ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 น.
ตอนที่ 17
เมื่อจะออกไปทำงาน ปาหนันตักกับข้าวเช้าใส่ปิ่นโตไป เพราะกลัวจะสาย เจ่งช่วยตักด้วย
“รีบอะไรนักหนาคะ จะกินข้าวก่อนก็ไม่ได้ ต้องใส่ปิ่นโตไปกิน”
“ก็หนันต้อง...”ปาหนันชะงัก”ต้องไปช่วยเขาเปิดร้านนี่จ๊ะ”
ปาหนันเตรียมปิ่นโตเสร็จ หันมาบอก...
“หนันไปก่อนนะจ๊ะ”
เจ่งเห็นปาหนันรีบออกไปก็ถอนใจ เหนื่อยแทน ปาหนันวิ่งออกมาสวมรองเท้า กำลังจะรีบออกไป เดื่อกับทับทิมมาดักไว้
“คุณหนันจะไปที่ร้านแล้วเหรอ”เดื่อถาม
“ใช่ หนันต้องรีบแล้ว”
ทับทิมจับมือปาหนัน
“งั้นขอให้ทำงานให้สนุกนะคะ”
ปาหนันชะงักไป พอแบมือดู เห็นว่ามีกระดาษพับอยู่ในมือ ซึ่งทับทิมใส่มาให้ ปาหนันมองง เดื่อส่งสายตาบอกใบ้ว่ามีคนแอบดูอยู่ ปาหนันมองตาม ทับทิมกลัวมีพิรุธ จึงเสไป
“คุณหนันรีบก็ไปเถอะค่ะ แล้วค่ำๆเจอกัน”
ปาหนันพยักหน้ารับ ระวังตัวมากขึ้น ก่อนจะผละออกไป ใครบางคนมองมาที่ปาหนัน พอปาหนันเดินใกล้เข้ามาก็รีบหลบ
+ + + + + + + + + + + +
ปาหนันเดินออกมาได้หน่อย มองดูแถวนั้น ไม่เห็นใครก็แอบเปิดกระดาษของทับทิมดู ปาหนันอ่านคำเตือนของทับทิมในกระดาษแล้วชะงัก แต่แล้วรีบทำตัวปกติ เดินออกไป สายตาเหลือบมองอย่างรู้ตัวว่ามีคนตามมา
ปาหนันเดินมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าร้านขายของที่เธอเคยมากับเจ่ง แล้วเดินเข้าร้านไป สหัสกับแท่นที่ตามปาหนันมา หยุดมอง...
“คุณหนันมาทำงานร้านขายของจริงๆนี่พี่”
สหัสพยักหน้ารับ แต่ก็ยังสงสัย
“แล้วทำไมต้องทำตัวมีพิรุธ ถามก็ไม่ยอมบอกว่าทำงานร้านไหน”
สหัสมองที่ทางเพื่อจะแอบมองปาหนันในร้าน เห็นมุมหนึ่งฝั่งตรงข้าม น่าจะหลบได้ก็พยักหน้าให้แท่นตามไป
ด้านในร้าน...เจ้าของร้านยิ้มทักทาย
“วันนี้จะเอาอะไรมาฝากขายอีกล่ะ”
“เปล่าหรอกจ้ะ ฉันแค่มาขอความช่วยเหลือหน่อย... คือมีไอ้จอมตื้อมันตามฉันมา”
“สวยอย่างน้องพี่ไม่แปลกใจหรอก จะให้ช่วยอะไร ไปไล่ให้ไหม”
“เอ่อ ไม่ต้องหรอกจ้ะ เดี๋ยวเขาก็ไป ฉันขออยู่ในนี้แป๊บเดียวนะจ๊ะ”
ปาหนันเหลือบเห็นกระจกเล็กๆที่ขายในร้าน แกล้งหยิบมาเช็ดฝุ่น สหัสกับแท่นที่แอบดูอยู่ มองเข้าไปในร้าน เห็นปาหนันหยิบของมาเช็ด
“คุณหนันทำงานที่นี่จริง”
“สงสัยที่คุณหนันไม่บอกพี่ว่าทำงานที่ไหน คงเพราะกลัวพี่มาตามจีบมั้ง”
สหัสมองแท่นอย่างระอา แท่นยิ้มแหย
“เอาน่ะพี่ หายข้องใจแล้ว เราก็ไปทำงานของเรามั่งเหอะ”
สหัสพยักหน้ารับ ทั้งสองเดินกลับไป ปาหนันใช้กระจกในมือส่องสะท้อน เห็นภาพในกระจก สหัสกับแท่นเดินออกไปปาหนันถอนใจโล่งอก
+ + + + + + + + + + + +
นาวิศเดินลงมาจากบันได มองหา ยังไม่เห็นปาหนันมาก็บ่นทันที...
