xs
xsm
sm
md
lg

บุหงาหน้าฝน ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 น.
ตอนที่14
รสาเดินกลับเข้ามาในตึก บ่นอุบ
“ถ้าหลอกควงคุณนาวิศลงมาได้ ยัยปาหนันจะปัญหามากอีกรึเปล่าก็ไม่รู้ ขอให้เชื่อง่ายๆทีเถอะ จะได้กลับๆไป...ไม่งั้นคุณธานีมาเห็นเข้า ได้ซวยกันหมด”
รสาเดินมากดลิฟต์ ครู่หนึ่งประตูลิฟต์เปิดออก รสาก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไป ไม่ทันมองคนที่เดินสวนออกมา
“รสา...”นาวิศเรียก
รสาหันไปเห็นนาวิศ โล่งใจ
“อ้าว คุณนาวิศ...รสากำลังจะขึ้นไปหาพอดี...เฮ้อ...โชคช่วย ไม่ต้องขึ้นไปตามข้างบน”
นาวิศแปลกใจ
“ทำไมเหรอ มีอะไรรึเปล่า”
ธานียืนอยู่หลังนาวิศ ปรากฏตัวออกมา
“นั่นสิ...มีอะไรรึเปล่า”
รสาเพิ่งเห็นธานี ท่าทางตกใจ เก็บอาการไม่มิด
“คุณธานี”
“ตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่”ธานีถามเสียงเข้มมองรสา จับสังเกต
รสาอึกอัก
“ป...เปล่าค่ะ รสาแค่จะมาชวนคุณนาวิศไปทานข้าวกลางวัน”
“ฉันกำลังจะไปกินข้าวเป็นเพื่อนนาวิศพอดี”ธานีบอก
รสารีบพูด
“รสามาแล้ว เดี๋ยวรสาไปเป็นเพื่อนคุณนาวิศเอง คุณธานีกลับไปทำงานต่อก็ได้นะคะ”
ธานีมองรสาอย่างสงสัย
“แล้วถ้าฉันไปด้วย คงไม่มีปัญหาใช่ไหม”
รสาแสร้งยิ้ม
“ม...ไม่มีค่ะ จะมีได้ยังไง”รสาครุ่นคิดแล้วควงนาวิศไปทางออกหลังตึก “ข้างหลังตึกมีร้านนึง น่านั่งมากเลยค่ะ รสาจะพาไปนะคะ”
รสาพานาวิศเดินไป ธานีมองตาม สงสัยท่าทีรสา
+ + + + + + + + + + + +

