุสิตบอก มัสลินน้ำตาคลอ
“โถ คุณคิม”
“คุณแม็กกี้รู้หรือยัง”
“พรุ่งนี้ผมจะรีบออกเดินทางไปเพชรบุรีแต่เช้า”
ม่านมัสลินค่อยๆ จับมือของ คิม ลี อีกฝ่ายก้มลงมองแล้วค่อยๆ ดึงออก
“ไม่เป็นไรค่ะ มัสจะพยายามช่วยฟื้นความทรงจำให้คุณเอง”
คิม ลี ค่อยๆ เอนตัว มัสลินขยับประคอง แต่เขาสะดุ้งเฮือก ท่าทางเหมือนหวาดกลัว ม่านมัสลินตกใจรีบปล่อยทันที หน้าเสีย
“ไม่เป็นไรครับ คุณคิมยังไม่ไว้ใจใคร”
คิม ลี หลับตาลง ม่านมัสลินมองน้ำตาไหลด้วยความสงสารสุดๆ กานนมองเหมือนสลดใจเช่นกัน
กานนกับม่านมัสลินเดินออกจากห้องพักของคิม
“ผมเสียใจด้วย” กานนบอกอย่างจริงใจ
“คุณดีใจใช่ไหมล่ะ”
“ผมไม่ใช่คนใจยักษ์ใจมารขนาดนั้น ถึงผมจะไม่อยากให้คุณแต่งงานกับเขาก็เถอะ”
“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมคุณคิมถึงจำมัสไม่ได้”
“เรื่องของสมองคงต้องใช้เวลา” กานนเปิดประตูรถให้มัสลินเข้าไปนั่ง แล้วตัวเองอ้อมมาด้านที่นั่งคนขับ “ใจเย็นๆ เขาฟื้นขึ้นมานี่ก็เป็นสัญญาณที่ดีแล้ว”
“เขาจำมัสไม่ได้”
“เขารักคุณมากขนาดยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยคุณ เขาต้องจำคุณได้ ผมมั่นใจ” กานนพยายามพูดปลอบ แต่ม่านมัสลินยังคงสีหน้าซึมเศร้า
กานนพาม่านมัสลินกลับมาบ้านม่านมุก ทุกคนนั่งนิ่งกันหมดหลังจากฟังกานนเล่าจบ
“ก็ยังนับว่าโชคดีที่ฟื้นขึ้นมา” เจ้าสัวทศบอก
“ทำใจดีๆ นะลูก คุณคิมเขาเป็นคนดี คุณพระคุณเจ้าย่อมคุ้มครอง” ม่านมุกปลอบ
“จะกลับหรือยังคะคุณพ่อ รบกวนคุณม่านมุกตั้งนานแล้ว จะได้พักผ่อนกัน” อุษยาถามเจ้าสัวทศ กานนกับม่านมัสลินมองเจ้าสัวทันที
“อ้าว ไหนอาก๋งว่าจะค้างไงครับ”
“ม่านมุกเขาไม่ให้ค้าง”
“ทำไมล่ะคะ คุณยาย”
“ยายเคยชินกับการอยู่คนเดียวมานานแล้ว ถ้าจะมีใครนอกจากพัดกับปิ่นมาอยู่เป็นเพื่อนมันก็อึดอัด เอาไว้คิดถึงกันก็ค่อยมาเยี่ยมดีกว่า อีกอย่าง ยายก็ไม่ถึงกับเป็นอะไรมาก”
สีหน้าแต่ละคนฟังอย่างยินยอม
พิณสุดากินกาแฟพลาง อ่านหนังสือพิมพ์ไปพลาง อยู่ภายในบ้าน พีระพลเดินเข้ามาหา
“นั่นหน้ายังไม่หายอีกเรอะพี่กิ๊บ”
“เออ ฉันเลยไม่ต้องออกไปไหน”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สองพี่น้องถึงกับสะดุ้ง พีระพลรีบรับโทรศัพท์
“อะไรนะ” พีระพลถามอย่างตกใจ พิณสุดารีบวางหนังสือพิมพ์ทันที
“ตาย...ตาย ต้องให้ป๊ะป๋า ศิธาช่วยเราแล้วละ เออ เออ เดี๋ยวไป”
พีระพลวางโทรศัพท์ หันมาหาพิณสุดาด้วยสีหน้ากังวล
“เกิดอะไรขึ้น” พิณสุดาถาม
“ศิธาโทรมาบอกว่าไอ้คิมฟื้นแล้ว ฟื้นขนาดคนเฝ้าเห็นมันออกมาเปิดหูเปิดตาข้างนอกได้”
“ฮ้า!” พิณสุดา ตกใจไม่แพ้น้องชาย
“ไม่ฮ้าละ ศิธามันส่งคนไปคอยเฝ้าอยู่ด้านนอก ไอ้นั่นมันบอกว่าเห็นกับตาเลย”
“ซวยแล้วแก”
“ไม่ใช่โก้ซวยคนเดียว พี่กิ๊บก็ซวยด้วย ซวยกันหมด ผมจะไปหาศิธาก่อนนะ”
“เออ...เออ แล้วรีบส่งข่าวมานะ”
พีระพลรีบพุ่งออกไปหาศิธาที่ออฟฟิศ ขณะนั้นศิธากำลังเดินกลับไปกลับมาอย่างร้อนใจ ประตูห้องเปิดออกพีระพลเดินเข้ามา สีหน้ากังวลไม่แพ้กัน
“ศิธา ตกลงว่าไง”
“คงต้องคุยกับเตี่ยแล้วละ เราจัดการกันเองเดี๋ยวยุ่งอีก”
“โก้ก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน”
ศิธากับพีระพล ตัดสินใจเข้าไปคุยกับเสี่ยศักดาถึงเรื่องนี้ เสี่ยศักดาตบหัวศิธาและพีระพลคนละทีอย่างหงุดหงิด
“ไอ้พวกโง่ เห็นหรือยังว่าฆ่าคนไม่ตายแล้วมันเดือนร้อนขนาดไหน จะฆ่าคนต้องฆ่าให้ตาย ไม่ให้มันลุกขึ้นมาชี้ตัวพวกแกได้”
“เตี่ยช่วยหน่อยซิครับ” ศิธาพูดอ้อนๆ
เสี่ยศักดากดโทรศัพท์หาลูกชายอีกคน
“กำธร เข้ามาหาเตี่ยหน่อย” เสี่ยศักดาวางโทรศัพท์ลงแล้วหันมาต่อว่าศิธากับพีระพลต่อ
“พวกลื้อทำยุ่งยาก วุ่นวายกันไปหมด มันน่าปล่อยติดคุกเสียให้เสร็จ”
เสียงเคาะประตูเบาๆ กำธรเดินเข้ามา แล้วกวาดสายตามองกราดไปที่ศิธาและพีระพลแว่บหนึ่ง
“ไอ้สองตัวมันไปก่อเรื่องที่ไหนอีกหรือเตี่ย”
“ก็เรื่องเดิมนั่นแหละ”
“ผมให้ลูกน้องผมไปเตร่ๆ ดู มันเห็นพี่เลี้ยงเข็นไอ้คิมออกมาสูดอากาศข้างนอก” ศิธารีบรายงาน “เฮีย เฮียต้องช่วยผมนะ ถ้าผมโดนจับ มันจะเสียมาถึงเฮีย ถึงเตี่ยด้วย”
“อ๋อ รู้เหมือนกันเรอะ ไอ้เบื้อก”
“ทำอะไรต้องระวังด้วย คราวนี้ยัยแม็กกี้แม่มันเอาตายแน่”
“ต้องทำให้เหมือนกับเป็นอุบัติเหตุ” พีระพลออกไอเดียวเลวๆ
“ทำยังไงวะ”
“ไม่ทราบครับเฮีย ผมแค่นำเสนอไอเดีย” พีระพลบอกเสียงอ่อย กำธรจึงตบหัวไปทีหนึ่ง
“นี่แน่ะมาเสนอไอเดีย”
“ถ้าไม่รู้จะพูดอะไร ก็หุบปาก”
ศิธากับพีระพลหน้าจ๋อย
วันต่อมาม่านมัสลินมีคิวต้องมาถ่ายละครแต่เช้าตามนัดหมาย กานนกับดุสิตจึงตามมาคุยที่กองถ่ายปรึกษาเรื่องคิม ลี
“คุณแม็กกี้เข้ากรุงเทพฯ พร้อมผมเลย แต่พรุ่งนี้ก็ต้องกลับฮ่องกง” ดุสิตบอก
“ทำไมล่ะคะ” ม่านมัสลินน้ำเสียงเป็นกังวล
“คุณพ่อคิมเจ็บหนัก”
ม่านมัสลินถอนใจเฮือกใหญ่ สีหน้าเศร้าสลด
“ทำไมคุณคิมถึงโชคร้ายอย่างนี้”
“ไม่ต้องเป็นห่วงผมกับดุสิตคอยดูแลคุณคิม คุณทำใจให้สบาย แล้วก็ทำงานของคุณไป” กานนบอก
“อีก 2 อาทิตย์ก็ปิดกล้องแล้ว มัสคงมีเวลาดูแลคุณคิมได้เต็มที่ ตอนนี้คงต้องฝากคุณกานนกับคุณดุสิตให้ช่วยหน่อย”
“ดุสิตเป็นเพื่อนคุณคิมมาก่อนคุณเสียอีก” กานนอดแขวะไม่ได้
“แต่มัสคือคนที่ต้องรับผิดชอบเขา”
ดุสิตรีบห้ามทัพ เมื่อเห็นว่าจะไปกันใหญ่
“เอาละ เอาละ สรุปว่าต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองไปก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ม่านมัสลินเปิดประตูรถลงไป สองหนุ่มมองตาม
“คุณมัสเป็นห่วงคุณคิมมาก คุณไม่ควรไปขัดคอเธอ”
ดุสิตบอกกานนแล้วนิ่งไป จากนั้นชำเลืองมองม่านมัสลินอย่างเห็นใจแว่บหนึ่ง
“คนที่เป็นเนื้อคู่กัน ให้ยังไงก็ไม่มีใครมาแยกจากกันได้”
กานนได้ยินเบือนหน้าหันมามอง ดุสิตเปิดประตูรถ
“คุณต้องทำใจ อะไรที่มันเป็นของเรา ก็ต้องเป็นของเราอยู่วันยังค่ำ แต่ถ้าไม่ใช่ก็คงมีอันเป็นไป” ดุสิตพูดต่อ
กานนก้าวตามออกมา
“ผมน่ะยิ่งกว่าคุณอีก”
“จริงเหรอ”
“จะเล่าให้ฟัง...”
