ติดตามอ่านละครออนไลน์ได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน
รอยมาร ตอนที่19
ณ รีสอร์ทฮัทริมแคว
สไบนางพายเรือแคนนูคู่กับอาทิตย์ แข่งกับเรือแคนนูของหัสดินและหยาดฝน แคนนูสองลำพายแข่งกันมาตามลำธารน้ำตกเป็นที่สนุกสนาน ขณะเดียวกันในรีสอร์ท สายทิพย์เดินคุยกับพนักงานผู้ช่วย
“พี่บอกน้องสาวกับพวกเพื่อนๆ แล้วว่าไม่ต้องเกรงใจ ให้ทำตัวแบบนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนจริงๆ ติดขัดอะไร ไม่ชอบใจอะไรก็ให้พูดมาตรงๆ”
พนักงานยิ้มแย้ม
“ค่ะคุณทิพย์ พนักงานทุกคนตื่นเต้นกันมากเลยนะคะ”
“ก็แน่สิ ลูกค้ากรุ๊ปแรกนี่จ๊ะ พี่ก็หวังว่าทุกคนจะจำความรู้สึกวันนี้เอาไว้ แล้วเต็มใจต้อนรับลูกค้าให้ได้แบบนี้ทุกๆ กรุ๊ปนะจ๊ะ”
พนักงานยิ้มรับ
”ค่ะ”
สายทิพย์ยิ้ม
“เราไปดูความเรียบร้อยที่ห้องอาหารกันดีกว่า”
สายทิพย์และพนักงานผู้ช่วยพากันเดินไป
+ + + + + + + + + + + +
สไบนาง อาทิตย์ หัสดิน หยาดฝน ลงจากแคนูที่ตลิ่งมีพนักงานช่วยเก็บเรือให้
“พี่ทิพย์ว่างเป็นต้องมาที่นี่ตลอด ฝนก็สบายใจ พี่ทิพย์ดูสดชื่นขึ้นเยอะ”หยาดฝนเล่าให้ทุกคนฟัง
“แล้วหลานล่ะครับ”หัสดินถาม
ทั้ง 4 คนเดินคุยกันไปตามทางสวยงามของรีสอร์ท
“อยู่กับคุณตาคุณยายน่ะค่ะ กลับกรุงเทพค่อยไปรับ”หยาดฝนตอบ
สไบนางเบ้หน้า
“ไม่ต้องถามถึงพ่อเด็กเลยนะ กลับไปขลุกอยู่กับยัยนั่นอีกแล้ว”
“อย่าไปพูดถึงเขาเลยบู้บี้”อาทิตย์ปราม
“บีไม่เข้าใจจริงๆนะคะ ใจคอผู้หญิงคนนั้นไม่คิดจะทำงานยืนด้วยลำแข้งตัวเองมั่งรึไง ต้องคอยหาผู้ชายรวยๆเกาะตลอดเวลา ไม่มีศักดิ์ศรีเอาซะเลย”
“ศักดิ์ศรีมันกินไม่อิ่มนี่ครับ เขาคงติดสบายจนเคยแล้วล่ะ”หัสดินออกความเห็น
สไบนางเหยียดปากดูถูก แต่ไม่พูดอะไรอีก
“ถ้ารีสอร์ทที่นี่ลงตัว มีหวังคุณทิพย์ลาออกจากงาน ย้ายมาอยู่ที่นี่แหงๆ”หัสดินส่งสายตาอ้อนๆให้หยาดฝน”น้องฝนคงไม่ย้ายมาด้วยหรอกนะครับ ผมเหงาแย่เลย”
“สวัสดีค่ะคุณมาร์ค”สไบนางแดกดันแกล้งไหว้
“หยาบคาย...”หัสดินแกล้งพูด
ทุกคนต่างหัวเราะ ทั้ง 4 คนเดินคุยกันกลับไปทางห้องพัก
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาโทรหาหัสดินหลายครั้ง แต่หัสดินไม่รับสาย ทันทีที่หัสดินรับอุปมาโวยลั่น
“ทำไมแกไม่รับสายฉันไอ้หัส”
หัสดินคุยโทรศัพท์มือถือ เมื่อมาถึงห้องพักแล้ว
“ฉันไปพายเรือมา เลยทิ้งโทรศัพท์ไว้ในห้องพัก”
“คงสนุกกันมากซินะ”อุปมาประชด
แต่หัสดินไม่รู้ว่าเพื่อนประชด เล่าต่อด้วยอารมณ์สนุก
“ก็โอเค รีสอร์ทคุณทิพย์บรรยากาศดีมาก กิจกรรมเยอะ”
“ทำไมแกไม่บอกฉันซักคำว่าจะไปเที่ยวกับบี”
“อ้าว...ก็คุณบีบอกแกแล้วนี่ แกไม่อยากมาเอง”
“บอกที่ไหน ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“อ้าว...ฉันโดนคุณบีต้มเหรอเนี่ย”
อุปมาถอนใจออกมา
“ตกลงแกไปเที่ยวที่ไหนกัน”อุปมาสงสัย
“รีสอร์ทฮัทริมแควของคุณทิพย์อยู่เมืองกาญจน์ แกจะตามมาเหรอ”หัสดินถาม
“ฉันจะตามไปทำไม ไม่อยากเป็นก้างขวางคอใคร”
อุปมาพูดไปอย่างนั้น แต่จริงๆแล้วหงุดหงิด อยากตามไปมาก
+ + + + + + + + + + + +
คุณหญิงรุจานั่งคุยกับวิจิตราอยู่ในห้องพระ หน้าเครียดและซึมเศร้าทั้งคู่
“หนูทนดูสภาพคุณมุขต่อไปไม่ไหวแล้วล่ะค่ะคุณแม่ กินอาหารเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมดเลย”วิจิตราแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“ถ้าเชื่อฟังแม่ยอมไปหาหมอรักษาตัวแต่แรกก็คงเจอนานแล้ว ไม่ลุกลามไปทั่วร่างกายแบบนี้หรอก” คุณหญิงรุจาน้ำตาคลอๆ
“หนูก็ผิด เป็นเมียที่ใช้ไม่ได้ ไม่ดูแลคุณมุขให้ดีพอปล่อยให้กินยาโรคกระเพาะอยู่ได้ ไม่เอะใจเลยซักนิดทำไมถึงไม่หายซักที”วิจิตราพูดทั้งน้ำตา
“อย่าโทษตัวเองเลยจิตรา มีคนเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารไม่น้อย ที่รู้ตัวเมื่อสายเกินไปแล้วยังงี้แหละ ยิ่งคนไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองอย่างเจ้ามุข จะตายอยู่แล้ว ยังไม่รู้ตัวเลย”คุณหญิงรุจาเสียงสั่นเครือยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก
“แล้วคุณแม่จะไม่บอกคุณมุขเหรอคะว่าเป็นอะไร”
คุณหญิงรุจาน้ำตาคลอ
“ปล่อยให้เขาคิดว่าเขาเป็นแค่ความดัน กับโรคหัวใจเท่านั้นก็พอแล้วล่ะ แค่นั้นก็จะไม่เหลือกำลังใจอะไรแล้ว ยิ่งเครียดอาการจะยิ่งทรุดเร็วไปกว่านี้อีกนะจิตรา”
วิจิตราพยักหน้ารับเห็นด้วย
“แม่ว่ารีบพายัยเมกลับมาดูใจพ่อเขาเถอะ”
ขาดคำคุณหญิงรุจา เสียงโทรศัพท์มือถือของวิจิตราก็ดังขัดขึ้นพอดี
วิจิตราดูเบอร์โทร ก่อนบอกคุณหญิงรุจา
“พยาบาลยัยเมโทรมาค่ะ ไม่รู้มีอะไรรึเปล่า”วิจิตรากดรับสาย”วิจิตราพูดค่ะ”
วิจิตราฟังปลายสายไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่...
ที่ลานรับรองห้องอาหาร...สไบนาง อาทิตย์ หัสดิน หยาดฝน และสายทิพย์ นั่งทานอาหารเช้าอยู่ด้วยกัน
“ไงจ๊ะ หลับสบายกันทุกคนมั้ย”สายทิพย์ชวนคุย
“สบายสุดๆเลยครับพี่ทิพย์ ที่พักหรู บรรยากาศแจ่ม สวรรค์ดีๆนี่เองครับ”หัสดินชื่นชม
“พูดเอาใจว่าที่พี่สะใภ้น่าดูเลยนะ”สไบนางกระเซ้า
อาทิตย์และสไบนางหัวเราะให้กัน หยาดฝนได้แต่นั่งเขิน
“ผมพูดจริงๆ นะครับพี่ทิพย์ เปิดรีสอร์ทเมื่อไหร่ รับรองเต็มตลอด”หัสดินบอก
“สมพรปากเถอะค่ะคุณหัส”
สไบนางยิ้มค้างเมื่อมองเลยไป เห็นอุปมาเดินยิ้มแย้มเข้ามา สไบนางสะกิดอาทิตย์ให้ดู อาทิตย์หน้าขรึมลงเล็กน้อย
“รีสอร์ทน่าอยู่จังเลยนะครับ”อุปมาเอ่ยชม
ทุกคนหันมอง สไบนางเหยียดปากเซ็งๆ หยาดฝนกระซิบบอกพี่สาวหน้าหวั่นๆ
“คุณมาร์คค่ะ”
สายทิพย์รีบลุกขึ้น ยิ้มแย้มต้อนรับ
“สวัสดีค่ะคุณมาร์ค ยินดีต้อนรับค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“ทานอะไรมารึยังคะ”สายทิพย์ถาม
“ยังเลยครับ”อุปมาเหล่มองสไบนาง”เป็นห่วงภรรยาเลยรีบขับรถตรงดิ่งมาเลย”
สไบนางแอบหันไปทำปากอ้วกข้างๆ
“งั้นทานข้าวพร้อมกันเลยค่ะ เชิญนั่งค่ะคุณมาร์ค”สายทิพย์เชิญ
อุปมาทำหน้ากวนบอกอาทิตย์
“ขอผมนั่งติดกับภรรยาตัวเองได้มั้ยครับ”
อาทิตย์และสไบนางหันสบตากัน สไบนางลุกพรวด
“หมดอร่อยแล้ว ไปนอนต่อดีกว่า”
อุปมาจ้องหน้าสไบนาง
“อย่าเข้าใจอะไรผิดนะ ถ้าพ่อไม่สั่งให้มาตามเธอ ฉันก็ไม่อยากมาหรอก”
สไบนางสะบัดหน้าพรืดเดินออกไป อุปมายิ้มไม่รู้ไม่ชี้ นั่งลงรอทานอาหาร อาทิตย์และหยาดฝนแอบสบตากันเล็กน้อย ต่างก็เดาออกว่าเดี๋ยวจะต้องมีเรื่องกันอีกแน่
+ + + + + + + + + + + +
บารมีมาหาอุปมา กับสไบนางที่บ้านเรือนไทย เมื่อเดินเข้ามาในโถงบ้านก็บ่นอย่างแปลกใจ
“หายไปไหนกันหมดล่ะ บ้านเงียบเชียบเลย”
แรมที่กำลังปัดกวาด ทำความสะอาดของโชว์อยู่รีบเข้ามารับหน้า
“คุณมาร์คตามคุณบีไปเที่ยวต่างจังหวัดน่ะค่ะ”
“อ้าว หนีไปเที่ยวกันไม่บอกพ่อซักคำ ว่าจะมากินข้าวเช้าด้วยซะหน่อย”บารมีส่ายหน้าไปมา”ชงกาแฟมาถ้วยซิ“
บารมีนั่งลงที่โซฟาเปิดหนังสือพิมพ์อ่านอย่างสบายอารมณ์
+ + + + + + + + + + + +
หลังจากทานอาหาร สายทิพย์พาอุปมา อาทิตย์ หัสดิน และหยาดฝน ทัวร์ทั่วบริเวณรีสอร์ท
“ใครชอบขี่ม้าเราก็มีไว้บริการนะคะ”สายทิพท์แนะนำ
“รีสอร์ทกว้างขวางดีนะครับ”อุปมาชม
“ที่ดินมรดกน่ะค่ะ ไม่งั้นก็คงไม่มีปัญญาซื้อหรอกค่ะ”สายทิพย์เล่า
“แล้วคุณทิพย์ตั้งใจจะเปิด อย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ครับผมจะได้ ช่วยโปรโมท”หัสดินถาม
ยังไม่ทันที่สายทิพย์จะตอบ พนักงานชายก็วิ่งเข้ามารายงาน
“คุณทิพย์ครับ วันนี้อย่าเพิ่งไปพายเรือเล่นกันนะครับ น้ำค่อนข้างเชี่ยว”พนักงานบอก
“ขอบใจจ้ะ”
“แน่ใจนะว่าคุณบีอยู่ในห้องนอน”อาทิตย์เริ่มเป็นห่วง
ทุกคนต่างก็นึกเป็นห่วงสไบนาง จอมแสบจอมซนขึ้นมาเช่นกัน
+ + + + + + + + + + + +
อาทิตย์และพนักงาน ออกเดินตามหาสไบนางไปอีกด้านของรีสอร์ท เมื่อรู้ว่าไม่ได้อยู่ที่ห้อง อาทิตย์กวาดตามองหา
“บู้บี้”อาทิตย์ป้องปาก ตะโกน
พนักงานรีสอร์ทเดินแยกย้ายออกตามหา
“บู้บี้...อยู่แถวนี้รึเปล่า…”
“สุดเขตรีสอร์ทแล้วครับคุณอาทิตย์”พนักงานบอก
อาทิตย์รู้สึกเป็นห่วงสไบนาง
“แล้วคอกม้าอยู่ตรงไหนครับ พาผมไปที”
พนักงานพาอาทิตย์ไปตามหาสไบนางต่อด้วยความเป็นห่วง
ทางด้านหัสดินและหยาดฝนเดิน ตามหาสไบนางคนละด้านกับอาทิตย์
“คุณบีครับ”หัสดินตระโกนเรียก
หยาดฝนร้องเรียกเช่นกัน...
