ในรอยรัก
ตอนที่ 21
ค่ำคืนนั้นจิรดาตัดสินใจแวะมาหาบัวบงกชที่บ้าน จิรดานั่งดูเอกสารในมือแล้วเก็บลงซอง สีหน้าเป็นกังวล บัวบงกชเดินเข้ามาที่ห้องรับแขก
“จิรดา”
จิรดาหันมาที่บัวบงกชลุกขึ้นยืน
“ฉันมีเรื่องด่วนจะต้องบอกเธอ”
บัวบงกชเดินเข้าไปหาจิรดา
“ถ้าเรื่องเธอกับครอบครัวเจ้าสัวทศ ฉันรู้เรื่องแล้ว ยินดีด้วย”
“ยินดีด้วย? แค่นั้นน่ะเหรอ” บัวบงกชหลบสายตาซักไซ้ของจิรดา
“ฉันกลายเป็นลูกสาวเจ้าสัว แน่นอนว่ามัสลินก็กลายเป็นทายาทเจ้าสัวเช่นกัน ในฐานะหลานสาว” บัวบงกชนั่งลงอย่างเตรียมใจ
“เธอรู้ทั้งรู้ว่ามัสลินไม่ใช่ลูกสาวฉัน เธอยังทำเฉยอย่างนี้ได้ด้วย”
“ฉันไม่มีทางเลือก ถ้าทำอะไรได้ ฉันทำไปนานแล้ว”
“ก็ดี ได้ยินอย่างนี้ก็ดี ชัดเจนนะว่าเธอไม่ต้องการมัสลิน มัสลินไม่ใช่ลูกเธอ”
บัวบงกชปากคอสั่น อัดอั้นตันใจเป็นที่สุด
“ให้เวลาฉันได้มั้ย ฉันตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องทำยังไง แต่ฉันทำอะไรตอนนี้ไม่ได้”
“ฉันไม่ใช่เทวดา ฉันไม่เข้าใจที่เธอพูดหรอก แต่ที่แน่ ๆ” จิรดามองลงที่ซองเอกสาร
“เอกสารนี่คงไม่จำเป็นสำหรับแม่อย่างเธอแล้วละ”
“เอกสารอะไร”
“ก็เอกสารที่บอกว่ามัสลินคือลูกในไส้ของเธอน่ะสิ!”
บัวบงกชอ้าปากค้าง น้ำตาร่วง จิรดาเห็นท่าทีบัวบงกชแล้วรู้สึกรำคาญใจ
“เอาละ ๆ ปิดความลับเรื่องมัสลินให้มิดก็แล้วกัน มันถูกต้องแล้วละที่เค้าจะเป็นหลานสาวเจ้าสัว มัสลินลำบากเพราะฉันมามาก ฉันไม่อยากทำให้มัสลินสบายเสียที”
“ฉันรับปาก ขอบใจนะจิรดา”
บัวบงกชจับไม้จับมือจิรดา
“วันที่ทุกอย่างเปิดเผยคงเป็นวันพินาศของฉัน” บัวบงกชหน้าม่อย
“โฮ้ยเลิกทำท่าสนิมสร้อยเสียใจซะที ฉันไปละ”
เตชเข้ามาเห็น รีบเข้าดึงบัวบงกชออกห่างจิรดา
“เค้าทำอะไรคุณ”
จิรดาค้อนขวับ
“จิรดาเค้าไม่ใช่ใครที่คุณจะพูดอย่างนี้ได้นะคะเตช วันนี้เธอคือจิรดา รัตนรัช”
“ให้เกียรติกันหน่อยก็ดีนะ” จิรดาคว้าข้าวของตัวเองแล้วออกไป “อ้อ แล้วเลิกตามรังควานม่านมัสลินหลานสาวเจ้าสัวทศซะด้วยนะ อย่าหาว่าไม่เตือน”
จิรดาออกไปอย่างองอาจ เตชงึมงำงุนงง
“หลานสาวเจ้าสัวทศ ทศ รัตนรัชนน่ะเหรอ”
เตชหันมาถามบัวบงกช บัวบงกชพยักหน้า สีหน้าผ่อนคลายขึ้น
ที่โรงพยาบาล กานนคุยกับดุสิตและเกวลินพลางยื่นซองเอกสารน้ำตาลให้ดุสิต
“ข้อมูลจากสายสืบค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นฝีมือของพวกนายศิธา คุณเก็บเอาไว้ก่อน บ่ายๆ คงมีเจ้าหน้าที่โทรติดต่อเข้ามา”
“ขอบคุณมากครับ ได้คุณกานนช่วยนี่ผมเบาใจไปเยอะ ใช่มั้ยเก๋”
“แต่ยังไงก็ต้องระวังตัวด้วยนะคะ ถ้าพวกนั้นรู้ว่าถูกล้วงความลับอย่างนี้ไม่ดีแน่”
กานนยิ้มรับ แต่ตาก็กวาดมองไปที่ประตูห้องน้ำเหมือนกำลังหาใคร เกวลินหันซ้ายหันขวามองตามแล้วก็มาหยุดที่หน้ากานน
“มองหายัยมัสเหรอคะ”
กานนทำหน้าเก้อ ๆ ตอบเรียบ ๆ
“หวังว่าเค้าคงไม่ได้ทำอะไรห่าม ๆ เพื่อคุณคิมนะครับ”
ดุสิตหัวเราะ
“คิดเหมือนกันเลย คุณมัสเธอแปลก ๆ บทจะกล้าก็กล้าเกินหญิงใช่มั้ยครับ”
แม็กกี้เข้ามาพร้อมมัสลิน
“นินทาอะไรมัสกันอยู่คะ”
ดุสิตรีบยกมือไหว้แม็กกี้
“หวัดดีครับมี๊”
“จ้ะๆ สวัสดี” แม็กกี้มองกานนและเกวลิน
“มาดามแม็กกี้ คุณแม่ของคุณคิมค่ะ” มัสลินบอกเกวลินกับกานน เกวลิน-กานนยกมือไหว้แม็กกี้
“เก๋ค่ะ เป็นเพื่อนของคุณคิม”
มัสลินชำเลืองที่กานนอย่างชั่งใจแล้วเอ่ยขึ้น
“ส่วนนี่...คุณกานน รัตนรัช พี่ชายมัสเองค่ะ”
แม็กกี้หันไปยิ้มให้กานน
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณเป็นพี่ชายที่โชคดีมากที่มีน้องสาวน่ารักแล้วก็เก่งขนาดนี้ คงหวงมากเลยสินะคะ”
กานนลอบสบตามัสลิน มัสลินยิ้มรับคำพูดของแม็กกี้ เกวลินมองท่าทีของมัสลินด้วยสีหน้าไม่สบายใจ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
“คุณกานนไปพบตำรวจมาค่ะ ตอนนี้เหมือนว่าจะมีอะไรคืบหน้าบ้างแล้ว”
แม็กกี้ยิ้มให้กานน
“ต้องขอบคุณมากเลยค่ะ นายคิมช่างโชคดีจริงๆ ที่มาเจอเพื่อนดีๆ แบบพวกคุณ” แม็กกี้พูดจบก็หันไปทางมัสลินอย่างเอ็นดู
“หนี้สินของนายศิธาฉันรับรองว่าหนูจะได้คืนทุกบาททุกสตางค์” แม็กกี้บอกเกวลิน
“มามี๊ทราบเรื่องนี้ด้วย?”
