ในรอยรัก
ตอนที่ 17
มธุรินนั่งร้องไห้อยู่บนเตียงมีกุเทพหลับไม่รู้เรื่องอยู่ข้างๆ
“ทำไมมันเป็นอย่างนี้ไปได้”
กุเทพขยับตัวมือสะเปะสะปะพาดไปโดนตัวมธุริน มธุรินสะดุ้งขยับตัวออกห่าง
“ผมรู้สึกดีจัง รู้งี้ผมกลับมาคืนดีกับคุณนานแล้วล่ะกิ๊บ”
มธุรินได้ยินแล้วสะอื้นฮักดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดปากร้องไห้ เสียงเอะอะของพิณสุดาดังมาจากด้านนอก
มธุรินใจหายวาบ ลนลาน
เมื่อกลับมาถึงบ้านพีระพลก็ทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาแล้วร้องไห้ออกมาพิณสุดาเดินไปหยิบกล่องยาทำแผล ปากก็บ่นพีระพลไม่หยุด
“นี่แกร้องมาตลอดทางแล้วยังไม่พออีกเหรอ ฉันอยากรู้จริง ๆ ไอ้ศิธามันมีอะไรดีนักหนา แกถึงต้องมาทนเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจอย่างนี้ หยุดๆ พอได้แล้ว เดี๋ยวฉันจะทำแผลให้”
พีระพลย้อนพิณสุดากลับ
“แล้วไอ้พี่กุอะไรนั่นมันดีตรงไหน เขาด่าใส่หน้าพี่ตั้งหลายครั้งว่าเขาไม่เอาพี่ โก้ก็ยังเห็นพี่กิ๊บร้องจะเอาๆ เขาอยู่นั่นแหละ”
พิณสุดาโมโหปรี๊ดขึ้นมาเขวี้ยงกล่องยาทำแผลใส่พีระพล
“ไอ้น้องโง่ โดนมาขนาดนี้ยังจะมีหน้ามาย้อนฉันอีก คราวหน้าต่อให้ถึงตายฉันจะไม่แลแกเลยคอยดูนะ”
พีระพลก้มหลบแทบไม่ทัน พิณสุดานึกถึงกุเทพที่อยู่ในห้องนอนก็ผลุนผลันเดินตรงไปที่ห้องทันที
พิณสุดาเปิดประตูผลัวะเข้าห้องมา พิณสุดาเห็นกุเทพในสภาพเปลือย พิณสุดาทำหน้าประหลาดใจเดินเข้าไปนั่งบนเตียงข้างๆ กุเทพ กุเทพรู้สึกตัวสลึมสลืมองเห็นเป็นภาพพิณสุดานั่งอยู่แบบเบลอๆ กุเทพรีบยันตัวลุกขึ้นแล้วหยิบเสื้อผ้าตัวเองมาใส่
“กิ๊บ”
พิณสุดาถลาไปจับตัวกุเทพไว้
“กุจะไปไหน อย่าเพิ่งไปสิคะ”
กุเทพไม่สนใจพิณสุดารีบแต่งตัว
“กุพูดอะไรกับกิ๊บสักคำได้ไหม อย่าเพิ่งไปเลยค่ะ”
กุเทพปรายตามาที่พิณสุดาแว่บหนึ่งแล้วพูดออกมา
“คุณจะให้ผมพูดอะไรกับคุณ...ผมขอบอกว่าผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน ผมรู้แต่ว่าผมไม่รู้สึกตัว”
กุเทพแต่งตัวเสร็จก็รีบจ้ำอ้าวออกจากห้องไป พิณสุดาวิ่งตามออกไป...ประตูห้องน้ำแง้มออกมา มธุรินโผล่หน้าออกมาดูเห็นพิณสุดากับกุเทพออกไปแล้วก็รีบเดินออกมา มธุรินมองไปรอบๆ ห้องหน้าตาเลิ่กลั่กอย่างพยายามหาทางออก
