xs
xsm
sm
md
lg

อย่าเชื่อคลิป “นวดพิสดาร” หวังสร้างราคา อันตรายถึงชีวิต ห่วงแอบอ้าง “หมอพื้นบ้าน” นวดสุขภาพเคลมรักษาได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สมาพันธ์แพทย์แผนไทยฯ ชี้ “นวดเปิดสมอง” เสี่ยงหินปูนอุดตันหลอดเลือดสมอง ทำอัมพาต - ตายได้ ห่วงอวดแพร่คลิป “นวดพิสดาร” สร้างราคาให้ตัวเอง อันตรายต่อวงการแพทย์แผนไทย ปลุกระดมสังคมช่วยปกป้อง หวั่นไปไม่ถึงมรดกโลก กรมแพทย์แผนไทยเตือนสติ 5 เรื่องก่อนนวด พิจารณา “หมอนวด” ให้ดี หวั่นคนแอบอ้างหมอพื้นบ้าน กลุ่มนวดเพื่อสุขภาพอวดอ้างรักษาโรคได้

จากกรณีการเผยแพร่คลิปการนวดเปิดประตูสมอง ที่มีการกดคอทั้งสองข้างพร้อมกัน จนทำให้ผู้ถูกนวดคอพับนิ่งไปพักหนึ่ง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่าเป็นอันตราย เพราะเป็นการปิดกั้นหลอดเลือดแดงใหญ่ที่ไปเลี้ยงสมอง อาจทำให้เสียชีวิตได้ และสมาพันธ์แพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทยออกมาชี้แจงว่าผิดหลักวิชาการนวดไทยนั้น

วันนี้ (11 ต.ค.) ในงานเสวนากรณีศึกษา “นวดเปิดสมอง : ของแท้หรือหลอกลวง” จัดโดยกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สภาการแพทย์แผนไทย สถาบันการศึกษาด้านการแพทย์แผนไทย และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) โดย ภก.ยงศักดิ์ ตันติปิฎก รองประธานสมาพันธ์แพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การนวดเปิดสมองดังกล่าวถือว่าผิดหลักวิชาการการนวดไทย ซึ่งตามภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาและมีการทำเป็นตำรับตำราในการสอน และผ่านการกลั่นกรองมาแล้วว่ามีความปลอดภัย ก็ชัดเจนว่า การนวดดังกล่าวเป็นจุดต้องห้าม เพราะหลอดเลือดแดงใหญ่คาโรติด อาเทอรี (Carotid Artery) บริเวณที่คอเป็นเส้นเลือดแดงที่ตรงจากหัวใจไปสู่สมอง หากกดบริเวณดังกล่าวจะทำให้ความดันโลหิตลดลง หน้ามืดตาลาย และหากกดเป็นเวลานานทำให้สมองขาดออกซิเจน ถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นความรู้พื้นฐานที่คนเรียนนวดต้องรู้ หรือแม้แต่คนเรียนศิลปะการต่อสู้ก็จะทราบว่าเป็นจุดอ่อนของร่างกาย ถ้าฟันเข้าไปแรง ๆ ตรงจุดนั้นทำให้หมดสติได้ทันที

“การนวดเปิดประตูสมองดังกล่าว เป็นการพยายามสร้างให้เห็นการนวดพิศดาร แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร เป็นการสร้างราคาให้ตัวเอง ทำให้คนแปลกใจ ทำแล้วน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ผู้รู้จะทราบว่าไม่สมควรทำ” ภก.ยงศักดิ์ กล่าวและว่า แม้แต่การแพทย์แผนปัจจุบันก็ทราบดีว่าเป็นจุดอันตราย เพราะมีจุดที่เรียกว่า แคโรติดไซนัส บนหลอดเลือดแดงดังกล่าว ซึ่งไวต่อการสัมผัสและการกดมาก ถ้าไปกดกระตุ้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทำให้อัตราการเต้นหัวใจและความดันเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็มีการนำไปใช้ประโยชน์ แต่ต้องทำโดยการคลึงเบา ๆ ทีละข้าง โดยผู้เชี่ยวชาญ และในห้องต้องมีเครื่องช่วยหายใจ เครื่องวัดความดัน และเครื่องช่วยชีวิต เพราะมีโอกาสผิดพลาดขึ้นมาได้ โดยยืนยันว่าไม่มีใครทำในการกดหลอดเลือดแดงพร้อมกันสองข้าง เพราะเป็นการบล็อกเลือดเลี้ยงสมองพร้อมกันทั้งสองข้าง