“บี บี”
“ผมจะไปดูด้านโน้น น้องฝนไปดูอีกด้านนะครับ เดี๋ยวมาเจอกันตรงนี้”
หยาดฝนและหัสดินแยกย้ายกันไปตามหา
ขณะเดียวกัน สายทิพย์ตามหาสไบนางไม่เจอ รู้สึกเป็นห่วง มายืนทุกคนที่ออกไปตาม อยู่หน้าที่พัก พนักงานเข้ามารายงาน
“ไม่เจอค่ะคุณ ในห้องน้ำรวมก็ไม่มีค่ะ”พนักงานหญิงพูดอย่างร้อนรน
พนักงานชายวิ่งร้อนใจเข้ามารายงาน
เรือแคนนูหายไปลำนึงครับคุณทิพย์”
สายทิพย์ร้อนใจปนห่วง รีบเดินออกไปจากห้องพักทันที
+ + + + + + + + + + + +
เป็นไปอย่างที่ทุกคนกังวล...สไบนางกำลังพายเรือแคนนูเล่นไปตามแรงน้ำที่เชี่ยวกราก สไบนางชักหน้าเสีย พยายามพายประคองเรือเอาไว้ เมื่อเห็นว่าเริ่มจะไม่ไหว จึงเริ่มใช้ไม้พายทั้งจิ้มทั้งงัดริมลำธาร เพื่อหยุดเรือ แต่ไม่ได้พ้น ไม้พายหลุดมือไป สไบนางตกใจ มองไปข้างหน้า เห็นแอ่งน้ำเชี่ยว เพราะลำธารลดระดับลงเล็กน้อย สไบนางหันซ้ายขวา
“ช่วยด้วย...”
สไบนางร้องลั่น ก่อนที่เรือแคนนูตะแคงเกยข้างลำธาร สไบนางหายไปกับสายน้ำ
ทางด้านอุปมา ทันทีที่รู้ว่าสไบนางพายเรือออกไป รีบใส่ชูชีพ แล้วลงเรือแคนนูพายออกไปทันทีด้วยความร้อนใจ พนักงานใส่เสื้อชูชีพวิ่งตามมาตกใจ
“อ้าวคุณ รอด้วยซิครับ”พนักงานร้องท้วง
อุปมาพายเรือไปตามหาสไบนางด้วยความเป็นห่วงมาก พนักงานรีบเอาเรือแคนนูพายตามออกไปอีกลำ
ขณะเดียวกันนั้น สไบนางไหลไปตามกระแสน้ำ แม้จะใส่ชูชีพก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะกระแสน้ำค่อนข้างแรง สไบนางไหลไปตามแรงน้ำ ดำผุดดำโผล่ไปมา
อุปมาพายเรือตามหาสไบนางด้วยความร้อนใจ เขามีทักษะเคยพายเรือตอนเป็นนักศึกษาที่เมืองนอก จึงสามารถเลยพอประคองตัวกับน้ำเชี่ยวไปได้ อุปมากวาดตามองหา ตกใจที่เห็นเรือแคนนูเกยโขดหินอยู่ อุปมารีบพายไป พร้อมตะโกน
”บี ได้ยินผมมั้ย บี”
สไบนางไหลมาตามกระแสน้ำ พยายามจะเกาะยึดหินอะไรให้ได้ แต่ก็เกาะไว้ได้หมิ่นๆ สไบนางหันไปมองด้าน หลังเห็นว่าอีกไม่ไกล จะเป็นที่ต่างระดับ สไบนางตกใจมาก ทันใดมือหลุดจากโขดหินที่จับเอาไว้ สไบนางร้องเสียงหลงกวาดมือคว้าไปทั่ว เดชะบุญคว้าได้รากไม้ สไบนางจับยึดไว้แน่น แต่ก็สำลักน้ำ
อุปมาพยายามพายเรือไปให้เร็วที่สุด พลางตะโกนเรียก
“บี ได้ยินผมมั้ย บี”
เสียงสไบนางดังขึ้น
“ช่วยด้วย ช่วย…”
อุปมารีบพายเรืออย่างเร็วไปตามเสียง สไบนางเกาะรากไว้เอาไว้แน่น ต้านกระแสน้ำที่ไหลแรง สไบนางต้องยกหน้าชูคอสูงรับอากาศเป็นระยะๆ สไบนางเห็นคนพายเรือแคนนูมาทางตนก็ดีใจมาก
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
“จับให้แน่นนะบี”อุปมาตะโกนบอก
สไบนางหน้าเสียเล็กน้อยที่เห็นอุปมามาช่วย สไบนางเสียสมาธิจะหลุดจากรากไม้ เลื่อนขยับออกไปอีก
“จะหลุดแล้ว”
อุปมาตัดสินใจสละเรือแล้วว่ายน้ำไปที่โขดหิน ยื่นมือไปหาสไบนาง
อุปมายื่นมือไป
“จับมือผมเอาไว้”
สไบนางตวาด
“เอามือที่ไหนจับล่ะ ปล่อยฉันก็หลุดน่ะซิ”
“มีมือเดียวรึไง”
“อีกมือฉันเจ็บ ไม่มีแรงแล้ว”
อุปมาพยายามขยับตัวให้ไปได้ใกล้ที่สุด
“ไม่ไหวแล้ว”
“อดทนอีกนิดนะ”
มือสไบนางจะหลุด อุปมาพยายามจะเข้าไปให้ใกล้ที่สุด สไบนางร้องลั่นพร้อมมือหลุดจากรากไม้ อุปมาฉวยเอาไว้ทัน สไบนางนั้นกลัวมาก
อุปมาล็อคมืออีกข้างไว้กับมุมโขดหิน อีกมือดึงสไบนาง ลากเข้ามาสุดชีวิต สุดกำลังที่มี สไบนางแอบมองหน้าคู่อริ ที่พยายามช่วยชีวิตตนอย่างสุดกำลัง แอบซึ้งในน้ำใจอยู่เหมือนกัน
อุปมาลากสไบนางเข้ามาใกล้ อุปมารีบสั่ง
“เกาะเอวผมเอาไว้ มือจะหลุดแล้ว”
สไบนางรีบสวมกอดเอวอุปมาเอาไว้แน่น
อุปมาปาดมืออีกข้างไปช่วยจับยึดก้อนหินเอาไว้ สีหน้าเจ็บปวด ต้องรับน้ำหนักทั้งสองคนต้านแรงน้ำ สไบนางชักห่วง
“ไหวมั้ย”
“ไม่ไหวก็ไหลไปด้วยกันนี่แหละ”
อุปมาพยายามเกาะยึดหินเอาไว้อย่างสุดกำลัง และจะดึงตัวพาสองคนขึ้นไปบนโขดหินให้ได้ สไบนางมองอุปมาในระยะใกล้ ส่งกำลังใจช่วยตลอด อุปมาพยายามเกาะโขดหินต้านกระแสน้ำเอาไว้
“ลดน้ำหนักมั่งนะ”อุปมาพูดกวน
“ไอ้บ้ามาร์ค”
ขณะเดียวกัน พนักงานพายเรือแคนนูตามมาทัน อุปมารีบตะโกน
“ช่วยด้วย”
สไบนางตะโกนตามไปพร้อมกัน
“ช่วยด้วย”
อุปมาหันมองมองสไบนาง
“อดทนอีกนิดนะบี เราปลอดภัยแล้ว”
สไบนางช้อนตามองอุปมาพอดี ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างดีใจที่รอดแล้ว เป็นรอยยิ้มที่มีความรู้สึกดีๆ ให้กันเป็นครั้งแรก
+ + + + + + + + + + + + +
หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากพนักงาน อุปมาอุ้มสไบนางขึ้นฝั่งมา อาทิตย์ หยาดฝน หัสดิน และสายทิพย์กรูเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
“บีเป็นยังไงมั่ง”หยาดฝนถามอย่างร้อนใจ
“ขาเจ็บมากทั้งสองข้าง ไม่รู้หักรึเปล่า”อุปมาตอบแทน
สไบนางหน้าจ๋อย อาทิตย์เป็นห่วง
“เจ็บมากมั้ยบู้บี้”
สไบนางพยักหน้ารับ
“หายซ่าไปเลยน้องเรา”หัสดินแซว
“ไปโรงพยาบาลดีกว่าค่ะ อยู่ไม่ไกลนี่เอง”สายทิพย์แนะนำ
“ดีครับ หาหมอเสร็จผมจะพาบีกลับกรุงเทพเลย เจ็บแบบนี้คงเที่ยวต่อไม่สนุกแล้วล่ะ ฝนช่วยเก็บเสื้อผ้าของใช้ให้บีด้วยนะ”
“ค่ะคุณมาร์ค”
อุปมาอุ้มสไบนางตามสายทิพย์ไป สไบนางสบตามองอาทิตย์เล็กน้อย หน้าเสีย
“บีเงียบกริบ ไม่มีปากมีเสียงเลย สงสัยจะเจ็บจริง”หยาดฝนเป็นห่วง
“วันนี้สองคนนี่ ค่อยดูเป็นสามีภรรยากันขึ้นหน่อยว่ามั้ย”หัสดินออกความเห็น
หยาดฝนหยิกแขนหัสดิน พยักเพยิดให้มองไปทางอาทิตย์เล็กน้อย อาทิตย์ซึมไปอย่างรู้สึกเป็นห่วงสไบนาง ได้แต่ชะเง้อมองตามสไบนางไป
+ + + + + + + + + + +
เมธาวีนั่งเงียบกริบที่โซฟารับแขกมุมห้อง ตาแดงก่ำด้วยความเจ็บช้ำปนอิจฉา หลังจากรู้เรื่องการแต่งงานระหว่างอุปมา กับสไบนางอย่างละเอียด
“ทำไมต้องเป็นมันด้วยคะคุณแม่”
“ก็ไม่มีใครแล้วนี่ลูก”วิจิตราบอกอย่างไม่สบายใจ
“แล้วมันจะยอมคืนคุณมาร์ค ให้เมเหรอคะคุณแม่...นังคนนี้มันชอบแย่งทุกอย่างไปจากเมอยู่แล้ว มันคงสะใจมาก”เมธาวีเจ็บใจปนชิงชัง
“ถึงมันจะอยากได้คุณมาร์ค แต่คุณมาร์คก็ไม่เอามันหรอก...เรื่องนี้ลูกเมสบายใจ ได้ คุณมาร์คอยากจะหย่ากับมันใจจะขาดอยู่แล้ว”
“ขอให้เป็นอย่างนั้นจริงๆเถอะค่ะ อย่าเผลอไปหลงเสน่ห์มันอีกคนก็แล้วกัน”
วิจิตราขำหยัน
“คงไม่หรอก ที่แม่ฟังจากคุณมาร์ค ตีกันจะตายทุกวัน”
เมธาวีถอนใจออกมา วิจิตราหน้าเครียดขรึม จับมือเมธาวีกุมเอาไว้
“แต่ที่แม่ยอมขอคุณหมอให้เมกลับกรุงเทพทันที ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้หรอกนะลูก”
เมธาวีหน้าเสีย
“มีเรื่องอะไรอีกคะแม่ เมจะรับไม่ไหวแล้วนะคะ”
วิจิตราน้ำตาคลอขึ้นมา
“แม่ก็รับไม่ไหวเหมือนกันล่ะเม”
เมธาวีตกใจ
“มีเรื่องอะไรคะแม่”
“คุณพ่อไม่สบายมาก”วิจิตราเสียงสั่น”จะจากเราไปวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่รู้”วิจิตราร้องไห้ออกมา
“อะไรกันคะคุณแม่ โรคที่พ่อเป็นใครๆ ก็เป็นกันทั้งนั้น ความดัน หัวใจ ไขมันในเลือดสูง กินยาคุมอยู่ก็ไม่น่ามีอะไร”
“ไอ้ที่มีอะไรมันไม่ใช่โรคพวกนี้น่ะซิเม หมอเพิ่งตรวจเจอมะเร็งในกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย ตอนนี้ลามไปทั่วแล้ว”
วิจิตราร้องไห้โฮออกมา สวมกอดเมธาวีเอาไว้แน่น เมธาวีตกใจปนช็อค ไม่เคยรู้มาก่อนน้ำตาเอ่อท่วมตาขึ้นมาทันที
+ + + + + + + + + + + +
บารมีรีบเดินออกมารับอุปมา และสไบนาง ด้วยความเป็นห่วงที่หน้าบ้าน หลังจากรู้จากอุปมาที่โทรมาบอกก่อนแล้ว อุปมาลงมาก่อนจากรถ
“บีเป็นยังไงมั่ง”บารมีถามอย่างเป็นห่วง
“เอ็นข้อเท้าพลิกข้างนึง...ขาอีกข้างต้องเข้าเฝือกอ่อนครับ”
บารมีส่ายหน้า
“ซนจนได้เรื่อง”
สไบนางเปิดประตูออกมา ยกมือไหว้บารมี
“เป็นไงเรา”
“เหมือนในหนังยังไงยังงั้นเลยค่ะคุณลุง”
“ยังทำมาพูดดีอีก เกือบตายแล้วรู้มั้ย”บารมีดุ
สไบนางแหยๆ จะลงจากรถอุปมาจะเข้าไปช่วยอุ้ม สไบนางปัดมืออุปมาออก
“จะทำอะไร”
“หมอกำชับไม่ให้ลงน้ำหนักที่ขา ยังจะมาอวดเก่งอีก”อุปมาตวาดใส่”อยู่เฉยๆ...ฉันเกือบตายเพราะเธอแล้ว อย่ามาทำฤทธิ์เยอะแยะ”
สไบนางบ่นพึมพำ
“ไม่ได้ขอร้องให้ช่วยซะหน่อย”
อุปมาถลึงตาดุใส่ สไบนางจ๋อยไป ยอมให้อุปมาอุ้มออกมาจากรถแต่โดยดี
“ผมเอาหลานคุณพ่อ ไปโยนทิ้งบนเตียงก่อนนะครับ”
“คุณลุงคะ”สไบนางขอความช่วยเหลือ
อุปมาตวาดใส่
“เงียบ”
สไบนางแหยไป อุปมาอุ้มสไบนางเข้าบ้านไปแสไบนางแอบขมุบขมิบปากด่าไปมา บารมีมองตามอุปมาและสไบนางไป มีความรู้สึกติดใจสงสัยในความรู้สึกต่อกันของทั้งคู่ขึ้นมา
+ + + + + + + + + + + + +
อุปมาอุ้มสไบนาง มาวางนอนลงบนเตียงที่ฝั่งของเธอ อย่างเบาๆ ไม่ได้กระแทกกระทั้นอะไร สไบนางเหล่ๆมอง ยังระแวงๆ
“ขาเดี้ยงสองข้างยังงี้คงหมดฤทธิ์แล้วสิ”
“รอให้หายก่อน”สไบนางค้อนใส่
“ปากเก่งให้ตลอดเถอะ”
อุปมาจะเดินออกไปจากห้อง
สไบนางเหล่มองตาม พูดเบาๆพอได้ยิน
“ขอบคุณนะ”
อุปมาชะงักหันมองสไบนาง
“ว่าอะไรนะ”อุปมากวน
“ไม่ได้ยินก็แล้วไป ถือว่าฉันไม่ได้พูดก็แล้วกัน”สไบนางเบือนหน้าไปอีกทาง
“ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้เธอตายหรอก”
สไบนางชะงักไปเล็กน้อยหันมองอุปมา อุปมาพูดหน้าตาย
“สายพันธุ์นี้หายาก เดี๋ยวจะสูญพันธุ์ซะชิบ”
สไบนางเจ็บใจมาก เผลอจะลุกด่า
“ไอ้หน้าหนวด โอ๊ย...”
