รอยไหม ตอนที่ 25
พระชายาใจสั่นจะเป็นลม บริวารพัดวีหมอบเฝ้า เจ้าหลวงเดินพล่านนั่งไม่ติดที่...
“พรากลูกเปิ้นมาทั้งคน ถ้าดูแลเปิ้น บ่ดีจนต้องมีอันเป็นไป เฮาจะมีหน้าไปเจอเจ้าหลวงเชียงตุงเปิ้นได้จะได”
ทุกคนกังวล พุ่งความสนใจไปที่ห้องมณีริน ขณะเดียวกัน เม้ยพุ่งเข้ามา ถูกบริวารจับไว้ เม้ยตวาดลั่น
“ปล่อยกู...ไอ้พวกบ้า กูจะเข้าเฝ้าเจ้าหลวงกับแม่เจ้า จะไดจะเข้า บ่ ได้ กูมีเรื่องสำคัญต้องกราบทูลเปิ้น ปล่อยกู”
เม้ยสบัดหลุดพรวดพราดเข้ามา
“พ่อเจ้า แม่เจ้า ช่วยหม่อมเปิ้นด้วยเต๊อะเจ้า”
“อะหยังของเอ็ง นังเม้ย...ทะเล่อทะล่าเข้ามา” เจ้าหลวงตวาด
“ข้าเจ้าฮู้ว่า หมอเปิ้นอยู่ที่นี่ ขอหมอไปช่วยฮักษาหม่อมเปิ้นด้วยเต๊อะเจ้า”
คำเที่ยงออกมาจากห้องมณีรินพอดี เพราะได้ยินเสียงดังเอะอะ
“บัวเงินเป็นอะหยัง นังเม้ย” พระชายาถามอย่างสงสัย
“หม่อมเปิ้นตกบันไดกะเจ้า”
พระชายากับ เจ้าหลวงตกใจ เม้ยร้องไห้ฟูมฟาย
“เลือดไหลออกมานักขนาด สงสัยว่า เปิ้นจะแท้งแล้วกะเจ้า”
พระชายาตกใจร้องเสียงหลง เจ้าหลวงยิ่งเครียด
“อะหยังกันนักหนา มีแต่เรื่อง บ่ จบ บ่ สิ้น”
“เจ้าหลวงรีบสั่งหมอ ไปฮักษาหม่อมเปิ้นเต๊อะ”
“มึง บ่ หันก๊ะว่าหมอเปิ้นฮักษาเจ้านางน้อยเปิ้นอยู่ มึงต้องคอย”
“เจ้าหลวง บ่ คิดว่า ลูกในท้องของหม่อมเปิ้นเป็นหลานก๊ะ ถึงจะต้องให้คอย”
เจ้าหลวงโกรธจัดชี้หน้า
“อีเม้ย อีไพร่ระยำ มึงอู้อะหยังออกมา มึงฮู้ตัวมึงก่อ”
เม้ยจำใจก้มหน้าลงทั้งที่ตายังแข็งกร้าว กันฟันแน่น
“นี่มันเคราะห์กรรมอะไรกันนักหนา ถึงมีแต่เรื่องร้าย ๆ ไม่จบสิ้น” พระชายาร้องไห้
+ + + + + + + + + + + +
มณีรินนอนหลับตาอยู่บนเตียง หมอตรวจอาการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ศิริวัฒนานั่งเฝ้าอย่างเป็นห่วง
“เจ้านางน้อยเปิ้นปลอดภัยแล้ว บ่มีอะหยังต้องเป็นห่วง ปล่อยให้เปิ้นพักผ่อนนักๆ บ่ เมินก็แข็งแรงเหมือนเดิมครับเจ้า”
“ยินดีเน้อหมอ จะฮั้นเฮาฝากไปดูเจ้าศิริวงศ์ด้วย”
“ครับเจ้า”
คำเที่ยงคลานกลับเข้ามาในห้อง ศิริวัฒนาถามขึ้นอย่างสงสัย
“เสียงเอะอะอะหยังข้างนอก คำเที่ยง”
“นังเม้ยมันมาตามหมอ ให้ไปช่วยดูหม่อมบัวเงินเปิ้นเจ้า”
มณีรินลืมตาขึ้น
“มัน บ่ ฮู้ก๊ะว่ามีคนเจ็บที่หมอเปิ้นต้องดูแล นายมันจะเป็นอะหยังนักหนา นอกจากแพ้ท้อง อ้วกแตก อ้วกแตน” ศิริวัฒนาโมโห
“นังเม้ยมันว่าหม่อมเปิ้นตกบันไดตกเลือด สงสัยจะแท้งลูกเจ้า”
ศิริวัฒนาอึ้งไป
“ให้หมอเปิ้นรีบไปดูเอื้อยเปิ้นเต๊อะเจ้า” มณีรินพูดขึ้นเสียงแหบพร่า
หมอมองศิริวัฒนาแล้วถาม
“แล้วเจ้าน้อยล่ะครับเจ้า”
“อ้ายพันเปิ้นดูแลอยู่ คง บ่ หนักหนานักดอก”
“ครับ...เจ้า”
หมอรีบออกไป ศิริวัฒนากุมขมับ
“เจ้าอ้ายควรจะไปเยี่ยมเอื้อยบัวเงินเปิ้นนะเจ้า เปิ้นคงต้องการกำลังใจนักๆ”
มณีรินบอก ศิริวัฒนายิ่งเครียดหนัก
+ + + + + + + + + + + +
บัวเงินค่อยๆลืมตาขึ้น เพลียสุดๆ เม้ยหมอบเฝ้าอยู่ข้างเตียง ตัวมันเองก็นิ่งเงียบจนน่ากลัว
“อีเม้ย...”
