ติดตามอ่านได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน เวลา 9.30 น.
ตอนที่ 15
นาวิศนั่งดูแฟ้มเอกสารอยู่ ธานีเดินเข้ามา
“พ่อหลานมีโครงการที่อยากทำ แต่ยังไม่เริ่มตั้งหลายที่ หลานดูแล้วอยากจะไปบุกเบิกที่ไหนเป็นพิเศษรึเปล่า”
นาวิศส่ายหน้า
“ไม่รู้สิครับ... โครงการตลาดสดติดแอร์เราก็เพิ่งเริ่ม ผมยังไม่อยากทิ้งไปดูงานที่อื่น”
“แต่อาคิดว่าหลานน่าจะเริ่มอะไรใหม่ๆมากกว่า หลานจะได้พิสูจน์ตัวเอง...”
นาวิศยืนขึ้น
“เอาเป็นว่า...ผมจะลองดูที่ดินที่ว่างอยู่ตอนนี้ ว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง ผมขอตัวก่อนนะครับ”
นาวิศถือแฟ้มเอกสารเดินออกไป ธานีมองตาม ไม่พอใจ ชาติเข้ามายืนด้านหลังธานี
“นาวิศจะยอมทิ้งออฟฟิศที่กรุงเทพ แล้วไปดูงานที่อื่นอย่างที่นายวางแผนไว้เหรอครับ”
“ฉันจะเกลี้ยกล่อมมันเอง...ถ้ามันไม่ไป แกต้องจับตาดูมันให้ดี จะปล่อยให้นาวิศเจอกับลูกสาวไอ้เคี่ยมอีกไม่ได้เด็ดขาด”
+ + + + + + + + + + +
ปาหนันวางสมุดธนาคารลงบนโต๊ะ...
“เงินเก็บทั้งหมดของหนัน...แปดพันกว่าบาท”
ทับทิมกับเดื่อต่างก็เอาเงินเก็บของตนมาวางรวมกัน
“นี่เงินเก็บของทับทิมค่ะ ประมาณสามพัน”
“ของเดื่อสองพัน”
ทับทิมถอนใจ
“รวมกันได้แค่หมื่นสาม...แล้วเมื่อไหร่ถึงจะพอเป็นค่าผ่าตัดนายเคี่ยมล่ะเนี่ย...”
เจ่งออกมาที่ประตูบ้าน
“รวมของป้าด้วยค่ะ”
ปาหนันตกใจ
“ป้าเจ่ง...”
เจ่งเข้ามาร่วมวง ล้วงหยิบสร้อยทองหนึ่งบาทออกมา
“สมบัติติดตัวป้ามีแค่สร้อยทองนี่เส้นเดียว...ป้าซื้อไว้ตั้งแต่ทองบาทละไม่ถึงหมื่น...ตอนนี้ปาเข้าไปสองหมื่นกว่าแล้ว คงจะพอช่วยได้บ้างนะคะ”
เดื่อถอนใจ
“รู้อย่างนี้ เราน่าจะขโมยเงินคุณธานีที่ออฟฟิศท่าเรือมาด้วย...”
“ไม่จำเป็นหรอก...หนันไม่อยากได้เงินของคนคนนั้น หนันไม่รู้หรอกนะ ว่าเมื่อไหร่เราจะมีเงินพอรักษาพ่อเคี่ยม แต่ถึงยังไง หนันก็จะทำทุกอย่าง เพื่อหาเงินมารักษาพ่อเคี่ยมให้ได้เร็วที่สุด”ปาหนันหน้าตามุ่งมั่น
เจ่งกับทับทิมกุมมือและกอดไหล่ปาหนัน ปาหนันยิ้มให้ อบอุ่นใจ
+ + + + + + + + + + + +
ในไร่ข้าวโพด...พวกคนงานกำลังลำเลียงข้าวโพดขึ้นรถเพื่อไปส่งที่โรงงาน เคี่ยมเข็นรถใส่ข้าวโพดเข้ามา ห่างออกไป ปาหนันกับเจ่งหิ้วปิ่นโตเข้ามา หยุดมอง ปาหนันกับเจ่งต่างก็สะเทือนใจ
“หนันไม่อยากให้พ่อต้องเหนื่อยแบบนี้เลย...”