รสาท่าทางหลุกหลิก คอยมองรอบๆ กลัวธานีจะเจอเข้ากับพวกปาหนัน นาวิศสังเกตเห็นท่าทีรสา พอรสาหันมา เห็นนาวิศกำลังมองอยู่ก็สะดุ้งไปเล็กน้อย
“เป็นอะไรรึเปล่ารสา ดูท่าทางหลุกหลิกชอบกล”
รสายิ้มแหย
“ค...คือ...รสาชักรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมาหน่อยๆน่ะค่ะ”
“ก็ไปสิครับ เดี๋ยวผมรอแถวนี้”
“อย่ารอแถวนี้เลยค่ะ คุณธานีกับคุณนาวิศไปรอที่ร้านดีกว่านะคะ รสาขอตัวแป๊บเดียว”
รสาฉีกยิ้ม แล้วกลับเข้าไปในตึก นาวิศกับธานีมองตาม รู้สึกประหลาดใจ ธานีคิดอะไรบางอย่างได้รีบบอก...
“จริงสิ...อามีงานด่วนลืมสั่งเลขาไว้...หลานไปรอที่ร้านก่อนนะ อากลับขึ้นไปออฟฟิศเดี๋ยว แล้วจะตามไป”
ธานีกลับไปด้วยอีกคน นาวิศยิ่งแปลกใจ
ขณะเดียวกันที่ด้านนอก พวกปาหนันยังนั่งรออยู่หน้าตึกอย่างไม่สบายใจ
“ไม่รู้ยัยตัวร้ายนั่นมันจะมีแผนอะไรอีก จะพาพร้าวลงมาจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะคุณหนัน”ทับทิมบ่นอย่างหงุดหงิด
“แล้วถ้าเกิดไม่ได้พาไอ้พร้าวลงมา แต่พาคุณธานีมาแทนจะทำไงดีล่ะคุณหนัน”เดื่อบอกอย่างไม่สบายใจกลัวๆ
“หนันคิดว่าเขาคงไม่ทำอย่างนั้นหรอก เขายังเตือนพวกเราว่าให้หาที่หลบคุณธานี อย่าให้คุณธานีมาเจอเข้า”
ทับทิมคิดนิดนึงแล้วบอก
“นังนั่นน่ะร้ายจะตาย เชื่อได้ที่ไหน... เอางี้ เดี๋ยวทับทิมแอบเข้าไปดูในตึกเอง...เผื่อแม่นั่นพาคุณธานีลงมา เราจะได้รู้ตัวก่อน”
ปาหนันพยักหน้ารับ ทับทิมจะเข้าไป แต่รสาวิ่งหน้าตื่นออกมา
“ไปเร็ว! อยู่ไม่ได้แล้ว”รสาดึงแขนทับทิมออกมา
ทับทิมงงๆ
“นี่ อะไรของหล่อนอีก”
“คุณธานีลงมา ตอนนี้อยู่หลังตึก พวกเธอต้องฉวยโอกาสตอนนี้หนีไป ไม่งั้นถ้าคุณธานีมาเห็นพวกเธอ ฉันจะซวยไปด้วย”
ปาหนันไม่เข้าใจ
“ซวยไปด้วยยังไง”
“ฉันไม่มีเวลามานั่งอธิบายหรอกนะ รีบหนีไปเดี๋ยวนี้”
พวกปาหนันไม่ยอมไป
“ฉันว่าหล่อนอ้าง เพราะไม่อยากให้คุณหนันเจอพร้าวมากกว่า”ทับทิมจูงมือปาหนัน “ไปค่ะคุณหนัน บุกเข้าไปหาพร้าวเลยดีกว่า”
รสาตกใจ
“อ้าว...เดี๋ยวก่อน...อย่าไป”
ทับทิมดึงมือปาหนันมาที่ประตูทางเข้าตึก รสากับเดื่อตามมา แต่แล้วทั้งหมดต้องชะงักเมื่อพบว่าธานีเดินอยู่ แต่ธานียังไม่เห็นพวกปาหนัน ปาหนันตกใจ
“คุณธานี”
“ทีนี้เชื่อรึยัง...รีบหนีเร็ว”
พวกปาหนันหน้าตื่น หันหลังวิ่งหนี เดื่อชนเข้ากับผู้ชายที่กำลังจะเดินเข้าตึก ทับทิมกับปาหนันเบรกไม่ทัน ทับทิมกระแทกเดื่อซ้ำอีก รสาเข้ามาช่วยดึงปาหนัน ธานีมองไปที่หน้าประตูพอดี เห็นรสาช่วยประคองใครบางคน แต่เห็นหน้าปาหนันไม่ชัด เพราะมีกลุ่มคนเดินเข้าออกหน้าตึกบังสายตาธานีอยู่ ธานีสงสัยหนัก รีบเดินไปดู พวกปาหนันลุกขึ้นมาตั้งหลัก
“หนีเร็ว!”เดื่อบอก
ทับทิมเข้าไปดึงปาหนันแล้วผลักรสาออก
“ไปค่ะคุณหนัน”
รสาเสียหลักล้มไป
“โอ๊ย! ยัยบ้าเอ๊ย...ฉันอุตส่าห์ช่วยพวกแกไว้แท้ๆ”
พวกปาหนันวิ่งหนีเลี้ยวมุมตึกไป รสามองตามอย่าเจ็บใจ ก่อนจะตะกายไปหยิบกระเป๋าที่ตกอยู่ ทันใดนั้นเท้าธานีก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า รสาเงยหน้ามองอย่างหวั่นใจ ธานีก้มมองรสาหน้าดุ รสาหน้าเสียไป
+ + + + + + + + + + + +

เดื่อกับทับทิมวิ่งนำหน้าแหวกผู้คน หนีออกมา ปาหนันวิ่งตามหลัง ครู่หนึ่งจึงหันกลับไปมอง ไม่เห็นใครตามมา ค่อยโล่งใจ ชะลอฝีเท้าลง
“หนันว่าไม่มีใครตามมาแล้วล่ะ เรารอดแล้ว...”
ปาหนันหันกลับมา แต่ไม่เห็นเดื่อกับทับทิมแล้ว ปาหนันตกใจ หันมองหา
“เดื่อ...ทับทิม...เดื่อ...ทับทิม อยู่ไหนกันน่ะ”ปาหนันหน้าเสีย หันมองหาเพื่อนๆอย่างหวั่นใจ “เดื่อ...ทับทิม”
ปาหนันจะออกวิ่งตามหาเพื่อนๆ แต่กลับหันไปชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายรับตัวปาหนันไว้ทัน
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
ปาหนันชะงัก เงยหน้ามองคนที่ประคองเธออยู่ เขาคนนั้นคือนาวิศ ทั้งสองสบตากันปาหนันนิ่งค้าง ตื้นตัน คาดไม่ถึง นาวิศเองก็ชะงักไป รู้สึกถูกชะตากับผู้หญิงตรงหน้าอย่างประหลาด
“คุณนาวิศ...”
“ครับ...ผมนาวิศ”นาวิศอึ้งไปเล็กน้อยที่เธอรู้จักชื่อเขา