พิณสุดาวิ่งตามกุเทพออกมาหน้าบ้านและพยายามจะทั้งกอดทั้งดึงแขนกุเทพไว้
“อย่าไปกุ อยู่กับกิ๊บก่อน”
กุเทพพยายามแกะออกตลอดเวลา
“ปล่อยผมกิ๊บ คุณนี่มันอันตรายจริง ๆ ผมหวังว่าจะไม่เจอคุณอีก”
“ไม่นะกุ กิ๊บไม่ยอมให้คุณไป”
รถแท็กซี่คันหนึ่งวิ่งมากุเทพรีบโบกทันที รถแท็กซี่จอดกุเทพรีบเปิดประตูขึ้นแล้วปิดประตูใส่หน้าพิณสุดา พิณสุดายืนมองตามหน้าละห้อย...มธุรินหลบอยู่ในมุมพุ่มไม้ซุ่มดูพิณสุดากับกุเทพอยู่เงียบๆ มธุรินเห็นพิณสุดาเดินคอตกกลับเข้าบ้าน มธุรินสูดหายใจเข้าแล้ววิ่งจู๊ดออกนอกรั้วบ้าน
บัวบงกชสะดุ้งตื่นด้วยเสียงเคาะประตู บัวบงกชลุกจากเตียงมองไปที่นาฬิกาที่หัวเตียงเห็นเป็นเวลาตี 5...เสียงเคาะประตูยังดังรัวอยู่ บัวบงกชเปิดประตูห้อง มธุรินร้องไห้โฮโผกอดบัวบงกช บัวบงกชตกใจกอดมธุรินพาเดินไปนั่งที่เตียง
“เป็นอะไรไปลูก ...ยัยเดียร์ ...หนูเป็นอะไร”
มธุรินยังคงกอดบัวบงกชร้องไห้ไม่ตอบอะไร
“ใจเย็นๆ ลูก ค่อยๆ บอกแม่ เกิดอะไรขึ้นลูก”
มธุรินสะอื้นฮักมองหน้าบัวบงกชน้ำตาไหล
“คุณแม่...กรรมมันตามมาสนองเดียร์แล้วค่ะ ...คุณแม่...”
มธุรินก้มลงร้องไห้ต่อไม่เล่าว่าเกิดอะไรขึ้น บัวบงกชกอดมธุรินปลอบโยนแต่สีหน้าแทบจะร้องไห้ตามมธุริน แววตานั้นแสนสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกับมธุรินกันแน่
วันต่อมาที่โต๊ะอาหารบ้านเตช สาวใช้ตักข้าวต้มจากโถใส่ชามให้มธุรินตรงหน้า มธุรินนั่งจ้องชามข้าวต้มบนโต๊ะอาหารอย่างไร้ความรู้สึก บัวบงกชนั่งอยู่ข้างๆ ลูบผมจับหน้าผากมธุรินอย่างแสนรัก
“ทานอะไรหน่อยสิลูก เดี๋ยวร่างกายจะแย่” บัวบงกชหยิบชามข้าวต้มขึ้นมาจะป้อนเอาใจ “แม่ป้อนนะลูก คำสองคำก็ยังดี”
มธุรินหน้าตาเซื่องซึมมองข้าวต้มที่ช้อนแล้วมองหน้าบัวบงกช มธุรินยอมอ้าปากกินข้าวต้ม บัวบงกชยิ้มอย่างพอใจ
“เดียร์สบายใจขึ้นบ้างหรือยังลูก”
มธุรินนั่งก้มหน้านิ่งไม่ตอบอะไร บัวบงกชพยายามกล่อมมธุริน
“แม่ดีใจมากนะลูกที่เดียร์เข้ามาหาแม่เมื่อคืน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่ามันจะดีหรือร้าย ยังไงเดียร์ก็มีแม่นะลูก เดียร์จะบอกแม่ได้ไหมลูกว่าอะไรทำให้ลูกของแม่ต้องเสียใจขนาดนั้น”
มธุรินเงยหน้ามองบัวบงกชน้ำตารื้นขึ้นมาอีก
“แม่...”
