ในรอยรัก
ตอนที่ 20
มธุรินนั่งซึมหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียงคนเดียว พิณสุดาเปิดประตูเข้ามา
“นี่ใจคอมีเรื่องอะไรจะไม่เล่าให้เพื่อนฝูงฟังกันบ้างเลยเหรอ”
มธุรินหันไปเห็นพิณสุดาเดินเข้ามาก็ยิ่งเซ็งหนักกว่าเดิม
“ทำไมมาเอาค่ำอย่างนี้ล่ะ”
พิณสุดาเดินมานั่งที่ขอบเตียง
“แปลกเหรอ เมื่อก่อนฉันเป็นยังไงทำอะไรวันนี้ฉันก็ทำแบบเดิมทุกอย่าง แกนั่นละที่เปลี่ยนไป”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่เอาน่ากิ๊บ”
มธุรินตอบพิณสุดาแล้วหันหน้าไปทางอื่น พิณสุดาหันตามไปจ้องหน้ามธุริน
“ทำไมต้องทำเหมือนไม่อยากพูดกับฉัน”
มธุรินหันกลับมามองหน้าพิณสุดา
“ฉันไม่ค่อยสบายน่ะเลยอยากพัก”
“ฉันให้เธอพักแน่ แต่ต้องหลังจากที่ฉันได้รู้เรื่องงานเลี้ยงสองแม่ลูกนั่นก่อน”
พิณสุดามองหน้ามธุรินอย่างคาดคั้น
“นังมัสลินมันกำลังจะได้มรดกก้อนโตฐานะหลานสาวเจ้าสัว เรื่องสำคัญระดับทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ขนาดนี้ ทำไมเธอไม่คิดจะเล่าให้ฉันฟังบ้าง”
มธุรินถอนหายใจออกมาเนือยๆ
“ก็เพราะฉันไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเรื่องนี้น่ะสิ”
พิณสุดาอารมณ์เสียลุกขึ้นยืนตอบมธุรินกลับเสียงดัง
“โง่กันอย่างนี้ มันถึงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมสองคนแม่ลูกนั่นไง จะรู้บ้างไหมเนี่ยว่าพวกมันกำลังเล่นปาหี่หลอกฮุบสมบัติตระกูลรัตนรัชอยู่”
มธุรินเห็นพิณสุดาเริ่มโวยวายก็ขอตัว
“กิ๊บ ฉันขอโทษนะแต่วันนี้แกกลับไปก่อนได้ไหม ฉันไม่ค่อยสบายจริง ๆ อยากนอนพักน่ะ”
พิณสุดาตั้งท่าจะพูดอีก แต่มธุรินล้มตัวลงนอน ตะแคงตัวหนีไปทางหนึ่ง พิณสุดามองมธุรินอย่างชิงชัง สะบัดหน้าพรืดเดินออกไปทันที
พิณสุดากลับมาบ้านแล้วนั่งจ้องหน้าคอมพิวเตอร์ สลับกับดูเอกสารข้างตัวอย่างเอาเป็นเอาตาย
พีระพลเดินถือแก้วกาแฟเข้ามาวางที่โต๊ะ หยิบเอกสารขึ้นมาเปิดดูสองสามแผ่นแล้วยิ้ม
“นี่มันผลงานเก่าของโก้เลยนี่”
พิณสุดาละสายตาจากคอมพิวเตอร์
“ยืนตรงนั้นช่วยหยิบกระดาษใส่พริ้นเตอร์ให้ทีสิ”
พีระพลทำตามที่พิณสุดาบอกแล้วอ่านบทความในกระดาษที่อยู่ในมือ
“ลือกระฉ่อนบัวบงกชนางเอกชื่อดังย่องเงียบบินเหินฟ้าพร้อมลูกในท้อง...ฮึ ฮึ โก้นึกว่าพี่กิ๊บจะทิ้งไปแล้วซะอีก”
พินสุดาดึงกระดาษจากมือพีระพล
“มีเหรอที่ฉันจะทิ้ง หลักฐานสำคัญขนาดนี้สักวันมันก็ต้องได้ใช้ประโยชน์ แกหยิบไอ้ที่ฉันปริ้นท์แล้วออกมาซิ”
พีระพลส่งเอกสารให้พิณสุดา ซึ่งมองอย่างพอใจ
“ฉันจะให้คนทั้งโลกรู้ว่านังมัสลินกับยัยบัวบงกชน่ะมันลวงโลก นังสองแม่ลูกอสรพิษ!”