+ + + + + + + + + + + +
ขณะนั้นศิธายังอยู่กับพีระพล เกวลินโทรมาหาพอดี ศิธาหยิบโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาดู แล้วทำหน้าเบ้
“ยัยเก๋อีกแล้ว โทรจริ๊ง”
“ปิดโทรศัพท์ไปเลยซิ” พีระพลออกอาการหึง
“ไม่ได้ เรายังต้องพึ่งการเงินมันอยู่” ศิธาบอกแล้วกดรับ “สวัสดีจ้ะ ที่รัก”
พีระพลทำหน้าหงุดหงิดอย่างไม่พอใจ
“เก๋โทรหาคุณตั้งหลายครั้งแล้ว ทำไมไม่รับ”
“ขอโทษที วันนี้ผมยุ่งมากเลย เตี่ยเรียกใช้งานตั้งแต่เช้า เก๋มีธุระอะไรหรือเปล่า”
“ก็ไม่ใช่ธุระสำคัญอะไรหรอกค่ะ เก๋จะชวนไปเยี่ยมคุณคิม”
ศิธาลุกพรวดขึ้นทันทีจนพีระพลตกใจร้องขึ้น
“อะไร”
“นั่นเสียงใครคะ” เกวลินถามอย่างระแวงเมื่อได้ยินเสียงอีกคน
“เสียงเฮีย เตี่ยให้มาคุมผม กลัวผมจะไม่ทำงาน ผมน่ะอยากไป แต่กลัวบรรดาเพื่อนๆ คุณจะว่าเอา”
“ก็อย่าให้รู้ซิคะ ตอนนี้มัสถ่ายละครอยู่”
“แล้วคุณดุสิตล่ะ”
“ดุสิตอยู่ออฟฟิศค่ะ คุณกานนส่งคนไปเฝ้าแทน ตกลงคุณจะไปมั้ย”
“ไปเดี๋ยวนี้เลย รอเดี๋ยวนะ ผมจะไปรับ”
“ค่ะ”
ศิธาเก็บโทรศัพท์แล้วหันมาบอกพีระพล
“จะอยู่ที่นี่หรือจะกลับไปก่อนก็ได้ ยัยเก๋ชวนไปเยี่ยมไอ้คิม” ศิธาบอกข่าวดี
“โง่อะไรจะปานนั้น” พีระพลเยาะ
ศิธากับพีระพลหัวเราะร่วน พลางเดินโอบเอวกันออกมา
ขณะนั้นเสี่ยศักดาและกำธรกำลังยืนสั่งงานลูกน้องอยู่ พอศิธากับพีระพลเห็นศักดากับกำธรทั้งคู่หน้าเจื่อน ค่อยๆ ปล่อยมือที่โอบเอวกันออก
“จะไปไหน”
“ยัยเก๋ชวนผมไปเยี่ยมไอ้คิม”
“ระวังตัวให้ดีๆ หน่อย เดี๋ยวเกิดมันชี้หน้าขึ้นมาละตายเลย”
“ครับ เตี่ย”
“แล้วแกล่ะ” กำธรหันไปถามพีระพล
“กลับบ้านครับ”
“ยังไม่ให้กลับ ช่วยงานที่นี่ก่อน”
พีระพลหันไปมองศิธา
“ยังจะมองหน้ากันอีก กลับเข้าไป”
พีระพลเดินกลับเข้าไปหน้าจ๋อยๆ ศิธามองตามอย่างเป็นห่วงเป็นใย
ศิธาขับรถเข้ามาจอดที่สถานพักฟื้น แล้วหันหน้ามามองพูดกับเกวลิน
“ผมรออยู่ที่นี่ดีกว่า”
“ลงไปด้วยกันเถอะค่ะ คุณคิมจำใครไม่ได้”
“ใครบอก”
“มัสค่ะ ขนาดมัส หรือคุณแม็กกี้เขายังจำไม่ได้เลย”
“ดีเหมือนกัน ผมเองก็อยากขอโทษเขา”
ทั้งสองคนเปิดประตูรถลงไป
เวลาเดียวกันนั้น นักกายภาพบำบัดกำลังช่วยทำกายภาพบำบัดให้คิม ลี เกวลินและศิธาเดินเข้ามา คิม ลี เงยหน้ามอง ศิธาสบตา คิม ลี ยังคงมองศิธาด้วยแววตาประหลาดแว่บหนึ่ง แล้วเบือนกลับมามองตรงๆ ตามเดิม ศิธานิ่วหน้านิดหนึ่ง ขณะที่เกวลินเดินเข้ามาใกล้ เอ่ยขึ้น
“คุณคิม จำเก๋ได้ไหมคะ”
คิมมองเกเวลินด้วยสายตาอันว่างเปล่า
“คุณคิมจำใครไม่ได้หรอกครับ”
นักกายภาพบำบัดบอก ศิธายังคงมองคิม ลี อย่างเพ่งพิศ
“สีหน้า ท่าทางดูดีขึ้นมากนะคะ”
“ครับ”
ศิธาถามนักกายภาพบำบัด
“อีกนานไหมครับกว่าจะเป็นปกติ”
“คงต้องถามคุณหมอครับ”
ศิธาก้มลงมามองสบตา นัยน์ตาคิม ลี เหมือนมองเลื่อนลอย
เมื่อกลับมาถึงออฟฟิศ ศิธาเล่าอาการของคิมให้ทุกคนฟัง เสี่ยศักดาถึงกับโล่งอก
“มันยังจำไม่ได้”
“ครับ เขาบอกอย่างนั้น แต่ผมยังติดใจอยู่นิดนึง”
“อะไร”
“แววตามันตอนที่มองผมครั้งแรก มันมีอะไรบางอย่าง”
“คิดมากไปหรือเปล่า”
“อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้”
“เตี่ยจะให้ทำยังไงครับ”
“ทำยังไงก็ได้ แต่ให้ดูเป็นอุบัติเหตุ ทำให้ดูไกลตัวเราที่สุด เพราะยังไงแว่บแรก มันต้องสงสัยเราอยู่แล้ว”
สีหน้าแต่ละคนใคร่ครวญครุ่นคิด
ม่านมัสลินแวะมาหาเกวลินที่ร้าน รู้สึกตกใจมากเมื่อรู้ว่าเกวลินพาศิธาไปเยี่ยมคิม ลี
“พี่เก๋” มัสลินทำเสียงตกใจ เกวลินหน้าเจื่อน
“โธ่เอ๊ย มัส ทำเสียงอกอกตกใจไปได้”
“ไม่ตกใจได้ยังไง ก็พี่เอาฆาตกรไปหาเหยื่อ” ม่านมัสลินพูดฉุนๆ
“มัส”
“พี่เก๋ทำได้ยังไง มัสอยากรู้ว่า มันมีอะไรดี พี่เก๋ถึงได้หน้ามืดหลงมันขนาดนี้”
“ดูถูกกันมากไปแล้วมัสลิน เธอต่างหากที่เป็นต้นเหตุทั้งหมดนี่ แล้วที่คิมเป็นอย่างนี้ก็เพราะเธอ เธอต่างหากที่เป็นตัวซวย” เกวลินยังอยู่ในอาการหน้ามืดตามัว
“พี่เก๋ มัสไม่คิดเลยว่าพี่เก๋จะเป็นไปได้ขนาดนี้ มัสพยายามเตือนแล้วแต่พี่เก๋ไม่ฟัง ถ้าเกิดอะไรขึ้น มัสจะไม่ดูดำดูดีเลย”
“ออกไปจากร้านฉันเดี๋ยวนี้ แล้วอย่ามาเหยียบที่นี่อีก”
“อ้อ มัสไม่มาให้โง่หรอก” ม่านมัสลินพูดเสียงแข็ง แล้วเดินออกไปด้วยอารมณ์โกรธ
เกวลินมองตามร่างม่านมัสลินแล้วระเบิดร้องไห้ออกมา ด้วยความโกรธ บีบคั้น สับสน อัดอั้นใจสุดๆ
ดุสิตรีบโทรหากานนหลังจากรู้ว่าม่านมัสลินทะเลากับเกวลิน
“คุณว่าอะไรนะ” กานนถามอย่างตกใจ
“คุณมัสกับเก๋ทะเลาะกันใหญ่เลย เก๋โทรมาร้องไห้สะอึกสะอื้น ส่วนคุณมัสก็คงแย่เหมือนกัน คุณไปดูคุณมัสหน่อย ผมจะไปดูเก๋” ดุสิตออกความคิด
“มัสอยู่ที่ไหนล่ะ”
“ไม่รู้ อาจจะอยู่บ้านมั้ง”
“โอเค ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจัดการเอง”
กานนปิดโทรศัพท์ แล้วเดินออกไป
ดุสิตรีบมาหาเกวลินที่ร้าน เกวลินเปิดประตูร้องไห้เข้ามากอดดุสิต
“ดุสิต ฉันทะเลาะกับมัส”
“เออ รู้แล้ว แกบอกฉันแล้ว”
“ฉัน ฉันพาศิธาไปเยี่ยมคิม ศิธาเขาตั้งใจดี แต่มัสไม่ยอมเข้าใจ”
“อย่าว่าแต่คุณมัสเลย ฉันก็ไม่เข้าใจแกเหมือนกัน”
เกวลินผละออกทันที
“ดุสิต”
“เก๋ แกฟังฉันให้ดีๆ นะ แกไม่ควรพาศิธาไปหาคิมด้วยประการทั้งปวง”
“แกเข้าข้างมัส”
“ฉันไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้น” เกวลินเดินไปหยิบโทรศัพท์ “นั่นจะโทรไปหาใคร คุณมัสเรอะ”
