เวลาอ้าปากพูดแล้วมีกลิ่นให้คนฟังชะงักถอยกรูด คนพูดก็ขายหน้า ไม่รู้จะเอาไปซ่อนไว้ที่ไหนดี ปัญหานี้จัดการไม่ง่ายนัก เพราะยังมีเบื้องหลังที่มาของกลิ่นเจ้ากรรม ที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดถึง เนื่องจากอาจจะไม่รู้ นักวิทยาศาสตร์จึงต้องศึกษาเรื่องนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะได้รู้เท่าทันสาเหตุที่อาจปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของยุคสมัย
ลองสำรวจดูว่า คุณเข้าข่ายข้อใดใน 13 ข้อข้างล่างนี้หรือเปล่า ถ้าใช่... กลิ่นเจ้าปัญหาก็จะยังวนเวียนอยู่กับคุณต่อไปนั่นแหละ
1.ไม่กินข้าวเช้า
นอนดึก ตื่นสาย รีบแปรงฟัน ข้าวเช้าไม่ต้อง รวบไปมื้อเที่ยง หรือแค่กาแฟแก้วเดียว นั่นคือพฤติกรรมของคนยุคใหม่ ที่ไม่สนใจการทำงานตามวงจรปกติของร่างกาย
ดังนั้น เมื่อไม่ได้กินอาหารเช้า ต่อมน้ำลายก็ไม่ได้รับการกระตุ้น ทำให้ปากแห้ง และเกิดกลิ่นปาก ถึงจะแปรงฟันบ้วนน้ำยาก่อนออกจากบ้าน แต่ลมหายใจจะไม่สดชื่น ถ้าไม่ได้กินอาหารเช้าเสียก่อน
2. กาแฟ ตัวดี
กาแฟไม่เพียงทิ้งคราบไว้ตามซอกปากซอกฟัน แต่เป็นที่มาของกลิ่นปากด้วย เพราะทำให้ปากแห้ง ยิ่งดื่มมากก็ยิ่งแย่ คอกาแฟควรพยายามลดปริมาณเหลือวันละ 1-2 แก้ว และดื่มน้ำเปล่าตาม 1-2 แก้วต่อทุกแก้วกาแฟที่ดื่ม เพื่อไม่ให้ปากแห้งจนเกินไป
3. แบคทีเรียตัวการ
อย่าเพิ่งแปลกใจ ในปากเรามีทั้งแบคทีเรียตัวดีและตัวไม่ดี ตัวไม่ดีนั้นเป็นตัวการของกลิ่นปาก นักวิทยาศาสตร์พบว่า เอช ไพลอริ (H. Pylori) เป็นแบคทีเรียตัวร้ายที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ที่ลิ้น
ฉะนั้น เวลาแปรงฟันต้องแปรงลิ้นด้วยทุกครั้ง ถ้าทำได้ แปรงวันละ 2-3 ครั้งเลย
4. หมากฝรั่งก็ร่วมสร้างปัญหาด้วย
หลายคนพกหมากฝรั่งไว้เคี้ยวหลังอาหาร หวังว่าจะช่วยให้ลมหายใจสดชื่น แต่เปล่าเลย เว้นเสียแต่หมากฝรั่งนั้นหวานด้วยไซลิทอล(Xylitol) งานวิจัยหลายชิ้นบอกว่า หมากฝรั่งประเภทซูการ์-ฟรี แต่เติมสารให้ความหวานชนิดนี้แทน จะทำให้ลมหายใจสดชื่น เพราะไซลิทอลช่วยป้องกันแบคทีเรียที่ทำให้ฟันผุและเกิดกลิ่นปาก
5. นั่นไง.. ลืมไหมขัดฟันใช่มั้ย?
