ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 น.
ตอนที่16
ค่ำคืนนั้น...หลังจากที่ตำรวจนำตัวคนร้ายออกไปจากบ้าน สุชายได้เข้ามาคุยกับนาวิศ
“คนร้ายสารภาพว่ามาดูลาดเลาก่อนหน้านี้ เห็นว่าบ้านไม่มีคนอยู่ ก็เลยหาโอกาสเข้ามาขโมยของ...บังเอิญ ผมจ้างคนงานมาทำความสะอาด เตรียมให้คุณนาวิศเข้าพัก ก็เลยเจอกับโจรเข้า”
นาวิศแปลกใจ
“ผู้หญิงคนนั้นมารับจ้างทำความสะอาด”
“ครับ...น่าสงสาร มาวันแรกก็ได้เรื่องเลย”
“เขารู้หรือเปล่า ว่าต้องมาทำงานให้ผม”
“พอดีผมยังไม่ทันบอกครับ กะว่าให้เจอคุณนาวิศก่อน แล้วค่อยแนะนำทีเดียว”
นาวิศพยักหน้าหลับ บอกสุชายเข้าไปในห้อง มองไปที่เตียงปาหนันนอนหลับอยู่ที่เตียง แล้วไปนั่งลงที่ข้างเตียง
“คิดไม่ถึงเลย ว่าจะได้เจอคุณที่นี่...คุณเองก็ไม่รู้เหมือนกันใช่ไหม ว่าที่นี่เป็นบ้านผม...ถ้างั้นผมว่าคงเป็นโชคชะตา ที่พาเราสองคนมาเจอกันอีก”
นาวิศจ้องมองปาหนันที่หลับอยู่อย่างนั้น
+ + + + + + + + + + + +
เคี่ยมกับเจ่งกังวลใจที่ค่ำแล้ว แต่ปาหนันยังไม่กลับบ้าน คอยมองออกไปหน้าบ้าน ขณะที่คนอื่นๆออกไปตามหา
“ไหนเจ่ง ลองเล่าอีกทีซิ ว่าลูกหนันโทรมาว่ายังไง”เคี่ยมหันกลับมาถาม
“คุณหนันเธอบอกแค่ว่าได้งานที่ร้านขายของค่ะ เป็นคนเช็คสต็อคสินค้า เขาให้เริ่มงานเลย เธอก็เลยจะกลับค่ำๆ”
“แต่นี่มันสามทุ่มแล้วนะทำไมป่านนี้ยังไม่กลับมา”
เดื่อกับทับทิมเข้ามา
“นายครับ เดื่อกับทับทิมหาจนทั่วแถวนี้แล้ว ไม่เห็นคุณหนันเลยครับ”
เคี่ยมยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงรถดังเข้ามา ทุกคนรีบชะเง้อออกไปมองหน้าบ้าน ครู่หนึ่ง สหัสกับแท่นเข้ามา
“ผมกับแท่นขับรถวนหาตามร้านขายของในตลาด แต่ไม่เจอคุณหนันเลยครับนาย ร้านค้าส่วนใหญ่ก็เริ่มจะปิดแล้ว”
“คุณหนันจะติดงานอะไรก็น่าจะโทรบอก ไม่น่าจะให้ห่วงกันอย่างนี้”เจ่งบ่น
เคี่ยมหน้าเครียด เป็นห่วงปาหนันมาก
+ + + + + + + + + + + +
เมื่อปาหนันรู้สึกตัวตื่น เธอรู้สึกเจ็บหัวมาก ค่อยๆขยับตัวขึ้นนั่ง
“โอย...ปวดหัวจัง ยายเจ่ง...”
ปาหนันมองรอบๆห้องที่ไม่คุ้น
“ที่ไหน...?”
ปาหนันนึกอยู่ครู่หนึ่งก็จำได้ หน้าตื่น รีบก้มลงสำรวจตัวเอง เห็นเสื้อผ้าก็อยู่ครบดี ปาหนันนึกถึงตอนที่นาวิศเข้ามาช่วย
ปาหนันอึ้งไป
“คุณนาวิศ... หรือว่า...”