“โก้ว่าพี่กิ๊บคิดดีๆ ก่อนนะ บางทีมันอาจจะเป็นการดีก็ได้ถ้าปล่อยให้พี่กุเข้าใจไปว่าเขาเป็นอาหลานกัน สองคนนั่นจะกล้าทำบาปก็ให้มันรู้ไปสิ”
พิณสุดาเชิดหน้าขึ้น
“นั่นเรื่องนึง... ฉันเห็นด้วยกับแก แต่อีกเรื่องนึง... ฉันทนไม่ได้ ที่จะปล่อยนังมัสลินมันเดินหน้าเริ่ดฐานะหลานเจ้าสัวทศ เศรษฐีพันล้าน”
พีระพลพยักหน้าหงึกหงัก คิดตาม
“ทั้งที่มันไม่ใช่ ...น่าอิจฉามันเนอะ ว้าย!”
พิณสุดาตบหัวน้องพลัน
“อิจฉาบ้านแกสิ เดี๋ยวฉันตบปากฉีก” พิณสุดาเงื้อมือ พีระพลหลบวูบ
“กรี๊ด”
“ฉันเนี่ยนะอิจฉานังมัสลิน ไม่มีวันซะละ ...ก็แค่อยากเห็นมันพินาศ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแค่นั้นเอ๊ง หึ..หึ”
พิณสุดาว่าพลางจับรวบเอกสารทั้งหมด หยิบซองน้ำตาลมาใส่ เขียนรวกๆ บนหน้าซอง..ที่หน้าซองเอกสารเห็นจ่าหน้าซองถึงเจ้าสัวทศ รัตนรัช...
พิณสุดามองซองเอกสารในมืออย่างสะใจ พีระพลยื่นหน้าเข้ามามองอย่างอยากรู้อยากเห็น ถูกพี่สาวเอาซองเอกสารตีหัว
“จัดการส่งให้ฉันด้วย!”
มัสลินรู้สึกถึงลมพัดวูบเข้ามาเบาๆ ที่หน้าจากหน้าต่างรถที่ถูกเปิดแง้มไว้...เธอปรือตาขึ้นข้างหน้าเป็นแม่น้ำ...มัสลินเห็นที่นั่งฝั่งคนขับว่างเปล่า เขม้นตามองฝ่าความมืดผ่านกระจกหน้า ไม่เห็นใคร
มัสลินมองหาจึงเห็นกานนยืนอยู่ริมแม่น้ำไม่ไกลเท่าไหร่ มัสลินเดินเข้าไปหา และหยุดยืนมองกานนจากด้านหลังอยู่ครู่หนึ่งก่อนตะโกนเรียก
“กลับกันเถอะค่ะ”
กานนหันหลังกลับมายิ้มให้
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
มัสลินเดินเข้าไปยืนข้างๆ กานนทอดสายตาไปที่แม่น้ำ กานนหันมองหน้ามัสลิน
“ผมเห็นคุณหลับสนิท เลยไม่อยากปลุก”
มัสลินตอบกานนเขินๆ ไม่ได้หันไปมองหน้า
“ขอโทษนะคะที่เผลอหลับ...นานไปหน่อย”
กานนปรายตามองมัสลินยิ้มขรึมๆ
“คุณคงเหนื่อย ผมลากคุณเดินเซอร์เวย์ออฟฟิศทั้งวัน ขอโทษนะ”
“ขอโทษทำไม ที่คุณทำก็เพื่อฉันกับแม่”
กานนมองหน้ามัสลินนิ่ง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“มัสลิน ...มันถึงเวลาแล้วใช่มั้ย ที่ผมต้องเป็นพี่คุณจริงๆ ซะที”
มัสลินหลบสายตากานน พยักหน้าน้อยๆ
“ฉันเองก็ต้องทำใจว่าเป็นน้องสาวคุณ”
กานนประหลาดใจ
“คุณพูดว่าทำใจ”
“ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วละค่ะ ไม่ว่าฉันจะเคยรู้สึกกับคุณยังไง ต่อจากนี้ ...เราเป็นแค่พี่น้อง”
“มัสลิน!” กานนจับไหล่มัสลินหันมา “ทำไมคุณไม่เคยบอกผม ทำไม”
มัสลินตัวโยนตามแรงเขย่าของกานน เธอสบตากานน ทวงสถานะของทั้งคู่
“พี่ชาย...”