“ทำไงได้ล่ะคะ เราห้ามนายไม่ให้ทำงานไม่ได้หรอก นายจะสงสัยอาการป่วยของตัวเอง”
ปาหนันมองการทำงานที่เหน็ดเหนื่อยของเคี่ยม หญิงสาวสงสารพ่อจับใจ น้ำตารื้นขึ้นมา เจ่งก็เศร้า แต่ทำเข้มแข็งไว้
“ไม่เอาค่ะคุณหนัน ห้ามทำตาแดงเด็ดขาด นายเคี่ยมจะสงสัยเอา”
ปาหนันกลืนน้ำตา ปลุกปลอบใจตัวเองให้เข้มแข็ง
มุมหนึ่งในฟาร์ม คนงานรีดนมวัวกันอยู่ เคี่ยมเข้ามายกถังนมไป สหัสเห็นก็รีบมาช่วย
“นาย...ไปนั่งพักก่อนเถอะ ที่เหลือผมจัดการเอง”
“ไม่ต้องหรอกน่า สหัส ตอนนี้แกกับฉันอยู่ในฐานะเดียวกัน คือคนงาน อย่าให้ฉันต้องเอาเปรียบแกเลย”
“นายไม่ได้เอาเปรียบผม แต่ผมใช้หนี้บุญคุณนายอยู่ต่างหาก”
สหัสแย่งถังใส่นมจากเคี่ยม เดินผละไป เคี่ยมมองตาม ยิ้มๆ
เคี่ยมก้มหน้าก้มตาเดินเข้ามาในที่พักคนงาน พอเงยหน้าจึงเห็นปาหนันกับเจ่งหิ้วปิ่นโตมายืนรออยู่
“อ้าว ลูกหนัน เจ่ง มาทำอะไรกันที่นี่”
“หนันจะหาร้านฝากขายถุงบุหงาในตลาดน่ะจ้ะ ป้าเจ่งก็เลยชวนให้หิ้วปิ่นโตมาฝากพ่อก่อน พ่อพักเที่ยงหรือยังจ๊ะ”
“ก็ได้เวลาพักแล้วล่ะ แต่รอสหัสกับพวกไอ้แท่นมาก่อนค่อยกินพร้อมพวกมันดีกว่า...อีกเดี๋ยวก็คงจะมา”
ปาหนันเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าพ่อ เคี่ยมมัวแต่มองหาสหัสกับแท่น พอหันมาเห็นปาหนันก็ประหลาดใจ
“อ้าวลูกหนัน ลงมาคุกเข่ากับพื้นทำไม...ลุกขึ้นมา”
เคี่ยมจะรับปาหนันขึ้นมา แต่ปาหนันจับมือเคี่ยมไว้
“พ่อต้องเหนื่อยเพราะหนันมากเหลือเกิน...ส่วนหนันกลับห่วงแต่เรื่อง...เรื่องคุณนาวิศ จนลืมว่าพ่อต้องทำงานหนัก...”ปาหนันกราบตักพ่อ “หนันขอโทษ ยกโทษให้หนันนะจ๊ะ”
เจ่งยืนมองอยู่ นึกสะท้อนใจไปด้วย เคี่ยมรับตัวปาหนันขึ้นมานั่งด้วยกัน ลูบหัวลูกสาวอย่างเอ็นดู
“ลูกหนันไม่จำเป็นต้องขอโทษ เพราะพ่อไม่เคยถือโทษโกรธลูกหนันเลย”
“หนันเคยอยากให้พ่อกลับไปเป็นหัวหน้าคนงานตามเดิม พ่อจะได้ไม่ต้องทำงานหนักแบบนี้...”
“พ่อบอกลูกหนันกี่ครั้งแล้ว...เรื่องที่ระนอง ก็ให้ทิ้งไว้ที่ระนอง พ่อจะไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้ว”
“จ้ะ...หนันเข้าใจแล้ว...เราจะไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้ว”
เคี่ยมแปลกใจ
“ลูกหนันพูดจริงเหรอ”
ปาหนันพยักหน้า
“หนันจะไม่อยู่ในโลกแห่งความฝันอีกแล้ว หนันสัญญา จากนี้ไป หนันจะช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อ...ไม่ให้พ่อต้องเหนื่อยเพราะหนันอีกแล้ว”
เคี่ยมมองลูกสาว ยิ้มน้อยๆ อย่างยินดี ทั้งสองกอดกัน อบอุ่นใจ เจ่งที่มองอยู่แอบเช็ดน้ำตา ซาบซึ้งใจไปด้วย
+ + + + + + + + + + + +
สหัสกับคนงานช่วยกันขนถังเก็บนมขึ้นรถ แต่พอสหัสหันกลับมา ปรากฏว่าปาหนันยืนรออยู่ สหัสชะงักไป
“คุณหนัน...”