“เปล่า ฉันจะโทรตามศิธาให้มาพบแก แกจะได้สัมผัสเองว่าโดยเนื้อแท้แล้วศิธาเป็นคนดี เพียงแต่เขาไปคบกับไอ้โก้ แล้วตอนนี้ ฉันก็แยกเขาจากไอ้โก้ได้สำเร็จแล้ว”
“ฉันยังเห็นมันอยู่ด้วยกันอยู่เลย”
“ดุสิต ถ้าแกไม่เชื่อฉัน แกก็ออกไปเลย ออกไปเดี๋ยวนี้”
ดุสิตถอนใจเฮือกใหญ่ในความมืดบอดของเกวลิน
หลังจากทะเลาะกับเกวลิน ม่านมัสลินก็กลับมาบ้าน นอนก่ายหน้าผากอย่างกลัดกลุ้มอยู่บนเตียง จนกระทั่งพัดมาเคาะประตูเรียก
“คุณมัสขา คุณมัส”
“แม่กลับมาแล้วเหรอ”
“เปล่าค่ะ คุณกานนมา”
มัสลินลุกขึ้นนั่งอย่างหงุดหงิด
“มาทำไม คนกำลังหงุดหงิด”
“คุณมัสคะ” พัดเรียกซ้ำ
“ไปบอกเขาว่าฉันนอนหลับ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น”
“จะดีหรือคะ”
“ดี ไปบอกตามนี้เลย”
มัสลินเอนตัวลงนอนต่ออย่างไม่ใยดี
พัดเดินกลับมาหากานนที่รออยู่ “ไหนล่ะ คุณมัส”
“เธอนอนหลับค่ะ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น”
“งั้นขึ้นไปบอกว่า ถ้าไม่ตื่น ฉันจะขึ้นไปปลุกเอง” กานนบอกฉุนๆ จนพัดกับแป้นสะดุ้งพร้อมๆ กัน
“จะดีหรือคะ” พัดว่า
“ดี ไปบอกตามนี้เลย” พัดหันหลังเดินออกไป
แป้นตะโกนตามหลังพัด “เป๊ะเลยนะ” ก่อนจะหันกลับมายิ้มเจื่อนๆ เมื่อเห็นว่ากานนมองมาเขม็ง
“ขอประทานโทษค่ะ
พัดเคาะประตูห้องม่านมัสลินแบบเกรงใจๆ
ม่านมัสลินหงุดหงิดขึ้นทันที “อะไรอีกล่ะ”
“คุณกานนบอกว่า ถ้าคุณมัสไม่ลงไป จะขึ้นมาปลุกเองค่ะ” พัดพูดตามที่กานนบอก
“กล้าเรอะ”
“ดูจากท่าทางแล้วคงจะกล้าค่ะ”
คำพูดของพัดทำเอาม่านมัสลินเม้มปากอย่างหงุดหงิดเต็มทน
ครู่ต่อมากานนยืนกอดอกมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง ม่านมัสลินเดินเข้ามาติดตามด้วยพัด
“ขอโทษ คุณใหญ่มาจากไหน”
กานนหันกลับมา ตาเพ่งมองไปที่ม่านมัสลินแล้วเลยไปที่พัด เหมือนรู้ตัวพัดหลบตา แล้วค่อยๆ เดินออกไป
“ฉันหงุดหงิด ฉันเพลีย และฉันจะนอน รู้เอาไว้ด้วย” ม่านมัสลินบอกฉุนๆ
“ผมรู้ว่าคุณหงุดหงิดเรื่องอะไร”
ม่านมัสลินมองกานนครู่หนึ่งแล้วเดินไปนั่ง
“พี่เก๋ฟ้องฝากคุณดุสิตมาล่ะซิ”
“พวกคุณเป็นเพื่อนรักกัน ไม่จำเป็นต้องโกรธกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
ได้ยินเท่านั้นม่านมัสลินก็ผุดลุกขึ้นทันที
“อ้อ มันเป็นเรื่องเลย เรื่องใหญ่ด้วย พี่เก๋พาไอ้ฆาตกรนั่นไปเยี่ยมคุณคิม”
“คุณคิมของคุณไม่เป็นอะไรหรอกน่า เราคอยดูแลไว้อย่างดี” กานนว่า
“ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น”
“คุณต้องหัดไว้ใจคนอื่นบ้าง” กานนติง
“ไม่ คิมเสี่ยงชีวิตพื่อฉัน ฉันเป็นหนี้ชีวิตเขา” ม่านมัสลินยืนยันความคิด
“คุณเป็นหนี้บุญคุณเขา ไม่ใช่หนี้ชีวิต คุณตอบแทนบุญคุณเข้าได้ แต่ไม่ใช่อุทิศทั้งชีวิตให้เขา แล้วผมก็คิดว่า คนอย่างคิมไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนหรอก”
ม่านมัสลินได้ฟังก็นิ่งไป
แป้นออกอาการโล่งใจที่เสียงเงียบไปแล้ว
“เดี๋ยวก็ดังอีก” พัดว่า
“เหรอ งั้นโทรตามคุณดามาห้ามไหม” แป้นเสนอ
“แล้วแกคิดว่าคุณดาจะห้ามได้ไหมล่ะ” พัดพูดแป้นนั่งคิดตาม
ม่านมัสลินลุกขึ้น ถอนใจยาว แล้วหันหน้ามาสบตากานน
“แล้วคุณมาที่นี่ทำไม ถ้าหากคิดว่าจะมาปลอบใจ ให้กำลังใจฉันล่ะก็ ขอบอกว่าฉันไม่เป็นไร ยิ่งกว่านี้ฉันก็เคยโดนมาแล้ว”
กานนพูดน้ำเสียงประชดเล็กๆ
“รู้แล้วว่าคุณน่ะเก่ง”
มัสลินนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นน้ำเสียงสั่น
“ฉันคงเป็นตัวซวยอย่างที่พี่เก๋ว่าจริงๆ
“ไม่เอาน่า” กานนปลอบ
ม่านมัสลินน้ำตาไหล ด้วยความอัดอั้น “ฉันเข้าใกล้ใคร เขาถึงเดือดร้อนไปหมด
“ผมไม่เห็นจะเดือดร้อนเลย”
“ทำไมจะไม่เดือนร้อน คุณต้องเลิกกับแฟน ทุกคนเดือดร้อน วุ่นวายกันไปหมด”
พูดจบม่านมัสลินก็ร้องไห้ออกมาจนเนื้อตัวสั่น
กานนเดินมาใกล้ๆ โอบกอดม่านมัสลินไว้ อย่างอ่อนโยน
“นิ่ง....นิ่ง … ผมไม่ได้โทษคุณ คนเราถ้าไม่ใช้เนื้อคู่มันก็ต้องเลิกกันจนได้”
ม่านมัสลินยังคงสะอื้น กานนโยกตัวราวกับกล่อมเด็ก
เกวลินยืนน้ำตาไหลอยู่ที่หน้าต่าง มองลงไปด้านล่างเห็นดุสิตกำลังเดินกลับไป เกวลินหันกลับมาน้ำตายังไหลพราก แล้วเดินมาหยิบโทรศัพท์ กดเบอร์ศิธา
ด้านศิธาเห็นชื่อเกวลินโทรเข้าก็ทำหน้าเบื่อหน่าย แต่ก็ฝืนทำเสียงแจ่มใส
“ว่าไงครับ เก๋ กำลังคิดถึงอยู่พอดี”
“เก๋ทะเลาะกับมัสลิน ถึงขนาดตัดพี่ตัดน้องกันเลย”
ศิธาลืมตัวร้องไชโยลั่นจนเกวลินชะงักถามขึ้น
“อะไรคะ ศิธา”
ศิธาเหมือนเพิ่งรู้สึก จึงรีบแก้ตัว
“อ้อ ขอโทษครับเก๋ ผมกำลังดูบอลอยู่พอดี”
“ถ้าอย่างนั้นเก๋ก็ไม่รบกวนหรอกค่ะ”
“โอ๊ย ไม่รบกวนครับ ไม่รบกวนเลย ผมจะปิดทีวี เดี๋ยวนี้” ว่าพลางแสร้งทำเหมือนแบบกดรีโมทปิดทีวี ทั้งที่ไม่มีจริงๆ “เอาละ ปิดแล้ว”
เก๋ศิธามาหาเก๋ได้มั๊ยค่ะ
“โอเค ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย”
“ขอบคุณค่ะ
เกวลินวางโทรศัพท์ สีหน้าชื้นขึ้นมาทันตาเห็น
ขณะนั้นเจ้าสัวทศกำลังแยกกล้วยไม้ใส่กระถางใหม่ กานนเดินเข้ามา สีหน้าดูแจ่มใส ถามขึ้น
“แยกกล้วยไม้หรือครับอาก๋ง
“เออ ว่าจะเอาไปให้ม่านมุกเขาหน่อย จะได้มีข้ออ้างไปเยี่ยมบ่อยๆ” เจ้าสัวทศบอก
“คุณย่าเล็กนี่ใจแข็งจริงๆ”
“ว่าเขาไม่ถูกหรอก ฉันทำผิดกับเขามาก” พูดถึงตรงนี้เจ้าสัวทศถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อ “อย่าไปพูดถึงมันเลย ทำวันที่เหลือให้ดีที่สุดดีกว่า ตายแล้วเราจะได้ไม่เสียใจ”
กานนนิ่งคิด เจ้าสัวทศหันมามอง
“แกก็เหมือนกันเจ้าปลิว จำที่ฉันพูดได้ไหมว่าให้ดูฉันเป็นตัวอย่าง”