“ค่อย ๆ เล่าให้แม่ฟังลูก แม่ฟังเดียร์ได้ทุกเรื่อง ลูกเชื่อแม่นะ”
“แม่คะ... เมื่อคืน... เดียร์...”
“ลูกเดียร์ พ่อรู้เรื่องหมดแล้วนะ”
เสียงเตชดังขึ้น มธุรินค้างไว้แค่นั้น หันหาเตชที่เดินเข้ามา
“พ่อ”
บัวบงกชทำหน้าเอือมระอาที่เตชเข้ามาขัดจังหวะ เตชเดินตรงไปที่มธุรินแล้วหันไปมองสาวใช้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลทำท่าบอกให้ออกไป สาวใช้รีบค้อมตัวเดินออกจากห้องอาหารไปทันที เตชลูบหัวมธุริน
“เรื่องคลิป พ่อรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ลูกอยากให้เรื่องมันจบแบบไหนบอกพ่อมาได้เลย ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น หรือจะให้นังมัสลินมันหายตัวไปเลยก็ยังได้”
บัวบงกชมองหน้าเตชอย่างตกใจ
“คุณพูดอะไรออกมารู้ตัวรึเปล่า คุณเป็นพ่อคนประสาอะไรฮึคุณเตช”
“ก็เป็นอย่างที่คุณเห็นนี่ละ ร้ายมาก็ร้ายไป ใครจะเหมือนคุณล่ะปล่อยลูกร้องไห้โฮ ๆ ยอมให้คนอื่นมันรังแก ดูสภาพยัยเดียร์ซิ ยังกับซากศพ!... ไม่ต้องกลัวนังมัสลินมันนะลูก”
มธุรินสติแตกขึ้นมาอีกยกมือปิดหู ร้องไห้โฮ
“มัสลิน...มัสลิน...พอที เดียร์ไม่อยากได้ยินชื่อนี้”
บัวบงกชรีบหันไปกอดมธุริน
“โอเคจ้ะลูกโอเค ไม่มีใครพูดอะไรแล้ว หนูนิ่งซะนะลูก”
เตชขมวดคิ้วมุ่น มองอาการมธุรินแล้วทั้งตกใจทั้งแค้นใจมัสลินทนดูต่อไม่ได้ผลุนผลันออกจากห้องไปทันที บัวบงกชหันขวับตามไป
“คุณอย่าทำอะไรบ้า ๆนะคะคุณเตช!...คุณเตช!”
เตชกำลังจะก้าวขึ้นรถถือโทรศัพท์มือถือสั่งการลูกน้อง
“พวกลื้อจัดการมันได้เลย นังมัสลิน”
บัวบงกชวิ่งตามออกมาทันตะโกนเรียกเตช
“คุณ คุณเตช!”
เตชชะงักหันกลับมามองบัวบงกช บัวบงกชสาวเท้าตรงไปที่รถเตชตะโกนเสียงกร้าว
“คุณจะทำอะไรมัสลินไม่ได้นะ”
เตชได้ยินสิ่งที่บัวบงกชตะโกนก็ขึ้นรถปิดประตูใส่ รถยนต์เตชออกตัวไป บัวบงกชตะโกนตามหลังรถไป
“หยุด หยุดรถเดี๋ยวนี้ คุณเตช”
บัวบงกชมองตามรถเตชที่แล่นออกไปด้วยความกังวล
อ่านต่อหน้า 2
ในรอยรัก
ตอนที่ 17 (ต่อ)
เช้าวันเดียวกันนั้นที่บ้านเจ้าสัวทุกคนนั่งทานอาหารกันประจำที่ตัวเองเงียบๆ ยกเว้นที่ของกุเทพว่างเปล่า เจ้าสัวเงยหน้ามองกานน
“เออ เจ้าปลิวแล้วที่ฉันฝากให้แกจัดการคืนก่อน แกไปทำให้ฉันบ้างหรือยัง”
กานนยกแก้วน้ำขึ้นดื่มหน้าตาแบ่งรับแบ่งสู้