ปาหนันเดินเข้ามาหาสหัส
“พ่อรอกินข้าวอยู่ พอดีหนันกับป้าเจ่งเอาปิ่นโตมาส่ง”ปาหนันยื่นขวดน้ำให้ “พักได้แล้วใช่ไหม”
“ครับ”สหัสรับขวดน้ำไป “ขอบคุณครับ”
สหัสยกแขนเสื้อมาซับเหงื่อบนหน้า ปาหนันหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พกมา ยื่นให้สหัส
“ใช้นี่สิ”
สหัสอึ้งไปปาหนันยิ้มๆ
“หรือว่ากลัวใช้ผ้าเช็ดหน้าแล้วไม่แมน ต้องใช้แขนเสื้อเช็ดเท่านั้น”
“ผมกลัวจะทำผ้าเช็ดหน้าคุณหนันเลอะต่างหาก”
“ถ้ากลัวเลอะหนันไม่หยิบออกมาให้หรอก...รับไปสิ”
สหัสยิ้มรับผ้าเช็ดหน้าไป
“ขอบคุณครับ”
แท่นเดินมา เห็นสหัสรับผ้าเช็ดหน้าไปจากปาหนัน เช็ดหน้า ทั้งสองพูดคุยกันยิ้มๆ แท่นพึมพำกับตัวเอง
“คุณหนันยอมทำดีกับพี่สหัสแล้วเหรอเนี่ย”แท่นยิ้มดีใจกับลูกพี่
สหัสกับปาหนัน ต่างยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกดี
+ + + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น...นาวิศกำลังนอนหลับ ที่หัวเตียงมีถุงบุหงารำไปแขวนอยู่ นาวิศหลับ หน้าเครียด ฝันไป นาวิศฝันว่าเขาเด็ดดอกหญ้าและเห็นภาพถุงบุหงา เสียงปาหนันดังเข้ามา
“มวกเหล็ก สระบุรี”
ภาพในฝันเขาเห็นเสี้ยวหน้าของปาหนัน ที่มีผมปิดบังใบหน้าด้านข้าง ทำให้เห็นหน้าไม่ชัดเจน นาวิศตกใจตื่นลุกขึ้นนั่ง หันไปหยิบถุงบุหงา แล้วครุ่นคิด หน้าเครียด
“มวกเหล็ก สระบุรี...”
เช้าวันใหม่...รสาเคาะเปิดประตูเข้ามาเห็นนาวิศกำลังเก็บกระเป๋าเดินทาง ก็แปลกใจ
“คุณนาวิศ จะไปไหนคะ”
“ผมจะไปดูที่สำหรับโครงการใหม่”
ธานีเดินผ่านมาที่ประตู ชะงักยิ้ม
“ไปเมื่อไหร่คะ”
“วันนี้”
“วันนี้” รสาแกล้งงอน “แหม...ไม่เห็นชวนรสาซักคำเลยนะคะ”
“ผมไปทำงานนะรสา ไม่ได้ไปเที่ยว”
“แต่ออกนอกกรุงเทพทั้งที เราก็น่าจะหาเวลาพักผ่อนบ้างนะคะ ถ้าคุณอนุญาต รสาจะรีบเก็บกระเป๋า ตามคุณไปทุกที่เลย...ให้รสาไปด้วยนะคะ”
ธานีเดินเข้ามา รีบเสริม
“หลานน่าจะไปหลายวัน ให้รสาตามไปช่วยดูแลก็ดีนะ”
“หน้าที่ของรสาคือดูแลอาระรินครับ ไม่ใช่ผม”
“แต่หลานสองคนเป็นคู่หมั้นกัน ก็ต้องดูแลกันและกันด้วย เรื่องอาระรินไม่ต้องเป็นห่วงหรอก อาดูแลเขาเองได้”
นาวิศนิ่งไป แต่แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้
“ครับ...ผมให้รสาไปด้วยก็ได้...”
ธานียิ้ม
“แต่ผมจะพาอาระรินไปด้วย”
ธานีชะงักไป แต่แล้วก็ยิ้มออกมา
“ก็เอาสิ...ถ้าเขาดีขึ้น แล้วพร้อมที่จะเดินทางไปกับหลานได้”
รสาได้ยิน นึกแปลกใจกับท่าทีของธานี นาวิศมองท่าทางอาการของทั้งรสาและธานีอย่างสังเกต ธานีหันกลับออกไป ยิ้มเหี้ยม
+ + + + + + + + + +
ธานีเข้ามาในห้องทำงานหยิบส่งเข็มฉีดยาส่งให้ชาติ
“จัดการซะ”
ชาติค้อมหัวรับ เดินออกไปแล้วปิดประตู ธานียิ้มสมใจ...แต่แล้วก็ขมวดคิ้ว รู้สึกระแวงขึ้นมา
ชาติเดินไปตามทางเดิน ไปยังบ้านที่ขังระริน เดินมาถึงหน้าบ้าน หยิบกุญแจออกมา กำลังจะไขประตู แต่ชะงัก ได้ยินเสียงใครบางคนที่ข้างตัวบ้าน
“ใคร”
นาวิศเดินออกมาจากข้างตัวบ้าน
“มาทำอะไรที่นี่”
ชาติชะงัก ไม่คิดว่าจะเจอนาวิศ
“ผมมีหน้าที่ตรวจเช็คอาการของคุณระริน”
“งั้นก็เปิดประตู ฉันจะเข้าไปเยี่ยมอาระรินด้วย”
ธานีเดินมายืนแอบมอง พึมพำกับตัวเอง
“ไอ้นาวิศมันไม่โง่จริงๆ”
ธานีนึกโกรธ แต่ก็รีบผลุบไปทางหลังบ้าน หยิบลูกกุญแจที่ซ่อนอยู่ใต้กระถางต้นไม้มาไขประตูอย่างรีบร้อน
หน้าบ้าน ชาติยังนิ่งอยู่ นาวิศย้ำ
“เปิดประตู”
ชาติหยิบพวงกุญแจออกมา ท่าทางอิดออด นาวิศคว้าไปจากมือชาติ ลองใช้ลูกกุญแจไขกุญแจทีละดอก...นาวิศเปิดประตูเข้ามาร้องเรียก
“อาระรินครับ...อาระริน...”