“ก็ฝีมือคนนี้เค้านั่นละ บุกไปทวงหนี้ถึงถ้ำเสือ ฮ่ะๆ ๆ”
แม็กกี้บอกแล้วเหลือบไปที่มัสลิน กานนมองมัสลินด้วยสายตาดุ มัสลินหรุบตาต่ำหลบสายตากานน
ส่วนที่บ้านของเตช เมื่อเตซรู้ว่ามัสลินเป็นหลานสาวเจ้าสัว บัวบงกชจึงนั่งประจันหน้ากับเตชด้วยหน้าตาจริงจัง
“กับอีแค่เป็นหลานสาวเจ้าสัว ทำมาเบ่ง โธ่เอ้ย”
“แต่ยังไงฉันก็อยากให้คุณเลิกล้มความคิดที่จะทำลายมัสลินซะเถอะ”
เตชทำหน้ายิ้มเยาะใส่บัวบงกช
“คุณคิดเหรอว่าถ้าผมยอมทำตามที่คุณขอ แล้วนังเด็กมัสลินนั่นมันจะอยู่รอดปลอดภัยน่ะ ศัตรูมันออกจะเต็มบ้านเต็มเมือง ถึงผมไม่ทำคนอื่นก็ทำ”
บัวบงกชตกใจ
“คนอื่นน่ะจะใคร ก็มีแค่เสี่ยศักดาเพื่อนเลว ๆของคุณ”
“ทำไมคุณถึงต้องเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องของเด็กคนนั้นขนาดนี้ บอกผมมาสิ ทำไมผมถึงต้องเชื่อแล้วทำตามที่คุณขอ”
มธุรินกำลังจะเดินผ่านห้องรับแขกได้ยินเตชส่งเสียงดังก็ชะงักเท้า เงี่ยหูฟัง บัวบงกชนิ่งไปครู่หนึ่ง
“คุณเตชฉันบอกคุณได้แค่ว่าถ้าคุณทำอะไรลงไป คุณจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”
มธุรินขยับเดินเข้าไปใกล้ เตชจ้องหน้าบัวบงกชเลือดขึ้นหน้า
“ผมไม่ไหวแล้วนะบัว ถึงขั้นที่ผมจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ทำไมหรือคุณจะทำอะไรผม”
บัวบงกชสูดหายใจเข้ากำลังจะอ้าปากพูด
“คุณอยากรู้นักใช่ไหม ก็เพราะเด็กมัสลินนั่นน่ะเป็น...”
“อุ๊ย ขอโทษค่ะคุณเดียร์ หนูไม่เห็น”
คนใช้สะดุ้งตกใจเห็นเงามธุรินยืนหลบในมุมมืด บัวบงกชชะงักหันไปเห็นมธุรินยืนอยู่ก็เงียบ มธุรินหน้าเจื่อนที่ถูกจับได้ว่าแอบฟังหันไปดุคนใช้
“เธอนี่...จะเข้ามาทำไมตอนนี้”
คนใช้หน้าหงอก้มหัวงุด บัวบงกชกับเตชได้แต่มองหน้ากัน ต่างคนต่างเงียบ เพราะไม่อยากทะเลาะให้มธุรินเห็น
กานนจับแขนมัสลินแน่น ขณะดึงให้เดินมาด้วยกัน
“นี่คุณ ไม่ต้องมาดึงอะไรกันขนาดนี้ก็ได้ ฉันเจ็บ”
กานนปล่อยแขนมัสลินแล้วจับไหล่มัสลินหมุนมาประจันหน้า มัสลินกับกานนจ้องหน้ากันนิ่ง มัสลินรู้สึกตัวก็ขยับไหล่ออกมาจากมือของกานน
“มีอะไรก็พูดๆ มา”
“ผมขอห้ามไม่ให้คุณไปเจอกับเสี่ยศักดาอีกเป็นอันขาด”
มัสลินฟังแล้วทำหน้างอ
“ฮึ ที่อุตส่าห์ลากออกมาเนี่ย จะมาพูดแค่นี้ใช่ไหม กลัวฉันจะทำให้สกุลรัตนรัชของคุณเสื่อมเสียล่ะสิ”
กานนทำหน้าเหนื่อยใจ
“มัสลินทำไมคุณไม่คิดบ้างว่า ที่ผมห้ามเนี่ยเพราะผมเป็นห่วงคุณ”
มัสลินมองหน้ากานนอึ้งไป
“ยังไงๆ ฉันก็ต้องตอบแทนคนที่ทำดีกับฉัน ทั้งพี่เก๋ แล้วก็คุณคิมถ้าไม่มีพี่เก๋กับคุณคิม ก็คงไม่มีมัสลินให้คุณลากมายืนตรงนี้หรอก” กานนพูดไม่ออก
“ห้ามอะไรฉันก็ห้ามไปเถอะค่ะ แต่อย่าห้ามฉันไม่ให้ตอบแทนคุณคนเลย ...โดยเฉพาะคุณคิมที่ฉันต้องทดแทนให้เค้าทั้งชีวิต”
กานนเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด
“ทดแทนให้เค้าทั้งชีวิต”
“ใช่”
“ด้วยการแต่งงานกับเค้าอย่างที่คุณเคยพูดงั้นเหรอ คุณคิดอะไรฉลาด ๆ กว่านี้ไม่ได้แล้วรึไง”
“คุณกานน!”
มัสลินเสียงดังใส่กานนด้วยความโกรธ กานนเสียงดังกลับ
“ผมไม่ให้คุณแต่งงานกับนายคิม!”
“คุณเสียสติไปแล้ว แค่ความเป็นญาติ ความเป็นพี่ชายมันทำให้คุณมีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวฉันด้วยเหรอ”
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ผมขอสั่งห้ามไม่ให้คุณแต่งงานกับนายคิม แค่คิดก็ไม่ได้!”
“บ้าอำนาจ น่ารังเกียจที่สุด ฉันไม่น่ามีญาติอย่างคุณเลย”
มัสลินก้าวหนีไปอย่างคับแค้นใจ กานนมองตาม หงุดหงิดที่พูดไม่ได้ กานนทุบฝ่ามือเปรี้ยงที่ผนังอย่างอัดอั้น
คืนเดียวกันนั้นกุเทพผลักประตูร้านเข้ามาเห็นแสงไฟจากห้องทำงานส่วนตัวเปิดอยู่ก็สงสัยกุเทพยืนอยู่หน้าห้องชะโงกหน้าเข้าไปเห็นมธุรินก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ก็ตะโกนทัก
“อ้าวคุณเดียร์ รู้ได้ยังไงว่าผมจะเข้ามาทำงานเนี่ย”
มธุรินเงยหน้าขึ้นมาเห็นกุเทพก็หน้าเสีย
“เดียร์ เอ่อ...”
กุเทพมองเข้าไปเห็นกล่องใส่ของใช้ส่วนตัวมธุรินวางอยู่ข้างๆ
“ผมว่าจะคุยกับคุณอยู่เรื่องขายหุ้น ทำไมคุณไม่บอกผมสักคำ ผมโทรไปก็ติดต่อคุณไม่ได้ นี่คุณไม่พอใจอะไรผมหรือเปล่า คุณเดียร์?”
มธุรินทำหน้าไม่ถูกได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตา กุเทพเดินเข้าไปใกล้ก้มหน้ามองอย่างสงสัย
“แล้วนี่คุณถึงขั้นหลบเข้ามาเก็บของตอนกลางคืนแบบนี้ คุณตั้งใจหลบหน้าผมชัด ๆ”
กุเทพชักเอะใจ ถามมธุรินอย่างตั้งใจ “รึผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจ”
มธุรินก้มหน้าส่ายหัวน้ำตาไหลออกมา กุเทพตกใจที่เห็นมธุรินร้องไห้ มธุรินรีบยกมือปาดน้ำตาออกก้มหน้างุด
“คุณเดียร์...”