“ป่านนี้แล้ว ยังไม่โผล่มาอีก”
นาวิศจะเดินเข้าครัว แต่ได้ยินเสียงประตูจึงหันไปมอง ปาหนันกระหืดกระหอบเข้ามา พอหันไปเห็นนาวิศมองเธออยู่ก็ชะงัก
“เมื่อเช้าฉันตื่นมา คิดว่าจะได้กาแฟซักถ้วย แต่เธอก็ยังไม่มา ฉันก็เลยไปอาบน้ำ พอลงมา กะว่าจะต้องมีกาแฟพร้อมอยู่บนโต๊ะ แต่เธอกลับเพิ่งมา”
“ดิฉันขอโทษค่ะ จะเข้าไปเตรียมกาแฟให้คุณเดี๋ยวนี้”
ปาหนันรีบถือปิ่นโตจะเข้าครัว
“ฉันขอแซนด์วิชด้วย”ปาหนันชะงัก หันมองนาวิศ”ด่วน”
ปาหนันอยากจะแสดงอาการหมั่นไส้ แต่จำต้องเก็บไว้ รีบก้มหน้าเข้าครัวไป นาวิศมองตาม อมยิ้มนิดๆ
ปาหนันรีบเข้ามาเทน้ำใส่กระติกน้ำร้อน เสียบปลั๊ก แล้วจึงหันไปมองหาขวดกาแฟ หาอยู่พักหนึ่งจึงสังเกตเห็นถุงกาแฟสด ปาหนันหยิบขึ้นมา เปิดถุงดมดูเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะใช้ช้อนตักกาแฟใส่ถ้วย แต่ปาหนันก็ต้องแปลกใจเพราะดูผงกาแฟจะแข็งเกินไป
“แปลกแฮะ...”
ปาหนันหยิบผงกาแฟเล็กน้อยเข้าปาก
“อื้อ... แข็งอย่างนี้แล้วมันจะละลายน้ำเหรอเนี่ย”
นาวิศมายืนมองอยู่
“มันจะไปละลายได้ยังไงล่ะ มันไม่ใช่กาแฟสำเร็จรูปแบบนั้น”
ปาหนันชะงักหันมอง นาวิศเดินเข้ามา ปาหนันอึกอัก
“ที่บ้านดิฉัน ไม่มีใครกินกาแฟแบบนี้”
“งั้นฉันก็คิดถูกที่ตามเข้ามาดู เพราะฉันไม่ไว้ใจเธอ”
นาวิศถอดปลั๊กกระติกน้ำร้อน หยิบถุงกาแฟไปที่เครื่องชงกาแฟ ปาหนันแอบมองค้อน
“ความจริงเครื่องนี้ก็ใช้ไม่ยากหรอก เธอดูครั้งเดียวก็ทำได้ ฉันจะสอนให้... ตักกาแฟใส่ตรงนี้ ซักสองช้อน”นาวิศตักกาแฟใส่”เติมน้ำตรงนี้...”
นาวิศสอนปาหนันใช้เครื่องชงกาแฟ ปาหนันมองนาวิศ นึกสะท้อนใจ ที่ระหว่างเธอกับเขามันเปลี่ยนไปแล้ว นาวิศรู้สึกตัว
“ดูอยู่รึเปล่า ครั้งต่อไปเธอต้องเป็นคนชงให้ฉันนะ”
ปาหนันเขินที่นาวิศรู้ตัวที่เธอแอบมอง รีบก้มหน้ารับคำ
“เอ่อ ค่ะ...”
นาวิศแอบยิ้มขำๆ กับท่าทางที่ไม่รู้เรื่องของเธอ...
+ + + + + + + + + + + +
เคี่ยมเดินออกมาจากห้องนอน เห็นเจ่งนั่งปอกหอมกระเทียม
“ไปกันหมดแล้วเหรอ”
“ค่ะ”
“งั้นฉันไปนะ”
เจ่งตกใจวางมีด
“นายจะไปไหนคะ”
“ก็ไปทำงานน่ะสิ อุตส่าห์รอให้ไปกันให้หมด จะได้ไม่มีใครคอยห้าม”
“เจ่งนี่แหละค่ะ จะห้าม... นายจะไปทำงานได้ยังไง ก็นาย...”
“ฉันกำลังจะตาย แต่ก็ยังไม่ตายตอนนี้ ทุกคนทำงานหาเงินเป็นค่าผ่าตัดให้ฉัน แม้แต่ลูกหนันที่ไม่เคยต้องลำบาก ยังต้องออกไปหางานทำนอกบ้าน แล้วเจ่งจะให้ฉันนั่งๆนอนๆอยู่กับบ้านได้ยังไง”
เจ่งถอนใจ เพราะรู้ว่าห้ามยังไงเคี่ยมก็คงไม่ยอม
+ + + + + + + + + + + +
นาวิศเติมน้ำตาลในถ้วยกาแฟ ยืนคนกาแฟ ขณะที่ปาหนันหั่นหอมใหญ่ เตรียมทำแซนด์วิชให้นาวิศ ปาหนันหั่นชิ้นค่อนข้างหนา แล้วไม่แน่ใจ
“เท่านี้พอไหมคะ”
“หนาเกินไปแล้ว เผ็ดตาย บางกว่านั้น”
ปาหนันหั่นให้บางลงกว่านั้น หั่นไว้สองชิ้น แล้วหั่นมะเขือเทศ
“นั่นก็บางไป ให้มันหนากว่านั้นหน่อย... นี่ถามจริงเหอะ เธอเคยเข้าครัวมั่งไหมเนี่ย”
“ดิฉันทำอาหารฝรั่งแบบนี้ไม่เป็น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำอย่างอื่นไม่ได้นี่คะ”
“แล้วเธอทำอะไรเป็น”นาวิศเหลือบเห็นปิ่นโตของปาหนัน”นั่นเหรอ อาหารที่เธอทำ”
ปาหนันทำเป็นนิ่งเหมือนจะยอมรับ เพราะกลัวเสียหน้า นาวิศเดินไปเปิดปิ่นโตปาหนัน เห็นกับข้าวน่ากินสองสามอย่าง นาวิศหันมองปาหนันอย่างไม่เชื่อ
“ทำเองจริงเหรอ”
ปาหนันวางมือ
“แซนด์วิชของคุณเรียบร้อยแล้วค่ะ”
นาวิศเดินมาดู เห็นปาหนันกำลังจะจัดแซนด์วิชใส่จาน
“เดี๋ยวก่อน...”