นาวิศเดินเข้าไป ชาติตามเข้าประตูมา จับปืนที่เหน็บเอว กระชับในมือ แล้วตามนาวิศเข้ามาในบ้าน
ระรินนอนหลับอยู่ที่เตียง ได้ยินเสียงนาวิศร้องเรียกเข้ามา
“อาระรินครับ”
ระรินรู้สึกตัวตื่น เสียงนาวิศยังดังเข้ามาง
“อาระริน...”
ระรินตะลึง
“คุณนาวิศ...”
ระรินลุกพรวดขึ้น แต่แล้วโดนมือใครบางคนเข้ามาปิดปากอย่างรวดเร็ว ธานีล็อคตัวระรินไว้ มือข้างหนึ่งหยิบเข็มฉีดยาออกมาจากการะเป๋าเสื้อคลุม ระรินพยายามดิ้นหนี
นาวิศเดินมามองหน้าห้องอย่างไม่แน่ใจ แล้วเคาะประตู ระรินพยายามดิ้น แต่โดนธานีล็อคไว้แล้วฉีดยา
“อาระริน...”
นาวิศลองเปิดประตู ปรากฏว่าประตูไม่ได้ล็อค ชาติจับปืนที่ซ่อนไว้ในเสื้อ ถ้านาวิศระแคะระคายความจริง เขาจำเป็นต้องจัดการ นาวิศเข้ามาในห้องปรากฏว่าเห็นระรินนั่งคุดคู้อยู่ที่พื้น นาวิศรีบเข้ามาหาระริน
“อาระริน เป็นอะไร”
ระรินท่าทางเบลอๆ กึ่งหวาดกลัว มองนาวิศอย่างคนไม่รู้จัก
“ค...ใคร...ปล่อยฉัน...กลัวแล้ว”
ชาติเห็นอาการระริน รู้ว่านาวิศจะไม่ได้เรื่องอะไรจากระรินก็ยิ้ม เก็บปืน นาวิศมองระรินอย่างหนักใจ
“ผมเป็นหลานอาระริน...ไม่ต้องกลัวนะครับ ขึ้นไปนอนบนเตียงเถอะ”
นาวิศประคองระรินไปที่เตียง ระรินมีอาการคอพับคออ่อน ไม่มีเรี่ยวแรง ธานียืนหลบอยู่แสยะยิ้ม
+ + + + + + + + + + + +
ปาหนันเข้ามาใน ตลาดมวกเหล็ก เธอเอาบุหงารำไป ไปเสนอขายกับร้านค้า เจ้าของร้านค้าดูบุหงารำไปอย่างพิจารณา ปาหนันกับเจ่งแอบเหลือบมองกัน ลุ้น
“เสวยดีนะ ฝีมือประณีต”
ปาหนันยิ้มกับเจ่งอย่างดีใจ เจ้าของร้านส่งถุงบุหงาคืนให้ปาหนัน
“แต่ร้านพี่คงไม่รับซื้อหรอก...ของแบบนี้มันขายไม่ค่อยได้”
เจ่งหน้าเหวอ
“อ้าว...ไหนเมื่อกี๊คุณยังชมอยู่เลยว่าสวย”
“ก็สวย แต่บอกแล้วไงว่าของแบบนี้คนไม่ค่อยซื้อ”
“ขอร้องเถอะนะจ๊ะ พี่ให้ฉันฝากวางขายในร้านดูซักอาทิตย์สองอาทิตย์”ปาหนันอ้อนวอน
“ฉันให้ฝากวาง แล้วฉันจะได้อะไรล่ะ...เปิดร้านขายของก็ต้องหวังกำไร คงเข้าใจนะ”
ปาหนันเศร้าไป
“แต่พวกฉันมาจากต่างจังหวัด ไม่รู้ที่ทางทำมาหากินที่นี่...ขอร้องเถอะนะจ๊ะ พี่ช่วยฉันหน่อย”
เจ้าของร้านเห็นหน้าปาหนันก็สงสาร เปิดลิ้นชักหยิบกระดาษเล็กๆออกมาแผ่นหนึ่ง ส่งให้ปาหนัน
“ถ้าอยากหางานหาเงินก็ลองไปที่นี่ดู เขากำลังต้องการคนทำงานบ้าน”
ปาหนันหน้าเศร้ารับกระดาษแผ่นนั้นดู เจ่งคว้าไป ขยำทิ้งลงพื้นทันที
“ช่วยไม่ได้ก็ไม่ต้องช่วย อะไรกัน มาฝากขายของ กลับมาแนะนำให้ไปเป็นคนใช้”
ปาหนันดึงแขนเจ่ง ปราม
“ยายเจ่ง...”
เจ้าของร้านมองหน้าเจ่ง
“เอ้า...ก็แม่หนูนี่บอกว่าอยากหาเงินช่วยทางบ้าน...”