“จำได้ครับ”
เจ้าสัวทศพยักหน้า “ดี ฉันไม่อยากให้ต้องมีใครผิดพลาดเป็นหมือนฉันอีก”
กานนมีสีหน้าเคร่งขรึมใคร่ครวญครุ่นคิดขณะเอ่ยขึ้น
“ผมก็ไม่อยากเป็นอย่างนั้นครับ แต่ก็ไม่ทราบจะหาทางออกยังไง”
“ทางออกน่ะมีอยู่แล้ว เพียงแต่อย่าคิดมาก อย่าคิดซับซ้อนเท่านั้น ทำตามที่หัวใจแกบอก” เจ้าสัวทศแนะนำหลานชาย
กานน มีสีหน้าเหมือนยังหนักใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น บัวบงกชกำลังตรวจทานบทที่กำลังจะพูดในรายการจู่ๆ เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น บัวบงกชคิดว่าเป็นทีมงาน จึงไม่หันไปมอง
“เชิญจ้ะ”
กลับเป็นเตช ที่ค่อยๆเปิดประตูเข้ามา ทักทายขึ้น
“คุณมาทำงานแต่เช้าเหมือนกันนะ”
บัวบงกชตกใจตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ยินเสียงเตชจนบทตกจากมือ แล้วรีบก้มเก็บแล้วถามขึ้น
“คุณมีธุระอะไร
“หมู่นี้สังเกตลูกบ้างหรือเปล่า หน้าตาบอกช้ำ ยังกับไปสู้กับใครมาหรือว่าไม่ได้สนใจอะไรเลย”
“ฉันเป็นแม่ยัยเดียร์นะคุณ”
เตชเยาะ “เรอะ ผมนึกว่าเป็นแม่มัสลินเสียอีก”
“นี่จะมาชวนทะเลาะแต่เช้าเลยใช่ไหม” บัวบงกชพูดฉุนๆ
“เปล่า ผมจะมาพูดเรื่องลูก คุณเป็นแม่ คุณอยู่กับแกใกล้ชิดกับแกมากว่าผม ฉะนั้นช่วยดูสารทุกข์สุกดิบของแกหน่อย คงไม่เสียเวลาไปโอ๋แม่มัสลินนั่นหรอก”
“แล้วคุณล่ะ”
“ทำไม ผมเป็นยังไง
“คุณกลับไปควงแม่ของมัสลิน”
เตชได้ยินถึงกับอึ้งไป
“ลำพังฉันน่ะ ไม่เป็นไรหรอก เพราะไม่ได้รักใคร่ใยดีคุณ แต่ลูกเดียร์ล่ะ แกจะคิดยังไง” บัวบงกชบอกให้เตชคิดถึงความรู้สึกของมธุริน
“เราก็แค่เป็นเพื่อนเที่ยวเพื่อนกินเท่านั้น” เตชบอกอย่างเยาะๆ
“นั่นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นแม่มัสลิน คุณว่าฉัน แต่คุณก็ทำซะเอง” บัวบงกชบอก
“ผมทำเพราะมันสะใจดี คุณเป็นแฟนเก่าผัวเขา เขาเป็นแฟนเก่าผัวคุณ อีนุงตุงนังพิลึก”
บัวเมินหน้าไปอีกทางพลางพูดขึ้นเชิงไล่
“คุณกลับไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน”
“ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน” เตชขู่
“คุณด้วย” บัวบงกชสวนกลับ
เตชเดินออกไปอย่างหงุดหงิด บัวบงกชถอนใจยาว โดยไม่ได้เหลือบแลสายตาไปทางเตช
อ่านต่อหน้า 2
ในรอยรัก
ตอนที่ 28 (ต่อ)
เตชกำลังเดินออกมาจากห้องทำงานบัวบงกช แต่แล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นม่านมัสลินกำลังเดินเข้ามาพร้อมตะกร้าที่จัดอย่างสวยงาม ม่านมัสลินเองก็ชะงัก แต่เดินต่อ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“อ้อ ขนเอาของมาอภินันทนาการกันมาถึงที่ทีเดียว” เตชพูดประชด ม่านมัสลินทำเป็นไม่ได้ยิน
“มือแข็ง อวดดี” ม่านมัสลินเม้มปาก แต่ยังก้าวเดินต่อ เตชตะโกนเรียกชื่อ
“มัสลิน” ม่านมัสลินหยุดเดินค่อยๆ หันมามอง
“มีความสุขนักเรอะที่ทำให้ครอบครัวเขาแตกแยก” เตชว่าแดกดัน
“คุณคงต้องถามตัวเองกระมังคะ คุณเตช ว่าคุณหรือใครกันแน่ที่ทำให้ครอบครัวเขาแตกแยก”
เตชฟังแล้วอึ้งไป ด้วยไม่คาดคิดว่าจะโดยย้อนกลับ พูดแค่นั้นม่านมัสลินก็เดินเลยเข้าไปข้างใน
บัวบงกชเบือนหน้ามามองเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ยังนึกว่าคงเป็นเตชจึงตะโกนออกไป
“ยังหาเรื่องฉันไม่พออีกเรอะ”
เสียงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเสียงม่านมัสลินก็ดังขึ้น
“มัสลินเองค่ะ”
บัวบงกชสะดุ้ง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นกระตือรือร้นทันที
“มัสลิน เดี๋ยวนะลูก”
บัวบงกชพูดพลางรีบเดินไปเปิดประตูให้ด้วยสีหน้าเปลี่ยนเป็นคนละคนเมื่ออยู่กับเตช ม่านมัสลินยกมือไหว้ด้วยสีหน้าราบเรียบ
“มัสมาขอขอบคุณที่ช่วยในวันนั้นค่ะ พอดีติดงานแล้วคุณยายก็ไม่สบาย เลยมาเอาวันนี้” ม่านมัสลินบอก
“ไม่เป็นไร”
บัวบงกชบอกพลางมองหน้าม่านมัสลินด้วยความตื้นตันและซาบซึ้ง ม่านมัสลินมองท่าทีบัวบงกชอย่างแปลกใจ
“มัส เอาของไปวางได้ไหมคะ”
“อ้อ ขอโทษจ้ะ เข้ามาเลย” ม่านมัสลินเดินเอาของไปวาง
“ขอบใจมากนะหนู ถ้าหนูมีอะไรให้ช่วยก็บอกมาเลย ฉันยินดีและเต็มใจที่สุด”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ระหว่างนั้นบัวบงกชเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นตลอด
“นั่งก่อนซิ ทานอะไรมาหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เอ้อ มัสคงต้องขอตัวไปทำงานก่อน”
“จริงซิ ละครหนูจะออนแอร์เมื่อไหร่”
“เห็นว่าต้นเดือนหน้าค่ะ”
“ฉันจะคอยดูนะ”
“ค่ะ มัสลานะคะ”
“ฉันจะไปส่ง”
บัวบงกชแตะหลังม่านมัสลินเบาๆ พากันเดินออกไป
ขณะนั้นเตชนั่งอยู่ในรถ มองที่บริเวณประตูทางเข้าสตูดิโอ เห็นบัวบงกชกับม่านมัสลินเดินออกมา สีหน้าบัวบงกชแจ่มใสพูดคุยตลอดเวลา
“หน้าระรื่นทีเดียว”
เตชบ่นอย่างไม่พอใจ ม่านมัสลินกับบัวบงกชเดินมาที่รถโดยผู้คนที่ผ่านไปมาในบริเวณนั้นต่างให้ความสนใจ
“ยังไม่เปลี่ยนรถใหม่หรือ”
“คันนี้ก็ยังขับดีนี่คะ”
“ถ้าหากหนูจะเปลี่ยนก็บอกนะ ฉันพอจะรู้จักพวกดีลเลอร์อยู่บ้าง”
“ค่ะ มัสลานะคะ”
ม่านมัสลินยกมือไหว้ บัวบงกชสวมกอดม่านมัสลินด้วยความรักอย่างตื้นตันใจ
“ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองหนูนะลูก”
เตชดูเหตุการณ์อยู่นิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิด และไม่พอใจ