มธุรินกลั้นไม่อยู่ร้องไห้โฮออกมา กุเทพหน้าเสียเริ่มนึกถึงเสียงที่หลอนอยู่ในหัวเขาขึ้นมา
“อย่า...อย่าทำเดียร์ค่ะคุณกุ นี่เดียร์เอง”
หน้ากุเทพเหยเกเข่าอ่อน
“หรือว่า...” มธุรินก้มหน้าก้มตาร้องไห้ไม่หยุด
ที่บ้านมัสลินขณะนั้นจิรดานั่งไม่ติดเดินพล่านสลับกับชะเง้อมองออกไปหน้าบ้าน
“ทำไมกลับดึกอย่างนี้นังมัส”
เสียงรถมัสลินแล่นเข้ามา จิรดารี่ไปที่ประตู มัสลินเดินเข้าบ้านมาเห็นจิรดายืนรออยู่ก็ยิ้มทัก
“นี่แม่มารอมัสเหรอคะ”
จิรดารีบยิงคำถามใส่มัสลินลนลาน
“แกไปเจอกานนมาเหรอ แล้วคุยอะไรกันเขาพูดอะไรกับแกบ้าง”
มัสลินงงกับท่าทีของจิรดา
“ก็ไม่มีอะไรนี่คะแม่ เขาควรจะพูดอะไรกับมัสเหรอคะ”
จิรดาถอนหายใจอย่างโล่งอก ปรับสีหน้าให้ดูเป็นปรกติ
“เปล่า ฉันแค่เป็นห่วงกลัวเขาจะพูดอะไรให้แกเสียใจอีก”
มัสลินยิ้มออกมาปลื้มที่จิรดาเป็นห่วง
“ไม่หรอกค่ะแม่”
มัสลินมองเสื้อผ้าและเครื่องประดับจิรดาแล้วยิ้มกว้าง
“แหม เดี๋ยวนี้แม่ของมัสแต่งตัวสวยทุกวันเลยนะคะ สวยขึ้น สวยขึ้นทุกวัน” จิรดายิ้มเก้อ ๆ “ไม่ต้องทำท่าเขินหรอกค่ะแม่ มัสขึ้นห้องอาบน้ำก่อนนะคะเหนียวตัวจัง”
จิรดาพยักหน้าแล้วมองตามหลังมัสลินไป ทอดถอนใจ โล่งอก ก่อนจะก้มดูนาฬิกาและแหวนใหม่ที่ใส่อยู่แล้วบ่นกับตัวเองปลง ๆ
“เฮ้อ ของใหม่สวย ๆ งาม ๆ ทั้งนั้น ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตฉันวุ่นน้อยลงเลยนี่ฉันต้องการอะไรกันแน่เนี่ย”
ทางด้านมธุรินกับกุเทพ ...มธุรินเดินหนีกุเทพที่วิ่งตาม พยายามตะโกนเรียกให้มธุรินหยุด
“คุณเดียร์หยุดคุยกับผมให้รู้เรื่องก่อนได้ไหม” มธุรินไม่สนใจรีบจ้ำไปที่รถ กุเทพยังคงตะโกนไล่หลังไป “มันเกิดอะไรขึ้นคุณเดียร์ ถ้าไม่มีอะไรทำไมคุณต้องเดินหนีผม”
มธุรินเดินถึงที่รถก้มลงควานหารีโมทกุญแจรถในกระเป๋า กุเทพตามมาทันคว้าแขนมธุรินไว้ มธุรินพยายามสะบัด และไม่ยอมสบตากุเทพ
“ปล่อยค่ะ เดียร์จะกลับบ้าน”
กุเทพรวบตัวมธุรินไว้ในอ้อมแขน มธุรินพยายามออกแรงสะบัดแต่สู้แรงกุเทพไม่ไหว
“ผมปล่อยคุณกลับแน่ แต่คุณต้องหันมาตอบผมว่าคุณหลบหน้าผมเพราะอะไร”
มธุรินหยุดดิ้นแต่ยังไม่กล้าหันไปหากุเทพ
“คุณคิดอะไรของคุณไปเอง เดียร์ไม่ได้หลบไม่ได้อะไรทั้งนั้น เดียร์แค่จะเข้าไปเก็บของๆ เดียร์ที่ร้าน”
กุเทพบิดตัวมธุรินให้หันมาประจันหน้า มธุรินหันหน้าไปทางอื่น
“ฟังนะคุณเดียร์ ผมมั่นใจว่าเป็นคุณและผมพร้อมจะรับผิดชอบ”
มธุรินหันมาจ้องหน้ากุเทพสายตาแข็งกร้าว
“ถ้าคุณคิดจะรับผิดชอบล่ะก็หาทางทำให้เดียร์ได้แต่งงานกับกานนสิ กานนคือคน ๆ เดียวเท่านั้นที่เดียร์ต้องการ”
กุเทพมองหน้ามธุรินอย่างผิดหวัง ปล่อยมธุรินออกเป็นอิสระ มธุรินรีบกดรีโมทเปิดล็อครถแล้วขึ้นรถขับออกไปทันที
วันต่อมาพิณสุดาเดินเข้าไปถึงห้องโถงบ้านกานนเห็นอุษยากำลังนั่งดูรายการอาหารสำหรับงานเลี้ยงอยู่กับกุเทพ
“ทำอะไรกันอยู่คะคุณย่าคุณหลาน”
อุษยาเงยหน้าขึ้นมาเห็นพิณสุดาก็ยิ้มหวานต้อนรับ
“อ้าวหนูกิ๊บ ย่ากำลังให้ตากุช่วยเลือกอาหารสำหรับงานเลี้ยงอยู่น่ะ หนูมาก็ดีย่าจะได้ขอความคิดเห็นซะเลย”
พิณสุดายกมือไหว้อุษยา ฝ่ายกุเทพหันมาเห็นพิณสุดาก็เบือนหน้าหนีด้วยความเบื่อหน่าย พิณสุดาเห็นอาการกุเทพก็ยิ่งรีบเดินเข้าไปใกล้แกล้งยั่ว พิณสุดาก้มลงดูรายการอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่แกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้กุเทพ กุเทพรีบขยับตัวออกห่าง พิณสุดาเห็นท่ากุเทพก็อดไม่ได้จะค่อนแคะ
“แหมกุ ไม่ต้องทำท่ารังเกียจกิ๊บออกนอกหน้าขนาดนี้ก็ได้”
อุษยาละสายตาจากรายการอาหารมองพิณสุดาและกุเทพ
“ตากุ ไปแกล้งอะไรหนูกิ๊บอีกล่ะหา” อุษยาดุกุเทพแล้วหันไปพูดกับพินสุดา
“หนูกิ๊บมาดูลิสต์รายการที่ย่าเลือกแล้วดีกว่า หนูคิดว่ายังไงจ๊ะ”
พิณสุดาหยิบกระดาษขึ้นมาดูทำท่าเป็นสนใจ
“นี่ตกลงงานเลี้ยงยังเป็นวันที่เดิมใช่ไหมคะคุณย่า”
พิณสุดาลองถามหยั่งเชิง เพราะกะว่าผลงานการแฉมัสลินต้องได้ผลแน่
“จ๊ะ ย่าคอนเฟิร์มวันไปกับทางออร์กาไนเซอร์เรียบร้อยแล้วด้วย คงไม่เลื่อนไปวันไหนแล้วล่ะ” พินสุดาขมวดคิ้วประหลาดใจ อุษยาจับมือพิณสุดาเอาใจ
“ย่ารู้ว่าหนูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่อยู่ ๆ พวกมัสลินก็กลายมาเป็นคนในครอบครัวรัตนรัช”
พิณสุดาฟังแล้วยิ่งงุนงง
“นี่แสดงว่ายังไม่มีใครรู้เรื่องนังมัสลินงั้นเหรอคะ”
“เรื่องอะไรกันอีกล่ะ ไม่น่ะลูก ก็อย่างที่ย่าบอก คนในครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ที่แล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ”
“คนในครอบครัว...ใช่ที่ไหนล่ะคะ ตัวแม่น่ะอาจจะใช่ แต่ตัวนังมัสลินเองน่ะไม่ใช่”
อุษยามองพิณสุดาอย่างแปลกใจ กุเทพหันขวับมาจ้องหน้าพิณสุดา
“ว่างมากนักเหรอ วันๆ ถึงได้คอยเที่ยวหาเรื่องใส่ความคนอื่นเขาแบบนี้น่ะ”
พิณสุดาหันไปถลึงตาใส่กุเทพ
“ใส่ความกันที่ไหน คนอย่างพิณสุดาถ้าหลักฐานไม่พร้อมไม่กล้าพูดออกมาหรอก”
กุเทพจ้องหน้าพิณสุดากลับ
“ผมว่าคุณเลิกรังควานชีวิตมัสลินเขาได้แล้วล่ะ ผมขอยืนยันว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้ว ถ้าจะมาด้วยเรื่องแค่นี้คุณกลับไปซะเถอะ”
กุเทพชี้ไปที่ประตู อุษยาทำท่าปวดหัว หันไปดุกุเทพ
“ตากุ เรานี่ยังไงเสียมารยาทกับหนูกิ๊บเขาตลอดเลยจริง ๆ”
พิณสุดาหงุดหงิดที่ทำอะไรมัสลินไม่ได้ตามเคย
“ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า กิ๊บว่ากิ๊บลาเลยดีกว่าอยู่ต่อก็เสียอารมณ์เปล่า ๆ”