“ไม่ต้องมาหวังดี” เจ่งหันไปดึงแขนปาหนัน “ไปค่ะคุณหนัน”
“ยายเจ่งก็ เป็นอะไรนะ”ปาหนันหันยิ้มให้เจ้าของร้าน “ขอโทษด้วยนะจ๊ะ”
“ขอท่งขอโทษอะไรล่ะคะ...มาเร็ว”
เจ่งขัดใจ เดินออกไปก่อน ปาหนันเหลือบมองกระดาษที่เจ่งทิ้งลงพื้น
เจ่งยืนรออยู่ ท่าทางขัดใจ ปาหนันตามออกมา
“เร็วๆสิคะคุณหนัน ชักช้าจริง”
“เลิกโมโหซะทีป้าเจ่ง เดี๋ยวก็ความดันขึ้นหรอก”
“ก็มันอดไม่ได้นี่คะ อะไรกัน มาฝากของขาย กลับจะให้ไปเป็นคนใช้ บ้ารึเปล่า”
“เขาก็แค่อยากจะช่วย คงไม่คิดจะดูถูกดูแคลนเราหรอก”
“อย่างนี้ยังไม่เรียกดูถูกอีกเหรอคะ ป้าเลี้ยงคุณหนันมาอย่างดี ไม่ยอมให้ไปเป็นคนใช้หรอก”
ปาหนันถอนใจ
“เอาล่ะ หนันว่าป้าเจ่งกลับบ้านไปสงบสติอารมณ์ก่อนดีกว่า เดี๋ยวหนันไปต่อคนเดียว”
“อ้าว...ได้ยังไงล่ะคะ”
“ไม่รู้ล่ะ...หนันไม่อยากให้ป้าเจ่งไปเที่ยวทะเลาะกับชาวบ้านเขาอีก”
“ก็ได้ค่ะ อ้อ...แต่ถ้าใครมาหวังดี แนะให้ไปเป็นคนใช้อีกก็ด่ากลับไปเลยนะคะ”
ปาหนันเหนื่อยใจ เจ่งหันไปค้อนร้านค้าอีกครั้ง ก่อนจะเดินย้อนกลับไป ปาหนันมองตามครู่หนึ่ง หันกลับมา ล้วงกระดาษจดที่อยู่ของบ้านที่จะรับคนงานซึ่งเจ่งขยำทิ้งขึ้นมาดูอย่างครุ่นคิด
อ่านต่อหน้าที่ 2
ตอนที่15(ต่อ)
ปาหนันมาสมัครงานตามที่อยู่ในกระดาษ โดยไม่รู้ว่า บ้านหลังใหญ่โอ่อ่าตระการตาหลังนี้คือบ้านของนาวิศ
ปาหนันยืนอยู่ในห้องรับแขก มองรอบๆ เห็นผ้าขาวคลุมเฟอร์นิเจอร์ในบ้านไว้หมด แต่ภายในบ้านดูหรูหรา สุชายเดินเข้ามาที่ปาหนัน
“บ้านนี้ถูกทิ้งไว้เฉยๆนานมากแล้ว ฝุ่นผงเลยเกาะหนาไปหมด...ฉันอยากให้เธอเร่งทำความสะอาด ทำให้บ้านมันกลับมาอยู่ได้อีกครั้ง”
ปาหนันพยักหน้ารับ
“ได้ค่ะ...ดิฉันจะตั้งใจทำงานอย่างดีที่สุด”ปาหนันไหว้สุชาย “ขอบพระคุณมากนะคะ ที่ให้งานดิฉัน”
สุชายรับไหว้
“เออ...ฉันต้องขอบัตรประจำตัวของเธอไปถ่ายสำเนาด้วย...ถึงแม้จะเป็นแค่คนทำงานบ้าน แต่ก็ต้องมีหลักฐานจ้างงาน...สมัยนี้เราไว้ใจใครไม่ได้ เข้าใจใช่ไหม”
ปาหนันพยักหน้ารับ หยิบบัตรประจำตัวจากกระเป๋าตังค์ที่พกไว้ ยื่นให้สุชาย สุชายรับไป เดินหายเข้าไปในบ้าน ปาหนันมองรอบบ้านอีกครั้ง ยิ้มดีใจกับตัวเอง
“พ่อจ๋า...หนันได้งานแล้ว...หนันจะเก็บเงินเป็นค่ารักษาให้พ่อ พ่อรอหน่อยนะจ๊ะ...เจ้าของบ้านก็ดูจะใจดี เราโชคดีจริงๆ ที่ได้งานที่นี่”
หลังจากถ่ายเอกสารหลักฐานเสร็จแล้ว สุชายเดินออกมาหน้าบ้าน ปาหนันเดินตามมาส่งที่ประตู
“คิดว่าวันนี้ฉันคงไม่กลับเข้ามาแล้ว ถ้าเสร็จงานก็กลับได้เลย แล้วก็ปิดบ้านไว้ดีๆ”
“ค่ะคุณท่าน”
“ไม่ต้องคุณท่งคุณท่านหรอก...เรียกฉันว่าคุณสุชายแล้วกัน ฉันไปล่ะ”
“ค่ะ คุณสุชาย”
สุชายเดินไปที่รถซึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน ปาหนันยิ้มกับตัวเอง
“ได้เวลาเริ่มงานแล้ว”
ปาหนันกลับเข้าไปในบ้าน เริ่มงานที่ห้องรับแขก ดึงผ้าคลุมโซฟาอกอย่างแรง ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย ปาหนันสำลัก ปาหนันนำผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์เข้ามาใส่เครื่องซักผ้า ในห้องซักผ้า เธออ่านปุ่มโปรแกรมต่างๆแล้วกดเลือกโปรแกรม มองหาผงซักฟอกนำมาใส่ในเครื่อง เครื่องซักผ้าเริ่มทำงาน ปาหนันยิ้มภูมิใจกับตัวเอง