สไบนางค่อยๆ ลดตัวลงนอนต่อ สีหน้าเจ็บๆ อุปมาขำ ชอบใจเดินออกไปจากห้อง สไบนางเจ็บใจ เจ็บร้าวไปทั่วตัว แต่ไม่วายพึมพำ
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
ค่ำคืนนั้น...
คุณหญิงรุจานั่งสวดมนต์อยู่ในห้องพระ บังอรเปิดประตูห้องเข้ามาเบาๆ ไม่อยากรบกวน คุณหญิงรุจาหันมอง
“มีอะไรเหรอ”
“บังอรขอโทษนะคะที่เข้ามารบกวน คุณมุขอยากเจอคุณท่านเดี๋ยวนี้ค่ะ”
คุณหญิงรุจาตกใจตั้งท่าจะลุกขึ้น บังอรรีบประคองพาไปที่ห้องประมุข
ประมุขนอนหน้าซีดเซียวอมทุกข์อยู่บนเตียง คุณหญิงรุจาเปิดประตูเข้าห้องมา
“บังอรบอกว่าอยากพบแม่เหรอ”
“ครับ...นั่งก่อนครับคุณแม่”
คุณหญิงรุจาเดินมานั่งพร้อมพูด
“จิตรากับเมกลับมาถึงกรุงเทพแล้วนะ พักอยู่ที่บ้านแม่เขา พรุ่งนี้คงมาเยี่ยม”
ประมุขยิ้มดีใจ
“เราอยากจะคุยอะไรกับแม่ล่ะ”
ประมุขเสียงอ่อนลง หน้าซึมเศร้า
“ตกลงบีเชื่อรึเปล่าครับว่าผมเป็นพ่อ”
“มันสำคัญสำหรับแกมากเหรอเจ้ามุข”คุณหญิงรุจาหน้าเครียด
ประมุขหน้าเหนื่อยๆอ่อนแรง
“ครับ...ผมเพิ่งรู้ตัวว่าความรักของผมเป็นสิ่งผิด ผมควรให้เขาบริสุทธิ์ เป็นลูกของประจักษ์”
คุณหญิงรุจาอึ้งมองหน้าประมุข นึกไม่ถึงว่าจะได้ยินประมุขพูดแบบนี้ ประมุขน้ำตารื้นๆ
“ความรักที่ผมจะมอบให้เขาได้มากที่สุด ก็คือเก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับ ให้มันดับไปพร้อมกับชีวิตของผม”
ประมุขน้ำตาไหลซึมออกมา คุณหญิงรุจาน้ำตาท่วมตา เลื่อนมือไปบีบแขนประมุขเอาไว้
“ทำใจให้ดีๆ เถอะมุขอย่าเพิ่งคิดอะไรมากอีกเลยนะ”
“ผมรักบีครับแม่...อยากได้ยินคำว่าพ่อจากปากของเขาซักครั้ง ผมไม่เคยได้ยินจากปากเขาตั้งแต่เล็กจนโต...”ประมุขน้ำตาเอ่อท่วมขึ้นมาอีก”ผมเพิ่งรู้ว่ารักของผมคือบาป คำว่าพ่อของผมคือรอยดำที่ทำให้บีสกปรก ผมไม่ควรทำร้ายลูกใช่มั้ยครับแม่”ประมุขน้ำตาค่อยๆ ไหลซึมออกมา
“ทำไมลูกถึงรักบีมาก ไม่ยอมให้เรื่องทั้งหมดตายไปเหมือนประจักษ์กับศรีอำไพ”
“แล้วคุณแม่ล่ะครับ ทำไมถึงรักบีมาก”
คุณหญิงรุจาเงียบไป ไม่ตอบคำ ประมุขมีรอยยิ้มเปื้อนหน้าขึ้นมาบางๆ
”เพราะผมรักศรีอำไพมากไงครับแม่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงได้รักเขาขนาดนี้ ผมสุขใจที่ได้รักขา แต่ก็เจ็บปวดเหลือเกินที่เขาไม่รักตอบ”
“เพราะลูกทำกับพ่อแม่เขาเอาไว้รึเปล่า”
“อาจจะใช่ ผมเสียใจ ผมอยากแก้ไขความผิด แต่ชีวิตคนแก้ไขตามใจเราไม่ได้”ประมุขรู้สึกเจ็บช้ำ”ผมทำร้ายเขาทั้งที่รัก”
“อุบัติเหตุครั้งนั้นใช่มั้ย”
ประมุขส่ายหน้า
“ผมทำร้ายเขาจริง แต่ผมไม่เคยคิดฆ่าไพ ผมทำไปเพราะผมรักบี...ไพรักบี ลูกที่เกิดจากผม ผมควรพอใจเท่านั้น ผมไม่น่าเลยจริงๆ”
ประมุขน้ำตาท่วมตาด้วยความรู้สึกผิด เจ็บช้ำเมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่านมา...
+ + + + + + + + + + +
ในอดีต...
ประมุขเถียงกับศรีอำไพ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดในสวนผลไม้ ศรีอำไพมองประมุขอย่างชิงชังน้ำตาท่วม
“คุณมุขอย่าเฉียดเข้ามาใกล้บีเป็นอันขาดนะคะ บีไม่ใช่ลูกของคุณ”
“คุณจะหลอกใครที่ไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่พ่อของเด็กอย่างผม”
ศรีอำไพ เถียงทั้งน้ำตาคลอ
“คุณเลิกคิดเข้าข้างตัวเองซะทีเถอะ บีไม่ใช่ลูกของคุณ ได้ยินมั้ยว่าบีไม่ใช่ลูกของคุณ”ศรีอำไพน้ำตาไหลออกมา
ประมุขสะกดอารมณ์เอาไว้
“งั้นผมขออุ้มเขาซักครั้งในฐานะลุงก็ได้”ประมุขอ้อนวอน
ศรีอำไพสวนทันที
“ไม่ค่ะ คุณไม่มีสิทธิ์แตะต้องตัวบี มือฆาตกรอย่างคุณ ไม่สมควรถูกเนื้อต้องตัวเด็กบริสุทธิ์อย่างบี”
“คุณจะใจร้ายกับผมเกินไปแล้วนะไพ”ประมุขชักโกรธ
“ฉันไม่แจ้งความเอาคุณเข้าคุกที่…”
ประมุขตรงเข้าล็อคศรีอำไพบีบปากปิดเอาไว้
“เธอจะรื้อฟื้นทำไม เดี๋ยวใครก็มาได้ยินเข้าหรอก”
ศรีอำไพพยายามดิ้นรน ให้พ้นการจับกุมแต่สู้แรงไม่ไหว คนงานในสวนเดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์รีบหลบมุมดูด้วยความตกใจ
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”ศรีอำไพกัดมือ
ประมุขร้องด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย…”
ศรีอำไพสะบัดมือตบหน้าประมุขฉาดใหญ่ ประมุขหน้าหันไปตามแรง ศรีอำไพจ้องหน้าประมุข สายตาเกลียดชัง สั่งทั้งน้ำตา
“อย่ามาแตะต้องบี เป็นอันขาด ไม่ยังงั้นฉันจะหนีไปให้ไกลที่สุด คุณจะไม่มีวันได้เห็นหน้าบีอีกเลยตลอดชีวิต”ศรีอำไพวิ่งหนีไป
ประมุขตกใจมาก วิ่งกวดตามไป
“มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนไพ”
ประมุขวิ่งไล่ตามศรีอำไพ ที่วิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต คนงานสวนตกใจกับสิ่งที่เห็น รีบวิ่งกลับไปทางบ้านสวน
ศรีอำไพวิ่งหนีประมุขมาทางริมคลอง เอาเรือคนงานที่ผูกไว้ออกจากฝั่ง ศรีอำไพลงเรืออย่างเก้ๆกังๆ เตรียมจะพายหนีออกไป ประมุขวิ่งตามมาถึง
“ไพ...กลับมา”ประมุขตะโกน
“อย่ามายุ่งกับฉัน ไปให้พ้น”ศรีอำไพตะโกนกลับมา
“เธอพายเรือไม่เก่ง ว่ายน้ำก็ไม่แข็งนะไพ กลับเข้ามาเถอะ”ประมุขเป็นห่วง
ศรีอำไพไม่สนใจ รีบพายเรือหนีไกลออกไปเรื่อยๆ ด้วยความชิงชัง
ทางด้านคนงานวิ่งหน้าตาตื่นกลับไปที่บ้านสวน ตะโกนลั่น
“คุณจักษ์ครับ คุณจักษ์ ไปช่วยคุณไพด้วยครับ คุณประจักษ์ครับ”
คนงานร้อนใจ วิ่งตามหาประจักษ์
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น ลูกน้องประมุข 2 คนพายเรืออย่างเร่งร้อนตามไปทางเส้นทางที่ศรีอำไพพายเรือหนีไป ประมุขนั่งอยู่บนเรือด้วยความเป็นห่วง
“พายให้เร็วกว่านี้ไม่ได้รึไงวะ”
ลูกน้องชี้ไปที่ริมตลิ่ง
“มีเรือคว่ำอยู่ครับคุณมุข”
ประมุขตกใจมาก
“ไพ”
“ใช่เรือของคุณไพรึเปล่าครับ”ลูกน้องถาม
ประมุขกวาดตามอง เห็นรองเท้าศรีอำไพลอยเกยตลิ่งอยู่ ประมุขตกใจมาก
“ไพ...พวกแกดำน้ำลงไปช่วยคุณไพเร็วๆ เข้า”ประมุขสั่ง
ลูกน้องประมุขโดดน้ำโครมๆ ลงไปช่วยศรีอำไพประมุขมองตามหาอย่างร้อนใจ เป็นห่วงที่สุด ยกมือขึ้นพนมมือไหว้ขอพรพระ ตาแดงก่ำด้วยความเป็นห่วง
+ + + + + + + + + + + +
ประมุขยืนหน้าช็อคยกมือขึ้นกุมหน้า น้ำตาคลอ เมื่อเห็นลูกน้องอุ้มร่างไร้วิญญาณของศรีอำไพขึ้นมาจากน้ำ ประจักษ์วิ่งพรวดพราดเข้ามา
“ไพ”
ประจักษ์แย่งอุ้มร่างไร้วิญญาณของภรรยาเข้าฝั่งมา ประมุขกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ หันมองตาม ประจักษ์โอบกอดร่างเปียกโชกไร้วิญญาณของศรีอำไพ ไว้ในอ้อมกอดอยู่ริมคลอง ร่ำไห้อย่างไม่อายสายตาใคร ประจักษ์ฟูมฟายทั้งน้ำตา
“ไพทิ้งพี่ไปแบบนี้ไม่ได้ ไพของพี่...พี่จะอยู่ยังไง”ประจักษ์กอดศพภรรยาร้องไห้
ประมุขที่ยืนหน้าโศกเศร้าไม่แพ้กันอยู่ไม่ห่างนัก ประมุขละล่ำละลัก
“มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ จักษ์ พี่สาบานได้ ให้พี่ตายตามไพไปก็ได้”
ประจักษ์ตวาดเสียงแข็งใส่ทันที
“พี่ไม่ต้องมาพูด”ประจักษ์น้ำตานอง”พี่ฆ่าไพ พี่ฆ่าเมียผม พี่มันฆาตกรเลือดเย็น”
ประมุขตาแดงก่ำ
“พี่ไม่ได้ตั้งใจจักษ์ พี่ไม่ได้ฆ่าไพ มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ”
ประจักษ์โกรธคลั่ง วางศพภรรยาลงแล้วโถมเข้าหาประมุข ตะคอกใส่เสียงดังอย่างระเบิดอารมณ์
“ไอ้สัตว์นรก มึงไม่ใช่พี่กู ไอ้คนบาป กูขอสาปแช่งมึงให้ตกนรกทั้งเป็น ให้มึงพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ให้มึงฉิบหายวายวอด ให้มึงพบแต่ความลำบากทั้งชีวิต กรรมใดที่มึงก่อไว้ ขอให้สนองมึงทันตาเห็น”ประจักษ์จ้องหาพี่ชาย สายตาเคียดแค้นชิงชัง
+ + + + + + + + + + + +
ประมุขน้ำตาไหลซึมออกมาด้วยความอัดอั้นเจ็บช้ำใจ กับเหตุการณ์ในอดีต ประมุขพูดพร่ำทั้งน้ำตา
“มันเป็นอุบัติเหตุ ผมฆ่าไพไม่ได้...อีกไม่นาน ผมจะได้พบกับไพแล้ว”
คุณหญิงรุจานั่งตาแดงก่ำ น้ำตาท่วมตา ประมุขยื่นมือไปจับกุมมือแม่ บีบไว้แน่น จ้องตาแม่อย่างจริงจัง
“ผมอยากเจอบีจริงๆ นะครับคุณแม่ ผมอยากบอกบีว่าผมไม่ใช่พ่อของเขา”
“ประมุข”คุณหญิงรุจานึกไม่ถึง
ประมุขพูดทั้งน้ำตา
“ผมคือไอ้คนบาป บีคือตัวแทนของคนที่ผมรักที่สุด เป็นความภูมิใจของผม”
คุณหญิงรุจาน้ำตาไหลซึมออกมา ต้องรีบยกมืออีกข้างขึ้นซับออก ประมุขน้ำตาไหลซึมออกมาทางหางตา
“ความรักของผมคือรอยบาปคุณแม่พูดถูก ผมไม่ควรทำให้บีต้องด่างพร้อย…อย่าแตะต้องบี นั่นคือความรักที่ผมจะให้กับคนที่ผมรักได้...”ประมุขเจ็บช้ำพูดเสียงแข็งยืนยันอย่างเจ็บปวด”บี ไม่ใช่ลูกของผม”
คุณหญิงรุจาทนไม่ไหว ต้องลุกเดินไปหันหน้าเข้าผนังแอบร้องไห้
สไบนางนอนหลับอยู่บนเตียง สไบนางเผลอพลิกตัวตะแคงข้างแล้วต้องสะดุ้งตื่น เพราะความเจ็บ รีบขยับตัวนอนตรง สไบนางตากรอกไป อย่างฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง เหลือบตาลงมองตัวเองแล้วตกใจมาก เมื่อเห็นว่าตัวเองอยู่ในชุดนอน
“ใครเปลี่ยนชุดนอนให้ฉัน”สไบนางตกใจปนอาย
อุปมายกถาดใส่อาหาร อมยิ้มหน้าตายเข้ามาในห้องนอน
“ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ”อุปมายิ้มกวนๆ เอาถาดอาหารมาวาง
สไบนางจ้องหน้า
“ใครเปลี่ยนชุดนอนให้ฉัน”
อุปมาอมยิ้มทะเล้น
“เช็ดตัวปะแป้งให้ด้วย หอมมั้ย”
สไบนางตกใจทั้งอายทั้งโกรธ
“นายมันฉวยโอกาส”สไบนางเจ็บใจมาก”คอยดูนะฉันหายเมื่อไหร่ ฉันจะเอาคืนนายให้แสบเลย”
“เอาคืนยังไงเหรอ อาบน้ำให้ฉันเหรอ”อุปมากวน
สไบนางเหลืออด
“ไอ้ทะลึ่ง ไอ้ลามก ไอ้…”
อุปมาช่วยต่อทันที
“หน้าหนวด...ครีเอทคำด่าใหม่ๆ ด้วยนะ...ซ้ำ”
สไบนางเจ็บแค้นใจจะลุกไปลุยก็ไม่ได้ พยาบาลพิเศษเดินถือถาดยาเข้าห้องมา
“ตื่นแล้วเหรอคะคุณบี”พยาบาลถาม
สไบนางชะงักไปเล็กน้อย อุปมายิ้มกวนๆ เดินออกไปจากห้องนอน
“ทานข้าวก่อนนะคะ เลยเวลามาหลายชั่วโมงแล้ว”
พยาบาลช่วยประคองสไบนางขึ้นมานั่งพิงหมอน
“ใครเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้บีคะ”สไบนางซักให้แน่ใจ
“พี่เองค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ”
สไบนางยิ้มออก
“อ๋อ เปล่าค่ะ บีหิวแล้วค่ะ”สไบนางยิ้มสบายใจพร้อมถอนใจออกมาอย่างโล่งอก
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาซึ่งมานอนอยู่ที่ห้องนอนเล็ก นอนไม่หลับกระสับกระส่าย พลิกซ้ายพลิกขวาไปมาเล็กน้อย
“แปลกที่รึไงวะ นอนไม่หลับซะที”อุปมาบ่น ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงมิด
ขณะเดียวกัน สไบนางนอนไม่หลับเช่นกัน กวาดตามองไปทั่วๆ เห็นพยาบาลนั่งเฝ้าไข้อยู่มุมห้อง นั่งอ่านนิยายใต้แสงโคมไฟ เหลือบตามองมาที่สไบนาง
“อ้าว คุณบี ยังไม่หลับอีกเหรอคะ”พยาบาลถาม
สไบนางยิ้มบางๆ
“ค่ะ”
“แสงโคมไฟรบกวนรึเปล่าคะ”
“เปล่าค่ะ ตามสบายเถอะค่ะ”
พยาบาลยิ้ม
“เคยชินนอนข้างๆ คุณมาร์ค คืนนี้เลยนอนไม่หลับใช่มั้ยคะ”
สไบนางรีบปฏิเสธ
“เปล่าค่ะ สงสัยวันนี้จะนอนมากไปหน่อย พี่ไปพักเถอะค่ะบีจะหลับแล้วล่ะ”สไบนางทำเป็นหาวขึ้นมา
พยาบาลยิ้มๆ เดินกลับไปนั่งอ่านนิยายเล่นต่อ สไบนางถอนใจออกมาอดไม่ได้ที่จะเหล่มองที่นอนข้างๆ ของอุปมา ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงมิด
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่...