ปาหนันลุกเดินลงบันได ในใจทั้งหวั่นไหวทั้งตื่นเต้น ในบ้านไม่มีใคร ปาหนันเดินมองไปรอบๆ ได้แต่นึกแปลกใจ
“ฟื้นแล้วเหรอ”เสียงนาวิศดังขึ้น
ปาหนันชะงัก หันกลับไปมอง นาวิศเข้าใกล้ระยะประชิดตัว ปาหนันนิ่งอึ้ง
“ไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่อีก เธอชื่อ คุณหนันใช่ไหม”
ปาหนันเห็นท่าทาง นาวิศยังเหมือนเป็นคนอื่นคนไกล แกล้งจำเธอไม่ได้อยู่นั่นเอง ปาหนันผละออกมา
“ไม่ใช่ค่ะ”
นาวิศชะงัก แปลกใจ
“เธอเป็นคนเดียวกับที่ไปหาฉัน ที่กรุงเทพไม่ใช่เหรอ”
“ดิฉันไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร”
นาวิศนิ่งไป เขาไม่คิดว่าจะจำคนผิด
“ก็ได้ ไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร... งั้นเธอชื่ออะไร”
“ดิฉันจำเป็นต้องบอกคุณด้วยเหรอคะ”
“ใช่ ถ้าเธอยังอยากทำงานให้ฉัน”
ปาหนันชะงัก
“แต่บ้านนี้...บ้านคุณสุชายไม่ใช่เหรอคะ”
“ฉันนี่แหละเจ้าของบ้าน...คุณสุชายเป็นผู้ช่วยฉัน”
ปาหนันเพิ่งเข้าใจว่าทำไมนาวิศโผล่มาช่วยเธอได้ทันเวลา ที่แท้ที่นี่เป็นบ้านเขา
“ถ้าอย่างนั้น... ดิฉันขอลาออก”
ปาหนันเดินหนีออกไป นาวิศมองตามอย่างไม่เข้าใจ ตามมาเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน...”
ปาหนันเดินออกไป ไม่สนใจ นาวิศตามมาคว้าข้อมือปาหนันไว้
“ฉันบอกว่าเดี๋ยวก่อน ไม่ได้ยินเหรอ”
ปาหนันดึงมือออก
“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก นี่ก็มืดแล้ว ดิฉันต้องรีบกลับบ้าน”
“แต่เธอต้องตอบคำถามฉันมาก่อน...ถ้าเธอไม่ใช่คุณหนัน แล้วทำไมเธอต้องลาออก”
“ดิฉันมีเหตุผลส่วนตัว”
“เหตุผลส่วนตัว ที่จะไม่ทำงานให้ฉันน่ะเหรอ”
“ค่ะ”
“งั้นฉันขอให้เธอคิดใหม่... ฉันจะเพิ่มค่าจ้างให้เธอเป็นสองเท่า”
“เงินของคุณ มันบันดาลให้เป็นดั่งใจคุณทุกอย่างไม่ได้หรอกนะคะ ดิฉันไม่รับข้อเสนอของคุณ”ปาหนันหันหลังจะไป
“นี่เหรอ ที่เธอตอบแทนฉัน หลังจากที่ฉันช่วยเธอจากไอ้โจรหื่นนั่น”นาวิศดึงปาหนันไว้
“ถ้าดิฉันรู้ว่าคุณจะมาทวงบุญคุณแบบนี้ ดิฉันก็คงไม่ยอมให้คุณช่วยเหมือนกัน”
“ปากเก่งเหมือนกันนะ หรืออันที่จริง ฉันดันไปขัดจังหวะเธอกับไอ้โจรนั่น”
ปาหนันตบนาวิศ
“การที่คุณร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี ไม่ได้หมายความว่าคุณจะพูดจาดูถูกคนอื่นได้นะ”
นาวิศที่โดบตบอึ้งไป ปาหนันจ้องหน้านาวิศอย่างน้อยใจ แล้ววิ่งหนีออกไป
+ + + + + + + + + + + +
เคี่ยมเดินไปมา นั่งไม่ติด ในที่สุดก็ตัดสินใจ...
“ฉันว่ามีอะไรผิดปรกติแล้วล่ะ”เคี่ยมหันไปคุยกับสหัส”สหัส...แกไปกับฉัน เราต้องให้ตำรวจช่วยหาลูกหนันแล้ว”
เคี่ยมกับสหัสจะออกไป พอดีปาหนันกลับเข้ามา
“คุณหนันกลับมาแล้ว”ทับทิมบอกทุกคน
เจ่งวิ่งไปรับ กอดประคอง
“คุณหนัน ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะทูนหัวของป้า...ไปไหนมาเกิดอะไรขึ้นถึงกลับเอาป่านนี้”
“หนันไม่ได้เป็นอะไรหรอกจ้ะ... แค่ เกิดเรื่องนิดหน่อย”
“เกิดเรื่องอะไรลูกหนัน”เคี่ยมพูด
ปาหนันอึกอัก
“คือ... ตอนร้านปิด เจ้าของร้านเขาล็อคห้องเก็บ ของโดยไม่รู้ว่าหนันอยู่ข้างในหนันติดอยู่ในนั้น ไม่รู้จะออกมายังไงโทรศัพท์ก็ไม่มี”
สหัสสงสัยเรื่องที่ปาหนันเล่า
“แล้วคุณหนันออกมาได้ยังไงครับ”
ปาหนันโกหก หลบสายตา
“โชคดีที่เจ้าของร้านลืมของ เลยกลับมาที่ร้าน หนันก็รีบตะโกนบอกว่าติดอยู่ในห้องเก็บของเขาก็เลยมาเปิดให้”
“โชคดีนะคะคุณหนัน ไม่ต้องติดอยู่ในนั้นทั้งคืน”ทับทิมโล่งใจ
“หนันขอโทษนะจ๊ะพ่อ ที่ทำให้ต้องเป็นห่วง”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก มันเป็นเรื่องสุดวิสัย”
เคี่ยมลูบหัวปาหนัน ลูกสาวกลับมาก็ดีใจ ปาหนันฝืนยิ้ม กลัวโดนจับได้ แต่สหัสมองอย่างสงสัย ไม่ค่อยเชื่อ
ปาหนันเข้ามาในครัว ตักแกงราดข้าว สหัสตามเข้ามา...