ปาหนันชะงัก นาวิศเข้ามาจับมือปาหนัน จับลงบนด้ามมีด ปาหนันจับมีดขึ้นมางงๆ นาวิศจับมือปาหนันที่ถือมีด หั่นครึ่งแซนด์วิชเป็นสามเหลี่ยมสองชิ้น ปาหนันมองมือนาวิศที่จับมือเธอ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“ตัดแบ่งครึ่งแบบนี้ทุกครั้งก่อนเสิร์ฟ... เข้าใจ้”
นาวิศทำหน้ากวน แล้วเดินออกไป ปาหนันจากที่ใจหวิว เปลี่ยนเป็นหมั่นไส้นาวิศ ได้แต่มองตามหน้ามุ่ย ส่ายหน้า
+ + + + + + + + + + + +
ลูกน้องเปิดประตูให้รสาเข้ามาในห้องระริน รสาแกล้งเดินแบบเจ็บขา
“พี่ริน กินข้าว”
ระรินรีบไปรับถาดอาหารจากรสา
“รสา ขาเป็นไงบ้าง”
รสายังไม่ตอบ เหลือบมองลูกน้องแวบหนึ่ง ลูกน้องปิดประตูลง รสาก็เดินปกติ ไม่มีอาการเจ็บ
“รสาไม่เป็นไรหรอกพี่ริน แกล้งเจ็บเกินเหตุไปอย่างนั้นเอง จะได้ไม่ต้องตามคุณนาวิศไปสระบุรี”
ระรินวางถาดอาหารลง หันมองรสา
“ความจริงรสาน่าจะไปเป็นเพื่อนคุณนาวิศหน่อย พี่ไม่รู้คุณธานีจะมีแผนชั่วอะไรอีก พี่เป็นห่วงคุณนาวิศ”
“มัวแต่ห่วงกันอยู่นั่น เดี๋ยวก็ไม่ได้หนีกันหรอก... ช่วงนี้เป็นโอกาสดีของเราแล้วนะพี่ริน”
ระรินนิ่งไป
“รสา... พี่เป็นห่วงคุณนาวิศ จะให้พี่ทิ้งเธอไปตอนนี้ พี่ทำไม่ได้จริงๆ”ระรินจับมือรสา”พี่ขอร้องนะ ช่วยตามไปดูคุณนาวิศหน่อย ไปเป็นหูเป็นตาให้เขา เผื่อคุณธานีจะทำอะไรเขาอีก”
รสาได้แต่ทำท่าทางขัดใจ แต่ก็ไม่ได้เถียงหรือปฏิเสธอะไร
+ + + + + + + + + + + +
รสาออกมาจากห้องระริน พบธานีอยู่แถวนั้น ธานีมองอย่างสังเกต
“ดีขึ้นแล้วนี่”
“ค่ะ... ขอบคุณนะคะ ที่เป็นห่วง”
“ฉันไม่ได้ห่วงเธอ ถ้าเธอดีขึ้นแล้วก็รีบตามนาวิศไปที่สระบุรี อย่าลืมว่าพี่สาวเธอเจ็บตัวได้ทุกเมื่อ ถ้าเธอไม่ทำตามที่เราตกลงกันไว้”
“แต่รสายังเจ็บขาอยู่นิดๆนะคะ...”
“ไม่ต้องมาตอแหลกับฉัน ฉันจะให้เธอไปวันนี้ ไปถึงแล้วก็รีบรายงานกลับมาบอกฉัน ว่าแม่บ้านที่นาวิศจ้างไว้ เป็นใครกันแน่”
ธานีเดินไป รสามองตามอย่างประหลาดใจ รสารำพึงกับตัวเอง
“แม่บ้านเนี่ยนะ”
+ + + + + + + + + + + +
นาวิศเดินเข้ามาในห้องนอน ตรงไปเปิดตู้เสื้อผ้า ยกกระเป๋าเดินทางออกมา นาวิศเปิดกระเป๋าเดินทาง หยิบกล่องเก็บนามบัตรออกมาค้นดู จนเจอนามบัตรที่ต้องการค้นหา...
“ฟาร์มโคนมทรงชัย...”
นาวิศจะลุกออกไป นึกถึงบุหงารำไปขึ้นมาได้ จึงล้วงหยิบขึ้นมาวางไว้บนหัวเตียง แล้วเดินมานั่งที่ห้องรับแขก กดมือถือตามเบอร์ในนามบัตร รอสาย
“สวัสดีครับ คุณอาทรงชัย ผมนาวิศ ลูกชายคุณนาวี... คุณอาสะดวกคุยสายนะครับ…ผมมีเรื่องจะรบกวนคุณอาหน่อยน่ะครับ คือผมสนใจธุรกิจฟาร์มโคนม... “
ขณะเดียวกัน ปาหนันเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาด เดินขึ้นบันไดไป ปาหนันเข้าไปในห้องนอน วางอุปกรณ์ทำความสะอาดลง ปาหนันหันมองทางกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่ที่พื้น จึงนำไปเก็บไว้ในตู้ แล้วกลับมาที่อุปกรณ์ทำความสะอาด ถือเดินไปทางเตียง นาวิศเปิดประตูเข้ามาปาหนันหันไปมอง
“ทำอะไรน่ะ”
“จะทำความสะอาดน่ะสิคะ คุณคิดว่าดิฉันจะทำอะไร”
นาวิศหน้าตาย
“คิดว่าจะแอบมานอนเล่นที่เตียงฉันน่ะสิ”
นาวิศชี้ไปที่เตียง แต่ปาหนันไม่ได้หันมองตาม...