+ + + + + + + + + + + +
นาวิศยืนรออย่างร้อนใจ คอยมองออกไปหน้าบ้าน ธานีเห็นอาการนาวิศก็แอบยิ้ม นาวิศหันมาถามธานี “หมอยังไม่มาอีกเหรอครับ”
“คงไม่มาแล้วล่ะ”
“ไหนคุณอาบอกว่า โทรตามหมอประจำตัวของอาระรินแล้ว”
“อาโทรแล้ว แต่หมอเขาบอกให้ให้ยาระรินตามที่เขาจัดไว้ให้”
“แค่นั้นเหรอครับ”
“หลานอาจจะไม่คุ้น แต่อาการของระรินเขาก็ขึ้นๆลงๆแบบนี้เป็นประจำ...อาว่าหลานอย่าเป็นห่วงให้มากนักเลย หลานมีงานต้องไปดูก็ไปเถอะ”
รสาหิ้วกระเป๋าออกมาพอดี ธานียิ้ม
“รสาก็พร้อมแล้ว”
รสาเป็นห่วงระริน
“รสาขอไปเยี่ยมพี่รินก่อนได้ไหมคะ”
ธานีทำหน้าดุใส่
“ก็บอกแล้วไงว่าระรินไม่ได้เป็นอะไรมาก ฉันจะดูแลเขาเอง”
รสาจ๋อยไป นาวิศเห็นธานีดูไม่เป็นห่วงระริน รู้สึกขัดใจ
“ในเมื่ออาระรินอาการกำเริบขึ้นมาอย่างนี้ ผมคงไม่สบายใจ ถ้าจะทิ้งไปเฉยๆ”
“หมายความว่าหลานจะไม่ไปดูที่สำหรับโครงการใหม่แล้วงั้นเหรอ”
“เปล่าครับ ผมจะไป...แต่ผมจะให้รสาอยู่ดูแลอาระรินที่นี่”
ธานีขัดใจ แต่จำต้องเก็บอาการไว้ เหลือบมองรสาอย่างตำหนิ รสาก้มหน้า รู้สึกหวั่นใจ
+ + + + + + + + + + + +
นาวิศหิ้วกระเป๋าออกมา ธานีกับรสาเดินตามมา ธานีส่งสายตาให้ รสาเข้าใจความหมาย จำใจต้องไปขอร้องนาวิศ
“คุณนาวิศคะ...คุณธานีคงดูแลพี่รินได้ ให้รสาตามไปดูแลคุณดีกว่านะคะ”
นาวิศหันมองรสา
“รสา คุณไม่เป็นห่วงพี่สาวมั่งเหรอ”
รสาอึกอัก
“ก็...ห่วงสิคะ แต่ที่นี่ยังมีคุณธานีอยู่ทั้งคน”
นาวิศเหลือบมองทางธานี
“คุณอางานยุ่งพออยู่แล้ว ผมไม่อยากทิ้งภาระให้ต้องดูแลคนป่วยอีก...คุณอยู่ช่วยอาธานีดูแลอาระรินที่นี่แหละ”
“แต่...”
นาวิศไม่ฟังอีกต่อไป เดินไปขึ้นรถขับออกไป ธานีมองตามอย่างเจ็บใจ หันมอง โทษรสา
“ไม่ได้เรื่อง”ธานี จิ้มหัวรสาแรง “ฉันน่าจะฉีดยาให้เธอเป็นบ้าไปอีกคนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย”
“แต่รสาไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ”
“ก็เพราะเธอไม่ทำนั่นแหละ ลืมแล้วเหรอว่าเธอมีหน้าที่ดูนาวิศแทนฉัน ไม่ให้ความทรงจำมันกลับมา”
“ก็เขาไม่ยอมให้รสาไปด้วยนี่คะ”
“ยังไงฉันก็ถือเป็นความผิดของเธอ ถ้านาวิศเกิดจำอะไรขึ้นมาได้ เธอกับพี่สาวเธอเดือดร้อนแน่”
ธานีเดินกลับเข้าบ้าน รสามองตามอย่างหนักใจ
+ + + + + + + + + + + +
ปาหนันเปิดประตูห้องน้ำเข้ามา มองรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ
“ห้องน้ำสวยจัง”
ปาหนันเอานิ้วป้ายกระจก
“ขี้ฝุ่นหนาเตอะเลย”
ปาหนันเปิดน้ำรองไว้ในซิงค์ไว้เช็ดทำความสะอาด แต่แล้วมีเสียงดัง ปี๊บๆๆๆเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปาหนันแปลกใจ
“เสียงอะไร”
ปาหนันเดินออกไปดู โดยลืมปิดก๊อกน้ำ แล้วเดินไปตามเสียงจึงรู้ว่าเป็นเสียงร้องเตือนเมื่อเครื่องซักผ้าทำงานเสร็จ
“แหม...ซักเสร็จแล้วมีเสียงเตือนด้วย ดีจัง”
ปาหนันมาดูที่เครื่อง กดปุ่มปิดเครื่อง หยิบผ้าออกมาใส่ตะกร้า
ปาหนันถือตะกร้าผ้าออกมาตากที่ราวตากผ้าหลังบ้านมองไป เห็นกระถางไม้ดอกสวยงามมากมายก็ยิ้มพึวใจ
“สวยจัง...”