“คุณหนันทำงานที่ร้านไหนเหรอครับ ผมไปส่งนมในตลาดบ่อยๆ เผื่อจะรู้จัก”
“สหัสจะรู้ไปทำไม”
“ก็เผื่อมีเรื่องอย่างวันนี้อีก ผมจะได้ไปตามหาคุณหนันถูกไงครับ”
“สหัสไม่ต้องห่วงหรอก มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว”
ปาหนันถือจานข้าวออกไปจากครัวทันที ไม่อยากตอบคำถามอะไรอีก
+ + + + + + + + + + + +
รสาเข้าไปหาระรินในห้อง เห็นระรินนอนหลับอยู่ที่เตียง รสามองระรินอย่างเป็นห่วง ก่อนจะเข้ามานั่งข้างเตียง แล้วแตะแขนปลุก
“พี่ริน... พี่ริน ไปกินข้าวเถอะ...”
ระรินลืมตาตื่น ลุกขึ้นมารู้สึกปวดหัวมาก
“โอ๊ะ...ย...”
“พี่ริน เป็นไงบ้าง”
“ปวด...พี่ปวดหัว...”
“เพราะไอ้ยาบ้าที่คุณธานีฉีดให้พี่รินแน่ๆ มันกำลังจะทำให้พี่รินเป็นบ้าไปจริงๆแล้ว”
ระรินพยักหน้ารับ
“พี่รู้... มันเหมือนกับพี่รู้สึกตัวอยู่ตลอด แต่พี่ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย”
“พี่ริน เราจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้วนะ ยานั่นน่ะ มันจะค่อยๆทำลายประสาทพี่ริน รสาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว เราต้องหนีไปจากที่นี่นะพี่ริน”
“แล้วคุณนาวิศล่ะ”
“ไม่ใช่ว่ารสาแล้งน้ำใจนะพี่ริน แต่เราอยู่ที่นี่เราก็ช่วยอะไรคุณนาวิศไม่ได้ แถมยังต้องเอาตัวเองมาลำบาก จะช่วยใครก็ต้องดูกำลังของตัวเองด้วยสิ
“แต่จะให้พี่หนีไปเฉยๆ ไม่ดูดำดูดีกับความเป็นความตายของคุณนาวิศ พี่ทำไม่ได้”
“ไม่ได้หนีไปเฉยๆ หนีไปตั้งหลัก ถ้าเราหาวิธีฉลาดๆได้ แล้วค่อยกลับมาช่วยคุณนาวิศ... นะพี่ริน”
ระรินนิ่งเครียดไป ไม่รู้ควรทำอย่างไรดี
+ + + + + + + + + + + +
รสาเดินออกมาจากห้องระริน พบธานีที่มารออยู่ ธานียื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้
“อะไรคะ”
“ที่อยู่นาวิศที่สระบุรี ฉันจะให้เธอตามไปเฝ้ามัน”
“แต่คุณนาวิศเขาห้ามรสาไปนี่คะ”
“เธอไปถึงนั่นแล้ว นาวิศมันคงไม่ไล่เธอกลับมาหรอก แต่ถ้าเธอไม่ไปสิ พี่สาวเธอจะเดือดร้อน”
ธานียิ้มร้ายเดินออกไป รสามองตามเจ็บใจ
“ขู่ไปเหอะ ไอ้จอมโหด ช่วงนี้ขอให้พี่รินพักรักษาตัวก่อน...พอฉันกลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะพาพี่รินหนีไปจากแก”
รสามองค้อนธานี บอกตัวเองอย่างมุ่งมั่นว่าจะต้องช่วยระรินให้ได้
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่..เคี่ยมตื่นสายกว่าปกติ เมื่อออกมาจากห้องนอน ก็พบปาหนันกับเจ่งนั่งทานข้าวกันอยู่
“พ่อตื่นแล้วเหรอจ๊ะ”ปาหนันทักทาย
“ไม่รู้เป็นยังไง พักนี้มันเหนื่อยง่าย นอนได้เป็นวัน...แล้วนี่คนอื่นไปไหนกันหมด”