“กะเจ้าหม่อม”
“หมอเปิ้นว่าจะได ลูกกู...รอดไหม”
เม้ยน้ำตาร่วง...ส่ายหน้า บัวเงินน้ำตาไหลออกมา
“อีมารมณีริน มันขัดขวาง แม้แต่คราวที่กูจะได้เป็นแม่คน”
เม้ยซับน้ำตาป้อยๆ
“แล้วเจ้าอ้าย เปิ้นมาเยี่ยมกูก่อ”
“พอหมอมา เปิ้นก็ตามมา นั่งอยู่กะเดี๋ยวนึง”
“เปิ้นไห้ก่ออีเม้ย พอฮู้ว่าลูกเปิ้นตายแล้ว”
“เปิ้น บ่อู้อะหยังซักคำ นั่งอยู่เดี๋ยวเดียว เปิ้นก็ปิ๊กไปเจ้า”
“เปิ้นคงจะห่วงอีมณีรินมันมากกว่ากู อีเม้ย...มนต์ฮ้องผัวของกูมันคงจะเสื่อมไปหมดแล้ว วาสนาของกูมันก็คงเป็นได้แค่นี้”
“หม่อมอย่าเพิ่งหมดหวังเลยเจ้า”
“กู บ่ ดีตรงไหน ใครต่อใครถึงเห็นอีมณีรินมันเหนือกว่ากู”
“ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษคนที่ลำเอียงที่สุดละเจ้าหม่อม”
บัวเงินนิ่งไปนาน แล้วพูดขึ้น...
“เจ้าหลวง”
+ + + + + + + + + + + +
ศิริวงศ์พยายามยันกายขึ้นนั่ง หลังจากนอนรักษาตัวอยู่นานแล้ว...
“สองสามวันนี้ยังไงเจ้าก็ต้องกินยาหม้อนี้ให้หมด จะได้ล้างพิษที่อาจจะเหลืออยู่เน้อ” สล่าพันกำชับ
“เจ้านางน้อย เปิ้นเป็นจะไดพ่องอ้ายพัน”
“เปิ้นปลอดภัยแล้ว บ่ ต้องเป็นห่วงเปิ้นดอกเจ้า ผมละตกใจแทบตาย พอฮู้ว่าเจ้านางน้อยเปิ้นดูดพิษงูให้เจ้า ตั้งแต่เกิดมา ผม บ่ เคยเห็นแม่หญิงคนใด จะใจคอเด็ดเดี่ยวกล้าหาญเหมือนเปิ้นเลย นี่ถ้า บ่ ได้เปิ้นช่วยเจ้าไว้ ป่านนี้... ”สล่าพันนิ่งไปนิดก่อนจะพูดต่อ “เลิกพูดเรื่อง บ่ เป็นมงคลเต๊อะเจ้า ผมสงสัยแต่ว่าไอ้เห่าตัวนั้นไปอยู่ในกระชุได้จะได จะว่าเปิ้นเคราะห์หามยามร้าย มันบังเอิญเข้าไปของมันเองก็ บ่ ได้ กระชุมันมีฝาปิดมิดชิดมันจะเข้าไปได้จะได แล้วทำไมมันจำเพาะจะต้องเป็นกระชุใบที่เจ้านางน้อยเปิ้นใช้ด้วย”
ศิริวงศ์มีแววตามั่นใจ
“มัน บ่ ใช้เรื่องบังเอิญดอกอ้าย...”