พิณสุดาไหว้ลาอุษยาแล้วสะบัดหน้าพรืดออกไป
หลังจากพิณสุดากลับไปแล้ว กานน มธุริน อุษยายืนดูภาพจำลองลักษณะงานที่ทีมออร์แกไนเซอร์ทำมาพรีเซนต์...ทั้งหมดยืนอยู่กลางสวน เห็นทีมออร์แกไนเซอร์ชี้แต่ละจุดที่จะใช้จัดวางสำหรับวันงานจริง
“เวทีตั้งอยู่ตำแหน่งนี้เลยได้ไหมคะ ไม่มีอะไรบังด้านหน้า ไม่ว่ายืนอยู่มุมไหนก็เห็นเวทีได้ชัด”
อุษยาพยักหน้าเห็นด้วยกับทีมงาน มธุรินช่วยกานนเสริมเรื่องเวที
“เดียร์ว่าเวทีไม่ต้องสูงมากก็ดีนะคะ ตอนคุณปู่ขึ้นไปพูดจะได้ขึ้นง่ายหน่อย กานนว่าไงคะ”
กานนยิ้มให้แทนคำตอบ ทีมออร์แกไนเซอร์ทำท่าจดตามที่มธุรินพูด อุษยาหันมาแสดงความพอใจมธุริน
“วันนี้อาต้องขอบใจหนูเดียร์มากเลยนะจ๊ะ อุตส่าห์เสียเวลามาช่วยดูงานให้ ร้อนก็ร้อนเหนื่อยไหมจ๊ะเนี่ย”
มธุรินทำหน้าซื่อยิ้มใส ๆ ตอบอุษยา
“ไม่หรอกค่ะ เรื่องของกานนก็เหมือนเรื่องของเดียร์ ยังไงเดียร์ก็ต้องมาช่วยอยู่แล้วในฐานะคนสนิท”
มธุรินพูดพลางคล้องแขนกานนยิ้มแย้ม กานนยิ้มตอบให้มธุริน แต่สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ขณะนั้นเองเสียงโทรศัพท์มือถืออุษยาดัง อุษยาหยิบออกมาดูเบอร์แล้วกดรับสาย
“อ้อ มัสลิน มาถึงแล้วเหรอเข้ามาเลยสิอยู่ที่สวนกันนะ”
กานนได้ยินแล้วสีหน้าเครียดๆ เมื่อครู่ดูผ่อนคลายลงในทันที มธุรินสีหน้าเจื่อนลงเมื่อเห็นท่าทีของกานน
มัสลินก้าวลงจากรถกวาดสายตาเห็นรถจอดอยู่หลายคัน จนไปสะดุดที่รถของมธุรินก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“รถมธุริน ...เอายังไงดีเนี่ย”
มัสลินท่าทางลังเลอยู่พักใหญ่ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กานนแอบย่องเข้ามาทางด้านหลังมัสลินส่งเสียงกระแอมขึ้น
“อะแฮ่ม รอให้ผมเดินออกมารับเข้าไปเหรอครับ”
มัสลินตกใจหันไปหน้าเกือบชนกับหน้ากานน มัสลินตั้งสติได้รีบขยับตัวออกห่างจากกานน
“คุณ...ใครบอกว่ารอคุณ ฉันกำลังจะโทรเข้าไปบอกคุณอาคุณว่าจะฉันจะกลับ”
กานนปรายตาไปที่รถคันต่างๆ
“ม่านมัสลินเป็นโรคกลัวคนไปตั้งแต่เมื่อไร”
“ใครบอกว่าฉันกลัว ฉันแค่เบื่อที่จะมีปัญหา”
“ไม่กลัวงั้นก็เข้าบ้านไปด้วยกันเดี๋ยวนี้เลยสิ เสียเวลาทำไม”
กานนคว้าแขนมัสลิน มัสลินมองมือกานน
“เอ๊ะคุณนี่”
“ทำไม ผมเป็นพี่คุณ จับตัวน้องสาวไม่ได้?”
“คุณ” มัสลินพยายามจะยื้อแขนกลับแต่ ไม่สำเร็จ
“ครับ”
“คุณ”
“คร้าบ จะเรียกทำไม”
มัสลินเม้มปากอย่างอัดอั้น ดึงแขนตัวเองกลับมาได้ในที่สุด กานนยอมปล่อยแต่โดยดี
“จูงแขนแล้วไม่ยอมเดิน งั้นต้องอย่างนี้ มานี่ครับน้องมัสลิน”
กานนโอบไหล่มัสลินหมับ มัสลินตาโตด้วยความตกใจ กานนลอบยิ้มขำมัสลิน เพราะจงใจจะแกล้งมัสลินเล่น
“เอ้า ๆๆ ตัวสั่นเป็นลูกนกเลย ไหนว่าเจ๋งนักไงเรา”
“คุณ!”
“พี่ปลิวครับ”
มัสลินทำท่าอยากจะกรี้ดใส่กานน แต่กลั้นไว้
ขณะนั้นมธุรินกำลังปรึกษาอุษยาและทีมงานบางเรื่อง
“เดียร์ว่าในส่วนของอาหารให้จัดคละ ๆ กันดีกว่าค่ะ”
กุเทพเดินผ่านมาเห็นมธุริน ในมือกุเทพมีแก้วค็อกเทลสีสวยเล็กๆ ถืออยู่ด้วย
“อาก็ว่าดีนะ แขกจะได้สะดวกด้วยละ”
กุเทพมายืนข้างมธุริน
“ผมก็ว่าดีนะครับ”
มธุรินประหลาดใจ เงยหน้าขึ้นมองแล้วตกใจที่เป็นกุเทพ ขณะที่อุษยาหันคุยกับทีมงานอีกด้านหนึ่ง
“คุณกุเทพ”
“ผมมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่าครับ”
มธุรินคุมสติไว้ ทำหน้าเป็นปรกติ ยิ้มตอบกุเทพ
“เปล่านี่คะ เดียร์แค่ขี้ตกใจไปหน่อย”
อุษยาหันมาเจอกุเทพก็เหน็บใส่
“ตากุเรานี่มันจริง ๆเลยนะ งานที่บ้านแท้ ๆ ไม่มีออกมาช่วยกันเลย แล้วนั่นอะไรในมือ ดื่มแต่หัววันเลยเนี่ยนะ”
“ก็นี่ไงครับ ช่วยชิมเครื่องดื่มให้ ถือว่าเป็นการช่วยงานมั้ยครับคุณย่า”
กานนเดินเข้ามาพร้อมมัสลิน ดึงมือมัสลินมาจูง มัสลินดึงมือกลับ ไม่สำเร็จตามเคย
“มาแล้วครับหลานคุณอา”
“จอดรถอะไรกันทำไมมันนานจัง เอ้ามา ๆ มาดูทางนี้ ขอความคิดเห็นหน่อย ฉันไม่รู้ว่าจะถูกใจแม่เธอมั้ย”
อุษยาเดินนำมัสลินไปดูแผ่นงานกับทีมงาน มัสลินดึงมือจากกานน กานนยิ้ม ๆ
“ตั้งแต่รู้ว่ามัส..เอ้ออามัสเป็นญาติเรา ทุกอย่างดูผ่อนคลายขึ้นนะฮะ อา”
กุเทพบอกกับกานน
“ก็มีแต่แกคนเดียวนั่นละ ทำไมดูเครียดนักวะ”
คนใช้ยกแก้วค็อกเทลแก้วใหม่มาเปลี่ยนให้กุเทพ
“เครียดตรงไหน ผมอารมณ์ดีจะตาย... อาลองหน่อยมั้ยครับ”
กานนมองกุเทพที่ดูฝืนทำหน้ารื่นห่วง ๆ
อ่านต่อหน้า 2
ในรอยรัก
ตอนที่ 21 (ต่อ)
จิรดาเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้อง พลางอ่านเอกสารที่ขโมยมาจากรถกานนด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด จิราดาเดินมาทรุดตัวลงนั่ง นัยต์ตาที่เงยขึ้นมาจากเอกสารมีริ้วรอยกังวลเป็นห่วงมัสลินชัดเจน
“ใครที่มันทำอย่างนี้! มันต้องการอะไรกันแน่”
จิรดา นั่งนิ่งคิดครู่หนึ่ง แล้วกดโทรศัพท์ รอสักครู่
“คุณบัวบงกชอยู่หรือเปล่า”
“คุณบัวกำลังอัดรายการอยู่ค่ะ...คงต้องใช้เวลาอีกสักครู่ จะให้เรียนว่าใครโทรมาค่ะ”
“ไม่เป็นไร แล้วฉันจะโทรมาใหม่”
จิรดาวางโทรศัพท์ลงอย่างหงุดหงิด
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นกานนก็กำลังยืนกอดอกมองไปที่มัสลิน ซึ่งมัสลินกำลังคุยกับออร์แกไนซ์อย่างคล่องแคล่ว รู้งาน...มธุรินก้าวมาหากานน มองตามสายตากานน
“ดีจังนะคะ จู่ๆ กานนก็ได้น้องสาว”
“ครับ คุณเองก็น่าจะสนิทสนมกับมัสลินไว้ คิดซะว่าเค้าเป็นพี่สาว”
กานนพูดอย่างจงใจ มธุรินทำหน้างง
“ให้เดียร์เนี่ยนะคะ ทำเหมือนกับว่ามัสลินเป็นพี่สาว?”