“คนอื่นออกไปทำงานกันหมดแล้วน่ะจ้ะ”ปาหนันบอก
“อ้าว แล้วทำไมไม่เรียกพ่อ”
“คุณหนันเห็นนายยังนอนอยู่ นึกว่าไม่สบาย เลยอยากให้พักบ้างน่ะค่ะ”เจ่งอธิบาย
“พ่อไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย...ปล่อยให้คนอื่นทำงานแล้วให้พ่อนอนสบาย ไม่ได้หรอก พ่อรีบตามพวกนั้นไปดีกว่า”
“แล้วนายจะไปยังไง รถราก็ไม่มี”เจ่งค้าน
“รถสองแถว รถรับจ้างก็มี”
ปาหนันลุกไปหาเคี่ยม
“พ่อไม่ต้องไปหรอกนะจ๊ะ หยุดพักซักวัน”
เคี่ยมสงสัย
“มีอะไรรึเปล่าลูกหนัน...ทำไมถึงห้ามพ่อจัง”
ปาหนันอึกอัก
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ...หนันแค่คิดว่าพ่อหยุดซักวันก็ไม่เห็นเป็นไร”
“พ่อบอกแล้วไงว่า พ่อจะเอาเปรียบคนอื่นไม่ได้”
ปาหนันเหลือบมองกันกับเจ่งอย่างหนักใจ เคี่ยมเดินออกมาหน้าบ้าน แต่จู่ๆก็หน้ามืด เป็นลมไปปาหนันเห็นเคี่ยมทรุดฮวบ รีบรับไว้ทัน หัวเคี่ยมจึงไม่กระแทก ปาหนันกับเจ่งช่วยกันหิ้วร่างเคี่ยมมานั่งที่โซฟา
“ยายเจ่งดูพ่อไว้นะ หนันจะไปตามรถมาพาพ่อไปโรงพยาบาล”
“ค่ะคุณหนัน”
ปาหนันรีบออกไป
อ่านต่อหน้าที่ 2
ตอนที่ 16(ต่อ)
รสาเตรียมตัวจะไปสระบุรี ก่อนไป เธอได้แวะไปหาระรินเพื่อบอกให้รู้
“รสาจะไม่อยู่ซักสองสามวันนะพี่ริน เรื่องที่เราจะหนี ไว้รอรสากลับมาแล้วค่อยคุยกันอีกที”
“รสาจะไปไหน”
“คุณธานีให้รสา ตามไปดูแลคุณนาวิศที่สระบุรี”
“คุณนาวิศไปสระบุรีเหรอ...ไปทำไม คุณธานีให้ไปใช่ไหม...คุณธานีจะหลอกคุณนาวิศไปฆ่าอีกใช่ไหมรสา”ระรินถามอย่างร้อนใจ
“พี่รินใจเย็นๆก่อน คุณธานีคงไม่ฆ่าคุณนาวิศแล้วล่ะ...เขามีแผนอย่างอื่นมากกว่า รสาจะเป็นหูเป็นตาแทนคุณนาวิศเอง”
ระรินไม่ได้ฟังรสา
“คุณนาวิศอยู่ในอันตราย พี่ต้องไปเตือนคุณนาวิศ”
ระรินลุกพรวดพราดออกไป รสาตั้งตัวไม่ทัน
“พี่ริน เดี๋ยวก่อน พี่ริน”รสารีบตามไป
ระรินหุนหันออกไป รสารีบตามมาข้างหลัง
“พี่ริน อย่าไป”
ลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่รวบตัวระรินไว้
“ปล่อยฉันนะ ฉันจะไปหาคุณนาวิศ”
รสาเข้ามาเกลี้ยกล่อมระริน
“พี่ริน อย่าเพิ่งตีโพยตีพายซี่ คุณธานีไม่ได้หลอกคุณนาวิศไปฆ่าหรอก เขามีแผนอย่างอื่นมากกว่า เชื่อรสานะ อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ กลับเข้าไปก่อน”
“ไม่ พี่ต้องไปหาคุณนาวิศ พี่ต้องไปเตือนคุณนาวิศ”
ระรินดิ้นไปดิ้นมา จนสุดท้ายผลักลูกน้องออกไปได้ รสาที่พยายามจะเข้ามาเกลี้ยกล่อมระริน โดนลูกน้องที่เซมาชนเข้า รสากระเด็นล้มไป
“โอ๊ย”
ระรินหันมองรสาอย่างเป็นห่วง
“รสา...”
“พี่ริน อย่าไป...”