กานนมือหล่นจากไหล่มัสลินผล็อย พยักหน้าอย่างทำใจ
“น้องสาว...”
ทั้งคู่ประสานสายตากัน ยิ้มเศร้าให้กัน กานนสูดหายใจลึก ยกมือขยี้หัวมัสลินจนยุ่ง
“ทำอะไรของคุณเนี่ย”
“พี่เล่นกับน้องไง”
มัสลินหัวเราะฝืด กานนฝืนหัวเราะ
ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันกลับไปที่รถ สีหน้าแววตาแห้งแล้ง ไร้ชีวิตชีวาทั้งคู่
อ่านต่อหน้า 2
ในรอยรัก
ตอนที่ 20 (ต่อ)
วันต่อมา แม่บ้านประจำออฟฟิศเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะเลขาของกานน
“ดังใหญ่แล้วนะคะนายพวกเราน่ะ หนังสือพิมพ์บันเทิงลงข่าวกันเกือบทุกฉบับเลยค่ะ”
เลขาละจากการจัดหน้าเอกสารเตรียมเสนอเซ็นทันที
“มีเรื่องมาเม้าท์แต่เช้าเลยนะป้า ไม่รอพักกลางวันหน่อยล่ะ”
แม่บ้านเหลียวซ้ายแลขวา
“รอได้ยังไงล่ะ ข่าวดังขนาดนี้ไม่รีบคุยตอนนี้เดี๋ยวก็เชยแย่น่ะสิ”
ยามเดินหอบปึ้งจดหมายเข้ามาวางบนโต๊ะ พลางแยกหมวดหมู่ทิ้งไว้ให้เลขา
“คุยเรื่องนายหญิงคนเล็กกันล่ะสิ”
“สนใจกับเขาด้วยเหรอพี่ยาม”
“ทายาทตระกูลนี้สวยหล่อกันทุกคนเลยนะคะ ทั้งคุณกานน คุณม่านมัสลิน ถ้าไม่ติดว่าเป็นญาติกันป้าคงเชียร์ให้เป็นแฟนกันแล้วล่ะค่ะ”
เลขาพยักหน้าเห็นด้วย
“นั่นสิ ที่วันนั้นเดินเข้ามาคู่กันที่ออฟฟิศเหมาะสมกันอย่างกับอะไร”
ยามยืนตรงทำท่าทำความเคารพ เลขากับแม่บ้านหันหลังมองตามยามเห็นกานนเดินหน้าเข้มเข้ามา..ยามรวบปึ้งเอกสารที่เหลือบนโต๊ะขึ้นมาแล้วขอสลายตัว
“เดี๋ยวผมขอเอาเอกสารไปส่งที่ห้องนายใหญ่ก่อนนะครับ”
ยามรีบค้อมตัวเดินออกไป แม่บ้านทำทีเป็นเก็บแก้วกาแฟบนโต๊ะ เลขามองยิ้มๆ รวบแฟ้มเอกสารเสนอเซ็น เตรียมจะตามกานนเข้าในห้อง...กานนเพียงเหลือบๆ มองแล้วเข้าห้องไป เลขาเป่าปากโล่งใจ
“คิดว่างานเข้าซะแล้ว”
เลขาพึมพำพลางหยิบกองจดหมายที่ได้รับจากยามมาวางไว้บนกองแฟ้ม
กานนคลิกเมาส์อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เลขาเดินหอบจดหมายกับแฟ้มงานเข้ามา จัดเป็นหมวดหมู่ลงบนโต๊ะ กานนขมวดคิ้วไล่สายตาเช็คงานจากคอมพิวเตอร์
“เอกสารที่ให้เซ็นนี่รีบไหม พอดีมีเมล์ด่วนมา ถ้าไม่รีบผมจะได้เก็บไว้ก่อน”