“ครับ มัสลินเป็นลูกพี่ลูกน้องกับผม ก็น่าจะเป็นพี่สาวเดียร์ได้ รึเดียร์ไม่เห็นด้วย”
“เห็นด้วยสิค้า กานนว่าไงเดียร์ว่างั้นแหละค่ะ”
“ถ้างั้นก็...”
กานนพยักเพยิดหน้าไปทางมัสลิน มธุรินมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มสู้
“ก็ได้ค่ะ” มธุรินก้าวตรงไปหามัสลิน
มัสลินคุยงานเสร็จหันกลับมาเจอเข้ากับมธุริน มัสลินหมุนตัวหนีทันที
“วันนี้ว่างเหรอ” มธุรินถาม มัสลินนิ่งมองไปที่อื่นทำเป็นไม่ได้ยินเสียงมธุริน
“จริงๆ เรื่องงานก็ไม่มีอะไรมากแล้วที่เหลือก็รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อืม…กานนอยากให้ฉันเห็นเธอเป็นพี่สาว”
มัสลินหันขวับหามธุริน แล้วยิ้มเยาะ
“เธอนี่ไม่ต่างจากหุ่นยนต์เลยนะ ใครให้ทำอะไรทำหมด สั่งได้”
“เอ๊ะ นี่ฉันมาดีนะ”
“ใครขอไม่ทราบ แถมยังมาแบบฝืนๆ ถามจริงเถอะไม่รู้ตัวเองเลยเหรอ”
“ฉันไม่ถือสาเธอหรอก เธอจะพูดยังไงก็เชิญ ในฐานะที่ฉันเป็นผู้หญิงที่สนิทกับกานน ฉันจำเป็นต้องสนิทกับเธอ”
“แต่ฉันไม่จำเป็น สิ่งเลวร้ายที่เธอทำมันกลบเกลื่อนด้วยสีหน้าซื่อ ๆ รอยยิ้มดัดจริตไม่มีความจริงใจของเธอไม่ได้หรอกมธุริน”
มัสลินบอกแล้วก็เดินออกไปเลย มธุรินกำมือแน่น แค้นใจที่ถูกด่าฟรี มัสลินเดินสวนกับกานนที่เดินตรงมา มัสลินแกล้งชนไหล่กานนอย่างแรง
“อะไรของเค้า” กานนตรงไปหามธุรินที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“เรียบร้อยดีใช่มั้ยครับ มัสลินน่ารัก ต้องเป็นพี่สาวที่ดีแน่ๆ ใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ ....มาก!”
มธุรินพูดอย่างเจ็บใจ ขณะที่สายตามองตามมัสลินไปอย่างขุ่นแค้น กานนมองมธุรินสลับกับมัสลินแล้วพอเข้าใจ ไหล่ตกสุดเซ็ง
จิรดาหิ้วกระเป๋าเดินลงบันไดมา ในขณะที่พัดกำลังจะขึ้นไปหา
“ว้าว คุณจะไปไหนหรือคะ”
“ทำไม แกเป็นแม่ฉันเรอะ ถึงจะต้องรายงานว่าจะไปไหน”
“แหม..ม ไม่บังอาจหรอกค่า..คุณขา พัดแค่จะเตรียมอาหารกลางวันให้เท่านั้นแหละค่า”
“ไม่ต้อง! ฉันจะออกไปธุระ”
จิรดาเดินออกไป พัดมองตาม
“เพิ่งกลับมา จะออกไปธุระอีกและ”
ที่ร้านเสื้อของเกวลิน เกวลินกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานจนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
เกวลินบอกโดยไม่หันไปมอง ประตูเปิดออก มัสลินก้าวเข้ามาแล้วปิดประตู
“ไหนเด็กบอกว่าไม่สบาย...”
เกวลินเงยหน้าขึ้น
“ อ้าว มัส!”
มัสลินทรุดตัวลงนั่ง วางถุงขนมลงบนโต๊ะ
“มัสซื้อขนมมาฝาก”
“ขอบใจจ๊ะ ไม่สบายแต่ก็หยุดไม่ได้ งานเร่งทั้งนั้น มัสมีธุระอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ แค่แวะเอาขนมมาให้ เดี๋ยวว่าจะไปหายายซักหน่อย”
เกวลินมองมัสลินอย่างเพ่งพิศ
“หน้าซีดจัง ไม่สบายหรือเปล่า”
มัสลินเอนตัวลงพิงพนักยิ้มเหมือนเยาะตัวเอง
“เป็นหลานสาวเศรษฐีทั้งทีจะไม่สบายได้ยังไงล่ะคะ... สบายจะตาย สบายที่สุดในโลกเลย”
เกวลินมองมัสลินแล้วถอนหายใจยาว...