+ + + + + + + + +

ธานีดึงรสาเข้ามาหลบมุมคุยกัน เพราะไม่อยากให้นาวิศมาเห็น
“เมื่อกี๊เธอคุยกับใคร”
“ม...ไม่มีนี่คะ”
ธานีบีบแขนรสาอย่างแรง
“ยังกล้าโกหกฉันอีกเหรอ เห็นๆอยู่ว่าเธอคุยกับผู้หญิงคนนึงที่หน้าตึก ดูจากการแต่งตัว ไม่น่าจะเป็นคนทำงานในตึกนี้ บอกมาว่าใคร”
รสากลัว แต่ก็โกหกไป
“อ๋อ...นึกออกแล้วค่ะ เป็นบ้านนอกมาถามทาง”
“หมายความว่า เธอบังเอิญเจอ ไม่ได้ตั้งใจออกไปหาผู้หญิงคนนั้น”
“เอ่อ...ค่ะ”
ธานียิ้มจับโกหกรสาได้
“เธอบอกว่าจะกลับมาเข้าห้องน้ำ...แต่ดันออกไปหน้าตึก แล้วก็บังเอิญเจอผู้หญิงบ้านนอกที่มาถามทาง...คิดว่าฉันโง่นักรึไง”
รสาก้มหน้าจ๋อย
“รู้ใช่ไหม...ถ้าใครหน้าไหนมันเข้ามาทำให้นาวิศจำอดีตได้ แม้เพียงเสี้ยวของอดีต...เธอจะต้องรับผิดชอบ”
รสายังไม่ยอมพูด
“ไม่ยอมบอกใช่ไหม...ได้...งั้นพี่สาวเธอก็รับเคราะห์ไปแล้วกัน”
ธานีจะเดินออกไป รสาเข้ามาดึงไว้
“เดี๋ยวค่ะคุณธานี อย่าทำอะไรพี่รินนะคะ รสารับปากว่าจะคอยประกบคุณนาวิศ จะไม่ให้ใครมารื้อฟื้นความทรงจำคุณนาวิศเด็ดขาด คุณธานีไว้ใจรสาเถอะนะคะ”
ธานีมองรสาดุ ไม่ตอบอะไร
+ + + + + + + + + + + + +

รสาเข้ามาในร้านอาหารมองหานาวิศอย่างร้อนใจ เธอมองไปรอบๆร้าน ไม่เห็นนาวิศ รสาร้อนใจ
“คุณนาวิศไปไหนนะ”
ทางด้านนาวิศประคองปาหนันให้ยืนเองได้ก็ผละออกมา
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”
ปาหนันยังจ้องมองนาวิศอย่างตื้นตัน ส่ายหน้าว่าไม่เป็นอะไร นาวิศเห็นท่าทีของปาหนันแปลกๆ เอาแต่จ้องมองเขา นาวิศไม่เข้าใจ แต่ก็ฝืนยิ้มนิดๆ
“ถ้าคุณไม่เป็นไร งั้นผมขอตัวก่อน...”
นาวิศหันหลังจะไป ปาหนันเหวอ รีบคว้าแขนเขาไว้
“เดี๋ยวสิจ๊ะ คุณจะไปไหน”
นาวิศแปลกใจ
“คุณมีธุระอะไรกับผมอีกเหรอครับ”
ปาหนันชะงัก
“ธุระ...ท...ทำไมคุณถึงถามแบบนี้ คุณไม่ดีใจเหรอ ที่หนันมาหาคุณถึงนี่”
นาวิศมองปาหนันใช้ความคิด
“เรารู้จักกันเหรอครับ”
ปาหนันมองสูทหรูของนาวิศ แล้วก้มมองตัวเอง
“อ้อ...ตอนนี้หนันไม่คู่ควรพอจะรู้จักกับคุณสินะ”
“คุณเอาแต่ถาม แต่ไม่ยอมตอบสิ่งที่ผมถามคุณเลย...เอาล่ะ...ถ้าคุณรู้จักผมจริง คุณก็คงพอจะรู้เรื่องที่ผมเจอมา เพราะฉะนั้น อย่าพยายามให้ผมต้องคิดว่าคุณคือใคร คุณมีธุระอะไรก็ว่ามาเถอะ”
ปาหนันเจ็บแปลบ
“คุณรู้ไหม...หนันรอคอยวันนี้...วันที่หนันจะได้เห็นหน้าคุณอีกครั้ง แต่ไม่อยากเชื่อเลย ว่าสิ่งที่หนันรอคอย คือการได้มาเห็นคุณเปลี่ยนไปเป็นคนละคน...คุณลืมวันเวลาของพวกเราไปแล้วเหรอ”
นาวิศนิ่ง ครุ่นคิดในใจ...หรือว่าผู้หญิงคนนี้มีความสำคัญกับเขามาก่อน
“ครับ... ผมจำไม่ได้...”
ปาหนัน เสียใจคิดว่านาวิศแกล้งลืม
“ถ้าอย่างนั้น เราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก...หนันขอโทษแล้วกันที่กวนเวลาคุณ”
ปาหนันหันหลังเดินไป รู้สึกเสียใจและผิดหวัง นาวิศมองตาม รู้สึกสับสนว่าผู้หญิงคนนี้เคยสำคัญกับเขาแค่ไหน อย่างไร...ในที่สุดนาวิศตามไปดึงแขนปาหนันไว้
“เดี๋ยวก่อน...ผมอยากให้คุณเล่าทุกอย่างให้ผมฟัง บอกผมหน่อย วันเวลาที่คุณว่านั่น มันมีความหมายยังไง”
ปาหนันดึงแขนออกน้อยใจ
“ปล่อยหนัน...คุณทำแบบนี้ทำไม คุณต้องการอะไรกันแน่”
นาวิศยื้อปาหนันไว้
“ผมต้องการให้คุณเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น”
“ในเมื่อคุณลืมความสำคัญของมันไปแล้ว จะให้หนันรื้อฟื้นอีกทำไม”
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”
“แล้วคุณเป็นอะไรของคุณ”
“มันเป็นเพราะผม...”
นาวิศยังพูดไม่ทันจบเสียรสาดังเข้ามาขัดขึ้นเสียก่อน
“คุณนาวิศ”
นาวิศกับปาหนันหันไปมอง เห็นรสาเดินรีบร้อนเข้ามา นาวิศปล่อยมือจากปาหนัน รสารีบเข้ามากอดแขนนาวิศ แสดงความเป็นเจ้าของ
“รสาไปหาคุณในร้านอาหารไม่เจอ ที่แท้ก็มาอยู่นี่เอง”รสาแกล้งทำไม่รู้จักปาหนัน “มีปัญหาอะไรกันรึเปล่าคะ...หรือว่าผู้หญิงคนนี้กวนใจคุณ”
ปาหนันมองรสากอดแขนนาวิศอยู่ก็อึ้งไป นาวิศรู้สึกแคร์สายตาของปาหนัน พยายามดึงแขนออก
“ไม่เป็นไรรสา ผมจัดการเอง”
รสากอดแขนนาวิศแน่น ไม่ยอมปล่อย
“รสาเป็นคู่หมั้นคุณ รสาก็ต้องดูแลคุณสิคะ”รสาหันไปหาปาหนัน “ว่ายังไงจ๊ะเธอ มีปัญหาอะไรกับคุณนาวิศ ของฉันหรือเปล่า”
ปาหนันน้ำตารื้น พยักหน้าอย่างเจ็บช้ำ
“อย่างนี้นี่เอง...หนันเข้าใจแล้ว...”
รสาเห็นปาหนันจะร้องไห้ หน้าเจื่อนไปเหมือนกัน ปาหนันหันหลังวิ่งออกไป พอดีเดื่อกับทับทิมตามมาเจอ
“คุณหนัน...คุณหนัน...”
“คิดว่าจะหากันไม่เจอซะแล้ว”เดื่อบอกอย่างโล่งใจ
เดื่อกับทับทิมหันไปเห็นรสากอดแขนนาวิศอยู่ก็อึ้งไป ปาหนันวิ่งสวนออกไป ทับทิมกับเดื่อรีบตามปาหนันไป นาวิศมองตามปาหนัน อึ้ง ค้าง
อ่านต่อหน้าที่ 2