ยายจันทร์เดินไปต้อนรับเมธาวี และวิจิตราที่หน้าบ้านสวน
“คิดถึงคุณเมจังเลยค่ะ”ยายจันทร์พูด
เมธาวียิ้มแย้ม
“ขอบคุณค่ะยาย”
“คุณแม่ล่ะ”วิจิตราถาม
“ไปเยี่ยมคุณบีที่บ้านโน้นน่ะค่ะ”
เมธาวีและวิจิตราสบตากันเล็กน้อย
“คุณพ่อหลับอยู่รึเปล่า”
“ตื่นแล้วค่ะ”ยายจันทร์หนักใจ”แต่ไม่ยอมทานอะไรเหมือนเดิม คุณเมมาก็ดีค่ะ เผื่อคุณมุขจะยอมทานอะไรบ้าง”
เมธาวีมีสีหน้าไม่สบายใจขึ้นมา วิจิตราจูงมือเมธาวีพาเดินขึ้นบ้านไป และตรงไปที่ห้องนอนประมุขทันที ประมุขยิ้มดีใจที่เห็นเมธาวีมาเยี่ยม
“คุณพ่อ”
เมธาวีเดินเข้าไปนั่งบนเตียงสวมกอดพ่อเอาไว้
“หายดีแล้วเหรอลูก”ประมุขถาม
เมธาวีผละตัวออก ฝืนยิ้ม
“ค่ะคุณพ่อ”เมธาวีจับมือประมุขบีบเอาไว้แน่น”คุณพ่อต้องเข็มแข็งนะคะ ตอนนี้กำลังใจสำคัญที่สุด”
“พ่อจะมีกำลังใจอยู่ไปเพื่ออะไรล่ะเม อยู่เพื่อใช้หนี้ที่ไม่มีปัญญาใช้หมดงั้นเหรอ”
เมธาวีงงๆเล็กน้อย วิจิตรามองหน้าสามี
“เมยังไม่รู้เรื่องหนี้สินของคุณนะคะ”
ประมุขจ้องหน้าเมธาวี
“ถึงเวลาที่ต้องรู้แล้วล่ะ”
เมธาวีมองหน้าประมุขด้วยความสงสัยสงสัย
“พ่อจะไม่เท้าความอะไรมากมายก็แล้วกัน สรุปสั้นๆว่าพ่อเป็นหนี้บารมีมหาศาล...”ประมุขจ้องหน้าเมธาวี สีหน้าขอร้อง”ตอนนี้เหลือเมคนเดียวที่ช่วยพ่อได้”
เมธาวีหันไปสบตาแม่ ที่ได้แต่ถอนใจออกมาอย่างหนักใจ
“รีบกลับไปหาอุปมา ขอให้เขาหย่าขาดจากบี แล้วกลับมาจดทะเบียนสมรสกับลูกให้เร็วที่สุด จากนั้นเราค่อยมาคิดหาทางปลดหนี้กัน...”ประมุขลูบผมเมธาวี”เมคือความหวังเดียวที่เหลืออยู่ของพ่อ อย่าทำให้พ่อ
ผิดหวังนะลูก”ประมุขมองหน้าเมธาวี สายตาคาดหวัง ตาแดงกล่ำ
เมธาวีเครียดไปทันทีกับสิ่งที่ได้รับรู้
+ + + + + + + + + + + +
คุณหญิงรุจานั่งคุยกับบารมีอยู่ที่โถงบ้านไทย หลังจากเยี่ยมสไบนางเป็นที่เรียบร้อย
“ประมุขเขาอยากพบบีเป็นครั้งสุดท้าย”คุณหญิงรุจาบอก
บารมีหน้าเครียด
“ผมไม่เห็นด้วย ทุกอย่างควรจบลงได้ แล้วขอให้ทุกอย่างตายไปพร้อมกับเขา”
คุณหญิงรุจาผงะไปเล็กน้อย
“ผมดีใจที่ได้บีมาเป็นกรรมสิทธิ์ ของบุญอนันต์โดยสมบูรณ์”บารมียืนยันหนักแน่นอีกครั้ง”ผมไม่อนุญาตครับคุณน้า”
“ประมุขเขาสำนึกตัวแล้วล่ะ…”
บารมีสวนทันที
“เขาควรคิดได้ก่อนหน้านี้ครับคุณน้า...บีเป็นลูกของประจักษ์ ผมต้องการให้แกคิดอย่างนั้นตลอดไป”บารมีลุกขึ้นยืนหน้าเครียดๆ”ใช่ว่าผมจะรังเกียจชาติกำเนิดของแกนะครับ ตรงข้ามผมกลับยิ่งเข้าใจและรักแกมากขึ้น คุณน้าคงไม่ขัดความต้องการของผมนะครับ”
คุณหญิงรุจาลุกขึ้นพูด
“แต่น้ารับรองนะพ่อมี ประมุขไม่ได้คิดอะไรแล้ว เขาเสียใจกับเรื่องทั้งหมดโดยเฉพาะกับบี...เขาควรปิดทุกอย่างเป็นความลับ เขาต้องการพบบีเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อบอกว่าเขาไม่ใช่พ่อของบี”
“ไม่จำเป็นหรอกครับคุณน้า ผมว่าเขาอย่าเน้นอะไรอีกเลยจะดีกว่า ผมไม่อยากเห็นบีต้องเสียใจมากกว่านี้”บารมีจะเดินหนี
คุณหญิงรุจาเดินตาม
“แต่นี่คือคำขอร้องครั้งสุดท้าย ของคนกำลังจะตายนะพ่อมี”คุณหญิงรุจาน้ำตารื้นๆสงสารลูกชาย
บารมีหยุดกึก หันมองหน้าคุณหญิงรุจา
“ผมเข้าใจดีถึงความรักที่คุณน้า มีให้ลูกชายแต่ประมุขทำผิดมามาก รวมถึงเรื่องเปิดเผยตัวเรื่องเป็นพ่อของบีด้วย หลายชีวิตต้องเจ็บปวดเพราะเขา...ทั้งผม พ่อ แม่ น้องสาวแม้แต่ประจักษ์ น้องชายแท้ๆ ของเขาเอง ตอนนี้กำลังลามมาถึงบีอีกคน”
คุณหญิงรุจาเงียบกริบเถียงไม่ออก
“หยุดได้แล้วครับคุณน้า ผมขอร้องในฐานะคนที่เคยเจ็บเพราะลูกของคุณน้า ขอความเป็นธรรมให้ผมบ้าง ปล่อยหลานสาวผมซักคน อย่าฉุดให้แกต้องด่างพร้อย เพื่อสนองความต้องการเป็นแม่ที่ดีของคุณน้าอีกเลย”
คุณหญิงรุจาน้ำตาท่วม
“พ่อมี”
บารมีถอนใจออกมาอย่างหนักใจ จะเดินออกไปจากบ้าน
คุณหญิงรุจาพูดทั้งน้ำตา
“น้าขอร้องเป็นครั้งสุดท้ายได้มั้ย น้าจะไม่ขออะไรพ่อมีอีกเลย”
บารมีอดใจอ่อนไม่ได้ หยุดเดิน หน้าเครียด
“พ่อมี...จะให้น้าไหว้ น้าก็ยอม”
บารมีสูดหายใจลึก หันมองหน้าคุณหญิงรุจา
“ผมจะยอมเชื่อคุณน้าอีกซักครั้ง”
คุณหญิงรุจายิ้มดีใจน้ำตาคลอ
“แต่ขออย่างเดียว อย่าชักชวนหรือชี้แนะบีก่อน ถ้าบีถามถึงอาการของลุงเขาและอยากไปเยี่ยม ก็ขอให้เป็นไปตามความต้องการของบี ผมขอเท่านี้แล้วกัน”
คุณหญิงรุจาดีใจมาก
“ขอบใจมากนะพ่อมี”
บารมีหน้าเครียดๆ เดินออกไปจากบ้านไทย คุณหญิงรุจายิ้มดีใจพร้อมกับน้ำตาไหลซึมที่มีหวังทำคำขอสุดท้ายก่อนตายของประมุขได้สำเร็จ
+ + + + + + + + + + + +
เมธาวียืนซับน้ำตาอยู่ริมน้ำ ร้องไห้เสียใจสงสารประมุข วิจิตราเดินหน้าซึมๆ เข้ามาหาลูกสาว
วิจิตราน้ำตาคลอ
“ต้องทำใจให้ได้นะเม มันลามไปทั่วแล้ว คงอีกไม่นานหรอก”
“คุณแม่อย่าเพิ่งพูดอะไรอีกเลยนะคะ”
เมธาวีซับน้ำตาออกพยายามสะกดใจไม่ให้คิด เดินไปหาที่นั่ง วิจิตราถอนใจออกมา มองตามลูกสาวไป
“โทรหาคุณมาร์ครึยัง”
“ยังค่ะ คุณแม่อย่าเพิ่งบอกให้คุณมาร์ครู้นะคะว่าเมกลับมาแล้ว”
“ทำไมล่ะลูก”วิจิตราแปลกใจ
“เมอยากแน่ใจ ว่าคุณมาร์คยังซื่อสัตย์กับเมอยู่รึเปล่า ไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่อยู่ใกล้ใครก็รักคนนั้น โดยเฉพาะกับศัตรูตัวร้ายที่ชอบแย่งของรักไปจากเม”
เมธาวีรู้สึกเจ็บใจปนระแวง
(อ่านต่อหน้า 2 )
รอยมาร (ต่อ)
อาทิตย์ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านทรงไทย เมื่อลงจากรถอาทิตย์เดินตรงมาที่หน้าบ้าน อุปมาเดินออกมาขวางทาง รับหน้าไว้ก่อน
“ผมมาเยี่ยมบีครับ”
“เสียใจด้วยนะ คุณคงมาเสียเที่ยวแล้วล่ะ”อุปมาหน้าตาย
“ทำไมเหรอครับ บีย้ายกลับไปอยู่บ้านสวนแล้วเหรอ”
“เปล่า อยู่นี่ล่ะ แต่ผมไม่ให้พบ”
“ผมอยากทราบเหตุผล”อาทิตย์เคืองแต่เก็บอาการ
“บีหลับ หรืออยากให้ผมขึ้นไปปลุกให้ลงมาคุยกับคุณล่ะ”อุปมากวน
“หลับจริงก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”อาทิตย์เดินไปขึ้นรถ
“จะหลับจริงหรือไม่ ถ้าผมไม่ให้คุณเข้าบ้าน มันก็เป็นสิทธิ์ของผม”
อาทิตย์หันมาจ้องหน้า อุปมาจ้องคืน
“ที่นี่บ้านผม บีก็เมียผม ผมทำผิดอะไรตรงไหนรึเปล่าครับคุณตำรวจ”อุปมายิ้มกวนประสาท
“ไม่ผิดหรอกครับ ยังไงก็ขอบคุณที่ช่วยชีวิตบีเอาไว้”
อุปมายักไหล่
“เป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำอยู่แล้ว”
“แล้วก็อย่าลืมเจียดเวลาไปเยี่ยมคุณเมด้วยนะครับ นั่นน่าจะเป็นหน้าที่จริงๆ ของคุณมากกว่า” อาทิตย์เดินไปขึ้นรถ
อุปมาจับตามองตามอย่างเขม่นเป็นอย่างมาก
+ + + + + + + + + + + +
ที่ห้างสรรพสินค้า...