“เจ้า...เจ้าคิดว่ามีคนตั้งใจคิดร้ายเจ้านางน้อยก๊ะ นี่มันจะเอาให้ถึงตายเลยเน้อเจ้า”
“เฮาว่าอ้ายพันเองก็น่าจะเดา บ่ ยากดอกว่ามันเป็นผู้ใด”
สล่าพันหน้าเครียดไปทันที
ทางด้านคำเที่ยงมั่นใจว่า การกระทำครั้งนี้ต้องเป็นฝีมือของบัวเงินกับเม้ยแน่ๆ จึงพูดขึ้น ขณะที่เฝ้าดูอาการ
“บ่ ผิดดอก เจ้าริน เชื่อพี่เต๊อะ พี่เอาหัวเป็นประกันได้เลย ต้องเป็นมันแน่ๆ”
“พี่คำเที่ยง ปรักปรำใครอย่างนี้มันเป็นบาปเน้อ” มณีรินปราม
“แล้วเจ้ารินคิดว่า คนอย่างมันถึงถูกจับได้คาหนังคาเขา มันจะยอมฮับก๊ะ”
“เฮา บ่ เคยคิดจะเป็นศัตรูกับเปิ้น เปิ้นจะมาล้างเฮา ถึงขนาดจะฆ่าจะแทงทำไม”
“เจ้าริน ตุ๊เจ้าเปิ้นสอนไว้ว่าคนเฮา ถึงชาตินี้จะพอมีบุญได้เกิดเป็นคน แต่ที่มามันก็ต่างกันเน้อ บางคนก็มาจากที่ดีๆ บางคนมันก็มาจากนรกเป็นสัตว์จากนรกมาเกิด”
“พอเต๊อะพี่คำเที่ยง เฮาบ่ อยากฟัง”
“แต่วันนี้ มันคงจะจบแล้วละเจ้าริน เจ้ารินคง บ่ ฮู้ เจ้าหลวงเปิ้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เปิ้นจะสืบสาวราว เรื่อง เอาผิดมันหื้อได้”
มณีรินฟังอย่างกังวลใจ นึกรู้ว่าปัญหาต่างๆคงไม่จบลงง่ายๆ
+ + + + + + + + + + + +
ศิริวัฒนา เดินลิ่วๆนำทหารวังมาจนเกือบถึงเรือนบัวเงิน บัวเงินกำลังกินยา ศิริวัฒนากับทหารวัง ขึ้นบันไดบริวารต่างทรุดตัวลงรับเสด็จ เม้ยคลานเข้ามาหาบัวเงิน
“หม่อมกะเจ้า เจ้าเปิ้นมา”
“ผัวกูมาเยี่ยมกูก๊ะ”
“หม่อมอย่าทำสดชื่นนักนะเจ้า ตีหน้าเศร้าๆ ไว้ เจ้าเปิ้นจะได้สงสารนัก ๆ”
“กูยัง บ่ ได้มุ่นผม อีเม้ยมึงมุ่นผมให้กูก่อน”
ศิริวัฒนาผลักประตูเข้ามา หน้าเครียด บัวเงินยิ้มหวาน
“เจ้าอ้าย”
ทหารวังตามเข้ามาเต็มห้อง
“เอาตัวมันไป” ศิริวัฒนาสั่งเสียงเข้ม
รวดเร็วปานสายฟ้าแล่บ ทหารวังตรงเข้ามา ลากตัวเม้ยออกไปทันที
“อะหยัง...อะหยัง พวกมึงมาจับกูยะหยัง”
บัวเงินตกใจ
“หม่อมกะเจ้า ช่วยเม้ยด้วย”
เม้ยดิ้นรนขัดขืน แต่ก็สู้แรงไม่ได้ พวกทหารวังรวบแขนทั้งสองข้างของเม้ย ดึงตัวออกไป
“หม่อมกะเจ้า หม่อม”
บัวเงินตกใจหน้าซีด
+ + + + + + + + + + + +
ที่ลานหลังตึกคุ้มเจ้าหลวง เจ้าหลวงสอบสวนเม้ยเสียงเครียด