“จัดการไปแล้วบางเรื่องครับ ผมจะรีบดำเนินการทั้งหมดให้เร็วที่สุดละกันครับคุณปู่”
เจ้าสัวพยักหน้าแล้วหันไปทางอุษยา
“แล้วก็แกนังอุษยา เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วไปเยี่ยมคุณนายเล็กที่โรงพยาบาลกับฉันด้วย จะได้ทำความคุ้นเคยกันไว้ อย่างน้อยตอนแกเด็กๆ เขาก็เคยเลี้ยงดูแกมา”
อุษยาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าสัวแล้วสวนกลับทันที
“นั่นเขาเรียกว่า ‘รับใช้’ ต่างหากค่ะพ่อ”
เจ้าสัวหยิบขวดพริกไทบนโต๊ะขึ้นมา อุษยายกมือบังทำท่าหลบ
“นั่นมันพริกไทยนะคะพ่อ! พอมีลูกใหม่เอะอะก็โกรธ เอะอะก็โมโห อย่างนี้ล่ะสิที่เขาเรียกว่าหมาหัวเน่าน่ะ”
กานนที่นั่งข้างๆ เอาขวดพริกไทยออกจากมือเจ้าสัว
“คุณปู่ครับ พอเถอะครับ” กุเทพเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหารสภาพอิดโรย “กุ? แกไม่สบายรึเปล่า ทำไมหน้าซีดอย่างนั้น”
กานนถามอย่างเป็นห่วง กุเทพสะบัดหัวเรียกสติ
“อ้อ... ไม่ได้เป็นอะไรหรอกฮะ ทานกันต่อเถอะครับ”
กานนมองกุเทพอย่างเป็นห่วง และสงสัย
หลังจากทานอาหารเสร็จ กุเทพกึ่งนั่งกึ่งนอนอย่างเพลียๆ ที่โซฟาห้องนั่งเล่น กานนเดินเข้ามานั่งตรงข้าม กุเทพปรือตามองกานน
“ผมว่าผมจะกลับอเมริกา”
“อะไรของแก อยู่ๆ ก็นึกจะกลับไปอีก หรือเพราะมัสลิน”
กุเทพลุกขึ้นนั่งถอนหายใจ
“มัสคือเหตุผลเดียวที่ผมกลับมาเมืองไทย ตอนนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปหมด อยู่ๆ มัสก็มากลายเป็นญาติเราไปซะอย่างนั้น ป่วยการที่จะอยู่ที่นี่ต่อ หรือว่าอารับได้”
กุเทพจ้องหน้ากานนอย่างมีนัยยะ ภาพกานนกอดมัสลินแว่บเข้ามา...กุเทพยังคงจ้องหน้ากานนซึ่งยังคงนิ่งเงียบ กุเทพหัวเราะออกมา
“อีซี่เหอะครับอา ตอนนี้น่ะมัสเป็น “อามัส” สำหรับผมไปซะแล้ว ป่วยการจะคิดย้อนเรื่องโน้นนี้ให้เสียเวลา อ้อ..แล้วอาน่ะซ้อมเรียกเค้า “น้องมัส” รึยังฮะ หึ..หึ..บ้าชะมัด!”
“ถ้ามันคือความจริง เราก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้”
“อาทำได้? …สำหรับผม มันไม่ต่างจากการเสียคนรักดีๆ นี่เอง จะว่าไปมันยิ่งกว่าซะด้วยซ้ำ นี่มันเป็นเรื่องบ้าที่สุดในชีวิตผมแล้ว”
“สำหรับฉันด้วย”
กานนทำหน้าสุดเซ็ง กุเทพหัวเราะ
“ฮ่าๆๆๆ อาทำหน้ายอมแพ้กับเค้าก็เป็นด้วย”
“เป็นสิวะ ฉันก็คนนะไอ้กุ งงเป็นเว้ย!”