“ไว้บ่ายก็ได้ค่ะ ส่วนจดหมาย...ดิฉันแยกกองจดหมายด่วนไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”
กานนเหลือบมองเพียงแว่บหนึ่ง
“ขอบใจ”
เลขาค้อมศีรษะแล้วออกไป
เวลาผ่านไป...กานนละสายตาจากคอมพิวเตอร์ เอนตัวพิงพนักเก้าอี้หลับตาลง ใช้มือนวดหัวคิ้วตัวเอง พอลืมตาขึ้นก็เอื้อมหยิบซองจดหมายบนโต๊ะดูทีละฉบับแล้ววางลง และไปหยุดที่ซองจดหมายสีน้ำตาลฉบับหนึ่ง ที่ซองจดหมายมีคำว่า “เอกสารลับ”
กานนขมวดคิ้วหยิบซองเอกสารนั้นขึ้นมาเปิดทันที
ขณะนั้นเลขาหน้าห้องกานนกำลังถือหูโทรศัพท์คุยอยู่ ยามคนเดิมวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ทำท่าทางว่ามีเรื่องด่วน เลขามองที่ยามแล้วส่งสัญญาณให้รอก่อน เมื่อคุยโทรศัพท์เสร็จเลขาวางสายโทรศัพท์ ยามละล่ำละลักถาม
“เอกสารด่วนของนายใหญ่หายไปฉบับหนึ่งครับ ไม่ทราบติดไปกับกองของคุณกานนหรือเปล่า คุณเลขาช่วยดูให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
เลขาหน้ายุ่งก้มหาที่โต๊ะตัวเอง
“ที่โต๊ะไม่มีด้วย ถ้าติดไปกับกองคุณกานนก็โน่นอยู่ในห้องแล้วล่ะ เดินเข้าไปตามต้องโดนด่าแหงเลย”
ยามหัวหดยกมือไหว้ขอร้องเลขาให้ช่วยเดินเข้าไปดูให้ที
“ผมขอล่ะครับ เอกสารจ่าหน้าว่า “ลับ” ถึงนายใหญ่ มันต้องสำคัญแน่ ๆ ถ้าคุณเลขาไม่ช่วยมีหวังผมตายแน่ ๆ”
เลขาถอนหายใจเฮือกใจแล้วเดินออกมาจากโต๊ะจะไปตามให้
“ก็ได้ๆ นี่แหล่ะมัวแต่จะเม้าท์นายกัน เป็นไงล่ะ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากโต๊ะทำงานเลขา เลขาหันกลับไปมองโทรศัพท์แล้วมองหน้ายามอีกที ตัดสินใจเดินไปรับโทรศัพท์ก่อน
“เดี๋ยวนะ ขอรับสายนี้ก่อน”
ยามหัวหดหน้าจ๋อย ร้อนใจ
กานนเปิดซองเอกสารหยิบกระดาษออกมาจากซองปึ๊งหนึ่ง
“อะไรเนี่ย นี่มันก๊อปปี้พาดหัวข่าวบันเทิงทั้งนั้น”
กานนทำหน้างงๆ พลิกดูเอกสารทีละแผ่น...กระดาษในมือกานนเห็นเป็นพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์บันเทิงยุคเก่าๆ เมื่อยี่สิบปีก่อน
“บัวบงกช...ลูกในท้อง”
กานนงงหนักกว่าเดิมหยิบซองพลิกขึ้นมาดูอีกที ซองเอกสารเห็นคำว่า “เอกสารลับ”