เมธาวีเดินช็อปปิ้งเลือกซื้อเสื้อผ้าคลายเครียดไป ไม่คาดคิดสบตาเข้ากับวิมาดาที่มาเดินช็อปปิ้งเช่นกัน เมธาวีตกใจรีบเดินเลี่ยงไปทางอื่น แต่ไม่พ้นสายตาของวิมาดา
“เมธาวี”วิมาดาพึมพำ
วิมาดาจับตามองตามเมธาวีให้มั่นใจว่าใช่ เมธาวีพยายามเดินหนีไปให้เร็วที่สุด วิมาดาเดินตามไปติดๆ
“คุณเมใช่มั้ยคะ”
วิมาดารีบเดินไปขวางหน้าเอาไว้ เมธาวีถอนใจออกมาเซ็งๆ วิมาดายิ้มแย้ม
“ใช่คุณเมจริงๆ ด้วย”
เมธาวีปั้นหน้านิ่ง
“มีธุระอะไรคะ”
“คุณเมจะแถลงข่าวเมื่อไหร่คะเนี่ย”
“แถลงข่าวเรื่องอะไรคะ”
“อ้าว ก็เรื่องงานแต่งล่ม ต้องเปลี่ยนตัวเจ้าสาวกะทันหันน่ะซิคะ”
เมธาวีไม่พอใจแต่เก็บอาการไว้
“เค้าลือกันไปต่างๆ นาๆ เยอะแยะไปหมด”
“ใครจะลือยังไงก็ช่างเขา แต่อีกไม่นานฉันกับคุณมาร์ค จะกลับมาแต่งงานกันอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง”
พูดจบเมธาวีเดินหนี วิมาดาพูดกวนสวนไปทันที
“แล้วตกลงใครเป็นน้อยเป็นหลวงคะ”
เมธาวีหยุดกึก หันจ้องหน้า วิมาดาแกล้งยั่ว
“เห็นเขาลือกันว่าคุณมาร์ค กำลังหลงเมียเด็กสุดๆ ระวังจะไม่ยอมหย่านะคะ”
เมธาวีไม่พอใจมาก แต่ผู้ดีเกินกว่าจะปะทะ สะบัดหน้าเดินปึงปังไปอย่างหัวเสีย วิมาดามองตามไปพร้อมยิ้มอย่างพอใจที่ได้ยุแยง
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงพนักเตียง อ่านตำราภาษาอังกฤษ แล้วก็ถอนใจเซ็งๆ ปนเหงาๆ คว่ำตำราไว้บนตัว เสียงเคาะประตูดังขัดขึ้น สไบนางหันมอง อุปมาเดินถือถาดใส่แก้วน้ำและยาเข้ามา
“ฉันเอายาก่อนนอนมาให้”
สไบนางหน้าเชิ่ด บึ้งๆ
“พี่พยาบาลไปไหน”
“เขาก็ต้องอาบน้ำกินข้าวมั่งซิ จะให้วางไว้ไหน”
“อยากวางไหนก็วางไปเถอะ”
อุปมาแกล้งเดินเอาถาดมาวางบนหัวสไบนาง
“เดี๋ยวเถอะนะ”สไบนางโมโห
อุปมาขำ วางถาดลงที่โต๊ะหัวเตียง
“ออกไปได้แล้วไป”สไบนางไล่
“ยัง ฉันจะเอาเสื้อก่อน”
อุปมาผิวปากเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ทำลีลาเลือกไป สไบนางเหยียดปากหมั่นไส้ หยิบตำราภาษาอังกฤษมาอ่านต่อไป เสื้อผ้าของอุปมาลอยกระจายมาบนเตียง สไบนางลดตำราลง ตาขวางจ้องไปที่อุปมาที่รื้อเสื้อผ้าจากตู้อย่างจงใจโยนข้ามหัวมาที่เตียง
“ห้องเละเทะหมดแล้ว”สไบนางหงุดหงิด
ไม่ทันขาดคำ บ็อกเซอร์ลอยมาครอบหัวสไบนางพอดิบพอดี สไบนางแสดงท่าทางรังเกียจและโมโหปัดบ็อกเซอร์ออก อุปมายิ้มหน้าเป็น
“เจอแล้ว”โชว์เสื้อกล้ามตัวเล็กให้ดู
“เก็บให้เรียบร้อยแล้วเลยนะ พี่พยาบาลเข้ามาอายเค้าตายเลย”สไบนางโมโห
“ผมเก็บอยู่แล้วน่า”
อุปมาเดินเก็บและกอบเสื้อ ที่โยนกระจายทั้งหมดมากองบนเตียง สไบนางเหล่มองตาม
“อย่ามาชุ่ยกองไว้บนเตียงนะ ฉันจะโยนทิ้งถังขยะให้หมดเลย”
อุปมาก้าวขึ้นเตียงมานั่งขัดสมาธิข้างๆสไบนาง
“ผมก็จะขึ้นมานั่งพับอยู่นี่ไง”
อุปมาทำอารมณ์ดีพับเสื้อผ้าไป สไบนางเหล่ๆ มองอุปมาพับเสร็จตัวนึงก็คลี่พับใหม่
“คุณจะนอนก็นอนไป ผมไม่กวนคุณหรอก พับเสร็จผมก็ออกไปเองแหละ”
สไบนางค้อนใส่แล้วเลื่อนตัวลงนอน ห่มผ้าเอียงข้างหันหลังให้ อุปมาพับผ้าไป ผิวปากไป..แอบเหล่มองสไบนางเล็กน้อย สไบนางนอนเอียงข้างหลับตาไป แต่ก็แอบอมยิ้มบางๆ ลึกๆ กลับรู้สึกไม่เหงาและปลอดภัยดีที่มีนายคนนี่อยู่ใกล้ๆ
+ + + + + + + + + + + +
ธนูซึ่งอยู่ในชุดทำงานจากเมื่อวาน เปิดประตูห้องนอนเข้ามา ตกใจมากที่ห้องนอนดูโล่งๆ เตียงเด็กอ่อน ผ้าคลุมเตียง อะไรหายหมด ธนูชักเอะใจ เดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้าของสายทิพย์พบว่าหายเกลี้ยงเหลือแต่เสื้อผ้าของตนเท่านั้น ธนูรีบวิ่งออกจากห้องไปทางห้องนอนหยาดฝน
“ฝน...อยู่บ้านรึเปล่า”ธนูเรียกหา
ธนูเปิดประตูห้องนอนหยาดฝนเข้าไป...ห้องนอนหยาดฝนก็โล่งเช่นกัน ธนูใจหายวาบรีบไปเปิดตู้เสื้อผ้าดู ไม่เหลือเสื้อผ้าซักชิ้น ธนูถอยไปทรุดตัวนั่งลงที่เตียงหยาดฝน หน้าเครียดเมื่อรู้ว่าตนถูกทิ้งอยู่เพียงลำพัง
ทางด้านสายทิพย์ นั่งดูเอกสารค่าใช้จ่ายของรีสอร์ท อยู่ที่ห้องโถงของทาวน์โฮมแห่งหนึ่ง หยาดฝนยกถาดใส่กาแฟกับขนมปังต่างๆมาให้พี่สาว
“กาแฟค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ”
“พี่นูโทรหาพี่รึยัง”
“พี่ปิดเครื่องไปแล้ว เธอก็อย่ารับสายเขาล่ะ”
“ใจคอพี่จะไม่ให้ลูกได้เจอหน้าพ่อเลยเหรอ”
“พ่ออย่างนั้นจะมีไปทำไม พี่ให้โอกาสเขามามากพอแล้ว”
หยาดฝนหน้าเศร้าๆใจหาย
“ที่จริงน่าจะคุยกันให้จบดีๆ ไม่ใช่แอบหนีกันมาแบบนี้นะพี่ทิพย์”
“ฝนไม่ต้องห่วง วันที่พี่พร้อมจดทะเบียนหย่าเมื่อไหร่ เราได้นัดคุยกันดีๆ แน่นอน”สายทิพย์ลุกเดินกลับเข้าไปด้านใน
หยาดฝนได้แต่ถอนใจยาวออกมาอย่างหนักใจ
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางใช้ไม้เท้าค้ำใต้แขน ช่วยพยุงตัวเองลงบันไดบ้านมาที่โต๊ะอาหาร แล้วลากเก้าอี้นั่งลง สไบนางมองที่นั่งอุปมา เห็นจานอาหารยังอยู่ครบ แสดงว่ายังไม่ไปทำงาน
อุปมาคุยโทรศัพท์มือถือเสร็จก็เดินกดตัดสายกลับเข้ามาในบ้าน เห็นสไบนางนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ปั้นหน้านิ่ง เดินมานั่งหัวโต๊ะ สไบนางรีบปั้นหน้าปกติทานอาหารของตนไป
“วันนี้ลงมาเร็วนะ”อุปมาพูดลอยๆ
“นายไปทำงานสายมากกว่าสไบนาง”ตอบลอยๆบ้าง
“ได้ทานข้าวร่วมโต๊ะกันมั่งก็ดี มีปัญหาอะไรจะได้คุยกัน”
“เหรอ”สไบนางเบะปาก ก่อนทานข้าวไป
แรมยกน้ำมะเขือเทศออกมาเสิร์ฟ 2 แก้ว
“น้ำมะเขือเทศค่ะคุณบี คุณท่านซื้อมาฝาก”
สไบนางยิ้มดีใจ
“คุณลุงน่ารักที่สุดเลย ไม่ลืมของโปรดบี”
“ยังมีอีก 2 กล่องนะคะ...”แรมเสิร์ฟอุปมา”นี่ของคุณมาร์คค่ะ”
อุปมาหน้าแหยงๆ ส่ายหน้า
“ไม่เอา กินไปได้ไง รสชาติประหลาด”
“พูดยังงี้ เคยกินรึเปล่าเถอะ”
“ไม่เคย แค่นึกถึงไส้เละๆของมันก็ขนลุกแล้ว”
สไบนาง หัวเราะ
“พวกเด็กไม่ชอบกินผักแหงๆ”สไบนางยื่นแก้วตนไปชนแก้วอุปมา”เชียร์”สไบนางท้าทาย”หมดแก้ว กล้าเปล่า”
อุปมาเหล่ๆ มองสไบนางเล็กน้อย อารมณ์หยามไม่ได้ หยิบแก้วน้ำมะเขือเทศมากลั้นใจจิบเข้าไปอึกนึง อุปมาหน้าเหยเก ขนลุกเล็กน้อย ไม่ชอบรสชาติ ท่าทางเหมือนเด็กๆ สไบนางมองอุปมาแล้วเผลอขำ ออกมาจริงๆ เหมือนอารมณ์เอ็นดู แรมก็พลอยยิ้มๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป
“ดูนี่”สไบนางดื่มโชว์รวดหมดแก้ว
อุปมามองแล้วกลืนน้ำลายตาม
“โอเค ฉันยอมแพ้เธอ”
สไบนางยิ้มยืดพอใจที่เอาชนะได้ อุปมายิ้มๆส่ายหน้าเอ็นดู
“ฉันเคยเห็นเขากินสดๆ จิ้มเกลือ เธอกินได้รึเปล่า”
อุปมาถามพลางทานอาหารไป ทั้งคู่ทานอาหารไปเผลอคุยดีกันไป อย่างลืมตัวด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับมะเขือเทศ
+ + + + + + + + + + + +
อุปมายิ้มแย้มอารมณ์ดี เดินเข้าทำงานมาพร้อมถุงใส่มะม่วงมัน เลขานั่งคุยกับพนักงานที่โต๊ะหนึ่งอยู่อุปมาส่งถุงมะม่วงให้เลขา
“เห็นขายอยู่ข้างทางเลยซื้อมาฝาก แบ่งๆ กันทานนะ”
เลขารับไว้หน้าตางงๆ อุปมาเข้าห้องทำงานไป เลขาและพนักงานหันมองหน้ากัน
“วันนี้บอสส์ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะพี่”
เลขาพยักหน้ารับงงๆ ขณะเดียวกันอุปมาซึ่งอยู่ในห้องทำงาน กำลังคุยโทรศัพท์มือถือกับแรม...
“วันนี้ฉันจะกลับไปทานกลางวันที่บ้านนะแรม เตรียมอาหารด้วย...”
พูดจบก็กดตัดสาย อุปมายิ้มๆ อารมณ์ดี เปิดแฟ้มเอกสารรอเซ็นบนโต๊ะอ่านไป
+ + + + + + + + + + + +
คุณหญิงรุจายืนดูสมปอง และขำช่วยกันเก็บผลไม้อยู่ในสวน
“เลือกผิวสวยๆ นะ ฉันจะเอาไปถวายพระท่านด้วย”
บังอรหน้าตาร้อนใจ รีบวิ่งเข้ามารายงานคุณหญิงรุจา
“คุณท่านคะ”บังอรหน้าตาตื่น ร้อนใจ หอบเหนื่อย”คุณมุข”
คุณหญิงรุจาเป็นห่วงอยู่เป็นทุน ตกใจมาก
“ประมุขเป็นอะไร”
“คุณมุขถ่ายออกมาสีแปลก เหมือนมีเลือดออกมาเลยค่ะคุณท่าน”
คุณหญิงรุจาผงะไปเล็กน้อย
“ไปตามคุณบีมาเถอะค่ะคุณ คุณมุขถามหาตลอดเวลาเลย”
คุณหญิงรุจาน้ำตารื้นๆ ขึ้นมา
“คงไม่ได้หรอกบังอร ฉันรับปากกับบารมีไว้แล้ว คงได้แต่ภาวนาให้บีเขานึกถึงแล้วอยากมาเยี่ยมลุงเขาเองนั่นแหละ”
คุณหญิงรุจาตาแดงๆ สงสารลูกชายจับใจ
หยาดฝนมาหาสไบนางที่บ้าน แรมคอยต้อนรับ
“บีอยู่ข้างบนห้องเหรอคะน้าแรม”หยาดฝนถาม
“อยู่ในครัวค่ะคุณฝน”
หยาดฝนแปลกประหลาดใจ เดินเข้าไปดูในครัว เห็นสไบนางกำลังตั้งอกตั้งใจหั่นมะเขือเทศ หยาดฝนเดินเข้ามาหาเพื่อนมองงงๆ สไบนางเหลือบตามอง ยิ้มแย้ม
“อ้าว ฝน มาเงียบๆ ย้ายบ้านหนีเรียบร้อยแล้วเหรอ” สไบนางพูดไปหั่นมะเขือเทศไป
“อืม...แล้วนี่เธอทำอะไรน่ะบี”
“ถามได้ ก็ทำกับข้าวน่ะสิ”
“นึกยังไง”
“ฉันจะทำให้นายมาร์คกิน”
หยาดฝนยิ่งอึ้งปนงง สไบนางยิ้มเยาะสะใจ
“เขาไม่ชอบมะเขือเทศ แต่ฉันจะทำกับข้าวใส่มะเขือเทศล้วนๆ ทั้งซุปทั้งยำ และไข่เจียวยัดไส้มะเขือเทศ”สไบนางหัวเราะชอบใจ”อยากกลับมากินข้าวบ้านดีนัก ต้องเจอยังงี้...”