เพราะไม่คาดคิดที่ถูกบัวกชกอด ม่านมัสลินจึงอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ ขยับตัวออก
“ขอโทษจ้ะ” บัวบงกชยิ้ม
ม่านมัสลินขึ้นรถแล้วขับออกไป
บัวบงกชมองตามจนสุดสายตา ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาชวนคุย
“น่ารักนะคะ”
“จ้ะ น่ารักมาก”
“หน้าตาคล้ายๆ คุณบัวด้วยค่ะ”
บัวบงกชเผลอยกมือลูบหน้าตัวเอง
“จริงหรือ?”
บัวบงกชและลูกน้องเดินกลับข้างใน เตชเขม่นมองตามด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
เวลาผ่านไป...จิรดาเดินเข้ามาในร้านกาแฟ พลางกวาดสายตามองไปจนไปเห็นเตช
นั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง นัยน์ตาที่กำลังมองผ่านกระจกเหมือนคนเหม่อลอย จิรดายิ้มนิดๆ แล้วเดินตรงเข้าไปหา
“รอนานมั้ยคะ”
“ไม่ นั่งซิ” เตชหันมามองเชิญนั่ง
จิรดาทรุดตัวลงนั่ง บริกรยกกาแฟและขนมตามที่จิรดาสั่งมาวาง จิรดาจิบกาแฟพลางมองเตชยิ้มๆ
“ทะเลาะกับเมียคุณมาอีกล่ะซิ” เตช ถอนใจ “ใช่มั้ยล่ะ” จิรดาเยาะ
“อย่าพูดถึงมันเลย”
“คุณน่ะคิดมาก เมียคุณจะมีลูกกับผัวฉันได้ยังไง”
“บอกว่าอย่าพูด”
“อ้าว ก็ฉันเห็นคุณชอบพูด เอ๊ย ชอบถามฉันนี่ เจอกันทีไร ก็ถามทุกทีวันนี้ก็อยากถามอีก”
“เมื่อกี้ผมไปหาบัวที่สตูฯ เจอลูกคุณเอาของไปให้บัว”
“โธ่เอ๊ย ก็บัวบงกชช่วยเขานี่ เขาก็ต้องแสดงความกตัญญูอยู่แล้ว ลูกฉันเป็นคนกตัญญูสูง”
“แต่มันมีอะไรบางอย่าง” เตชยังคงสงสัยในท่าทีของบัวบงกชเมื่อครู่
“อะไร”
“ผมก็พูดไม่ถูก”
“แล้วคุณมีความสุขดีเรอะ” เตชเงยหน้าขึ้นมามอง จิรดาพูดต่อ
“คุณคิดวนเวียนอยู่แต่เรื่อง ลูกใครหว่า อยู่นั่นแหละ คิดอย่างอื่นบ้างซิ เช่นวันนี้ เราจะไปเที่ยวกันที่ไหนดี เอ๊ะ หรือว่าจะไปต่างประเทศเลย”
“ต่อให้ออกไปนอกโลกก็ไม่มีความสุข ผมกลับไปทำงานดีกว่า” จู่ๆ เตชก็เกิดเปลี่ยนใจ จริดางง
“อ้าว”
“ผมหนีใจตัวเองไม่ได้”
“งั้นคุณก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน ไปเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เตชพยักหน้ารับรู้แล้วเดินออกไป จิรดาเอนพนักพิง สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความพอใจในสถานการณ์ยามนี้เป็นอย่างยิ่ง
“ฉันเคยทุกข์หนักมาแล้ว คราวนี้ก็ผลัดกันบ้างซิ”
ที่สตูดิโอ ขณะนั้นบัวบงกชกำลังนั่งให้ช่างแต่งหน้า-ทำผม เติมแต่งความสวยให้ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น บัวบงกชหยิบมาดูแล้วถอนใจนิดๆ
“เดี๋ยวพี่มา”
บัวบงกชเดินเลี่ยงออกไป ช่างแต่งหน้า ช่างทำผมมองตามอย่างแปลกใจ เม้าท์กันเอง
“ใครน่ะ”
“จะไปรู้เรอะ”
บัวบงกชเดินออกมารับโทรศัพท์ข้างนอกเมื่อเห็นว่าชื่อคนที่โทรเข้ามาคือจิรดา
“ฮัลโหล”
“สวัสดีค่ะ นี่ฉันโทรมาจากร้านกาแฟ”
“กับสามีฉัน”
“อ้ะ แสดงว่ารู้ลึก รู้จริง เขามาบ่นเรื่องเดิมๆ คือเรื่องลูก เรื่องเมีย” จิรดาเน้นเสียง
“คุณก็บอกให้เขาอพยพไปอยู่กับคุณเลยซิ จะได้คุยกันทุกวัน ทุกคืน ไม่ต้องไปนัดที่อื่นให้เปลืองเงิน แล้วก็เปลืองชื่อเสียงด้วย เมื่อวานก็มีข่าวคุณกับเขาลงคอลัมน์ซุบซิบเซเล็บ”
“หึงล่ะซี้” จิรดาเยาะ
“รุ่นนี้ไม่มีหึงแล้ว เพียงแต่เห็นใจมัสลินว่าจะรู้สึกยังไง ที่มีข่าวแม่ตัวเองกับสามีชาวบ้านเขาบ่อยๆ หมดธุระแล้วใช่มั้ย ฉันต้องไปทำงาน เวลาเป็นของมีค่า ไม่สมควรจะเอาไปหายใจทิ้งไปวันๆ มันไร้สาระเกินไปค่ะ”
บัวบงกชปิดโทรศัพท์ทันที
จิรดาหงุดหงิดที่โดนด่าฟรี ไม่ทันตอบโต้
“หน็อยแน่ะ นังบัวโรย บังอาจเสียดสีฉัน ปากเหมือนลูกมันไม่มีผิด”
บัวบงกชพยายามกล้ำกลืนน้ำตาลงไป แล้วสูดลมหายใจยาว เดินออกไปจากที่ตรงนั้น
เมื่อได้เวลาออนแอร์ผู้กำกับเวทีให้สัญญาณ ทุกคนเงียบสนิท ขณะบัวบงกชไหว้อย่างนอบน้อม
“ธรรมมะสวัสดีค่ะ ในขณะที่พี่น้องร่วมชาติของเราต้องตกอยู่ในความทุกข์จากภัยน้ำท่วมอย่างแสนสาหัส ดิฉันใคร่วิงวอนให้พวกเราทุกคนที่ยังโชคดี ช่วยกันสละทุนทรัพย์ตามกำลังเพื่อช่วยพี่น้องของเรา และผนึกใจเป็นดวงเดียวกัน สวดภาวนาให้ความทุกข์ครั้งนี้ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว”
เวลาเดียวกันนั้นเตชอยู่ภายในห้องทำงานที่ออฟฟิศแล้ว เตชนั่งจ้องมองภาพบัวบงกชที่พูดไปด้วยใบหน้าอ่อนโยน ดูมีเมตตา
“สำหรับวันนี้ดิฉันจะมาอธิบายความเรื่องทิศทั้ง 6” เตชกดรีโมทปิด
“ทำเป็นสั่งสอนคนอื่น อย่างกับตัวเองดีนักนี่”
เตชเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาจับจ้องมองเพดานเหม่อลอยครุ่นคิด
พิณสุดานั่งใคร่ครวญพลางจิบน้ำผลไม้ ด้วยสีหน้าครุ่นคิดอยู่ในบ้าน ขณะที่พีระพล กับศิธาเดินจูงมือกันลงมา
“วันนี้มีอะไรกินน่ะเจ๊” พีระพลถามขึ้น
“ทอดไข่เจียวอีกอย่าง ก็เริ่ดแล้ว” พิณสุดาบอก
“เจ๊ เจียวให้หน่อยซิ” พีระพลร้องขอพี่สาว
“แก 2 คนต้องทำอะไรให้ฉันเป็นการแลกเปลี่ยน” พิณสุดายื่นเงื่อนไข
ศิธาปฏิเสธในทีบอก “เจียวเองดีกว่าวะ” ว่าพลางขยับตัวจะเดินเข้าครัว
“ไม่ยากหรอก งานถนัดของพวกแก” พิณสุดาบอกข้อแลกเปลี่ยน
พีระพลกับ ศิธาถามขึ้นพร้อมๆ กัน “งานไร”
พิณสุดาบอกทันที “ทำคลิปนังเดียร์”
แต่ศิธาไม่เห็นด้วย “เปิดศึก 2 ด้านไม่ไหวหรอกพี่กิ๊บ ยัยเดียร์น่ะลูกหุ้นส่วนใหญ่ของเตี่ยผม ถ้าเขาถอนหุ้นหรือเอาเรื่องขึ้นมา อาเตี่ยผมแย่แน่ แล้วไอ้ที่จะตายต่อมาก็คือผม”
“แล้วจะเอาไงดี ฉันอยากแก้แค้นมัน ยังเจ็บกายเจ็บใจไม่หาย” พิณสุดาครวญ
“เอาคลิปนี้มั้ย” พีระพลออกไอเดีย
“คลิปอะไร” พิณสุดาสนใจ
“คลิปตบ!”