“จ่าหน้าถึงคุณปู่ อ้าว...ยังไงเนี่ย”
กานนหยิบเอกสารขึ้นมาไล่ดูทีละแผ่นจนถึงกระดาษแผ่นโน้ตแผ่นเล็กแผ่นหนึ่ง
“ม่านมัสลินไม่ใช่ทายาทของเจ้าสัวทศ แต่เธอคือลูกของดาราดังบัวบงกช นี่คือความหวังดีที่ไม่อาจทนเห็นครอบครัวรัตนรัชถูกหลอกได้”
กานนเงยหน้าขึ้นจากกระดาษที่ถืออยู่ สีหน้าสับสนและงุนงง
“ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม...ใครกัน”
เสียงเคาะประตูดัง เลขาเดินเข้ามาในห้อง
“ขอโทษค่ะคุณกานน ไม่ทราบว่ามีเอกสารของนายใหญ่ติดมาที่คุณกานนบ้างไหมคะ”
กานนยังอยู่ในอาการนิ่งส่ายหน้าให้เลขาแทนคำตอบ
ด้วยเรื่องนี้ทำให้กานนนัดเจอกับจิรดาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“มีเรื่องอะไรถึงได้โทรเรียกฉันมากะทันหันแบบนี้”
กานนมองหน้าจิรดาแล้วยื่นซองเอกสารให้จิรดา
“คุณอาเปิดดูเองเถอะครับ”
จิรดามองหน้ากานนแบบไม่วางใจ เหลือบมองที่ซองแล้วหยิบมาเปิดดู จิรดาหยิบเอกสารออกจากซองแล้วหยิบดูทีละแผ่นหน้าตึงแต่ไม่พูดอะไร กานนจ้องหน้าจิรดาพยายามจับสังเกต
“คุณอาคิดยังไงกับเอกสารพวกนี้ครับ”
จิรดาโยนทั้งปึ๊งลงที่โต๊ะเชิ่ดหน้านิ่ง กานนหยิบเอกสารขึ้นมาถือ
“ผมรบกวนคุณอากระทันหันแบบนี้ เพราะผมคิดว่าคุณอาน่าจะเป็นคนอธิบายให้ผมเข้าใจได้มากที่สุด” จิรดายังคงนิ่งไม่ตอบอะไร “ถ้าคุณอาไม่ตอบอะไร ผมจะถือว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง” จิรดาเริ่มทำหน้าไม่ถูก
“คนเขียนรวบรวมข่าวของคุณอาบัวบงกชกับแฟนเก่า” จิรดาฟังนิ่งอย่างอดทน
“แล้วโยงไปว่าคุณอาบัวบงกชท้องแล้วก็แอบคลอดออกมาเป็นมัสลิน” กานนเหลือบมองหน้าจิรดา
“แฟนเก่าของคุณอาบัวบงกชก็คือสามีคุณอา”
จิรดาหมดความอดทน
“คุณขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่ออะไรไม่ทราบ!”
“ผมบอกคุณอาแล้วว่ามีคนส่งมาให้ผม แล้วถ้าเรื่องมันไม่รุนแรงขนาดส่งผลให้คนคนเป็นสิบๆ ต้องเสียใจ ผมไม่รบกวนคุณอามาให้เสียเวลาหรอกครับ”
กานนจ้องหน้าจิรดา “ในนี้สรุปชัดเจนว่ามัสลินไม่ใช่ลูกของคุณอา” จิรดาเม้มปากที่สั่นระริก
“แต่เป็นลูกติดของสามีคุณอา ...กับคุณอาบัวบงกช!”