สไบนางเหลือบมองที่เตา
“อุ๊ย ลืมซุปไปเลย”
สไบนางค้ำไม้เท้ากระแผลกไปที่เตา..เปิดฝาซุบตักน้ำชิมรส แต่ยังไม่ถูกใจ ตั้งอกตั้งใจปรุงรสใหม่
หยาดฝนแอบมองเพื่อนอยู่ด้วยความรู้สึกงงๆ ปนสงสัย
+ + + + + + + + + + + +
ช่วงบ่ายวันนั้น...
หยาดฝนเดินคุยกับหัสดินในห้างสรรพสินค้า
“ปากก็บอกว่าจะแกล้งเขา แต่ตั้งอกตั้งใจปรุงรสชาติมากเลยนะคุณหัส ฝนชิมแล้ว อร่อยทุกอย่างเลย”
หัสดินขำ
“ถ้านายมาร์คหันมาชอบกินมะเขือเทศก็บิงโกเลย”
หยาดฝนงง
“บิงโกอะไรคะ”
“เคยได้ยินมั้ย ยามรัก น้ำต้มผักก็ว่าหวาน”
“แอบเชยนะคะ”หยาดฝน ขำ
“เชยๆ ยังงี้แหละโดนที่สุด”
หยาดฝนยิ้ม
“พูดให้บีได้ยิน คุณหัสตายแน่ๆ”
หัสดินยิ้ม
“ที่จริงก็ไม่ใช่แค่น้องบีแปลกไปหรอก ไอ้มาร์คก็ใช่ย่อยช่วงหลังๆ นี่เอะอะกลับบ้านยันเลย ชวนไปดริ๊งก็ไม่ไป”
“เลือกที่จะกลับมาทะเลาะกับบีแทน”
หัสดินหัวเราะ
“สงสัยจะไม่ใช่แค่แต่งงานเล่นละครซะแล้วมั้ง ท่าทางพระนางจะรักกันนอกจอ แต่ฟอร์มจัด ปากแข็ง”
“นั่นซิคะ ฝนชวนออกมาดูหนังด้วยกัน บียังอ้างโน่นอ้างนี่ นึกว่าฝนดูไม่ออกเหรอว่าอยากรออยู่ทานข้าวกลางวันกับคุณมาร์ค”
“แต่พี่ว่าบีไม่มาก็ดีแล้วล่ะ เกะกะ”
หัสดินยิ้มกรุ้มกริ่มมองหน้า หยาดฝนยิ้มเขินๆ รีบเดินนำไปก่อน หัสดินอมยิ้มแล้วรีบเดินตามประกบเดินเคียงคู่กันไป
+ + + + + + + + + + + +
อุปมามองดูอาหารหลายเมนูบนโต๊ะอาหาร ล้วนแล้วแต่ทำจากมะเขือเทศเป็นส่วนประกอบหลัก อุปมายิ้มขำ
“คุณบีลงมือทำอาหารทุกอย่างให้คุณมาร์คทาน ด้วยตัวเองเลยนะคะ”แรมรายงาน
อุปมายิ้มอย่างรู้ทัน
“น่าจะทำอาหารแกล้งผมให้ทานไม่ได้ซะมากกว่า...แล้วนี่แม่ครัวหายตัวไปไหนซะล่ะ”
“ไปสอนรำค่ะ”แรมหลุด รีบยกมือขึ้นปิดปาก
อุปมาสงสัย
“สอนรำ”
แรมยิ้มแหยๆ
“คุณมาร์คอย่าบอกว่ารู้จากแรมนะคะ”
อุปมาพยักหน้ารับ
”สอนรำให้ใคร”
“ก็พวกเด็กๆ ลูกชาวบ้านแถวสวนนี่ล่ะค่ะ คุณบีไปสอนเรื่อยๆ นะคะ สอนฟรีด้วย เธอบอกว่ากลัวรำไทยที่เธอชอบจะถูกกลืนหายไป”
อุปมาตัดสินใจไปที่ลานหมู่บ้าน แล้วแอบดูสไบนาง ที่ยังใช้ไม้เท้าคำยันอยู่ มีระเบียบคอยประคองเด็กก็รำพร้อมๆ กันตามเพลงที่เปิดจากเครื่องเล่นซีดี
สไบนางปรบมือให้จังหวะอยู่ไปมา มองดูการรำของเด็กๆ ยิ้มชื่นใจ สไบนางใช้ไม้เท้าค้ำตัวเดินไปหาเด็กคนหนึ่ง ระเบียบคอยตามประคอง สไบนางจัดท่าเด็กคนนั้นให้สวยและถูกต้อง
อุปมาแอบมองสไบนางอยู่เงียบๆ อย่างปลื้มและชื่นชม ประทับใจในตัวสไบนางที่รู้จักเสียสละทำประโยชน์เพื่อคนอื่น
+ + + + + + + + + + + +
วันต่อมา...
พยาบาลทำกายภาพบำบัดให้สไบนาง แล้วพาเดินที่สนามโดยไม่ต้องใช้ไม้เท้า อุปมายืนกอดอกดูอยู่ไม่ห่างนัก
“เก่งมากค่ะ ค่อยๆ เดินค่ะ”
สไบนางแข็งใจเดินไปอย่างระวัง
”ดีค่ะ...”
“เจ็บก็พออย่าอวดเก่ง”อุปมาพูดขัดขึ้น
สไบนาง เหล่มองอุปมา
“คุณมาร์คลองมาฝึกช่วยคุณบีหน่อยมั้ยคะ วันนี้ดิฉันมาทำงานวันสุดท้ายแล้วนะคะ”พยาบาลบอก
สไบนางกับอุปมาเหล่มองกัน
“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่ บีหายแล้ว ไม่ต้องให้เค้าช่วยหรอก บีจะเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ให้ดู”
สไบนางเดินกลับไปทางเก้าอี้ อุปมาส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย สไบนางแข็งใจเดินกลับมา ยังเจ็บลงน้ำหนักเต็มที่ไม่ได้ พอผ่านหน้าอุปมากลับมาทรุด อุปมารีบเข้าไปประคองเอาไว้
“อยากให้ฉันประคองล่ะซิ”อุปมายักคิ้วให้
สไบนางเจ็บใจ หยิกหน้าอกอุปมาจมเล็บอุปมาร้องโอ๊ยออกมา สไบนางจะผละตัวออก แต่อุปมาแกล้งล็อคตัวเอาไว้ สไบนางเจ็บใจ สู้แรงไม่ไหว
“ปล่อยนะไอ้หนวด”
“พี่น้องหยอกเย้าอะไรกันอยู่คะ”
เสียงเมธาวีดังขึ้น สไบนางและอุปมา ชะงักไปกับเสียงคุ้นเคย รีบดีดตัวผละออกจากกันทันที สไบนางแทบล้ม พยาบาลเข้ามาประคองไว้ทัน ทั้งสองคนหันมองไปทางเมธาวี ที่แต่งหน้าแต่งตัวสวย จัดเต็มมาเพื่อให้อุปมาตะลึง
“คุณเม…”
เมธาวีเดินกรีดกรายหน้านิ่งเข้ามาหา
“เมกลับมาแล้วค่ะมาร์ค”เมธาวียิ้มเลยไปที่สไบนาง
สไบนางปั้นหน้านิ่ง
“พี่เมหายดีแล้วเหรอคะ”
เมธาวีจ้องหน้า
“เร็วไปใช่มั้ย ฟังเหมือนเธอไม่อยากให้ฉันหาย”เมธาวียิ้มหยันๆ
สไบนางถอนใจ เมธาวีเดินเข้าหาอุปมา
“ดูเหมือนมาร์คไม่ดีใจที่เจอเมเลยนะคะ”
อุปมารีบปั้นยิ้ม
“ดีใจซิครับ ผมกำลังตกใจที่เมมาเซอร์ไพรส์น่ะครับ”
เมธาวียิ้มบางๆ
“เมขอขึ้นไปดูห้องหอของเราหน่อยนะคะ”
เมธาวีเดินนำกลับไป อุปมาและสไบนางตกใจ หันมองหน้ากัน อุปมารีบเดินตามเมธาวีไปติดๆ
สไบนางปั้นหันไปยิ้มกับพยาบาล
“พี่จะกลับเลยก็ได้นะคะ”
“เดี๋ยวพี่พาน้องบีไปส่งที่ห้องรับแขกค่ะ”
พยาบาลประคองสไบนางเดินกลับไปทางตัวบ้าน สไบนางถอนใจออกมาเบาๆอย่างไม่สบายใจ
+ + + + + + + + + + + +
เมธาวีเข้าไปดูในห้องหอแล้วโกรธจัด เพราะในห้องหอที่เธอออกแบบไว้อย่างตั้งใจ บัดนี้
ถูกเสื้อผ้า ข้าวของสไบนางครอบครองไว้ทั่ว อุปมาเดินตามเข้ามา เมธาวีหันมามองอุปมา น้ำตาคลอ เสียใจมาก
“นี่มันอะไรกันคะมาร์ค”
อุปมาอึกอักไป
“คุณให้บีเข้ามานอนห้องหอของเราได้ยังไงคะ”
“คือ…”
“อย่าบอกนะคะว่าคุณก็นอนห้องนี้ด้วย”
“ผม…”
“คุณกับมันมีอะไรกันแล้วใช่มั้ยคะ”เมธาวีจ้องหน้า น้ำตาท่วม
“ไม่ใช่นะเม เราทุกคนก็รู้ดีว่านี่คือการแต่งงานกันหลอกๆ”
เมธาวีโกรธจัดผลักอุปมาออกไปให้พ้นทาง แล้วเดินฉับๆ ลงไปอาละวาดสไบนาง
“เมจะไปไหน...”อุปมารีบตามลงไป”ฟังผมก่อนซิ”
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางเดินได้แข็งแรงขึ้น ใช้ไม้เท้ายันพื้นเพื่อกันล้มเท่านั้น กำลังจะเดินมานั่งที่โซฟารับแขก เมธาวีที่โกรธจัด เดินปรี่ลงบันไดตรงมาที่สไบนาง
“ฉันรู้ทันเธอหรอก ว่าวางแผนอะไรอยู่”
เมธาวีโกรธ ผลักสไบนางอย่างแรงขาสไบนางยังไม่หายดี เสียหลักล้มไปกับพื้น อุปมาตามลงมาตกใจมาก ลืมตัวรีบวิ่งไปประคองสไบนาง
“บีขาเจ็บอยู่นะคุณเม”อุปมาเข้าไปประคองสไบนาง
สไบนางผลักอุปมาออกไป
“เจ็บเหรอ สำออยเรียกคะแนนสงสารจากคุณน่ะสิ”
สไบนางจ้องหน้าเมธาวีแล้วพยายามยันตัวเองขึ้น เจ็บแต่ใจสู้ ตามนิสัยเด็ดเดี่ยว
“รู้ทั้งรู้ ว่าเป็นการแต่งงานจอมปลอม แต่เธอก็พยายาม จะแทนที่ฉันให้ได้ แม้แต่ห้องหอที่ฉันกับมาร์คตั้งใจตกแต่งอย่างดี เธอก็แย่งเข้าไปนอนก่อนฉัน ฉันอยากจะบีบคอเธอให้ตายคามือนัก”
เมธาวีจะตรงเข้าหาสไบนาง อุปมารีบขวาง จับตัวเมธาวีเอาไว้
“ผมขอเถอะคุณเม”
เมธาวีสะบัดอุปมาออกไป
“ห่วงใยกันซะเหลือเกินนะคะ”
“บี กลับขึ้นข้างบนก่อนไป”
เมธาวีหันไปจ้องหน้าสไบนาง
“เธอมันทำได้ทุกวิธี ขอให้แย่งของรัก ทุกอย่างไปจากฉันให้ได้”เมธาวีแดกดัน”นี่คงนอนให้ท่าจนได้เป็นเมียคุณมาร์คสมใจแล้วล่ะซิ”
สไบนางโกรธมาก
“ถ้าบีเป็นคนหลายใจ คบผู้ชายเผื่อเลือกทีละหลายๆคนได้แบบพี่เม ก็คงกล้าทำแบบนั้นหรอกค่ะ”
“บี”เมธาวีโกรธจัด จะเข้าไปเอาเรื่อง
อุปมารีบขวาง
“ไม่เอาน่ะคุณเม อายเด็กรับใช้มั่งเถอะ”
สไบนางหน้านิ่งพยุงตัวเดินไปทางบันไดบ้าน เมธาวีพูดตาม
“ฉันเชื่อคำพูดของมาร์คว่าไม่ได้นอนกับเธอ”
สไบนางหยุดกึก หันมาจ้องหน้าเมธาวีที่มีสีหน้าเย้ยหยัน
“สารรูปกับสันดานอย่างเธอ แค่คุยด้วยมาร์คยัง แขยง ถ้าจะให้มีอะไรด้วย คงต้องเมาหรือเป็นบ้าซะก่อน”เมธาวีเหยียดปากดูถูก