พอได้ฟังพิณสุดาถึงกับเบิกตากว้าง “แกถ่ายไว้เรอะ”
พีระพลยักคิ้ว “ใช่ ผมแอบถ่ายไว้ก่อนจะเข้ามาห้ามเจ๊ มันดีอย่าบอกใคร”
พิณสุดานิ่งคิดครู่หนึ่งแล้วตอบตกลง “โอเค”
ศิธาฟังอยู่ถามขึ้นว่า “พี่กิ๊บไม่อายเรอะ”
“ฉันไม่มีอะไรจะเสีย อีกอย่าง มันบุกเข้ามาตบในบ้านเรา”
ศิธาเออออว่าตามสาวแสบ
“น่าจะได้ เพราะมันเป็นเรื่องจริง ไม่ได้ใช้เทคนิคพิเศษอะไร อีกอย่างจับมือใครดมก็ไม่ได้”
พิณสุดาสมใจสีหน้าแววตามาดหมาย
ทางด้านกานนกำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมฯ บนโต๊ะทำงานที่บ้าน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
กานนหยิบขึ้นมารับ เป็นดุสิตที่โทรเข้ามา
“สวัสดีครับ คุณดุสิต”
“คุณกานนมีคลิปใหม่อีกแล้ว” ดุสิตเล่า
กานนร้อนใจลุกขึ้นยืนทันที “มัสลินเรอะ”
ดุสิตบอก “ไม่ใช่ครับ” เว้นวรรคนิดหนึ่งแล้วบอกต่อ “คุณมธุริน”
คราวนี้กานนถึงกับอึ้ง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจเพราะไม่คาดคิดมาก่อน!!
เช่นเดียวกับเตชพอรู้เรื่องคลิปตบของมธุรินกับพิณสุดา เขาก้าวเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าท่าทางโมโหฉุนเฉียวสุดๆ ถามแววสาวใช้ว่า มธุริน กับบัวบงกช อยู่ที่ไหน พอแววบอกว่าอยู่ข้างบน เตชก็รีบก้าวขึ้นไปทันที
ระหว่างนั้นที่บ้านกานน ขณะที่กุเทพกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ห้องชั้นล่าง
กานนเดินลงมาร้องเรียกเพื่อบอกเรื่องคลิปมธุรินนั่นเอง
“นายกุ” กุเทพขานรับ “ครับ “แต่ตายังคงอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
“นายเห็นคลิปใหม่หรือยัง” กานนถาม
กุเทพเองก็คิดว่าเป็นคลิปใหม่ของม่านมัสลินเหมือนกัน เขาลดหนังสือพิมพ์ลงทันทีพลางพูดขึ้น
“ไอ้โรคจิต ทำไมมันถึงได้จองเวรจองกรรมมัสลินไม่เลิก”
“คราวนี้เป็นเดียร์” กานนว่า
กุเทพตกใจ “คุณเดียร์” ร้องอุทานอย่างไม่ค่อยเชื่อ
กานนพยักหน้ายืนยัน ด้วยสีหน้าเครียดๆ
เวลาเดียวกันที่หน้าห้องนอนของมธุริน บัวบงกชกับเตช กำลังช่วยกันทุบประตูห้องด้วยความร้อนใจ
“เดียร์เปิดประตูซิลูก” เตชเรียกลูกสาวสุดที่รัก
บัวบัวกชช่วยเรียก “ลูกเดียร์จ๋า เปิดประตู”
ว่าแล้วทั้ง 2 คนก็ช่วยกันเคาะประตู
“อย่ามายุ่งกับเดียร์ เดียร์ยังไม่อยากพบใครค่ะ” มธุรินตะโกนออกมาจากในห้อง
ทั้ง 2 คนพากันถอนใจเฮือกใหญ่ แล้วบัวบงกชก็เดินลงไป โดยมีเตชก้าวตามมา
ครู่ต่อมา เตช กับบัวบงกช พากันมานั่งคุยเรื่องคลิปตบของมธุริน
“ไม่นึกเลยว่ายัยกิ๊บจะถ่ายคลิปไว้ด้วย” บัวบงกชพูดขึ้น แต่โดนเตชย้อนพูดประชดกลับมา
“ถ้าคุณดูแลลูกดีๆ เรื่องนี้คงไม่เกิด”
“อ้อ ฉันเป็นคนผิด” บัวบงกชแดกกัน
“คุณไม่ผิดแล้วใครจะผิด ดีแต่ไปคอยปกป้องลูกไอ้ภาษิต แล้วปล่อยลูกผมตามยถากรรม” เตชยังประชดเรื่องเดิมไม่เลิก
“ใครกันแน่ที่ปล่อยลูกไปตามยถากรรม คุณว่าแต่ฉัน ดีแต่ดูแลปกป้องมัสลิน แต่คุณกลับพาแม่ของมัสลินเที่ยว แบบนี้ใครจะเลวกว่ากัน”
เจอคำนี้เข้าไปเตชถึงกับอึ้ง ด้วยเถียงไม่ออก แล้วผลุนผลันออกไป
“คุณจะไปไหน” บัวบงกชร้องถาม
“ไปถามยัยกิ๊บว่าใครถ่ายคลิปไว้ คุณคอยเฝ้าลูกอยู่นี่แหละ”
เตชเดินออกไป บัวบงกชถอนใจอย่างกลุ้มๆ
อ่านต่อหน้า 3
ในรอยรัก
ตอนที่ 28 (ต่อ2)
กุเทพดูคลิปตบระหว่างมธุรินกับพิณสุดา แล้วเบือนหน้าหันมามองกานน บอกขึ้นว่าใครทำอะไรไว้ ก็ควรได้รับสิ่งนั้นตอบแทน
“ขอโทษนะอาปลิว ผมอยากจะบอกว่า ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว”
“แกก็พูดไม่ถูก”
“แต่ก็พูดไม่ผิดใช่มั้ยล่ะ”
“ไป...” กานนบอกกุเทพ อีกฝ่ายทำหน้างง
“ไปไหน?”