“มึงยอมรับมาซะดีๆ อีเม้ยว่ามึงเป็นคนเอางูไปใส่ในกระชุเจ้านางน้อยเปิ้น”
เม้ยคุกเข่า หมอบอยู่เบื้องหน้าเจ้าหลวงและพระชายา
“ข้าเจ้า บ่ ฮู้ บ่ หันอะหยังที้งนั้นเจ้าหลวง เมตตาข้าเจ้าด้วย ข้าเจ้าจะยะจะอั้นไปทำไม”
“กูต้องเป็นฝ่ายถามมึงมากกว่าว่ามึงชังเจ้านางน้อยเปิ้นด้วย เรื่องอะหยังถึงกับคิดปองร้ายเปิ้นถึงตายจะอี้”
บัวเงิน กับบริวารตาลีตาลานมาถึง
“ข้าเจ้า บ่ ฮู้ ข้าเจ้า บ่ ได้ยะจะอั้น จะให้ข้าเจ้าไปสาบานที่ไหนก็ได้ ขอให้ข้าเจ้าตกนรกหมกไหม้ บ่ ได้ผุดได้เกิด ข้าเจ้าก็ขอยืนยันว่าข้าเจ้า บ่ ฮู้ บ่หัน”เม้ยปฏิเสธพัลวัน
เจ้าหลวงยิ่งอึ้ง พระชายาทั้งเครียดทั้งอึดอัดไม่อยากอยู่ตรงนี้ ไม่อยากรับรู้สถานการณ์เช่นนี้เลย
“หม่อมกะเจ้า หม่อมช่วยเม้ยด้วย “เม้ยอ้อนวอน
“บ่ มีผู้ใดช่วยมึงได้ดอกอีเม้ย มึงเปิดปากพูดออกมา ใครเป็นคนสั่งให้มึงยะเรื่องอัปรีย์จะอี้” ศิริวัฒนาตวาด
บัวเงินกลั้นหายใจ หวาดกลัวอยู่เหมือนกัน
“ข้าเจ้าบ่ได้ยะแล้วจะให้ข้าเจ้ายอมรับได้จะได”
ศิริวัฒนาชี้หน้า
“มึงยังปากแข็ง มึงฮู้ก่อว่าโทษของมึงหนักหนาถึงขั้นตัดหัว”
“ข้าเจ้าบริสุทธิ์ ฟ้าดิน เทวดา อารักษ์เป็นพยานให้ข้าเจ้าด้วย”
“มึงบังอาจ อ้างเทวดาฟ้าดิน อีไพร่มึงอู้ออกมาเสียดีๆ ใครสั่งมึง” เจ้าหลวงตวาดลั่น
เม้ยอึกอัก
“หม่อมกะเจ้า...”
บัวเงินสะดุ้งเฮือก เย็นสั้นหลังวาบ
“หม่อมเป็นพยายยืนยันได้ว่าข้าเจ้าบริสุทธิ์”
ศิริวัฒนาโมโห
“มึงยังบังอาจ อ้างคนโน้นคนนี้เป็นพยานอีกก๊ะ อ้ายพัน เอาตัวไอ้คนสวนมันออกมา”
สล่าพัน ขยับออกมาพร้อมคนสวน
“อ้ายพันเปิ้นบอกว่า เปิ้นหันมึงนำลับๆ ล่อๆ อยู่ในสวน ก่อนจะเกิดเรื่อง มึงจะว่าจะได”
“นังเม้ย เอ็งยอมฮับมาเต๊อะว่างูเห่า ตัวที่เอ็งขอไปจากไอ้แสน เอ็ง บ่ ได้เอาผัดเผ็ดให้หม่อมเปิ้นกินดอก แต่เอ็งเอาไปใส่ไว้ในกระชุเจ้านางน้อยเปิ้น”สล่าพันถามเสียงแข็ง
เม้ยยังดื้อดันไม่ยอมรับ
“จะฆ่าจะแกง ข้าเจ้าก็เอาเต๊อะ ข้าเจ้า บ่ เสียดายชีวิตดอก ข้าเจ้าเกิดมามีกรรม ทำดี บ่ ได้ดี แถมยังถูกใส่ร้ายอีก”
“เฆี่ยนมัน จนกว่ามันจะยอมรับผิด”เจ้าหลวงสั่งอย่างโกรธเกรี้ยว
บัวเงินลุ้นแทบลืมหายใจ เม้ยถูกทหารวัง ดึงตัวออกไป
+ + + + + + + + + + + +