“พอซะทีคุณกานน คุณต้องการอะไรบอกฉันมา”
“ผมไม่เข้าใจว่าคุณอาทำแบบนี้กับมัสลินได้ยังไง คุณอารู้ทั้งรู้ว่ามัสลินรักและเทิดทูนคุณอาที่สุดในชีวิตของเขา แต่คุณอาตอบแทนความรักของเขาได้อย่าง...ใจดำที่สุด”
จิรดาจ้องหน้ากานนกลับ
“คุณกานน คุณคิดเหรอว่าฉันมีความสุขที่เรื่องมันเป็นแบบนี้”
“ผมรักมัสลิน และผมก็คิดว่ามัสลินคงรู้สึกไม่ต่างจากผม แต่สิ่งที่คุณอาทำอยู่ มันคือการทรมานเราสองคน...”
“ทรมานเธอสองคนไม่ให้รักกันน่ะเหรอ”
กานนมองจิรดาอย่างเจ็บปวด
“คุณอารู้ทั้งรู้ แต่คุณอายังทำร้ายมัสลินได้ลงคอ”
จิรดาย้อนกลับกานนเสียงกร้าว
“ฉันจะบอกคุณให้นะ ถึงเอกสารพวกนี้จะเป็นหลักฐานบอกว่าฉันไม่ใช่แม่ยัยมัส แต่ที่ฉันทำทุกอย่างก็เพราะฉันรักมัสลิน”
จิรดาหยุดกลั้นน้ำตาตัวเอง
“คุณไม่ใช่คนโง่ ลองคิดดูเอาเองละกันว่าอะไรที่จะทำให้ยัยมัสเสียใจได้มากกว่าระหว่างการที่คุณสองคนรักกันไม่ได้กับ...การที่ยัยมัสรู้..ว่าฉันไม่ใช่แม่เขา”
กานนอึ้งไปพูดไม่ออก จิรดาหยิบกระเป๋าถือลุกขึ้นยืน
“คุณจะบอกเรื่องทั้งหมดนี่กับยัยมัสก็ได้นะคุณกานน แต่รู้ไว้เลยว่า...คนที่จะเสียใจที่สุดสำหรับเรื่องนี้ก็คือยัยมัส!”
จิรดาเดินออกไปจากโต๊ะ กานนนิ่งอึ้งเจ็บปวด
ระหว่างที่กานนนัดเจอกับจิรดา มัสลินได้มาหาศักดาที่ออฟฟิศ...ศักดาหันขวับถลึงตาใส่มัสลิน
“อะไรของเธอ”
มัสลินสะดุ้งเล็กน้อยแต่จ้องศักดากลับแววตาแข็งกร้าว
“ก็ตามที่ฉันเคยตกลงไว้กับคุณ ฉันจะเล่นหนังให้คุณก็ต่อเมื่อคุณช่วยฉันหาตัวคุณคิม ตอนนี้ฉันเจอคุณคิมแล้วโดยที่คุณไม่ได้มีส่วนอะไร แล้วทำไมฉันยังจะต้องเล่นหนังให้คุณด้วย”
ศักดาชี้หน้ามัสลินโกรธจัด
“เธอกล้ามากนะที่มาต่อกรกับฉันแบบนี้ รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”
มัสลินจ้องหน้าศักดากลับแบบไม่กลัวเกรง
“ฉันรู้ว่าคุณใหญ่แค่ไหน แต่ฉันก็จะทำตามที่ฉันพูดไว้เท่านั้น”
ศักดาขึ้นเสียงดังกว่าเดิมใส่มัสลิน
“ฉันรับรองว่าเธอได้อยู่ไม่เป็นสุขแน่ นังเด็กเมื่อวานซืน”
“เอาเลยคุณจะสั่งลูกน้องทำอะไรฉันก็ได้ แต่อีกเรื่องที่คุณต้องทำก็คือคืนเงินทั้งหมดที่ศิธาลูกชายคุณผลาญไปจากเพื่อนของฉัน นี่ต่างหากคือเหตุผลหลักที่ฉันมาที่นี่วันนี้”