“ตกลงจะให้ดิฉันทำห้องให้คุณไหมคะ”
“ยังไม่ต้อง ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวจะออกไปข้างนอก”
“จะทานกลางวันก่อนไปไหมคะ ดิฉันจะได้ออกไปซื้อให้”
“กว่าเธอจะกลับมา ฉันกลัวจะไม่ทันน่ะสิ ไม่เป็นไรหรอก ไม่กินก็ได้...”
ปาหนันพยักหน้ารับ มัวคิดเรื่องอาหาร ลืมออกจากห้อง
“แล้วนี่เธอจะอยู่ดูฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าใช่ไหม”
ปาหนันสะดุ้ง นึกได้ นาวิศเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ปาหนันมองตามค้อน พอนาวิศหันหลังให้ ปาหนันก็แอบยิ้มเดินออกไป โดยไม่เห็นถุงบุหงารำไปของตัวเอง
+ + + + + + + + + + +
นาวิศเดินลงมา ได้กลิ่นอาหาร เดินไปมองที่โต๊ะ เห็นกับข้าวทางใต้สองสามจานวางอยู่บนโต๊ะ ปาหนันยกจานข้าวออกมา
“ทานอะไรซักหน่อยก่อนสิคะ ถ้าติดงานนานจะทานข้าวผิดเวลา เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ”
“กับข้าวของเธอนี่... แล้วเธอจะกินอะไร”
“ไม่ต้องห่วงดิฉันหรอกค่ะ เดี๋ยวดิฉันไปซื้อใหม่ได้”
“ไม่ได้ห่วงเธอ ห่วงตัวเองต่างหาก เธอบอกว่าอาหารพวกนี้เธอทำเอง... ฉันเห็นเธอทำแซนด์วิชเมื่อเช้าแล้วคิดว่ากินอาหารพวกนี้เข้าไป อาจจะท้องเสียได้”
ปาหนันหมั่นไส้
“งั้นคุณก็ไปทำงานเถอะค่ะ”
ปาหนันยกจานข้าวกลับเข้าครัว แต่นาวิศตามไปดึงเอาจานข้าวไว้
“ทำเป็นน้อยใจ... เธอไม่มีสิทธิน้อยใจฉันนะ รู้ตัวไว้ด้วย”
นาวิศถือจานข้าวไปนั่งที่โต๊ะ แล้วลงมือกิน กินคำแรกก็รู้สึกถูกปาก แล้วเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย ปาหนันมองนาวิศ แล้วค่อยๆยิ้มออก นาวิศกินทุกอย่างจนหมด แล้วรวบช้อน
“ไม่อยากเชื่อ... เธอทำของง่ายๆอย่างแซนด์วิชไม่ได้ แต่กลับทำกับข้าวยากๆได้... แถมอร่อยด้วย”
ปาหนันเข้ามาเก็บจานยิ้มๆ
“คุณเคยทานอยู่แล้ว มันก็ต้องคุ้นลิ้น ถูกปากเป็นธรรมดา”
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันเคยกิน”
ปาหนันชะงัก เหลือบมองนาวิศ นาวิศจ้องหน้าปาหนัน รอคำตอบ ปาหนันแกล้งเฉไฉไป
“ก็นี่เป็นอาหารไทย ใครๆก็ต้องเคยกิน...หรือว่าคุณเกิดแล้วโตที่เมืองนอก ไม่เคยกินอาหารไทยเลย”
“บทจะแก่นแก้วขึ้นมาก็ก๋ากั่นเหมือนกันนะ เธอเนี่ย”
“คุณมัวแต่วิเคราะห์ดิฉัน ตกลงไม่ไปทำงานแล้วเหรอคะ”
นาวิศลุกขึ้น
“อาหารอร่อยมาก ฉันไม่เคยกินอะไรแบบนี้เลย...ขอบใจนะที่เสียสละให้”นาวิศเดินออกไป
“แกล้งจำเราไม่ได้ แล้วยังจะแกล้งทำเป็นไม่เคยกินอาหารใต้ ทั้งที่เมื่อก่อนเราถือปิ่นโตไปส่งทุกวัน หมั่นไส้นัก”ปาหนันมองค้อน
+ + + + + + + + + + + +
ที่ฟาร์มทรงชัย นาวิศเข้าไปนั่งคุยกับทรงชัยในห้องทำงาน
“ผมสนใจธุรกิจฟาร์มโคนมน่ะครับ พอค้นจากรายชื่อเพื่อนคุณพ่อ เห็นว่าคุณอาลงทุนกิจการนี้อยู่ เลยอยากจะมาขอคำแนะนำ”
“ไม่มีปัญหา อากับพ่อเราเป็นเพื่อนกันมานาน...ที่ดินก็อยู่ติดกัน...เราอยากรู้อะไรเกี่ยวกับการทำฟาร์มบ้าง ถามมาได้เลย”
นาวิศยิ้มอย่างขอบคุณ
+ + + + + + + + + + +
เดื่อกับทับทิมช่วยกันล้างถังรวมนม ทับทิมบิดไปมาด้วยความเมื่อย
“ทับทิม พักก่อนก็ได้ เดี๋ยวเดื่อทำต่อเอง”
“ไม่ต้องมาทำแมนหรอกไอ้เดื่อ ข้าน่ะ แข็งแรงกว่าเอ็งประมาณสิบเท่า”
“เอ้า... คนหวังดีแท้ๆ”
ทั้งสองทำงานต่อ แต่เห็นเคี่ยมเดินผ่านมาก็ชะงัก
“อ้าว นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่”ทับทิมถามอย่างแปลกใจ
เดื่อกับทับทิมรีบลุกไปหาเคี่ยม
“นาย มาทำไม”เดื่อถาม
“ฉันมีงานให้ทำก็ต้องมาทำสิ”เคี่ยมตอบเรียบๆ
“แต่นาย...”