ขยันแปรงฟันก็แล้ว บ้วนปากด้วยน้ำยาก็แล้ว ลดกาแฟก็แล้ว แต่ถ้ายังคงลืมใช้ไหมขัดฟันบ่อยๆ เศษอาหารที่ซ่อนลึกตามซอกหลืบจะทำให้เกิดกลิ่นอยู่ดีแหละ ลองเขียนใส่กระดาษแปะบนกระจกเตือนตัวเองให้ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน เพียง 3 อาทิตย์ ก็จะเกิดนิสัยติดไหมขัดฟันแล้ว พร้อมกับการหยุดกลิ่นปากได้สำเร็จ
6. หายใจทางปากพากลิ่นไม่ดีออกมา
บางคนหายใจทางจมูกไม่สะดวก จึงหายใจทางปากแทน ทำให้ติดนิสัยหายใจทางปากแม้ในเวลาที่หายใจทางจมูกได้ปกติ คนที่หายใจทางปากนานๆ ปากจะแห้ง และปากแห้งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดกลิ่นปาก คนที่ติดหายใจทางปาก จึงควรรีบกลับมาหายใจทางจมูกโดยด่วน
7. กินโปรตีนมากไป
อาหารที่อุดมด้วยโปรตีนเป็นที่นิยม เพราะอร่อยและช่วยให้อิ่มนาน แม้ว่าเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายก็จริง แต่บางทีอะไรที่ดีเกินไป ก็กลับไม่ดีเท่าไหร่ เพราะถ้าจำกัดคาร์โบไฮเดรต แล้วเพิ่มโปรตีน จะมีปัญหากับกลิ่นปากทันที เพราะอาหารประเภทนี้ทำให้กลิ่นปากแย่จริงๆ
ใครที่ลดน้ำหนักอยู่ แต่ไม่อยากมีกลิ่นปาก ควรพยายามกินอาหารให้สมดุล แล้วออกกำลังกายเพิ่ม จัดอาหารให้หลากหลาย ถ้ากินอยู่ชนิดเดียวนานๆ เป็นผลเสียแน่นอน ความ “พอเพียง” ใช้กับเรื่องการกินได้เหมาะเจาะมาก
8. ยารักษาโรคทางกาย แต่ทรมานทางใจ
คนที่กินยาเป็นประจำ ก็ทำให้เกิดกลิ่นปากได้ รู้อย่างนี้แล้วบางคนคงอยากหยุดการรักษา แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจอย่างนั้น ให้เคี้ยวหมากฝรั่งที่ใช้สารแทนความหวาน “ไซลิทอล” แทนน้ำตาล และดื่มน้ำมากๆ จะช่วยแก้ปัญหาได้ แค่หาขวดน้ำสวยๆ เหมาะมือ พกติดตัว จิบไปทั้งวันให้ได้สัก 2-3 ขวด นอกจากช่วยเรื่องกลิ่นปากแล้ว ยังช่วยการทำงานของร่างกายโดยรวมด้วย โดยเฉพาะไตที่มีหน้าที่กรองของเสีย
9. ดื่มกระชับสัมพันธ์ กลับทำร้ายกันด้วยกลิ่น
งานเลี้ยง งานกระชับมิตร งานผ่อนคลายหลังเลิกงาน มักไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่หลายแก้วจะตามมา พร้อมกับกลิ่นที่เป็นอาวุธตัดรอนความใกล้ชิดกับคนรอบข้าง
แอลกอฮอล์มีผลต่อการทำงานของต่อมน้ำลาย ทำให้ปากแห้ง ถ้าดื่มน้อยๆยังไม่เป็นปัญหาเท่าไร ทางสายกลาง คือรักษาความพอเพียงอย่างที่กล่าวไว้แล้ว ดื่มแค่พอหอมปากหอมคอก็พอ
10. กินผักผลไม้น้อยก็แย่
เด็กมักได้ยินผู้ใหญ่พูดเสมอว่า กินผักเยอะๆนะ จะได้แข็งแรง คำพูดนี้เป็นจริงแท้กับเรื่องกลิ่นปากด้วย ถ้ากินผักสดผลไม้น้อย ลมหายใจจะไม่เป็นมิตรด้วย