คำเที่ยงรู้เรื่องเม้ยถูกสอบสวนจากบริวาร ย้อนถามอย่างตื่นเต้น
“แต๊ก๊ะ”
“แต๊เอื้อย เจ้าหลวงเปิ้นสั่งหื้อเฆี่ยน บ่ ต้องนับ ถ้ามันยัง บ่ ยอมฮับ ก็เฆี่ยนหื้อตายคาหวาย”
“พุทโธ ธัมโม สังโฆ อย่าได้จองเวรกันเลยอีเม้ย”
มณีรินเดินออกมาได้ยินพอดี
“พี่คำเที่ยง”
คำเที่ยงสะดุ้ง
“เจ้ารินลุกออกมายะหยัง จะเอาอะหยังจะได บ่ ฮ้องพี่”
“ใครเฆี่ยนใคร”
“บ่ มีอะหยัง เจ้ารินอย่าไปสนใจเลย”
“เฮาได้ยินกับหู บอกเฮาเดี๋ยวนี้ เกิดเรื่องอะหยัง”
มณีรินถามอย่างร้อนใจ
ด้านเม้ย ถูกมัดมือโยงไว้กับต้นไม้ใหญ่ ทหารวังเฆี่ยนเม้ยด้วยหวายเฆี่ยนมาแล้วร่วมร้อย เลือดสาดกระจายเต็มหลังเม้ย บัวเงินสะดุ้งเฮือกทุกทีที่หวายลงกระทบเนื้อ พระชายาต้องเบือนหน้าหนี ความทารุณตรงหน้า
เม้ยน้ำตาไหลพรากๆ แต่มันกัดฟันแน่น ไม่ยอมร้องโอดครวญ เม้ยก้มหน้าส่งสายตายแห่งความจงรักภักดีไปทางบัวเงิน
บัวเงินน้ำตาร่วงเหมือนกัน เข้าใจภาษาทางสายตาที่มันส่งมา ทหารวังเฆี่ยนจนหมดแรงแขน สะบัดต้นแขน
“หลังมึงจะขาดอยู่รอมร่อ จะไดมึง บ่ ยอมฮับผิด” ศิริวัฒนาตะคอก
“ถ้าเจ้าคิดว่าข้าเจ้าทำผิด ก็เฆี่ยนข้าเจ้าให้ตายคาหวายเต๊อะ” เม้ยท้าทาย
ศิริวัฒนาโกรธ ตรงเข้ามาคว้าหวายไปจากมือทหารวัง แล้วลงมือเฆี่ยนเอง
“อีไพร่นี่มันปากแข็งนัก เจ้ารินเปิ้นยะอะหยังให้มึง เจ็บซ้ำน้ำใจนัก มึงถึงคิดร้ายเปิ้น”
ศิริวัฒนาเฆี่ยนๆ บัวเงินเบือนหน้าหนีความโหด ยิ่งปวดใจเมื่อได้ยินประโยคนั้น ศิริวงศ์รีบเข้ามาทันที
“เจ้าอ้าย...พอเต๊อะ นังเม้ยมันจะขาดใจตายแล้ว”
“เจ้าน้อย โตเกือบจะเอาชีวิต บ่ รอดก็เพราะมัน อีนี่มันกำเริบเสิบสาน บ่ ฮู้จักที่ต่ำที่สูงจะเลี้ยงไว้ได้จะได”
“เคราะห์ร้าย ก็ผ่านไปแล้ว น้องขอเต๊อะ มันอาจจะ บ่ ฮู้บ่หันแต๊อย่างที่มันอู้ก็ได้”
“อีไพร่นี่มันปากแข็ง อ้ายจะทำให้มันเปิดปากออกมาให้ได้ว่าใครบงการมัน”
เจ้าหลวงเข้ามาห้ามอีกคน
“พอก่อนเต๊อะ ศิริวัฒนา”เ จ้าหลวงหันมาหาเม้ย “อีเม้ยโอกาสสุดท้ายเป็นของมึง มึงจะอู้ความจริงออกมา หรือจะให้ต้องราดหลังมึงด้วยน้ำเกลือ”
บัวเงินซีดเผือด โหดยิ่งกว่าเฆี่ยนต่อเสียอีก เม้ยยังกัดฟันนิ่ง
“พวกมึง เอาน้ำเกลือมา” เจ้าหลวงสั่ง
พระชายาตกใจ
“เจ้าพี่...”