ทับทิมจะแย้ง แต่เคี่ยมยกมือห้ามเสียก่อน
“ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันฟังจากยายเจ่งจนเอียนแล้ว พวกแกมีอะไรทำก็ไปทำเถอะ”
เคี่ยมเดินไป เดื่อกับทับทิมมองตาม ทอดถอนใจ
“น่าสงสารนายนะ...ทำไมต้องเกิดเรื่องกับคนดีๆอย่างนายด้วย ไอ้โรคบ้านั่นน่าจะไปเป็นที่คุณธานีมากกว่า”
“ไม่เอา ทับทิม อย่าไปแช่งเขา...ยังไงคนชั่วอย่างคุณธานีก็ก็ต้องโดนฟ้าดินลงโทษซักวัน... ส่วนคนดีๆอย่างนาย เดื่อเชื่อว่าจะต้องเจอเรื่องดีๆบ้าง”เดื่อบอกด้วยความมั่นใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2
ตอนที่17(ต่อ)
เคี่ยมถือหลอดไฟ เตรียมมาเปลี่ยนในโรงวัว เคี่ยมเข้าไปยกบันไดที่พาดอยู่ด้านข้าง มาตั้งใต้หลอดไฟ แล้วหันไปรำพึงกับวัวยิ้มๆ
“พวกเอ็งยังดีกว่าข้าซะอีก ใช้หลอดไฟไล่ยุงซะด้วย”
เคี่ยมปีนบันไดขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟ บันไดค่อนข้างสูงเขาปีนขึ้นมาจนถึงขั้นบน เอื้อมมือไปเปลี่ยนหลอดไฟ แต่แล้วเขาก็มีอาการหน้ามือจะเป็นลม มือที่เอื้อมเริ่มโอนเอน แล้วจึงปล่อยหลอดไฟร่วง เคี่ยมหน้ามืด แต่พยายามเกาะบันไดไว้
นาวิศเดินผ่านมาเห็นเข้า มองอย่างตกใจ เคี่ยมเกาะบันไดไว้ไม่ไหว หมดสติลง กำลังจะตกจากบันได นาวิศรีบวิ่งเข้ามารับตัวไว้ ต่างก็ล้มกองไปกับพื้นด้วยกันทั้งคู่ นาวิศประคองเคี่ยม พยายามปลุก
“ลุง...ลุง เป็นอะไรรึเปล่า...ลุง...ลุง...”
เคี่ยมค่อยๆฟื้นคืนสติขึ้นมาทีละนิด เห็นหน้านาวิศเบลอๆ เคี่ยมค่อยพยุงตัวลุกขึ้น ยังมีอาการมึนๆหัว
“ขอบคุณ...ขอบคุณมาก พ่อหนุ่ม...”
เคี่ยมรู้สึกดีขึ้นบ้าง หันมายิ้มให้นาวิศเป็นการขอบคุณ แต่พอเคี่ยมเห็นหน้าชายหนุ่มที่มาช่วยเขาก็ชะงัก รอยยิ้มหุบลงทันที
“นาวิศ...”
นาวิศแปลกใจ
“ลุงรู้จักผมด้วยเหรอครับ”
เคี่ยมได้ยินนาวิศถามอย่างนั้นก็นิ่งงงไป
“ว่ายังไงครับ เรารู้จักกันด้วยเหรอ”
เคี่ยมมองท่าทางที่เปลี่ยนไปของนาวิศอย่างประหลาดใจ
“ข...ขอบใจ ที่ช่วย...”
เคี่ยมรีบผละไป นาวิศงงๆ
“อ้าวลุง...เดี๋ยวสิ!”