เหตุเพราะพวกผักสดผลไม้ช่วยกระตุ้นให้มีการผลิตน้ำลายเพิ่มขึ้นระหว่างเคี้ยวและย่อยอาหาร การเพิ่มน้ำลายจะช่วยขจัดแบคทีเรียในปากที่สร้างกลิ่นไม่พึงประสงค์
11. ท้องผูกบ่อยๆ ทำให้เกิดกลิ่นปากได้เหมือนกัน
เพราะคนที่ท้องผูกบ่อยๆ สารพิษในระบบย่อยตกค้างอยู่ในกระเพาะและลำไส้ ทำให้เกิดกลิ่นขึ้นมาถึงระบบทางเดินอาหารส่วนบน และออกมาทางปาก
วิธีแก้ท้องผูก นอกจากการดื่มน้ำให้พอ ออกกำลังกาย และกินอาหารมีกากใยแล้ว นมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์ช่วยย่อย ก็ช่วยได้เหมือนกันนะ
12. กลัวหมอมากกว่ากลิ่นปากหรือ
หลายคนไม่ได้ไปหาหมอฟัน เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้าไม่ไป คราบหินปูนจะสะสม หรือเกิดอักเสบติดเชื้อ ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปาก จึงควรจัดตารางในการพบหมอฟัน ให้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ต้องทำในชีวิต
13. อาจจะเป็นโรคบางอย่างก็ได้นะ
สุดท้ายแล้ว ก็ต้องเช็คดูว่าตัวเองเป็นโรคอะไรหรือเปล่า เพราะโรคหลายอย่างก็ก่อให้เกิดกลิ่นปาก ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ หรือทางเดินอาหารส่วนบน เช่น ไซนัสอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ โรคกรดไหลย้อน เป็นต้น อย่างการที่กรดไหลย้อนขึ้นมา ก็พากลิ่นอาหารในกระเพาะอาหารขึ้นมาด้วย
ทางที่ดีควรไปปรึกษาแพทย์ หาทางรักษาที่ต้นเหตุของโรค ก็จะช่วยกำจัดกลิ่นปากและกำจัดโรคไปด้วย
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 189 กันยายน 2559 โดย วิรีย์พร)
ลองสำรวจดูว่า คุณเข้าข่ายข้อใดใน 13 ข้อข้างล่างนี้หรือเปล่า ถ้าใช่... กลิ่นเจ้าปัญหาก็จะยังวนเวียนอยู่กับคุณต่อไปนั่นแหละ
1.ไม่กินข้าวเช้า
นอนดึก ตื่นสาย รีบแปรงฟัน ข้าวเช้าไม่ต้อง รวบไปมื้อเที่ยง หรือแค่กาแฟแก้วเดียว นั่นคือพฤติกรรมของคนยุคใหม่ ที่ไม่สนใจการทำงานตามวงจรปกติของร่างกาย
ดังนั้น เมื่อไม่ได้กินอาหารเช้า ต่อมน้ำลายก็ไม่ได้รับการกระตุ้น ทำให้ปากแห้ง และเกิดกลิ่นปาก ถึงจะแปรงฟันบ้วนน้ำยาก่อนออกจากบ้าน แต่ลมหายใจจะไม่สดชื่น ถ้าไม่ได้กินอาหารเช้าเสียก่อน
2. กาแฟ ตัวดี
กาแฟไม่เพียงทิ้งคราบไว้ตามซอกปากซอกฟัน แต่เป็นที่มาของกลิ่นปากด้วย เพราะทำให้ปากแห้ง ยิ่งดื่มมากก็ยิ่งแย่ คอกาแฟควรพยายามลดปริมาณเหลือวันละ 1-2 แก้ว และดื่มน้ำเปล่าตาม 1-2 แก้วต่อทุกแก้วกาแฟที่ดื่ม เพื่อไม่ให้ปากแห้งจนเกินไป