สไบนางมองเลยมาที่อุปมาที่ยืนอึ้ง ตกใจที่เมธาวีพูดแรง สไบนางสะบัดหน้า พยุงตัวเดินขึ้นบ้านอย่างเร็ว โกรธจนลืมความเจ็บ น้ำตาคลอท่วมตา สไบนางพลาดตกบันไดเล็กน้อย ไม้เท้าพลัดกระเด็นกระดอนตกบันไดลงมา อุปมาตกใจ ลืมตัว
“ระวังบี”
เมธาวีชะงักไป ไม่พอใจมาก หันมาผลักอกอุปมาเซไป แล้วเดินฉับๆ ออกไปจากบ้านอย่างหัวเสีย สไบนางหันมามองอุปมา น้ำตาคลอๆ อุปมาละล้าละลัง สไบนางพยุงตัวเองขึ้นยืนเกาะราวบันไดเดินกลับขึ้นบ้านไป อุปมาตัดสินใจเดินตามเมธาวีออกไป สไบนางแอบหันมองตามอุปมา น้ำตาคลอขึ้นมาอย่างน้อยใจ
เมธาวีมายืนกอดอกสงบสติอารมณ์อยู่หน้าสนาม อุปมาตามออกมายืนด้านหลัง ยื่นมือมาบีบบ่าเมธาวีเบาๆ เมธาวีเจ็บใจอยากเอาชนะ
“พรุ่งนี้คุณไปจดทะเบียนหย่ากับมันเลยนะคะมาร์ค”
อุปมาชะงักไป
เมธาวีเห็นเงียบไป หันมอง
“ทำไมคะ คุณเกิดไม่อยากหย่ากับมันขึ้นมารึไง”
อุปมาถอนมือกลับไป หน้าเครียดๆ
“ผมต้องบอกพ่อก่อน พ่อไม่ยอมให้หย่า”
“แต่เมกลับมาแล้ว มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้หย่าคะ”
“คุณพ่อยังไม่ทราบนี่ครับ”
“คุณยังรักเมอยู่รึเปล่า”
เมธาวีจ้องหน้าอุปมาคาดคั้นคำตอบ อุปมาชะงักไปอึดใจ ปั้นยิ้ม
“เราจัดงานแต่งงานกันแล้วนะครับ”
เมธาวีเสียงแข็ง
“คุณตอบไม่ตรงคำถาม”
อุปมาถอนใจออกมา
“โอเค คุณไม่ต้องตอบก็ได้ เมยอมรับว่าเมไม่ใช่รักครั้งแรกของคุณเหมือน...ผู้หญิงที่ชื่อวิมาดา และเมก็ไม่อยากลดตัวไปเทียบกับผู้หญิงพรรค์นั้นด้วย”
อุปมาจับมือทั้งสองข้างของเมธาวี จ้องหน้า จริงจัง
“ฟังผมก่อนนะเม ผมปิดประตูเรื่องความรักมานานแล้ว พอได้เจอกับคุณ ผมยอมรับว่าชอบและถูกใจคุณตั้งแต่แรกเห็น เป็นความเหมาะสมในทุกๆด้าน ผมมองเห็นอนาคตของเราและเชื่อว่าผมจะรักคุณได้อย่างแน่นอน”
เมธาวีหน้านิ่ง จ้องหน้า สายตาคาดคั้น
“แล้วกับบีล่ะคะ”
อุปมาชะงักไป รีบขำกลบเกลื่อน
“ถ้าคุณไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับบี ก็ไล่บีให้ย้ายออกไปจากห้องนอนของเราวันนี้เลย”
อุปมาขำเฝื่อนไปเล็กน้อย จนเป็นยิ้มแหยๆไป
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาเดินกลับมาที่ห้องหอ เห็นสไบนางกำลังกวาดเสื้อผ้าจากตู้เสื้อผ้า มาปากระจายลงพื้น
“ให้ผมช่วยมั้ย”
สไบนางหันมองตาขวาง
“ช่วยไปอยู่ไกลๆ ฉันจะดีกว่า ฉันไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด ว่าพี่น้องตีกันแย่งผู้ชาย มันน่าทุเรศ”
“ผมเสียใจนะที่มีความเข้าใจผิดแบบนี้เกิดขึ้น…”
“เก็บความเสียใจของนายไปให้พี่เมเถอะ...แล้วก็ไม่ต้องลำบากใจอะไรทั้งนั้น เพราะระหว่างเรามันไม่ต้องแคร์อะไรกันอยู่แล้ว เราคือคนที่เกลียดขี้หน้ากัน ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้หรอก”
อุปมาและสไบนางสบตากันนิ่งไปชั่ววูบ สไบนางแอบน้ำตารื้นๆ
“ละครกำลังจะจบแล้ว ชีวิตฉันกำลังจะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง หลังจากตกนรกมานาน”
อุปมาเงียบๆไป
“ช่วยออกไปเร็วๆ ก่อนที่พี่เมจะโมโหหวงเศษขยะ เข้ามาอาละวาดฉันอีก”
สไบนางสะบัดหน้ากลับไป พยุงตัวนั่งลงยืดขากับพื้น พับผ้าไปเงียบๆ
อุปมาถอนใจยาวออกมา ก่อนเดินกลับออกไป สไบนางนั่งพับผ้าไปเรื่อยๆ หันหลังให้ประตูไปเงียบๆ เสื้อยืดที่สไบนางพับอยู่ในมือ มีหยดน้ำตาไหลลงมาเปื้อนซึมเป็นวง
+ + + + + + + + + + + +
หัสดินและหยาดฝน นั่งคุยกันอยู่ในร้านฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง หลังจากดูหนังกันเรียบร้อย
“ถ้าคุณเมหายป่วยกลับมาเมื่อไหร่ล่ะเป็นเรื่องแน่”
หัสดินพูดขึ้นมาอย่างหนักใจ และเป็นห่วง หยาดฝนไม่สบายใจ
“แต่เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีนะคะ ก่อนที่ทุกอย่างจะถลำลึกมากเกินไป”
“ถ้าทั้งสองคนแอบชอบกันแล้วล่ะ ฝนจะไม่สงสารเพื่อนเลยเหรอ”
“ก็สงสารแต่เราไม่มีทางรู้ความจริงในใจของบีหรอก บีปากแข็งจะตาย”
“คู่นี้พอกันเลย...อ่านยาก ไม่เหมือนพี่ ชอบฝนก็บอกตรงๆว่าชอบ”
หยาดฝนชะงักไป หน้าแดงเลย อายสุดๆ วางหน้าไม่ถูก พูดไม่ออกกันไป ก้มหน้างุด หัสดินอมยิ้มพอใจ แต่รีบเปลี่ยนเรื่องคุย กลัวหยาดฝนเขินตาย
“พี่กับฝนก็เป็นเพื่อนซี้ของทั้งสองคนนั่น พี่ว่าเราน่าจะทำอะไรซักอย่างแทนที่จะ เป็นแค่คนนั่งดูเฉยๆว่ามั้ย”
หยาดฝนพยักหน้ารับ อย่างเห็นดีด้วย
+ + + + + + + + + + + +
บารมีเดินกลับเข้าบ้านมา ตกใจเล็กน้อยที่เห็นสไบนางนั่งหน้าเซ็งอยู่ที่โถงบ้าน สไบนางยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณลุง”
บารมียิ้ม
“แอบมานั่งบ้านลุงยังงี้ ทะเลาะกับเจ้ามาร์คมาอีกล่ะสิ”
สไบนางหน้าเซ็ง
“เขาอุ้มกันออกไปจากบ้านรึยังคะ”
บารมีงง เดินมานั่ง
“ใครเหรอะ”
“ก็ลูกชายลุงกับพี่เมไงคะ”
บารมีอึ้งไปเล็กน้อย
“เมธาวี กลับมาแล้วเหรอ”
สไบนางหน้าจ๋อยปนเซ็ง
“ค่ะ”
บารมีหน้าขรึมไปอย่างใช้ความคิด
“คุณลุงไม่ค่อยอยู่บ้านเลย”สไบนางอ้อน
บารมีลูบหัวสไบนาง
“ช่วงนี้ลุงจับสินค้าตัวใหม่อยู่ 2-3 ตัวจะส่งออกก็เลยวุ่นวายหน่อย”
“ไม่ให้ลูกชายลุงช่วยมั่งล่ะคะ เห็นว่างมาก”สไบนางเหยียดปากหมั่นไส้
“ยังไม่เคี่ยวพอ ต้องตัวพ่อลุยเอง”
สไบนาง ยิ้มๆ ก่อนจะหน้าขรึมลง
“ลุงคะ...บีขาเจ็บมาหลายวัน วันนี้ดีขึ้นเยอะแล้ว บีอยากไปเยี่ยมลุงมุขได้มั้ยคะ”
บารมีชะงัก หน้าเครียดไปทันที
“บีจะพาป้อมไปเป็นเพื่อนนะคะ”
“ลุงไปส่งให้เอง”
สไบนางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย บารมีมีสีหน้าเคร่งขรึมลึกๆ ก็รู้สึกกังวลใจด้วยความเป็นห่วงสไบนางไม่ได้
+ + + + + + + + + + + +
ที่ร้านอาหารบรรยากาศหรูหรา...
อุปมานั่งทานอาหารกับเมธาวี ทานกันไปคุยกันไป เมธาวีเล่าเหตุการณ์ต่างๆให้อุปมาฟัง
“เมจำได้แม่นว่าเป็นชันษาแน่ๆ”เมธาวีน้ำตาคลอๆขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องวันนั้น”เมพยายามสู้แล้วแต่โดนมันเอายาสลบโปะจมูก เมไม่รู้ตัวอีกเลย จนมาฟื้นที่โรงพยาบาล”
อุปมาเลื่อนมือไปจับกุมมือเมธาวีเอาไว้ สงสารเห็นใจ
“อย่าพูดถึงมันอีกเลยดีกว่านะครับ”
“มันทำลายวันสำคัญของเมกับคุณ สมควรแล้วที่มันต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
อุปมาเงียบไป
“ทำใจให้สบายดีกว่านะครับ”
เมธาวีจับมืออุปมา บีบเอาไว้แน่น
“มันยังไม่สายเกินไปใช่มั้ยคะมาร์ค งานแต่งของเรายังจัดขึ้นใหม่ได้ใช่มั้ยคะ”
อุปมายิ้มบางๆ
“ก็แล้วแต่ผู้ใหญ่จะตัดสินใจนะเม จะจัดงานอีกครั้งหรือแค่จดทะเบียนสมรสเฉยๆ ผมก็ได้ทั้งนั้น”
เมธาวีเสียงแข็ง
“ไม่ได้หรอกค่ะ ทุกคนเข้าใจว่าบีเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณอยู่ เราต้องจัดงานแต่งให้ใหญ่กว่าเดิมให้ทุกคนรู้ว่าบีกับคุณหย่าขาดกันแล้ว”
“บีเขาเสียสละช่วยกู้หน้าให้ครอบครัวเราครั้งนึงแล้ว อย่าทำอะไรไปซ้ำเติมให้เขาต้องเสียชื่ออีกเลยครับ”
เมธาวีไม่พอใจ เสียงแข็งทันที
“แล้วชื่อเสียงของเม ที่กำลังจะเป็นภรรยาตัวจริงของคุณล่ะคะ ไม่สำคัญและต้องช่วยกันกอบกู้มากกว่าเด็กกะโปโลโนบอดี้อย่างบีเหรอคะ”เมธาวีดูถูก
บริกรเอาอาหารอีกอย่างมาเสิร์ฟพอดี การสนทนาต้องขาดช่วงไป อุปมามองไปที่อาหารจานใหม่ที่มาเสิร์ฟมีมะเขือเทศประกอบอยู่หลายชิ้น อุปมาจับตามองที่มะเขือเทศเล็กน้อย บริกรล่าถอยออกไปหลังจากเสิร์ฟเสร็จ
“ยังไงเมก็ขอยืนยัน...”