เคี่ยมเดินหนี นาวิศตามมา
“เดี๋ยวก่อนลุง หยุดคุยกันก่อน”
เคี่ยมไม่หยุด นาวิศเดินไปดักหน้า
“ทำไมต้องเดินหนีผมด้วย”
“คุณมาที่นี่ทำไม”
นาวิศยิ้ม
“พ่อผมเคยรู้จักกับเจ้าของฟาร์มนี้ พอดีผมสนใจงานฟาร์ม ก็เลยมาขอดูกิจการ...ตกลงลุงรู้จักผมใช่ไหม”
เคี่ยมแปลกใจท่าทีของนาวิศ
“นี่คุณกำลังเล่นอะไร ต้องการอะไรกันแน่”
นาวิศแปลกใจและไม่เข้าใจ เขาช่วยลุงคนนี้ไว้แท้ๆ แต่กลับโดนดุ สหัสกับแท่นเดินเข้ามาทางด้านหลังนาวิศ
“นาย...มีอะไรรึเปล่า”
นาวิศหันไปมอง สหัสกับแท่นชะงัก
“นาวิศ...”แท่นพึมพำ
สหัสเข้าไปผลักอกนาวิศ
“แกต้องการอะไร มาที่นี่ทำไม”
นาวิศอึ้งไป
“พวกคุณรู้จักผมใช่ไหม...พวกคุณเป็นใคร”
เคี่ยมมองสังเกตอาการนาวิศ สหัสผลักนาวิศอีก
“แกยังใช้มุขเก่า แกล้งสมองเสื่อมอีกเหรอวะ”
นาวิศงงๆไม่เข้าใจ
“คุณพูดเรื่องอะไร”
“วอนแล้วไงไอ้นาวิศ นายกับพี่สหัสไม่ใช่เพื่อเล่นแกนะเว้ย”
แท่นหมั่นไส้ จะเข้าไปตบหัวนาวิศ แต่เคี่ยมยกมือห้าม
“อย่าแท่น” เคี่ยมหันไปหานาวิศ “เราต่างคนต่างอยู่ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน...คุณไปซะ ไม่ต้องมายุ่งกับพวกเราอีก”
เคี่ยมเดินหนี นาวิศรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน”
เคี่ยมชะงัก
“ลุงชื่ออะไร”
สหัสกับแท่นต่างก็งงกับอาการของนาวิศ เคี่ยมหันมาตอบ
“ในเมื่อตอนนี้เรากลายเป็นคนที่ไม่รู้จักกัน งั้นก็ไม่จำเป็นต้องรื้อฟื้น”
เคี่ยมเดินออกไป นาวิศมองตามอย่างไม่เข้าใจ หันมาเห็นสหัสกับแท่นมองตาขวาง นาวิศจึงเดินกลับไป
นาวิศเดินกลับมาที่รถ สหัสกับแท่นแอบตามมามองด้วยความสงสัย ในพฤติกรรมของนาวิศ ขณะเดียวกันนั้นมือถือดัง นาวิศหยิบขึ้นมารับสาย
“ครับ อาธานี...”
สหัสกับแท่นที่แอบฟังอยู่ชะงัก มองหน้ากันอย่างแปลกใจ
“นาวิศมันคุยกับคุณธานี”แท่นพึมพำ
นาวิศไม่เห็นสหัสกับแท่นที่แอบตามมา ยังคงคุยโทรศัพท์
“ผมมาคุยกับอาทรงชัยเรื่องทำฟาร์มโคนม...ยังไม่ได้ไปดูที่ของคุณพ่อเลย อาจจะอีกสองสามวันถึงจะกลับครับ...”
สหัสนึกแค้นใจนาวิศ จะเข้าไปหาเรื่อง
“ไอ้นาวิศ...”
แท่นดึงสหัสไว้
“พี่สหัสจะทำอะไรมัน”
“มันแค้นเว่ย ไอ้นาวิศมันคืนดีกับอามัน เลยแกล้งจำพวกเราไม่ได้”
“ไม่เอาน่าพี่ ไปทำมันตอนนี้ เดี๋ยวเจ้าของฟาร์มออกมาเห็นเข้าก็ซวยหรอก”
สหัสฮึดฮัด ฉุนเฉียว นาวิศคุยโทรศัพท์พลางหากุญแจรถในกระเป๋ากางเกง
“เดี๋ยวนะครับอาธานี...พอดีผมกำลังจะกลับ”
นาวิศหยิบกุญแจรถออกมากดปลดล็อก แล้วขึ้นรถขับออกไป สหัสกับแท่นเดินออกมา มองทางรถนาวิศ
“แปลก...ไอ้นาวิศมันรู้แล้วไม่ใช่เหรอว่า อามันจะฆ่ามัน แล้วทำไมพวกมันถึงกลับมาญาติดีกันอีก”แท่นครุ่นคิดอย่างสังสัย
“ไอ้นาวิศมันทรยศต่อความรักของคุณหนัน แถมยังทรยศต่อนายเคี่ยมที่อุตส่าห์เสี่ยงชีวิตช่วยมัน...ฉันสาบาน ว่ายังไงก็ต้องเอาคืนมันแทนคุณหนันกับนายเคี่ยมให้ได้”สหัสแค้นสุดๆ
+ + + + + + + + + + + +
ปาหนันเข้าไปทำความสะอาดห้องนอนของนาวิศช่วงเย็น เธอเปิดประตูเข้าไปพร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาด
“คงได้ทำห้องซะทีนะคราวนี้...เฮ้อ...พร้าว กลายเป็นคนกวนประสาท ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
ปาหนันเข้ามาเก็บเตียง...อยู่ๆก็คิดถึงพร้าวคนเก่าขึ้นมา ปาหนันนั่งลงบนเตียง ลูบมือลงบนหมอนนาวิศ
“ความจริง หนันได้เก็บที่นอนให้พร้าว หนันก็มีความสุขแล้ว...หนันอยากอยู่ข้างพร้าวตลอดไป เสียดาย พอพร้าวไปจากที่นี่แล้ว หนันก็คงไม่ได้เจอพร้าวอีก ทำไมพร้าวถึงต้องเปลี่ยนไปด้วย”
ปาหนันกอดหมอนของนาวิศ รักเขามากจริงๆ แต่แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นถุงบุหงารำไปของตนที่หัวเตียง
“นี่มัน...”ปาหนันเอื้อมมือไปหยิบ “ถุงบุหงาของเรา...พร้าวยังเก็บไว้...”