3. แบคทีเรียตัวการ
อย่าเพิ่งแปลกใจ ในปากเรามีทั้งแบคทีเรียตัวดีและตัวไม่ดี ตัวไม่ดีนั้นเป็นตัวการของกลิ่นปาก นักวิทยาศาสตร์พบว่า เอช ไพลอริ (H. Pylori) เป็นแบคทีเรียตัวร้ายที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ที่ลิ้น
ฉะนั้น เวลาแปรงฟันต้องแปรงลิ้นด้วยทุกครั้ง ถ้าทำได้ แปรงวันละ 2-3 ครั้งเลย
4. หมากฝรั่งก็ร่วมสร้างปัญหาด้วย
หลายคนพกหมากฝรั่งไว้เคี้ยวหลังอาหาร หวังว่าจะช่วยให้ลมหายใจสดชื่น แต่เปล่าเลย เว้นเสียแต่หมากฝรั่งนั้นหวานด้วยไซลิทอล(Xylitol) งานวิจัยหลายชิ้นบอกว่า หมากฝรั่งประเภทซูการ์-ฟรี แต่เติมสารให้ความหวานชนิดนี้แทน จะทำให้ลมหายใจสดชื่น เพราะไซลิทอลช่วยป้องกันแบคทีเรียที่ทำให้ฟันผุและเกิดกลิ่นปาก
5. นั่นไง.. ลืมไหมขัดฟันใช่มั้ย?
ขยันแปรงฟันก็แล้ว บ้วนปากด้วยน้ำยาก็แล้ว ลดกาแฟก็แล้ว แต่ถ้ายังคงลืมใช้ไหมขัดฟันบ่อยๆ เศษอาหารที่ซ่อนลึกตามซอกหลืบจะทำให้เกิดกลิ่นอยู่ดีแหละ ลองเขียนใส่กระดาษแปะบนกระจกเตือนตัวเองให้ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน เพียง 3 อาทิตย์ ก็จะเกิดนิสัยติดไหมขัดฟันแล้ว พร้อมกับการหยุดกลิ่นปากได้สำเร็จ
6. หายใจทางปากพากลิ่นไม่ดีออกมา
บางคนหายใจทางจมูกไม่สะดวก จึงหายใจทางปากแทน ทำให้ติดนิสัยหายใจทางปากแม้ในเวลาที่หายใจทางจมูกได้ปกติ คนที่หายใจทางปากนานๆ ปากจะแห้ง และปากแห้งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดกลิ่นปาก คนที่ติดหายใจทางปาก จึงควรรีบกลับมาหายใจทางจมูกโดยด่วน
7. กินโปรตีนมากไป
อาหารที่อุดมด้วยโปรตีนเป็นที่นิยม เพราะอร่อยและช่วยให้อิ่มนาน แม้ว่าเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายก็จริง แต่บางทีอะไรที่ดีเกินไป ก็กลับไม่ดีเท่าไหร่ เพราะถ้าจำกัดคาร์โบไฮเดรต แล้วเพิ่มโปรตีน จะมีปัญหากับกลิ่นปากทันที เพราะอาหารประเภทนี้ทำให้กลิ่นปากแย่จริงๆ
ใครที่ลดน้ำหนักอยู่ แต่ไม่อยากมีกลิ่นปาก ควรพยายามกินอาหารให้สมดุล แล้วออกกำลังกายเพิ่ม จัดอาหารให้หลากหลาย ถ้ากินอยู่ชนิดเดียวนานๆ เป็นผลเสียแน่นอน ความ “พอเพียง” ใช้กับเรื่องการกินได้เหมาะเจาะมาก
8. ยารักษาโรคทางกาย แต่ทรมานทางใจ
คนที่กินยาเป็นประจำ ก็ทำให้เกิดกลิ่นปากได้ รู้อย่างนี้แล้วบางคนคงอยากหยุดการรักษา แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจอย่างนั้น ให้เคี้ยวหมากฝรั่งที่ใช้สารแทนความหวาน “ไซลิทอล” แทนน้ำตาล และดื่มน้ำมากๆ จะช่วยแก้ปัญหาได้ แค่หาขวดน้ำสวยๆ เหมาะมือ พกติดตัว จิบไปทั้งวันให้ได้สัก 2-3 ขวด นอกจากช่วยเรื่องกลิ่นปากแล้ว ยังช่วยการทำงานของร่างกายโดยรวมด้วย โดยเฉพาะไตที่มีหน้าที่กรองของเสีย