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเจ้าสัวกำลังตกแต่งไม้บอนไซอยู่หน้าบ้าน กานนเดินเข้ามา เจ้าสัวชำเลืองดูแว่บหนึ่ง
“ไปกันหมดแล้วเรอะ”
“ครับ”
“งั้นไปทำธุระให้ก๋งหน่อย”
“ได้เลยครับ”
เกวลินเดินมาส่งมัสลินที่ประตู
“ส่งแค่นี้ก็พอค่ะ ไม่ต้องออกไปถึงรถหรอก”
“ขอบใจที่อุตส่าห์มาเยี่ยม แล้วพี่จะโทรไป”
“ค่ะ” มัสลินเดินออกไป เกวลินปิดประตู
มัสลินขับรถมาหาม่านมุกบ้านสวน แต่พอมาถึงก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นคนงานกำลังทำโน่นทำนี่
“นั่นเขาทำอะไรกันน่ะ” มัสลินถามปิ่น
“ซ่อมแซมบ้านค่ะ”
“ใครสั่ง”
มัสลินเดินเข้าบ้านจึงได้พบกับกานนและคำตอบที่ต้องการ
“ก๋งครับ”
“แล้วคุณยายว่ายังไงค่ะ”
“ก็ไม่เห็นว่าอะไร นอกจากบ่นว่าหนวกหู แล้วก็ขึ้นไปนอนข้างบน”
“ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาซ่อมมาแซมอะไรเลย แต่ไหนแต่ไรมาเราก็อยู่กันได้”
“ก๋งคงอยากจะชดใช้ให้ลูกเมีย แล้วก็หลานของท่าน”
“แล้วคุณมาทำไม”
“ก๋งสั่งให้ผมมาช่วยคุมงานอีกนั่นแหละ” มัสลินนิ่งไป กานนมองมัสอย่างอ่อนโยน สุ้มเสียงจริงจัง
“นึกว่ามาถึงแล้วจะพบคุณ เพราะเห็นออกจากบ้านผมมาตั้งนานแล้ว”
“ฉันก็มีธุระของฉัน”
“ธุระที่ชื่อ คิม ลี หรือเปล่า”
มัสลินสบตากานนแว่บหนึ่ง
“คุณคิมมีบุญคุณกับฉันมาก เขาเสียสละเพื่อฉัน”
“ไม่ไช่แต่คิม ลี คนเดียวหรอก” กานนบอกเสียงเบาแต่แน่วแน่ทำให้มัสลินถึงกับอึ้งไป “คนบางคนเขาไม่มีโอกาส”
“พอแล้วละค่ะ แค่คุณคิมคนเดียว มัสก็จะแย่อยู่แล้ว ... ขอตัวขึ้นไปดูคุณยายก่อนนะคะ”
กานนพยักหน้ามองมัสลินเดินออกไป
มัสลินขึ้นมาหาม่านมุกที่ห้อง ขณะนั้นม่านมุกนั่งนึกเหม่อมองออกไปภายนอก
“คุณยายไม่สบายหรือเปล่าคะ”
มัสลินถามอย่างเป็นห่วง
“ยายไม่ได้เป็นอะไรหรอก แล้วนี่ขึ้นมาทำไม น่าจะอยู่เป็นเพื่อนพี่เขาอุตส่าห์มาช่วยคุมงานให้”
ม่านมุกทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
“แล้วคุณยายล่ะคะ ทำไมไม่ลงไป”
“มันหนวกหู แต่เดี๋ยวก็ต้องลงไปอยู่ดี ยายจะทำของว่างเลี้ยงเขามัสลงไปช่วยยายหน่อยนะลูก”
ขณะนั้นกานนกำลังอธิบายงานกับช่างโดยช่างฟังอย่างตั้งใจ...มัสลินเดินเข้ามาหยุดอยู่ในระยะพอสมควร
“คุณยายให้มาตามไปทานของว่างค่ะ”
“เดี๋ยวผมตามไป”
มัสลินเดินกลับ
ขณะนั้นม่านมุกกำลังช่วยปิ่นจัดวางขนมปังหน้าหมูบนโต๊ะ มัสลินเดินเข้ามา
“อ้าว แล้วคุณกานนล่ะ”
“มาแล้วครับ”
สิ้นเสียงกานนรีบก้าวยาวๆ เข้ามา
“ขนมปังหน้าหมูร้อนๆ เลยค่ะ”
“น่าทานจัง! ผมขอไปล้างมือก่อนนะครับ”
“มัส! พาคุณกานนไปล้างมือในครัวซิลูก”
“เชิญค่ะ”
มัสลินเดินนำออกไป... กานนเดินตาม ปิ่นมองตามอย่างปลื้มๆ
“สมกันจังเลยนะค่ะ”
“เจ๋อ... ไม่ใช่เรื่องของเรา”
ปิ่นหน้าจ๋อยลง
กานนเดินตามมัสลินเข้ามาในครัว
“เชิญค่ะ”
กานนเดินมาเปิดก๊อก ล้างมือ หันมามองมัสลินแว่บหนึ่ง
“ขอโทษที่เมื่อกี้ทำให้คุณไม่พอใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ผมตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมคุณคิมเหมือนกัน”
“อย่าลำบากเลยค่ะ”
กานนล้างมือเสร็จ ปิดก๊อก พลางหันกลับมาอย่างหงุดหงิด
“ทำไมถึงคิดว่าผมจะลำบาก”
“คุณไม่ได้สนิทสนมอะไรกับเขา”
“ก็รู้จักผ่านคุณไง อย่าลืมว่าเราเป็นญาติกัน เขาดีกับคุณก็เหมือนดีกับผมด้วย”
มัสลินเดินออกไป กานนเดินตาม
“มากันแล้ว”
ม่านมุกบอก เมื่อเห็นมัสลินกับกานนเดินมาที่โต๊ะอาหาร โดยที่ปิ่นยังคงยืนมองอย่างปลาบปลื้ม ชื่นชม
“ปิ่น”
ม่านมุกเรียกปิ่นเสียงเข้ม
“ขา!”
ม่านมุกขยิบตาให้ปิ่นออกไป ปิ่นทำตามอย่างไม่เต็มใจนัก...มัสลินตักขนมปังหน้าหมูใส่จานให้ม่านมุก กานนและตัวเอง กานนมองจานมัสลินที่มีเพียง 3 ชิ้น
“ทำไมทานน้อยนักล่ะครับ”
“ไม่หิวค่ะ”
ม่านมุกมองหลานสาวอย่างเอ็นดู
“ถึงได้ผอมไง”
กานนรีบสนับสนุน
“ผมว่ามัสยังอ้วนได้อีกนะครับ คุณยาย...”
“จะอ้วน จะผอมมันก็เรื่องของฉัน คุณไม่เกี่ยว” มัสลินถามเสียงเขียว
“ตายแล้ว! ยัยมัส!”
“ก็มันจริงนี่ค่ะ มัสไม่ชอบให้ใครมาจุ้นเรื่องของมัส”
“ฉันจะเป็นลม”
“มัสเขามีโลกส่วนตัวครับ ผมไม่ถือ”
“ถึงถือ ฉันก็ไม่เดือดร้อน”
“มัส! ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้”
“เขาต่างหากที่ต้องขอโทษมัส”
“ยัยมัส”
กานนมองมัสลินเต็มตา
“ขอโทษครับ คุณมัสลิน”
“กองไว้ตรงนั้นแหละค่ะ”
“ม่านมัสลิน”
ม่านมุกเรียกมัสลินด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดทำให้มัสลินชะงัก หน้าจ๋อยลงเมื่อเห็นว่ายายโกรธจริงๆ
“ลงมือทานเถอะครับ คุณยาย”
กานนบอกม่านมุกยังคงมองมัสลินอย่างตำหนิ มัสลินก้มหน้าแต่ยังคงเหลือบมองกานนอย่างเอาเรื่อง
มัสลินเดินหน้างอมาส่งกานนที่รถตามคำสั่งม่านมุก
“ขอบคุณครับที่มาส่ง”
“คุณยายสั่งค่ะ ฉันไม่ได้อยากจะมา”
“ถึงอย่างงั้น ก็ต้องขอบคุณ” มัสลินนิ่ง “เราจะพูดดีๆ กันบ้างได้ไหม”
“ฉันก็ไม่ได้พูดชั่วร้ายอะไรนี่”
กานนมองมัสลินเหมือนน้อยใจ แล้วขับรถออกไป...มัสลินทำมองเมินไปทางอื่น เบือนหน้ามามองตามรถกานน ด้วยสีหน้าน้อยใจเช่นกัน
ม่านมุกนั่งมองตรงมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มัสลินเดินเข้ามา ชะงักนิดนึง แล้วเดินเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าม่านมุกอย่างประจบประแจง
“คุณยายเมื่อยมั๊ยค่ะ มัสจะนวดให้”
“ยายไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงได้พาลเกเรขนาดนี้”
“อะไรคะ มัสเป็นคนดีออก!”
“ไม่ต้องมาพูดดีเลย จำไว้นะว่า อย่าให้ยายเห็นเราพาลเกเรกับคุณกานนอย่างนี้อีก”
มัสลินก้มหน้านิ่ง “ทำไมถึงได้เกลียดเขานัก” มัสลินเงยหน้าขึ้นมอง “คุณกานนทำอะไรให้”
“เปล่าซักหน่อย” มัสลินบ่นอุบ ม่านมุกลุกขึ้น
“คุณยายโกรธมัสจริงๆ หรือค่ะ” มัสลินถามอย่างตกใจ
“ยายปวดหัว จะไปเอนหลังเสียหน่อย”
ม่านมุกเดินออกไป มัสลินมองตาม พลางถอนใจเฮือก
“เพราะคุณคนเดียวเลย คุณกานน!”
ม่านมุกกลับขึ้นห้องแล้วทรุดตัวลงนั่งด้วยสีหน้าท่าทางเหมือนจะหมดแรง พลางถอนใจยาว เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ
“ใคร!”
“ปิ่นเองค่ะ!”