“ก็ไปบ้านเดียร์น่ะซิ”
“แยกกันดีกว่า อาปลิวไปบ้านเดียร์ ผมจะไปบ้านกิ๊บ” กุเทพออกความคิด
“ก็ดีเหมือนกัน”
กานนพยักหน้าดีเห็นด้วย จากนั้นสองหนุ่มก็พากันเดินออกไป
ระหว่านั้นเตชก็มาบ้านพิณสุดาเหมือนกัน เตชลงจากรถมากดกริ่งที่หน้าประตู พีระพลทำเป็นเดินงัวเงียออกมาเปิดประตู
“สวัสดีครับคุณอา”
พีระพลยกมือไหว้เตชด้วยท่าทางปกติ เหมือนกับว่าตัวเองยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น
“ฉันมาพบกิ๊บ” เตชบอกธุระ
“พี่กิ๊บไปหัวหินกับเพื่อนตั้งแต่เมื่อวานแน่ะครับ คุณอามีธุระอะไรกับเขาหรือครับ”
“เรื่องคลิป”
“คลิปอะไรครับ” พีระพลแกล้งทำหน้าเป็นงง
“ก็พี่สาวเธอตบกับลูกสาวฉันนั่นแหละ” เตชบอกฉุนๆ
“จริงหรือครับ”
คราวนี้พีระพลแกล้งทำเป็นตกใจ เตชมองพีระพลเขม็ง ราวกับจะจ้องจับผิด
คล้อยหลังเตชซึ่งขับรถกลับออกไปพ้นหน้าบ้านแล้ว พีระพลจึงเดินกลับเข้าในบ้าน พิณสุดาซึ่งแอบดูเหตุการณ์อยู่หัวเราะชอบใจ กล่าวชมน้องชายที่เล่นได้สมบทบาท
“เก่งมาก นายโก้”
“โอ๊ย จิ๊บ จิ๊บ” ตัวการปล่อยคลิปตบตอบเสียงระรื่น
“ทีนี้ก็คอยดูกุเทพให้ดี” พิณสุดาคาดการณ์เอาไว้แล้ว
“ถ้าเป็นนายกานนล่ะ” พีระพลแย้ง
“ตามมารยาทแล้วเขาต้องไปหานังเดียร์ ส่วนกุเทพต้องมาอาละวาดฉัน โอเค้”
ทางด้านมธุรินแม้เวลาจะผ่านไป แต่ก็ยังไม่ยอมออกจากห้อง บัวบงกชจึงเดินขึ้นมาเคาะประตูเรียกอีกครั้ง
“เดียร์ เปิดประตูให้แม่หน่อยซิจ๊ะ” แต่ทุกอย่างเงียบเหมือนเดิม ยังไม่มีเสียงตอบออกมา
“ลูกเดียร์ นี่แม่อยู่คนเดียวนะลูก คุณพ่อไม่อยู่” บัวบงกชบอก
“เดียร์ไม่อยากพูดกับใครทั้งนั้น ไม่ว่าคุณพ่อหรือคุณแม่”
“ลูกจ๋า นั่นมันไม่ได้เสียหายอะไรมาก”
“ตบตีกันอย่างป่าเถื่อนน่ะหรือคะ ไม่เสียหาย”
บัวบงกชถอนใจ แล้วเดินลงไป
ขณะนั้นกานนกำลังนั่งรออยู่ภายในห้องรับแขก บัวบงกชถึงกับโล่งใจ สีหน้าดีใจอย่างชุดเจนเมื่อเดินลงมาเห็นกานนนั่งอยู่
“กานน อาดีใจที่เห็นเธอ ช่วยขึ้นไปพูดกับเดียร์ให้หน่อยเถอะ แกอยู่แต่ในห้อง ไม่ยอมออกมา อากลัวแกจะทำร้ายตัวเอง เพราะไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน”
“คุณอาพาผมไปเลยครับ”
บัวบงกชเดินนำ พากานนขึ้นไปข้างบน
บัวบงกชเคาะประตูห้องมธุรินเบาๆ พลางร้องเรียก
“เดียร์ คุณกานนมาแน่ะลูก”
“เดียร์ ออกมาคุยกันดีไหมครับ”
กานนพูดไม่ทันจบคำ ประตูห้องก็เปิดออก มธุรินน้ำตาไหลพรากโผเข้ากอดกานน
“กานนคะ กานน เดียร์อายเหลือเกิน เดียร์จะมีหน้าไปที่ไหนได้ คนจะต้องมองแล้วซุบซิบกันว่ายัยคนนี้ตบกับเพื่อน”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร ลงไปคุยข้างล่างดีกว่า”
กานนพูดพลางโอบมธุรินพาเดินลงไป บัวบงกชมองตามงงๆ พลางถอนใจอย่างโล่งอก ก่อนจะเดินตามลงไป
ทางด้านกุเทพมาหาพิณสุดาที่บ้านตามที่พิณสุดาคาดการณ์เอาไว้แล้ว พีระพลเดินนำกุเทพเข้ามาในบ้าน ซึ่งเจอซีนที่พิณสุดากำลังนั่งบีบน้ำตาอยู่
“กุเทพ”
พิณสุดาโผเข้ากอดกุเทพทั้งน้ำตา พีระพลมองขำๆ แล้วเดินออกไป
“เรื่องมันเป็นยังไง”
กุเทพจับไหล่พิณสุดาออกห่างขณะถาม
“เดียร์เขามาหากิ๊บที่นี่ มาต่อว่าเรื่องที่กิ๊บเล่าให้คุณฟัง กิ๊บพยายามอธิบาย แต่เขากลับตบกิ๊บ กิ๊บเลยต้องสู้”
“แล้วใครถ่ายคลิปไว้”
“กิ๊บไม่ทราบค่ะ อาจเป็นคนแถวๆ นี้ เพราะคนอิจฉากิ๊บเยอะ เขาจะแกล้งประจานกิ๊บ แต่เดียร์ต้องโดนไปด้วย กิ๊บเสียใจจริงๆนะคะ”
กุเทพมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งขณะฟังพิณสุดาคร่ำครวญ
เมื่อเตชกลับมาถึงบ้านจึงได้พบว่ากานนแวะมา เตชหันไปคุยกับมธุรินถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“บอกพ่อได้ไหมลูก ว่าเรื่องมันเป็นยังไง”
มธุรินก้มหน้านิ่ง
“เดียร์ คุณกับกิ๊บมีเรื่องอะไรกัน” กานนถามขึ้นมา
“เดียร์ไม่อยากพูดถึงมันแล้วค่ะ เดียร์อยากลืม”
“ลืมได้ยังไง” บัวบงกชแย้ง
“ฉันเห็นด้วยกับลูก ปล่อยให้เรื่องมันเงียบไป เราไม่ใช่ดาราอีกไม่นานเขาก็ลืม” เตชคิดว่าตัวเองเข้าใจความรู้สึกลูกสาวดีแล้ว
“แต่ผมไม่ลืม ผมจะเอาเรื่อง” กานนบอกอย่างเห็นด้วยกับบัวบงกช
“แล้วทำไมคุณไม่เอาเรื่อง ตั้งแต่วันแรกที่คุณรู้” เตชแขวะบัวบงกช
“ก็เพราะมันยังไม่มีคลิปออกมาน่ะซิ” บัวบงกชเถียง
“คุณพ่อห่วงชื่อเสียงตัวเองมากว่าเดียร์ คุณพ่อกลัวคนที่เห็นคลิปจะรู้ว่าเป็นลูกคุณพ่อ” มธุรินพูดขึ้นอย่างฉุนๆ
“ลูกเดียร์”
“กานน ช่วยพาเดียร์ไปจากที่นี่ได้ไหมคะ” มธุรินหันมาพูดกับกานน
กานนมองบัวบงกช บัวบงกชพยักหน้าเห็นด้วย
“ไปซิ”
กานนพามธุรินออกไป เตชตะโกนออกมาอย่างอัดอั้น
“โอ๊ย”
บัวบงกชเหลียวมองเตชอย่างไม่สนใจ แล้วเดินขึ้นข้างบน
มธุรินได้ยินเสียงตะโกนของพ่อไล่ตามหลังมาจึงหยุดนิ่งมือกำแน่น หลับตา สีหน้าเจ็บปวด เหมือนกำลังถูกบีบคั้นอย่างหนักจากเสียงตะโกนพูดของพ่อ กานนแตะหลังมธุรินเป็นเชิงปลอบใจอย่างอ่อนโยน
“ไปกันเถอะ”
มธุรินจับมือกานนเดินไปเหมือนจะยึดเหนี่ยวไว้เป็นที่พึ่งrb’
กานนขับรถพามธุรินมาที่บ้าน รัตนรัช
“ขอบคุณมากนะคะ กานน”
มธุรินบอกเมื่อกานนขับรถเข้ามายังที่จอด
“เราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนอยู่แล้ว”
ได้ยินดังนั้นมธุรินก้มหน้านิ่ง ดวงตาปรากฏแววสะเทือนใจ แล้วจึงเปิดประตูลงไป กานนก้าวตามมา