ตอนที่14 (ต่อ)
ที่ฟาร์มโคนม...พวกคนงานที่ใกล้เลิกงานต่างเก็บเครื่องไม้เครื่องมือ เคี่ยมขนเครื่องไม้เครื่องมือไปเก็บ พะรุงพะรัง โดยที่พื้นตรงหน้าของเขามีคราดง่ามแหลมคมหงายอยู่ที่พื้น กลุ่มคนงานสามคนลอบมองยิ้มกันว่าเคี่ยมต้องเดินมาเหยียบแน่ เคี่ยมเดินมาใกล้คราดที่พื้นโดยไม่ทันเห็น กำลังจะเหยียบลงไป สหัสเข้ามาจับแขนเคี่ยม ห้ามไว้ทัน
“นาย ระวัง”
เคี่ยมชะงักแท่นเข้ามา รีบเก็บคราดขึ้นจากพื้น
“ขอบใจมาก...ฉันไม่ทันมอง เกือบจะเหยียบแล้วไหมล่ะ”
เคี่ยมผละไป สหัสกับแท่นหันไปมองคนงานนักเลงทั้งสาม พวกมันทำลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้ สหัสกับแท่นเดินตรงเข้ามาหา
“ข้าเตือนพวกเอ็งแล้วใช่ไหม ว่าอย่ายุ่งกับนายเคี่ยม”
“แล้วข้าไปยุ่งกับนายเอ็งตั้งแต่เมื่อไหร่”คนงานหนึ่งย้อนกวนๆ
แท่นชูคราดขึ้นมา
“อย่าบอกว่านี่ไม่ใช่ฝีมือพวกเอ็ง”
“ไหนหลักฐานวะ”คนงานอีกคนสวนขึ้น
พวกคนงานเลวยิ้มกวนๆ สหัสกับแท่นจะตรงเข้าไปสั่งสอน แต่มีเสียงพวกคนงานอื่นๆดังมาจากอีกด้าน
“ลุงเป็นอะไร...ลุงเคี่ยม”
สหัสกับแท่นหันไป เห็นเคี่ยมนอนสลบอยู่ที่พื้น ทั้งสองตกใจรีบวิ่งไปดูเคี่ยมทันที
“นาย...นาย เป็นไงบ้าง นาย...นาย”
เคี่ยมหมดสติไป ไม่รับรู้ใดทั้งสิ้น
+ + + + + + + + + + + +

ค่ำนั้นแท่นขับรถเข้ามาจอดอย่างเร็ว ลงจากรถ รีบวิ่งเข้าไปในบ้านไม่เห็นใคร รีบตะโกนเรียก
“คุณหนัน...คุณหนัน...”
แท่นจะเดินเข้าไปหลังบ้าน เจ่งออกมาพอดี
“มีอะไรไอ้แท่น ตะโกนซะลั่นบ้าน”
แท่นร้อนรน
“คุณหนันล่ะป้าเจ่ง”
“ไปตลาด ยังไม่กลับมา เอ็งมีอะไร ร้อนรนเหลือเกิน”
“นายเคี่ยมเป็นลมล้มไป ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล”
“อะไรนะ”
เจ่งอึ้งไปด้วยความตกใจ
ทางด้านสหัส เมื่อนำเคี่ยมมาส่งโรงพยาบาล หมอรีบตรวจอาการของเคี่ยมเป็นการด่วน...ไม่นานนักผลตรวจก็ออกมา เคี่ยมนอนหลับอยู่ที่เตียงคนไข้ หมอเงยหน้าจากแฟ้มผลการตรวจ แล้วบอกสหัสซึ่งยืนมองอยู่ข้างๆ
“คนไข้มีอาการที่เรียกว่า ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ”
“ภาวะหัวใจเต้นผิดปรกติ...มันอันตรายมากไหมครับหมอ”
“การที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ มันไม่ได้มีผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจโดยตรง แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ อันตรายจากอาการแทรกซ้อน เช่น อุบัติเหตุจากการเป็นลม ความเสี่ยงต่ออัมพาตหรือหัวใจวายเฉียบพลัน ก็เกิดขึ้นได้ หมอแนะนำให้รีบทำการรักษา”
“แล้วต้องรักษายังไงครับ นายผมต้องผ่าตัดหรือเปล่า”
“การรักษามีตั้งแต่การจี้หัวใจด้วยคลื่นไฟฟ้าไปจนถึงการผ่าตัด ค่ารักษาอยู่ที่ประมาณสี่แสนบาท”
สหัสอึ้งไป หันออกมาพึมพำกับตัวเอง
“สี่แสน...แล้วจะไปหาเงินมาจากไหน...”
+ + + + + + + + + + + +

เคี่ยมซึ่งนอนอยู่ที่เตียงคนไข้ ค่อยๆลืมตา ฟื้นขึ้นมามองไปรอบๆห้อง เห็นว่าอยู่ในโรงพยาบาล เคี่ยมค่อยๆลุกขึ้นมา มีอาการเจ็บหน้าอกนิดๆ จึงชะงักไป พยาบาลรีบเข้ามาช่วยประคอง
“ค่อยๆนะคะ”พยาบาลหันไปเรียกหมอ “คุณหมอคะคนไข้ฟื้นแล้วค่ะ”
หมอเดินมาดูที่เตียงเคี่ยม
“ผมเป็นอะไรครับ หมอ”
เคี่ยมเห็นหมออึกอัก ชักใจไม่ดี
“ว่าไงครับหมอ ผมเป็นอะไร”
สหัสเปิดประตูเข้ามา หมอหันมองสหัส ก่อนหันไปตอบเคี่ยม
“คุณแค่เหนื่อยและเครียดเกินไปเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
เคี่ยมยิ้มออก
“งั้นผมกลับบ้านได้แล้วใช่ไหมครับ”
หมอพยักหน้า ฝืนยิ้มให้ สหัสเข้าไปหาเคี่ยม
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับนาย”
เคี่ยมหันไปถามพยาบาล
“ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วใช่ไหม”
พยาบาลพยักหน้า ดึงม่านปิดให้ สหัสหน้าเจื่อนไปทันทีที่พ้นสายตาเคี่ยม ดึงหมอออกห่างไปจากเตียงแล้ว พูดเบาๆกับหมอ
“ขอบคุณมากครับหมอ ที่ช่วยปิดนายผม...ผมไม่อยากให้นายเสียกำลังใจ”
หมอพยักหน้ารับ เดินออกไป สหัสหันมองทางเคี่ยมอย่างหนักใจ
+ + + + + + + + + + + +

ค่ำคืนนั้น..ขณะที่ร่วมโต๊ะอาหารค่ำกันที่บ้าน ธานีมองนาวิศ อย่างหยั่งเชิงแล้วหลอกถาม
“เมื่อกลางวันอายุ่งๆ ก็เลยไม่ได้ไปกินข้าวกับหลานตามที่นัดกันไว้...หลานไปกินกับรสา ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”
นาวิศพยักหน้ารับ
“ครับ ไม่มีปัญหาอะไร”
นาวิศก้มหน้ากินอาหารต่อ ธานีมองขัดใจ ยังไม่รู้เรื่องจากนาวิศ
“แต่อาได้ยินว่าวันนี้มีคนมาหาหลาน ดูเหมือนจะมาจากต่างจังหวัด”
“รสาบอกคุณอาเหรอครับ”
ธานีส่ายหน้า
“เปล่า...อาคุยกับพนักงานต้อนรับที่ตึกน่ะ”
นาวิศเงยหน้ามองธานีสงสัย
“คุณอาต้องเช็คด้วยเหรอครับ ว่าใครมาหาผมบ้าง”
ธานีชะงักรีบกลบเกลื่อน
“อย่าหาว่าอาเช็คเลยนะ อาแค่กลัวว่าใครมันจะมาสวมรอย หวังผลประโยชน์จากการที่หลานความจำเสื่อม...อาเป็นห่วงหลานนะ นาวิศ”
นาวิศพยักหน้ารับ
“แล้วตกลงหลานได้เจอพวกเขารึเปล่า”
“ครับ...ผมเจอพวกเขา”
ธานีหน้าตื่น นาวิศมองแปลกใจ ธานีรีบกลบเกลื่อนอาการ
“แล้วหลานรู้รึเปล่าว่าเขาเป็นใครมาจากไหน...หลาน จำพวกเขาได้รึเปล่า...”
นาวิศส่ายหน้า ธานีแอบถอนใจโล่งอก
“เขาไม่ทิ้งที่อยู่ไว้ให้หลานตามหามั่งเหรอ”
นาวิศถอนใจ
“ผมก็เสียดายเหมือนกันที่ไม่ทันได้ถามที่อยู่หรือเบอร์ติดต่อไว้...รู้แค่ว่า...ผู้หญิงคนนึงในนั้น...ชื่อคุณหนัน”
ธานีตาวาว นาวิศคิดถึงใบหน้าเศร้าของปาหนัน นึกสะท้อนใจขึ้นมา
+ + + + + + + + + + + +

ธานีเดินอยู่ในห้องหน้าเครียด ชาติยืนอยู่มุมหนึ่ง...
“คนที่มาหานาวิศวันนี้คือปาหนันจริงๆ แต่ดูจากอาการของนาวิศ ปาหนันคงยังทำให้ความทรงจำของมันกลับมาไม่ได้...ฉันเชื่อว่าปาหนันต้องกลับมาอีก เพื่อทำให้นาวิศจำได้”
“ถ้าเขาได้เจอกันอีก มันคงเสี่ยงมากนะครับ...สองคนนั้นเคยมีใจให้กัน...ลูกสาวนายเคี่ยมจะทำให้ความทรงจำของนาวิศกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้”
“ฉันคงต้องรีบหาทางขายบริษัท ในเครือเทพสุทธิพงศ์ทั้งหมด แล้วก็หอบเงินไปใช้ที่ไหนซักที่...ระหว่างนี้คงต้องหาทางให้นาวิศมันไปที่อื่น ไม่ให้มันได้เจอลูกสาวไอ้เคี่ยมอีก...แล้วถ้าปาหนันมาอีกเมื่อไหร่ แกต้องไม่พลาดเป็นครั้งที่สอง...หาที่อยู่ไอ้เคี่ยมมาให้ฉันให้ได้”
“ครับ คุณธานี”
ธานีแววตาร้ายเครียดแค้นเคี่ยมมาก
+ + + + + + + + + +

เจ่งกับแท่นเดินรีบร้อนเข้ามาในโรงพยาบาล เป็นห่วงเคี่ยมมาก
“นายอยู่ไหน ไอ้แท่น”เจ่งถามอย่างร้อนใจ
สหัสนั่งรอรับยาอยู่กับเคี่ยม หันไปเห็นแท่นมากับเจ่งก็เรียกไว้
“แท่น!”
แท่นกับเจ่งหันไปเห็นเคี่ยมนั่งอยู่กับสหัสก็รีบเดินเข้าไปหา
“ไอ้แท่น...คุณหนันล่ะ”
“คุณหนันไปฝากขายถุงบุหงาที่ตลาดยังไม่กลับบ้าน ข้ามากับไอ้แท่นสองคน”เจ่งบอก
“ไม่รู้พวกแกจะไปตามยายเจ่งมาทำไม...ฉันน่ะไม่เป็นอะไรมาก แต่ยายเจ่งสิ ตื่นตูมเกินเหตุ เดี๋ยวก็หัวใจวายไปซะก่อน”เคี่ยมบ่น
สหัสได้ยิน สะท้อนใจ หน้าเจื่อน ลุกไป แท่นสังเกตเห็น เจ่งหันมาหาเคี่ยม
“นายไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วค่ะ ช่วงนี้ก็พักก่อนเถอะนะคะ อย่าเพิ่งไปทำงาน”
เคี่ยมเซ็งๆ
“ก็บอกแล้วไง ว่าฉันไม่ได้เป็นอะไร”
แท่นตามไปคุยกับสหัส
“พี่สหัส มีอะไรรึเปล่า”
สหัสมองไปทางเคี่ยมอย่างหนักใจ
+ + + + + + + + + + + +

แท่นขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านทั้งหมดลงจากรถ สหัสหนักใจหันไปพูดกับเจ่ง
“ป้าเจ่งไปเตรียมอาหารอ่อนให้นายเถอะ มืดแล้ว ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย”
“จริงด้วย...นายหิวรึเปล่า เดี๋ยวเจ่งไปทำข้าวต้มให้แล้วกัน”
เคี่ยมพยักหน้ารับ
“ขอบใจมาก”
เจ่งกับเคี่ยมเข้าบ้านไปก่อน สหัสมองตาม สะท้อนใจ แท่นมองหน้าสหัสอย่างสงสัย
“พี่สหัส ตกลงนายเป็นอะไรกันแน่”
สหัสถอนใจ
“นายเป็นโรคหัวใจ...ต้องใช้เงินรักษาสี่แสน”
แท่นตะลึง
“ว่าไงนะ”
“ข้าไม่รู้จะบอกนายยังไง ข้ารู้ว่าเงินเก็บของนาย เอามาซื้อบ้านนี้จนไม่มีเงินเหลือแล้ว”
“งั้นเราสองคนช่วยกันทำงาน หาเงินมาให้นายผ่าตัด”
“ลำพังค่าแรงเราสองคน กว่าจะรวบรวมเงินได้ ไม่รู้จะอีกกี่ปีกี่ชาติ”
แท่นครุ่นคิด
“ถ้างั้นก็เกณฑ์ทุกคนมาช่วยกัน ทั้งทับทิม ไอ้เดื่อ แล้วก็คุณหนันด้วย”
สหัสได้แต่คิดไปหน้าเครียด สหัสกับแท่นเข้ามาในบ้าน
“คุณหนันล่ะครับ ยังไม่กลับมาเหรอ”สหัสถามเคี่ยมที่นั่งอยู่
เคี่ยมพยักหน้าเป็นห่วงลูกสาว
“มืดค่ำป่านนี้ทำไมยังไม่กลับมาก็ไม่รู้”
สหัสกลัวเคี่ยมจะเป็นอะไรไปอีก จึงรีบพูดให้เคี่ยมสบายใจ
“นายไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมกับไอ้แท่นไปตามคุณหนันเอง”
สหัสมาเดินมาที่ประตูจะออกไป พอดีปาหนันกลับเข้ามา หน้าตาเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก สหัสชะงักไป เคี่ยมลุกมาหาปาหนัน
“ลูกหนัน เป็นอะไร...ใครทำอะไรลูก”
เดื่อกับทับทัมตามปาหนันเข้ามา แอบมองหน้ากันอย่างลำบากใจ ปาหนันอึกอัก
“หนัน...แค่หาร้านฝานขายบุหงารำไปไม่ได้น่ะจ้ะ”
สหัสมอง ไม่เชื่อ หันมองเดื่อกับทับทิมทั้งสองหลบสายตา
“ก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อนอะไรนี่ลูกหนัน วันนี้หาร้านฝายขายไม่ได้ วันหน้าอาจจะมีร้านไหนรับซื้อก็ได้”เคี่ยมปลอบลูกสาว
ปาหนัน ฝืนยิ้มกับพ่อ
“จ้ะ...งั้นหนันขอขึ้นห้องก่อนนะจ๊ะ หนันเหนื่อยแล้ว”
เคี่ยมพยักหน้ารับ ปาหนันเดินไป เคี่ยมมองตามอย่างเป็นห่วง
+ + + + + + + + + + + +

เดื่อกับทับทิมเดินคอตกออกมาจากในบ้าน ทับทิมจ๋อยสนิท
“ฉันผิดเองที่ยุให้คุณหนันไปตามหาพร้าว...ถ้าคุณหนันไม่เห็นว่าพร้าวเปลี่ยนไป คุณหนันก็ไม่ต้องมาเศร้าแบบนี้”
“ทับทิมไม่ผิดหรอก...ไอ้พร้าวมันแสดงธาตุแท้ของมันออกมาแล้ว วันนึงคุณหนันก็ต้องรู้”
“ที่ฉันเจ็บใจที่สุด ก็คือที่ฉันเคยเชียร์ให้คุณหนันลงเอยกับพร้าว แทนที่จะเชียร์คนที่รักคุณหนันจริงๆอย่างพี่สหัส”
ทันใดนั้น สหัสกับแท่นปรากฏตัวขึ้น
“ถ้าเอ็งอยากแก้ตัวนะทับทิม...เล่ามาให้หมด ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
เดื่อตกใจกลัว
“ด...เดื่อไม่เกี่ยว...ขอตัว...”
เดื่อจะไป แท่นจับคอเสื้อด้านหลังเดื่อ ดึงไว้
“เอ็งน่ะตัวดีเลย บอกมาว่าวันนี้พาคุณหนันไปทำอะไร”
เดื่อกับทับทิมมองหน้ากันอย่างจ๋อยที่โดนจับได้ สหัสมองเดื่อกับทับทิมหน้าเครียด คาดคั้น เอาเรื่อง
+ + + + + + + + + + + +

ปาหนันนั่งมองดอกหญ้าของนาวิศที่อยู่ในมือ นึกถึงเรื่องราวในอดีตของเธอกับเขา
นาวิศเด็ดดอกหญ้าขึ้นมา
“ดอกหญ้านี้แทนคำสัญญาจากผม คุณหนันเก็บมันไว้นะครับ...เมื่อไหร่ที่คุณหนันเห็นมัน ขอให้คุณหนันรู้ว่าผมกำลังตั้งใจทำทุกอย่าง ให้เรากลับมาเจอกันอีก”
นาวิศยื่นดอกหญ้าให้ปาหนัน ปาหนันรับไปถือไว้ ก่อนจะเงยหน้ามองนาวิศอย่างซึ้งใจ
ปาหนันน้ำตาร่วง
“คุณลืมคำสัญญาที่เคยบอกหนันไปแล้วเหรอ...ทำไมคุณลืมหนันได้ลงคอ...ทำไม...”
+ + + + + + + + + + + +

เช้าวันรุ่งขึ้น.เจ่งกำลังเก็บโต๊ะกินข้าว สหัสเข้ามา
“อ้าวสหัส...นายออกไปทำงานแล้วไม่ใช่เหรอ เอ็งไม่ไปกับนาย”
“เดี๋ยวฉันตามไป...”สหัสหันมองหาปาหนัน “คุณหนันล่ะ”
“บ่นว่าปวดหัว เลยนอนอยู่บนห้อง ไม่ยอมลงมา”
“ฉันขึ้นไปหาคุณหนันได้ไหม...ฉันมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับคุณหนัน”
เจ่งมองหน้าสหัสอย่างสงสัย แปลกใจ
ทางด้านปาหนันนั่งเย็บถุงบุหงารำไป สายตาเหลือบมองดอกหญ้าในโถ ปาหนันน้ำตาร่วง แล้วเผลอทำเข็มแทงนิ้วตัวเอง
“โอ๊ย!”
สหัสแง้มประตู อยู่ ยืนมองปาหนันหน้าเครียดตัดสินใจเคาะประตู ปาหนันรู้ตัวว่ามีคนมา รีบเช็ดน้ำตา คิดว่าเป็นเจ่ง
“ไม่มีอะไรหรอกป้าเจ่ง หนันใจลอยไปหน่อย เลยโดนเข็มทิ่มเอาน่ะ”
สหัสเดินเข้ามายืนด้านหลังปาหนัน
“ใจลอยถึงนาวิศเหรอครับ”
ปาหนันชะงัก หันไปมอง
“ใครอนุญาตให้สหัสเข้ามาในห้องหนัน...ออกไปเดี๋ยวนี้”
“ผมรู้หมดแล้ว ที่คุณหนันไปหานาวิศเมื่อวานนี้”
ปาหนัน ชะงักทำคอแข็งขึ้นมา
“หนันบอกให้สหัสออกไปไง”
“ผมจะไม่ไปไหน จนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง”
“ไม่ไปใช่ไหม...ได้ งั้นหนันไปเอง”
ปาหนันเดินไปหนีไปที่ประตู แต่สหัสดึงมือไว้
“ผมเตือนคุณหนันแล้วใช่ไหม ว่าอย่าไปประเคนตัวให้มัน...คุณหนันเห็นรึยังว่านาวิศมันเป็นคนยังไง มันหลอกใช้คุณหนัน ไม่เคยเห็นค่าคุณหนันเลย คราวนี้คุณหนันตาสว่างได้รึยัง”
ปาหนันหันกลับมา น้ำตารื้น สหัสอึ้งไป
“ด่าหนันพอรึยัง คงสมใจสหัสแล้วสินะ ที่เห็นหนันต้องเจ็บปวด...สหัสคงสะใจมากใช่ไหมที่มันเป็นอย่างที่สหัสพูดทุกอย่าง ใช่...คุณนาวิศเขาเปลี่ยนไป เขาไม่ใช่คนที่หนันเคยรู้จักแล้ว ตอนนี้หนันเป็นคนหัวใจสลาย สหัสพอใจแล้วรึยัง”
ปาหนันร้องไห้โฮ สหัสสงสารปาหนันจับใจ ดึงปาหนันมากอดไว้
“คุณหนัน...”
ปาหนันดิ้นๆๆ ไม่ยอม
“ปล่อยหนัน...ปล่อย ไม่ต้องมายุ่ง”
สหัสไม่ยอมปล่อย กอดปาหนันแน่นกว่าเดิม สงสารปาหนัน ปาหนันหมดเรี่ยวแรงจะแข็งขืน ได้แต่ยืนร้องไห้
“ผมขอโทษครับคุณหนัน...ผมไม่เคยสะใจหรือดีใจที่เห็นคุณหนันต้องเจ็บปวด...ตรงกันข้าม ผมอยากจะฆ่าไอ้คนที่มันทำให้คุณหนันต้องเจ็บด้วยซ้ำ...เพียงแต่เมื่อวานนี้มันเกิดเรื่องมากมายเหลือเกิน แล้วผมก็เสียใจ ที่คุณหนันไม่ได้อยู่ข้างๆนายเคี่ยม แต่กลับไปหาไอ้นาวิศ”
ปาหนันค่อยๆผละออกมาจากสหัสมองหน้าเขาอย่างสงสัย
“สหัสหมายความว่าไง พ่อเป็นอะไรเหรอ”
“นายเคี่ยมเป็นโรคหัวใจ หมอบอกว่าถ้าไม่ได้รับการรักษาจะเป็นอันตรายมาก”
ปาหนันอึ้งตะลึงงัน
“พ่อ...”
ปาหนันร้องไห้ขึ้นมาอีก สหัสกอดปาหนันไว้อีกครั้ง เจ่งยืนมองอยู่ที่หน้าประตูน้ำตาร่วง ปาหนันร้องไห้ สหัสกอดปลอบเธอไว้อย่างสงสาร

จบตอนที่ 14
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.








กำลังโหลดความคิดเห็น