“เข้ามาซิ”
ประตูเปิดออก ปิ่นเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าม่านมุก
“คุณมัสเธอดูโกรธคุณกานนจริงๆ จังๆ นะค่ะ”
“ปิ่นเอ๊ย! ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว มันอัดอั้นตันใจไปหมด”
“คุณก็ระบายออกมาบ้างซิค่ะ! จะได้เบาลงบ้าง”
“ขอบใจที่อยากจะช่วย แต่บางอย่างเราก็ต้องปล่อยให้มันคลี่คลายไปตามจังหวะเวลาเอง...เหมือนกับอีกหลายๆ รอบ เรื่องที่ฉันคิดว่าฝังมันไปแล้ว วันดีคืนดีกลับผุดขึ้นมาหลอกหลอนฉันอีกจนได้”
ปิ่นมองม่านมุกอย่างเห็นอกเห็นใจ
จิรดามาหาบัวบงกชที่สตูดิโอขณะนั้นบัวบงกชมีจัดรายการ จิรดาจึงต้องนั่งรอ...เมื่อรอจนเบื่อจึงลุกขึ้นโดยไม่ลืมเอาซองเอกสารที่ถือมาไปด้วย จิรดาเดินมาเข้าห้องน้ำ วางซองไว้หน้ากระจก เปิดกระเป๋าหยิบเครื่องสำอางมาเติม จิรดามองสำรวจดูความเรียบร้อยอีกครู่หนึ่งแล้วเดินออกไป โดยลืมซองเอาไว้!
มีเสียงกดชักโครกดังขึ้น แล้วนักข่าวคนหนึ่งก้าวออกมา นักข่าวล้างมือแล้วชะงัก เมื่อเห็นซองเอกสารวางอยู่ นักข่าวหยิบเอาซองนั้นเดินติดมือออกไป
นักข่าวเดินถือซองมามุมหนึ่งแล้วปิดดู ชะงัก สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในซองเอกสาร
จิรดาเดินกลับมานั่ง แล้วนึกได้ว่าลืมเอกสาร
“ตายจริง!”
จิรดารีบเดินกลับไปห้องน้ำ ขณะนั้นทีมงานและนักข่าวกำลังคุยกันสนุกสนานอยู้ในห้องน้ำจิรดาเดินเข้ามามองหาซองเอกสารที่ลืมไว้ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“มีใครเห็นซองสีน้ำตาลที่วางอยู่ตรงนี้มั้ยคะ”
ทุกคนหันมามองพลางส่ายหน้า
“ไม่เห็นค่ะ!”
จิรดาเดินไปเปิดห้องน้ำเพื่อความแน่ใจ แล้วเดินออกไปอย่างรีบร้อน ทุกคนมองตามอย่างแปลกใจ ซุบซิบกัน
บัวบงกชถ่ายรายการเสร็จเดินออกมา นักข่าวกรูกันเข้ามา ทีมงานรีบเข้ามาประกบ
“เดี๋ยวให้คุณบัวบงกชพักสักครู่ก่อนนะคะ”
ทีมงานบอกนักข่าว
“ไม่เป็นไร...” บัวบงกชหันมาบอกทีมงาน
“จริงมั้ยค่ะที่เขาว่า ม่านมัสลิน เป็นลูกของคุณบัวบงกช”
นักข่าวที่หยิบซองเอกสารของจิรดาไปยิงคำถาม บัวบงกชสะดุ้ง บรรยากาศเงียบสนิท สายตาทุกครู่มองมาที่บัวบงกชเป็นตาเดียว
“ไม่จริงค่ะ น้องไปเอาข่าวมาจากไหน” บัวบงกชปฏิเสธหลังจากได้สติ
“จากนี่ไงคะ” นักข่าวส่งเอกสารให้ดู บัวบงกชหน้าซีดเผือด นักข่าวยิ้มอย่างมีชัย
“...คุณบัวบงกชจะยอมรับหรือยังคะ”
“ดิฉันไม่ยอมรับ เพราะไม่เป็นความจริงค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ!”
บัวบงกชบอกเสียงแข็งแล้วรีบเดินออกไป โดยทีมงานช่วยกันนักข่าว ที่พยายามจะถามเอาความจริงให้ได้ จิรดายืนอยู่มุมหนึ่ง ขณะบัวบงกชเดินผ่าน
“เชิญทางนี้หน่อย”
บัวบงกชบอกจิรดาหน้าเครียด จิรดา เดินตามไป
บัวบงกชพาจิรดาเข้ามาคุยในห้องแต่งตัว พออยู่กันตามลำพังบัวบงกชมองจิรดาด้วยสายตาเกรียวกราด
“ทำอย่างนี้ทำไม!”
“ฉันเปล่า”
“อย่าโกหก นักข่าวคนนั้นมีเอกสาร”
“ฉันลืมไว้ในห้องน้ำ”
“เธอตั้งใจลืม เธอตั้งใจแกล้งฉัน”
“เอ๊ะ! เรื่องอย่างนี้ใครจะอยากแกล้ง”
จิรดาเริ่มเสียงแข็งอย่างไม่พอใจเหมือนกัน
“ก็เธอไง! เธอตั้งใจแล้วก็จงใจจะทำลายชื่อเสียงของฉัน”
“ถ้าอยากเข้าใจอย่างนั้น มันก็ช่วยไม่ได้ ฉันไปล่ะ!”
“เลวมาก!”
จิรดากำลังจะเปิดประตู หันขวับกลับมาทันที
“ใครกันแน่ที่เลว ใครกันที่มีผัวคนเดียวไม่พอ ต้องมาแย่งผัวของคนอื่น แล้วปกปิดความชั่วของตัวด้วยการเอาลูกมายัดเยียดให้ไอ้หน้าโง่กับเมียของมันเลี้ยง”
บัวบงกชพยายามจะพูด แต่ไม่มีคำพูดออกมา
“ฉันต้องชื่นชม กล้ำกลืนฝืนทนขนาดไหน แกไม่มีวันรู้หรอก แต่คนอย่างฉันจะไม่มีวันเจ็บคนเดียว ฉันเจ็บปวดแค่ไหน ก็เอาไปลงกับลูกของแกเป็นร้อยเป็นพันเท่า”
“พอที”
จิรดาแสยะยิ้มเดินก้าวเข้ามาช้าๆ ยกมือขึ้นบีบคางบัวบงกชที่น้ำตากำลังไหลพราก
“ฉันมีความยินดีที่จะบอกว่า ลูกของแกรับใช้ฉันงกๆ ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต เพื่อหาเงินมาให้ฉันล้างผลาญ บางทีฉันก็แกล้งเมาหาเรื่องตบตีมัน แต่แกรู้มั๊ยว่ามันไม่เคยโกรธฉันเลย ก้มหน้าก้มตายอมรับทุกอย่างไม่ว่าฉันจะทำอย่างไรกับมัน โอ๊ย! สะใจอะไรอย่างนี้”
บัวบงกชน้ำตาไหลพราก เจ็บปวดสุดๆ
“ถ้าแกอยากจะบอกความจริงกับมัน ฉันก็โอเคนะ ... แต่ไม่รับรองว่าผลจะเป็นยังไง ถ้ามันรู้ว่า แม่ที่แท้จริงของมันเลวทรามต่ำช้าขนาดไหน” จิรดาเหวี่ยงบัวบงกชจนเซล้มลง
“อย่าบังอาจกับฉัน” จิรดาชี้หน้าบัวบงกชแล้วเดินออกไป กระชากประตูปิดปัง
บัวบงกชร้องไห้เหมือนใจจะขาด
เมื่อจิรดากลับมาถึงบ้าน มัสลินยกน้ำผลไม้มาให้พร้อมนั่งลงตรงข้าม
“แม่ไปไหนมาคะ”
“มันเรื่องอะไรของแก” มัสลินอึ้ง ลุกขึ้นมาจะเดินออกไป จิรดาจึงพูดขึ้นลอยๆ “นังบงกชมันด่าฉัน”
มัสลินชะงัก เบือนหน้ากลับมา
“แล้วแม่ไปหาเขาทำไมล่ะคะ”
“อ้อ! นี่แกจะหาว่าฉันไปหาเรื่องมันใช่ไหม!”
“เปล่าค่ะ มัสเพียงแต่แปลกใจ”
“แกแปลกใจ แต่ไม่เจ็บร้อนแทนฉันเลยเรอะ มันด่าฉันให้อับอายต่อหน้าผู้คน มัน...”