ระรินตัดใจหันจากรสา จะวิ่งหนี แต่ธานีปรากฏตัวขึ้น ระรินชะงัก
“ก่อเรื่องอะไรอีก เธอนี่อยู่เฉยๆไม่ได้เลยใช่ไหม”
“แล้วคุณล่ะคะ คิดดีทำดีบ้างได้รึเปล่า เมื่อไหร่ถึงจะเลิกจ้องทำร้ายคุณนาวิศซะที”
“ฉันจะเลิกทำร้ายมัน ก็ต่อเมื่อฉันได้ครอบครอง สมบัติทุกอย่างของมันไงล่ะ”ธานีหันไปสั่งลูกน้อง “พาระรินเข้าบ้าน”
ลูกน้องจับตัวระรินเข้าบ้าน ระรินพยายามดิ้นหนี
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
ธานีหันไปมองรสา
“แล้วจะนั่งตรงนั้นอีกนานไหม ฉันบอกให้ตามนาวิศไปสระบุรีไง”
รสากัดฟันลุก แต่เจ็บขา ไม่ไหว แทบจะล้มไปอีก
“รสา...ขับรถไม่ไหวแน่”
ธานีมองอย่างฉุนเฉียว รำคาญ
“ให้มันได้อย่างนี้สิวะ”
รสาก้มหน้าอย่างเกรงๆ
+ + + + + + + + + + +
เจ่งมองทางประตูบ้านอย่างร้อนใจ
“คุณหนันไปตามรถถึงไหน ทำไมช้าแบบนี้”
เคี่ยมค่อยรู้สึกตัวตื่นขึ้น เจ่งรีบเข้าไปดู
“นาย เป็นไงบ้าง”
เคี่ยมส่ายหน้า
“ม...ไม่เป็นไร...”
“นายอดทนหน่อยนะ คุณหนันไปเรียกรถ จะพานายส่งโรงพยาบาล”
“ฉันเป็นอะไรกันแน่เจ่ง”
เจ่งชะงัก
“นายก็... ก็เป็นลมไปน่ะสิ”
“ถ้าแค่เป็นลมธรรมดา แล้วทำไมต้องทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ ทำไมจะต้องให้ฉันไปโรงพยาบาลด้วย”
เจ่งอึดอัด หลบสายตา
“เจ่งรู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นอะไร ถ้าไม่อยากให้ฉันไปถามหมอด้วยตัวเอง เจ่งก็บอกฉันมา”
เจ่งมองเคี่ยมหน้าเครียด
ทางด้านปาหนัน รีบเดินนำคนขับรถเข้ามา
“บ้านนี้จ้ะ พ่อฉันเป็นลมอยู่ พี่ช่วยอุ้มออกไปที่รถที”
ปาหนันจะพาคนขับรถเข้าไปในบ้าน แต่เคี่ยมปรากฏตัวขึ้นที่ประตู
“ไม่ต้อง พ่อไม่เป็นอะไรแล้ว”
“พ่อจ๋า...”
เคี่ยมหันไปบอกคนขับรถ
“ขอบใจมากนะพ่อหนุ่ม ฉันไม่ไปโรงพยาบาลแล้ว”
ชายคนนั้นพยักหน้ารับ แล้วกลับออกไป ปาหนันรีบเข้ามาหาเคี่ยม
“ทำไมพ่อไม่ไปให้หมอตรวจซักหน่อยล่ะจ๊ะ”
“เพื่ออะไร ในเมื่อลูกหนันก็คงให้หมอโกหกพ่ออีก ว่าพ่อไม่ได้เป็นอะไร”
“พ่อ...”
“พ่อเคยสงสัยตัวเอง ว่าทำไมหมู่นี้ถึงได้เป็นลมบ่อย...ที่แท้ พ่อไม่ได้เป็นลมหน้ามืดแบบทั่วๆไป”
“ใครบอกล่ะจ๊ะ พ่อคิดมากไปเอง”
“พ่อไม่ได้คิดมาก แต่เจ่งบอกพ่อหมดแล้ว ว่าพ่อเป็นอะไร”
ปาหนันได้แต่อึ้ง พูดไม่ออก เคี่ยมเดินคอตกกลับเข้าไปในบ้าน
+ + + + + + + + + + + +
เคี่ยมเดินเข้ามานั่ง ปาหนันตามเข้ามา เจ่งหันมามองน้ำตานองหน้า
“คุณหนัน... ป้าขอโทษค่ะ”
“ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกเจ่ง เรื่องอาการป่วยของฉัน ฉันเองก็สมควรจะได้รู้... ฉันไม่กลัวหรอกนะ ความตายน่ะ... แค่...” เคี่ยมกลืนน้ำตา “แค่ห่วงว่าลูกหนันจะอยู่ยังไง ถ้าไม่มีพ่อ...”