ปาหนันวางตะกร้าผ้า เดินไปดูดอกไม้อย่างชื่นชม ลืมตัว แล้วเหลือบไปเห็นกระถางกุหลาบ ปาหนันชะงัก นึกถึงภาพของเธอกับนาวิศที่เคยช่วยกันทำบุหงา ปาหนันสะท้อนใจ
‘…ปาหนัน เธอจะไปคิดถึงเขาอีกทำไม ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด คือต้องรีบหาเงินมารักษาพ่อเคี่ยม...ไม่มีเวลามาคิดถึงคนไม่มีหัวใจคนนั้นอีกแล้ว…’
ปาหนันปลุกปลอบใจตัวเอง กลับไปที่ตะกร้าผ้า หยิบผ้าขึ้นมาตาก
หลังจากตากผ้าเสร็จแล้ว ปาหนันถือตะกร้าผ้ากลับเข้ามา รู้สึกถึงความผิดปรกติ ก้มดูที่เท้า ที่พื้นเจิ่งนองไปด้วยน้ำ ปาหนันตกใจ นึกขึ้นมาได้
“ตายแล้ว”
ปาหนันวิ่งเข้ามาในห้องน้ำ เห็นก๊อกน้ำเปิดอยู่ ปาหนันจะวิ่งไปปิด เกือบลื่นไถล รีบประคองตัวไว้ แล้วรีบปิดน้ำ ดึงที่อุดท่อน้ำออกที่ระบายตรงพื้นห้องน้ำมีเศษผมคาอยู่น้ำจึงไม่ระบาย ปาหนันรีบสวมถุงมือทำความสะอาด หยิบผมที่คาอยู่ไปทิ้ง เธอมองเห็นพื้นเจิ่งนองไปด้วยน้ำ ออกไปถึงหน้าห้องน้ำ ปาหนันเดินไปมองที่นอกห้องน้ำ หยิบพรมเช็ดเท้าขึ้นมา พรมชุ่มน้ำจนน้ำหยดเป็นทาง ปาหนันหน้าเสีย
“งานใหญ่แล้วสิ...เอาไงดี”
+ + + + + + + + + + + +
เจ่งนั่งเด็ดผัก เตรียมทำกับข้าวสำหรับมือเย็น หันมองนาฬิกา เห็นว่าห้าโมงแล้ว เจ่งบ่นกับตัวเอง
“ป่านนี้ทำไมคุณหนันยังไม่กลับอีกนะ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เจ่งวางมือ เดินไปรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
ปาหนันคุยโทรศัพท์อยู่ที่บ้านนาวิศ
“ป้าเจ่ง หนันเองนะ”
“อ้าวคุณหนัน...ป้ากำลังห่วงอยู่เชียว อยู่ไหนคะเนี่ย เย็นแล้วทำไมไม่กลับบ้านซะที”
“คือ...หนันได้งานแล้วน่ะจ้ะ”
เจ่งหน้าตึง
“อย่าบอกนะคะ ว่าไปทำงานเป็นคนใช้อย่างที่แม่นั่นแนะนำ”
ปาหนันสะดุ้งเฮือก
“เปล่าซะหน่อย...คือ มีร้านนึง เขาจ้างหนันเช็คสต็อกสินค้า ให้เริ่มงานเลย หนันเลยโทรมาบอกว่าจะกลับค่ำๆหน่อยน่ะจ้ะ”
“ร้านไหนคะ ขากลับจะได้ไปรับ”
“แหม ป้าเจ่งก็ จะห่วงอะไรนักหนา...อุ๊ย เหรียญหมดแล้ว แค่นี่ก่อนนะจ๊ะ”
“เดี๋ยวค่ะ...แน่ใจนะคะ ว่าไม่ได้แอบไปสมัครเป็นคนใช้”
ปาหนันหน้าเสีย ตัดสินใจวางหูโทรศัพท์ไปเลย
“คุณหนัน...สายหลุดไปแล้วเหรอ”เจ่งวางสาย ถอนใจ
ปาหนัน รู้สึกผิด
“หนันขอโทษนะจ๊ะ ที่ต้องโกหก”
ปาหนันถอนใจ ก่อนจะหันมองพื้นบ้านที่น้ำนอง เปียกแฉะ
“เพราะความสะเพร่าของเราแท้ๆ”
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น ปาหนันใช้ไม้ม็อบเช็ดพื้นบ้านอย่างเหน็ดเหนื่อย แล้วได้ยินเสียงไขประตูบ้านปาหนันชะงัก
“คุณสุชายบอกว่าวันนี้จะไม่กลับเข้ามาแล้วนี่”
ปาหนันแปลกใจ เดินมาเปิดประตูเห็นชายฉกรรจ์คนหนึ่งยืนอยู่ ปาหนันตกใจ
“ค...คุณเป็นใคร”
คนร้ายยิ้มหื่น
“แล้วน้องล่ะเป็นใคร”
ปาหนันเห็นท่าว่าผู้ชายไม่ได้มาดี จะปิดประตู แต่คนร้ายผลักประตูไว้ ทั้งสองออกแรงดันสู้กัน แต่สุดท้าย ปาหนันสู้แรงคนร้ายไม่ได้ คนร้ายผลักประตูเข้ามาอย่างแรง ปาหนันเสียหลักลื่นไปกับพื้น
“โอ๊ย!”