“ก็เอาเป็นว่าเราสองคนเสมอกัน แห้วทั้งคู่”
“ไอ้กุ... ฉัน...” กานนรู้สึกผิด
“ช่างเหอะครับอา อะไรผ่านมาแล้วก็แล้วไป ยังไง๊ยังไงผมก็เป็นหลานอา แล้วอาก็เป็นอาปลิวของผม”
กุเทพยื่นมือมารอแปะฝ่ามือกับกานน กานนแปะฝ่ามือตอบแต่หากทอดถอนใจ มองหน้ากุเทพอย่างขอบคุณ กุเทพทำหน้าเซ็งเอนหลังพิงโซฟา
“จะดีจะร้ายอายังดีมีคุณเดียร์ให้กลับไปหา ผมนี่สิไม่เหลือใคร คงต้องกลับไปทำใจสักพัก”
“แกทิ้งคุณก๋งแกไปตอนนี้ไม่ดีแน่ อย่าลืมสิว่าบ้านเรากำลังจะมีงานใหญ่ แกไปเดี๋ยวก๋งก็ให้ฉันตามแกกลับมาอยู่ดี เสียเวลานั่งเครื่องเปล่า ๆ”
กุเทพไม่ตอบอะไร ได้แต่ทำหน้าหมดอาลัย ครางเสียงเซ็ง
“อามัส...โอ...อามัสลิน ...”
กานนเริ่มสังเกตเห็นรอยแผลที่มุมปากกับท่าทางเบลอ ๆ ของกุเทพก็สงสัย
“นี่วันนี้แกดูเพี้ยนๆ มากเลยนะ จะว่าเมาค้างก็ไม่น่าใช่ ยังกับคนเมายา แล้วดูปากแกสิ”
กุเทพเอามือลูบแผลนั้น ขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดหนัก
“เออใช่ เมื่อคืนผมมีเรื่อง....ก็ไอ้ศิธาน่ะแหละครับ เออ แล้วมันเริ่มยังไงนะเนี่ย ผมจำไม่ค่อยได้”
กานนยิ้มหน่ายกุเทพ
“เมามากล่ะสิเนี่ย โดนต่อยมายังไม่รู้เรื่อง”
กุเทพนิ่งไปพยายามคิดย้อนกลับไปเหตุการณ์คืนที่ผ่านมาแล้วสีหน้าตกใจมาก
“ชิบ...เป๋งแล้ว”
กานนมองกุเทพงง ๆ
“อะไรของแก”
กุเทพกุมขมับเครียดเมื่อนึกถึงเรื่องที่บ้านพิณสุดาขึ้นมาได้ กุเทพหน้าซีดเผือดเมื่อเริ่มนึกเหตุการณ์คืนที่ผ่านมาออก กานนขยับตัวเข้าไปจ้องหน้ากุเทพใกล้ๆ
“อะไรของแกวะ หน้าซีดเชียว”
กุเทพรู้สึกตัว รีบหันหน้าหนีแล้วพรวดพราดลุกขึ้น
“ผมไปดีกว่า”
“เฮ้ย จะไปไหน จู่ๆ ก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมา”
กุเทพทำหน้าไม่ถูก
“ผมนึกได้ว่าต้องเข้าไปที่ร้าน”
กุเทพพูดจบก็สาวเท้าออกไปทันที กานนมองตามกุเทพไปงงๆ
“อะไรของมันวะ”
ที่โรงพยาบาล มัสลินอุ้มแจกันดอกไม้เดินเข้ามาในห้องพักคิม มัสลินจัดแจงวางแจกันดอกไม้ที่โต๊ะข้างเตียงแล้วดึงเก้าอี้มานั่งคุยกับคิม
“คุณคิม วันนี้มัสมาแต่เช้าเลยเห็นไหม เอาดอกไม้มาด้วย เผื่อคุณฟื้นขึ้นมาไม่เจอมัส จะได้เห็นดอกไม้สวยๆ”
มัสลินมองคิมที่นอนอยู่บนเตียงแล้วน้ำตาคลอ
“เมื่อไหร่คุณจะฟื้นขึ้นมานั่งคุยกับมัส ปลอบใจมัสอีกล่ะคะ เมื่อไหร่”