ปาหนันเข้ามากอดพ่อ
“พ่ออย่าพูดแบบนี้สิจ๊ะ พ่อต้องไม่เป็นอะไร พวกเราทุกคนจะช่วยกันหาเงินมาเป็นค่ารักษาพ่อ พ่อจะต้องหาย ช่วงนี้พ่อก็แค่ต้องระวังตัวให้มากขึ้น”
เคี่ยมลูบหัวปาหนัน
“พ่อจะระวังตัว แต่พ่อรับปากลูกหนันไม่ได้ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...พ่ออยากให้ลูกหนันจำไว้ คนเรามีเกิดก็ต้องมีตาย ถ้าพ่อเป็นอะไรไปจริงๆ ลูกหนันจะต้องทำใจให้ได้ และเข้มแข็งเข้าไว้”
“ไม่ พ่อต้องไม่เป็นอะไร”
เคี่ยมสงสารปาหนัน กอดปลอบ
“พ่ออยากดูแลลูกหนันให้นานที่สุด...แต่พ่อก็ไม่รู้ว่ามันจะนานได้แค่ไหน พ่อขอโทษนะลูกหนัน”
ปาหนันส่ายหน้า
“พ่อไม่ต้องดูแลหนันแล้ว ต่อไปนี้หนันจะดูแลพ่อเอง พ่อจะต้องหาย หนันจะไม่ยอมให้พ่อเป็นอะไรไปเด็ดขาด... หนันไม่ยอม”
ปาหนันกอดพ่อร้องไห้ เคี่ยมน้ำตาตก สงสารลูก เจ่งเองก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ จ้องมองสองพ่อลูกกอดกันร้องไห้
+ + + + + + + + + + +
นาวิศขับรถเข้ามาจอด แล้วลงจากรถมามองด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นว่าปาหนันนั่งรออยู่หน้าบ้าน พอเห็นนาวิศก็ลุกมาหา
“คุณหาแม่บ้านได้รึยังคะ”
นาวิศเดินเข้ามาที่หน้าบ้าน พลางส่ายหน้า
“คุณยังอยากจ้างดิฉันอยู่รึเปล่าคะ”
นาวิศไม่ตอบ กลับขึ้นรถ กดรีโมทเปิดรั้ว ขับรถเข้าไป ปาหนันมองตาม แล้วตัดสินใจตามเข้าไป
นาวิศจอดรถ ออกจากรถ เห็นปาหนันเดินตามเข้ามา จึงพูดด้วย
“เธอคิดจริงๆเหรอ ว่าฉันยังอยากจะจ้างเธอ หลังจากที่เธอตบหน้าฉัน”
ปาหนันยกมือไหว้
“ดิฉันขอโทษ...ที่ดิฉันทำไป เพราะคุณดูถูกดิฉันก่อน”
“เธอจะมาเป็นคนรับใช้ ไม่ได้มาเป็นแม่ทูนหัวของฉัน ฉันจ่ายเงินให้เธอ ฉันจะพูดกับเธอยังไงก็ได้ ถ้าเธอทนไม่ได้ก็ไม่ต้องมาทำงานให้ฉัน”
“ค่ะ... ตอนนี้ดิฉันรู้แล้วว่าตัวเองไร้ค่า ไม่มีศักดิ์ศรี... คุณจะดูถูกดูแคลนดิฉันยังไงก็ได้ แต่ดิฉันจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ถึงต้องมาขอร้องให้คุณให้โอกาสดิฉันอีกครั้ง”
“เมื่อวานนี้เธอเพิ่งปฏิเสธค่าจ้างที่ฉันจะให้เธอเป็นสองเท่า...วันนี้เกิดเสียดายขึ้นมาหรือไง”
ปาหนันน้ำตารื้น เจ็บปวด
“คุณจะพูดดูถูกดิฉันยังไงก็ได้ค่ะ ดิฉันขอแค่ให้ได้งานอีกครั้ง”
“ไม่มีใครทำกับฉันอย่างนั้น แล้วจะได้โอกาสครั้งที่สอง... กลับไปซะ”
นาวิศหันไปเปิดประตูเดินเข้าบ้านไป ปาหนันมองตามน้ำตาร่วง
“ทำไมคุณถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ไหนคุณบอกว่าจะกลับมาเป็นพร้าวคนเดิมของหนัน คุณลืมสัญญาที่ให้หนันไว้แล้วเหรอ”
ปาหนันก้มหน้าร้องไห้ นาวิศกลับเข้ามาในบ้าน สีหน้าเคร่งขรึมเมื่อครู่ก็อ่อนลง เขาลังเลครู่หนึ่ง แล้วไปแง้มม่านแอบดู เห็นปาหนันก้มหน้าหันหลังเดินออกไป นาวิศมองตาม รู้สึกใจหายโดยไม่รู้สาเหตุ
ปาหนันเดินไปได้เพียงสองสามก้าว แล้วทรุดฮวบล้มลง นาวิศหน้าตื่น รีบกลับออกไปทันที ปาหนันเป็นลมล้มอยู่ที่พื้น นาวิศวิ่งเข้ามาหา ก้มลงประคองปาหนันไว้