ภก.ยงศักดิ์ กล่าวว่า การนวดกดบริเวณหลอดเลือดแดงใหญ่ดังกล่าว ยังอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้อีก คือ คราบหินปูนที่เกาะอยู่บริเวณผนังหลอดเลือดอาจหลุดออก และเข้าไปอุดตันในเส้นเลือดสมองได้ เพราะเส้นเลือดดังกล่าวนำเลือดไปเลี้ยงสมอง หากอุดหลอดเลือดขนาดเล็กในสมองอาจทำให้เกิดอาการอัมพาตได้ และหากเข้าไปอุดตันในเส้นเลือดสำคัญก็อาจทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน จึงอยากจะฝากให้ทุกคนในสังคมช่วยกันดูแล โดยเฉพาะแพทย์แผนไทยที่จะต้องออกมาปกป้อง เมื่อพบเห็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะขณะนี้ประเทศไทยอยู่ระหว่างผลักดันการนวดไทยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ซึ่งหากมีการแอบอ้างการนวดไทยทำให้เกิดความเสียหายเช่นนี้ และไม่มีกระบวนการปกป้องดูแลวัฒนธรรมภูมิปัญญา อาจแสดงให้เห็นว่าสังคมไทยไม่พร้อมที่จะช่วยปกป้อง อาจทำให้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ได้

ทพ.อาคม ประดิษฐ์สุวรรณ ผอ.สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ สบส. กล่าวว่า การนวดจับเส้นเป็นการนวดเพื่อบำบัดรักษาโรคและฟื้นฟูสุขภาพ โดยใช้ศาสตร์นวดไทย จึงจัดเป็นการประกอบวิชาชีพการแพทยืแผนไทย ซึ่งตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 กำหนดให้ต้องขออนุญาตเป็นเป็นสถานพยาบาลและผู้ดำเนินการต้องขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทย หากกระทำโดยไม่มีใบประกอบวิชาชีพถือว่าผิดกฎหมาย ข้อหาเปิดสถานพยาบาลเถื่อนโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดข้อหาประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท ทั้งนี้ ปัจจุบันมีคลินิกการแพทย์แผนไทยขึ้นทะเบียนถูกต้องกับ สบส. จำนวน 804 แห่ง และคลินิกแพทย์แผนไทยประยุกต์จำนวน 109 แห่ง โดยยืนยันว่าการนวดเพื่อส่งเสริมสุขภาพ นวดผ่อนคลาย จึงเป้นการเปิดร้านเพื่อสุขภาพตาม พ.ร.บ. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 จึงไม่สามารถให้บริการรักษา จับเส้น และกดจุดได้

นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก  กล่าวว่า คนไทยสมัยนี้เสพข่าวเร็ว ทั้งที่น่ากลัวมาก จริงๆคนไทยต้องเรียนรู้ว่าอะไรที่รวดเร็วทันใจไม่ได้มีผลดีเลย ดังนั้น ก่อนการรับบริการนวดไทยอยากให้พิจารณา 5 เรื่อง คือ 1. ตัวผู้ให้บริการ หรือหมอนวด แบ่งเป็น สามกลุ่ม คือ หนึ่ง หมอนวดที่ร่ำเรียนสืบทอดภูมิปัญญา หรือหมอพื้นบ้าน โดยกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ได้ขึ้นทะเบียนหมอกลุ่มนี้  5 หมื่นกว่าคน ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ดูแลพี่น้องประชาชนในชุมชน การควบคุมอาจไม่สามารถใช้สภาวิชาชีพ หรือกฎหมายสถานพยาบาล แต่จะใช้ลักษณะการออกหลักเกณฑ์ในการดูแล โดยให้ทาง สสจ. และหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลของรัฐไปให้การดูแล  จากจุดนี้อาจมีกลุ่มที่ไปแอบอ้างได้ มีการโพสต์ในโซเชียลมีเดียอวดอ้างจำนวนมาก ซึ่งวงการวิชาชีพต้องมาคิดหากระบวนการป้องกัน