“น้องปิ๊กขึ้นตึกไปเต๊อะ อย่าต้องมาทนหันความตายอีไพร่นี่เลย”
ทหารยกถังน้ำเกลือเข้ามา ขณะกำลังจะสาดใส่หลังอีเม้ยเสียงมณีรินก็ดังขึ้น
“หยุดก่อนเน้อ...หยุดก่อน”
ทุกคนหันไปมอง มณีรินมากับคำเที่ยงและบริวาร
“เจ้าริน”
มณีรินตรงเข้ามาตรงหน้า เจ้าหลวง และ พระชายา หมอบกราบลงกับพื้น
“พระอาญาล้นเกล้า ล้นกระหม่อม ข้าเจ้า...มณีรินกราบแทบพระบาท ขออภัยโทษให้นังเม้ยเปิ้นด้วยเถิด”
ทุกคนนิ่งงัน เม้ยมองมณีรินอย่างไม่อยากจะเชื่อ บัวเงินค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง
“เจ้านางน้อย อีเม้ยมันยะความผิดครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก หนำซ้ำตัวมันเอง ก็ยังปากแข็ง บ่ ยอมฮับว่ามันผิด คนอย่างมันขืนยกโทษให้ก็จะเป็นเยี่ยงเป็นอย่างคนคิดชั่ว บ่ ฮู้จบ” เจ้าหลวงบอกเสียงแข็ง
“แต่ถ้าเปิ้น บ่ ได้ยะจะอั้นแต๊อย่างที่เปิ้นว่าก็เท่ากัน พ่อเจ้าลงอาญาคน บ่ มีความผิดเน้อกะเจ้า”
เจ้าหลวงนิ่งอึ้ง
“งูตัวนั้นมันอาจจะบังเอิญ เลื้อยเข้าไปอยู่ในกระชุนั้นเอง มันอาจจะเป็นเคราะห์กรรมของข้าเจ้า ของเจ้าน้อยศิริวงศ์เปิ้นเอง เพระเคยทำกรรมไว้กับงูตัวนั้นก็ได้ ถึงต้องมาหักมาล้างกันในชาตินี้ ข้าเจ้าขออโหสิกรรม ขอให้เวรกรรมทุกอย่างไม่ว่าจะกรรมหนัก กรรมเบาใด ๆ ที่ข้าเจ้าได้ยะลงไป ไม่ว่าจะตั้งใจหรือมิได้ตั้งใจ จงเลิกแล้วหมดสิ้นกันไปแต่ชาตินี้เต๊อะเจ้า”
เจ้าหลวงนิ่งงันไป สักครู่ก็สั่งทหาร
“ปลดมันลงมา”
ทหารปลดเชือกที่มัดมือออก เม้ยทรุดกองลงกับพื้น
“มึงอย่าคิดว่ามึงพ้นผิดครั้งนี้มึงรอดตายก็เพราะเจ้านางน้อย เปิ้นขอไว้ มึงต้องฮู้จักสำนึกบุญคุณเปิ้น มึงกราบตีนเปิ้นเดี๋ยวนี้อีเม้ย”
เม้ยค่อยๆประนมมือกราบลง ไม่ทันมีใครได้เห็นสายตาแท้ๆ ของมันที่ยังคงอาฆาต มณีรินรีบเข้ามาประคองเม้ย บัวเงินจ้องมองด้วยความชิงชัง
+ + + + + + + + + + + +
คำเที่ยงไม่ค่อยพอใจนักที่มณีรินไปช่วยเม้ย เมื่อกลับไปถึงเรือนก็บ่นทันที...