“ผมว่าทานอาหารก่อน แล้วค่อยคุยต่อเถอะครับ ผมหิ๊วหิว”อุปมาตัดบท
เมธาวีชะงักไป
“ก็ได้ค่ะ”
เมธาวีแอบถอนใจ มีสีหน้าเซ็งๆ แต่ก็ทานอาหารต่อไป ไม่อยากขัดใจหรือรุกมากกว่านี้ อุปมาเลือกที่จะใช้ช้อนกลางตักมะเขือเทศมาใส่ช้อนที่จานตน จับตามองมะเขือเทศชิ้นนั้นอีกครั้ง ก่อนตัดใจ ตักใส่ปากเคี้ยวพร้อมกับทำหน้าเหยเกเล็กน้อย แต่ก็ฝืนใจเคี้ยวๆกลืนไป ก่อนจะรีบดื่มน้ำตามทันที
เมธาวีมองท่าทางแปลกๆของอุปมา แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก
+ + + + + + + + + + + +
ประมุขนอนหน้าตาซีดเซียวอยู่บนเตียง มีสายน้ำเกลือและพยาบาลพิเศษดูแลอยู่ใกล้ๆคุณหญิงรุจาเปิดประตูห้องนอนประมุขเข้ามา พยาบาลรีบลุกเดินมาหา คุณหญิงรุจากระซิบกระซาบแล้วพากันออกไป ประมุขยังคงนอนหลับอย่างอ่อนเพลีย
“คุณลุงคะ”สไบนางร้องเรียก
ประมุขเหมือนได้ยินเสียงสวรรค์ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองสไบนางมองมาที่ประมุขน้ำตาคลอๆ ประมุขยิ้มออกมาอย่างดีใจมาก จนน้ำตารื้นๆ
“บี...สบายดีเหรอลูก”
สไบนางร้องไห้ออกมา แล้วเดินเข้ามาสวมกอดประมุขเอาไว้ ซบหน้ากับอกร้องไห้สะอึกสะอื้น ประมุขน้ำตาคลอ ลูบผมสไบนางอย่างทะนุถนอม
“อย่าร้องไห้เลยลูก ลุงไม่อยากเห็นบีร้องไห้”
สไบนางยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ก่อนจะผละตัวออกมาเล็กน้อย
“คุณลุงขา บีกราบขอโทษค่ะ”สไบนางพนมมือกราบลงที่กลางอกประมุข
“ขอโทษลุงเรื่องอะไร”
“บีมัวแต่นึกถึงแต่เรื่องตัวเอง ไม่ค่อยได้มาเยี่ยมคุณลุงเลย”สไบนางรำพึงรำพันทั้งน้ำตา”ยกโทษให้บีด้วยนะคะ”
ประมุขเลื่อนมือไปแนบแก้มสไบนาง น้ำตาคลอๆ
“ลุงตะหากที่ต้องขอโทษบีกับเรื่องทั้งหมด โกรธลุงรึเปล่า”
สไบนางส่ายหน้าแทนการตอบคำ
“ลุงเสียใจ ลุงไม่ควรสร้างรอยดำบนใจของหลาน ลืมเรื่องที่ลุงพูดไว้ทั้งหมดได้มั้ย”
ประมุขตาแดงก่ำ มองสไบนาง น้ำตาท่วมตา เสียงสั่นเครือ คอตีบ ขาดๆ หายๆ
“ลุงไม่ใช่พ่อของบี...ประจักษ์คนเดียวเท่านั้นที่เป็นพ่อที่แท้จริงของบี”
สไบนางเม้มปากแน่น ร้องไห้ออกมา ประมุขไม่ละสายตาจากหน้าสไบนาง
“ตลอดชีวิตลุงไม่เคยทำอะไรถูกต้องเลย ยกโทษให้กับความผิดของลุงได้มั้ยลูก”
สไบนางพยักหน้า แล้วร้องไห้โฮออกมากอดซบอกประมุขอย่างแน่นกระชับ ประมุขรวมแรงที่เหลือขยับมือทั้งสองมาโอบกอดสไบนางเอาไว้ หลับตาพริ้มลงอย่างมีความสุข พร้อมกับน้ำตาไหลซึมออกมา มีรอยยิ้มบางๆ ฉาบวงหน้า รู้สึกหมดกังวลแล้ว
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางเดินมาขึ้นรถบารมี ที่จอดอยู่นอกรั้วบ้านสวน บารมีหันมองสไบนางที่น้ำตาคลอๆ
“ลุงเราเป็นยังไงมั่ง”
“ไม่ดีเลยค่ะ”สไบนางน้ำตาไหลออกมา
บารมีเลื่อนมือไปตบศีรษะสไบนางเบาๆ ปลอบใจ
สไบนาง หันมองบารมี
“บีควรทำยังไงดีคะคุณลุง บีผิดหรือเปล่า บีควรเป็นอะไรดี…”
บารมีเครียดไป
“ความถูกต้องเท่านั้นที่หนูมีสิทธิ์เลือกได้ ประมุขไม่ได้ขออะไรหนูไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะคุณลุง”สไบนางน้ำตาพาลจะไหลออกมาอีกด้วยความรู้สึกสับสน”ใจบีเป็นอะไรก็ไม่รู้ บีลืมไม่ได้ ใจบีก็ไม่อยากยอมรับ แต่พอบีไม่รับ ใจบีก็ทรมาน นี่มันอะไรกันคะคุณลุง”
บารมีถอนใจออกมา เลื่อนมือมาบีบไหล่สไบนาง
“ฟังลุงนะบี...มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้ หนูทนรับเรื่องนั้นไว้คนเดียวไม่ได้เหรอ คิดมั้ย ถ้าวิจิตรากับเมธาวีรู้ความจริงเรื่องนี้ เขาจะเกลียดชังประมุขกับหนูขนาดไหน อย่าทำให้ประมุขนอนตาไม่หลับเลยนะ”
สไบนางคิดตาม พยักหน้ารับด้วยความเห็นด้วย
“ลุงรู้มาก่อนว่าประมุขเสียใจ ที่ความรักของเขาที่มีให้กับหนู กลับกลายเป็นรอยบาปรอยมาร ที่เกาะกินใจหนู...ประมุขเสียใจและอยากพบหนูเพื่อบอกว่าเขาไม่ใช่พ่อของหนู”
สไบนางน้ำตาไหลซึมออกมา
“ถ้านี่คือความสุขอย่างสุดท้ายที่ประมุขปรารถนา หนูจะไม่ทำเพื่อเขาเลยเหรอ”
สไบนางร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา บารมีต้องขยับตัวเข้าไปสวมกอดปลอบประโลมหลานสาวเอาไว้
อุปมายืนมองเมธาวี กำลังจัดห้องหอให้เข้าที่มีระเบียบอย่างที่เธอชอบ
“คืนนี้ผมนอนได้มั้ย”อุปมากระเซ้า
“ได้ซิคะ”เมธาวีหันจ้องหน้า”แต่ต้องนอนคนเดียว”
“ผมจะนอนกับใครล่ะครับ”
“ทำไมคุณไม่ไล่บีกลับไปนอนบ้านสวน หรือ ไปนอนบ้านคุณลุงก็ได้ ให้อยู่ร่วมบ้านแบบนี้ เมไม่ไว้ใจ”
อุปมาพูดติดตลกแก้บรรยากาศไป
“ไม่ไว้ใจผมหรือบี”
“ก็ทั้งคู่นั่นล่ะ...คนนึงจงใจอยากแกล้งเม อีกคนพร้อมจะตามน้ำ”เมธาวีค้อนใส่อุปมา
อุปมาขำ เมธาวีกวาดตามองความเรียบร้อยไปรอบๆห้อง ก่อนจะมองเห็นกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ตามมุมห้อง “มาร์คติดกล้องวงจรปิดตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
อุปมาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนตอบ
“ก็ซักพักแล้วล่ะครับ อุดหนุนเพื่อนๆกัน”
เมธาวีเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าทั้งหมดดู อุปมามองตาม เมธาวียิ้มพอใจที่มีแต่เสื้อผ้าของอุปมา
“ตู้เสื้อผ้ารกจังเลย เดี๋ยวเมจัดให้นะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกเม”
“เมอยากจัดให้ค่ะ”เมธาวีลงมือจัดตู้เสื้อผ้า พลันเจอกรรไกรตัดหญ้าหยิบออกมา
“เอากรรไกรตัดหญ้ามาไว้ในตู้เสื้อผ้าทำไมคะ”
อุปมาหลุดขำออกมา อดนึกย้อนถึงที่มาที่ไปไม่ได้ อุปมาเข้าไปรับมา
“มันติดมือขึ้นมา เดี๋ยวผมเอาลงไปเก็บข้างล่างเลย”
อุปมาเดินถือกรรไกรตัดหญ้าออกไปจากห้องเมธาวียิ้มๆ แล้วหันไปจัดตู้เสื้อผ้าต่อ
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาจะเดินลงไปข้างล่าง มองไปทางห้องนอนเล็ก แล้วตัดสินใจเดินไป อุปมาเคาะประตูห้องเบาๆ ไม่มีเสียงตอบ
“ฉันเอากรรไกรตัดหญ้ามาคืน”
ยังไม่มีเสียงตอบ อุปมาลองจับลูกบิดประตู หมุนเบาๆ พบว่าไม่ได้ล็อค อุปมาเปิดประตูเข้าไปเบาๆ ไม่เจอสไบนาง
อุปมาเดินถือกรรไกรตัดหญ้าลงมาที่โถง เห็นแรมยกถาดใส่ขนมหวานมาตั้งที่โต๊ะอาหารพอดี
“ทานขนมหวานค่ะคุณมาร์ค”
อุปมาวางกรรไกรที่โต๊ะอาหาร
“เอาไปเก็บให้ที”
แรมมาหยิบกรรไกรตัดหญ้าไป
“คุณบีไปไหนเหรอ”อุปมาถาม
“ออกไปบ้านสวนกับคุณท่านค่ะ”
“ยังไม่กลับอีกเหรอ”
สไบนางเดินกลับเข้าบ้านมาพอดี น้ำตาคลอๆ อุปมาหันไปมอง ทั้งคู่สบตากัน สไบนางหลบสายตา ใช้ไม้เท้าพยุงเดินไปขึ้นบันไดพร้อมปาดน้ำตาออก อุปมามองตามด้วยความสงสัย
สไบนางเดินน้ำตานอง ใช้ไม้เท้าพยุงตัวเข้าห้องนอนเล็กมา ก่อนจะพิงไม้เท้าที่ข้างตู้อุปมาเดินตามเข้ามาอย่างร้อนใจ สไบนางหันมองด้วยความตกใจ อุปมารีบปิดประตูห้องล็อคทันที
สไบนางฉวยไม้เท้า ตั้งท่าจะฟาดทันที
“เข้ามาทำไม”
“เอะอะก็ใช้กำลังซะเรื่อย ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ”
“คุยอะไร”สไบนางเสียงห้วนแข็ง ปาดน้ำตาออก
“ฉันเข้าใจความรู้สึกเธอนะ”
สไบนางชะงักไปเล็กน้อย มองอุปมาอย่างงงๆ
“ฉันเห็นใจเธอ ทุกอย่างมันฉุกละหุกเกินไป โอเค ถึงเราจะแต่งงานกันหลอกๆ แต่มันก็กระอักกระอ่วนใจมาก ที่เมกลับเข้ามาแบบไม่ให้ตั้งตัวยังงี้”
อุปมาจะอ้าปากพูดต่อ สไบนางยกมือห้าม
“เดี๋ยวๆ”
อุปมาหยุดพูด
“อย่าบอกนะ ว่านายคิดว่าฉันร้องไห้เพราะเสียใจที่พี่เมกลับมา”
อุปมางงเล็กน้อย
“ไม่ใช่เหรอ”
สไบนางเค่นขำ
“ต่อให้นายพาผู้หญิงเข้าบ้านมานอนซักโหลนึง ฉันก็ไม่แคร์หรอก ลุงฉันกำลังจะตายวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่รู้”
สไบนางน้ำตาท่วมขึ้นมา
“ไอ้หนวดสมองตื้น”
สไบนางตั้งท่าจะร้องไห้อีก เดินกระเผลกไปนั่งที่เตียง เบือนหน้าไปทางอื่น น้ำตาซึมเศร้าเรื่องประมุขแต่ปากก็ยังก่นด่า
“คิดว่าตัวเองสำคัญนักรึไง ไอ้บ้า”
อุปมายืนนิ่งหน้าตาเจื่อนๆ จ๋อยๆไป
+ + + + + + + + + + + +
เมธาวีปิดประตูตู้เสื้อผ้าอุปมา แล้วเดินมากลางห้องกวาดตามองไปรอบห้อง เมธาวียิ้มแย้มพอใจ ห้องหอกลับมาเป็นเหมือนเดิมตอนที่เธอจัดแต่งเอาไว้แล้ว เมธาวีฉุกคิดถึงอุปมาขึ้นมา หายตัวไปนาน
“มาร์คคะ”
เมธาวีเดินไปเปิดประตูห้อง มองหา
“มาร์คคะ”
เมธาวีสงสัยเดินมาทางห้องนอนเล็ก รู้สึกระแวงๆปนไม่พอใจ ตั้งท่าจะเดินดิ่งไปที่ห้องนอนเล็ก พร้อมเอาเรื่อง
“จัดห้องเสร็จแล้วเหรอครับ”เสียงอุปมาดังขึ้นจากด้านหลัง
เมธาวีตกใจเล็กน้อยหันกลับไปมอง อุปมาปั้นยิ้ม หน้าตาเป็นปกติเดินออกมาจากมุมหนึ่งของชั้นบน
“เพิ่งเสร็จเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ”
“งั้นลงไปทานขนมหวานกันก่อนค่อยกลับนะครับ”
เมธาวียิ้มรับ
“ค่ะ”
อุปมายิ้มรับ ก่อนจะแอบถอนใจออกมาอย่างโล่งอก หวุดหวิดไป อุปมาเดินลงบันไดมาพร้อมกับเมธาวี..
“พรุ่งนี้วันหยุด เราออกไปร้านเฟอร์นิเจอร์กันนะคะ เมอยากได้ของแต่งห้องเพิ่มอีกนิดหน่อย”
อุปมายิ้มแย้ม
“ครับ”
เมธาวีจงใจที่จะเลื่อนมือมาโอบเอวอุปมาก่อนอุปมายิ้มๆ แล้วเลื่อนมือไปโอบเอวเมธาวีตอบ ทั้งคู่เดินโอบเอวกันลงไปข้างล่าง สไบนางแอบมองตามทั้งสองคนไปอย่างเศร้าๆ
+ + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น...
สไบนางยืนทอดสายตามองไกลออกไปจากท่าน้ำ แล้วถอนใจยาวออกมา ก่อนจะหันหลังกลับมา ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นอุปมายืนจ้องตนอยู่ด้านหลัง สไบนางหายตกใจก็ตวาด
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เดี๋ยวนี้แหละ นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอ”
“นอนหลับก็คงอยู่บนเตียงแล้วล่ะ”
สไบนางจะเดินกลับไป อุปมาปาดมือไปจับแขนสไบนางเอาไว้ สไบนางหยุดกึก ตกใจผสมใจหายอย่างบอกไม่ถูก
“อยู่คุยกันก่อนซิ”
สไบนางพยายามดึงแขนออก
“ปล่อย”
“ปล่อย เธอก็ไปน่ะซิ”
สไบนางหงุดหงิด จะดึงแขนออกให้ได้อุปมาไม่ยอมปล่อย ยิ่งจับไว้แน่น
“ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุยก็ได้ แต่ต้องปล่อยฉันก่อน ฉันไม่ชอบให้ใครมาจับเนื้อต้องตัวฉัน มันอึดอัด”
“โอเค...”อุปมายอมปล่อย
สไบนางถูแขนกับเสื้อไปมา แสดงกริยารังเกียจจนเคยชิน
“มายืนข้างๆ นี่เลย”
สไบนางหน้าบึ้ง แต่ก็ยอมมายืนระดับเดียวกันแต่ห่างๆ ซักระยะ กอดอกหน้าบึ้งตึง
“อาการคุณลุงเธอหนักมากเหรอ”
สไบนางเงียบไป พร้อมพยักหน้ารับ
“ไม่น่าพ้นวันสองวันนี่ล่ะ”
สไบนางน้ำตาท่วมขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่ อุปมาแกล้งกระเซ้า แก้บรรยากาศ ยื่นมือไปผลักไสหัวสไบนางเบาๆ
“ขี้แย”
สไบนางร้องไห้อยู่ก็ปาดมือไปผลักไหล่อุปมาแรงๆ อย่างไม่ยอม อุปมาเซไปเล็กน้อยอุปมาแกล้งยื่นมือมาดันไหล่สไบนางคืนเบาๆ สไบนางโมโหก็โมโห เศร้าก็เศร้า ร้องไห้น้ำตานองแล้วหันไปฟาดต้นแขนอุปมาไม่ยั้ง ร้องไห้ไปด้วย
สไบนางจะเดินหนีกลับไป แต่อุปมาดึงสไบนางมาสวมกอดเอาไว้แน่น อย่างสไบนางไม่คาดคิดและตั้งตัวได้ทัน
“ทุกคนก็ต้องมีวันสูญเสียคนที่เรารัก กันทั้งนั้นล่ะ เธอต้องยอมรับให้ได้”
สไบนางตัวสั่นสะท้านร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของอุปมา
“จอมแสบปากร้ายร้องไห้ได้ยังไง เสียลุคส์หมด...ไม่เอา ไม่ร้องแล้วครับ”อุปมากอดกระชับเอาไว้แน่น
สไบนางค่อยๆ ขยับมือไปสวมกอดอุปมาเอาไว้ ซบหน้ากับอกอุปมายิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นหนัก
ขึ้น หลายๆ อารมณ์เริ่มผสมเข้ามา อุปมาเองก็รับสัมผัสได้ซบหน้าลงกับข้างศีรษะสไบนางหลับตาลงพร้อมสวมกอดสไบนางเอาไว้
ต่างแอบเผยความรู้สึกที่กดซ่อนไว้ในใจออกมาเงียบๆ โดยอาศัยความเสียใจเรื่องประมุขบังหน้า
ขณะเดียวกัน บารมียืนมองอยู่เงียบๆจากมุมมืด ไม่ค่อยสบายใจนักกับภาพที่เห็น
อ่านต่อพรุ่งนี้