นาวิศเข้ามา เห็นปาหนันนั่งอยู่ที่เตียงเขา บนตักมีหมอนของเขา แถมยังถือถุงบุหงาแสนสำคัญของเขาในมือ นาวิศไม่ชอบใจ
“ทำอะไรน่ะ บุหงา”
ปาหนันตกใจหันไปมอง ถุงบุหงายังคามือนาวิศเดินเข้ามา แย่งถุงบุหงาคืนไป
“เธอเข้ามาทำอะไรในนี้”
ปาหนันรีบลุกออกมา
“ดิฉัน เอ่อ...จะเข้ามาทำห้องค่ะ”
“แต่ที่ฉันเห็น เธอเข้ามาวุ่นวายกับข้าวของของฉันมากกว่า”
“ดิฉัน ขอโทษค่ะ คือ...”
นาวิศโมโห
“ออกไปได้แล้ว”
“คุณนาวิศคะ ดิฉัน...”
นาวิศหน้านิ่ง
“ฉันบอกให้ออกไป”
ปาหนันก้มหน้าจ๋อย เดินออกไป นาวิศหัวเสีย กำลังจะวางถุงบุหงากลับคืนที่หัวเตียง แต่แล้วชะงัก คิดอะไรขึ้นมาได้”
นาวิศหันมองทางประตู
“บุหงา...”นาวิศยกถุงบุหงาขึ้นมาดู “บุหงารำไป...หรือว่า...”
นาวิศรีบลุกออกไป ปาหนันเดินลงมาอย่างสับสน รำพึงในใจ
‘…พร้าวใจร้ายกับเราเหลือเกิน...เขาคงลืมความรู้สึกที่มีต่อเราไปหมดแล้ว...แต่ทำไม ทำไมพร้าวต้องเก็บถุงบุหงาของเราไว้อีก...’
ทันใดนั้น นาวิศก็ตามมาดึงแขนปาหนันไว้
“บุหงา...”นาวิศชูถุงบุหงาขึ้นมา “นี่ของเธอใช่ไหม...”
ปาหนันชะงัก มองถุงบุหงา แล้วมองหน้านาวิศ
“คุณ ถามว่าอะไรนะคะ”
“ชื่อเธอคือบุหงา เหมือนบุหงารำไปนี่...มันเป็นเรื่องบังเอิญ หรือจริงๆแล้วมันมีอะไรแฝงอยู่”
“คุณจำไม่ได้ แม้กระทั่ง คุณได้ถุงบุหงานั่นมายังไงเหรอคะ เกิดอะไรขึ้นกับคุณ”
นาวิศทอดถอนใจ เดินผละออกมา
“เมื่อเดือนก่อน ฉันไประนอง...แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น...รู้แค่ว่า ฉันเกิดอุบัติเหตุ...และมันทำให้ฉัน...สูญเสียความทรงจำทั้งหมด”
ปาหนันได้ยินอย่างนั้นก็อึ้งไป
“มีแต่คนคอยบอกฉัน ว่าฉันเป็นอะไร สิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันเป็นเพราะอะไร...แต่ฉันไม่รู้เลย ว่าอะไรจริง อะไรหลอก...ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าควรจะเชื่ออะไร...”
ปาหนันน้ำตารื้น สะเทือนใจ นาวิศหันมาเห็นปาหนันก็แปลกใจ
“เธอร้องไห้...”
ปาหนันรีบปาดน้ำตา นาวิศเข้ามาดูหน้าปาหนันใกล้ๆ ดึงมือปาหนันที่ปาดน้ำตาออก เห็นตาปาหนันแดงๆ
“เธอร้องไห้เพราะฉันเหรอ...”
“ก็เรื่องของคุณมันน่าเศร้านี่คะ”
นาวิศยิ้ม
“มันไม่ได้เศร้าขนาดนั้นหรอก...”นาวิศจ้องมองถุงบุหงา “ฉันหวังว่าจะได้เจอเจ้าของบุหารำไปถุงนี้อีกครั้ง ฉันเชื่อว่าเขาคงต้องเป็นคนสำคัญ ฉันจะรอให้เขาบอก ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และเขาสำคัญกับฉันยังไง”
ปาหนันจับมือนาวิศกุมไว้
“ดิฉันเชื่อค่ะ ว่าสักวันนึงคุณจะต้องเจอเขาอีกครั้ง แล้วคุณจะต้องจำความรู้สึกที่เคยมีต่อเขาได้”
นาวิศมองมือปาหนันที่กุมมือเขา รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ปาหนันรู้สึกตัว ดึงมือออก ทั้งสองสบตา ยิ้มให้กัน
+ + + + + + + + + + + +
แท่นขับรถมาตามถนนจะกลับบ้าน แท่นเห็น ริมถนนมีรถจอดเสียอยู่ ผู้หญิงคนหนึ่งก้มอยู่หน้ากระโปรงรถ แท่นหักรถเข้าข้างทางจอด แล้วหันไปบอกสหัสที่นั่งคู่กันมา
“พี่...ผมขอไปโชว์แมนเดี๋ยวนะ”
แท่นลงจากรถ เดินตรงไปหาผู้หญิง สหัสลงมามองตาม ส่ายหน้า
รสาหันหลังก้มอยู่ตรงหน้ากระโปรงรถ แท่นเดินเข้ามา