มัสลินน้ำตาหยด รีบดึงทิชชูมาเช็ด
“ถ้าคุณฟื้นขึ้นมาคงไม่อยากเห็นมัสร้องไห้แน่ ๆ เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวมัสจะหาเรื่องสนุกๆ มาเล่าให้คุณฟังดีกว่า”
มัสลินนั่งพูดคุยกับคิม แล้วยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดูเวลา
“ตายจริง มัสต้องไปแล้วล่ะค่ะ วันนี้มีถ่ายละคร ถ่ายเสร็จเมื่อไหร่มัสจะแวะมาอีกทีนะคะ ถ้าเป็นไปได้ตอนนั้นมัสหวังจะเห็นคุณลุกขึ้นมานั่งคุยกับมัสนะคะคุณคิม”
มัสลินหยิบกระเป๋าถือขึ้นสะพายแล้วลุกเดินออกไป ก่อนออกจากห้องมัสลินยังหันกลับมามองที่คิมอีกครั้ง
มัสลินออกมาจากห้องพักคิมแล้วต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อพบ ชายร่างสูงใหญ่ยืนถือซองสีน้ำตาลหนาดักรอมัสลินอยู่หน้าห้อง
“เธอใช่ไหมมัสลิน”
มัสลินมองชายด้านหน้าอย่างหวาดๆ แต่ระวังตัว ลูกน้องเตชยื่นซองน้ำตาลให้มัสลิน
“ในซองนี้มีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง รับไปแล้วเลิกยุ่งเกี่ยวกับคุณหนูมธุรินซะ”
มัสลินขมวดคิ้วแต่ก็รับซองเงินมาอย่างงง ๆ
“เงิน เลิกยุ่งกับมธุริน” มัสลินเริ่มนึกขึ้นได้
“แกคงเป็น....หึ....นึกว่าเงินมันจะใช้ฟาดหัวได้ทุกอย่างล่ะสิ ฉันว่านะ แกกลับไปบอกนายของแกดีกว่าว่าให้ลูกสาวเขาเลิกยุ่งกับฉันสักที”
ลูกน้องเตชทำหน้าไม่พอใจ
“แกรู้ตัวไหมว่าที่แกพูดมันหมายถึงแกต้องการมีเรื่อง”
“มีเรื่องน่ะ ฉันมีจนชินซะแล้ว ถ้าจะมีอีกสักเรื่องฉันก็ไม่มีอะไรจะต้องกลัว”
สายตามัสลินมองไปที่มุมหนึ่งเห็นเตชยืนกอดอกมองมัสลินอยู่อย่างจะเอาเรื่อง มัสลินก้าวฉับไปหาเตช ลูกน้องเตชขยับตัวเข้าขวางไว้
“ฉันว่าเธออย่ามีเรื่องเลย ก็แค่รับปากว่าเลิกยุ่งกับคุณหนูมธุรินรับเงินแล้วก็ไปซะ”
มัสลินมองหน้าลูกน้องเตชอย่างไม่กลัวแล้วเขวี้ยงซองเงินข้ามหัวลูกน้องเตชไปให้เตชเห็น
“เงินนี่น่ะเหรอ มันน้อยไปไหมกับสิ่งที่พวกแกทำน่ะ”
มัสลินตะโกนเสียงลั่นให้เตชได้ยิน
“ถ้าแน่จริงก็เดินเข้าไปดูอาการคนไข้ในห้องข้างหลังฉันซะ ผลจากสิ่งที่ลูกสาวคุณได้ทำเอาไว้ และเมื่อพวกคุณคิดจะใช้อำนาจกับฉันแบบนี้ ฉันก็จะไม่ยอมพวกคุณเหมือนกัน”
มัสลินมีสีหน้าโกรธจัด ชิงชังเตชเป็นที่สุด
อ่านต่อวันพรุ่งนี้