“สอง กลุ่มที่ฝึกอบรมการนวดมา เข้าหลักสูตรการอบรมนวดต่าง ๆ ทั้งนวดตัว นวดฝ่าเท้า และก็มาเปิดร้านนวด ตามกฎหมายจะต้องเป็นการบริการส่งเสริมสุขภาพเท่านั้น ไม่สามารถให้บริการนวดในลักษณะการรักษาได้ โดยคนกลุ่มนี้พบว่า เมื่อนวดไปสักพักเริ่มเห็นโอกาส และแอบฝึกฝนเอง ครูพักลักจำ และไปโฆษณาว่า ตัวเองนวดรักษาได้ จุดนี้อันตราย เพราะความรู้งู ๆ ปลา ๆ แต่อยากมานวดรักษา ซึ่งจะทำให้เสียหายมากต้องหาทางยับยั้ง และกำจัดออกจากระบบ มิเช่นนั้นแวดวงการแพทย์แผนไทยเสียหาย และสาม กลุ่มที่ได้ใบประกอบวิชาชีพแล้ว เรียกว่าหมอนวดเต็มตัว สามารถรักษา บำบัดอาการต่าง ๆ ได้ โดยหลักต้องผ่านการอบรมหลักสูตรอย่างน้อย 800 ชั่วโมง ต้องเรียนเป็นปี ๆ ต้องเรียนกายวิภาคศาสตร์ กล้ามเนื้อมีกี่มัด เส้นเลือด เส้นประสาทอยู่ตรงไหนต้องมีความรู้ ไม่ใช่ใครก็ได้ไปนวด” นพ.ขวัญชัย กล่าว

นพ.ขวัญชัย กล่าวว่า 2. พิจารณาสถานที่ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ เป็นการนวดส่งเสริมสุขภาพเท่านั้น ห้ามนวดบำบัดรักษาอาการ และอีกกลุ่มเป็นคลินิก หมอที่สอบใบประกอบวิชาชีพสามารถเปิดคลินิกนวด ทำหัตถเวชกรรมไปรักษาได้ แต่ต้องดูประกอบด้วยว่าการนวดนั้นมีความเสี่ยงมากหรือไม่ 3. พิจารณาตัวเองมีโรคประจำตัวอะไรที่เป็นข้อห้ามการนวดหรือไม่ อย่างมีประวัติกระดูกหัก ข้อหลุด เส้นเลือดแข็งตัว โป่งพอง เป็นข้อห้ามต้องบอกให้ข้อมูลด้วย เพื่อจะได้ระมัดระวังความปลอดภัย  4. ผู้ที่จะไปรับบริการนวดต้องมีองค์ความรู้ด้วย อย่างการนวดเปิดสมองเห็นชัดว่านวดแล้วทำให้สลบลงไป ต้องตระหนักว่าเป็นอันตราย อย่าเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง และ 5. ต้องรู้ถ้าเกิดปัญหาผลข้างเคียงเสียหาย จะไปร้องเรียนใคร ซึ่งสามารถร้องเรียนได้ที่สำนักสถานพยาบาลฯ หรือสอบถามกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ทั้งนี้ อยากฝากว่า ควรเลือกใช้บริการอย่างมีสติ มีเหตุผล มีข้อมูลเพียงพอ เพราะเป็นความปลอดภัย และเป็นสุขภาพในชีวิตเราเอง ไม่ใช่เชื่อแค่ที่ส่งต่อกันมา อย่างการรักษาอาการปวดหัว ไมเกรนต่าง ๆ ทั้งแพทย์แผนไทยและแผนปัจจุบันต่างก็มีวิธีที่ปลอดภัยกว่านวดเปิดประตูสมอง ซึ่งผิดหลักวิชาการ

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น