“เธอ เป็นอะไรไป เธอ”
นาวิศพยายามเขย่าตัว เรียกปาหนัน แต่ปาหนันไม่ฟื้นขึ้นมา
+ + + + + + + + + + + +
เมื่อสหัสกลับมาถึงบ้านหลังเลิกงาน เจ่งเล่าเรื่องที่เคี่ยมรู้อาการป่วยของตัวเองให้รู้
“พอนายรู้เรื่องอาการป่วยของตัวเอง ก็เก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ยอมออกมาเลย”
“ฉันรู้ ว่าเราปิดนายได้ไม่นานหรอก ตอนนี้ฉันกับแท่นก็รับงานเพิ่มที่ฟาร์มอีก จะได้รีบเก็บเงินเป็นค่าผ่าตัดให้นาย”
เจ่งถอนใจ
“คุณหนันเองก็น่าสงสาร แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยต้องทำงานหนัก แต่นี่ต้องกลับไปรับจ้างเขา กลับบ้านมืดๆค่ำๆ”
“ยายเจ่งรู้ไหม ว่าคุณหนันไปทำงานที่ร้านไหน”
เจ่งส่ายหน้า
“คุณหนันไม่เคยบอก รู้แต่ว่าร้านในตลาด”
“ฉันก็เคยถาม แต่คุณหนันไม่ยอมบอกเหมือนกัน...ทำไมคุณหนันต้องปิดด้วย ว่าทำงานร้านไหน”
เดื่อกับทับทิมเดินมา ได้ยินประโยคสุดท้ายของสหัส ทั้งสองมองหน้ากันอย่างแปลกใจเช่นกัน
+ + + + + + + + + + + +
ปาหนันนอนหลับไม่ได้สติอยู่ที่โซฟา ครู่หนึ่งก็เพ้อออกมา
“พ่อจ๋า...พ่อต้องไม่เป็นอะไรนะจ๊ะ พ่อต้องได้ผ่าตัด พ่อต้องได้ผ่าตัด...”
นาวิศนั่งอยู่ข้างๆมองปาหนัน รู้ถึงสาเหตุที่ปาหนันต้องใช้เงิน ปาหนันค่อยรู้สึกตัว ลืมตาขึ้น ยังงงๆแต่พอหันมาเห็นนาวิศก็จะลุก
“นั่งก่อนเถอะ เดี๋ยวก็เป็นลมไปอีก”
“ดิฉันดีขึ้นแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่พาเข้ามาพัก”ปาหนันลุกไป
“ตกลงว่าเธอชื่ออะไร”
ปาหนันชะงัก
“ถ้าจะทำงานให้ฉัน เธอต้องมีชื่อ ไม่งั้นจะให้เรียกเธอๆแบบนี้ไปตลอดหรือไง”
“คุณจะจ้างดิฉันทำงานเหรอคะ”
“ฉันต้องอยู่ที่นี่ซักพัก ขี้เกียจหาแม่บ้านใหม่ ถ้าเธอยังอยากทำงานที่นี่ ฉันก็จะจ้างเธอ... ตกลงว่าจะให้ฉันเรียกเธอว่าอะไร”
“เรียกดิฉันว่า... บุหงาก็ได้ค่ะ”
ปาหนันก้มหน้าสำรวม เดินออกไป นาวิศมองตามจนปาหนันเดินออกไป
นาวิศพึมพำเบาๆ
“เธอไม่ใช่คุณหนันคนนั้นจริงๆเหรอ”
+ + + + + + + + + + + +
ปาหนันกลับมาถึงบ้าน ก็แอบๆดูว่ามีใครอยู่บ้าง เพราะไม่อยากตอบคำถามใครว่าทำงานที่ไหนมา
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณหนัน”เสียงของทับทิมดังขึ้น
ปาหนันสะดุ้งเฮือก พอหันไป เห็นเดื่อกับทับทิมเดินเข้ามา ปาหนันถอนใจโล่ง
“ทับทิม หนันตกใจหมด”
“คุณหนันไปทำอะไรผิดมา เรียกนิดเรียกหน่อยทำตกใจ”
ปาหนัน อึกอัก
“เปล่าซักหน่อย... หนันก็แค่... ไปทำงานที่ร้านขายของ”
“ร้านไหนคะ แล้วเขาขายอะไรบ้าง”
ปาหนัน แกล้งตัดบท
“ก็ร้านขายของทั่วไป ทับทิมนี่ ปัญหามากจัง”ปาหนันเดินหนี
เดื่อแกล้งรำพึง
“คุณหนันทำลับๆล่อๆ อย่างที่พี่สหัสสงสัยจริงๆด้วย”
ปาหนันชะงัก รีบหันกลับมาถาม
“สหัสสงสัยหนันแล้วเหรอ”
“นั่นไง มีความลับจริงๆด้วย พวกเราไม่ยอมนะคุณหนัน คุณหนันไม่เห็นพวกเรา เป็นเพื่อนสนิทแล้วเหรอ ถึงต้องปิดพวกเราด้วย”