9. ดื่มกระชับสัมพันธ์ กลับทำร้ายกันด้วยกลิ่น
งานเลี้ยง งานกระชับมิตร งานผ่อนคลายหลังเลิกงาน มักไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่หลายแก้วจะตามมา พร้อมกับกลิ่นที่เป็นอาวุธตัดรอนความใกล้ชิดกับคนรอบข้าง
แอลกอฮอล์มีผลต่อการทำงานของต่อมน้ำลาย ทำให้ปากแห้ง ถ้าดื่มน้อยๆยังไม่เป็นปัญหาเท่าไร ทางสายกลาง คือรักษาความพอเพียงอย่างที่กล่าวไว้แล้ว ดื่มแค่พอหอมปากหอมคอก็พอ
10. กินผักผลไม้น้อยก็แย่
เด็กมักได้ยินผู้ใหญ่พูดเสมอว่า กินผักเยอะๆนะ จะได้แข็งแรง คำพูดนี้เป็นจริงแท้กับเรื่องกลิ่นปากด้วย ถ้ากินผักสดผลไม้น้อย ลมหายใจจะไม่เป็นมิตรด้วย
เหตุเพราะพวกผักสดผลไม้ช่วยกระตุ้นให้มีการผลิตน้ำลายเพิ่มขึ้นระหว่างเคี้ยวและย่อยอาหาร การเพิ่มน้ำลายจะช่วยขจัดแบคทีเรียในปากที่สร้างกลิ่นไม่พึงประสงค์
11. ท้องผูกบ่อยๆ ทำให้เกิดกลิ่นปากได้เหมือนกัน
เพราะคนที่ท้องผูกบ่อยๆ สารพิษในระบบย่อยตกค้างอยู่ในกระเพาะและลำไส้ ทำให้เกิดกลิ่นขึ้นมาถึงระบบทางเดินอาหารส่วนบน และออกมาทางปาก
วิธีแก้ท้องผูก นอกจากการดื่มน้ำให้พอ ออกกำลังกาย และกินอาหารมีกากใยแล้ว นมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์ช่วยย่อย ก็ช่วยได้เหมือนกันนะ
12. กลัวหมอมากกว่ากลิ่นปากหรือ
หลายคนไม่ได้ไปหาหมอฟัน เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้าไม่ไป คราบหินปูนจะสะสม หรือเกิดอักเสบติดเชื้อ ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปาก จึงควรจัดตารางในการพบหมอฟัน ให้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ต้องทำในชีวิต
13. อาจจะเป็นโรคบางอย่างก็ได้นะ
สุดท้ายแล้ว ก็ต้องเช็คดูว่าตัวเองเป็นโรคอะไรหรือเปล่า เพราะโรคหลายอย่างก็ก่อให้เกิดกลิ่นปาก ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ หรือทางเดินอาหารส่วนบน เช่น ไซนัสอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ โรคกรดไหลย้อน เป็นต้น อย่างการที่กรดไหลย้อนขึ้นมา ก็พากลิ่นอาหารในกระเพาะอาหารขึ้นมาด้วย
ทางที่ดีควรไปปรึกษาแพทย์ หาทางรักษาที่ต้นเหตุของโรค ก็จะช่วยกำจัดกลิ่นปากและกำจัดโรคไปด้วย
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 189 กันยายน 2559 โดย วิรีย์พร)