ศักดาโมโหจัดทุบโต๊ะอีกรอบ
“ออกไปจากออฟฟิศฉันเดี๋ยวนี้ก่อนที่ฉันจะสั่งใครมาลากตัวเธอออกไป”
“ไม่ต้องเรียกใครมาลากหรอก เดี๋ยวฉันจะพาออกไปเอง”
แม็กกี้เดินเข้ามาในห้องทำงานศักดาอย่างนางพญา
“ฉันเป็นคนพาเค้ามา ฉันก็ต้องพาเค้ากลับ”
ศักดาหน้าเสียครางออกมา
“แม็กกี้ ลี”
“ไม่เจอกันนานนะคุณศักดา”
แม็กกี้เข้าไปยืนข้างมัสลิน
“นี่ฉันเกือบคิดว่าคุณลืมฉันไปแล้วนะ เพราะดูเหมือนคุณจะลืมไปรึเปล่าว่า คิม ลี เป็นลูกชายฉัน”ศักดาหน้าเจื่อนสนิท หาทางออกหนักใจ
“ผมกำลังคิดว่าจะบินไปหามาดามด้วยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”
“แต่ก็ไม่ได้ทำ” ศักดาอึกอัก
“ไม่ต้องตอบอะไรฉันหรอก ที่จริงฉันแค่จะแวะมาบอกอะไรคุณไม่กี่อย่าง”
แม็กกี้จ้องเขม็งที่ศักดา ศักดาเริ่มสีหน้าไม่ดีหันไปพูดดีกับมัสลิน
“เอาเป็นว่าฉันรับปากละกันนะหนูมัสลิน ว่าฉันจะจัดการเรื่องเงินคืนให้กับเพื่อนหนูให้ครบ เท่าไหร่ก็บอกมาละกัน” แม็กกี้พูดเสริมขึ้น
“เรื่องเงินก็เรื่องหนึ่ง อีกเรื่องที่สำคัญกว่านั้นคือฉันต้องการให้คุณส่งตัวลูกชายตัวดีของคุณมาให้ฉัน”
ศักดาแทบจะเข่าอ่อนหน้าเสีย
“เรามาตกลงกันดี ๆ ก็ได้นี่คุณแม็กกี้”
แม็กกี้สวนกลับทันควันด้วยสีหน้าและน้ำเสียงราบเรียบนิ่งเฉยแต่เด็ดขาด
“ฉันไม่มีอะไรจะตกลงกับคุณเพราะฉันมาเพื่อจะบอก ถ้าคุณไม่ส่งมาให้ดี ๆ ก็ระวังไว้อย่าให้ฉันเจอตัวเขาเองเพราะมันจะบานปลาย”
แม็กกี้หันไปทางมัสลิน
“กลับกันดีไหมจ๊ะหนูมัสลิน ฉันพูดในสิ่งที่ต้องการหมดแล้ว”
มัสลินจ้องหน้าศักดาก่อนจะหมุนตัวกลับ แม็กกี้หันมาพูดกับศักดาอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป
“ส่วนเงินเพื่อนหนูมัสก็ให้ครบทุกบาท อย่าให้ขาดแม้สลึงเดียว”
แม็กกี้เดินออกจากห้องไปพร้อมกับมัสลิน ศักดามองตามกัดฟันกรอด
“นังมัสลิน แก....ฉันต้องจัดการกับแกแน่ อย่านึกว่ามีนังแม็กกี้คุ้มหัวอยู่แล้วจะรอด” ศักดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดโทรออก
“คุณเตช คุณจะจัดการนังมัสลินมันเมื่อไร ผมไม่ไหวกับมันแล้วจริงๆ หรือคุณจะให้ผมจัดการมันก็บอกมา”
อ่านต่อวันพรุ่งนี้