“เจ้ารินเน้อ เจ้าริน บ่ น่าไปช่วยมันเอาไว้เลย คนอย่างมัน บ่ เคยสำนึกบุญคุณผู้ใดดอก ซักวันมันจะกลายเป็นทำคุณบูชาโทษ เจ้าริน บ่ เชื่อก็คอยดู พิษมันฮ้ายกว่าพิษไอ้เห่าตัวนั้นอีก”
“พี่คำเที่ยง หมูหมา กาไก่ เฮายังละชีวิตมันได้เลยเน้อ แล้วจะไดคนด้วยกัน เฮาจะบ่ เมตตาเปิ้นล่ะ”
“มันจะเปิดปากพูดอยู่แล้วเชียวว่าใครใช้ไหว้วานมัน บ่ น่าเลย”
“ยัง บ่ ยอมหยุดพูดเรื่องนี้อีกก๊ะ”
“เอาเต๊อะ หยุดก็ได้ สาธุ ขอให้ใครก็ตามที่มันคิดฮ้ายต่อเจ้าริน เข็ดขยาดขี้แตก ขี้แตนทีเถิ้ด”
มณีรินยิ้มขำๆท่าทางของคำเที่ยง
+ + + + + + + + + + + +
เม้ยนอนคว่ำ ระบมสิ้นฤทธิ์ร้องครางฮือๆ บนหลังถูกโปะละเลงไว้ด้วยยาสมุนไพร บริวารโปะยา ให้แล้วก็ถอยออกไป บัวเงินนั่งนิ่งมองอยู่
“อีเม้ย...กูขอบใจ มึงนัก วันนี้กูเห็นน้ำใจ ของมึงกับตากูแล้ว กูจะ บ่ มีวันทอดทิ้งมึงดอก มึงทนเอาหน่อยเต๊อะ อีก บ่ กี่วันกายมึงก็หายเจ็บ แต่กูฮู้ ใจมึง บ่ มีวันหายเจ็บดอก ใจกูก็เหมือนมึงน่ะแหละ ซักวันเต๊อะ กูจะเอาคืนให้มึงหายแค้น เอาคืนให้มันเจ็บกว่าที่มึงเจ็บวันนี้ร้อยเท่าพันเท่า”
เม้ยตัวสั่นร้องคราง เพราะพิษแผล
“ลูกกูตายทั้งคน บ่ เห็นมันจะมาเหลียวแล ทีอีมณีรินยกย่องเชิดชูมันเข้าไป...อย่าให้ถึงวันของกูบ้างนะมึง...ไอ้แก่หัวหงอก”
บัวเงินบอกด้วยความแค้นอย่างที่สุด
+ + + + + + + + + + + +
มณีรินจัดสำรับอาหารเยี่ยมคนป่วยอยู่ คำเที่ยงเข้ามาถามอย่างไม่เข้าใจ
“เมื่อเช้าก็ถวายสำรับเจ้าหลวงกับแม่เจ้าเปิ้นไปแล้ว มื้อกลางวันจะได บ่ ปล่อยให้ห้องเครื่องตึกใหญ่เปิ้นยะ ถวายบ้างล่ะเจ้าริน”
“สำรับนี้ บ่ ได้ถวายเจ้าหลวงกับแม่เจ้าเปิ้น”
“อ้องั้นก็ถวาย เจ้าศิริวัฒนา”
“สำรับนี้ อาหารคนป่วยต่างหาก พี่คำเที่ยง”
คำเที่ยงอ้าปากค้าง
“ตั้งแต่เกิดเรื่อง เฮา บ่ ได้ไปเยี่ยมเปิ้นเลย เป็นจะไดพ่องก็ บ่ ฮู้”
คำเที่ยงพยายามจับพิรุธทางสายตาจากมณีริน
“ไปๆเรียกละอ่อนมายกไปเต๊อะ กว่าจะไปถึงตึกใหญ่ อาหารจะเย็นชืดเสียหมด”
“ละอ่อน เจ้ารินเปิ้นจะไปตึกใหญ่มาช่วยกันยกสำรับ โวยๆ”
บริวารขยับเข้ามาช่วยกัน มณีรินเดินนำออกมา จนถึงหัวบันไดก็ต้องชะงัก เมื่อคนป่วยที่เธอกำลังจะไปหา ยืนหล่อหน้าใสอยู่ตีนบันไดเสียแล้ว มณีรินเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง เหมือนเป็นภาพฝัน มณีรินห้ามใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงไม่ได้
“ลืมอะหยังเก๊าะ เจ้าริน”
คำเที่ยงยื่นหน้ายื่นตาออกมามอง จึงได้เห็น สล่าพันเดินตามหลัง ศิริวงศ์เข้ามา