อุษยาเป็นปลื้มเมื่อเห็นว่ากานนพามธุรินมาบ้านสองต่อสอง เจ้าสัวทศอยู่ตรงนั้นด้วย
“อาดีใจที่กานนไปรับหนูเดียร์มาเที่ยวบ้าน กำลังเหงาทีเดียว”
“ฉันโทรไปชวนมัสลินมาเหมือนกัน”
เจ้าสัวทศบอก ทุกคนชะงัก ขณะที่กานนสะดุ้ง
“เขาไม่มีถ่ายละคงละครอะไรแล้วหรือคะ” อุษยาถามอย่างไม่ค่อยพอใจ
“คงไม่มีมั้ง ไม่ยังงั้นเขาจะรับปากทำไม จริงมั้ย เจ้าปลิว” ท้ายประโยคเจ้าสัวทศหันไปพูดกับหลานชาย
กานนยิ้มแห้งๆ ขณะที่อุษยามองขวางๆ
อุษยาพามธุรินเดินเข้ามาในครัว ซึ่งสาวใช้กำลังเตรียมทำอาหารอยู่
“อากำลังจะทำอาหารกลางวันให้คุณพ่อ หนูมาก็ดีแล้ว จะได้ช่วยกัน”
“คุณอาจะทำอะไรหรือคะ”
“ราดหน้าทะเลจ้ะ ของหวานมีขนมบัวลอยเผือก”
“งั้นเดียร์เป็นลูกมือให้นะคะ” มธุรินบอก
“ดีเลย” อุษยายิ้มอย่างเป็นปลื้ม
มธุรินจัดการล้างผักอย่างทะมัดทะแมง
ขณะนั้นกานนยังนั่งคุยอยู่กับเจ้าสัวที่ห้องรับแขก
“อาก๋งจะชวนเขามา ทำไมไม่บอกผม” กานนหมายถึงม่านมัสลิน
“ก็แล้วทำไมฉันจะต้องบอกแกด้วยล่ะ พอดีเขามาถ่ายละครอยู่แถวๆ นี้”
“อ้าว แล้วทำไมเมื่อกี้อาก๋งบอกอาหญิงว่าไม่ทราบว่ามัสลินถ่ายละครหรือเปล่า”
“ขืนบอกว่ารู้ มันก็จะบ่นไม่มีวันสิ้นสุด” ระหว่างนั้นเสียงแตรรถดังขึ้น
กานนผุดลุกขึ้นทันที “คงจะมาแล้ว”
กานนเดินออกไป เจ้าสัวมองตามด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ม่านมัสลินขับรถมา สีหน้าแสดงความแปลกใจเมื่อเห็นกานนยืนเหมือนจะรอเธออยู่แล้วที่หน้าตึก ม่านมัสลินจอดรถเปิดประตูรถลงมาพร้อมถุงผลไม้และขนมหลายถุง กานนรับของมาถือ แล้วหันไปพยักหน้าเรียกคนสวนที่อยู่แถวนั้น
“เอานี่ไปไว้ในครัวด้วย”
“ครับ”
คนสวนรับของ แล้วเดินอ้อมไปเข้าหลังบ้าน
“ไปคุยกันทางโน้นก่อน”
ม่านมัสลินแปลกใจ แต่ก็เดินตามไป
กานนพาม่านมัสลินมาคุยในสวน
“เดียร์อยู่ที่นี่” กานนเอ่ยขึ้น ม่านมัสลินเหมือนจะชะงักไปนิดหนึ่ง “ผมเป็นคนพาเขามาเอง” กานนพูดต่อ
“แล้วคุณมาบอกฉันทำไมคะ”
“ผมจะอธิบายให้คุณเข้าใจ”
“ฉันเข้าใจตั้งนานแล้ว ว่าพวกคุณเป็นแฟนกัน”
ม่านมัสลินพูดพลางจะเดินย้อนกลับเข้าไปในบ้าน แต่กานนขวางไว้
“หน้าตาแบบนี้แสดงว่ายังไม่เข้าใจ”
“กรุณาหลีกทางด้วยค่ะ...ญาติ”
ม่านมัสลินเน้นคำสุดท้าย แต่กานนยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“เดียร์มีเรื่องกับกิ๊บ”
“ไม่น่าเชื่อนะคะ ปกติเหมือนคอหอยกับลูกกระเดือก” ม่านมัสลินแขวะ
“ตอนนี้เดียร์น่าสงสารมาก” กานนบอก
“จะต้องให้เตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้เช็ดน้ำตาด้วยมั้ยคะ”
ม่านมัสลินเยาะ กานนยังใจเย็นบอกต่อ
“คุณคงยังไม่เห็นคลิปเดียร์ตบกับกิ๊บ”
ม่านมัสลินชะงักเมื่อได้รู้เรื่อง ขณะที่กานนมองตาม่านมัสลินสีหน้าแน่วแน่
ที่ห้องครัวสาวใช้รับถุงอาหาร ขนม ผลไม้ จากคนสวน
“ใครเอามาให้น่ะ เดี๋ยวจัดใส่จานเลย ผลไม้ล้างเสียก่อน”
อุษยาถามพร้อมกับสั่งไปด้วย
“คุณมัสลินครับ”
พอคนสวนบอก ทำให้อุษยากับมธุรินถึงกับชะงัก
“อวดร่ำอวดรวย ฮึ!” อุษยาทำเสียงหมั่นไส้
“เขาคงไม่ได้คิดอย่างนั้นกระมังคะ”
“จะให้จัดใส่จานเลยมั้ยคะ” สาวใช้ถามอุษยา
“จัดซิยะ เดี๋ยวใครจะมาหาว่าฉันเป็นมารคอหอย” อุษยาหมายถึงเจ้าสัวทศ
“คุณอาคะ เดียร์ควรจะกลับหรือเปล่าคะ”
“กลับทำไม อาไม่ให้กลับ เจ้าปลิวไปพาหนูมา เขาต้องรับผิดชอบพาไปส่ง”
สีหน้ามธุรินเริ่มอึดอัดกังวล
ขณะเดียวกันนั้นกานนกับม่านมัสลินยังคงคุยกันอยู่ในสวน กานนเล่าเรื่องมธุรินให้มัสลินฟัง
“ผมสงสาร ก็เลยชวนเดียร์มาที่นี่”
กานนบอกเมื่อเล่าจบ
“คลิปคุณมธุรินยังไม่ได้ขี้เล็บคลิปของฉัน แถมยังมีมัสลิน 2 ออกมาด้วย” ม่านมัสลินออกความเห็น
“บางที อาจจะไม่ใช่ความคิดของเดียร์”
“หรือคะ”
“มัสลิน ผมอยากให้คุณกับเดียร์ญาติดีกัน”
“ขอบคุณค่ะ แต่ชีวิตฉันอยู่ได้โดยไม่ต้องญาติดีกับแฟนคุณ”
“ให้ตายเถอะ ทำไมคุณถึงได้ดื้อนักนะ”
“การที่ฉันไม่คล้อยตามคุณนี่เรียกว่าดื้อหรือคะ”
“มัสลิน” กานนเหมือนจะเหลืออด
“ฉันจะไปหาคุณตาค่ะ กรุณาหลีกทางให้หน่อย”
กานนยอมหลีกทางให้ ม่านมัสลินเดินเชิดๆ ออกไป กานนเดินตามไปช้าๆ
เจ้าสัวทศหันไปมองเมื่อเห็นม่านมัสลินเดินเข้ามา ติดตามมาด้วยกานน
“เจ้าปลิวพาหายไปไหนมาตั้งนาน”
ม่านมัสลิน เข้ามาคุกเข่ากราบที่ตักเจ้าสัว
“พาไปทะเลาะกันครับ” กานนบอกขึ้น ทำเอาม่านมัสลินคอแข็งขึ้นมาทันที ขณะที่เจ้าสัวทศหัวเราะชอบอกชอบใจ
“ส่วนใหญ่มัสลินเป็นคนทะเลาะอยู่คนเดียวครับ”
“คุณตาหิวหรือยังคะ มัสซื้อของมาให้คุณตาทานตั้งหลายอย่าง”
“ดี วันนี้ของกินอุดมสมบูรณ์ นี่แม่อุษกับหนูเดียร์ก็อยู่ในครัว”
“ออกมาแล้วค่ะ”
ทุกคนหันไปมองตามเสียง เห็นอุษยากับมธุรินเดินเข้ามา ม่านมัสลินยกมือไหว้อุษยาแล้วทำเป็นไม่เห็นมธุริน อุษยารับไหว้แค่อกตามเคย
บรรยากาศเริ่มอึดอัด
“กับข้าวกับปลาเสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จก็ตั้งโต๊ะเลย” เจ้าสัวทศถาม
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“งั้นก็ไปกินกัน”
เจ้าสัวทศขยับจะลุก ม่านมัสลินเข้าไปช่วยประคอง
“เดินดีๆ ค่ะ คุณตา”
กานนยิ้มกับมธุรินเดินไปที่โต๊ะอาหารด้วยกันพร้อมๆ กับอุษยา
จบตอน 28
โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป