xs
xsm
sm
md
lg

บุหงาหน้าฝน ตอนที่ 12

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 น.
ตอนที่ 12
นาวิศกำลังเดินตรงมาที่ห้องทำงานธานี ขณะที่ธานียังคุยอยู่กับรสาอยู่ในห้อง
“งานที่ฉันจะให้เธอทำก็คือจับตาดูนาวิศ พยายามอย่าให้ความทรงจำของมันกลับมา ไม่งั้นพี่สาวเธอตาย”
“แล้วรสาจะไปนั่งเฝ้าคุณนาวิศเขาได้ยังไงล่ะคะ เขาได้ไล่ตะเพิดเอา ไม่ใช่ว่าเขาความจำเสื่อมแล้วจะยอมให้เราไปทำยังไงกับเขาก็ได้นี่คะ”
“พอไม่มีปืนจ่อหัวพี่สาว เธอก็มีปัญหาขึ้นมาเลยนะ”
“ไม่ใช่นะคะ รสารู้ว่าชีวิตพี่รินอยู่ในมือคุณ แต่จะให้รสาทำยังไง คุณนาวิศเขาไม่ยอมให้รสาไปนั่งเฝ้าเขาหรอกค่ะ”
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา...ฉันมีวิธี”
“คุณธานีจะให้รสาทำยังไงคะ”
นาวิศเดินมาเคาะประตู แล้วเปิดผ่างเข้าไป ทุกคนในห้องชะงัก เมื่อจู่ๆนาวิศก็ปรากฏตัวขึ้น นาวิศเห็นรสาอยู่ในห้องด้วย ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็แปลกใจที่มีผู้หญิงมาคุยในห้องทำงานธานีตอนเช้าขนาดนี้
“ขอโทษครับไม่คิดว่าคุณอาจะมีแขก ตอน... เจ็ดโมงเช้าอย่างนี้”
ธานีแกล้งยิ้มกลบเกลื่อน
“แล้วหลานมีธุระอะไรกับอารึเปล่า นาวิศ”
“ครับ...ผมจะมาถามคุณอา เกี่ยวกับอุบัติเหตุของผม”
ธานีชะงัก หน้าเครียดขึ้นมา ก่อนจะพยักหน้าให้ชาติกับรสาออกไป นาวิศมองตามทั้งสองคน ก่อนจะหันกลับมามองธานี อยากได้คำตอบ
+ + + + + + + + + + + +

ธานีทำเป็นหน้าเคร่งเครียด เดินมาหยุดมองออกไปนอกระเบียง
“อาคิดว่าอุบัติเหตุของหลาน มันเป็นการจัดฉากของหัวหน้าคนงานที่ระนอง”
“มันต้องการอะไรครับ มันจะฆ่าผมทำไม”
“หลานคงไปรู้เรื่องที่มันยักยอกเงินบริษัท มันก็เลยจะฆ่าหลานปิดปาก...”ธานีทำเป็นหน้าเศร้า “อาผิดเองที่ส่งหลานไปเรียนรู้งานที่นั่น อาไม่คิดมาก่อน ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้”
นาวิศมองธานีแล้วถามหยั่งเชิง
“นี่เหรอครับ...สาเหตุที่อาระรินบอกว่าคุณอาลวงผมไประนอง...เพื่อจะฆ่าผม”
ธานีชะงัก นาวิศมองสังเกตท่าทีของอา ธานีแสร้งทำหน้าหนักใจ พยักหน้า
“ระรินสติไม่สมประกอบ...พอได้ยินว่าอาบอกให้หลานไประนอง ก็เลยคิดไปเองว่าอาจะทำร้ายหลาน ทั้งที่จริง เรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือหัวหน้าคนงาน ชื่อนายเคี่ยมกับลูกน้องมัน”
นาวิศครุ่นคิด
“นายเคี่ยม...”
+ + + + + + + + + + + +

ปาหนันเดินออกมาจากในบ้านพร้อมเคี่ยมและเบิ้ม
“วันนี้พี่เบิ้มพาพ่อไปสมัครงาน หนันว่าใครๆก็ต้องแย่งกันจ้างพ่อไปเป็นหัวหน้าคนงานแน่ๆ เพราะพ่อเคยคุมงาน ทั้งในสวนมะพร้าว ทั้งที่ท่าเรือ จริงไหมจ๊ะ”
เคี่ยมฝืนยิ้มรับ ก่อนจะเหลือบมองหน้ากันกับเบิ้มอย่างลำบากใจ สหัสกับแท่นออกมาจากบ้านอีกหลัง
“พี่เบิ้ม ฉันกับแท่นพร้อมแล้ว เราไปกันเลย”
“แกไม่ต้องไปสหัส แขนแกยังเจ็บอยู่”เคี่ยม บอกอย่างเป็นห่วง
“ผมไหวครับนาย”
“นั่นสินาย ให้พี่สหัสแบกถุงปุ๋ยโชว์ยังได้ ผมว่านายนั่นแหละ อย่าไปเลย งานมันหนัก ไม่เหมาะกับนาย”แท่นแย้ง
เคี่ยมพยายามส่งสายตาบอกใบ้แท่นไม่ให้พูด แต่แท่นไม่ทันมอง เคี่ยมหันมองลูกสาว เห็นปาหนันมองมาหน้าตาแปลกใจ
“งานหนักยังไงจ๊ะ ก่อนจะมานี่พ่อก็คุมคนงานตั้งเยอะ”ปาหนันถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็งานนี้มันคุมคนงานที่ไหนล่ะครับคุณหนัน...นายเคี่ยมจะไปเป็นคนงานซะเอง ผมถึงบอกว่านายเคี่ยมอย่าไป...”
แท่นพูดได้แค่นั้นเคี่ยมรีบขัดขึ้น
“แกพูดพอรึยัง ไอ้แท่น”
แท่นชะงัก เคี่ยมมองหน้าดุปาหนันหน้าเสีย
“พ่อต้องไปเป็นคนงานเองเหรอจ๊ะ”
เคี่ยมลำบากใจ
“ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วนะลูกหนัน พ่อบอกแล้วว่าเราต้องเริ่มต้นกันใหม่ มีงานอะไรให้ทำก็ต้องทำ เราเลือกไม่ได้”
ปาหนันหนักใจ ไม่สามารถช่วยอะไรพ่อได้ เคี่ยมหันไปหาสหัส
“ส่วนแกก็ไม่ต้องรีบร้อนไป สหัส รอให้แขนหายก่อน รับรองว่าได้ทำงานสมใจแน่...ไปเบิ้ม สายแล้ว”
เบิ้มพยักหน้ารับ เดินไปที่รถพร้อมเคี่ยมกับแท่น ปาหนันมองตาม หนักใจ แล้วหันมาเห็นสหัสที่มองเธออยู่ ปาหนันหลบสายตา เดินเข้าบ้าน สหัสมองตาม รู้สึกห่วงความรู้สึกปาหนัน
ปาหนันเดินกลับเข้ามาในบ้านอย่างไม่สบายใจ เจ่งกับทับทิมช่วยกันเก็บถ้วยกาแฟ เจ่งหันมาเห็นหน้าตาที่เศร้าสลดของปาหนันก็รีบวางมือ เข้ามาหา
“เป็นอะไรไปคะคุณหนัน ทำไมทำหน้าอย่างนี้”
“หนันไม่รู้มาก่อนเลยว่าพ่อจะต้องไปเป็นคนงาน...ทำไมพ่อต้องไปทำงานหนักอย่างนั้นด้วย”
เจ่งถอนใจ
“คุณหนันก็รู้ว่าพวกเราไม่ได้มั่งมีอะไร เงินเก็บของนายเคี่ยมเท่าที่มี ก็จ่ายเป็นค่าบ้านหลังนี้ไปหมดแล้ว...ถ้านายเคี่ยมไม่ทำงาน แล้วเราจะอยู่กันยังไงล่ะคะ”
ปาหนันหน้าเครียด หนักใจ สหัสตามเข้ามา
“คุณหนันไม่ต้องห่วงหรอกครับ เอาไว้แขนผมหายเมื่อไหร่ ผมจะทำงานหาเลี้ยงทุกคนแทนนายเคี่ยมเอง”
ปาหนันหน้าตึงขึ้นมาทันที
“สหัสไม่ได้เป็นอะไรกับหนัน แล้วก็ไม่ได้เป็นญาติฝ่ายไหนของพ่อ เรื่องอะไรจะต้องมาหาเลี้ยงหนันกับพ่อด้วย”
“แต่ผมก็เคารพนายเคี่ยม เหมือนเป็นพ่อของผมนะครับ”
“อย่าเลยสหัส...พ่อมีหนันเป็นลูกคนเดียวก็พอแล้ว...”
สหัสชะงัก หน้าชา เจ่งกับทับทิมมองหน้ากันอย่างตกใจ ปาหนันพูดกับสหัสแรงเกินไป
“อีกอย่างหนันเองก็คงไม่ยอมปล่อยให้พ่อต้องลำบากอยู่ที่นี่นานหรอก...รอให้คุณนาวิศจัดการเรื่องคุณธานีเสร็จ หนันจะให้พ่อกลับระนอง”
สหัสน้อยใจ
“กับผม คุณหนันทำเป็นรังเกียจ ไม่ต้องการความช่วยเหลือ แต่กับไอ้นาวิศ ดูคุณหนันจะเต็มใจอ้าแขนรับมันเหลือเกินนะครับ”
“แล้วทำไม สหัสมีปัญหาอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีครับ แต่อยากจะเตือนคุณหนันอีกครั้ง...ถ้าไม่อยากเสียใจ อย่าฝากความหวังไว้กับคนอย่างไอ้นาวิศ”
สหัสหันหลังกลับไป ปาหนันมองตาม เจ็บใจ เจ่งกับทับทิมต่างก็หนักใจกับทั้งสองไปด้วย
+ + + + + + + + + + +

รูปถ่ายหลายรูป วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะเป็นรูปนาวิศถ่ายเดี่ยวบ้าง ถ่ายคู่กับนาวีบ้าง บางภาพก็ถ่ายร่วมกับธานี นาวิศนั่งมองรูป ซึ่งธานีทำเป็นช่วยรื้อฟื้นความทรงจำของเขาจากภาพถ่ายเหล่านั้น แต่จริงๆแล้วก็ป้อนข้อมูลโกหกหลอกลวง
“พี่นาวี พ่อของหลาน ก่อตั้งบริษัทเทพสุทธิพงศ์ร่วมกันกับอา เราคุยกันว่า หลานถึงจุดอิ่มตัวกับงานที่อเมริกาเมื่อไหร่ ก็ค่อยให้กลับมา...อาเองก็ไม่มีลูก ทุกอย่างที่อาร่วมสร้างมากับพ่อหลาน ก็หวังให้หลานนั่นแหละ เป็นคนสานต่อ”
นาวิศหันมอง ธานียิ้มให้อย่างอบอุ่น นาวิศก้มมองรูปภาพในมือ ธานีแอบยิ้มเหยียด นาวิศมองรูปนาวี เอามือแตะที่รูปพ่อ
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อครับ”
“พี่นาวีประสบอุบัติเหตุ รถที่แกขับเสียหลักลงคูน้ำ”
นาวิศนิ่งอึ้งไป
“อุบัติเหตุของพ่อ เกี่ยวข้องกับนายเคี่ยมด้วยรึเปล่าครับ”
“อาก็สงสัยอยู่เหมือนกันแต่ไม่มีหลักฐานเอาผิดมัน...แต่หลานไม่ต้องห่วงนะ ถ้าอาสืบรู้ที่อยู่ของมันเมื่อไหร่ อาต้องคิดบัญชีกับมันแน่”
นาวิศดูรูปที่ถ่ายกับพ่อ สะท้อนใจ ธานีแอบยิ้มเย้ย
+ + + + + + + + + + + +

รสาถือถาดกาแฟ เดินมากับชาติ
“อย่าลืมที่คุณธานีสั่ง...ทำให้นาวิศมันหลงเธอให้ได้”
“สั่งเหมือนง่ายเลยนะ...แล้วฉันจะไปทำยังไงให้คุณนาวิศเขามาหลง”
“ก็หาทางเอาสิ...ถ้าไม่อยากให้พี่สาวเดือดร้อน”
รสามองชาติอย่างเจ็บใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ รสาถือถาดกาแฟเข้ามาหน้าห้องที่นาวิศกับธานีที่นั่งอยู่ เห็นประตูแง้มอยู่ รสาแอบมองเข้าไป เห็นนาวิศนั่งอยู่กับธานี รสาหยุดมองนาวิศครู่หนึ่ง สูดหายใจเตรียมตัวเองสำหรับการแสดงละครเป็นคนรักนาวิศ
ในที่สุดก็เคาะประตูแล้วผลักเข้าไป นาวิศกับธานีหันมอง รสาเริ่มแสดงละคร เดินนวยนาดเข้ามาอย่างยิ้มแย้ม
“อาหลานคุยเรื่องเครียดๆกันตั้งนานแล้ว พักกินขนม ดื่มกาแฟก่อนนะคะ”
นาวิศเห็นรสาอีกก็แปลกใจ รสายิ้มให้ เข้ามาจับมือของเขา
“รสารู้ว่าคุณยังจำรสาไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรนะคะ เราค่อยๆทำความรู้จักกันใหม่ได้”
ธานีเห็นรสาแสดงได้ดีก็แอบยิ้ม เชื่อว่านาวิศจะหลงกล นาวิศท่าทางอึดอัด ดึงมือออกจากรสาอย่างสุภาพ ฝืนยิ้ม
“ขอโทษนะครับ คุณเป็นใครครับ”
“จริงสิ...อาลืมไปว่าหลานจำรสาไม่ได้...รสาเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับระริน...แล้วก็ยังเป็น คู่หมั้น ของหลานด้วย”
นาวิศอึ้งไป หันมองรสาอีกครั้ง ทำไมไม่รู้สึกพิเศษกับผู้หญิงคนนี้เลย
“คู่หมั้นเหรอครับ”
รสารู้สึกกระอักกระอ่วนเช่นกัน แต่ต้องฝืนยิ้ม แสดงละครต่อไป
“ใช่ค่ะ...รสาเป็นคู่หมั้นคุณ”
“เราหมั้นกันตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
รสาหน้าเหวอ เหลือบมองธานี นาวิศแปลกใจว่าทำไมรสาต้องมองธานี หันไปมองบ้าง ธานีแกล้งยิ้มกลบเกลื่อน
“ความจริง หลานหมั้นกับรสาไม่นาน ก่อนเกิดอุบัติเหตุ...น่าเสียดายนะ กำลังจะวางแผนแต่งงานกันแล้วแท้ๆ”
นาวิศหันมาหารสา
“แล้วทำไมผมไม่เคยเจอคุณ ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลเลย”
รสาอ้าปากเหมือนจะตอบ แต่ก็ไม่รู้ควรจะพูดอะไร ต้องหันไปมองธานีอีก นาวิศย่นคิ้ว หันมองตาม ธานีรีบแก้ตัวให้
“ช่วงนั้นระรินอาการกำเริบ อาเลยต้องให้รสาดูแลพี่สาวเขาที่นี่ แล้วอารับผิดชอบไปดูแลหลานที่โรงพยาบาลระนองเอง”
นาวิศหันมองรสา รสายิ้ม พยักหน้าหงึกๆเป็นการยืนยัน นาวิศรู้สึกได้ว่าท่าทีของธานีกับรสาดูแปลกๆจึงแกล้งพูดหยั่งดู
“ดูเหมือนคุณอาจะรู้เรื่องของเราสองคน มากกว่าเราสองคนรู้เรื่องของตัวเองอีกนะครับ”
ธานียิ้มฝืด แล้วแอบเหลือบมองรสาดุๆ รสาหวั่นๆ รีบเปลี่ยนเรื่องหันไปจับมือนาวิศอีก
“รสารู้ดี ว่าคุณอาจจะลืมรสาไปแล้ว...แต่รสาเชื่อว่าความรักของเรา จะทำให้คุณกลับมาจำรสาได้”
รสาเหลือบมองธานี ธานีแอบพยักหน้าให้รสาเอาใจนาวิศ รสาหันไปเทกาแฟให้นาวิศ
“มาค่ะ...รสาจะค่อยๆฟื้นความทรงจำของคุณเอง...เริ่มต้นด้วยกาแฟรสชาติที่คุณชอบ...”
รสาจัดการปรุงกาแฟ ใส่น้ำตาล ใส่นมอย่างตั้งใจ หวังให้ออกมาอร่อยให้นาวิศติดใจ เสร็จแล้วยื่นถ้วยกาแฟให้พร้อมกับยิ้มหวาน
“นี่ค่ะ”
“ผม...กินกาแฟดำครับ”
รสาหุบยิ้มฉับพลัน ทำหน้าไม่ถูกแล้วรีบเฉไฉ
“อ๋อ ถ้วยนี้ไม่ใช่ของคุณค่ะ...รสาชงให้คุณธานีก่อน แหม...ต้องให้ผู้ใหญ่ก่อนสิคะ”
รสายื่นถ้วยกาแฟเลยไปให้ธานี ธานีจำต้องรบถ้วยกาแฟไป แต่ก็แอบมองรสาแบบตำหนิ รสาแอบทำหน้าแหยๆ หันกลับมาเทกาแฟให้นาวิศใหม่ รสาแอบเหลือบมองเห็นนาวิศมองเธออยู่ก็รีบก้ม หลบสายตา ท่าทางอึดอัด จะตักน้ำตาลใส่ถ้วยกาแฟ แต่ก็ไม่แน่ใจว่านาวิศใส่น้ำตาลในกาแฟของเขาหรือไม่ รสาเงยหน้ามองนาวิศ อยากจะถาม นาวิศมองท่าทีของรสาด้วยความแปลกใจ รสาไม่กล้าถาม ท่าทางยึกๆยักๆ จะตักน้ำตาลใส่อีก แต่ก็เปลี่ยนใจอีก
“ใส่น้ำตาลช้อนนึงครับ”นาวิศบอก
รสายิ้มจ๋อยๆ
“อ๋อ...ใช่ค่ะ รสาไม่ลืมหรอก”
รสาตักน้ำตาล พลางหันไปยิ้มให้นาวิศ จึงใส่น้ำตาลไม่ลงถ้วย น้ำตาลเกลื่อนอยู่ในถาด รสายังคนช้อนในอากาศอย่างไม่รู้ตัว นาวิศมองรสาอย่างข้องใจว่า...นี่เหรอแฟนเรา
++++++++++++++++++

ปาหนันนั่งเด็ดกลีบดอกไม้ใส่โถอบรำควันเทียน หน้าตายังหงุดหงิด หัวเสีย ทับทิมเดินเข้ามามามอง
“ดอกไม้ช้ำหมดแล้วค่ะคุณหนัน...ยังไม่หายโกรธพี่สหัสอีกเหรอคะ”
ปาหนันวางมือ ลุกออกมา
“หนันเบื่อจะฟังสหัส เอาแต่จิกกัดคุณนาวิศเต็มทีแล้วนะทับทิม ไม่รู้เมื่อไหร่สหัสจะเลิกพูดแบบนี้ซักที”
“จะโทษพี่สหัสก็ไม่ได้นะคะ เขาชอบคุณหนันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มันก็ต้องมีการโจมตีคู่แข่งบ้างสิ...พร้าวเองก็ดันมาหายหน้าไปเลยนี่คะ”
“ก็นั่นแหละที่หนันไม่สบายใจ...เมื่อไหร่คุณนาวิศจะจัดการเรื่องอาเสร็จ แล้วมาหาหนันซักที”
ทับทิมคิดไป แล้วเหมือนนึกอะไรได้
“หรือว่าพร้าวตามหาคุณหนันไม่เจอคะ”
ปาหนันนิ่งคิดไป...
“แต่เขาพูดเองว่ามวกเหล็กไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย เขารับปากว่าจะตามหาหนันให้เจอ”
“แล้วทำไมคุณหนันไม่บอกเขาไปเลยล่ะคะ ว่าเราอยู่บ้านเลขที่ 208/9 หมู่ 3 เนี่ย เขาจะได้ไม่ต้องตามหา”
“ก็ตอนนั้นหนันไม่รู้ที่อยู่ที่นี่”
“แต่ตอนนี้คุณก็รู้แล้วนี่คะ”
ปาหนันนิ่งคิด
“แล้วหนันจะบอกเขายังไงล่ะ”
ปาหนันกับทับทิมช่วยกันหาเบอร์โทรศัพท์นาวิศจากสมุดหน้าเหลือง...ครู่หนึ่งปาหนันก็หาเจอ
“เจอแล้วนี่ไง เบอร์โทรศัพท์บ้านเทพสุทธิพงศ์”
ทับทิมดีใจ
“ดีค่ะ...โทรไปเลย จะได้ถามข่าวจากพร้าวด้วย ว่าจัดการเรื่องอาถึงไหนแล้ว”
ปาหนัน คิดฝันไป
“ถ้าคุณนาวิศจัดการเรื่องคุณธานีเรียบร้อยแล้ว หนันจะขอให้พ่อกลับไปอยู่ระนองเหมือนเดิม...คุณนาวิศต้องให้พ่อกลับไปเป็นหัวหน้าคนงานเหมือนเมื่อก่อนแน่”
“ใช่ค่ะ...นายเคี่ยมจะได้ไม่ต้องลำบากหางานทำที่นี่”
ปาหนันพยักหน้ากับทับทิมอย่างยินดี ทั้งสองจะลุกออกไป เจ่งเข้ามา
“แล้วถ้าเขาจัดการคุณธานีไม่สำเร็จ...แล้วถ้าคุณธานีสืบรู้ว่าพวกเราอยู่กันที่นี่ เรื่องมันจะไม่ยิ่งแย่ไปกว่านี้เหรอคะ”
ปาหนันกับทับทิมชะงัก
“ยายเจ่ง...”
“ยายขอร้องเถอะค่ะ คุณหนันเลิกก่อเรื่องซะที...ไหนๆนายเคี่ยมก็ตัดสินใจทิ้งชีวิตที่ระนองมาเริ่มต้นใหม่ที่นี่แล้ว คุณหนันก็ควรลืมทุกอย่างที่ระนองด้วยเหมือนกัน...โดยเฉพาะเรื่องของนาวิศ”
“แต่หนันไม่อยากให้พ่อต้องมาลำบากที่นี่นี่ยายเจ่ง...ถ้าเรากลับไประนองได้ พ่อก็จะได้กลับไปเป็นหัวหน้าคุมงาน ไม่ต้องมาเป็นคนงานเองแบบนี้...ยายเจ่งเองก็เถอะ ไม่อยากกลับบ้านเราหรือจ๊ะ”
“เราลำบากที่นี่มันก็ยังพอทนนะคะคุณหนัน...ยังไงๆยายก็ไม่อยากเสี่ยงให้คุณธานีตามสืบจนเจอพวกเรา... อีกอย่าง...คุณหนันเป็นผู้หญิงยิงเรือ...โทรไปตามจิกผู้ชายแบบนี้ ยายไม่เห็นด้วยเด็ดขาด”
ปาหนันมองหน้ากับทับทิมอย่างหนักใจ เห็นด้วยกับที่ยายเจ่งพูด ปาหนันเดินกลับเข้ามา นำสมุดหน้าเหลืองมาวางเก็บที่ชั้นวางของ ทับทิมมองปาหนันอย่างไม่ได้ดั่งใจ
“โธ่คุณหนัน...คุณหนันจะถอดใจง่ายๆแบบนี้เหรอคะ ยังไงทับทิมก็อยากให้คุณหนันได้คุยกับพร้าว”
“แต่ที่ยายเจ่งพูดก็ถูกนะทับทิม...ถ้าเกิดคุณนาวิศยังจัดการเรื่องคุณธานีไม่เรียบร้อย แล้วคุณธานีเกิดรู้ว่าพวกเราโทรไป เขาต้องสืบรู้แน่ว่าเราอยู่ที่นี่”
“โธ่...คุณหนันขา...คุณธานีเขาจะรู้ได้ยังไง กะอีแค่เราโทรเข้าเบอร์บ้าน คุณหนันก็ไปเชื่อยายเจ่ง โดนคนแก่หลอกแล้วค่ะ”
“แต่ยายเจ่งบอกว่าเราเป็นผู้หญิงยิงเรือ ไม่ควรโทรหาผู้ชาย”
“นั่นก็หัวโบราณ...คุณหนันโทรไปคุยธุระ ไม่ได้โทรไปอ้อล้อพร้าวซักหน่อย”
ปาหนันชักลังเล
“แต่...”
“ไม่ต้องแต่แล้วค่ะ ลุยเลย”
ทับทิมจูงปาหนันหันกลับมา ปรากฏว่าเจอเดื่อยื่นหน้าเข้ามาฟังอยู่ด้วย สองสาวตกใจ
“ว้าย!”
“ซุบซิบอะไรกัน ทับทิม มีแผนชั่วอะไรอีก”
ทับทิมเงื้อกำปั้นจะทุบเดื่อ แต่คิดอะไรขึ้นมาได้
“ไอ้เดื่อมันทำตัวเหมือนผีล่องหน...ถ้าให้มันไปตลาดแทนเรา ยายเจ่งต้องไม่รู้แน่”
“รู้อะไร...แล้วจะให้เดื่อไปตลาดทำไม”
ทับทิมยิ้ม ปาหนันยังรู้สึกลำบากใจ ลังเล
+ + + + + + + + + + + +

นาวิศกับรสาเดินอยู่ในสวน รสาแอบทำหน้าไม่สบายใจ แต่พอนาวิศหันมามอง รสาก็รีบฉีกยิ้มให้ แล้วเสไปก้มมองดอกไม้ นาวิศมองตามหลังรสา รู้สึกมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล นาวิศครุ่นคิดในใจ
‘...อาธานีกับรสาทำเหมือนมีลับลมคมใน... จะมีใครอีกไหม ที่รู้เรื่องของเรา...คนที่จะบอกเราได้ ว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้น...’
นาวิศนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบเดินไปหารสา
“รสาครับ ตอนนี้อาระรินเป็นยังไงบ้าง”
รสาหันกลับมาตอบนาวิศ
“ก็สบายดีค่ะ”
“แล้วตอนนี้อาระรินอยู่ไหนครับ ผมไม่เห็นหน้าแกอีกเลย”
รสาอึกอัก
“คุณธานีขัง...เอ๊ย! ดูแลพี่รินแบบพิเศษอยู่ที่เรือนเล็กด้านหลังนั่นน่ะค่ะ กลัวพี่รินจะออกมาอาละวาด”
“ผมอยากไปเยี่ยมอาระริน”
รสาตกใจ
“อะไรนะคะ”
นาวิศแปลกใจว่ารสาทำไมต้องเสียงดังด้วย
“ทำไมครับ มีอะไรรึเปล่า”
“มีสิคะ ก็ถ้าคุณธานีรู้เข้า รสาตายแน่”
นาวิศชะงักยิ่งแปลกใจ
“ทำไมครับ”
รสารู้ว่าตัวเองหลุดปากไปก็หน้าตื่น รีบแก้ตัวอึกอัก
“เอ่อ...ก็ถ้าเกิดพี่รินอาละวาด ทำร้ายคุณขึ้นมา คุณธานีก็ได้หาว่ารสาเป็นตัวการสิคะ”
“แต่เมื่อกี๊คุณเพิ่งบอกว่าอาระรินสบายดี”
รสาชะงัก
“เอ่อ...อาการพี่รินเอาแน่เอานอนไม่ได้หรอกค่ะ...เราอย่าไปรบกวนแกเลยนะคะ”
“ตกลงว่าคุณไม่ไป”
รสาพยักหน้า
“ค่ะ ไม่ไปดีกว่า...”
“งั้นผมไปเอง”
นาวิศเดินไปเลย รสาตกใจ
“อ้าว...คุณนาวิศ คุณก็ไปไม่ได้นะคะ กลับมาก่อนค่ะคุณนาวิศ กลับมาค่ะ”
นาวิศเดินไปทางเรือนเล็ก ไม่มีทีท่าจะหันกลับมา รสาตกใจหน้าซีด รีบหันซ้ายหันขวา ไม่เห็นใครอยู่แถวนั้น ก็รีบตามหลังนาวิศไปทันที
นาวิศมุ่งหน้าไปทางตัวบ้าน รสารีบตามหลังนาวิศมา
“คุณนาวิศ...เอาแน่เหรอคะ”
“ทำไมครับ การที่ผมมาเยี่ยมอาระรินมันเป็นเรื่องต้องห้ามหรือไง”
รสาอึกอัก
“รสาบอกแล้วไงคะว่าอาการพี่รินเอาแน่เอานอนไม่ได้...ถ้าเกิดพี่รินอาละวาดขึ้นมา...”
“เอาเป็นว่าผมไม่กลัวอาระรินทำร้ายผม ถ้าคุณกลัว คุณก็ไม่ต้องไป”
นาวิศหันหลัง เดินไปทางตัวบ้าน รสามองตามอย่างหนักใจ
“โธ่เอ๊ย...ทำไงดี” รสาหันมองซ้ายขวาอย่างระแวง “คุณธานีมาเห็นเข้า พี่รินตายแน่...ทำไงดี”
นาวิศเดินเข้ามามองที่หน้าบ้าน เห็นประตูคล้องกุญแจอยู่ เข้าไปดูใกล้ๆ
“ทำไมต้องล็อคกุญแจแน่นหนาขนาดนี้”
นาวิศพยายามหาทางมองเข้าไปในบ้าน แต่บ้านปิดทึบ

อ่านต่อหน้าที่ 2










ตอนที่12(ต่อ)
ในบ้าน...ระรินพยายามใช้อุปกรณ์เท่าที่มี เช่นส้อม งัดลูกบิดอยู่ที่ประตูด้านหลังข้างตัวบ้าน นาวิศเดินสำรวจรอบๆบ้าน เห็นหน้าต่างทุกบานปิดสนิท โดนตอกตะปูปิดตายไว้ นาวิศมองไป เห็นหน้าต่างบานหนึ่งตอกตะปูไว้ไม่เรียบร้อย ตะปูงออยู่ เขาเข้าไป พยายามดึงไม้ที่ขัดหน้าต่างออก จนในที่สุดก็ดึงหน้าต่างบานนั้นเปิดออกมาได้ นาวิศเคาะหน้าต่าง
“อาระริน...อาระริน ได้ยินผมไหมครับ”
ระรินวิ่งมาดูที่หน้าต่าง เห็นว่าเป็นนาวิศก็ดีใจมาก
“คุณนาวิศ...มาที่นี่ได้ยังไงคะ คุณธานีรู้รึเปล่าว่าคุณมาหาอา”
นาวิศส่ายหน้า
“ไม่รู้ครับ...”
“ดีค่ะ...อย่าให้คุณธานีรู้ว่าคุณมาหาอา ไม่งั้นเราลำบากแน่”
นาวิศได้ฟังก็มีสีหน้าแปลกใจ
“ทำไมครับ ทำไมทุกคนถึงกันผม ไม่อยากให้ผมเจอกับอาระริน”
+ + + + + + + + + + + +

รสามัวแต่มองไปทางตัวบ้าน ไม่รู้ว่าธานีเข้ามาปรากฏตัวที่ด้านหลัง
“มาทำอะไรที่นี่”
รสาตกใจหันไป
“ค...คุณธานี...”
“นาวิศอยู่ไหน”
รสาหน้าซีด พูดไม่ออก คราวนี้ตายแน่
“ฉันถามว่านาวิศอยู่ที่ไหน”
“รสา...รสาไม่รู้ค่ะ”
“โกหก”
ธานีตบรสาลงไปกองกับพื้น
“เธอพานาวิศมาหาระรินใช่ไหม”
“รสาเปล่านะคะ”
ธานีไม่เชื่อ เดินไปทางหน้าบ้าน
นาวิศยังคุยกับระรินอยู่ที่หน้าต่างข้างตัวบ้าน
“คุณธานีกลัวคุณนาวิศจะรู้ความจริงจากอา เขาเลยไม่อยากให้เราเจอกัน อาอยากออกไปเจอคุณ แต่ก็จนใจ ที่ออกไปจากที่นี่ไม่ได้”
นาวิศงงๆ
“รู้ความจริง...ความจริงอะไรครับ อาธานีมีความลับอะไร”
ระรินมองรอบข้างอย่างหวาดระแวง
“พูดตอนนี้ไม่ปลอดภัยค่ะ...คืนนี้คุณกลับมาหาอาใหม่ แล้วอาจะเล่าความจริงทุกอย่างให้คุณฟัง”
นาวิศเสียดายโอกาสที่จะรู้ความจริง
“รีบไปก่อนค่ะคุณนาวิศ อย่าให้ใครเห็นคุณแล้วคืนนี้ค่อยมาหาอาใหม่ ดึกแค่ไหนก็ได้ แล้วอาจะรอ”
นาวิศจำใจ
“ก็ได้ครับ”
นาวิศเดินหน้าเครียดออกไป
ธานีเดินมาที่หน้าตัวบ้าน แต่รสาดึงไว้
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณธานี...”
ธานีสะบัดรสาออก แต่พอหันกลับมา กลับเจอนาวิศที่เดินออกมาพอดี ธานีชะงักไป ไม่รู้ว่านาวิศเจอกับระรินแล้วหรือยัง
“นาวิศ หลานมาทำอะไรที่นี่”
“ผมอยากมาเยี่ยมอาระริน...ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ”
ธานีจ้องหน้านาวิศ
“ระรินบอกอะไรหลาน”
นาวิศหน้านิ่ง
“คุณอาหมายถึงเรื่องอะไร...”
ธานีหลุดโมโห
“ก็อะไรก็ได้ที่ระรินบอกหลาน อาอยากรู้ว่าระรินพูดอะไร บอกอามาให้หมด”
นาวิศยังนิ่ง
“มีอะไรที่ผมควรรู้ แล้วคุณอาปิดผมอยู่เหรอครับ คุณอาถึงดูเดือดร้อนขนาดนี้”
ธานีหัวเสีย พยายามสะกดอารมณ์ไว้
“อาแค่อยากรู้ ระรินเป่าหูหลานเรื่องอะไร...อาเป็นห่วง กลัวหลานจะโดนคนบ้าปั่นหัวเล่น...หวังว่าหลานคงไม่ได้อยากคุยกับคนบ้า มากไปกว่าคนดีๆนะ”
“ไม่รู้สิครับ...ผมว่าบางที คนบ้าก็น่าไว้ใจ เล่ห์เหลี่ยมน้อยกว่าคนดีดีซะอีก”
นาวิศเดินออกไป รสายืนหลบมุมอยู่รีบตามออกไปทันที ธานีมองตามทั้งสองคนออกไปหน้าเหี้ยมเกรียม
+ + + + + + + + + + + +

เย็นนั้น เดื่อถือถุงใส่มือถือเดินเข้ามาตามทาง นึกอะไรขึ้นมาได้ รีบแกะมือถือออกจากกล่อง หยิบอุปกรณ์ต่างๆออกมาใส่กระเป๋ากางเกง
“ความลับ...ความลับ...ทับทิมบอกว่าใครจะรู้ไม่ได้เด็ดขาด...”
เดื่อเดินมาที่หน้าบ้าน พอดีเจ่งออกมาเห็น
“อ้าว...ไอ้เดื่อ ไปไหนมา ข้านึกว่าเอ็งอยู่กับคุณหนันกะนังทับทิม”
“ฉันไปเหล่สาวในตลาดตามประสาชายโฉด เอ๊ย...ชายโสดบ้างน่ะสิ...งั้นเดี๋ยวฉันไปบอกคุณหนันก่อนนะ ว่ากลับมาแล้ว”
เดื่อจะเดินไป เหลือบมองเจ่ง เห็นเจ่งไม่สงสัยติดใจอะไรก็รีบเผ่นเข้าบ้านไป
เดื่อนำโทรศัพท์มือถือมาให้ปาหนันกับทับทิม สองสาวตื่นเต้น
“ที่ร้านเขาบอกว่ามันมีแบตค้างอยู่ คุณหนันโทรออกได้เลย”
ทับทิมหันไปบอกปาหนัน
“ไปโทรในห้องคุณหนันเถอะค่ะ เดี๋ยวยายเจ่งมาเห็นเข้า”
ปาหนันพยักหน้ารับ สองสาวรีบวิ่งขึ้นบันได เดื่อตามไปด้วย
ปาหนันเปิดประตูจะเข้าห้อง แต่หันมาสั่งเดื่อก่อน
“เดื่อดูลาดเลาให้ด้วยนะ มีอะไรก็เคาะเรียกหนัน เข้าใจไหม”
เดื่อพยักหน้ารับ ทับทิมตามปาหนันเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู
ปาหนันเปิดมือถือเงยหน้ามองทับทิม
“หนันจะโทรล่ะนะ”
ทับทิมพยักหน้ารับตื่นเต้น
“เอาเลยค่ะ”
ทับทิมหันสมุดหน้าเหลืองมาให้ปาหนัน แล้วพยักหน้าให้ เป็นกำลังใจ ปาหนันไล่นิ้วไปตามเบอร์โทรในสมุดหน้าเหลืองแล้วมองมือถือในมือ
+ + + + + + + + + + + +

นาวิศมาส่งรสาที่หน้าห้อง สังเกตเห็นรสาหน้าตาไม่สบายใจก็สงสัย
“เป็นอะไรรึเปล่า สีหน้าคุณไม่ดีเลย”
รสาหลบตานาวิศ
“เปล่าค่ะ...ไม่มีอะไร”
นาวิศจับไหล่รสาหันมา
“อาธานีทำอะไรคุณรึเปล่า”
รสาก้มหน้านิ่ง นาวิศเชยคางรสาขึ้นมา
“มันเกิดอะไรขึ้น รสา คุณบอกผมสิ ผมปกป้องคุณกับอาระรินได้นะ”
รสามองตานาวิศ เริ่มลังเลที่จะพูดแต่แล้วเหลือบมองไปเห็นชาติยืนอยู่มุมหนึ่ง มองมาที่รสา จับปืนที่เอวขู่ รสาหน้าเจื่อนอึกอัก
“ไม่มีใครทำรสาทั้งนั้นแหละค่ะ...คุณนาวิศไม่ต้องสงสัยอะไรหรอก...รสาขอตัวเข้าห้องก่อนนะคะ”
รสารีบผลุบเข้าห้องไป นาวิศยืนค้างอยู่ที่ประตูสงสัยใจ พึมพำกับตัวเอง
“ทำไมรสาต้องปกป้องอาธานีด้วย...คืนนี้เราคงได้รู้ความจริงทุกอย่างจากอาระริน”
นาวิศหันกลับออกไปชาติไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว นาวิศเดินผ่านไป ชาติจึงออกมาจากมุมที่ซ่อนอยู่ มองตามนาวิศไป
+ + + + + + + + + + +

เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น สาวใช้มารับสาย
“บ้านเทพสุทธิพงศ์ค่ะ”
ปาหนัน พูดมือถืออย่างตื่นเต้น
“ขอสายคุณนาวิศหน่อยจ้ะ”
“รอซักครู่นะคะ”
ทับทิมลุ้นอยู่ข้างๆ ปาหนันหันมาบอกทับทิม
“เขาไปตามให้อยู่”
สองสาวต่างก็ตื่นเต้น
สาวใช้ถือโทรศัพท์เดินมาที่บันได ธานีออกมาจากอีกด้านหนึ่ง
“โทรศัพท์ใคร”
“ของคุณนาวิศค่ะ”
ธานีหน้าตื่น
“ใครโทรมา”
นาวิศลงบันไดมาพอดี
“สายของผม เดี๋ยวผมถามเอง”
นาวิศเดินลงมารับโทรศัพท์ไปจากสาวใช้ ธานีมองหน้าตื่นกลัวใครจะโทรมาบอกความจริงนาวิศ
“สวัสดีครับ”
ปาหนันได้ยินเสียงนาวิศก็ดีใจมาก
“คุณนาวิศ...”
“ครับ ผมนาวิศ...”
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น สหัสเดินเซ็งๆกลับเข้ามา แล้วชะงัก เมื่อเห็นอะไรบางอย่างข้างพุ่มไม้ข้างทาง สหัสก้มหยิบถุงและกล่องมือถือขึ้นมาแล้วมองไปทางบ้านปาหนัน สงสัยว่าต้องเกิดอะไรไม่ชอบมาพากลแน่
ด้านปาหนันดีใจจนพูดไม่ออก
“ฮัลโหล ยังอยู่ไหมครับ”
“เอ่อ...ค่ะ มันดีใจไปหน่อย เลยพูดไม่ออก”
“นั่นใครพูดสายครับ”
ปาหนันคิดว่านาวิศแกล้ง
“คุณจำเสียงไม่ได้เหรอคะ ว่าใคร”
“ครับ...ผมจำเสียงคุณไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะครับ”
ปาหนันหน้าเจื่อน ทับทิมสงสัย
“อะไรคะ”
ปาหนันเอามือปิดมือถือบอกทับทิม
“เขาจำเสียงหนันไม่ได้”
“แกล้งรึเปล่าคะ”
ปาหนันส่ายหน้าไม่รู้ แล้วพูดสายต่อ
“คุณนาวิศคะ...นี่หนั...”ปาหนันไม่ทันจะพูดชื่อตัวเองออกมา
ทันใดนั้นประตูเปิดผ่างเข้ามา เจ่งเป็นคนไขกุญแจให้สหัส เดื่อตามเข้ามา หน้าเสีย ปาหนันกับทับทิมตกใจ สหัสเข้ามาคว้ามือถือไปจากมือปาหนัน กดสายทิ้งทันที
“ทำอะไรน่ะสหัส”
ด้านนาวิศแปลกใจที่สายตัดไป
“ฮัลโหล ยังอยู่ไหมครับ...สายตัดไปแล้ว”
ธานีหน้าตื่น
“ตกลงใครโทรมา นาวิศ”
นาวิศเห็นอาการธานีก็รู้สึกผิดสังเกต
“คุณอาดูจะสนใจเป็นพิเศษนะครับ ว่าใครโทรหาผม”
“อาอยากรู้ เพราะกลัวว่าจะเป็นพวกนายเคี่ยม โทรมาหลอกถามข่าวหลาน”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณอา...ผมคงไม่ยอมให้ใครมาหลอกทำร้ายผมได้ง่ายๆอีกแล้ว”
สาวใช้กลับเข้ามา นาวิศยื่นโทรศัพท์คืนให้สาวใช้
“ถ้ามีใครโทรหาฉันอีก รีบเอามาให้ฉันทันที เข้าใจนะ”
สาวใช้รับคำ นาวิศออกไป ธานีหันมองนาวิศอย่างแค้นๆแล้วหันมองโทรศัพท์ อยากรู้ว่าเป็นใคร
+ + + + + + + + + + + +

ปาหนันพยายามจะแย่งมือถือคืนจากสหัส แต่สหัสไม่ยอมคืนให้
“คืนมือถือหนันมานะ สหัสไม่มีสิทธิ์มาทำอย่างนี้”
“คุณหนันก็ไม่มีสิทธิ์โทรไปที่บ้านนาวิศเหมือนกัน อย่าลืมสิครับ พวกเราทุกคนอยู่ในอันตราย”
ปาหนันเหลือบมองเดื่อ รู้ว่าเดื่อบอกสหัสกับเจ่งหมดแล้ว เจ่งหยิกหูเดื่อกับทับทิม
“เอ็งสองคนก็แสบนัก แอบหนุนหลังคุณหนันให้ทำเรื่องผิดๆ”
“เดื่อเปล่านะ เดื่อแค่ตกเป็นเครื่องมือของทับทิม”
ทับทิมตีปากเดื่อซ้ำ
“ไอ้เดื่อ เรื่องอะไรมาโยนให้ข้าคนเดียว”
เจ่งลากหูทั้งสองคนออกไป
“มานี่เลย วันนี้เอ็งสองคนอดข้าวแน่”
ปาหนันหันมองสหัส
“หนันโทรหาคุณนาวิศมันผิดตรงไหน”
“ถ้าคุณธานีรู้แล้วสืบที่อยู่พวกเราขึ้นมา คุณหนันไม่คิดเหรอว่าเราจะเดือดร้อนกันหมด”
ว่าแล้วสหัสก็ถอดมือถือออกมา เอาซิมมาหักทิ้งต่อหน้าปาหนัน ปาหนันมองอึ้ง
“สหัส!”
“ถ้าไอ้นาวิศมันอยากตามหาคุณหนันจริง คิดเหรอว่าการไม่รู้ที่อยู่แค่นี้จะเป็นอุปสรรค นาวิศมันเป็นมหาเศรษฐี มันสืบหาคุณหนันได้ง่ายนิดเดียว คุณหนันเลิกเอาตัวไปประเคนให้มันได้แล้ว”
ปาหนันตบหน้าสหัสอย่างโกรธจัด
“หนันจะประเคนตัวเองให้ใครก็ไม่เกี่ยวกับสหัส ออกไปจากห้องหนันได้แล้ว”
สหัสมองปาหนันอย่างน้อยใจ เข้ามารวบตัวปาหนันกอดไว้ ปาหนันดิ้นๆ
“ปล่อยนะ อย่ามาแตะต้องหนัน...ปล่อย”
“ทำไมคุณหนันไม่เคยเห็นค่าความหวังดีของผมเลย ไอ้นาวิศมันมีดีอะไร”
“ปล่อย...หนันบอกให้ปล่อย”
“ผมรักคุณหนันแทบตาย ผมรักคุณหนันมากกว่าไอ้นาวิศร้อยเท่าพันเท่า ป่านนี้ไอ้นาวิศมันลืมคุณหนันไปแล้ว”
ปาหนันรวบรวมกำลัง ผลักสหัสออกไป
“ไม่จริง! คุณนาวิศต้องไม่ลืมหนัน สหัสเลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว สหัสไม่มีหวังในตัวหนัน ไม่เคยมี แล้วก็ไม่มีทางด้วย”
สหัสมองปาหนันอย่างเจ็บช้ำใจ เคี่ยมปรากฏตัวขึ้นที่ประตู ปาหนันชะงัก
“พ่อ...”
เคี่ยมมองปาหนัน สลับกับมองสหัส ถอนใจเครียด
จบตอนที่ 12
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ 9.30 น.








กำลังโหลดความคิดเห็น