“เจ้าน้อย...อ้ายพัน...มาได้จะได”
“เดินมา ตำหนักนี้ บ่ ได้ไกลขนาดต้องขี่ม้า นั่งเกวียนมาดอก” สล่าพันหัวเราะ
“บ่ ได้หมายความจะอั้น ก็เจ้ารินเปิ้นกำลังจะไปเยี่ยมเจ้าน้อยเปิ้นที่ตึกใหญ่อยู่เดี๋ยวนี้”
ศิริวงศ์ยิ้ม มณีรินหลบสายตา
+ + + + + + + + + + + +
ศิริวงศ์นั่งลงมุมหนึ่ง นิ่งเงียบ มณีรินก็นิ่งเงียบ นึกไม่ออกว่าจะพูดคุยอะไร ความปิติล้นอก คำเที่ยงได้แต่มองคนโน้นที คนนี้ที สล่าพันขยับตัว
“เสียดาย บ่ ได้เอาพิณติดมือมาด้วยเน้อเจ้า”
“เอามายะหยัง อ้ายพัน” คำเที่ยงถาม
“อ้าว...ก็เอามาดีดเป็นเสียงแทนคำพูดไง เจ้าชวนผมมาเยี่ยมเจ้านางน้อยเปิ้น แต่พอมาถึงเจ้า บ่ อู้อะหยังซักคำ ยังงี้รบกวนเวลาพักผ่อนเปิ้นเปล่าๆ ปิ๊กกันเต๊อะ”
“เจ้านางน้อยสบายดีแล้วก๊ะ”
“เจ้าน้อยหายดีแล้วก๊ะ”
ถึงเวลาพูด ทั้งคู่พูดออกมาพร้อมกัน แล้วต่างฝ่ายต่างเงียบรักษาท่าที
“เจ้ารินเปิ้นสบายดีแล้ว บ่จะอั้นก็คง บ่ ลุกขึ้นมาเตรียมสำรับจะไปเยี่ยมเจ้าน้อย ดอกเจ้า” คำเที่ยงเจื้อยแจ้ว
“แล้วยังมีอาการปวดหัว วิงเวียนอยู่ก่อครับ” สล่าพันถามบ้าง
คำเที่ยงตอบแทน
“บ่ มีแล้ว...ยาตำราครูบาน้อย เปิ้นดีนักขนาดแล้ว เจ้าน้อยเปิ้นกินข้าวได้นักก่อ”
“บ่ นักเท่าใด สองสามวันมานี่ เปิ้นผอมลงจนแก้มตอบ”
“จะอี้ก็ บ่ ได้ดีดพิณให้ผู้ใดฟังสิเนาะ”
สล่าพันมองหน้าคำเที่ยง
“เปิ้นก็อยู่กันตรงนี้ จะไดเฮามาอู้แทนเปิ้นเสียล่ะ”
“ก็นั่นน่ะสิ อ้ายพัน...เจ้าริน พี่จะออกไปดูละอ่อนมันจัดโต๊ะอาหารให้เจ้าเปิ้น ก่อนเน้อ”
“ผมจะออกไปช่วย คำเที่ยงเปิ้นเน้อครับเจ้า”
คำเที่ยงกับสล่าพันพากันออกไป มณีรินกับ ศิริวงศ์ ยังนิ่ง ต่างได้ยินแต่เสียงหัวใจเต้นของตัวเองดังอึกทึก
เมื่อสล่าพันเดินตามมา คำเที่ยงหันไปถามอย่างสงสัยเต็มที....
“อ้ายพัน...อ้ายเคยหันแม่หญิงคนฮักของเจ้าน้อยเปิ้นก๊ะ”
“บ่ เคยหัน”
“เปิ้นงามก่อ”
“บ่ ฮู้”
“บ่ ฮู้ได้จะได ก็อ้ายตัวหัว แขนขาแทบจะติดเป็นคนเดียวกับเจ้าเปิ้นไปไหนก็ไปด้วยกัน อ้ายต้องฮู้สิ”
“จะฮู้ได้จะได ก็เปิ้นยัง บ่ มี”
“อ้ายพันขี้จุ๊ เฮาบ่ เชื่อดอก ยัง บ่ มีได้จะได”
“โตก็ไปถามเปิ้นเอาเองก็แล้วกัน”
“เอ...หรือเปิ้นจะรอให้ เจ้าอ้ายของเปิ้นแต่งงานกับเจ้ารินของเฮา ให้เรียบร้อยก่อน เปิ้นถึงจะคิดมีคนฮักของเปิ้น”
“จะอั้นละมัง”
“สาธุ...ถ้าเปิ้นจะมีคนฮัก ก็ขอให้คนฮักของเปิ้นเป็นแม่หญิงที่งดงาม ดีพร้อมทุกอย่าง”
“อย่างผู้ใด...อย่างเจ้านางน้อยก๊ะ”
“แต๊” คำเที่ยงฉีกยิ้มกว้าง เมื่อสล่าพันชมมณีริน