“จิรดา” เสียงม่านมุกดังขึ้นทำให้จิรดากับมัสลินชะงัก หันไปมอง
“ใส่ไฟใครให้ลูกฟังอีกล่ะ”
“แม่! นี่หนูเป็นลูกแม่นะ ทำไมแม่ถึงไม่เคยเข้าข้างหนูเลย”
“เพราะฉันรู้สันดานของแกน่ะซิ”
มัสลินค่อยๆ เดินเลี่ยงออกไป
กานนขับรถมาติดไฟแดงแล้วนึกขึ้นมาได้ จึงเอี้ยวตัวมองหาซองเอกสารแต่ไม่เจอ
“หายไปไหน” กานนค้นหาเอกสารแล้วหยุดชะงัก “...รึว่า...?”
กานนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานตอนที่ขับรถไปส่งจิรดาที่ห้องแห่งหนึ่ง จิรดารีบลงจากรถอย่างมีพิรุธ
กานนเริ่มมั่นใจว่าจิรดาแอบเอาเอกสารไป
“อย่าเอาไปทำอะไรเดือดร้อนก็แล้วกัน เฮ้อ..ไอ้ปลิวเอ้ย แค่เอกสารซองเดียวก็รักษาไว้ไม่ได้”
กานนเคาะหน้าผากตัวเองอย่างเซ็งๆ มือถือดังขึ้น กานนหยิบดู เห็นเป็นเบอร์จิรดา
“เหมือนรู้เลยแฮะว่าเรากำลังพูดถึง” กานนบ่นกับตัวเองก่อนกดรับ “ฮัลโหลสวัสดีครับ”
“คุณกานน นี่ฉันเองนะจิรดา ฉันมีเรื่องด่วนให้คุณช่วย!”
น้ำเสียงจิรดาร้อนรน จนกานนต้องหุบยิ้ม
จิรดาวางโทรศัพท์ลง พลางงอตัวเพราะเกิดปวดท้องขึ้นมา
“ไม่น่าเล้ย!!”
“ไม่น่าอะไรคะ” ปิ่นถามอย่างสงสัย
“แหม...ม นังลูกอีช่างซัก! ซักเก่งจริ๊ง!... แกแน่ใจนะว่ามัสลินเพิ่งออกไปไม่นาน”
“ไม่เกินครึ่งชั่วโมงค่ะ ท่าทางเด็ดเดี่ยวเหมือนจะไปเอาเรื่องใครยังไงยังงั้นเลยค่ะ”
“ไม่รู้จักเจียมกะลาหัว ตัวคนเดียวจะไปสู้เขายังไงได้ ไอ้เรายิ่งปวดท้องอยู่ด้วย!”
จิรดาบ่นพลางเดินออกไป
จิรดาขับรถออกจากบ้านพร้อมกับกดโทรศัพท์หากานนอีกครั้ง
“ครับคุณอา” จิรดาหน้าเหยเกขณะคุยมือถือกับกานนและเตรียมจะวางสาย เพราะอาการปวดท้องเริ่มรุนแรงขึ้น
“คุณรีบไปเลยนะ ก่อนที่ยัยมัสจะถูกพวกนั้นเล่นงาน ฉันต้องวางสายแล้ว”
“คุณอาครับ เดี๋ยวสิครับ คุณอา!”
“แค่นี้นะคะ...” จิรดารีบวางหูจากกานน
“...ทำไมปวดอย่างนี้ โอย...”
จิรดาถึงขั้นเหยียบเบรคจอดรถกลางถนนกุมท้องตัวเอง เสียงบีบแตรจากรถด้านหลังดังสนั่นจิรดาบีบท้องตัวเองหน้าตาไม่พอใจ หงุดหงิดกับเสียงแตร รถคันหลังขับปาดขึ้นมาเฉียดข้าง ๆ มองหน้าจิรดา จิรดากดกระจกลงส่งเสียงด่ากลับ
“กลัวคนไม่รู้หรือยังไงว่ารถตัวเองมีแตรน่ะ บีบเข้าไป ถ้าไม่จำเป็นไม่จอดให้กดแตรด่าหรอกเว้ย โอย”
จิรดากัดฟันอดทนขยับรถเคลื่อนออกไปจอดชิดที่ขอบถนน
ที่บ้านเตช...ขณะนั้นเตช บัวบงกช มธุรินกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่ โดยเตชพยายามเอาอกเอาใจตักของชอบของบัวบงกชให้
“ทานเยอะๆ นะบัว มัสหมั่นนี้อร่อย”
บัวบงกชตักชิมด้วย หน้าท่าทางฝืนๆ
“ ค่ะ อร่อย... แต่ฉันไม่ค่อยหิว”
“ช่วงนี้แม่ผอมลงนะคะ ต้องทานเยอะๆ”
“แม่ทานที่สตูฯ มาบ้างแล้วลูก”
บัวบงกชรวบช้อนส้อม ขณะที่สาวใช้เดินเข้ามา
“มีแขกมาขอพบคุณผู้หญิงค่ะ”
“ใครหรือ...”
บัวบงกชรีบเดินออกมาที่ห้องรับแขกหกลังจากรู้ว่าใครมาหา ขณะนั้นมัสลินนั่งสงบนิ่งรออยู่ด้วยสีหน้าแววตากระตือรือร้น
“มัสลิน...เธอ...”
“คุณด่าแม่ฉันทำไม! แม่ฉันไปทำอะไรให้คุณ”
มัสลินต่อว่าบัวบงกชทันที บัวบงกชชะงัก ขณะที่เตช มธุรินเดินตามออกมา
“ออกไป บ้านฉันไม่ต้อนรับผู้หญิงสำส่อน”
เตชต่อว่ามัสลิน บัวบงกชหน้าซีด
“หูแตกเรอะไง! พ่อฉันไล่แล้ว! ออกไปซิ!”
“เดียร์ หยุดเดี๋ยวนี้!” บัวบงกชปรามลูกสาว
“ฉันก็ไม่ได้อยากจะมาเหยียบบ้านบ้านบ้าๆ หลังนี้นักหนา แต่ก็ต้องจำใจ เพราะผู้หญิงคนนี้มาด่าแม่ฉัน”
“ใครด่าใครกันแน่! เมียฉันกับแม่เธอน่ะมันคนล่ะชั้น บัวบงกชเป็นผู้ดี ไม่เคยด่าใคร แม่เธอนั่นแหละด่าเป็นไฟ ไร้สมบัติผู้ดี มีลูกก็เลย.....กันมา ถามจริงๆ เถอะ ตั้งแต่เกิดมา พ่อแม่เคยอบรมสั่งสอนบ้างไหม”
“พอที” บัวบงกชบอกสุดเสียงแล้วเป็นลมทรุดลง เตช มธุริน ตกใจรีบเข้ามาประคอง
มัสลินมองอย่างสะใจ แล้วหันหลังเดินออกไป
บัวบงกชค่อยๆ พลิกตัวลืมตาตื่นจึงเห็นเตชนั่งทำงานอยู่ตรงหน้า บัวบงกชค่อยๆ ลุกขึ้น ท่าทางเหมือนมึนหัว
“คุณเตช”
เตชหันมามอง แล้วรีบลุกเดินมาช่วยช้อนหมอนให้บัวบงกชพิง
“ค่ำแล้วหรือ” เตชพยักหน้า
“กลับจากโรงพยาบาลคุณก็นอนหลับไปนานเลยทีเดียว...ดีขึ้นไหม”
เตชถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ฉันหิวน้ำ” เตชรีบรินน้ำจากหัวเตียงส่งให้ทันที “ขอบคุณ...”
“หิวหรือเปล่า” บัวบงกชส่ายหน้า
“ไม่... เด็กคนนั้น...มัสลิน”
“จะไปพูดถึงมันทำไม! ทีคุณเป็นลมจนต้องหามส่งโรงพยาบาลนี่ก็ไม่เพราะมันเรอะ!”
บัวบงกชหลับตาลงขยับหมอน เลื่อนตัวลงนอน หันหลังให้ “นี่มันอะไรนักหนา ทำไมถึงได้แตะต้องมันไม่ได้เลย”
เตชถามอย่างไม่พอใจ บังบงกชหลับตาและบอกโดยไม่หันมา
“ เตช....ขอร้องละ ฉันจะนอน”
เตชลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปอย่างหงุดหงิด ขณะที่บัวบงกชนอนสะอื้นจนตัวโยน
อ่านต่อวันพรุ่งนี้