ปาหนันหันไปมอง คนร้ายปิดประตู ย่างสามขุมเข้ามาหา ปาหนันกลัว ถดตัวถอยหนี
“จ...จะทำอะไรฉัน”
คนร้ายยิ้มหื่น จะเข้ามาตะครุบปาหนัน ปาหนันตะกายหนีไปได้ทัน รีบฉวยไม้ถูพื้นมาเป็นอาวุธ ฟาดใส่คนร้าย คนร้ายหลบทัน ยิ้มสนุก ปาหนันหวดไม้อีกก็ไม่โดน ปาหนันเปลี่ยนมาหวดใส่หน้าแข้งคนร้าย คนร้ายเสียจังหวะปาหนันได้โอกาสหวดซ้ำใส่หัวคนร้าย โดนจังๆ ปาหนันจะหวดซ้ำ คนร้ายจับไม้เอาไว้ได้ ยื้อไว้ คนร้ายเริ่มโกรธ
“ชักจะไม่สนุกแล้วนะ”
คนร้ายกระชากไม้ไปได้ ปาหนันตกใจ วิ่งหนีทันที คนร้ายรีบวิ่งตาม
“ช่วยด้วย!”
ปาหนันวิ่งมาที่บันได คนร้ายตามมา ปาหนันวิ่งขึ้นบันได คนร้ายคว้าข้อเท้าของเธอไว้ คนร้ายกระชากขาปาหนันลงมา ปาหนันกลิ้งลงมาจากบันไดท่าทางเจ็บอยู่ไม่น้อย พยายามจะลุกหนี
“อ...อย่า...ช่วย ด้วย...”
คนร้ายจับปาหนันกระแทกกับผนังห้อง ร่างของเธอค่อยๆทรุดลงกับพื้น ตาปรือ กำลังจะหมดสติ คนร้ายยิ้มหื่น ถอดเข็มขัด
“สวยอย่างนี้ เป็นเมียพี่ดีกว่านะน้อง”
ปาหนันกำลังจะหมดสติ หมดแรงต่อสู้ คนร้ายกำลังจะปลดกางเกง แต่มีมือข้างหนึ่งมาแตะที่ไหล่ คนร้ายหันไป ปรากฏว่าเป็นนาวิศ นาวิศต่อยหน้าคนร้ายเซไปกองกับพื้น ปาหนันที่กำลังจะหมดสติมองไปสายตาเบลอๆ เห็นนาวิศต่อสู้กับคนร้าย
“คุณ...นาวิศ...”
ปาหนันสลบ คอพับไปด้านหนึ่ง นาวิศต่อสู้กับคนร้าย นาวิศเป็นฝ่ายได้เปรียบ คนร้ายรู้ตัวสู้ไม่ได้ หยิบมีดพับออกมา จังหวะเดียวกัน นาวิศก็ก้มหยิบไม้ถูพื้น คนร้ายยื่นมีดเข้ามาก็โดนนาวิศฟาดมือจนมีดกระเด็นหลุดมือ คนร้ายตกใจหันมอง นาวิศปล่อยหมัดเข้าเต็มหน้าคนร้าย ล้มสลบไปทันที นาวิศเป่าปาก หันกลับไปมองหญิงสาวเคราะห์ร้าย
ปาหนันคอพับสลบพิงผนังบ้านอยู่ ผมตกลงปรกหน้า เห็นใบหน้าไม่ชัด นาวิศมองคนร้ายแวบหนึ่ง เห็นมันยังไม่ไหวติง เดินไปที่หญิงสาว
“คงเป็นคนงานที่คุณสุชายจ้างไว้”นาวิศก้มลงมาแตะตัวปาหนัน “นี่เธอ...เป็นอะไรรึเปล่า”
นาวิศดึงหญิงสาวคนนั้นให้หันหน้ามา จึงเห็นว่าเป็นปาหนัน นาวิศอึ้งไป
“คุณ...”
ปาหนันยังสลบ ไม่ได้สติ
จบตอนที่ 15
ติดตามอ่านตอนต่อไปพรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.