“ต้องการความช่วยเหลือไหมครับ”
รสาหันหน้าไปมอง แท่นอึ้งไป
“เมียไอ้นาวิศนี่หว่า”
สหัสหันมอง แล้วเดินเข้าไปหาทันที รสามองหน้าทั้งสองครู่หนึ่งก็จำได้
“พวกนาย...ลูกน้องนายเคี่ยมใช่ไหม”
“นาวิศมันยังไม่กลับไปอีกเหรอ มันมาทำอะไรที่นี่” สหัสเข้าไปจับแขนรสา “บอกมา นาวิศมันต้องการอะไร”
รสาสะบัดแขน
“นี่...ปล่อยฉันนะ”
แท่นเข้าไปห้ามสหัส
“พี่สหัส ใจเย็นก่อน”
แท่นดึงสหัสออกมา สหัสหันไปพูดกับรสา
“บอกนาวิศด้วย มันมีเมียแล้วก็อย่ามายุ่งกับคุณหนันอีก ให้มันกลับไปซะ”
“เอาแต่ว่าคนอื่น พวกนายนั่นแหละที่ต้องคุมปาหนันให้ดี อย่าให้แอบดอดไปหาคุณนาวิศอีก คราวที่แล้วก็แอบไปหาเขาที่กรุงเทพหนนึงแล้ว ผู้หญิงอะไร ไม่มียางอาย”
สหัสไม่พอใจ กระชากตัวรสาเข้ามาใกล้
“อย่าพูดถึงคุณหนันอย่างนั้น”
รสาตกใจ จ้องตาสหัส เห็นสายตาที่จงรักภักดีต่อปาหนัน รสานิ่งอึ้งไป แท่นเข้ามาดึงสหัสออก
“ปล่อยเขาเถอะพี่...”
สหัสปล่อยรสา เดินกลับไปที่รถ รสามองตามอึ้งๆ
“พี่สหัสรักคุณหนันมาก คุณไม่ควรพูดถึงคุณหนันอย่างนั้น”
รสาหันมอง แท่นถอนใจ หันไปมองเครื่องยนต์รถรสา
“ผมจะดูรถให้คุณเอง”
แท่นก้มดูเครื่องยนต์ให้ รสาหันมองสหัส รู้สึกประทับใจในความจงรักภักดี ของสหัสต่อปาหนัน
+ + + + + + + + + + + +
สาวใช้ยกถาดอาการมาให้ระรินที่ห้อง...
“รสาไปหาคุณนาวิศแล้วใช่ไหม”ระรินถามทันที
“ค่ะ หนูได้ยินเธอว่าจะมาบอกคุณระรินก่อน แต่คุณธานีก็ไม่ยอมให้มา”
ระรินหน้าเศร้า
“ถ้าฉันตายไปซักคน รสาก็คงไม่ต้องโดนคุณธานีข่มขู่ โขกสับอยู่อย่างนี้...แต่ฉันก็ยังตายไม่ได้ ถ้าฉันตายไป แล้วใครจะเป็นคนปกป้องคุณนาวิศ...”
สาวใช้หน้าจ๋อยไป ระรินมองสาวใช้ครู่หนึ่ง เอื้อมมือไปแตะไหล่สาวใช้
“หน่อย...เธอจำได้ไหม เมื่อก่อน คุณท่านดีกับพวกเรามากแค่ไหน...ตอนนี้ลูกชายคนเดียวของท่านอยู่ในอันตราย เธอจะทำเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้นะ มีเรื่องนึงที่ฉันอยากให้ช่วย...เธอจะช่วยฉันไหม...”
สาวใช้ก้มหน้าจ๋อยๆ ระรินมองสาวใช้อย่างอ้อนวอน
+ + + + + + + + + + + +
นาวิศเปิดประตูบ้าน เห็นรสาหิ้วกระเป๋ารออยู่อย่างยิ้มแย้ม
“เซอร์ไพรส์ค่ะ”
“ตามมาจนได้นะรสา...”นาวิศแกล้งถามหยั่งดู “อาธานีให้มาเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิคะ...”รสาหลุดปาก
นาวิศเหลือบมอง รสารู้ตัวรีบกลบเกลื่อน
“ค...คือ คุณธานีเห็นรสาเป็นห่วง คิดถึงคุณ ก็เลยบอกให้ตามมาน่ะค่ะ”รสานึกได้ “แล้วแม่บ้านคุณล่ะคะ”
“กลับไปแล้ว...”นาวิศเอะใจ “มาถึงก็ถามหาแม่บ้าน มีอะไรรึเปล่า”
รสาอึกอัก
“ก็...รสาเดินทางเหนื่อย อยากให้แม่บ้านจัดห้องให้ รสาจะได้พักน่ะค่ะ”
นาวิศมองหน้ารสา
“แค่นั้นเหรอ”
รสาพยักหน้า อึดอัด
“แน่ใจนะ ว่าไม่มีอะไรนอกจากนั้น”
รสารีบเปลี่ยนเรื่อง
“โอ๊ย เหนื่อยจังเลยค่ะ เมื่อกี๊ขับรถมา รถดันเสียอีก...นี่รสาคงต้องจัดห้องเองใช่ไหมคะ...คุณนาวิศจะให้รสานอนห้องไหนดีเอ่ย”
รสายิ้มแย้ม เหมือนไม่มีอะไร นาวิศได้แต่ข้องใจ
จบตอนที่ 17
ติดตามอ่านตอนต่อไป พรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.