ปาหนันมองเดื่อกับทับทิม ถอนใจยาว ตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้ฟัง ทั้งคู่ตกใจมากเมื่อรู้เรื่อง
“อะไรนะ คุณหนันแอบไปเป็นแม่บ้านให้ไอ้พร้าว”
ปาหนันกับทับทิมรีบตะครุบปิดปากเดื่อ
“เบาๆสิเดื่อ จะให้รู้กันทั้งบ้านหรือไง”
ทับทิมหันมาพูดกับปาหนัน
“มันเกิดขึ้นได้ยังไงคะ แล้วพร้าวมามีบ้านที่สระบุรีนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“หรือว่าพร้าวกลับตัวกลับใจ ยอมมาง้อคุณหนันแล้ว”เดื่อสงสัยหนัก
ปาหนันส่ายหน้า
“เขาไม่ได้มาง้อหนันหรอก เขาก็ยังแกล้งทำเป็นจำหนันไม่ได้ เหมือนเดิมนั่นแหละ”
“อ้าว แล้วอย่างนี้คุณหนันไม่กลัวพร้าว ไปบอกคุณธานีเหรอคะ ว่าเจอพวกเราแล้ว”
“คงไม่หรอก... หนันว่าเขาคงเห็นแก่บุญคุณ ที่หนันกับพ่อเคยช่วยชีวิตเขาไว้”
“เฮอะ แกล้งจำกันไม่ได้อย่างนี้เนี่ยนะ เห็นแก่บุญคุณ”
“หนันว่าเขาคงไม่คิดร้าย ถึงขั้นไปบอกคุณธานีหรอกว่าเจอพวกเราที่นี่ แต่ที่เขาแกล้งจำหนันไม่ได้ คงเพราะเขาเปลี่ยนใจจากหนันไปแล้วมากกว่า”
ปาหนันเศร้าไป เดื่อกับทับทิมมองอย่างเห็นใจ
+ + + + + + + + + + + +
ตึกเทพสุทธิพงศ์…สุชายเดินมาเจอพนักงานบัญชีแล้วถาม...
“คุณอ้อ ทำเรื่องเบิกค่าแม่บ้านของคุณนาวิศให้ผมรึยังครับ”
“เรียบร้อยค่ะ แม่บ้านกิตติมศักดิ์ ไม่รีบทำ กลัวนายจะกริ้ว”
“อะไรครับ แม่บ้านกิตติมศักดิ์”
“ก็มีอย่างเหรอคะ ค่าแม่บ้านเดือนละหมื่นห้า ราคาเดียวกับคนจบปริญญาตรี หนูเห็นหน้าในบัตรประชาชนแล้ว เหมือนจะสวยด้วย...ไม่รู้คุณนาวิศคิดอะไรรึเปล่า”
ทั้งสองหันมาแล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นธานียืนอยู่
“นาวิศจ่ายค่าแม่บ้านเดือนละหมื่นห้าเหรอ”
“เอ่อ... ครับ...”
“เอาประวัติแม่บ้านคนนั้นมาให้ฉันดูหน่อย”
“มีแต่สำเนาบัตรประชาชนน่ะครับ ตอนนี้ส่งเรื่องไปให้เขาทำค่าจ้าง”
ธานีพยักหน้ารับ แค่นึกสงสัย แต่ไม่ติดใจมากนัก จึงเดินกลับไปที่ห้องทำงาน เลขาหน้าห้องรีบรายงาน
“คุณธานีคะ คุณลินซี่มารอพบอยู่ในห้องค่ะ”
ธานีพยักหน้ารับ ยิ้มนิดๆ เปิดประตูเข้าห้องไป
+ + + + + + + + + + + +
ธานีเดินยิ้มแย้มเข้ามาในห้องลินซี่ยืนขึ้น ทั้งสองจับมือกับ
“สวัสดีคุณลินซี่... ผมลืมไป ว่าพวกคุณเป็นคนตรงเวลา”
“ดิฉันอาจจะมาก่อนเวลานิดหน่อย ต้องขอโทษด้วย... ดิฉันใจร้อน เพราะต้องยอมรับว่าสนใจธุรกิจคุณไม่น้อย”
“ยิ่งคุณได้เห็นตัวเลขผลประกอบการของบริษัท คุณจะยิ่งสนใจลงทุนมากขึ้น”ธานีเดินไปที่โต๊ะ “ผมเตรียมเอกสารไว้ให้แล้ว”
“เดี๋ยวนะคุณธานี... เท่าที่รู้ ตอนนี้หลานชายคุณเป็นประธานบริษัทไม่ใช่เหรอ...ถ้าดิฉันสนใจซื้อกิจการคุณขึ้นมาจริงๆ หลานชายคุณจะยอมเหรอ”
ธานียิ้ม
“ผมมีวิธีให้เขายอม ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมวางแผนไว้ คุณจะได้เป็นเจ้าของบริษัทในเครือเทพสุทธิพงศ์คนต่อไป”
ธานียิ้มอย่างมั่นใจมากว่าทุกอย่างจะสำเร็จด้วยดี
จบตอนที่ 16
ติดตามอ่านตอนต่อไป พรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.